07 สิงหาคม 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 7/08/2023

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
การเกิดมาเป็น “คน” นั้นคุณต้อง #คนให้เป็น
ถ้าคุณคนไม่เป็นตัวคุณก็จะเสียชาติเกิดทันที
เพราะจิตวิญญาณคุณรับโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์
ซึ่งคุณจะเป็นมนุษย์ได้ด้วยวิธีการ “คน” เท่านั้น
 
ดังนั้น
หน้าที่ของพวกคุณทุกคนที่ได้รับโอกาสให้มาเกิด
ตั้งแต่ชาติแรกในระบบโลกเสรีภายในเอกภพแห่งนี้
นั่นคือต้องเรียนรู้ว่า
 
1.ต้องคนตนเองเพื่อให้เป็นมนุษย์ได้อย่างไร
2.คำว่าเป็นมนุษย์นั้นหมายความว่าอย่างไร
3.วิธีการคนเพื่อเป็นมนุษย์นั้นทำอย่างไร
4.ผลลัพธ์สุดท้ายของการคนนั้นคืออะไรบ้าง
5.คำว่า “เสียชาติเกิด” นั้นหมายความว่าอย่างไร
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
 
ทั้งการเรียนรู้และการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึง 5 ข้อนี้
จึงเป็นหน้าที่อย่างแท้จริงของ #คนชอบธรรม
จะต้อง “หาทำ” ด้วยการ “เรียนรู้” กันตลอดชีวิต
หมายถึงจะต้องเรียนรู้เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติธรรม
มิใช่ทำได้แค่เรียนเพื่อรู้โดยรู้กันแค่ “เปลือกนอก”
คือรู้เพื่อจำแล้วนำมาทำตามโดยรู้แค่ไหนทำแค่นั้น
นั่นคือจำมาทำและมุ่งทำตามทั้งที่ตนยังไม่เข้าใจ
ซึ่งเป็นการปฏิบัติทำแบบนกแก้วนกขุนทองเท่านั้น
จึงใช้คำว่า “ปฏิบัติธรรม” อย่างที่ใช้กันมาไม่ได้
 
วิธีการปฏิบัติของคนชอบธรรมที่ผ่านมาเน้นที่
การถือศีล ฟังธรรม ตักบาตร ถือบวช สวดมนต์
อธิษฐาน ภาวนา กรวดน้ำ ทำบุญ สุนทาน ไปวัด
เดินจงกรม นั่งกรรมฐานหรือปฏิบัติเท็คนิกสมาธิ
ส่วนใหญ่จะวนเวียนอยู่กับวัตรปฏิบัติที่ว่านี้ทั้งสิ้น
เมื่อทำแล้วทุกครั้งก็จะมีการร้องขอสิ่งตอบแทน
บางครั้งก็ทำแบบต้องการ “สิ่งแลกเปลี่ยน”
บ่อยครั้งก็ทำแบบมีเงื่อนไขกันอีกต่างหากด้วย
 
ตัวอย่างการกระทำโดยร้องขอ #สิ่งตอบแทน
บางครั้งบางคนทำบุญชาตินี้ต้องการสนองชาตินี้
บางครั้งบางคนทำชาตินี้ต้องการให้สนองชาติหน้า
บางครั้งบางคนกระทำแบบทำบุญเบื้องล่าง
เพื่อเอาไปสร้างทิพยวิมานบนสวรรค์มายาเบื้องบน
สร้างไว้รอจิตวิญญาณตนเมื่อตายไปจากโลกนี้แล้ว
บางครั้งบางคนก็กระทำแบบทำบุญหลายหน
เพื่อสะสมบุญกุศลไว้หลายๆครั้งหวังจะได้บุญมาก
เพราะเชื่อว่าสะสมบุญมากๆจะมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่
 
ตัวอย่างการกระทำโดยร้องขอ #สิ่งแลกเปลี่ยน
จะอยู่ในลักษณะของ “การบนบานสานกล่าว”
ด้วยวิธีการทำบุญแบบ “เซ่นวักตั๊กแตน” นั่นแหละ
ซึ่งส่วนใหญ่จะปฏิบัติกับสิ่งที่ตนเรียกว่า #เทพเจ้า
หรือสิ่งใดก็ตามที่ตามองไม่เห็นแต่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์
เชื่อว่ามากมีอิทธิฤทธิ์ที่เขาสามารถตอบสนองตนได้
โดยถวายหัวหมูเป็ดไก่ขนมนมเนยคาวหวานดอกไม้
เพื่อทำการเซ่นไหว้แสดงความเคารพนบน้อมบูชา
มีเงื่อนไขว่าถ้าเขาช่วยให้ตนสำเร็จในสิ่งที่หวังแล้ว
จะทำแบบนั้นแบบนี้ตอบแทนเขาแน่นอน
 
ตัวอย่างการกระทำเพื่อหวังผลยังมีอีกแบบหนึ่งก็คือ
การลั่นวาจาเพื่อกล่าว “อนุโมทนาสาธุ” ร่วมบุญกัน
ทันทีที่รู้เห็นการกระทำบุญสุนทานของบุคคลอื่นๆ
โดยหวังว่าตนจะได้กุศลผลบุญนั้นตามเขาไปด้วย
ซึ่งเป็นการสร้างบุญโดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
 
คำว่า “ลงทุน” มิได้หมายถึงการให้ข้าวของเงินทอง
แต่เราหมายถึง #การสั่นสะเทือนทางจิตสามนึก
อันประกอบด้วยสามตัวนึกคือ นึกออก นึกเอา นึกเอง
เพื่อการกระทำความดีงามที่เรียกว่า “ทำบุญสุนทาน”
ตามแบบอย่างที่ชาวบ้านเขานิยมกล่าวกันนั่นแหละ
เพราะมนุษย์มีจิตหยาบใช้ทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณ
พระเจ้าจึงทรงออกแบบให้พวกคุณใช้จิตสามนึก
ทำการขับเคลื่อน “ขันธ์ห้า” ให้เกิดเป็นมโนกรรม
เพื่อขับเคลื่อนวจีกรรมและกายกรรมต่างๆออกมา
แบบที่เรียกว่า #จิตเป็นนาย #กายเป็นบ่าว นั่นเอง
 
การทำบุญสุนทานซึ่งเป็นการกระทำที่ดีงามก็เช่นกัน
หลักการก็คือคุณทุกคนจะต้องเริ่มต้นกระทำที่ตนเอง
เมื่อตนเองเริ่มเองแล้วจะต้องให้มันสิ้นสุดที่ตนเองด้วย
ในแบบที่เรียกว่า “เริ่มต้นที่ตนเอง” มิใช่ให้คนอื่นเริ่ม
เมื่อตนเองเป็นผู้ดำริเริ่มด้วยจิตสามตัวนึกดังกล่าวแล้ว
ตนก็จักต้องเป็นผู้กระทำตามสิ่งที่นึกได้นึกไว้นั้นด้วย
มันจึงจะเป็นหลักการของมนุษย์ที่ถูกต้องถ่องแท้ได้
 
การนั่งอนุโมทนาสาธุตามการทำความดีงามของผู้อื่น
เราจึงกล่าวว่าเป็นการทำดีหรือทำบุญแบบไม่ลงทุน
การสร้างกุศลผลบุญด้วยวิธีนี้จึงเป็นวิธีทำที่ไม่ถูกต้อง
เพราะไม่ได้ใช้ “จิตสามนึก” ตนเองเริ่มต้นและสิ้นสุด
เป็นเพียงแค่ก้าวตามคนอื่นเพราะอยากได้บุญเท่านั้น
กุศลผลบุญที่เกิดขึ้นทั้งในมิติโลกและจิตวิญญาณ
จึงเป็นบุญที่ไม่บริสุทธิ์และเป็นพลังงานที่ไม่สะอาด
ซึ่งโลกจะใช้ประโยชน์เพื่อช่วยค้ำจุนความสมดุลมิได้
 
ด้วยเหตุนี้เอง
เพราะพวกคุณทำบุญหรือทำความดีงามไม่เป็น
โลกจึงเสียสมดุลในสองมิติมากขึ้นเรื่อยๆตลอดมา
การเสียสมดุลในมิติโลกก็คือการทำเลาะเบาะแว้ง
การแก่งแย่งชิงผลประโยชน์กันด้วยการศึกสงคราม
การเกิดแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิดการเกิดพายุรุนแรง
การเกิดดินฟ้าอากาศวิปริตผิดฤดูกาล
การเกิดคลื่นความร้อนและคลื่นอากาศหนาวเย็น
การเกิดก๊าซเรือนกระจกจนก่อภาวะโลกร้อน
การขาดแคลนก๊าซออกซิเจนทั้งในน้ำและอากาศ
การเสียสมดุลของโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก
การเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองด้วยอัตราเร็วไม่สม่ำเสมอ
ฯลฯ
 
การเสียสมดุลในมิติทางพลังงานของโลกก็คือ
การขาดพลังงานสะอาดที่จะใช้จุดระเบิดที่แกนโลก
พลังงานสะอาดที่โลกต้องการก็คือพลังงานความรัก
ที่ผลิตจากขันธ์ห้าของจิตหยาบของมนุษย์ทุกคน
โดยสั่นสะเทือนเป็น “รักเพื่อให้” ไร้คุณสมบัติกรรม
ซึ่งเป็นการ #ปฏิบัติธรรม มิใช่แค่การ #ปฏิบัติทำ
 
เพราะวิธีการปฏิบัติทำของพวกคุณที่ผ่านมา
เป็นการทำความดีงามหรือเป็นการทำบุญกุศล
เพื่อตนเองและพวกพ้องของตนเท่านั้นเอง
มิได้ทำความดีงามหรือทำบุญกุศลเพื่อโลกเลย
ถ้าเป็นการทำเพื่อโลกคุณต้องทำบุญอีกแบบหนึ่ง
นั่นคือทำโดยไม่หวังผลตอบแทนทำโดยไม่ร้องขอ
ทำบุญกุศลด้วยการไม่กระทำเพื่อสั่งสมบุญกุศลนั้น
ต้องทำบุญทำกุศลโดยไม่มีเงื่อนไขแลกเปลี่ยน
พฤติกรรมการทำบุญหรือทำดีในแบบที่ว่านี้
ผลกรรมทางพลังงานที่เกิดขึ้นโดยตามองไม่เห็นนั้น
เป็น #พลังงานไม่สะอาด ที่โลกจะใช้ประโยชน์มิได้
 
พวกคุณจึงต้องเปลี่ยนวิธีคิดเปลี่ยนการกระทำ
ด้วยการเปลี่ยนจากความเชื่อแบบเดิมอย่างสิ้นเชิง
โดยหันมาใช้มรรควิถีจิตจักรวาลที่เราแนะเน้นมานี้
ให้หันมาทำบุญสุนทานหรือทำความดีงามทุกแบบ
ด้วยการเริ่มต้นสั่นสะเทือนที่ “จิตสามนึกของตนเอง”
แล้วแสดงออกซึ่งพฤติกรรมที่ดีงามนั้นด้วยตนเอง
โดยไม่คอยอนุโมทนาสาธุแบบ #ยักบุญ ใครอื่นอีก
ถ้าทำเช่นนี้ได้จริงจึงจะเรียกว่าเป็นการปฏิบัติธรรม
 
หากพวกคุณเรียนรู้ความจริงนี้แล้ว
สามารถนำไปสู่การปฏิบัติธรรมแทนการปฏิบัติทำได้
โลกจะไม่เสียสมดุลจนต้องทำสงครามกับพิบัติภัย
ที่นับวันจะวิกฤตรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆกันต่อไปอีก
อันเกิดจากโลกเสียสมดุลในสองมิติที่กล่าวมานั้น
คงจะมีภัยพิบัติอันเกิดจากการชำระโลกของพระเจ้า
ตามแผนการของพระองค์แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ซึ่งทรงวางแผนการเอาไว้อย่างดีแล้ว
 
แผนการชำระโลกเพื่อเปลี่ยนยุคที่วางแผนไว้ดีแล้ว
หมายถึงการพิพากษาผู้ที่จะทรงคัดไว้ให้เป็นผู้รอด
กับพิพากษาผู้ที่จะถูกคัดทิ้งออกไปจากระบบโลก
ด้วยกรรมด้วยกาละและด้วยเทศะคือสถานที่ชำระ
กำหนดเอาไว้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมล่วงหน้าแล้ว
ซึ่งกฎเกณฑ์หลักการคัดทิ้งหรือคัดไว้ของพระองค์
เราจะเผยให้รู้ในโอกาสต่อไป
 
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
 
ปัญญาวิสุทธิ์
7/08/2566