28 กุมภาพันธ์ 2565

ตอบคำถาม: 28/02/2022

คุณสมกิจ รวยเต็มหัตถ์
ขอท่านอาจารย์โปรดชี้แนะขยายความ
เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องด้วยครับ

#ยอห์น 16:
#พระราชกิจของพระวิญญาณบริสุทธิ์


#Question:
5.บัดนี้เรากำลังจะไปหาพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา
กระนั้นก็ไม่มีใครสักคนในพวกท่านที่ถามเราว่า
พระองค์กำลังจะเสด็จไปไหน?’

#Answer:
พระเยซูกล่าวต่อสานุศิษย์ว่า
ขณะนี้พระจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์
จะต้องเดินทางออกไปจากโลกและเอกภพ
เพื่อที่จะกลับไปกราบพระบาทพระบิดาฯ
พระผู้ทรงประทานโอกาสให้
พระจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์
ข้ามมิติเข้ามาสู่การเกิดเป็นมนุษย์บนโลกเสรีนั้น

แต่ไม่มีผู้ใดสักคนในหมู่สานุศิษย์
ทูลถามพระองค์เลยว่าพระองค์จะเสด็จไปที่ไหน

#Question:
6.เพราะเราได้บอก
สิ่งเหล่านี้แก่พวกท่านไว้แล้ว
พวกท่านจึงเต็มไปด้วยความทุกข์โศก

#Answer:
พระองค์ทรงทราบดีว่า
สาเหตุที่ไม่มีผู้ใดทูลถามพระองค์นั้น
เป็นเพราะว่าทุกคนมัวแต่เศร้าโศกกันอยู่

#Question:
7.แต่เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า
การที่เราจะจากพวกท่านไป
ก็เพื่อผลดีของพวกท่าน
ถ้าเราไม่ไปองค์ที่ปรึกษาก็จะไม่มาหาพวกท่าน
แต่ถ้าเราไปเราจะส่งพระองค์มาหาพวกท่าน

#Answer:
พระเยซูจึงตรัสความจริงต่อพวกเขาว่า
การที่พระองค์จะต้องจากพวกเขาไปนั้น
ก็เพื่อผลดีของพวกเขาทั้งหลายนั่นเอง

เพราะถ้าพระองค์ไม่เสด็จกลับไป
องค์พระผู้ช่วยก็จะเสด็จมาจากพระบิดาฯ
เข้ามาจุติเป็นมนุษย์เพื่อมาหาพวกเขาไม่ได้

#Question:
8.เมื่อพระองค์เสด็จมาพระองค์จะทรงทำให้โลก
สำนึกในความผิดในเรื่องบาป
ความชอบธรรม และการพิพากษา
9.ในเรื่องบาปก็เพราะมนุษย์ไม่เชื่อในเรา
10.ในเรื่องความชอบธรรมก็เพราะเรา
กำลังจะไปหาพระบิดาในที่ซึ่งพวกท่าน
ไม่สามารถเห็นเราอีกต่อไป
11.และในเรื่องการพิพากษา
เพราะบัดนี้ผู้ครองโลกนี้ถูกพิพากษาลงโทษแล้ว

Answer:
เมื่อพระจิตวิญญาณแห่งองค์พระผู้ช่วยเสด็จมา
พระองค์จะทรงทำให้มนุษย์โลกสำนึกในผิดบาป
จากการไม่เชื่อในพระบิดาและไม่ศรัทธาองค์เยซู

พระองค์ยังจะทรงช่วยให้มนุษย์รู้ความจริงว่า
พระจิตวิญญาณบริสุทธิ์ขององค์พระเยซูนั้น
ได้เสด็จกลับไปกราบพระบาทพระบิดาฯ
ในที่ซึ่งมนุษย์ทั้งหลายและพวกเขาทุกคน
จะไม่สามารถแลเห็นพระองค์ได้อีกต่อไป
เพราะพระเยซูทรงหลุดพ้นออกไปแล้ว

นอกจากนั้นองค์พระผู้เสด็จมา
จะทรงประกาศเรื่องพระบิดาทรงพิพากษาโลก
เพื่อชำระมนุษย์กับโลกก่อนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่
โดยเฉพาะมอดมารที่ยึดครองโลกอยู่พร้อมบริวาร
จะถูกพิพากษาด้วยการชำระทิ้งเสียทั้งหมด

#Question:
12.ยังมีอีกมากที่เราจะกล่าวกับพวกท่าน
มากเกินกว่าที่พวกท่านจะรับได้ในตอนนี้
13.แต่เมื่อพระวิญญาณแห่งความจริงเสด็จมา
พระองค์จะทรงนำพวกท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล
พระองค์จะไม่ตรัสโดยลำพังพระองค์เอง
แต่จะตรัสเฉพาะสิ่งที่ทรงได้ยิน
และจะทรงแจ้งแก่พวกท่านถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้น

#Answer:
พระเยซูยังตรัสต่อสานุศิษย์ด้วยว่า
ยังมีสิ่งต่างๆอีกมากมาย
ที่มันมากเกินกว่าพวกเขาจะรับได้ในขณะนั้น
แต่เมื่อพระจิตวิญญาณแห่งความจริง
เสด็จมาจุติยังโลกเสรีนี้เรียบร้อยแล้ว
พระองค์ก็จะทรงกล่าวความจริงทั้งหมด
ที่องค์พระเยซูเองยังมิได้กล่าวไว้ให้โลกรู้

โดยที่พระองค์ผู้ที่จะเสด็จมานั้น
จะทรงกล่าวความจริงต่อมวลมนุษย์โลก
ในพระนามของพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ด้วยวิธีการสื่อสารทางจิตกับพระบิดาฯ
จะทรงกล่าวตามที่รับสื่อจากพระบิดาฯเท่านั้น
อีกทั้งพระองค์จะทรงเมตตาแจ้งข่าวสาร
รวมทั้งเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อมนุษย์กับโลก
ให้ทุกคนได้รับรู้รับทราบกันล่วงหน้าด้วย
#Question:
14 พระองค์จะทรงนำเกียรติสิริมาให้เรา
โดยการนำสิ่งที่เป็นของเรามาสำแดงแก่พวกท่าน
15 ทุกสิ่งที่เป็นของพระบิดาก็เป็นของเรา
ฉะนั้นเราจึงกล่าวว่าพระวิญญาณ
จะทรงนำสิ่งที่เป็นของเรามาสำแดงแก่พวกท่าน
16 อีกไม่นานท่านจะไม่เห็นเรา
และจากนั้นไม่นานท่านจะเห็นเรา”

ความทุกข์โศกของเหล่าสาวก
จะกลับกลายเป็นความยินดี

#Answer:
พระเยซูทรงตรัสต่อสาวกของพระองค์อีกว่า
พระจิตวิญญาณแห่งความจริงที่จะเสด็จมาจุตินี้
จะทรงนำเกียรติสิริของพระเยซูเองมาสู่โลก
โดยจะทรงกล่าวความจริงที่รับสื่อจากพระบิดา
เหมือนกับที่พระองค์ทรงรับสื่อมากล่าวไว้เช่นกัน

พระเยซูทรงกล่าวต่อสาวกของพระองค์อีกว่า
ทุกสิ่งที่เป็นของพระบิดาที่ทรงรับสื่อมานั้น
ก็เสมือนเป็นของพระองค์นั่นเอง
พระองค์จึงทรงกล่าวว่าพระวิญญาณที่จะมาจุติ
จะทรงนำสิ่งที่เป็นของพระองค์มาแสดงต่อมนุษย์
ดังได้กล่าวมาข้างต้นนั้น

พระเยซูทรงกล่าวอีกว่า
เมื่อพระองค์ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว
จะไม่มีใครในอนันตจักรวาลแลเห็นพระองค์อีก
เพราะพระจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์นั้น
ได้เสด็จกลับคืนสู่พระบิดาในสภาวะหลุดพ้นแล้ว

เมื่อกาลเวลาโลกผ่านไปอีกไม่นานนัก
มนุษย์โลกทั้งหลายก็จะได้แลเห็นพระองค์อีก
เพราะพระองค์จะเสด็จกลับมาจุติยังโลกนี้อีกครั้ง
ความทุกข์โศกเศร้าของเหล่าสาวกทั้งหลาย
ก็จะกลับกลายเป็นความปิติยินดี
#Question:
20เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า
พวกท่านจะร้องไห้คร่ำครวญขณะที่โลกเปรมปรีดิ์
พวกท่านจะทุกข์โศก
แต่ความทุกข์โศกของพวกท่าน
จะกลับกลายเป็นความชื่นชมยินดี

21ผู้หญิงที่จะคลอดลูกย่อมเจ็บปวด
เพราะถึงกำหนดแล้ว
แต่เมื่อทารกคลอดออกมา
นางก็ลืมความเจ็บปวดทรมานเพราะชื่นชมยินดี
ที่เด็กคนหนึ่งได้เกิดมาในโลก
22พวกท่านก็เช่นกัน
ขณะนี้คือเวลาทุกข์โศกของพวกท่าน
แต่เราจะมาหาพวกท่านอีก
และพวกท่านจะชื่นชมยินดี
จะไม่มีใครเอาความชื่นชมยินดี
ของพวกท่านไปได้

23ในวันนั้นพวกท่านจะไม่ถามอะไรเราอีก
เราบอกความจริงแก่พวกท่านว่า
สิ่งใดที่พวกท่านขอในนามของเรา
พระบิดาจะประทานแก่พวกท่าน
24จนถึงบัดนี้พวกท่านยังไม่ได้ขอสิ่งใด
ในนามของเราเลย
จงขอเถิดแล้วพวกท่านจะได้
และความชื่นชมยินดีของพวกท่านจะเต็มบริบูรณ์

#Answer:
พระเยซูทรงกล่าวปลอบใจสาวกของพระองค์ว่า
ขณะที่พวกเขากำลังร้องไห้โศกเศร้าเสียใจนั้น
พี่ๆน้องๆชาวโลกคนอื่นๆเขามีความสุขกันอยู่
จงอย่าโศกเศร้าเสียใจกันอีกเลย
เพราะอีกไม่นานเมื่อพระองค์เสด็จกลับมา
ความทุกข์โศกของสาวกของพระองค์นั้น
มันจะกลับกลายเป็นความชื่นชมยินดีอยู่แล้ว

ผู้หญิงท้องแก่ย่อมเจ็บปวดเมื่อถึงกำหนดคลอด
แต่เมื่อบุตรคลอดออกมาแล้วนางก็จะลืมเจ็บปวด
เพราะชื่นชมยินดีที่บุตรของตนได้เกิดมาบนโลก

ประดาสาวกของพระองค์ก็มิต่างกัน
ขณะนั้นก็กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งทุกข์โศก
แต่ในอีกไม่นานเมื่อพระองค์เสด็จกลับมาแล้ว
พวกเขาทั้งหลายก็จะชื่นชมยินดีได้อีกเช่นกัน
โดยจะไม่มีใครเอาความชื่นชมยินดีนั้นไปได้
ซึ่งในวันนั้นก็จะไม่มีใครถามอะไรพระองค์อีก
เพราะทุกคนกำลังมีความปิติยินดีกันอยู่นั่นเอง

เมื่อพระองค์เสด็จกลับไปกราบพระบิดาแล้ว
สาวกที่เชื่อมั่นพระบิดาศรัทธาในพระองค์
จะร้องขอสิ่งใดจากพระบิดาในนามของพระองค์
พระบิดาก็จะทรงประทานสิ่งนั้นให้แก่พวกเขา
แม้องค์พระเยซูจะมิได้ประทับอยู่บนโลกนี้แล้ว

พระเยซูกล่าวต่อสาวกของพระองค์ว่า
ขณะนั้นยังไม่มีใครขอสิ่งใดในนามพระองค์เลย
จึงได้เชิญชวนให้พวกเขาร้องขอต่อพระบิดา
โดยทรงยืนยันว่าถ้าร้องขอแล้วพวกเขาก็จะได้
เพื่อพิสูจน์ว่าทุกสิ่งที่ทรงกล่าวมาเป็นความจริง
จะได้เติมเต็มความชื่นชมยินดีให้แก่พวกเขา
จากการที่พระองค์จะต้องทรงจากไปในครั้งนั้น

#Question:
25แม้เราเคยพูด
เป็นโวหารเปรียบเทียบมาตลอด
แต่อีกไม่นานเราจะไม่ใช้ภาษาแบบนี้อีกต่อไป
แต่เราจะบอกพวกท่านตรงๆ
เกี่ยวกับพระบิดาของเรา

26ในวันนั้น
พวกท่านจะทูลขอพระบิดาในนามของเรา
เราไม่ได้พูดว่าเราจะทูลขอพระบิดาแทนพวกท่าน
27เปล่าเลย พระบิดาเองทรงรักพวกท่าน
เพราะพวกท่านรักเราและเชื่อว่า
เรามาจากพระเจ้า
28เรามาจากพระบิดาและเข้ามาในโลก
บัดนี้เรากำลังจะไปจากโลก
และกลับไปหาพระบิดา”


#Answer:
พระองค์ทรงตรัสว่า
ในอดีตกาลนั้นพระองค์ทรงกล่าวสอน
เป็นโวหารเปรียบเทียบมาตลอด
ถ้าพระองค์เสด็จกลับมายังโลกนี้อีกครั้ง
จะไม่ทรงกล่าวเป็นภาษาแบบเดิมอีก

พระองค์จะทรงสื่อพระโอวาทจากพระบิดา
ด้วยคำกล่าวตรงๆที่คิดเข้าใจง่ายเกี่ยวกับทุกสิ่ง
ที่พระบิดาจะทรงสื่อผ่านพระองค์มาสู่โลก

เมื่อพระองค์เสด็จกลับมาแล้ว
พระองค์จะทรงชี้แนะให้มนุษย์ทั้งหลาย
ทูลขอพระพรจากพระบิดาในนามของพระองค์
ด้วยการทำสามเหลี่ยมกับพระบิดา
ผ่านมาทางพระองค์ด้วยตนเอง
มิใช่ให้พระองค์ทูลขอจากพระบิดามาให้อีกแล้ว

เพียงแค่ทุกคนรักพระองค์ที่จะเสด็จกลับมา
และเชื่อมั่นว่าพระองค์เป็นผู้มาจากพระเจ้าจริง
การทำสามเหลี่ยมดังกล่าวก็จะศักดิ์สิทธิ์เอง

พระเยซูทรงกล่าวว่า
เพราะพระองค์มาจากพระบิดาและเข้ามายังโลก
พระองค์จึงกำลังจะไปจากโลก
เพื่อกลับไปหาพระบิดา

#Question:
29แล้วเหล่าสาวกของพระเยซูจึงทูลว่า
บัดนี้พระองค์ตรัสตรงๆ
โดยไม่มีโวหารเปรียบเทียบ
30เดี๋ยวนี้พวกข้าพระองค์รู้ว่า
พระองค์ทรงทราบทุกสิ่ง
และพระองค์ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใด
มาทูลถามพระองค์
สิ่งนี้ทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเชื่อว่า
พระองค์ทรงมาจากพระเจ้า”


31พระเยซูตรัสว่า
ในที่สุดพวกท่านก็เชื่อ!
32แต่วาระนั้นกำลังจะมาและได้มาถึงแล้ว
เมื่อพวกท่านแต่ละคน
จะกระจัดกระจายไปยังบ้านของตน
พวกท่านจะทิ้งเราไว้คนเดียว
กระนั้นเราก็ไม่ได้อยู่แต่ลำพัง
เพราะพระบิดาของเราสถิตกับเรา

33เราบอกสิ่งเหล่านี้แก่พวกท่าน
เพื่อพวกท่านจะได้มีสันติสุขในเรา
ในโลกนี้พวกท่านจะมีความทุกข์ยาก
แต่จงชื่นใจเถิด! เราได้ชนะโลกแล้ว”

#Answer:
เมื่อพระเยซูกล่าวจบ
เหล่าสาวกของพระองค์จึงทูลว่า

บัดนี้พระองค์ก็ทรงตรัสตรงๆ
ไม่มีโวหารเปรียบเทียบต่อพวกเขาแล้ว
พวกเขาจึงไม่เคลือบแคลงสงสัยอะไรอีก
เพราะพวกเขาได้รู้ได้เข้าใจแล้วว่า
แท้จริงนั้นพระเยซูทรงเป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่ง
เพราะทรงกล่าวให้พวกเขาเข้าใจง่ายๆก็ได้
โดยไม่ต้องใช้ภาษาสำนวนโวหารแบบเดิม
จึงไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใดมาทูลถามพระองค์อีก

เมื่อเหล่าสาวกทั้งหลาย
เข้าใจคำสอนของพระเยซูแล้ว
พวกเขาจึงกล่าวต่อพระองค์ว่า
เพราะทรงมีปัญญาปาฏิหาริย์นี้เอง
จึงทำให้เหล่าสาวกทั้งหลายเชื่อมั่นว่า
พระเยซูทรงเสด็จมาจากพระเจ้าจริงๆ
ซึ่งยังความปิติยินดีต่อพระเยซูเป็นที่ยิ่ง
ที่ทรงทราบว่าเหล่าสาวกเชื่อในพระองค์แล้ว

พระเยซูตรัสกับเหล่าสาวกว่า
วันเวลาที่พระองค์จะเสด็จกลับออกไปจากโลก
เพื่อกลับไปหาพระบิดาที่พระองค์จากมานั้น
กำลังจะมาถึงและเมื่อมาถึงแล้ว
เหล่าสาวกแต่ละคนก็จะกระจัดกระจาย
แยกย้ายกันกลับบ้านของตนไป

พวกเขาก็จะทอดทิ้งพระองค์เอาไว้คนเดียว
แต่พระองค์ก็มิได้ทรงอยู่ตามลำพัง
เพราะพระบิดาทรงสถิตอยู่กับพระองค์เสมอ

พระองค์ยังทรงบอกสิ่งเหล่านี้แก่เหล่าสาวก
เพื่อให้พวกเขามีจิตใจที่ปิติสุขไร้โศกเศร้าว่า
แม้ในโลกนี้พวกเขาทั้งหลายจะมีความทุกข์ยาก
แต่ก็จงภูมิใจในตนเองกันเถิดว่า
ถ้าพวกเขาสามารถเอาชนะความทุกข์ยากได้
พวกเขาก็เป็นผู้ชนะโลกแล้ว

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28/02/2022

26 กุมภาพันธ์ 2565

VDO. EP. 375: รอดได้ต้องไม่โง่ (Full Version)


 

บันทึกการสื่อพระโอวาทในระบบจิตสู่จิตจากองค์จิตจักรวาล

โดย อนุตรธรรมาจารย์ปริญญา ตันสกุล

25 กุมภาพันธ์ 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 25/02/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ความเกเรก้าวร้าวของสิ่งมีชีวิตจากต่างเผ่าดาว
ที่ประพฤติตนเป็นบุตรนอกรีตของพระบิดาก็มี
ที่ประพฤติตนต่อต้านพระบิดาผู้ให้กำเนิดก็มาก
ซึ่งรูปธรรมเนรคุณต่อพระเจ้าพระองค์จริงเหล่านี้
คือพวกที่ครอบงำชนชั้นนำของมนุษย์มานมนาน

ถ้าไม่นับรวมพวกที่มาก่อศึกสงครามนิวเคลียร์
เพื่อแย่งชิงทรัพยากรสำคัญบนดาวโลกดวงนี้
จนเป็นเหตุให้โลกเกิดยุคน้ำแข็งยาวนานนับพันปี
ซึ่งผู้รอดชีวิตจากนิวเคลียร์ได้จำนวนหนึ่งก็คือ
พวกที่แอบเจาะรูอยู่ลึกภายใต้แผ่นเปลือกโลกแล้ว

บางพวกก็คือผู้ที่อพยพหลบภัยมาจากดาวของตน
ที่กำลังจะแตกระเบิดเพราะพิษภัยของไฮเท็คโนโลยี
ซึ่งเมื่อพวกเขาก้าวถึงจุดสูงสุดแล้วจักต้องวิบัติเสมอ
ในลักษณะของการสูงสุดแล้วต้องกลับคืนสู่สามัญ
ตามกฎเกณฑ์ที่พระบิดาหรือพระเจ้าทรงออกแบบไว้
ให้ทุกสรรพสิ่งในเอกภพหรือห้องทดลองของพระองค์
ต้องเป็นไปตามที่ทรงกำหนดไว้ด้วยกันทั้งสิ้นไม่มีเว้น

พวกนี้เดินทางไกลมาเจอดาวโลกสีน้ำเงินเข้า
จึงพากันล่วงล้ำเข้ามาสู่ระบบโลกเพื่อหวังจะยึดอยู่
แต่ก็ได้พบเจอกับรูปธรรมผู้มาจากเผ่าดาวอื่น
ซึ่งเดินทางเข้ามาอยู่ในระบบโลกสีน้ำเงินก่อนแล้ว
รูปธรรมกลุ่มนี้มีพัฒนาการด้านจิตวิญญาณสูงมาก
พวกเขาสามารถใช้พลังจิตเป็นคริสตัลแห่งแสงได้
ขณะที่มนุษย์โลกพระบิดาก็ทรงติดตั้งเอาไว้ให้
แต่ยังไม่มีผู้ใดสามารถยกระดับจนเข้าถึงคริสตัลได้
เพราะพวกเขาเป็นกลุ่มที่ไม่ดีจึงต้องลี้ภัยออกมา
เพื่อแสวงหาที่อยู่ใหม่เช่นเดียวกันกับพวกแรก

ทั้งสองเผ่าดาวจึงจับมือกันยึดเอาดาวโลกเป็นบ้าน
พวกหนึ่งเชี่ยวชาญด้านเท็คโนโลยีแต่อาภัพรูปลักษณ์
กับอีกพวกหนึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านจิตวิญญาณ
มนุษย์โลกตัวเล็กๆที่ไร้เดียงสาเพราะอายุน้อยกว่า
มีความฉลาดน้อยกว่าและมีประสบการณ์น้อยกว่า
จึงถูกต่างเผ่าดาวและมอดใต้ดินรุมกินโต๊ะมานับแต่นั้น

พวกท่านที่เป็นมนุษย์
มองเห็นสัตว์ประจำโลกที่พระบิดาทรงสร้างไว้ว่า
เป็นสัตว์ป่าน่ารักไร้เดียงสาน่าล่าเล่นน่าจับมาเลี้ยง
น่าจับมากินเป็นอาหารหรือน่านำมาเป็นสัตว์ทดลอง
เพื่อพัฒนาเท็คโนโลยีและจิตวิญญาณกันอย่างไร
ผู้บุกรุกเหล่านี้ก็มองพวกท่านและสัตว์มิต่างกันเลย

เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่าแต่เดิมนั้น
พระบิดาทรงติดตั้งขันธ์ห้าไว้ในสัตว์ประจำโลก
โดยออกแบบให้สัตว์ใช้ความรักของจิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นคุณสมบัติเริ่มต้นของสรรพสิ่งที่ทรงสร้าง
ทำการสั่นสะเทือนเพื่อหมุนธรรมจักรกันได้ง่ายๆ
แต่พวกฝ่ายมืดเหล่านี้นี่แหละที่นำเอาสัตว์โลก
มาตัดแปลงดีเอ็นเอของพี่พลียะเดี้ยนส์ที่มีในสัตว์
โดยเอาดีเอ็นเอของสัตว์ร้ายมาไขว้พันกันเอาไว้
จึงยังผลให้สัตว์โลกต้องมีอารมณ์ก้าวร้าวดุร้าย
จนจิตวิญญาณของสัตว์กลับบ้านเดิมไม่ได้จนบัดนี้

พวกท่านจึงต้องรู้ว่า "ขันธ์ 5" ในมนุษย์
ก็ถูกวางยาเอาไว้ให้สั่นสะเทือนเป็น "กรรมจักร"
เพื่อชักพาจิตวิญญาณให้เสียสมดุลเช่นกัน
ถ้าพวกท่านไม่รู้ความจริงนี้และไม่ยอมแทรกแซง
เพื่อเปลี่ยนจากกรรมจักรให้มันเป็นธรรมจักรให้ได้

พวกท่านก็ต้องตายเพราะไม่มีชีวิตเป็นอมตะ
พวกท่านจะตกเป็นทาสกฎแห่งกรรม มีสังสารวัฏ
พวกท่านจะไร้ความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ
จนไม่สามารถใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกได้
ซึ่งนอกจากความก้าวร้าวโหดร้ายดั่งสัตว์ร้ายแล้ว
มนุษย์อย่างพวกท่านก็จะเสพกิเลสเป็นอาหาร
เหมือนอย่างพวกผู้ร้ายที่คอยควบคุมบงการอยู่
จนทำให้จิตวิญญาณพวกท่านเสียชาติเกิด
กลับบ้านก็ไม่ได้ทำหน้าที่ค้ำจุนโลกก็ไม่ได้
ยังถูกชักพาให้หลงทางนิพพานกันอีกต่างหาก

เพราะความโง่ง่ายงมงายไร้เดียงสาและโลภ
จนไม่มีพัฒนาการด้านจิตตปัญญากันนี่แหละ
จึงยังผลให้ดาวโลกใช้พระศาสดาเปลืองมาก
เพราะพวกมาจากต่างเผ่าดาวเหล่านี้
สร้างกลอุบายลวงหลอกให้มนุษย์เชื่อว่า
พวกเขาคือ #พระผู้สร้างทุกสิ่ง ที่ต้องก้มหัวให้
โดยหัวหน้าแต่ละเผ่าจะถูกเรียกว่า "เทพเจ้า"
จำนวนเทพเจ้าจึงมีมากที่มนุษย์จะต้องเซ่นสรวง
จนหลายคนหลงผิดคิดว่าพระผู้สร้างก็คือพระเจ้า

ทั้งๆที่พระเจ้ามีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น
ซึ่งพระเจ้าก็คือพระผู้ทรงสร้างอนันตจักรวาล
ทรงเป็นพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งในอนันตจักรวาล
ทรงเป็นผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของทุกรูปธรรม
ไม่ว่ามนุษย์โลกหรือสิ่งมีชีวิตในต่างเผ่าดาวก็ตาม

เนื่องจากมีมนุษย์โลกชั้นผู้นำจำนวนหนึ่ง
ได้ถูกไฮบริดกับสิ่งมีชีวิตจากต่างเผ่าไปแล้ว
จนมีการแพร่กระจายขยายพันธุ์มาแล้วมากมาย
พวกนี้จะมีมันสมองที่ฉลาดกว่ามนุษย์ธรรมดา
พวกเขามีอำนาจเหนือกว่ามนุษย์พวกโลกสวย
ทั้งอำนาจ เงินตรา อาวุธและเท็คโนโลยีขยะ

ขณะที่มนุษย์ถูกหลอกให้หลงทางนิพพานมานาน
ถูกปั่นหัวยั่วกิเลสจนจิตวิญญาณหลงมิติ
จึงหลับตาก้าวตามมอดมารเพื่อปีนรั้วเข้าคอก
โดยมิได้ก้าวตามพระศาสดากันมาตั้งนานแล้ว
เพราะถูกคนนำทางตาบอดเครื่องมือของมอด
หลอกให้หลับตาก้าวตามจนนับภพชาติไม่ถ้วน

ขอความมีสติทางวิญญาณจงมีแด่ท่านทั้งหลาย
เพื่อตื่นรู้กันได้แล้วว่า "โลก" รวมทั้งพวกท่านด้วย
ขณะนี้กำลังมีภัยที่คนโง่ง่ายจะไม่มีวันได้รู้ความ

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
25/02/2022

24 กุมภาพันธ์ 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 24/02/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

ในช่วงปลายยุคพลังงานเก่าของชาวโลก
ซึ่งเป็นช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้
ข้อมูลข่าวสารกับปฏิบัติการต่างๆที่ท่านรับรู้นั้น
จะถูกออกแบบให้เป็น #ในจริงมีเท็จในเท็จมีจริง
หากท่านเป็นคน #โง่ง่าย พร้อมมี #กิเลสหนา
มีจิตใจไม่มั่นคงใน "มรรคาแห่งจิตจักรวาล" แล้ว
ท่านก็จะเป็นหนึ่งในคนหมู่มากที่หลงทำหลงทาง
สืบเนื่องกันมายาวนานนับพันๆปีจนตราบทุกวันนี้

เพราะมนุษย์มีจิตใสไร้เดียงสาจึงเป็นคนโลกสวย
เป็นรูปธรรมมีชีวิตดั่งสัตว์โลกตัวเล็กๆที่จิตใสใจซื่อ
รูปร่างหน้าตาก็งดงามยิ่งกว่าสิ่งมีชีวิตใดๆบนดาวอื่น
อีกทั้งพระบิดาหรือพระผู้เป็นเจ้า (พระองค์จริงนะ)
ยังทรงออกแบบให้เป็นมนุษย์แห่งโลกเสรีอีกด้วย
เคราะห์กรรมจึงตกอยู่กับมนุษย์โลกเสรีนี้จนมีภัย
เพราะประดาสิ่งมีชีวิตจิตชั่วในต่างดาวต่างกาแล็กซี่
ซึ่งเป็นพี่ๆของน้องๆแห่งดาวโลกเสรีนี้แท้ๆ
จึงเกิดความอิจฉาริษยาและไม่พึงพอใจพระบิดา
ในข้อหาว่าพระเจ้า "ทรงลำเอียง" ไม่เที่ยงธรรม

สาเหตุที่คิดเช่นนี้เพราะพวกเขาในแต่ละเผ่าดาว
มีร่างใหญ่โตหน้าตาดุร้ายมีเกล็ดมีเขามีนอยาวๆ
มีเล็บมือเล็บเท้าไม่ต่างจากสัตว์บนโลกนี่เอง
โดยที่พวกเขาไม่เคยสำนึกรู้ความจริงว่าตนเองนั้น
ต่างล้วนเป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมที่มีชีวิต
ซึ่งทรงออกแบบสร้างไว้บนดาวในกาแล็กซี่ต่างๆ
ก่อนที่จะทรงพัฒนามาเป็นรูปธรรมมนุษย์โลก
ที่สำคัญคือเพราะพระบิดาทรงรักพวกตนมากที่สุด
จึงมิได้ทำลายพวกตนซึ่งทรงให้กำเนิดทิ้งไป
พระองค์สร้างใครไว้ที่ไหนเท่าไหร่จึงยังอยู่ครบ!

ความอิจฉาริษยายังมีสาเหตุมาจากการมองว่า
ตนจะคิดจะทำอะไรก็ไม่เสรีเพราะมีสมองก้อนเดียว
แถมหากทำผิดคิดชั่วก็ยังมี "ผู้ตรวจการ" ของพระบิดา
ซึ่งเป็นทูตสวรรค์มากมายคอยสอดส่องลงทัณฑ์อีก
โดยที่ไม่รู้คุณค่าว่าสมองก้อนเดียวของพวกเขานั้น
ใช้งานง่ายกว่าและมีพลังอำนาจในการคิดเหนือกว่า
มนุษย์โลกปัจจุบันซึ่งมีสมองสองซีกซ้ายขวาด้วยซ้ำ

ตัวอย่างเช่นพวกต่างดาวทั้งหลายเหล่านี้
จะมีความเฉลียวฉลาดด้านเท็คโนโลยีและจิตวิญญาณ
เหนือกว่าประดามนุษย์โลกเสรีหลายช่วงตัวเลยทีเดียว
พวกเขาจึงมีพลังอำนาจเหนือมนุษย์โลกตลอดมา
ไม่ว่าจะเป็นความฉลาดด้านดีและด้านชั่วร้ายก็ตาม

ดังนั้น
จักรวาลของพระบิดาหรือพระผู้สร้างองค์จริง
จึงมีลัทธิชั่วจากจิตริษยาและต่ำใจของพี่น้องต่างดาว
ผลิตสร้างพลังงานด้านลบขึ้นมาในจักรวาล ณ บัดนั้น
ทั้งๆที่พระบิดาทรงออกแบบให้ทุกสิ่งในจักรวาล
มีคุณสมบัติตั้งต้นของจักรวาล คือ #ความรัก เท่านั้น

ขณะที่มนุษย์โลกผู้ไร้เดียงสาถูกจับมาเป็นเครื่องเล่น
ถูกนำมาเป็นสัตว์ทดลองทางวิทยาศาสตร์เท็คโนโลยี
เพื่อพวกเขาเรียนรู้ที่จะทำตัวเป็น #พระผู้สร้าง เสียเอง

เพื่อเรียนรู้ว่าจะสร้างเครื่องยนต์แห่งกรรมอย่างไร
ตนจึงจะมีรูปลักษณ์สวยงามสง่างามเหมือนมนุษย์ได้
มิใช่มีรูปร่างหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวอย่างที่เป็นอยู่
โดยมีความสะใจที่ได้รังแกมนุษย์เป็นของแถม

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ความสำเร็จจากการทดลองบางอย่างของมอดก็คือ
การผ่าตัดติดตั้งดีเอ็นเอชั้นต่ำที่ก้าวร้าวของพวกตน
ประกบคู่เกลียวกันกับดีเอ็นเอของพี่พลียะเดี้ยนส์
ผู้ลงมือสร้างเครื่องยนต์แห่งกรรมของสัตว์และมนุษย์
ในพระนามแห่งพระผู้สร้าง คือ องค์จิตจักรวาลนี่แหละ
จึงยังผลให้ #ขันธ์ห้า ทั้งในสัตว์และมนุษย์บิดเบี้ยว
แทนที่จะสั่นสะเทือนด้วยความรักเพื่อหมุนธรรมจักร
ทำการผลิตสร้างคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวกให้โลก
กลายเป็นสั่นสะเทือนขันธ์ 5 ด้วยกิเลสด้วยอารมณ์ขยะ
เพื่อหมุน "กรรมจักร" จนผลิตความรักค้ำจุนโลกไม่ได้

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
นี่คือวีรกรรมของมอดที่ต้องการจะเอาชนะพระเจ้า
เพื่ออวดตัวว่าตนก็คือ "ผู้สร้าง" หรือซอร์สเหมือนกัน
พระเจ้าสร้างได้พวกตนก็สร้างได้เหมือนกัน

แต่สาเหตุที่พระบิดาทรงยอมปล่อยให้พี่ๆเกเรเช่นนี้
เพราะพระองค์ทรงรักบุตรของพระองค์เท่าเทียมกัน
บุตรคนไหนจะชั่วแค่ไหนอย่างไรพระองค์ก็ทรงรัก
บุตรคนไหนจะดีปานใดพระองค์ก็จะทรงรักเท่ากัน
อีกอย่างหนึ่งเพราะทรงเห็นว่าจะแก้ไขได้ไม่ยากนัก
แค่มนุษย์ฉลาดใช้ขันธ์ห้าโดยเข้าถึงรักให้ได้เท่านั้น

แต่ผลกลับปรากฏว่าพี่ๆน้องๆชาวดาวโลกส่วนใหญ่
กลับพอใจในความสุขสบายไม่ชอบความยากลำบาก
จึงตกเป็นทาสกิเลสตัณหาและมักใช้อารมณ์ขยะ
ซึ่งเป็นความก้าวร้าวเยี่ยงสัตว์ที่มอดติดตั้งเอาไว้ให้
ในการดำเนินชีวิตแบบสัตว์แทนการเป็นมนุษย์
โดยพวกท่านจะสามารถสังเกตทางกายภาพได้เลยว่า
ใครที่คุ้นชินกับการใช้อารมณ์หยาบคายใฝ่ต่ำเป็นนิจ
ตรงบริเวณก้านสมองส่วนท้ายทอยนั้น
จะมีลักษณะคล้ายรากไม้ยืดยาวออกมาได้
แต่ถ้าใครสามารถข้ามผ่านมันไปหมุนธรรมจักรได้
ส่วนหางยาวๆคล้ายรากไม้มันจะหดสั้นลงไปเอง

ตั้งแต่อดีตที่ผ่านมา
เพราะมนุษย์โลกไร้เดียงสาและเป็นคนโง่ง่าย
จึงถูกมอดครอบงำจนไม่เป็นตัวของตัวเอง
ยังผลให้ภารกิจในการค้ำจุนโลก
มีอุปสรรคปัญหากันมาตลอดตราบกระทั่งปัจจุบัน
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมโลกนี้ใช้ศาสดาเปลือง!

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
24/02/2022

21 กุมภาพันธ์ 2565

ตอบคำถาม: คุณสมกิจ รวยเต็มหัตถ์ 21/02/2022

เรียนถามท่านอาจารย์
ช่วยแนะนำชี้แนะและขยายความบทนี้
เพื่อความเข้าใจที่ถูกต้องต่อไปด้วยครับ

Question 1:
#ยอห์น 15:18-27
ถ้าโลกนี้เกลียดชังพวกท่าน
ก็จงรู้ว่าโลกเกลียดชังเราก่อน"


#ความหมาย:
ถ้ามนุษย์โลกทั้งหลายเกลียดชังพวกท่าน
ก็จงรู้ว่าพวกเขาจะเกลียดชังเราก่อน
เพราะว่าเราเป็น "นาย" ของพวกท่าน
ส่วนพวกท่านนั้นเป็น "บ่าว" ของเรา

หมายเหตุ:
คำกล่าวทั้งหมดในบทนี้
เป็นคำกล่าวของพระเยซูที่ทรงกล่าวต่อบ่าว
ซึ่งเป็นประดาสาวกของพระองค์
ผู้ที่จะนำขนมปังของพระบิดา (พระโอวาท)
ไปแจกจ่ายแบ่งปันให้แก่พี่ๆน้องๆชาวโลก
ให้มีความกล้าและเชื่อมั่นในการปฏิบัติภารกิจนี้

Question 2:
#ยอห์น 15:18-27

ถ้าพวกท่านเป็นของโลก
โลกก็ย่อมจะรักคนที่เป็นของโลกเอง
แต่เพราะพวกท่านไม่ได้เป็นของโลก
คือเราเลือกพวกท่านออกจากโลก
เพราะเหตุนี้โลกจึงเกลียดชังพวกท่าน

#ความหมาย:
ถ้าพวกท่านทำตนเป็นเหมือนคนทั่วไป
มนุษย์โลกทั้งหลายก็ย่อมจะรักพวกท่าน
เพราะว่ามิได้มีอะไรที่แตกต่างกันกับพวกเขา

แต่บัดนี้พวกท่านมิได้เหมือนคนทั่วไปแล้ว
เพราะเราได้เลือกพวกท่านออกมาจากพวกเขา
ด้วยเหตุนี้แหละพวกเขาจึงเกลียดชังพวกท่าน

Question 3:
#ยอห์น 15:18-27

จงระลึกถึงคำที่เรากล่าวกับพวกท่านแล้วว่า
บ่าวไม่ได้เป็นใหญ่กว่านาย’
ถ้าพวกเขาข่มเหงเรา
เขาก็จะข่มเหงพวกท่านด้วย

#ความหมาย:
จงระลึกถึงคำที่เราเคยกล่าวกับพวกท่านไว้แล้วว่า
"บ่าว" หรือผู้รับใช้นั้นมิได้เป็นใหญ่กว่า "นาย"
ถ้าพวกเขาข่มเหงเราเขาก็ย่อมข่มเหงพวกท่านด้วย
ถ้าพวกเขาปฏิเสธเราเขาก็ย่อมปฏิเสธพวกท่านด้วย

Question 4:
#ยอห์น 15:18-27

ถ้าพวกเขาปฏิบัติตามคำกล่าวของเรา
พวกเขาก็จะปฏิบัติตามคำของพวกท่านด้วย
แต่พวกเขาก็จะทำทุกสิ่งเหล่านี้แก่พวกท่าน
เพราะนามของเรา
เพราะพวกเขาไม่รู้จักผู้ทรงใช้เรามา

#ความหมาย:
ถ้าผู้คนทั้งหลายปฏิบัติตามคำกล่าวของเรา
ตามที่พวกท่านช่วยนำไปกล่าวต่อพวกเขา
ผู้คนเหล่านั้นก็จะทำตามคำกล่าวของพวกท่าน
ที่อ้างอิงถึงเราเท่านั้น
เพราะว่าผู้คนเหล่านั้นยังไม่รู้จักพระเจ้า
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณผู้ทรงใช้เรามา

Question 5:
#ยอห์น 15:18-27

ถ้าเราไม่ได้มาสั่งสอนพวกเขา
เขาก็คงจะไม่มีบาป
แต่เดี๋ยวนี้พวกเขาไม่มีข้อแก้ตัว
ในเรื่องบาปของเขา

#ความหมาย:
ถ้าเรายังมิได้มาจุติเพื่อสั่งสอนมนุษย์โลก
พวกเขาก็คงจะยังไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ
แต่เดี๋ยวนี้พวกเขาทั้งหลายไม่มีข้อแก้ตัว
ในเรื่องความผิดบาปของพวกเขาอีกแล้ว

Question 5:
#ยอห์น 15:18-27

คนที่เกลียดชังเรา
ก็เกลียดชังพระบิดาของเราด้วย

ถ้าในท่ามกลางพวกเขา
เราไม่ได้ทำสิ่งซึ่งไม่มีคนอื่นทำเลย
พวกเขาก็จะไม่มีบาป

แต่เดี๋ยวนี้เขาเห็นและเกลียดชัง
ทั้งตัวเราและพระบิดาของเรา
ทั้งนี้ก็เพื่อจะได้เป็นจริง
ตามที่เขียนไว้ในพระคัมภีร์ของเขาที่ว่า
เขาเกลียดชังเราโดยไม่มีสาเหตุ’

#ความหมาย:
คนที่เกลียดชังเราเท่ากับว่า
คนนั้นเกลียดชังพระบิดาด้วย
เพราะว่าเราเป็นผู้มาจากพระบิดา
พระผู้ทรงใช้ให้เรามานั่นเอง

ถ้าในท่ามกลางมนุษย์โลกทั้งหลายนี้
เราไม่ได้ทำในสิ่งที่แตกต่างจากผู้อื่นทำ
หรือเราทำอะไรที่เหมือนๆกับที่คนอื่นทำแล้ว
พวกเขาทั้งหลายก็คงจะไม่มีใครผิดบาป
ทั้งต่อตัวเราและพระบิดาผู้ทรงใช้เรามา

Question 6:
#ยอห์น 15:18-27

แต่เมื่อองค์ผู้ช่วยเสด็จมา
ซึ่งเป็นผู้ที่เราจะใช้จากพระบิดามาหาพวกท่าน
คือพระวิญญาณแห่งความจริง
ซึ่งมาจากพระบิดานั้น

พระองค์จะทรงเป็นพยานให้เรา
และพวกท่านก็จะเป็นพยานด้วย
เพราะว่าท่านอยู่กับเราตั้งแต่แรกแล้ว

#ความหมาย:
หลังจากที่เรากลับไปกราบพระบาทพระบิดาแล้ว
เราจะมอบหมายให้องค์ผู้ช่วยของเรา
คือพระจิตวิญญาณแห่งความจริงซึ่งมาจากพระบิดา
ให้กลับมายังโลกเพื่อกลับมาหาพวกท่าน

เมื่อ "องค์ผู้ช่วยของเรา" เสด็จมาถึงโลกแล้ว
พระองค์จะทรงเป็นพยานให้เรา
ด้วยการถวายพระเกียรติให้แก่เราและพระบิดา
โดยพระองค์จะทรงกล่าวทุกสิ่งเหมือนที่เรากล่าว
และเมื่อนั้นพวกท่านทั้งหลายก็จะเป็นพยานด้วย
เพราะว่าพวกท่านเป็นบ่าวอยู่กับเราตั้งแต่อดีตแล้ว

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
21/02/2022

16 กุมภาพันธ์ 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 16/02/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

หน้าที่ของมนุษย์ทุกคนทุกชนชาติทุกศาสนา
ที่จิตวิญญาณได้รับโอกาสให้มาเกิดนั้น
โดยเริ่มนับตั้งแต่อายุสามขวบปีโลกเป็นต้นไป
สามารถแบ่งได้เป็น 3 ระดับขั้นโดยในขั้นแรก
ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ความจริงให้ได้ว่า

จิตหยาบผู้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรม
ในบทบาทคนสองมิติเพื่อเรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์นั้น
จักต้องเรียนรู้และยอมรับอนุตรธรรมความจริงว่า
#ตนนั้นยังมีจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้เร้นอยู่ข้างใน

โดยสำนึกของจิตหยาบของท่านจักต้องรู้ว่า
ตนนั้นเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจให้ทำหน้าที่แทน
จิตวิญญาณผู้อาสามาเกิดเป็นมนุษย์แค่ชั่วคราว
ซึ่งจิตวิญญาณได้แบ่งภาคทางพลังงานออกมา
เหมือนจิ้งหรีดหรือตั๊กแตน "ลอกคราบ" นั่นแหละ
เพียงแต่คราบของตั๊กแตนหรือจิ้งหรีดมันไม่มีชีวิต
แต่จิตหยาบเป็นพลังงานที่มีชีวิตเพราะว่ามีขันธ์ 5
ที่จิตวิญญาณได้มอบให้จิตหยาบติดตัวมาด้วย

จิตหยาบจะต้องมีและต้องใช้ #ขันธ์ห้า
เพื่อขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ให้เกิดการสั่นสะเทือนพร้อมกันใน 2 มิติ คือ
#มโนกรรม ซึ่งเป็นการกระทำในมิติทางพลังงาน
ควบคู่กับ #กายกรรมวจีกรรม ในมิติทางกายภาพ

นอกจากนั้นมนุษย์โดยจิตหยาบจะต้องสำนึกรู้ว่า
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์นี้มิใช่ของตน
ตนเป็นเพียงผู้รับมอบอำนาจให้ทำแทนชั่วคราว
ตั้งแต่คลอดออกมาจากครรภ์มารดาเท่านั้นเอง
ทั้งต้องรู้ด้วยว่าจิตวิญญาณต้องการให้ตนทำอะไร
ไม่ต้องการให้ตนทำสิ่งใดบ้าง เป็นต้น

แต่เนื่องจากจิตวิญญาณแก่นแท้ของมนุษย์ทุกคน
ลอกคราบแบ่งภาคตนเองจนเป็นดั่งดักแด้ไปแล้ว
จึงมิอาจสื่อสารความจริงนี้กับจิตหยาบของตนได้
พระบิดาหรือพระเจ้าจึงมีพระบัญชาให้เรากลับมา
เพื่อสื่อกล่าวพระโอวาทในพระนามของพระองค์
ซึ่งเป็น "อนุตรธรรม" ความจริงที่ว่านี้ให้มนุษย์ได้รู้
เพราะพระศาสดาที่เกิดจากโลกก็มิอาจหยั่งรู้เองได้

ดังนั้น
พวกท่านจึงต้องระลึกรู้กันไว้ตั้งแต่บัดนี้ว่า
ขณะที่ต่างก็มีภพชาติเป็นมนุษย์กันอยู่นี้
ความมีสำนึกในการมีตัวตนของตนของพวกท่าน
มันคือสำนึกแห่งการเป็นมนุษย์ของจิตหยาบนะ
มิใช่สำนึกของจิตวิญญาณของท่านแต่อย่างใด

เมื่อท่านจะนึกจะคิดจะทำสิ่งใดแบบไหนก็ตาม
ท่านจึงต้องถามจิตวิญญาณก็คือตัวเองก่อนว่า
เห็นชอบหรือไม่และพอใจให้ทำเช่นนั้นหรือเปล่า
ในทุกครั้งก่อนที่ท่านจะคิดจะพูดจะทำเสมอ
ที่ต้องปฏิบัติเช่นว่านี้เพราะท่านเป็นแค่ตัวแทน
ที่ต้องทำแทน "ตัวจริง" ก็คือตัวท่านเองนี่แหละ

นอกจากนั้นไม่ว่าท่านจะสั่นสะเทือนจิตหยาบ
เป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดแบบใดจนเกิดผลกรรมอะไร
จิตวิญญาณแก่นแท้ก็คือตัวจริงของท่านนี่แหละ
จักต้องรับผิดชอบมันเสมือนจิตวิญญาณทำเองเลย

เราหวังว่าเมื่อท่านรู้ความจริงนี้แล้ว
ต่อไปคงจะไม่โง่ง่ายมักง่ายทำอะไรเหลวไหล
จนทำร้ายจิตวิญญาณซึ่งเป็นตัวจริงของท่านเอง
ให้ตกนรกหมกไหม้ ให้หลุดลอยเป็นขยะอวกาศ
หรือต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏอย่างมิรู้จบสิ้น
อันเป็นความล้มเหลวของจิตวิญญาณก็คือท่านเอง
ซึ่งน่าละอายจนถึงขั้นหลุดพ้นกลับบ้านไม่ได้ด้วย
เพราะขาดคุณสมบัติจนอาจต้องถูกชำระทิ้งก็ได้

ความเห็นแก่ตัว ความโลภ ความโกรธ
ความลุ่มหลงงมงายอะไรเหล่านี้
ล้วนเกิดจากจิตหยาบของท่านไม่รู้สำนึกว่า
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ที่ท่านครองอยู่
มันเป็นของจิตวิญญาณมิใช่ของท่าน
พวกท่านจึงหลงตัวเอง ทำทุกสิ่งเพื่อตนเอง
จนไม่มีธรรมะข้อใดช่วยสร้างสติทางวิญญาณได้
ขนาดบวชมานานก็ยังมิอาจชำระจิตหยาบได้
เพราะว่าไร้สำนึกในเรื่องนี้นั่นเอง

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
16/02/2022

15 กุมภาพันธ์ 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 15/02/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ทั่วกันว่า

ในการเข้ามาเกิดเป็นคนสองมิติหรือมนุษย์นั้น
จิตวิญญาณได้แบ่งภาคออกมาเป็นจิตหยาบ
เพื่อให้ช่วยทำหน้าที่เป็นคนสองมิติแทนตนเอง
โดยจิตวิญญาณจะรับผิดชอบผลกรรมทุกอย่าง
ที่จิตหยาบซึ่งเป็น "ตัวแทน" ของตนเป็นผู้ก่อขึ้น

ด้วยเหตุนี้เอง "จิตหยาบ" จึงเปรียบได้ดั่ง
#เปลือกคราบ ที่ถูกลอกออกมาจากตัวจิ้งหรีด
แต่จะเป็นเปลือกคราบที่มีชีวิตเพราะว่ามีขันธ์ 5
ขณะที่ตัวจิ้งหรีดผู้ลอกคราบของตนออกมาแล้ว
มันก็จะมีสภาพคล้ายดั่งตัวอ่อนหรือตัว "ดักแด้"
แม้จะมีชีวิตก็ไม่สามารถขับเคลื่อนตนเองได้เลย
นอกจากจะทำตัวสงบนิ่งเฉื่อยเฉยอยู่เท่านั้น

เปลือกคราบจิ้งหรีดนี้เราหมายถึง "จิตหยาบ"
กับเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของท่าน
อันเป็นดั่งเปลือกคราบที่มีชีวิตของจิตวิญญาณ
ซึ่งได้รับมอบอำนาจทั้งหมดให้ทำหน้าที่แทน
โดยกระบวนการ "แบ่งภาค" หรือลอกคราบที่ว่านี้
มันคือสัจธรรมความจริงระดับ #อนุตรธรรม
ที่เป็นความลับระดับอนันตจักรวาล
ซึ่งแม้แต่องค์สัพพัญญูพหูสูตก็มิอาจจะเข้าถึงได้
นอกจากพระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือพระผู้สร้าง
ผู้ทรงออกแบบเอาไว้เท่านั้นที่จะกล่าวต่อท่านได้

แผนการออกแบบของพระองค์ก็คือ
ทรงต้องการให้ "จิตหยาบ" ช่วยทำหน้าที่
เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณตั้งแต่วัยแรกเกิด
เพื่อให้เรียนรู้ที่จะใช้กลไกอายตนะทั้งหมด
ช่วยกระตุ้นให้สั่นสะเทือนจิตหยาบด้วยขันธ์ 5
ให้เกิดกรรมในมิติกายหยาบและจิตวิญญาณ

ถ้าจะถามว่าทำไมพระองค์จึงมิทรงกำหนดให้
จิตวิญญาณท่านทำหน้าที่สั่นสะเทือนขันธ์ 5 เอง
ก็เพราะพระบิดาทรงรักจิตวิญญาณของพวกท่าน
หากมิทรงออกแบบให้มีผู้ทำหน้าที่แทนเช่นนี้แล้ว
จิตวิญญาณพวกท่านทุกคนจะเกิดอันตรายน่ะสิ

อันตรายที่ว่านี้ก็คือ
จิตวิญญาณพวกท่านจะเกิดอาการหลงมิติ
จนไม่สามารถปฏิบัติภารกิจของตนที่ขันอาสามาได้
ที่สำคัญคือจิตวิญญาณพวกท่านก็จะกลับบ้านไม่ได้
ซึ่งมันจะเป็นความเลวร้ายที่สุดที่จะทรงยอมมิได้

สาเหตุที่จิตวิญญาณต้องใช้จิตหยาบทำแทน
เพราะว่าในกระบวนการสั่นสะเทือนของขันธ์ห้า
ที่จิตวิญญาณถือติดตัวมาเกิดเป็นมนุษย์นั้น
พระบิดาได้ทรงติดตั้ง #กรรมจักร เอาไว้ให้
ซึ่งเป็นคุณสมบัติของจิตหยาบที่มันไม่ถูกต้อง

คำว่า "กรรมจักร" คือ การสั่นสะเทือนขันธ์ห้า
ด้วยกิเลสตัณหาราคะอารมณ์ขยะทั้งปวง
ที่เป็นคลื่นจิตในย่านความถี่หยาบๆหรือความถี่ต่ำ
เพื่อให้ง่ายต่อ "จิตหยาบ" ที่จะรู้จักการสั่นสะเทือน
แต่มันก็ต้องแลกกันกับการเกิด #กฎแห่งกรรม ด้วย

การที่พระบิดาทรงให้จิตหยาบ
ทำหน้าที่หมุนกรรมจักรแทนเพราะเหตุว่า
ถ้าจิตหยาบ "เสียสมดุล" เกิดความเสื่อมเพี้ยน
จิตวิญญาณแก่นแท้ก็แค่ "หลงมิติ" เท่านั้น
ตายเมื่อไหร่ก็ส่งจิตวิญญาณไปเยียวยาใน #นรก ได้

ดังนั้น
พ่อแม่ผู้ปกครองที่มีบุตรหลานจึงจักต้องรู้ว่า
ตนมีหน้าที่สอนจิตหยาบของกุมารน้อย
ให้แทรกแซง "กรรมจักร" ที่จิตหยาบครองอยู่
ในลักษณะของความโลภ ความเห็นแก่ตัว
รวมทั้งโทสะจริตเพราะเอาแต่ใจตนไม่สนใคร
ให้สั่นสะเทือนเป็น #ธรรมจักร ด้วยความรักให้ได้
#นี่คือความจริงระดับอนุตรธรรมที่ท่านไม่รู้ว่าไม่รู้

มนุษย์ทุกคนตั้งแต่แรกเกิดนั้น
พระบิดาได้ทรงกำหนดออกแบบเอาไว้ให้
กฎแห่งกรรมจากการหมุนกรรมจักรมันทำงาน
ตั้งแต่กุมารน้อยคนนั้นอายุครบ 3 ขวบเต็ม
และทรงให้เวลาเรียนรู้ที่จะหมุนธรรมจักรให้ได้
ไปจนถึงอายุขัยวัยเบญจเพสคือ 25 ปีบริบูรณ์
ถ้าใครอายุครบตามกำหนดแล้วยังเหลวไหล
มนุษย์คนนั้นก็จะเกิดความเสื่อมทั้งสองมิติ
จะเดินหน้าเข้าหาความตายคือการจบสิ้นอายุขัย

ถ้าใครสามารถรักได้ให้อภัยเป็นได้มากกว่า
คือหมุนธรรมจักรได้มากก็จะมีอายุขัยยาวยืนกว่า
ถ้าหมุนธรรมจักรได้น้อยก็จะมีอายุขัยน้อยกว่า
ถ้าก่อแต่กรรมทำแต่ชั่วพ่อแม่ไม่ใส่ใจจะสั่งสอน
มนุษย์ผู้นั้นก็จะโชคร้ายมีอันต้องตายด้วยอายุสั้น
ทั้งก่อนเบญจเพสและครบเบญจเพส
พวกท่านจงสังเกตความจริงนี้กันเอาเองเถิดนะ

จิตวิญญาณพวกท่านจึงโชคดีมาก
ที่จิตหยาบแบกรับความล้มเหลวเอาไว้ให้ส่วนหนึ่ง
เพราะเมื่อจิตวิญญาณต้องตายในภพชาตินั้น
จิตหยาบจะส่งมอบขันธ์ 5 และผลกรรมที่ตนก่อไว้
คืนให้แก่จิตวิญญาณเพื่อไปรักษาตัวในนรก
และให้กรรมเป็นตัวกำหนดให้ย้อนกลับมาเกิดใหม่
เพื่อทำการแก้ไขและเรียนรู้ใหม่ในภพชาติต่อๆไป
ส่วนจิตหยาบก็จะสลายตัวไปพร้อมกับกายสังขารนั้น

ทั้งหมดที่เรากล่าวมาข้างต้น
เป็นความจริงระดับอนุตรธรรมที่พวกท่านต้องรู้
ซึ่งเราถือมาจากแดนสุญตานำมาฝากพวกท่าน
โดยพระเจ้าหรือองค์จิตจักรวาล
ทรงมีพระบัญชาให้เรากลับมากล่าวความจริงนี้
อันเป็นภารกิจสำคัญในการนำพาท่านกลับบ้าน
ด้วยมรรควิถีจิตจักรวาลเพื่อการหลุดพ้นในชาตินี้

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
15/02/2022

14 กุมภาพันธ์ 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 14/02/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า
ดาวเคราะห์โลกดวงนี้เปรียบเสมือนโรงเรียนใหญ่
ที่มีห้องเรียนขนาดเล็กและใหญ่หลายห้องเรียน
โดยมีจิตวิญญาณซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงาน
ผู้ขันอาสาข้ามมิติจากแดนสุญตาเข้ามาเป็นนักเรียน
ด้วยการจุติเป็นคนสองมิติเพื่อเรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์
โดยทุกรูปธรรมจะถือพันธสัญญา 6 ติดตัวมาด้วย

พันธสัญญา 6 ก็คือ "สัจจะ" ที่จิตวิญญาณ
ผู้ขันอาสาเข้ามาเกิดเป็นนักเรียนโลกแห่งนี้ได้ให้ไว้
ต่อองค์จิตจักรวาลหรือพระบิดาแห่งจิตวิญญาณว่า
เมื่อตนได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์บนโลกแล้ว
จะปฏิบัติตาม "เงื่อนไข" รวมทั้งสิ้น 6 ประการ
โดยเงื่อนไข 1 ใน 6 ที่ว่านั้นก็คือ

ท่านจะทำหน้าที่เป็น "เพื่อนร่วมงาน" กับ #โลก
โดยคำว่า "โลก" ทรงหมายถึงดาวเคราะห์โลก
รวมทั้งทุกสรรพสิ่งที่ดำรงอยู่จริงในระบบโลก

ส่วนคำว่า #เพื่อนร่วมงาน นั้นทรงหมายถึง
ทุกรูปธรรมจักต้องใช้เครื่องยนต์แห่งกรรมของตน
สั่นสะเทือนจิตหยาบด้วยขันธ์ 5 ที่ทรงติดตั้งไว้ให้
ช่วยกันขับเคลื่อนขันธ์ห้าด้วยความรักความเมตตา
ทำการผลิตสร้าง "วิญญาณ" คือพลังงานจิตด้านบวก
ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
มอบให้แก่แกนแม่เหล็กซึ่งติดตั้งอยู่ในใจกลางโลก

แกนแม่เหล็กในใจกลางโลกที่พระองค์ทรงติดตั้งไว้
คือก้อนธาตุออกซิเจนเหนียวหนืดและบริสุทธิ์ 100%
โดยอะตอมของธาตุมีคุณสมบัติทางไฟฟ้าเป็น "ลบ"
ทั้งนี้เพื่อรอทำปฏิกริยาทางไฟฟ้านิวเคลียร์
กับอนุภาคประจุไฟฟ้าบวกที่มนุษย์หมุนธรรมจักรได้
แล้วผลิตสร้างพลังงานจิตด้านบวกเหวี่ยงออกมาให้

พลังงานจิตด้านบวกโดยรวมของมนุษย์
จะผลิตสร้างออกมาได้ต้องใช้ความรักความเมตตา
ที่ทุกคนจักต้องมีต่อกันและมีต่อทุกสรรพสิ่งเท่านั้น

ดังนั้น
มนุษย์จึงต้องเรียนรู้ที่จะรักกันให้ได้อภัยให้เป็น
ในทุกเงื่อนไขทุกสถานการณ์และกับทุกคนด้วย
โดยไม่มีข้อแม้ว่าใครดีจะดีตอบใครชังก็ชังตอบ
ซึ่งทุกคนจักต้องเอาชนะใจฝ่ายต่ำของตนให้ได้
ในลักษณะ #ถึงร้ายก็รัก นั่นเอง

พลังงานจิตด้านบวกจากจิตมนุษย์ที่รักกันนั้น
มันจะถูกเหนี่ยวรั้งลงไปยังแกนแม่เหล็กโลก
เพื่อทำปฏิกริยา #นิวเคลียร์ฟิสชั่น คือระเบิดปรมาณู
ซึ่งจะยังผลให้แกนแม่เหล็กเกิดการบิดตัวต่อเนื่อง
ถ้าโลกยังได้รับพลังงานจิตด้านบวกอยู่อย่างต่อเนื่อง
ดาวเคราะห์โลกก็จะสามารถเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองได้
ด้วยอัตราเร็วในการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองคงที่
ซึ่งยังผลให้โลกทั้งระบบเกิดความสมดุลได้นั่นเอง

นี่จึงเป็นที่มาของประโยคสำคัญที่ว่า

1.#เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
หมายถึงความรักช่วยให้โลกสมดุล

2.#เราคือโลก_โลกคือเรา
หมายถึง มนุษย์บนโลกเสรีทุกคน
จะช่วยกันค้ำจุนสมดุลโลกได้ก็ต่อเมื่อ
ทุกๆคนจักต้องมีจิตสามนึกที่สมดุลก่อน

ถ้าจิตสามนึกมนุษย์ส่วนใหญ่บนโลกนี้ไม่สมดุล
โดยใช้แต่กิเลสตัณหาสั่นสะเทือนขันธ์ห้าเท่านั้น
ก็จะยังผลให้โลกขาดพลังงานในการเหวี่ยงหมุน
โลกก็จะเสียสมดุลจากการหมุนรอบตัวเองช้าลง
จนมนุษย์จะต้องทำสงครามกับภัยพิบัติกันในที่สุด

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

เพื่อให้จิตวิญญาณแต่ละรูปธรรมที่จะเข้ามาเกิด
สามารถผลิตสร้างพลังงานความรักให้แก่โลกได้
จิตวิญญาณของพวกท่านสองสามรูปธรรม
จึงต้องออกแบบบทละครที่ต้องมาแสดงร่วมกัน
เมื่อเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์โลกกันในภพชาติแรก
โดยต้องวางแผนเรียนรู้ร่วมกันในห้องเรียนเล็ก
ที่พวกท่านเรียกว่าครอบครัวคือพ่อแม่ลูกนั่นแหละ

บทละครสำหรับห้องเรียนครอบครัวนี้
จะเป็นบทบาทที่แต่ละคนต้องแสดงร่วมกัน
ทั้งบทบาทที่ดีๆและบทบาทที่ร้ายๆ
เพื่อช่วยสร้างเงื่อนไขให้จิตหยาบของแต่ละคน
สั่นสะเทือนขันธ์ 5 เป็นความรักความเมตตาให้ได้
ตามคำกล่าวที่ว่า "ถึงร้ายก็ต้องรัก" นั่นเอง

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

การปฏิบัติธรรมของพวกท่าน
มันจึงต้องเริ่มต้นกันภายในครอบครัว
ซึ่งเป็นห้องเรียนขนาดเล็กก่อน

#การปฏิบัติธรรม หมายถึง
การเรียนรู้ที่จะ "ตอบสนอง" คนที่ท่านรักให้ได้
ด้วยความรักความเมตตา อดทน อดกลั้น ให้อภัย
แม้ว่าเขาจะทำตัวไม่น่ารัก ไม่น่าให้อภัยเลยก็ตาม
เพราะมันเป็น "บทละคร" ที่เขียนร่วมกันมาแบบนั้น
และทุกคนจักต้องตอบสนองมันด้วยความรัก
นี่คือการปฏิบัติธรรมที่แท้จริงของมนุษย์โดยแท้

ด้วยเหตุนี้เอง #การบรรลุธรรม จึงหมายถึง
ความสันติสุขและความอบอุ่นภายในครอบครัว
ที่พ่อแม่ลูกสามารถค้ำจุนสมดุลของครอบครัว
ให้มีความมั่นคงโดยไม่แตกแยกหย่าร้างกัน
จนสามารถครองรักร่วมกันได้อย่างมั่นยืน

เราจึงกล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า
จงอย่าหลับตาก้าวตาม "คนนำทางตาบอด"
เพราะพวกเขาละทิ้งทางโลกเพื่อปลีกวิเวก
โดยต้องการบรรลุธรรมตามวิธีคิดของพวกเขา
แต่พวกท่านนั้นเป็นผู้ครองเรือนซึ่งต้องมีสังคม
ต้องเป็นนักเรียนในห้องเรียนเล็กคือ "ครอบครัว"
วิธีการปฏิบัติธรรมจึงเลียนแบบฝ่ายนักบวช
ซึ่งเน้นการปฏิบัติธรรมคนเดียวไม่ได้

เพราะเป็นนักเรียนห้องเดียวกัน คือ ครอบครัว
ทุกคนพ่อแม่ลูกจึงต้องเรียนรู้ทุกอย่างร่วมกัน
ต้องผลัดกันออกข้อสอบและทำข้อสอบร่วมกัน
เพื่อที่จะสอบผ่าน "ความร้าย" ด้วย "ความรัก"

พวกท่านก็จะมีความก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ
โดยกายสังขารของท่านก็จะไม่มีอายุขัย
หมายถึงจะไม่มีเงื่อนไขอะไรให้ต้องตาย
เพราะพวกท่านไม่ตกเป็นทาสกฎแห่งกรรมอีก
เพียงแค่ปฏิบัติธรรมแบบบ้านใครบ้านมันนี่แหละ
พวกท่านก็บรรลุธรรมร่วมกันได้แล้ว
จะไปคิดให้มันยากเหมือนอดีตที่ผ่านมากันทำไม

พระบิดาหรือพระผู้สร้างคือ #องค์จิตจักรวาล
ทรงออกแบบวิธีปฏิบัติเอาไว้ง่ายๆมิได้ซับซ้อนเลย
อย่าไปคิดว่ามันยากเพราะพระองค์ทรงรักพวกท่าน
ทรงทราบดีว่าถ้ามันยากพวกท่านจะหลุดพ้นยาก
จึงทรงออกแบบเอาไว้ง่ายๆตามที่เรากล่าวไว้นี้

กราบพระบาทขอบพระทัยพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
14/02/2022

12 กุมภาพันธ์ 2565

VDO. 373: หลอนทุกข์หลงธรรม (Full Version)

 


บันทึกการสื่อพระโอวาทในระบบจิตสู่จิตจากองค์จิตจักรวาล

โดย อนุตรธรรมาจารย์ปริญญา ตันสกุล

11 กุมภาพันธ์ 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 11/02/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราได้กล่าวต่อท่านทั้งหลายตลอดมาว่า
ขณะนี้พระบิดาได้ทรงพิพากษามนุษย์กับโลก
เพื่อปรับสมดุลโลกสู่ยุคพลังงานใหม่แล้ว

ดังนั้น
ขยะมนุษย์ขยะมารขยะมอดขยะวัตถุเท็คโนโลยี
จักต้องถูก "กำจัด" ออกไปจากระบบโลกทั้งหมด
ไม่ว่าจะลอยสูงตั้งอยู่บนแผ่นดินหรือแฝงตัวใต้ดิน
เพราะขยะทั้งหลายเหล่านี้หนักโลกรกแผ่นดิน
ซึ่งเป็นเหตุให้ดาวเคราะห์โลกเสียสมดุลรุนแรง
จนยากที่มนุษย์โลกด้วยกันเองจะค้ำจุนได้แล้ว

ขยะอวกาศที่ถูกปลดปล่อยขึ้นไปนับพันชิ้นนั้น
ชาวโลกอาจมองว่าเป็นเท็คโนโลยีใหม่ล้ำยุค
ที่จะเชื่อมมนุษย์ทั้งโลกเอาไว้ด้วยกันอย่างง่าย
ด้วยโครงข่ายการสื่อสารด้วยดาวเทียมอัจฉริยะ
แทนสถานีถ่ายทอดสัญญาณมากมายบนพื้นดิน
จึงทำให้โทรศัพท์มือถือมีพลังอำนาจมากขึ้น
เพราะสัญญาณชัดไม่ต้องใช้ซิมและใช้เน็ตไม่อั้น
ที่กล่าวนี้เป็นมุมเห็นของชาวโลกบนภาคพื้นดิน

แต่ในสายตาของฟ้าหรือพระผู้สร้างแล้ว
ทรงมองเห็นบางสิ่งที่บุตรมนุษย์มิอาจเห็น
ที่เราพอจะเปิดเผยให้ท่านรู้ไว้บางส่วนก็คือ
วัตถุเท็คโนโลยีเหล่านี้แท้จริงนั้นมันเป็นขยะ
เพราะมิได้เป็นคุณประโยชน์แต่เป็นโทษภัย

ขอถามว่าท่านทั้งหลายจะยอมรับกันได้ไหม
ถ้าต้องถูกต้อนให้ไปรวมตัวกันอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่ง
โดยผู้มีอำนาจเหนือจะคอยสอดส่องมองท่าน
ด้วยดวงตาจำนวนนับพันๆดวงอยู่ทั้งวันคืน
ไม่ว่าท่านจะหยัดยืนหลับนอนหรือทำอะไร
พวกเขาจะรู้เห็นพฤติกรรมของท่านทั้งหมด
ไม่ว่าท่านจะสนทนากันกับใครด้วยเรื่องอะไร
วางแผนการกันว่าจะคิดทำอะไรไม่ว่าดีหรือชั่ว
มันจะไม่เป็นความลับเฉพาะกันอีกแล้ว

นอกจากนั้น
วัตถุเท็คโนโลยีขยะที่เรากล่าวเพื่อเป็นตัวอย่างนี้
มันถูกสร้างให้ทำงานร่วมกับจิตและดีเอ็นเอ
ที่สามารถโต้ตอบกับจิตประสาทของมนุษย์ได้
ด้วยสารแม่เหล็กชนิดนาโนที่พวกท่านนำเข้าไป
แบบค่อยๆเติมเต็มเพราะถูกจูงใจด้วยความไม่รู้

ผู้คนทั้งหมดจะถูกจัดการแบบเบ็ดเสร็จ
ที่สามารถกำกับควบคุมอารมณ์รู้สึกนึกคิดต้องการ
ให้ใช้ชีวิตไปตามผู้ที่มีอำนาจเหนือต้องการ
ผ่านคลื่นวัตถุเท็คโนโลยีที่นำมาหาไว้ติดตัวกันอยู่
โดยพวกท่านจะมิอาจมีสติควบคุมตนเองได้เลย

ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามนี้
ผู้มีอำนาจควบคุมสั่งการก็จะมีอำนาจสูงสุด
เหนือนำผู้คนที่ถูกต้อนรวมกันไว้ได้ในทุกพื้นที่
ผู้คนทั้งหลายเหล่านั้นก็จะตกเป็นทาสที่โง่ง่าย
ของประดามอดมารที่ปลอมตัวเป็นพระเจ้าแทน
ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าถ้าผู้คนส่วนใหญ่รู้ความจริงแล้ว
คงจะไม่มีใครยอมรับมอดมารซาตานเป็นแน่แท้

ดังนั้น
การที่ดวงตามอดจำนวนกว่า 40 ดวง
ที่ถูกทำลายให้หายนะพร้อมกันเมื่อไม่กี่วัน
ก่อนจะถูกสั่งให้ "ลืมตา" อยู่บนฟ้าอย่างถาวรนั้น
คงจะพอช่วยชะลอความหายนะให้ช้าลงได้บ้าง

ด้วยเหตุนี้เองสิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้
มันจึงเป็น #ปฏิบัติการ มิใช่ #ปรากฏการณ์

มันเป็นความรักก่อนวันวาเลนไทน์จากพระบิดา
ผู้ทรงเป็นพระเจ้าพระองค์จริงเพียงพระองค์เดียว
ที่ทรงประทานให้แก่บุตรรักของพระองค์
โดยหวังว่าจะทรงสร้างสติทางวิญญาณให้ท่านได้
ก่อนหายนะภัยจะเกิดขึ้น

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธฺปัญญา
11/02/2022

08 กุมภาพันธ์ 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 8/02/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้พวกท่านรู้ว่า
ในสังคมโลกทุกวันนี้มีตัวอย่างอยู่มากมาย
ที่จะใช้เป็นสิ่งยืนยันคำกล่าวของเราได้ว่า
แม้จะบวชเรียนกันมานานก็ยัง #นิพพาน ไม่ได้

คำว่า "นิพพานไม่ได้" เราหมายถึง

1.ดับการเกิดดับของกิเลสในขันธ์ 5 ไม่ได้
เพราะใช้อายตนะภายนอกทั้งห้าไม่เป็น
บ้างก็ไม่ยอมใช้โดยแสร้งทำเป็นพิการไปก็มี
จึงปฏิบัติธรรมด้วยการปิดอายตนะและปลีกวิเวก
ทำให้ขาดทักษะการใช้อายตนะภายในคือจิต
ซึ่งต้องทำงานร่วมกันกับอายตนะภายนอกด้วย
ตามที่พระบิดาทรงออกแบบเอาไว้ให้

2.ดับการเกิดดับของ "กิเลส" ในเวทนาขันธ์ไม่ได้
เพราะไม่มีใครหรือสิ่งใดช่วยสร้างเงื่อนไขให้
นอกจากการนั่งนึกเอานึกเองสร้างประเด็นเอง
เนื่องจากปลีกไปปฏิบัติธรรมอยู่ตามลำพัง
แถมยังปิดหน้าต่างทั้งห้าบานเอาไว้ตลอด
จิตตนที่อยู่ข้างในจึงหมดโอกาสจะรู้เห็นอะไร

พอนั่งนอนฝึกบังคับจิตให้สงบระงับได้
เพราะไม่มีใครหรือสิ่งใดยั่วยุปลุกเร้าท่านได้
ก็เข้าใจผิดคิดว่าความสงบระงับนั้นคือของจริง

ทั้งๆที่แท้แล้วความสงบระงับที่เกิดขึ้นอยู่นั้น
เกิดจากจิตหยาบถูกกดบังคับให้มันนิ่งสงบ
ด้วยวิธีที่เรียกว่า #สมถะกรรมฐาน จนได้ผล
อีกทั้งเพราะอายตนะภายนอกทั้งห้าถูกปิดไว้
ท่านจึงไม่สามารถรับรู้เงื่อนไขสิ่งเร้าข้างนอก
ที่จะกระตุ้นจิตหยาบให้สั่นสะเทือนขันธ์ 5 ได้
การรับรู้รูปนามและการเกิดเวทนาขันธ์จึงสงบ

การปฏิบัติธรรมแบบนี้แหละ
ทำให้ผู้ปฏิบัติเกิดความ "หลงผิด" ที่จิตสงบระงับ
จนเข้าใจว่าตนนั้นดับทุกข์จนพ้นทุกข์ได้แล้ว
จึงเหมารวมเอาเองว่าท่านน่ะดับอัตตาได้แล้ว
เพราะเข้าใจว่า "ตัวตนที่ทุกข์นั้น" มันดับสิ้นแล้ว
ซึ่งหลงผิดเข้าใจผิดปฏิบัติผิดมาตลอด
ทั้งๆที่ "กิเลส" ในเวทนาขันธ์มันยังมิได้ชำระเลย
แต่มันยังนอนเนื่องอยู่ข้างในจิตท่านอยู่นั่นเอง

3.ยังดับการเกิดดับของตัณหา ราคะ อารมณ์ขยะ
รวมทั้งดับการเวียนว่ายตายเกิดและสังสารวัฏไม่ได้
เพราะเหตุว่าจิตหยาบมิได้ดับการเกิดดับอะไรเลย
ตัวต้นเหตุแห่งการเกิดทุกข์เกิดภพชาติ
ท่านยังมิได้ข้องแวะแตะต้องเพื่อการดับมันเลย
คงมีแต่ความ "สงบระงับ" ชั่วคราวเท่านั้นเอง

ท่านที่ชอบหนีครอบครัวเข้าป่าไปหาความสงบ
ยามที่มีปัญหาครอบครัว มีปัญหาชีวิตและงาน
ไม่ว่าจะเป็นแบบชั่วคราวชั่วครั้งที่จะไป
หรือจะตั้งอกตั้งใจจริงจังถึงขั้น "นิพพาน" ก็ตาม
เส้นทางคนนำทางตาบอดนี้มันช่วยคฤหัสถ์ไม่ได้

เพราะเป็นวิธีที่ไม่เหมาะกับบริบทของพวกท่าน
อีกทั้งยังเป็นวิธีการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องตรงจริง
ตามที่พระบิดาทรงออกแบบไว้ให้พวกท่านทำด้วย
เช่น ทรงอนุญาตให้พวกท่านมาเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อเป็นสัตว์สังคมมิใช่ให้ปลีกตัวออกจากสังคม
ที่ให้เป็นสัตว์สังคมก็เพื่อให้ใช้ความรักและปัญญา
ขับเคลื่อนขันธ์ห้าเพื่อหมุน "ธรรมจักร" ให้ได้
โดยอาศัยบททดสอบที่พวกท่านกระทำต่อกัน
ทั้งบททดสอบง่ายๆและยากๆทั้งบทดีและบทร้าย
ซึ่งจิตวิญญาณของท่านเขียนบทกันมาเองทั้งนั้น

ถ้าสามารถสั่นสะเทือนขันธ์ห้าเป็นธรรมจักรได้
ท่านกับคนรอบข้างก็จะมอบพลังจิตเป็นความรัก
ในรูปคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวกช่วยค้ำจุนโลก
ตามหน้าที่ของจิตวิญญาณที่อาสาพระองค์มาได้
พวกท่านก็จะไม่เกิดทุกข์ใดๆเลยในชีวิต

สาเหตุที่คนนำทางตาบอดหลงทางทำ
เพราะพวกเขาทำอายตนะมืดบอดทั้งๆที่มันดีอยู่
เพราะพวกเขาละทิ้งสังคมซึ่งมีผู้ช่วยเหลืออยู่

ผู้ช่วยเหลือคือผู้ร่วมเล่นละครชีวิตที่วางแผนกันมา
ให้ช่วยยื่นเงื่อนไขกระตุ้นจิตหยาบให้เกิดขันธ์ห้า
เหมือนกับการช่วยสตาร์ทเครื่องยนต์ให้กันนั่นเอง
แต่พอสตาร์ทติดแล้วกลับหมุนกรรมจักรแทนเสียนี่
ผลของการหมุน #กรรมจักร ทั้งวันกันนี่แหละ
มันคือที่มาแห่งทุกข์จนเมาทุกข์ไปตามๆกัน

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
พวกเขาทั้งหลายจึงจับเอาทุกข์เป็นตัวประกัน
เพราะหลงทุกข์จึงพยายามจะหนีทุกข์ดับทุกข์
โดยไม่ใส่ใจว่าตนมาเกิดเป็นมนุษย์กันทำไม
ตนมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้างและใครให้มาเกิด
พวกเขาจึงล้วนเกิดการเมาหมัดกันเป็นการใหญ่

แทนที่จะใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
จึงได้แต่หาหนทางช่วยตัวเองให้พ้นทุกข์
แบบคนเห็นแก่ตัวอยู่อย่างเดียวจนลืมโลก
จนให้นิยามคำว่า "นิพพาน" ผิดไปจากความจริง
นั่นคือนิพพานหมายถึงการดับอัตตาของตนได้
จนไม่มีตัวตนที่จะย้อนกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก

ทั้งๆที่นิพพานแท้จริงนั้นมันคือการนิพพานกิเลส
อันเป็นที่มาแห่งการเกิดตัณหาราคะอารมณ์ขยะ
อันเป็นที่มาของการมีภพชาติสังสารวัฏและทุกข์

ทั้งๆที่พวกท่านต้องนิพพานก่อนจะตาย
แปลว่าถ้านิพพานจริงแท้ได้ท่านจะต้องเป็นอมตะ
จิตวิญญาณของท่านจะไม่มีการตายอีก
เพราะไม่มีกรรมเป็นกำเนิดอีกแล้วนั่นเอง
มิใช่ตายแล้วค่อยนิพพานอย่างที่หลงเชื่อกันอยู่

ดังนั้น
ท่านที่ได้เข้าเฝ้าพระบิดาเมื่อมาพบเราแล้ว
จงเลิกหลับตาก้าวตามคนนำทางตาบอดเสียที
จงอย่าเสียดายของเก่าที่แบกขนกันไว้บนบ่า
แค่วางมันลงให้สิ้นแล้วใช้ปัญญาของท่านแทน

เพราะปัญญาคือแสงสว่างที่จะส่องทางก้าวเดิน
ลัดตรงสู่ประตูนิพพานเพื่อการหลุดพ้นกลับบ้าน
กลับคืนสู่อ้อมกอดของ GOD ที่ทรงรอท่านอยู่

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
8/02/2022

07 กุมภาพันธ์ 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 7/02/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้รู้ไว้ทั่วกันว่า

จิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ในการเป็นมนุษย์นั้น
คือรูปธรรมทางพลังงานซึ่งขันอาสาพระบิดา
จากบ้านเกิดในแดนสุญตานอกระบบเอกภพ
เข้ามาทำหน้าที่ร่วมกันกับเพื่อนมนุษย์และสัตว์
ใช้จิตหยาบสั่นสะเทือนเป็น "ความรัก" ร่วมกัน
ผ่านกระบวนการของ "ขันธ์ 5" เพื่อหมุนธรรมจักร
แล้วผลิตพลังงานจิตด้านบวกในรูปของคลื่นไฟฟ้า
กระตุ้นให้ "แกนแม่เหล็ก" ที่ติดตั้งอยูในใจกลางโลก
เกิดการระเบิดเพื่อบิดตัวแล้วทำให้โลกเหวี่ยงหมุน
เพื่อสร้างความสมดุลให้แก่ดาวเคราะห์โลกนี้ให้ได้

ความจริงอันล้ำลึกที่เรากล่าวไว้ข้างต้นนี้
เป็นสัจธรรมความจริงในระดับ #อนุตรธรรม
ที่พระศาสดามิได้ทรงสอนในพระคัมภีร์เล่มใดก็ไม่มี
มนุษย์คนใดบนโลกนี้ก็ไม่สามารถคิดรู้เองได้
ซึ่งผู้ที่จะกล่าวความจริงนี้ต่อท่านทั้งหลายได้
มีเพียงพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่านเท่านั้น
เพราะพระองค์เป็นผู้ทรงอนุญาตให้พวกท่านมา
ทำหน้าที่ต่างๆตามที่ทรงออกแบบไว้นั่นเอง

เพราะมนุษย์ไม่รู้ความจริงเหล่านี้
มนุษย์จึงไม่รู้จักพระบิดาหรือไม่รู้จักพระผู้สร้าง
มนุษย์จึงไม่รู้ว่าจิตวิญญาณของตนมาจากไหน
ไม่รู้ว่าจิตวิญญาณตนมาเกิดเป็นมนุษย์กันทำไม
ไม่รู้ว่าเมื่อมาเกิดแล้วมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง

ดังนั้น
มนุษย์จึงถูก "มอด" ที่แอบแฝงตัวอยู่ในระบบโลก
หลอกลวงว่าพวกตนคือพระผู้สร้างหรือพระเจ้า
ที่เป็นผู้สร้างโลกและสร้างมนุษย์ขึ้นมาในจักรวาล
โดยทำการหลอกลวงให้เชื่อกันมาตั้งแต่ยุคโบราณ
นับแต่ยุคเลมูเรียแอตแลนติส กรีกโรมัน และอียิปต์
หลอกลวงมาจนถึงโลกปลายยุคพลังงานเก่านี้แล้ว

มอดก็คือรูปธรรมที่มีชีวิตจากดาวอื่น
ที่รุกรานเข้ามาแทรกแซงอยู่ในระบบโลก
แล้วใช้เท็คโนโลยีที่เหนือกว่าพลังจิตที่เหนือกว่า
รวมทั้งความฉลาดทางปัญญาที่เหนือกว่า
สำแดง "มายา" อย่างมีตัวตนจริงๆให้มนุษย์ต้องเชื่อ
แล้วใช้ "กิเลส" ของมนุษย์นี่แหละเป็นเครื่องมือ

มนุษย์ทุกยุคสมัยจึงบูชาพระเจ้าตัวปลอม
ที่มนุษย์ชั้นผู้นำจับมือกันกับมอดสร้างตัวตนขึ้นมา
เช่น กำหนดให้บูชาเงินตราเป็นเสมือนดั่งพระเจ้า
ให้บูชาวัตถุเท็คโนโลยีที่สร้างขึ้นมาเป็นดั่งพระเจ้า
ยังผลให้มนุษย์พากันตกเป็นทาสพระเจ้าตัวปลอม
ด้วยอำนาจของกิเลสมารที่ถูกติดตั้งเอาไว้ให้ข้างใน
จนพากัน "ลืม" พระเจ้าพระองค์จริงกันไปในที่สุด

เพราะมนุษย์ชนชั้นผู้นำบ้าอำนาจและโลภ
จึงถูกมอดใช้เท็คโนโลยีเป็นสิ่งจูงใจให้ตกเป็นทาส
โดยสัญญาว่าจะช่วยให้พวกตนมีอำนาจเหนือโลก
เพื่อแลกกับสวัสดิภาพความปลอดภัยของมอด
ที่จะโผล่ขึ้นมาจากใต้ดินโดยไม่ต้องลับๆล่อๆอีก
โดยยอมเป็นทาสมอดลอบทำร้ายพี่ๆน้องๆของตน
ด้วยสารพิษบ้างและเชื้อร้ายจากห้องแลปบ้าง
เป้าหมายสำคัญคือควบคุมบังคับจิตมนุษย์ให้ได้
โดยเฉพาะมนุษย์ระดับที่มีคุณภาพพอตัว
ส่วนจำพวกที่เห็นว่าด้อยคุณภาพจะถูก "คัดทิ้ง"
เพราะอยู่ไปก็ช่วยทำประโยชน์อะไรไม่ได้ เป็นต้น

มนุษย์โลกเมื่อฟังเรื่องทำนองนี้แล้วจะรู้สึกเฉยๆ
เพราะคุ้นชินจากเรื่องราวในภาพยนตร์บ้าง
คุ้นชินจากเกมส์คอมพิวเตอร์บ้าง
แต่ไม่คุ้นชินกับความจริงที่อยู่ในพระคัมภีร์
เพราะไม่เคยเปิดอ่านไม่เคยใส่ใจด้วยคิดว่าไร้สาระ
จึงเข้าไม่ถึงคำพยากรณ์เรื่อง "วันพิพากษา"

มนุษย์ถูกล่อให้โลภ
มนุษย์ถูกหลอกให้หลงงมงาย
มนุษย์ถูกลวงให้โง่ง่ายสาระพัดวิธี

เพราะมนุษย์ขาดการติดอาวุธทางปัญญา
เพราะมนุษย์พากันหลงทางมอดและมาร
เพราะขาดสติทางวิญญาณจนหลงทางนิพพาน
เพราะมนุษย์โลกไม่เลือกข้างพระบิดา

ปฏิบัติการคัดไว้จึงต้องเริ่มลงมือปฏิบัติการ
เพื่อจัดการมอดกับมารและขยะเท็คโนโลยี
ให้ล่มจมหายไปเก็บฝังไว้ใต้ธรณี
ก่อนแผ่นดินโลกของพระบิดาจะล่มสลายในมือมาร

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
7/02/2022

05 กุมภาพันธ์ 2565

VDO. EP. 372: คนสิจะรออะไร (Full Version)


 

บันทึกการสื่อพระโอวาทในระบบจิตสู่จิตจากองค์จิตจักรวาล

โดย อนุตรธรรมาจารย์ปริญญา ตันสกุล

04 กุมภาพันธ์ 2565

คำสอน 4/02/2022

 

พระบิดาทรงทราบว่า
มนุษย์มีทุกข์เพราะ
ต้องการแสวงหาปัจจัยสี่

ถ้าท่านแสวงหาทางหลุดพ้น
และจำพระองค์ได้แล้ว
จะทรงเพิ่มเติมสิ่งเหล่านี้
ให้ท่านเอง

03 กุมภาพันธ์ 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 3/02/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ขณะนี้เป็นช่วงคาบสุดท้ายปลายยุคพลังงานเก่า
ซึ่งพระบิดาได้ทรงพิพากษาโลกแล้ว
เพื่อปรับสมดุลโลกและชำระขยะออกไปจากระบบ
ในการเตรียมมนุษย์กับโลกสู่ยุคพลังงานใหม่

ข่าวสารการสิ้นยุคและปฏิบัติการชำระโลกนี้
พวกมอดพวกมารพวกซาตานทั้งหลาย
ไม่ว่าจะเป็นพวกที่แอบแฝงเร้นตัวอยู่ในระบบโลก
หรือพวกที่เทียวไปเทียวมาหาประโยชน์จากโลก
คือพวกที่ไม่ได้รู้ระแคะระคายข่าวสารนี้กันมาก่อน
รวมทั้งพี่ๆน้องๆส่วนใหญ่บนดาวโลกเสรีดวงนี้ด้วย
โดยพวกเขารู้แค่ว่าโลกและเอกภพมีอาการไม่ปกติ
แต่ก็ไม่รู้ว่าความไม่ปกตินั้นมันเกิดจากสาเหตุใด

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงที่จำเป็นต้องกล่าวให้รูู้ว่า
มนุษย์แท้ทุกคนที่มิใช่มนุษย์เทียมบนโลกนี้
จักต้องตื่นตัวตี่นตาตื่นใจตื่นรู้และตื่นแจ้งกันได้แล้ว
เพื่อที่จะปกป้องกายสังขารและจิตวิญญาณตนเอง
ให้รอดพ้นปลอดภัยในสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า "ภัยพิบัติ"

คำว่าภัย "พิบัติ" หมายถึง
เหตุการณ์ สถานการณ์ หรือปฏิบัติการแบบต่างๆ
ที่มนุษย์โลกจักต้องได้เผชิญด้วยตนเอง
ขณะยังมีชีวิตอยู่หรือขณะมีภพชาติเป็นมนุษย์
โดยมีความรอดกับความตายเป็นเดิมพัน
โดยมีตัวอย่างของ #ภัยพิบัติ ดังต่อไปนี้

1.ภัยพิบัติจากการเสียสมดุลทางธรรมชาติแวดล้อม
อันเกิดจากการกระทำต่อโลกของมวล "มนุษย์" เอง
ซึ่งนอกจากจะใช้ความรัก "ค้ำจุนโลก" ไม่ได้แล้ว
ผู้พิทักษ์โลกที่อาสามากลับเป็นผู้ "ทำลาย" เสียเอง

พวกท่านจึงต้องเจอแผ่นดินไหว ภูเขาไฟระเบิด
อุทกภัยฉับพลันที่รุนแรง แผ่นดินแห้งแล้ง
บางพื้นที่ก็หนาวจัดเป็นประวัติการณ์
จนแม้ทะเลทรายก็พบเจอ "หิมะตก" เป็นต้น

2.ภัยพิบัติที่เกิดจากการทดลองของ "มอด" บางเผ่า
ซึ่งคิดสร้างวัตถุเท็คโนโลยีขยะขึ้นมาใช้ประโยชน์
เพื่อจะ #ควบคุมโลก และควบคุมจักรวาลในขั้นต่อไป

ตัวอย่างเช่น เครื่องมือควบคุมอำนาจแม่เหล็กโลก
เครื่องผลิตพลังงานแสงและรังสีแทนดวงอาทิตย์
วัตถุเท็คโนโลยีที่จะใช้ "ควบคุมจิต" ของมนุษย์
ให้มีความคิด ความเชื่อ ความฉลาดไปตามที่ตนบงการ
เพื่อให้มนุษย์ทั้งโลกตกอยู่ใต้อำนาจของพวกตนให้ได้
โดยมีเป้าหมายว่าต้องสำเร็จภายใน 8 ปีข้างหน้า

ดังนั้น
มนุษย์โลกจึงต้องเผชิญสิ่งร้ายๆหลายแบบ
เช่น ดินฟ้าอากาศวิปริตแปรปรวนอย่างไม่น่าเกิด
โลกเกิดอาการเสียสมดุลของแกนแม่เหล็กโลก
สนามแม่เหล็กโลกวิปริตแปรปรวนหนักขึ้นเรื่อยๆ
แม้กระทั่งอุกกาบาตจะตกมากขึ้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ
ภูเขาไฟจะปะทุแรงขึ้นน้องๆระเบิดเลยทีเดียว

นอกจากนั้นเชื้อโรคระบาดที่ผลิตจากห้องแล็ป
โดยน้ำมือของมอดกับมารสมคบคิดกันก็จะรุนแรงขึ้น
เพื่อซื้อขายความกลัวตายด้วย "สารนำเข้า" ที่มีพิษ
ซึ่งมีหน่วยงานที่มีสัญลักษณ์อสรพิษเป็นแกนนำ
โดยจะทำควบคู่กันกับแผนควบคุมจิตมนุษย์
ผ่านโทรศัพท์มือถือที่ซื้อหากันมาทำร้ายตัวเอง
ด้วยระบบดาวปลอมที่พวกเขาสร้างขึ้นมารองรับ

นอกจากนั้น
ท่านทั้งหลายจำพวกที่ยัง "โง่ง่าย" และกิเลสหนา
จะถูกมอดใช้ให้พวกนักวิชาการที่หิวแสงไลฟ์สด
พวกอ้างตนเป็นครูผู้รู้ธรรมะที่มีสาวกฟังกันเยอะๆ
พวกที่อวดอ้างตนเป็นเจ้าลัทธิอุตริช่วยคุณให้รวยได้
พวกที่อ้างตนว่าเป็นฝ่าย "พระเจ้า" หรือพระผู้สร้าง
ซึ่งมีมอดมารไฮบริดอยู่ข้างหลังล้วนหลอกลวงทั้งนั้น
เพราะเคยหลอกลวงมนุษย์ได้ผลมาแล้วทุกยุคสมัย

พวกเขาจะจู่โจมโหมทำผ่านโซเชียลในทุกโครงข่าย
ให้พวกท่านเผชิญกันอย่างโจ๋งครึ่มและเปิดเผยหน้า
โดยไม่กลัวว่าพวกท่านจะรู้เท่าทันกันอีกแล้ว

เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า "โลกนี้กำลังมีภัย"
ขอพวกท่านจงดับกิเลสอยากรู้อยากรวยอยากเด่นดัง
ซึ่งเป็นกิเลสมารกันเสียให้สิ้นโดยพลัน
มิเช่นนั้นท่านก็จะเป็นอีกคนหนึ่งที่จะ "สอบตก"
และจักต้องถูกทูตสวรรค์ "คัดทิ้ง" ไปในบัดนั้น
เพราะรู้จักพระบิดาแล้วยังจะแถไถไปยุ่งกับมารอีก
ด้วยหวังว่าเมื่อถึงวันเวลาพิพากษาในอีกไม่ช้า
จักได้รับการละเว้นละไว้หรือได้รับการอภัยเช่นนั้นหรือ

เราจึงขอเตือนมาเป็นครั้งสุดท้ายด้วยรักบริสุทธิ์ว่า
จะถูกคัดทิ้งหรือว่าคัดไว้อยู่ที่ใครคนนั้นเป็นผู้เลือก
จะตกเป็นเหยื่อมอดมารหรือไม่ก็อยู่ที่โง่ง่ายกับกิเลส
เป็นเครื่องมือพิพากษาตนเองนั่นแหละ

ท่านทั้งหลายจะต้องจำเอาไว้ว่า
พระผู้สร้างหรือพระผู้เป็นเจ้ามีเพียงพระองค์เดียว
มิใช่พวกมอดมารหรือผู้ใดในอนันตจักรวาล
ที่กำลังแย่งกันเข้ามาแอบอ้างล้างสมองคนโง่ง่าย
ผ่านผู้บูชาลัทธิต่างดาวว่าตนเป็นเทพเจ้ากันขรม
ซึ่งพวกนี้เคยทำสำเร็จมาแล้วทั้งในยุคแอตแลนติส
ทั้งในยุคกระหายสงครามสมัยกรีกและโรมันรุ่งเรือง
แม้กระทั่งในยุคอียิปต์โบราณที่เริ่มไฮบริดกันแล้ว

ถ้าอยากรู้ความจริงที่ไม่หลอกแบบนี้เพิ่มอีก
ให้เรียนรู้จากพระโอวาทพระบิดาที่นี่ที่เดียวเท่านั้น
อย่าทิ้งห้องเรียนนี้ไปอีกเลยเพราะความจริงอยู่ที่นี่
และประตูแห่งการหลุดพ้นก็มีแค่เพียงประตูเดียว
คงไม่ต้องกล่าวซ้ำนะว่าผู้เฝ้าประตูบานนั้นเป็นใคร

กราบพระบาทพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
พระผู้สร้างพระองค์จริงพระองค์เดียวเท่านั้น

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
3/02/2022