30 กันยายน 2562

ตอบคำถาม : น้ำหนักมวลบนพื้นผิวโลก 30/19/2019

 #ตอบคำถามพี่ๆน้องๆ

 

คำถามของคุณ ‎

Messidona Noiprom

อาจารย์ได้พูดถึงสาเหตุนึง

ที่ทำให้น้ำหนักมวลบนพื้นผิวโลกมากขึ้นก็คือ

การแบ่งภาคลงมา

ของจิตจักรวาลดวงเล็กในแดนสุญตา

ออกมาเป็นจิตวิญญาณอีกดวงนึง

เพื่อฉุดช่วยจิตวิญญาณเดิมของตน

ซึ่งยังตกค้างอยู่ให้สามารถนิพพานได้

ปัญหาที่ผมสงสัยก็คือว่า

 

Question 2.

เราสามารถรู้ได้ไหมว่าจิตวิญญาณดวงนั้น

แบ่งภาคมาจากจิตจักรวาลดวงเล็ก

ดวงเดียวกันกับเรา ถ้าเกิดเราได้พบ

 

Answer:

เนื่องจากผู้ที่มาเกิดเป็นมนุษย์

ไม่ว่าจะมาจากการเป็นหนึ่งเดียวกัน

หรือมาจากจิตจักรวาลดวงเล็กคนละรูปธรรม

จะไม่สามารถยกระดับจิตหยาบ

ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณได้

เพราะจิตหยาบถูกกิเลสตัณหาครอบงำ

 

ดังนั้น

จึงเป็นเรื่องยากที่จิตหยาบจะรู้ความจริงนี้

แค่จิตหยาบจะสำนึกรู้ว่าตนเองนั้น

ยังมีจิตวิญญาณผู้มาเกิดเร้นอยู่ข้างใน

ก็เป็นไปไม่ได้แล้วล่ะท่าน

เพราะพวกท่านล้วนขาดสติทางวิญญาณ

 

ด้วยกันทั้งนั้น

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

30-09-2019

ตอบคำถาม : น้ำหนักมวลบนพื้นผิวโลก 30/09/2019

 #ตอบคำถามพี่ๆน้องๆ

 

คำถามของคุณ ‎

Messidona Noiprom

อาจารย์ได้พูดถึงสาเหตุนึง

ที่ทำให้น้ำหนักมวลบนพื้นผิวโลกมากขึ้นก็คือ

การแบ่งภาคลงมา

ของจิตจักรวาลดวงเล็กในแดนสุญตา

ออกมาเป็นจิตวิญญาณอีกดวงนึง

เพื่อฉุดช่วยจิตวิญญาณเดิมของตน

ซึ่งยังตกค้างอยู่ให้สามารถนิพพานได้

ปัญหาที่ผมสงสัยก็คือว่า

 

Question 2.

เราสามารถรู้ได้ไหมว่าจิตวิญญาณดวงนั้น

แบ่งภาคมาจากจิตจักรวาลดวงเล็ก

ดวงเดียวกันกับเรา ถ้าเกิดเราได้พบ

 

Answer:

เนื่องจากผู้ที่มาเกิดเป็นมนุษย์

ไม่ว่าจะมาจากการเป็นหนึ่งเดียวกัน

หรือมาจากจิตจักรวาลดวงเล็กคนละรูปธรรม

จะไม่สามารถยกระดับจิตหยาบ

ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณได้

เพราะจิตหยาบถูกกิเลสตัณหาครอบงำ

 

ดังนั้น

จึงเป็นเรื่องยากที่จิตหยาบจะรู้ความจริงนี้

แค่จิตหยาบจะสำนึกรู้ว่าตนเองนั้น

ยังมีจิตวิญญาณผู้มาเกิดเร้นอยู่ข้างใน

ก็เป็นไปไม่ได้แล้วล่ะท่าน

เพราะพวกท่านล้วนขาดสติทางวิญญาณ

 

ด้วยกันทั้งนั้น

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

30-09-2019

VDO. พันธะสัญญา 6


 

26 กันยายน 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 26/09/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

หลังจากเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.8

ในวันอังคารที่ 24 กันยายน 2562

ที่ประเทศ...ปากีสถาน

 

ปรากฏว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหลายร้อยคน

จากเหตุแผ่นดินไหวครั้งนี้

ไม่สามารถส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลได้

เพราะถนนที่เป็นเส้นทางคมนาคมสายหลัก

พังชำรุดทรุดแยกเสียหายหนักมาก

 

ถนนบางช่วงถูกภูเขาถล่มพังลงมาปิดกั้นไว้

ทำให้รถรายวดยานทั้งหลาย

แม้แต่มอเตอร์ไซด์ก็มิอาจลำเลียงคนเจ็บ

ออกไปจากจุดที่เกิดภัยพิบัตินั้นได้เลย

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจึงขอกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

นี่เป็น #ปากีสถานโมเดล นั่นเอง

 

ปรากฏการณ์สำคัญของโมเดลนี้

คือตัวอย่างหนึ่งของ #บ่อย่ำองุ่น

ที่เรากล่าวตามองค์จิตจักรวาล

และบันทึกเป็นพระคัมภีร์เอาไว้แล้ว

ในพระคัมภีร์ฉบับแรกและฉบับเดียวในโลก

นามว่า #วันพิพากษา (The Judgment Day)

 

คำว่า "บ่อ-ย่ำ-องุ่น" หมายถึง

สถานที่ใดที่หนึ่งบนโลกนี้

ที่ถูกเลือกให้เป็นพื้นที่เอา #ขยะ มาทิ้งรวมกัน

เพื่อลงมือปฏิบัติการ "ชำระ"

ด้วยการกลบฝังขยะที่รกโลกทั้งหลายเหล่านั้น

ออกไปจากระบบพร้อมๆกันในคราเดียว

 

โดยคำว่า "ขยะ" หมายถึง "ผลองุ่น" บนโลก

ที่สุกงอมและพร้อมแล้วที่จะถูกเก็บเกี่ยว

ด้วยคมเคียวจากฟ้าสวรรค์

 

ส่วนพิกัดพื้นที่ในการสร้าง "บ่อขยะ"

หรือที่กล่าวเป็นรหัสว่า "บ่อย่ำองุ่น" นั้น

ช่างเท็คนิกพระบิดาจะทำการเลือกเฟ้น

บริเวณที่บุตรมนุษย์ที่ถูกคัดไว้จะปลอดภัย

ไม่พลัดหลงลงไปในบ่อย่ำกับเขาด้วย

ซึ่งช่างเท็คนิกจะดูจากรอยสามเหลี่ยม

ที่ถูกประทับไว้ตรงหน้าผากเป็นสำคัญ

ผู้ใดมีมายาปรากฏให้เห็นอยู่ผู้นั้น "รอด"

 

โดยพื้นที่ในการสร้างบ่อย่ำองุ่นนี้

สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วโลกแม้ตรงที่ใกล้บ้านท่าน

ซึ่งจะย้ายบ่อไปเรื่อยๆเป็นบ่อเล็กบ้างใหญ่บ้าง

 

ท่านทั้งหลายที่มีตา

ก็จงเฝ้าตามดูกันเอาเองเถิด

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

กรณี #ขยะ หรือผลองุ่นที่สุกงอมได้ที่

ที่จะถูกคมเคียวจากฟ้าสวรรค์เกี่ยวเก็บ

แล้วขนไปเททิ้งรวมกันไว้ใน "บ่อย่ำองุ่น"

เพื่อทำการกลบฝังนั้นฑูตสวรรค์ของพระบิดา

จะทรงเก็บเกี่ยวขยะเหล่านี้ คือ

 

1. #ขยะคน หมายถึง

 

พวกที่หมุนธรรมจักรไม่เป็น

เพราะงมงายอยู่กับความไม่รู้

 

พวกที่หมุนธรรมจักรไม่ได้

เพราะจิตติดอยู่ในหล่มปลักแห่งกิเลสตัณหา

จนยากเกินการแก้ไขเยียวยาแล้ว

 

คนเหล่านี้ถ้าให้อยู่บนโลกต่อไป

ก็ไร้ค่าและเป็นภาระหนักของโลก

เพราะว่าเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกไม่ได้

 

2. #ขยะวัตถุ หมายถึง

 

สิ่งปลูกสร้างที่เป็นอาคารหลังใหญ่ตึกสูงๆ

ซึ่งได้มาจากการระเบิดภูเขาตัดไม้ทำลายป่า

แล้วขนย้ายเข้ามาสร้างป่าคอนกรีตที่ในเมือง

ทำให้ภูเขาพระบิดาถูกย้ายพิกัดไปจากเดิม

จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โลกเสียสมดุล

โดยหมุนรอบตัวเองแบบหมุนไปส่ายไป

 

การย้ายภูเขาเป็นเทือกๆมาสร้างเมืองนั้น

ไม่ต่างจากการย้ายตะกั่วถ่วงล้อรถยนต์

ไปจากตำแหน่งเดิมที่ช่างติดตั้งเอาไว้ให้

เพื่อถ่วงล้อนั้นไว้ให้สมดุลดีอยู่แล้ว

ไปติดตั้งตรงตำแหน่งอื่นบนกระทะล้อนั้น

ก็จะยังผลให้ล้อนั้นเสียศูนย์ไม่สมดุลทันที

 

การย้ายภูเขาในป่าดง

เอามาสร้างเมืองใหญ่ในอีกสถานที่หนึ่ง

แม้จะอยู่บนโลกเดียวกัน

หรือจะย้ายที่อยู่บนกระทะล้อเดียวกันก็ตาม

มันจะยังผลให้เกิดการเสียสมดุลได้เสมอ

 

ดังนั้น

พิกัดใดที่เป็นเมืองใหญ่ที่มากด้วยป่าคอนกรีต

จึงต้องถูกทำลายให้ลงมากองอยู่กับพื้นทั้งหมด

เพื่อเร่งคืนสมดุลให้แก่โลกก่อนจะสายเกินไป

 

นอกจากนั้นยังมีสิ่งที่เป็น "ขยะวัตถุ"

อีกประเภทหนึ่งซึ่งท่านจะต้องรู้ไว้ก็คือ

ต้นไม้แกะสลัก ปูนปั้น ดินปั้น รูปหล่อ ฯลฯ

ที่มนุษย์ผลิตสร้างกันขึ้นมากราบไหว้บูชา

เพื่อการเซ่นสรวงแลกกับการขอ

สิ่งที่ตนอยากได้ให้ดลบันดาลให้ด้วย

 

ทั้งๆที่ไม้แกะสลักเป็นรูปเคารพบูชานั้น

ได้มาจากต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ในป่า

ซึ่งเป็นร่มเงาให้กับนกกาได้หลบร่มหลบร้อน

ถูกแกะสลักหักเหลี่ยมยกมุมขึ้นรูปเท่านั้น

ต้นไม้ท่อนไม้พูดก็ไม่ได้ ฟังก็ไม่ได้ยิน

ต้องยืนต้นอยู่กับที่ ตากแดด ตากฝน ตากลม

จะไปไหนมาไหนเองก็ไปไม่ได้

 

ทำไมจึงคิดว่าศักดิ์สิทธิ์มีพลังฤทธิ์พลังวิเศษ

เพียงแค่แกะสลักให้มีรูปลักษณ์ตามที่ฝัน

ทั้งๆที่เดิมเป็นเพียงต้นไม้ตนหนึ่งเท่านั้น

 

ทั้งๆที่รูปหล่อ รูปปั้น รูปแกะสลักนั้น

ถูกปั้นสร้างมันขึ้นมาจากดินอิฐหินปูนทราย

ซึ่งเป็นแร่ธาตุทั้งหลายในดินที่ผู้คนเหยียบย่ำ

แต่เมื่อนำมาทำเป็นรูปหล่อรูปปั้นรูปแกะสลัก

ดั่งการปั้นดินให้เป็นรูปดาวแล้ว

ใย "ก้อนวัตถุ" มายาที่สร้างกันขึ้นมานั้น

มันจึงเปลี่ยนมาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ที่ท่านสามารถก้มไหว้กันได้อย่างสนิทใจ

 

ทั้งๆที่รูปลักษณ์ที่สร้างที่ปั้นขึ้นมานั้น

พูดก็พูดไม่ได้ ตาก็มองไม่เห็น ฟังก็ไม่ได้ยิน

แต่ท่านกลับเชื่อว่ามันสามารถที่จะบันดาล

ทุกสิ่งที่ท่านร้องขอได้สมใจปรารถนา

แล้วก็ขอมันมาหลายภพชาติแล้วด้วย

ทั้งๆที่ยังไม่เคยได้ผลทุกสิ่งทุกครั้งที่ขอเลย

 

ดังนั้น

สถานที่จัดเก็บ "ขยะก้อนดิน" ทั้งหลาย

ที่มนุษย์เองลงมือปัั้นมันขึ้นมาจนเป็น "ดาว"

 

รวมทั้ง "ขยะวัตถุ" ที่ถูกสร้างเพื่อบูชา

ที่พาให้คนส่วนใหญ่ "งมงาย" หลงกราบไหว้

จนลืมความศักดิ์สิทธิ์ของจิตวิญญาณที่ในตน

ซึ่งเป็นผู้ก่อกำเนิดมาจาก #พระเจ้า ไปสิ้น

สมควรที่จะเกี่ยวทิ้งลงไปในบ่อย่ำองุ่นแล้ว

 

3. #ขยะเท็คโนโลยี หมายถึง

 

สิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์ผลิตสร้างขึ้นไว้มากมาย

เพื่อให้ความสะดวกสบายในชีวิตของตนก็มี

เอาไว้ปกป้องตนเองและทรัพย์สินก็มี

เอาไว้ทำร้ายทำลายผู้อื่นก็มีมาก

เอาไว้สร้างสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นก็มี

เอาไว้เอาเปรียบเบียดเบียนผู้อื่นก็มี

เอาไว้สร้างอำนาจกดขี่ข่มเหงผู้อื่นก็มี

เอาไว้สร้างสุขให้ตนเองแต่เป็นภัยต่อผู้อื่นก็มี

 

ตัวอย่างเช่น

ใช้สารเคมีรดผักรดหญ้าเพื่อฆ่าแมลงให้ตาย

ตนเองก็ขายผักสดที่ไม่มีแมลงเจาะไชได้ราคา

แต่คนซื้อผักหญ้าไปปรุงอาหารก็รับสารเคมี

ที่อาจมีตกค้างเข้าไปสะสมในร่างกาย

นานวันผ่านไปโรคมะเร็งก็ถามหา

 

ตัวอย่างเช่น

ผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์เอาไว้ป้องกันประเทศ

แต่ก็สามารถนำไปใช้รุกรานประเทศอื่นได้

เอาไว้เข่นฆ่าเพื่อนมนุษย์ของตนเองได้

ฆ่าได้ทำลายได้แม้กระทั่งพวกเดียวกันเอง

ถ้าผู้นำประเทศนั้นมีจิตใจที่โสมมไร้คุณธรรม

 

ดังนั้น

หากเป็น "เท็คโนโลยีขยะ" ก็จักถูกทำลายทิ้ง

พระองค์จะไม่ยอมให้ขยะพวกนี้

กองท่วมโลกในยุคพลังงานใหม่แน่นอน

ช่างเท็คนิกก็จะสร้าง "บ่อย่ำองุ่น"

ด้วยการเปิดโอกาสให้ "ขยะคน" ที่ถูกคัดทิ้งแล้ว

ลุกขึ้นมาก่อสงครามภายในชาติเดียวกันเอง

เพื่อใช้พื้นที่ภายในชาตินั้นๆเป็นบ่อทิ้งขยะ

ทั้งอาวุธที่ใช้เข่นฆ่ากันในศึกสงครามกลางเมือง

และผู้คนที่ลุกขึ้นมาจับอาวุธฆ่ากันเองจนตาย

 

ภาพเหล่านี้ท่านทั้งหลายจักได้เห็นกัน

ในอีกมิช้านานนี้แล้ว

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

เราจะให้ข้อสังเกตต่อท่านทั้งหลายว่า

มหันตภัยพิบัติแบบใดที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว

จะถือว่าเป็น "บ่อย่ำองุ่น" ที่ใช้กำจัดขยะทิ้ง

ตามรูปแบบของ "ปากีสถานโมเดล"

ซึ่งมันจะเข้าองค์ประกอบใน 4 เงื่อนไขสำคัญ

ดังต่อไปนี้ คือ

 

1. ต้องเกิดภัยพิบัติเฉพาะพื้นที่

เช่น เกิดแผ่นดินไหวเฉพาะพื้นที่ เฉพาะชุมชน

 

2. เป็นภัยพิบัติที่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว

จะทำให้มีผู้เสียชีวิตไปกับภัยพิบัตินั้น

พร้อมกันเป็นจำนวนมากหรือตั้งแต่สิบคนขึ้นไป

ไม่นับรวมผู้บาดเจ็บที่ยังมีชีวิตรอดอยู่

 

3. ผู้เสียชีวิตจากภัยพิบัตินั้น

จักต้องอยู่ในพื้นที่เดียวกันเป็นชุมชนเดียวกัน

เมื่อเสียชีวิตจะมีลักษณะตายหมู่เท่านั้น

 

4. ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกนับร้อยคน

จะไม่สามารถขนลำเลียงด้วยยานพาหนะทุกชนิด

พาออกนอกพื้นที่เกิดภัยเพื่อนำส่งโรงพยาบาล

ให้แพทย์ทำการรักษาเยียวยาอย่างรวดเร็วได้

 

เพราะความรุนแรงของภัยพิบัติที่เกิดขึ้นนั้น

จะยังผลให้เส้นทางคมนาคมหรือยวดยานที่จะใช้

เกิดการพังชำรุดเสียหายจนไม่สามารถใช้การได้

หรือเป็นที่น่าประหลาดใจตรงที่รถยนต์มีใช้

แต่คนขับไม่อยู่ไม่รู้ว่าหายตัวไปไหนกระทันหัน

หรือว่าอาจมีรถยนต์อยู่แต่รถไม่มีน้ำมัน

จึงใช้การไม่ได้อย่างไม่น่าจะบังเอิญ เป็นต้น

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

ที่เรากล่าวมาทั้งหมดเรื่อง "บ่อย่ำองุ่น"

โดยทีมปฏิบัติการเบื้องหลังมิติโลกของเรา

เลือกใช้ "ปากีสถานโมเดล" มาเปิดเผยให้ท่านรู้

ล้วนเป็นความจริงที่มิใช่เรื่องเพ้อเจ้อ

ล้วนกล่าวตามพระบิดา

ที่ทรงเมตตาต่อบุตรมนุษย์เช่นท่านทั้งหลาย

ทรงบัญชาให้เรากล่าวในฐานะที่เป็นพระบุตรเอก

 

ถ้าใครมีหูก็จงรับฟังไว้อย่าเพิ่งตัดสินใจเชื่อ

ให้ท่านคอยติดตามดูกันต่อไปก็ได้ว่า

 

สถานการณ์แผ่นดินไหว

สถานการณ์แผ่นดินยุบแยก

สถานการณ์ภูเขาถล่มแผ่นดินสไลด์

สถานการณ์เกิดคลื่นสึนามิสูงท่วมหัว

สถานการณ์เรือลำใหญ่ล่มกลางน้ำลึก

สถานการณ์เครื่องบินตก

สถานการณ์น้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมชุมชน

สถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันขณะที่คนกำลังหลับ

 

จะเป็นปฏิบัติการเกี่ยวเก็บผลองุ่นที่สุกงอม

โยนลงบ่อย่ำองุ่นเพื่อกลบฝังให้ท่านได้เห็น

ซึ่งยังมีอีกหลายๆครั้งที่จะเกิดขึ้น

และแต่ละครั้งบ่อย่ำก็จะมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

 

ถ้าใครไม่เชื่อก็จงวางเฉยอย่าก้าวล่วง

ถ้าเห็นว่าเป็นเรื่องราวไร้สาระ

ท่านก็ผ่านห้องเรียนนี้ไปเฉยๆเสียจะเหมาะกว่า

โทษหนักจะได้เบาบางลง

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

26-09-2019

24 กันยายน 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 24/09/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

สิ่งที่เป็น "ความเชื่อ" เรื่อง #นิพพาน

ของประดาคนนำทางตาบอดทั้งหลาย

ที่พวกเขาเฝ้าสั่งสอนผู้หลับตาก้าวเดินตาม

ตั้งแต่อดีตกาลผ่านมานับพันปีจนบัดนี้

กับ "ความจริง" เรื่อง #การหลุดพ้น

ตามมรรควิถี #จิตจักรวาล

ที่เรานำมาเปิดเผยต่อท่านทั้งหลาย

ในคาบสุดท้ายปลายยุคพลังงานเก่านี้นั้น

มันเป็นคนละเรื่องกันนะ

 

ท่านทั้งหลายจงอย่าหลงผิดไปคิดแค่ว่า

คำว่า "นิพพาน" ที่คนนำทางตาบอดสอนไว้

หมายถึง เมื่อตายแล้วจะไม่ย้อนคืนกลับมา

เกิดเป็นคนบนโลกเสรีนี้เพื่อมีภพชาติใหม่อีก

 

เพราะพวกคนนำทางตาบอดเขาเชื่อกันฝังใจว่า

การมีสังสารวัฏหรือการเวียนว่ายตายเกิดนี่แหละ

ที่นำมาซึ่งความทุกข์ของพวกเขาเป็นอย่างยิ่ง

 

พวกเขาจึงมองว่า

ถ้าหยุดการเวียนว่ายตายเกิดบนโลกนี้เสียได้

พวกเขาก็จะ "พ้น" ไปจากเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง

พวกเขาจะพ้นทุกข์ได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว

 

พวกเขาจึงได้แต่เน้นย้ำชักชวนให้ท่าน

หมั่นทำบุญสุนทานกันมากๆ

และให้ละเว้นการทำบาปหยาบชั่วให้จงได้

เพื่อจะนำพาจิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย

ไปจุติอยู่บน "สวรรค์มายา" แทน

เพราะเชื่อว่าเป็นภพภูมิที่สูงกว่าโลกมนุษย์

เมื่อไปอยู่บนนั้นแล้ว (คาดว่า) จะอยู่อย่างสงบสุข

โดยไม่มีอะไรให้ทุกข์ให้วุ่นวายเหมือนโลกมนุษย์

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

 

ความ "เชื่อว่า" และ ความ "คาดว่า" นี่แหละ

จึงเป็นที่มาของการให้สมญานามว่า

#คนนำทางตาบอด แก่คนที่เป็นครูผู้สอนธรรม

ผู้อาสานำทางจิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย

ปลีกหนีความทุกข์ออกไปจากโลกเสรีนี้

โดยสร้างทางเบี่ยงมุ่งสู่แดนสวรรค์มายาแทน

 

เนื่องจากวิธีคิด ความเชื่อ และการคาดเดา

เป็นความคิดเข้าใจของคนนำทางตาบอดเอง

ที่ถอดความหมายสัจธรรมจากพระโอษฐ์ผิด

เพราะพระศาสดามิได้ทรงตรัสเอาไว้เช่นนั้นเลย

พวกเขาคิดเองเออเองแล้วอ้างพระศาสดา

จึงพากันหลงทางไปติดค้างอยู่บนสวรรค์มายา

เพราะว่าจิตไม่ปรารถนาจะมาเกิดเป็นมนุษย์อีก

 

เมื่อไม่สร้างกรรมใหม่

แล้วหมั่นทำความดีละเว้นการทำชั่วได้

เมื่อตายแล้วจิตวิญญาณก็จะมีน้ำหนักเบา

โดยเบากว่าน้ำหนักจิตวิญญาณของมนุษย์ทั่วไป

และจะมีพลังบุญบารมีที่เป็นอำนาจเมอร์คขะบาห์

มากกว่าคนธรรมดาทั่วไปที่ไม่ถือศีลครองธรรม

จิตวิญญาณของคนเหล่านี้จึง "หลุดลอย"

ไปเกิดเป็นทวยเทพเทวดาหรืออินทร์พรหม

ในภพภูมิอื่นที่สมมติกันขึ้นมาเองที่มิใช่โลกมนุษย์

ซึ่งเป็นไปถาม "ยถากรรม" ที่ทำไว้นั่นแหละ

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

 

นี่จึงเป็นที่มาที่เรากล่าวต่อท่านมานานแล้วว่า

แดนสวรรค์มายามิใช่ภพภูมิที่พระบิดาทรงสร้าง

แต่มันถูกสร้างขึ้นจากจิตที่หลงผิดของมนุษย์เอง

เพราะมนุษย์พวกนี้ไม่รู้สัจธรรมระดับอนุตรธรรม

เพราะไม่ยอมรับฟัง "พระบุตรเอก" ตัวแทนพระบิดา

ที่พระองค์ส่งมากล่าวอนุตรธรรมให้โลกรู้

 

เนื่องจากเป็นสัจธรรมที่พระศาสดาทั่วไป

ไม่มีหน้าที่จะกล่าวต่อโลกให้ได้รู้

จึงยังผลให้คนส่วนใหญ่ที่ยึดติดพระศาสดา

แล้วปฏิเสธที่จะรับฟังคำกล่าวของ "พระบุตรเอก"

ผู้ที่ทรงรับสื่อถ่ายทอดอนุตรธรรมมาจากพระเจ้า

ไม่สามารถเรียนรู้ความจริงขั้นสูงสุดที่ว่านี้ได้เลย

พวกเขาจึงมีเหตุให้เกิดการหลงทุกข์-หลงธรรม

จนนำพาจิตวิญญาณพี่ๆน้องๆหลงทางกันหมด

 

อนุตรธรรมความจริงสูงสุดที่คนนำทางตาบอดไม่รู้

เพราะไม่ยอมเปิดใจรับรู้รับฟังเพื่อเรียนรู้

จากการสื่อถ่ายทอดโดย "พระบุตรเอก" ที่ผ่านมา

พวกเขาจึงไม่รู้ว่า

 

1. จิตวิญญาณของมนุษย์เป็นใคร มาจากไหน

2. จิตวิญญาณของมนุษย์มาเกิดบนโลกทำไม

3. จิตวิญญาณของมนุษย์ใครเป็นผู้ให้มาเกิด

 

อย่างน้อยสัจธรรมทั้ง 3 ข้อนี้หากไม่รู้

ก็จะยังผลให้เกิดอาการ "หลง" ได้ทันที

กล่าวคือ

 

1. จะเกิดอาการการ #หลงทุกข์

เพราะไม่รู้ว่าเหตุการณ์หรือเรื่องราวใดๆในชีวิต

ที่เป็นเหตุให้จิตของพวกเขา "ติดทุกข์"

คือ เกลียดกลัวความทุกข์หรือไม่อยากทุกข์

อยากมีความสุขหรือไม่อยากทุกข์

มันล้วนแล้วแต่เป็น "บทละคร" หรือชะตาชีวิต

ที่จิตวิญญาณตนเองขีดเขียนกันมาเองทั้งสิ้น

 

เป้าหมายของบทละครที่ขีดเขียนร่วมกันมานั้น

ล้วนต้องการให้ทุกคน ยอมรับ ยอมรัก ยอมร่วม

และยอมเปลี่ยนแปลงตนเองเข้าหาผู้อื่น

เพื่อสร้างสานสายสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน

หรือเพื่อรักษาความเป็นหนึ่งเดียวกันเอาไว้ให้ได้

บทละครจึงวางเงื่อนไขเอาไว้ทั้งด้านดีและไม่ดี

สลับกันไปคละเคล้ากันไปโดยตลอด

 

ด้านดีคือด้านที่เขาแสดงออกต่อท่านแล้วชอบใจ

ด้านไม่ดีคือด้านที่เขากระทำต่อท่านแล้วไม่ชอบ

 

คนเคยดีๆกับท่านมาเขาก็มักจะทำไม่ดีกับท่านได้

คนที่เคยไม่ดีกับท่านก็อาจจะทำดีกับท่านได้ด้วย

ท่านทั้งหลายล้วนเผชิญกันมาแบบนี้ทั้งนั้น

 

การทำดีหรือทำไม่ดีนี่แหละ

มันคือเงื่อนไขในบทละครที่จิตวิญญาณของท่าน

ขีดเขียนกันมาตั้งแต่ภพชาติแรกที่ได้เกิดเป็นคน

เพื่อใช้เป็นเครื่องมือกระตุกกระตุ้นจิตหยาบ

ให้เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นทางด้านบวกให้จงได้

เพื่อให้จิตหยาบและกายหยาบของผู้ถูกกระตุ้น

ยกระดับการสั่นสะเทือนด้านบวกสูงสุดให้จงได้

 

เมื่อใดที่จิตกับกายสั่นสะเทือนเป็นด้านบวกสูงสุดได้

ก็จะสั่นสะเทือนร่วมกับจิตวิญญาณได้ ณ บัดนั้น

การทำเช่นนี้คือการ "หมุนธรรมจักร" นั่นเอง

 

เมื่อหมุนธรรมจักรในตนเองได้ดั่งนี้แล้ว

ท่านก็จะเป็นเหตุให้คนรอบข้างหมุนธรรมจักรไปด้วย

เมื่อทุกคนรอบๆตัวท่านร่วมกันหมุนธรรมจักรได้

พลังร่วมจากจิตด้านบวกของพวกท่านทุกคน

ในมิติของจิตวิญญาณด้านของแก่นแท้ในทุกวินาที

จะแบ่งปันให้กับแกนโลกที่พระองค์ติดตั้งกลไกไว้

เพื่อนำไปใช้เป็นพลังงานในการเหวี่ยงหมุนรอบตัวอง

ของดาวเคราะห์โลกดวงนี้อย่างต่อเนื่อง

และใช้ในการผลิตก๊าซออกซิเจนภายในแกนโลก

เพื่อหล่อเลี้ยงสิ่งมีชีวิตทุกชีวิตบนดาวโลกดวงนี้ได้

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

หน้าที่ของท่านแต่ละคนบนโลกนี้

อันเป็นภาระหน้าที่ทางจิตวิญญาณหลักๆน่ะมีเท่านี้

 

เพราะคนนำทางตาบอด

ดื้อรั้นในการยึดติดพระศาสดาเดียวคัมภีร์เดียว

แล้วพากันปฏิเสธพระบุตรเอกและพระเจ้า

ผู้ให้กำเนิดเกิดเกล้าจิตวิญญาณของตัวเองด้วย

จึงมิอาจรู้ความจริงที่จริงแท้ของตนเองเหล่านี้

เลยพากันหลงทุกข์กันเป็นการใหญ่

ทั้งๆที่เป็นเงื่อนไขที่ตนเองร่วมสร้างกันมาเองแท้ๆ

แถมยังดูแคลนคนทั่วไปด้วยว่า

ถ้าใครยังไม่รู้เรื่องทุกข์ให้ถึงแก่น

แสดงว่าคนนั้นยังไม่รู้ธรรมเท่าตนเองอีกแน่ะ

 

2. จะเกิดอาการ #หลงธรรม

เพราะไปเข้าใจผิดว่าพระศาสดาของตนนั้น

ทรงเน้นย้ำเรื่องความทุกข์อันเกิดจากสังสารวัฏว่า

เกิดแก่เจ็บตายในจักรวาลโลกนี้เป็นทุกข์อย่างยิ่ง

แล้วคนนำทางตาบอดก็สรุปเหมาเดาเองดื้อๆว่า

พระศาสดาทรงสอนให้มุ่งดับการมีสังสารวัฏ

โดยต้อง "นิพพาน" การเกิดบนโลกเสรีนี้ให้ได้

 

ที่พวกเขาสรุปเอาเองเช่นนั้น

เพราะพวกเขานำประเด็นการหนีออกจากวัง

มาเป็นหลักคิดของตนเองว่า "ทรงหนีทุกข์"

 

พวกเขานำเอา "อริยสัจ 3 กับ มรรค 8"

ที่พระองค์ทรงค้นพบสัจธรรมนี้ได้ว่า

เป็นสัจธรรมชั้นสูงสุดในจักรวาลที่ทรงตรัสรู้ได้

ทั้งๆที่สัจธรรมที่ว่านี้เป็นเพียงความคิดธรรมดา

ที่ใครก็คิดได้ว่าถ้าเกิดทุกข์ต้องดับด้วยอริยสัจ 3

แต่ถ้าป้องกันมิให้ทุกข์ก็ให้ปฏิบัติมรรค 8 เอาไว้

ซึ่งท่านจะไปย้อนทวนคำสอนพระศาสดาเองก็ได้

 

โดยพวกเขาสับสนอย่างยิ่ง

ที่ไปหลงผิดคิดว่าภารกิจหลักของจิตวิญญาณ

คือ ต้องการหนีทุกข์ พ้นทุกข์ ไปจากโลกนี้

แล้วนำเอาพระศาสดาของตนมาอ้างให้คนเชื่อ

ทั้งๆที่ใครๆก็คิดเองได้ว่าถ้าจิตวิญญาณจะมาเกิด

เพื่อเรียนรู้เรื่องทุกข์แล้วหาทางพ้นทุกข์ให้ได้

คงไม่มีใครโง่ที่จะมาเกิดหรอก

 

เพราะการจะได้รับโอกาสให้มาเกิดก็ไม่ง่าย

การเกิดมีกายหยาบในครรภ์มารดาก็ยิ่งยากขึ้น

การเติบโตเพื่อดำรงชีวิตและการใช้ชีวิตเป็นมนุษย์

ตั้งแต่เกิดจนกระทั่งตายเมื่อสิ้นอายุขัย

มันก็ไม่มีอะไรง่ายเลยสักอย่างเดียว

 

เมื่อความจริงเป็นเช่นนี้แล้ว

แสดงว่าการที่จิตวิญญาณพวกท่าน

ขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์โลกเสรีนี้นั้น

มิได้มาโดยฟลุ้คอุบัติขึ้นมาเองแบบหนังการ์ตูน

มิได้มาเพื่อท่องเที่ยวลดเลี้ยวไปในจักรวาล

มืได้มาเพื่อเรียนรู้เรื่องทุกข์แล้วหนีทุกข์ไปให้พ้น

แต่จิตวิญญาณท่านมาเกิดเพราะ #มีหน้าที่ต้องทำ

 

แน่นอนว่าหน้าที่ๆจิตวิญญาณต้องทำ

ก็คือ อนุตรธรรมที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ไว้

บทที่ว่าด้วย #ธรรมจักรกัปปวัฒนสูตร นั่นเอง

มิใช่อริยสัจสี่กับมรรคมีองค์แปดแต่อย่างใด

 

การหลงธรรมที่ว่านี้แหละ

จึงไม่ต่างจากการกลัดกระดุมเม็ดแรกผิด

จนยังผลให้ปฏิบัติธรรมมานานแต่ยังนิพพานไม่ได้

พวกท่านยังคงต้องมีสังสารวัฏอยู่

หลายท่านยังต้องเกิดเป็นทวยเทพเทวดากันอยู่

ยังนิพพานแท้ไม่ได้คงได้แต่นิพพานเทียมๆเท่านั้น

 

เพราะนิพพานแท้ คือ

จิตวิญญาณหลุดพ้นออกไปจากอนันตจักรวาล

เพื่อกลับบ้านเกิดของจิตวิญญาณในแดนสุญตา

ที่พระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือพระเจ้าทรงรออยู่

โดยไม่กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีก

เพราะเสร็จสิ้นภารกิจของจิตวิญญาณแล้ว

และสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว

 

3. จะเกิดอาการ #หลงทาง

เพราะหลงธรรมแบบหลงผิดคิดเองเออเอง

ด้วยเข้าใจว่าสัจธรรมที่พระองค์ตรัสรู้ได้

คือ อริยสัจสี่กับมรรคมีองค์แปด

ก็เลยวุ่นวายอยู่กับการ "หลงทุกข์ หลงสุข"

 

จนไม่ทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณเพื่อคนอื่น

ไม่ทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณเพื่อโลกและจักรวาล

ด้วยการเรียนรู้ที่จะหมุนธรรมจักรให้สำเร็จให้ได้

คงคิดแค่วันๆจะเอาตัวรอดไปจากบ่วงทุกข์ให้ได้

ทั้งๆที่ทุกข์สุขมันเกิดที่จิตใจมิได้อยู่ในโลกนี้

แม้หนีไปเกิดเป็นเทพเทวดาจิตก็ยังพาทุกข์ติดไป

จะหนีเข้าป่าหรือพาหนึขึ้นสวรรค์มายา

เจ้าตัวทุกข์ที่ว่านั้นมันก็ยังติดตามเหมือนดั่งเงา

 

ดังนั้น

นอกจากบวชนานแล้วยังนิพพานแท้ไม่ได้

นอกจากไปเกิดบนสวรรค์มายามานมนาน

ก็ยังไม่สามารถผ่านออกไปจากอนันตจักรวาลได้

ก็เพราะหลงทุกข์ หลงธรรม และหลงทาง

 

ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่านอกอนันตจักรวาลอันไพศาลนี้

คือบ้านเกิดเมืองนอนของจิตวิญญาณที่จากมา

ที่เรียกกันว่าแดนนิพพานหรือแดนสุญตา

ที่จิตหยาบจักต้องนำพาจิตวิญญาณของตน

หลุดพ้นออกไปให้ได้นั่นแหละท่าน

 

เพราะไม่ยอมรับพระบิดาของตน

เพราะปฏิเสธพระบุตรเอกที่ทรงรักพวกตน

ซึ่งเป็นพระองค์เดียวเท่านั้นในยุคปัจจุบันนี้

ที่จะนำพาจิตวิญญาณของท่านนิพพานแท้

โดยหลุดพ้นออกไปจากโลกและเอกภพนี้ได้

ภายในภพชาติเดียวสุดท้ายนี้

โดยไม่ต้องใช้โอกาสเปลืองอีกต่อไป

 

จึงยังคง "หลงๆๆๆๆ" กันอยู่

เพราะการ "ยึดติด" กับหลายๆสิ่งที่เป็นมายา

บนดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้

พระบิดาให้เรากลับมาช่วย "แกะ" ซึ่งยากนักหนา

เพราะว่าแทนที่จะยอมปล่อยวางจากการยึดติด

กลับออกแรงยึดติดเสียจนแน่นมากขึ้น

ช่างสมกับสมญานามว่า "ลูกแกะ"

คือ ลูกที่ต้องแกะเสียจริงๆ

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

24-09-2019