27 มิถุนายน 2559

จงอย่าทำความดีงาม เพื่อให้คนสรรเสริญ


เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

จงอย่าทำความดีงามใดๆเพื่ออวดคนอื่นๆ
จงอย่าทำความดีงามใดๆเพื่อหวังเอาหน้า
จงอย่าทำความดีงามใดๆเพื่อหวังคำสรรเสริญ
จงอย่าทำความดีงามใดๆเพื่อหวังสิ่งตอบแทน

ท่านจะมิได้รับบำเหน็จรางวัลใดๆจากพระบิดา
เพราะท่านได้รับบำเหน็จรางวัลตามที่หวังนั้นไปแล้ว

บำเหน็จรางวัลที่ท่านหวังจากการกระทำกรรมดีนั้น
เป็นผลของการกระทำในมิติโลกทางกายภาพ
ที่ตัวท่านเป็นผู้กำหนดมันขึ้นมาเอง
ด้วยจิตหยาบและจิตวิญญาณของท่าน
โดยจิตทั้งสองจะสั่นสะเทือนร่วมกันในสองมิติ
เพื่อให้บำเหน็จรางวัลนั้นแก่การกระทำของตัวเอง

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
การกระทำความดีงามแล้วร้องขอสิ่งตอบแทนดั่งนี้
เป็นการประพฤติดีปฏิบัติชอบที่ไม่ถูกต้อง
เพราะท่านได้ก้าวล่วงกระบวนการของ "พระเจ้า"
ด้วยการแทรกแซงภารกิจแห่งองค์จิตจักรวาล

จนยังความ "เสียหาย" ต่อสมดุลแห่งจักรวาล
จนสร้างความ "เสียประโยชน์" ทั้งหมดทั้งมวล
ต่อจิตวิญญาณของตัวท่านเอง
เสมือนหนึ่งท่าน "ปฏิเสธ" บำเหน็จจากพระองค์โดยแท้

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ท่านจักต้องรู้ว่าการสั่นสะเทือนทางจิตสาม (สำ) นึก
จนเกิดเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดต้องการที่จะทำดีใดๆ
แล้วถูกขับเคลื่อนออกมาทางกายกรรม-วจีกรรมนั้น

ถ้าจิตมนุษย์ของท่านไปใส่รหัสผลลัพธ์ที่ต้องการไว้
จิตวิญญาณของท่านโดย "จิตใต้สำนึก"
ก็จะสั่นสะเทือนไปตามความต้องการของจิตสำนึก
เพื่อใช้ "พลังทางจิตวิญญาณ" ไปเหนี่ยวรั้งดึงดูด
สิ่งที่ท่านวาดหวังมาเป็น "บำเหน็จ" แก่ท่านเสมอ
ซึ่งมีทั้งได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้างปะปนกันไป

แต่ถ้าท่าน "สั่นสะเทือน" จิตสำนึกของท่าน
เพื่อการแสดงออกหรือกระทำความดีงามใดๆในชีวิต
โดยไม่ใส่รหัสความต้องการในบำเหน็จเอาไว้
"จิตใต้สำนึก" ก็จะสั่นสะเทือนไปตาม "จิตสำนึก"
เพื่อให้เกิดการกระทำในมิติของจักรวาล
คู่ขนานไปกับการสั่นสะเทือนในมิติโลกได้อย่างเสรี

สายธารแห่งคลื่นพลังงานจากจิตใต้สำนึกที่ดีงามนั้น
ก็จะถูกเหวี่ยงออกมาจากแก่นแท้สู่ภายนอก
แล้วเคลื่อนตัวผ่านสนามพลังงานที่อยู่รายรอบ
เพื่อเดินทางไกลไปกราบถวายรายงานต่อพระบิดา
ซึ่งทรงประทับอยู่ ณ จุดศูนย์กลางจักรวาลสากล

พระองค์ก็จะทรงพิจารณาความดีความชอบของท่าน
เพื่อประทานบำเหน็จรางวัลอันเหมาะสมมาให้เอง
โดยที่ตัวท่านไม่จำเป็นจะต้องร้องขอเลย

เพราะทุกสรรพสิ่งในจักรวาลอันไพศาลนี้
รวมทั้งมนุษย์ทุกคนบนโลกเสรีนี้ด้วย
ล้วนถูกกำหนดติดตั้งให้มีการเชื่อมโยงเอาไว้
กับจุดศูนย์กลางของจักรวาลสากล
อันเป็นจุดเริ่มต้นและสิ้นสุดของทุกสรรพสิ่ง
ซึ่งตัวเราถวายพระนามแก่พระองค์ว่า "พระเจ้า" นั่นเอง

ดังนั้น
ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้เอาไว้ว่า
ถ้าท่านทำความดีงามใดๆแล้วร้องขอสิ่งตอบแทน
มันก็คือการกำหนด "บำเหน็จ" ที่ตนต้องการ
ให้จิตวิญญาณของท่านใช้ "พลังจิตใต้สำนึก"
ไปเที่ยวน้อมนำสิ่งนั้นๆมาให้ท่านเอง
ซึ่งเป็นการแทรกแซงกระบวนการของพระเจ้า

การทำดีเพื่อหวังเอาหน้า หวังให้ผู้คนสรรเสริญ
การทำทานแล้วอธิษฐานขอสิ่งตอบแทนทุกครั้งที่ทำ
ท่านจะมิอาจรับบำเหน็จจากพระหัตถ์ของพระเจ้าได้
เพราะท่านสั่งการให้จิตวิญญาณตนเอง
ใช้พลังจิตใต้สำนึกตอบสนองความต้องการให้แล้ว
พลังจิตใต้สำนึกจึงสูญเปลืองไปอย่างไม่สมค่า

เพียงแค่ท่านได้หน้าได้ตาได้คำสรรเสริญเยินยอ
เพียงแค่ท่านได้ประโยชน์โภชน์ผลตอบแทน
ตามที่คิดต้องการหรือตามที่อธิษฐานร้องขอ
ก็ล้วนแต่เป็นการให้ "บำเหน็จ" แก่ตนเอง
จากการทำความดีงามทุกครั้งในภพชาติปัจจุบัน
อันเป็นประโยชน์ต่อกายสังขารที่รอวันตายเท่านั้น

จงระลึกเอาไว้เสมอว่าในมิติโลกของท่านนั้น
หากท่านกระทำความดีงามเมื่อไหร่
ท่านก็จะได้รับสิ่งดีงามตอบแทนอยู่แล้ว
ไม่ช้าก็เร็ว ไม่มากก็น้อย
แล้วท่านจะกำหนดบำเหน็จรางวัลให้ตนเองอีกทำไม

เมื่อทำดีทำทานทุกครั้ง
ท่านก็ได้รับสิ่งดีตอบแทนกันอยู่แล้ว
ใยจึงมิยอมให้จิตวิญญาณของท่าน
ใช้พลังจิตใต้สำนึกไปกราบพระบาทพระบิดา
เพื่อรับประทานบำเหน็จจากพระหัตถ์ของพระองค์
มาเติมเต็มพลังอำนาจทางวิญญาณของท่านไว้
เพื่อใช้เป็น "เสบียงพลัง" ที่จะนำพาแก่นแท้
สู่การหลุดพ้นหรือนิพพานในชาตินี้ล่ะ

เราบอกความจริงแก่ท่านแล้วว่า
จงอย่าแทรกแซงพระภารกิจแห่งพระเจ้า
อย่าทำความดีงามเพื่ออวดคนอื่น
จงทำดีเพราะรู้ว่าดี
จงมีความปีติยินดีในความดีที่กระทำนั้นก็พอแล้ว

เรายังมีเรื่อง "จิตใต้สำนึก" มากล่าวต่อท่านอีก
ท่านใดปรารถนาเรียนรู้ต่อเนื่อง
ก็จงให้เกียรติเรา "ชูมือ" อันสง่าของท่านอีกครั้ง!!!

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
27-06-2016