28 กุมภาพันธ์ 2561

บุตรกตัญญู



#สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

การเป็น #บุตรกตัญญู ต่อบุรพการี
เป็นหน้าที่ทางโลกของทุกท่าน

เพราะความกตัญญูกตเวทีนั้น
หมายถึงการมีสำนึกในพระคุณพ่อแม่
ที่ท่านได้ให้กำเนิดเกิดกายบุตรของตนมา
แล้วเฝ้าฟูมฟักกายสังขารนั้นให้เติบโต
เฝ้าเลี้ยงดูให้มีชีวิตอยู่รอดและปลอดภัย
พร้อมให้การศึกษาเรียนรู้อย่างใกล้ชิด
เพื่อสอนให้บุตรนั้นเป็นคนดีมีคุณธรรม
สามารถพึ่งพาตนเองได้
อีกทั้งยังเป็นที่พึ่งของคนอื่นๆได้อีกด้วย

สายใยแห่งการเป็นบุรพการีพ่อแม่ลูก
จึงเป็นสายใยสัมพันธ์ระหว่างกัน
ที่มิใช่แค่เพียง #สายรกสายสะดือ  เท่านั้น
แต่ยังมี #สายใยใจ ที่เป็นความสัมพันธ์
ในมิติทางวิญญาณที่สองตามองไม่เห็น
เชื่อมต่อระหว่างกันไว้อีกมิติหนึ่งด้วย

การได้อยู่ชิดใกล้กันของพ่อแม่ลูก
แล้วต่างคนต่างรู้สึกอบอุ่นและมีความสุข
ครั้นยามต้องไกลร้างห่างกัน
ต่างคนต่างก็เฝ้าคิดถึงซึ่งกันและกัน
ต่างคนต่างรอวันที่จะได้กลับมา
เพื่ออยู่ร่วมกันพร้อมหน้าพร้อมตากันอีก

สิ่งที่เกิดขึ้นทางจิตใจเหล่านี้
เป็นตัวบ่งชี้ว่า #สายใยใจ ระหว่างกัน
มันถักทอกันอยู่อย่างแน่นเหนียวโดยแท้

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ในยามที่ท่านไกลบ้าน
ท่านก็จะคิดถึงบ้าน ท่านจะคิดถึงพ่อแม่
พ่อแม่ก็จะคิดถึงท่านที่เป็นบุตร
พ่อแม่ก็จะเฝ้าตั้งตารอคอย
นับวันที่บุตรจะกลับบ้านมา
เพื่อให้ได้อยู่ร่วมกันพร้อมหน้ากันอีก

พฤติกรรมเหล่านี้
มันมิได้เกิดจาก #สำนึกที่ถูกต้องดีงาม
ระหว่างความเป็นพ่อแม่ลูกกันเท่านั้น
แต่มันเกิดจาก #สัญชาตญาณ 
ซึ่งเป็นคุณสมบัติของจิตวิญญาณนั้นๆด้วย

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
การที่ท่านคิดถึงบ้านจนอยากกลับบ้าน
การที่ท่านคิดถึงพ่อแม่และจำพ่อแม่ตนเองได้
จึงอยากกลับบ้านไปกราบพ่อกราบแม่
จึงอยากทำสิ่งดีๆเพื่อตอบแทนพระคุณพ่อแม่
ล้วนเป็นพฤติกรรมอันเกิดจากสัญชาตญาณ
ที่ทุกท่านต่างล้วนมีอยู่ในจิตวิญญาณแล้ว
จึงมิพักต้องให้มีใครเสี้ยมสอนว่า
ลูกที่ดีควรจะปฏิบัติต่อพ่อแม่ของตนอย่างไร

ดังนั้น...
การที่ท่านจะเป็นบุตรที่ดี
มีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่ของท่านได้
จักต้องมีเงื่อนไขที่สำคัญ 6 ประการ คือ

1.ท่านต้องเชื่อว่าตัวท่านอุบัติขึ้นมาเองไม่ได้
2.ท่านต้องจำพ่อแม่ของท่านได้ว่าเป็นใคร
3.ท่านต้องจดจำบ้านเกิดเมืองนอนของตนได้
4.ท่านต้องจำได้ว่าพ่อแม่ของท่านอยู่ที่ไหน
5.ท่านต้องรู้ว่าหนทางกลับบ้านไปทางใด
6.ท่านต้องรู้ว่าจะกลับบ้านที่จากมาได้อย่างไร

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
ดวงจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของท่าน
ก็จักต้องมีความกตัญญูกตเวที
ต่อผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณด้วยเช่นกัน
จิตวิญญาณของท่าน
ก็ต้องมีคุณสมบัติตามเงื่อนไขทั้ง 6 นี้เช่นกัน

ในฐานะที่จิตหยาบคือตัวท่าน
เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ
จิตหยาบจึงมีหน้าที่สร้างสติทางวิญญาณ
เพื่อการสำนึกรู้ทั้ง 6 ประการนี้ด้วยว่า

1.จิตวิญญาณของท่านมีผู้ให้กำเนิด
2.พระองค์ทรงเป็นผู้สร้างทุกสิ่งในจักรวาล
3.บ้านเกิดเมืองนอนของจิตวิญญาณ
อยู่นอกระบบเอกภพซึ่งพระบิดาทรงรออยู่ที่นั่น

4.หนทางกลับบ้านคือธารสายน้้ำนม
5.จะหลุดพ้นออกไปได้ต้องผ่านด่านนภาลัย
ประตูมิติเข้าออกเอกภพของจิตวิญญาณ

6.จิตวิญญาณจะหลุดพ้นได้
ต้องมีน้ำหนักมวลเท่ากับเมื่อตอนเข้ามา
ในภพชาติแรกเท่านั้น

รีบๆเข้าเถิดท่าน
บัดนี้สิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านจักต้องกลับบ้าน
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณทรงรอท่านอยู่
บุตรกตัญญูกตเวทีมิอาจเพิกเฉย

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
27-02-2018

ความกล้าหาญ



#Question 4:
ความกล้าหาญที่แท้จริง คืออะไรค่ะ? 
ความกล้าแบบไหนที่มนุษย์ควรใช้ 
ควรมี ควรเป็น
ความกล้า กับ ความบ้าในจิตใจของเราเอง 
เส้นกั้น มันอยู่ตรงไหนค่ะ?
กราบขอบพระคุณค่ะ
#Answer:
1.ความกล้าหาญที่แท้จริง
คือ การกล้าแสดงออกหรือกระทำ
ในสิ่งที่ตนมั่นใจว่าถูกต้อง เหมาะสม ดีงาม
โดยกล้าที่จะรับผิดชอบในผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น
จากการริเริ่มลงมือทำสิ่งนั้นอย่างไม่ลังเล
2.ความกล้าในแบบที่มนุษย์ควรปฏิบัติ
จักต้องได้มาจาก #ความเชื่อมั่นในตนเอง
ซึ่งต้องเป็นความเชื่อมั่นใน "ควาย 7 ตัว"
ที่ตนเองมีอยู่เท่านั้นอันประกอบด้วย
ความรู้ ความสามารถ ความชำนาญ
ความมุ่งมั่น ความร่วมมือ ความรัก
ความฉลาดทางปัญญา อารมณ์ และสังคม
ความกล้าที่มิได้มาจากความเชื่อมั่น
บนพื้นฐานจากควายทั้ง 7 ที่ว่านี้
มันคือ #ความบ้า ดังที่ท่านกล่าวไว้
คนบ้าคือคนที่จะทำอะไรด้วยความบ้า
จึงเป็นคนที่ไร้สติและทำสิ่งใดก็ยากจะสำเร็จ
3.เส้นแบ่งระหว่างความบ้ากับความกล้า
หาไม่ยากหรอกท่าน
ฟากหนึ่งเป็นการใช้อารมณ์ ใช้อีโก้
อีกฟากหนึ่งเป็นการใช้หลักการ
เหตุผลและปัญญา
เส้นแบ่งตรงกลางนี่ไง
ที่แบ่งแยกคนกล้ากับคนบ้าออกจากกัน
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28-02-2018

พื้นที่สีแดง


#Question 3:
อะไร เป็นเงื่อนไข เป็นเหตุ เป็นปัจจัย
เป็นตัวตัดสิน พื้นที่สีแดง
ในแต่ละจุด ของโลก ....
อะไรเป็นรากฐานของสาเหตุ ที่แท้จริง
ที่ด้ามขวานต้องหักค่ะ?
จะผ่อนหนักเป็นเบาได้ไหมค่ะ?
Answer:
1.พื้นที่สีแดง คือ
พื้นที่ซึ่งจะหายไปจากแผนที่โลก
หลังปฏิบัติการชำระโลกครั้งที่สี่สิ้นสุดลง
2.เงื่อนไขที่จะต้องหายไปมีหลายประการ
ในที่นี้เราขอตอบท่านเพียง 3 ประการ คือ
#ประการแรก:
เพราะเป็นการปรับสมดุลทางกายภาพ
ของดาวเคราะห์โลกดวงนี้ใหม่
เนื่องจากระบบโลกเสียสมดุลไปมาก
จนส่งผลกระทบทางด้านพลังงาน
แล้วพาลไปกระทบต่อสมดุลของจักรวาล
จึงมิอาจวางเฉยโดยไม่เยียวยาได้แล้ว
เหตุจากชาวโลกเสรีทำลายระบบนิเวศน์
โดยไม่แสดงความรักโลกของตนเลย
ด้วยการระเบิดภูเขา โค่นไม้ทำลายป่า
ฆ่าสัตว์ประจำโลกจนหลายชนิดสูญพันธุ์
ทำลายแหล่งต้นน้ำลำธารปิดกั้นแม่น้ำ ฯลฯ
#ประการที่สอง:
เพราะมนุษย์โลกส่วนใหญ่ไม่รักกัน
สั่นสะเทือนได้แต่กิเลสตัณหาราคะและงมงาย
เพียงเพื่อประโยชน์สุขส่วนตนเป็นเบื้องแรก
จิตสามนึกที่ตกต่ำทำให้ผลิตพลังงานบวก
มอบให้กับดาวโลกของตนไม่ได้
โลกจึงหมุนไปแกว่งไปเพราะไม่มีแรงเหวี่ยง
เมื่อแกนหมุนแกว่งส่าย
ภัยพิบัติต่างๆทางธรรมชาติจึงเกิดขึ้น
วันคืนเปลี่ยนไป ฤดูกาลเปลี่ยนไป
ดินฟ้าอากาศเปลี่ยนไป
สนามแม่เหล็กโลกก็เปลี่ยนไป
ความหนาแน่นของก๊าซออกซิเจนก็เปลี่ยนไป
ดังนั้น
พื้นที่ตรงพิกัดใดที่พลังด้านบวกขาดแคลน
พื้นที่ผืนนั้นจักเป็นพื้นที่ไร้ประโยชน์ต่อโลก
เพราะไม่มีผู้ใดสามารถให้ความรักแก่โลกได้
จึงต้องกำจัดทิ้งเพราะมันเป็นดั่งขยะ
#ประการที่สาม :
เป็นเพราะความเหมาะสมที่ต้องเพิ่มแผ่นดินใหม่
และต้องทำให้แผ่นดินเดิมบางพิกัดหายไป
เช่น ต้องปรับมุมเอียงของแกนหมุน 23.5 องศา
ไปเป็น 32 องศาแทนในยุคพลังงานใหม่
การลดแผ่นดินโลกในบางพิกัด
แล้วไปเพิ่มแผ่นดินโลกในบางพิกัด
จึงจำเป็นต้องกระทำอย่างเป็นรูปธรรม
ด้วยความจำเป็นทางด้านกายภาพ
หรือการที่ต้องทำให้เกาะแก่งทั่วโลกหายไป
ก็เพื่อทำให้ท้องทะเลและมหาสมุทรสะอาด
จักช่วยให้โลกหมุนรอบตัวเองราบรื่น
เพราะไม่มีเกาะแก่งเพิ่มแรงเสียดทาน
จนทำให้การเหวี่ยงหมุนของโลกมีปัญหา
เนื่องจากเกาะน้อยใหญ่มิใช่สิ่งที่ทรงสร้าง
มันเกิดจากตะกอนในทะเลรวมตัวกัน
ตามกาลเวลานับหมื่นๆปีนั่นแหละ
มันจึงเป็นขยะที่ต้องชำระทิ้ง
3.สาเหตุที่ด้ามขวานต้องหัก
มาจากคำตอบโดยรวมทั้ง 3 ประการข้างต้นนั้น
ดังนั้น
บางสิ่งที่ท่านเห็นว่าไม่เหมาะสมนั้น
มันคือความเหมาะสมแล้วที่ไม่เหมาะสม
ซึ่งทุกคนต้องยอมรับกันให้ได้
นี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่ง
ที่เราจึงต้องเขียนแผนที่โลกยุคพลังงานใหม่
ประกาศให้ชาวโลกได้รู้ตัวล่วงหน้า
เพื่อเตรียมตนเองและจิตวิญญาณไว้ผจญภัย
เพื่อการตัดสินใจใดๆให้ถูกต้อง
และเผื่อไว้ว่าหลายท่านที่เป็นคนดีแต่มิอาจรู้
เพราะเป็นพื้นที่บอดของข่าวสาร
การต้องมีชาวประมงพร้อมเรือและอวนแห
คอยคัดปลาที่มีอนาคตขึ้นเรือให้ทันเวลา
จึงจำเป็นต้องเตรียมพร้อมไว้ฉุดช่วยอยู่ทั่วหล้า
แม้กระทั่งพระบิดาทรงยอมให้แผ่นดินใต้
เหลือเป็นเกาะใหญ่ไว้ให้ยึดเกาะถึง 3 เกาะ
ก็เพราะรู้ว่ายังมีลูกที่ดีที่พร้อมจะหลุดพ้น
แต่ขัดสนเรื่องข่าวสารจากจิตจักรวาลกันอยู่
เมื่อวันที่มีภัยมาก็จะสามารถอพยพหลบภัย
ย้ายไปอยู่บนพิกัดทั้งสามเกาะนั้นได้ทันกาล
พระบิดามิทรงลืมบุตรทุกคนของพระองค์
ทรงรักและให้โอกาสทุกคนอย่างเท่าเทียม
คนดีก็ทรงรัก คนชั่วก็ทรงรัก
เพราะใครดีใครชั่วผลกรรมเป็นของตัวเอง
พระบิดามิอาจบังคับจิตใจลูกคนไหนได้
เพราะดาวเคราะห์โลกดวงนี้
เป็นดาวแห่งทางเลือกเสรี
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28-02-2018

ปัญญากับความรัก


#Question 2:
ปัญญากับความรัก อะไร เกิดก่อนกัน
ในขบวนการเรียนรู้ที่จะกดปุ่ม
เพื่อใช้สมองซีกขวาของมนุษย์
ปัญญาก่อให้เกิดความรักได้ ให้เป็น
หรือเพราะความรักเป็นพื้นฐานจึงก่อให้เกิดปัญญา
เป็นไปได้ไหมที่ปัญญาหยั่งรู้ก่อเกิดขึ้นมาได้
เกิดองค์ความรู้ขึ้นแต่ก็ยังอาจดุดัน โมโห
เหมือนคนขาดรักไม่ละมุนละไม
แต่ปัญญาก็ผุดเป็นสายน้ำได้??? มีไหมค่ะ
#Answer:
1.จงระลึกไว้เสมอว่า...
การสั่นสะเทือนด้านบวกของจิตเท่านั้น
จึงสามารถเข้าถึงความฉลาดของสมอง 2 ซีกได้
ยิ่งสั่นสะเทือนด้านบวกสูงสุดได้มากเท่าใด
ก็จะสามารถฉลาดเพิ่มขึ้นได้มากเท่านั้น
2.การสั่นสะเทือนทางจิตด้านบวก
ซึ่งเป็นโหมดแห่งอาการของจิตในกลุ่มความรัก
ไม่ว่าจะเป็นความสุขสงบปิติแบบอุเบกขา
ไม่ว่าจะเป็นเมตตา กรุณา และมุทิตา
ไม่ว่าจะเป็นอดทน อดกลั้น และการให้อภัย
ล้วนเป็นจิตที่มีพลังอำนาจสูง
ที่มีผลต่อกระบวนการคิดของจิตกับสมองทั้งสิ้น
3.ดังนั้น
ถ้าจิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว
แสดงว่า #ความรักต้องมาก่อนความฉลาด
ไม่งั้นเวลาโกรธจะโง่
เวลาโมโหจะบ้าคลั่งได้อย่างไร
4.เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า
คนที่มีความฉลาดทางปัญญา
ที่สามารถคิดรู้หยั่งรู้อะไรได้ดั่งสายน้ำไหลนั้น
มันเป็นเพียงแค่ผลลัพธ์จากศักยภาพการคิด
ที่เฝ้าฟิตฝึกฝนกันมาจากอดีตชาติยันปัจจุบัน
ซึ่งพลังอำนาจทางปัญญาเหล่านั้น
เกิดจากความสามารถในการใช้ปัญญา
ส่วนปัญหาทางอารมณ์ของคนผู้นั้น
เป็นสันดานของจิตที่ถูกอำนาจฝ่ายต่ำครอบงำ
จนกลายเป็นคุณสมบัติด้านลบติดตัวอยู่
ดังนั้น
คนฉลาดทางปัญญาจึงมิใช่ผู้หลุดพ้น
ถ้ายังโง่ในการใช้อารมณ์อยู่
ถ้ายังโง่ในการใช้ชีวิตในสังคมอยู่
5.พวกที่ติดกรรมฐานสมาธิ
ไม่ฉลาดในการใช้มหาสติ
ตามมรรควิถีจิตจักรวาลที่เราชี้แนะไว้
จึงมักจะเป็นพวกจิตสงบในยามปกติ
แต่จะยังสติแตกถ้าถูกยั่วยุแรงๆ
จนมิอาจใช้ปัญญานำอารมณ์ได้เลย
เพราะฉลาดคิดแต่ในยามจิตสงบ
แต่ไม่มี #กฤตสติ ที่จะสยบอารมณ์ขยะ
ที่เกิดขึ้นในจิตตนเองได้
เนื่องจากเท็คนิกสมาธิแบบหลับตาปลีกวิเวก
ฝึกแต่การบังคับจิตเมื่อเสียสมดุลให้สมดุล
โดยไม่อะไรกับอะไร
แต่ไม่เคยฝึกป้องกันจิตมิให้เสียสมดุล
จิตจึงไม่ใสใจจึงไม่สวยปัญญาจึงไม่วิสุทธิ์
ข้อเสียของกรรมฐาน
อยู่ที่การแยกฝึกจิตกับฝึกสมองออกจากกัน
โดยเริ่มที่สมถะกรรมฐานก่อน
เมื่อเกิดฌานแล้วจึงต่อด้วยวิปัสนากรรมฐาน
เพราะสมถะกรรมฐานเป็นการกำหนดจิต
ให้เกิดความสงบชั่วคราว
แต่นิสัยสันดานของจิตที่บกพร่อง
ยังมิได้ชำระอย่างแท้จริงเลย
แม้กรรมฐานจะแก่กล้าเพียงใด
สุดท้ายเมื่อทิ้งกายสังขารไปแล้ว
จึงทำได้แค่ #หลุดลอย เท่านั้น
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28-02-2018

เรามาช่วยเหลือพวกท่าน


#Question 1::
ผู้ที่เรียนรู้ในมรรควิถีจิตจักรวาลแล้ว
แต่ยังไม่สามารถกลับไปกราบพระบาทพระบิดาได้
โดยหมดอายุขัยก่อน เมื่อมีการชำระโลกแล้ว
โอกาสจะกลับมาเกิดเพื่อเรียนต่อก็ไม่มี
จิตวิญญาณลักษณะนี้ จะเป็นอย่างไรต่อไปค่ะ ?
เค้าไปอยู่ไหนกันค่ะ?
Answer:
1.การชำระโลก
ต้องเลื่อนมาจนถึงวันนี้นับเป็นครั้งที่สี่แล้ว
ก็เพื่อเปิดโอกาสให้...
ลูกๆที่ใฝ่ดี...ที่ยังคงงมงายอยู่
ลูกๆที่ใฝ่ดี...ที่ต้องการเวลาเพื่อความก้าวหน้าอยู่
ลูกๆที่ไม่ดี...ที่ยังต้องการโอกาสกลับตัวอยู่
ให้ได้รับโอกาสและมีเวลามากพอ
ต่อการยกระดับจิตตปัญญาของตนเอง
ต่อการชำระความผิดบาปของตนเอง
ต่อการปลดเปลื้องพันธะกรรมตนเอง
เพื่อนำพาจิตวิญญาณตนเอง
เข้าสู่คุณสมบัติของผู้หลุดพ้น
ให้ได้มากสุดเท่าที่จะมากได้นั่นเอง
2.ดังนั้น...
เมื่อเงื่อนเวลามีจำกัด
เราเองจึงพยายามกระทำทุกวิถีทาง
เพื่อเผยแพร่ #มรรควิถีจิตจักรวาล
ออกไปทั่วหล้า
ให้บุตรมนุษย์แห่งพระบิดาทุกท่าน
บุตรผู้ที่จิตวิญญาณติดอยู่บนฟ้าสวรรค์มายา
และบุตรที่จิตวิญญาณยังคงติดคาอยู่ในนรก
ให้ได้มีโอกาสรับรู้เรียนรู้พระโอวาท
กันอย่างถ้วนทั่วและเท่าเทียม
เพื่อสร้างสติทางวิญญาณ
แก่บุตรทั้งหลายด้วยพระองค์เอง
เหมือนเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต
จึงสื่อพระโอวาทผ่าน fb.ตลอด 24 ชั่วโมง
จึงสื่อพระโอวาทสดๆทุกเดือน 254 ครั้งแล้ว
จึงสื่อพระโอวาทผ่านพระคัมภีร์นับร้อยตอนแล้ว
เพื่อแจ้งข่าวสารการชำระโลกด้วยหายนะภัย
เพื่อแจ้งวิธีชำระจิตใจให้ลึกซึ้งถึงวิญญาณ
เพื่อการเรียกลูกแกะผู้หลงทางกลับเข้าคอก
เพื่อการคัดปลาที่มีอนาคตขึ้นจากน้ำ
เพื่อการรับเจ้าสาวเข้าเรือนหอ ณ ด่านนภาลัย
3.ในทุกครั้งทุกช่องทางของการสื่อ
ถ้าบุตรท่านใดใน 3 จำพวกที่กล่าวไว้
จดจำพระบิดาได้และไม่ปฏิเสธเรา
โดยแสดงความใฝ่รู้ใฝ่ดี
ในมรรควิถีจิตจักรวาลที่แท้จริง
ด้วยการติดตามเฝ้าฟังพระโอวาทไม่ขาดตอน
ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนอย่างมุ่งมั่น
บั่นชำระผลกรรมของตนจนเหลือไม่เกิน 30%
ดวงจิตวิญญาณท่านผู้นั้นจักได้รับรางวัล
คือ #การหลุดพ้น ได้ทุกเวลาที่ปรารถนา
หมายความว่าพร้อมจะจบสิ้นอายุขัยเพื่อกลับบ้าน
หรือการรั้งรออยู่เพื่อดูการชำระโลกคาบสุดท้าย
หรือการมีชีวิตอยู่ข้ามยุคเพื่อช่วยเก็บกวาด
หรือช่วยกันออกแรงทำความสะอาดโลก
ก็สุดแท้แต่ปณิธานที่ท่านนั้นต้องการแล้ว
4.ด้วยเหตุดั่งนี้แหละ...
ที่เราหมั่นพร่ำเตือน...เตือนแล้ว...เตือนอีก
เตือนพี่ๆน้องทั่วหล้าที่ยังเดินถ่างขาอยู่
เตือนพี่ๆน้องๆที่ยังงมงายกับหนทางเดิมอยู่
เตือนพี่ๆน้องๆที่ยังทำตัวไม่เอาไหนกันอยู่
เตือนพี่ๆน้องๆที่ยังฝึกไม่อะไรกับอะไรอยู่
เตือนพี่ๆน้องๆที่ยังคงใฝ่ต่ำทำอุตริกันอยู่
เตือนพี่ๆน้องๆที่ยังสงสัย "บุตรเอก" เช่นเราอยู่
ให้เร่งหันหน้ามาทางเรา
หันมาทาง #เราผู้เป็นเงาแห่งองค์จิตจักรวาล
เพื่อก้าวตามเรา #กลับบ้าน ให้ทันก่อนวันสิ้นยุค
5.เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ท่านที่จบสิ้นอายุขัย
ก่อนกาลปิดยุคคาบสุดท้าย
โดยเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติครบตามข้อ 3 นั้น
ประตูมิติที่ #ด่านนภาลัย จะเปิดแง้มออก
เพื่อให้จิตวิญญาณของท่าน
เดินทางไปพักบำเพ็ญต่อเนื่องกันที่นั่น
โดยจะมีครูอาจารย์รอช่วยเหลือพวกท่านอยู่
6.ท่านที่ปฏิบัติตามมรรควิถีจิตจักรวาลแล้ว
แต่ยังมิอาจเข้าถึงการหลุดพ้นได้
ต้องทิ้งกายสังขารก่อนกาลปิดยุคนั้น
จิตวิญญาณของท่านยังต้องมีกรรมเป็นกำหนด
จะหลุดหล่น หลุดลง หรือหลุดลอยตามปกติ
เมื่อถึงวันเวลาที่ 11
ช่วงเวลาแห่งการชำระโลกคาบสุดท้าย
ทุกภพภูมิจักต้องถูกชำระ
ทั้งทางกายภาพและพลังงาน
ตามแผนปฏิบัติการทางเท็คนิกพร้อมๆกัน
สวรรค์มายาจะไม่มี
ที่ล่องลอยเป็นสัมภเวสีจะถูกชำระทิ้ง
ที่ยังดำดิ่งอยู่ในนรกเหนือชั้นที่ 13 ขึ้นมา
จะได้รับการพิจารณาเพื่อปลดปล่อย
เราสามารถเปิดเผยความจริง
ต่อท่านทั้งหลายได้ 6 ประการข้างต้นนี้
เพื่อยืนยันภารกิจพระบิดาที่ทรงบัญชาให้เราทำ
เพื่อยืนยันว่าเรามาดีมิใช่มาร้าย
เพื่อยืนยันว่าเรามาช่วยเหลือพวกท่าน
เรามิได้มาทำร้ายพวกท่าน
เรามิได้มาแสวงประโยชน์อันใดจากโลกเสรีนี้
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28-02-2018

27 กุมภาพันธ์ 2561

สนามแม่เหล็ก



#ตอบคำถาม:
#ภูษิตา สุริยวงศ์
#Question:
พี่ช่างเทคนิคหรือว่าเป็นผู้ไปเยือนที่ดวงจันทร์
ต้องมีโครงข่ายใยแม่เหล็ก
หุ้มดวงใจด้วยหรือเปล่าเจ้าคะท่านอาจารย์
#Answer:
1.ในยามปกติบนพื้นผิวดวงจันทร์นั้น
อิทธิพลของสนามแม่เหล็กโลกของเรา
จะปกคลุมหุ้มห่อไปถึง
แต่ในยามวิกฤตด้านจิตสามนึกของมนุษย์โลก
จนยังผลให้โครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก
ต้องตกต่ำ อ่อนแอ ดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้นั้น
อำนาจแม่เหล็กโลกบนดวงจันทร์แทบเป็นศูนย์
2.ดังนั้น...
ไม่ว่ามนุษย์โลกหรือรูปธรรมมีชีวิตใดๆ
หากต้องการเข้าไปอยู่ในระบบของดวงจันทร์
ก็จะต้องพกพาเอาสนามแม่เหล็ก
จากดาวดวงที่ตนสังกัดอยู่ติดตัวไปด้วย
เพราะเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมีชีวิต
ในแต่ละระบบดาวที่ทรงสร้างขึ้นไว้นั้น
ทรงกำหนดให้มีค่าไม่เท่ากันหรอก
เพื่อป้องกัน #การบุกรุก การล่วงล้ำก้ำเกินกัน
เพราะสนามแม่เหล็กเฉพาะแต่ละดาวนั้น
จะไม่เหมาะสมกับรูปธรรมจากดาวอื่น
ที่จะเข้าไปยึดแย่งอำนาจและใช้ชีวิตอยู่
3.อ้อ...เวลาพกพาสนามแม่เหล็กติดตัวไปนั้น
เขาไม่ได้หุ้มห่อไว้แค่ดวงใจอย่างที่ท่านกล่าว
มันต้องหุ้มห่อเครื่องยนต์แห่งกรรมไว้ทั้งหมด
นั่นต่างหากล่ะ...จึงจะรอดชีวิตได้
ว่าแต่ว่า...ในทางปฏิบัติจริงนั้น
มีปัญญาพกพาสนามแม่เหล็กจากดาวของตน
ห่อหุ้มตนเองไปด้วยตลอดเวลาได้แน่หรือ
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
27-02-2018

อิทธิพลของดวงจันทร์


#ตอบคำถาม
#สมกิจ รวยเต็มหัตถ์
#Question:
กราบเรียนถามท่านอาจารย์ 
ยังมีความลับที่คนเรายังไม่รู้ว่าต้องรู้
เกี่ยวกับอิทธิพลของดวงจันทร์
ที่มีต่อโลกและมนุษย์อีกรึไม่ครับ
#Answer:
1.มีครับ
2.ท่านทราบหรือยังว่า?
ดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อ #น้ำขึ้นน้ำลง
บนดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้
3.ท่านทราบหรือยังว่า?
ดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อ #รอบเดือน
ที่เกี่ยวกับจำนวนวันต่อรอบของทุกสตรี
บนดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้
4.ท่านทราบหรือยังว่า?
ดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อ #อารมณ์ ด้านสุนทรีย์
ของชาวโลกเสรีทั้งหลายด้วย
5.ท่านทราบหรือยังว่า?
ดวงจันทร์มีอิทธิพลต่อ
#การเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง ของดาวโลก
เพราะถ้าไม่มีดวงจันทร์โคจรรอบโลก
โลกก็จะเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง
ด้วยอัตราเร็วไม่สม่ำเสมอหรือไม่คงทีี่
โดยดวงจันทร์จะช่วยชะลอความเร็วให้
ถ้าโลกกระชากหมุนเร็วขึ้น
และจะช่วยเพิ่มแรงเฉื่อยในการหมุนให้
ในกรณีที่โลกหมุนเฉื่อยช้าลง
กรณีที่โลกมีแรงเหวี่ยงหมุนเร็วไปช้าไป
ก็เกิดจากจิตสามนึกมนุษย์โลกด้านบวก
มีการสั่นสะเทือนโดยรวมไม่คงที่
ถ้าวันเวลาใดที่คนทั้งโลกรักกันได้ให้กันเป็น
วันเวลานั้นพลังงานด้านบวกก็จะมีมาก
ดาวโลกก็จะกระตุกด้วยแรงเหวี่ยงที่เพิ่มขึ้น
หากวันเวลาใดพลังงานด้านบวกลดลง
เพราะผู้คนส่วนใหญ่จิตสามนึกตกต่ำ
เนื่องจากตกเป็นทาสกิเลสตัณหาราคะ
รวมทั้งรักกันไม่ได้ให้กันไม่เป็น
ดาวโลกก็จะกระตุกด้วยแรงเหวี่ยงที่ต่ำลง
6.อิทธิพลที่ดวงจันทร์จะมีต่อโลก
ที่ควรรู้ไว้อีกอย่างหนึ่งก็คือ...ในอนาคต
ถ้าดวงจันทร์ซึ่งเป็นดาวเพื่อนของโลก
ตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของต่างเผ่าดาว
ที่ไม่เป็นมิตรกับมนุษย์และโลกได้จริง
ดวงจันทร์ก็จะถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการ
ในการครอบงำพวกท่านทั้งสองมิติ
โดยจะควบคุมจากฐานดวงจันทร์นั่นเลย
ดาวโลกเสรีก็จะไม่เสรีอีกต่อไป
ปัญหาระหว่างเผ่าดาว
โดยมีดวงจันทร์ของโลกเป็นฐานปฏิบัติการ
จะเป็นปัญหาหลักของชาวโลกในอนาคต
เพราะมีมนุษย์บางคน "เสียรู้และเสียท่า"
เพราะความอยากรู้และไม่รู้ค่อนข้างมาก
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
27-02-2018

26 กุมภาพันธ์ 2561

ใจเบา



#สนทนาประสาจิตจักรวาล

หลายคนเชื่อกันว่า
ถ้าจิตสั่นสะเทือนเป็นความรู้สึก
เมื่อถูกเร้าผ่านสองตา
ก็เรียกว่า "ตาเบา“

ถ้าจิตสั่นสะเทือนเป็นความรู้สึก
เมื่อถูกเร้าผ่านสองหู
ก็เรียกว่า “หูเบา”

แท้แล้วตากับหูมิได้เกี่ยวด้วยเลย
เหตุเพราะ “ใจเบา” ต่างหาก

ปัญหาทางจิตวิญญาณเรื่องนี้
จะมุ่งแก้แต่ที่อายตนะ 
คือ ตากับหูนั้นมิได้หรอก
ท่านต้องแก้ไขที่จิตใจท่านต่างหาก

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
26-02-2018

คนตนเองให้เป็นมนุษย์


พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า
เมื่อจิตวิญญาณของท่าน
ได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็น #คน แล้ว
หน้าที่สำคัญสูงสุดก็คือ
ท่านจักต้อง #คนตนเองให้เป็นมนุษย์
ให้สำเร็จให้จงได้
ถ้าท่านยังคนตนเองให้เป็นมนุษย์ไม่ได้
ท่านก็จะมิอาจทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณ
ตามที่ขันอาสาพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
หรือ #องค์จิตจักรวาล มาทำให้ลุล่วงได้
นั่นเท่ากับว่าท่านล้มเหลวในการเป็นมนุษย์
และล้มเหลวในภารกิจของจิตวิญญาณ
ความล้มเหลวในการเป็นมนุษย์ หมายถึง
การที่ท่านไม่อาจเข้าถึงการเป็นคนสองมิติได้
ส่วนการล้มเหลวในภารกิจของจิตวิญญาณ
ก็คือท่านไม่สามารถ "หมุนธรรมจักร" ได้
นี่ย่อมแสดงว่า...
การเป็น #คนสองมิติ ไม่ได้
กับการ #หมุนธรรมจักร ไม่ได้
คือนัยสำคัญที่ท่านทั้งหลายจะต้องรู้
เมื่อรู้แล้วก็ต้องเร่งหาทางแก้ไข
เพราะมันจักเป็นเงื่อนไขให้ถูก #คัดทิ้ง
หรือ เป็นเงื่อนไขให้ถูก #คัดไว้
ในปฏิบัติการชำระโลกสู่ยุคพลังงานใหม่
ซึ่งกำลังปฏิบัติการทางเท็คนิกอยู่ในขณะนี้
ดังนั้น
จงอย่าปล่อยให้ชีวิตประจำวันของท่าน
มันดำเนินไปอย่างเปล่าดายไร้ประโยชน์
โดยที่ท่านไม่พากเพียรต่อการประพฤติธรรม
หรือปฏิบัติธรรมแบบสะเปะสะปะไร้จุดยืน
ในขณะที่ยังเป็นคนสองมิติไม่สำเร็จ
และยังหมุนธรรมจักรไม่เป็นอีกต่างหากด้วย
ท่านจึงต้องหาคำตอบอย่างเป็นรูปธรรม
เพื่อนำองค์ความรู้มาสู่การปฏิบัติจริงให้ได้
ด้วยการตั้งคำถามตนเอง ณ บัดนี้เลยว่า
1.#คนสองมิติ หมายความว่าอย่างไร
2.จะเป็นคนสองมิติได้ต้องทำอย่างไรบ้าง
3.#ธรรมจักร ในความหมายที่ถูกต้องคืออะไร
4.อย่างไรคือการ "#หมุนธรรมจักร"
5.คนสองมิติกับการหมุนธรรมจักร
จะบูรณาการร่วมกันได้หรือไม่? อย่างไร?
คำถามทั้งห้านี้
จะเป็นการไขกุญแจประตูสู่ด่านนภาลัย
สำหรับผู้มีที่หมายเป็น #นิพพาน
โดยไม่ต้องผ่านแดนสวรรค์มายาเลย
ถ้าท่านได้คำตอบที่ถูกต้องโปร่งใส
แล้วนำมาปฏิบัติจริงในชีวิตได้สำเร็จ
เราขอถามท่านทั้งหลายว่า
ยังจะมีผู้ใดตอบท่านทั้ง 5 ข้อนี้ได้บ้าง
หากมิใช่ "องค์จิตจักรวาล"
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
พระผู้สร้างทุกสิ่งในจักรวาลอันไพศาลนี้
ชวนกันล้อมวงเข้ามาในห้องเรียนนี้กันเถอะ
พระองค์ทรงมีทุกคำตอบให้ท่าน
พระองค์ทรงรอลูกๆอย่างท่านทั้งหลายอยู่
ก่อนจะถึงวันสุดท้ายในการชำระโลก
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญ่า
26-02-2018

โกรธ โลภ หลง-งมงาย



#สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านว่า

ท่านจะไม่สามารถ
ยกระดับจิตตปัญญา
ให้สูงขึ้นได้เลย

ถ้าวันๆหนึ่งจิตของท่าน
สั่นสะเทือนเหมือนขึ้นๆลงๆบันได
อยู่เพียงแค่ 3 ขั้นเท่านั้น
คือ โกรธ โลภ หลง-งมงาย

ทั้งๆที่ยังมีบันได
เหลือให้ท่านก้าวขึ้นไป
ได้อีกตั้งหลายขั้น

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
26-02-2018

02 กุมภาพันธ์ 2561

นกตกจากฟ้าลงมาตายอีกแล้ว



#นกตกจากฟ้าลงมาตายอีกแล้ว

เมื่อวานนี้
เกิดปรากฏการณ์ลางสังหรณ์
ในรัฐยูท่าห์ สหรัฐอเมริกา
เมื่อนกสตาร์ลิ่ง (Starlings) ฝูงใหญ่
จู่ๆก็พากันร่วงลงมาจากฟ้า
ตกลงมาตายกว่า 200 ตัวจนหมดฝูงเลย

คนไทยถ้าเอ่ยชื่อนกชนิดนี้จะไม่รู้จัก
แต่ถ้าดูคลิปที่นำมาแสดงประกอบไว้ในที่นี้
ท่านก็จะต้องคุ้นตาจากคลิป
ที่เราเคยนำมาโชว์เมื่อปีที่ผ่านมา

เพราะนกชนิดนี้จะบินไปด้วยกันเป็นฝูง
และสามารถร่วมกันแปรขบวน
ให้เป็นศิลปะแห่งเกลียวคลื่น
รูปร่างต่างๆที่สวยงามและน่าทึ่ง

ท่านที่รักทั้งหลาย
ทางการก็คงต้องรอพิสูจน์จนเงียบหายไป
เหมือนในอดีตนั่นแหละว่า
ทำไมนกทั้งฝูงจึงตกลงมาตายพร้อมๆกัน

เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
พวกเขาตายเพราะขาดออกซิเจนกระทันหัน
สาเหตุเพราะว่า

1.พวกเขาบินกันไปเป็นฝูง
2.บินผ่านบริเวณที่ออกซิเจนเจือจาง
3.พวกเขามีนับร้อยๆตัว
อากาศที่เบาบางจึงไม่เพียงพอต่อการหายใจ
พวกนกเหล่านี้จึงขาดอากาศกระทันหัน

เมื่อสมองขาดออกซิเจนกระทันหัน
พวกเขาจึงเสียการทรงตัวแบบเฉียบพลัน
เมื่อควบคุมตัวเองไม่ได้ก็ร่วงลงมาจากฟ้า
แล้วกระแทกพื้นจนเสียชีวิตอย่างน่าอนาจ

ดังนั้น
เราจึงขอย้ำกับท่านทั้งหลาย
ในพระนามแห่งพระบิดาว่า

ที่อากาศออกซิเจนบนฟ้าบริเวณนั้นเจือจาง
ก็เพราะโลกผลิตออกซิเจนได้ต่ำกว่าปกติ
ที่โลกผลิตออกซิเจนได้น้อยมาก
ก็เพราะว่าจิตสามนึกมนุษย์ที่อยู่ตรงนั้นตกต่ำ
จนไม่สามารถผลิตสร้างพลังงานความรักได้
เมื่อมนุษย์ผลิตพลังงานความรักให้โลกไม่ได้
โลกก็ไม่มีเชื้อเพลิงพอที่จะผลิตออกซิเจน
ออกมาจากในแกนโลกตามต้องการได้

โลกจึงเสียสมดุล
เพราะมนุษย์ค้ำจุนโลกไม่ได้เพราะไร้รัก

แผ่นดินจึงไหวรายวัน
ภูมิอากาศจึงวิปริตแปรปรวนรุนแรงชัดเจน
ประดานกจึงตกลงมาตาย
ฝูงปลาน้อยใหญ่ก็พากันว่ายมาเกินตื้นตาย
ล้วนเป็นภาพที่ท่านทั้งหลาย
จักได้ยินได้พบเห็นกันถี่บ่อยขึ้นเรื่อยๆแน่นอน

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
2-2-2018

01 กุมภาพันธ์ 2561

อย่าเดินถ่างขาถ้าปรารถนาการหลุดพ้น



#สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆจิตจักรวาลทายาทที่รัก
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เพราะสันดานของจิตมันอยู่นิ่งไม่ได้
ต้องหาอะไรให้มันยึดเกาะ 
ต้องหาอะไรให้มันทำไว้
มิเช่นนั้นมันจะฟุ้งซ่านไปเรื่อยๆ 
มันจะไร้สาระไปตลอด

เมื่อนักบวชนั่งกรรมฐานสมาธิ
เขาจึงต้องทำอานาปานสติ
โดยกำหนดจิตไว้ที่ลมหายใจเข้าออก
แล้วอาจใส่รหัสให้จิตมันยึด
ด้วยการท่องหรือภาวนา "พุทโธ" ไว้
ซึ่งจิตในขณะนั้นก็จะอยู่กับคำว่า 
"พุทธ" เมื่อหายใจเข้า
อยู่กับ "โธ" เมื่อหายใจออก เป็นต้น

แต่ปรากฏว่าบางครั้งหรือบ่อยครั้ง
นักบวชก็ยังรั้งจิตไว้กับอานาปานสติไม่อยู่
มันยังคอยจะมี #มาร เข้าแทรกอยู่เรื่อย
เช่น จิตมันไปนึกเรื่องอื่น เห็นเรื่องอื่น
ทั้งๆที่นั่งหลับตากำหนดจิตพุทโธ
อยู่อย่างนั้น

ด้วยเหตุนี้เอง
พวกเขาจึงเสี้ยมสอนกันสืบมาว่า
#จงอย่าไปอะไรกับอะไร เหล่านั้น
เพราะมันเป็นคลื่นแทรกเข้ามาในจิต
มันเป็นมารมันเป็นสิ่งที่นักบวชนั้นไม่ต้องการ

เพราะคลื่นแทรกมันจะทำให้
สติแตกสมาธิขาด
ต้องยึดมั่นถือมั่น
อยู่กับสิ่งที่จิตกำหนดไว้เท่านั้น

เพราะสันดานของจิตเป็นแบบนี้
นักบวชทั้งหลายที่ปลีกวิเวก
ไปฝึกจิตในดงพงป่าอยู่คนเดียว
ด้วยกระบวนการเท็คนิคสมาธิ
หรือที่เรียกกันว่ากรรมฐานสมาธิ
จึงจำเป็นต้องใช้วิธี #คอยสั่งจิตตนเอง ว่า
#ไม่อะไรกับอะไร ที่มันแทรกสอดเข้ามา

แปลว่าให้วางเฉยโดยไม่ต้องไปสนใจมัน
ถ้าไปสนใจมันเข้าจิตก็จะไม่นิ่งไม่สงบ
จะยังผลให้สมถะกรรมฐานนั้น
เกิดการล้มเหลวไม่เป็นท่า

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

การที่ชาวบ้านหรือฆราวาส
ไปหยิบจับเอาแค่ประโยคพูด
"ไม่อะไรกับอะไร" 
มาปฏิบัติใช้ในการดำเนินชีวิต
มันจึงเป็นการจับผิดจำผิด
เพราะไม่เข้าใจแจ้ง

ท่านจะใช้มันได้ก็ต่อเมื่อเป็นนักบวช
และปฏิบัติกรรมฐานสมาธิ
แนวอานาปานสติเท่านั้น
อย่านำมาใช้ในชีวิตประจำวันในสังคม

เพราะท่านจะกลายเป็นคนโง่
ทันทีที่ท่านไม่อะไรกับอะไร
เนื่องจากการทำเช่นที่ว่านั้น
เป็นการปฏิเสธการเรียนรู้ทุกสิ่ง

นอกจากนั้น
การไม่อะไรกับอะไร
ขณะใช้ชีวิตร่วมกันกับคนอื่นนั้น
มันจะทำให้ท่านไม่สนใจใคร ไม่แคร์ใคร

ไม่สนใจ
อารมณ์รู้สึกนึกคิดต้องการของคนอื่น
เพื่อแสดงความเป็นมิตรกับใครเลย
เสมือนท่านจะยึดติดตัวกูของกูไว้ถ่ายเดียว
สุดท้ายใครๆเขาก็คบกับท่านไม่ได้
เพราะท่านคิดพูดทำอะไรที่ไม่เหมาะ
จนคนอื่นเขากระทำไม่ถูกต้องตอบโต้มา

แต่ท่านก็จะทำเฉยเมยโดยไม่เรียนรู้ว่า
ตนทำอะไรผิดบาปทำอะไรไม่เหมาะกับเขา
เขาจึงตอบโต้กลับมาเช่นนั้น

ตัวท่านก็จะได้แต่หลงตัวเองว่า
"ฉันเป็นคนดี เธอน่ะเป็นคนไม่ดี"
ที่ฉันดีเพราะวางเฉยต่อการงี่เง่าของเธอได้
โดยไม่หือไม่อือไม่ถือสาหาความอะไร
เพราะฉันไม่อะไรกับอะไรกับเธอ

ซึ่งเป็นการคิดเข้าใจผิดแบบหลงตัวเอง
ทั้งๆที่ท่านเป็นฝ่ายทำผิดบาปกับเขาก่อน
แล้วท่านก็ยังไม่รู้สำนึกอีก
ทำเสมือนว่า #จะไปสวรรค์คนเดียว ยังไงยังงั้น

ถ้ามองด้านความดีน่าจะมีเพียงสิ่งเดียว 
คือ การไม่โต้กลับก็จะไม่มีเรื่อง
เมื่อไม่มีเรื่องชีวิตท่านก็เหมือนจะสงบ
แต่แท้จริงนั้นท่านก่อกรรมกับเขาไปแล้ว
เพราะความไม่รู้ไม่ชี้ของท่านนั่นแหละ
ขณะที่ "สันดานไม่ดี" ของท่าน
ก็จะยังไม่ได้รับการแก้ไขเพราะท่านไม่รู้ตัว

สมองจะทึบเพราะขาดทักษะทางปัญญา
เนื่องจากไม่อะไรกับอะไรกับใคร

ดังนั้น
ถ้าท่านยังหลงผิดอยู่อย่างนี้
ท่านก็จะยังเข้าถึงความเป็นพุทธะ
คือเป็นผู้มีจิตใสใจสวย
และเป็นผู้มีภูมิปัญญาแห่งอริยะไม่ได้
แล้วท่านจะผ่านบททดสอบจิตสามนึก
และเรียนรู้บทเรียนโลกได้อย่างไร

วิธีนั่งบังคับจิตตนเอง
เพื่อให้มันอยู่ในร่องในรอยนั้น
มันเหมือนกับการนำเด็กซนมามัดไว้
การมัดเด็กซนไว้เพื่อมิให้ซุกซนนั้น
เป็นการแก้ไขกันที่ปลายเหตุ
เพราะอุปนิสัยชอบซุกซนยังไม่ได้แก้
พอแก้มัดออกให้เด็กซนนั้นเป็นอิสระ
เด็กคนนั้นก็จะแสดงพฤติกรรมซุกซนดังเดิม

ถ้าจิตยังมิได้ขัดเกลาให้สะอาด
แม้ยามปกติจะดูสุขุมสงบเงียบเรียบราบ
แต่ถ้าถูกยั่วยุเย้ายวนเมื่อใด
สันดานทางจิตที่ไม่ดีมันก็จะแสดงตัวทุกครั้ง
เพราะเกิดอาการสติแตกเมื่อถูกยั่วเย้า

ดังนั้น
สำหรับฆราวาสที่มิใช่นักบวชแล้ว
การครองสติให้มั่นคงจึงสำคัญที่สุด
นั่นคือ รู้สติ มีสติ และใช้สติ ขณะอยู่ในสังคม
โดยพร้อมที่จะรับรู้แล้วเรียนรู้ทุกสิ่ง
ที่ผ่านผัสสะของอายตนะทั้งหกเข้ามา
จนเกิดการรู้ตัวทั่วพร้อมที่แท้จริง
มิใช่มีสติแบบหลอกหลอนตัวเอง

พี่น้องที่รักทั้งหลาย
เราจึงเตือนท่านตลอดมาว่า
อย่าเดินถ่างขาถ้าปรารถนาการหลุดพ้น
ก็เพราะเหตุนี้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
1-2-2018

ล้อตเตอรี่ช่วยรัฐบาล



#ล้อตเตอรี่ช่วยรัฐบาล

งวดประจำวันที่ 1 ก.พ.2561
*************************
รางวัลที่ 1 026853  3,000,000 บาท
เลขหน้า 3 ตัว 106 947 2,000 บาท
เลขท้าย 3 ตัว 519 181 2,000 บาท
เลขท้าย 2 ตัว 31         1,000 บาท

#สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆจิตจักรวาลทายาท
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

การเสี่ยงโชคเป็นการเล่นพนันกับโอกาส
โอกาสเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น ควบคุมไม่ได้

การลงทุนกับโอกาสซึ่งตนควบคุมไม่ได้
จึงยากที่จะประสบผลสำเร็จดังหวัง

แท้แล้วโอกาสที่จะรวยอยู่ที่ตนเอง
นั่นคือ การกระทำด้วยหนึ่งสมองกับสองมือ
ถ้าสมองดีคือฉลาดคิด ฉลาดพูด ฉลาดทำ
ถ้าสองมือมีความเชี่ยวชาญและขยันทำ
"โอกาสรวย" จักเป็นของท่านทันที

รวยมากรวยน้อย รวยช้ารวยเร็ว
จะเป็นรางวัลที่เป็นธรรมสำหรับท่านแน่นอน
โดยท่านจะได้รับรางวัลทุกวันเวลา
มิพักต้องรอทุกงวดๆที่ถูกคนอื่นกำกับไว้
แล้วจะได้จะถูกรางวัลหรือไม่ก็ยังไม่รู้
แต่ถ้าท่านสร้างโอกาสให้ตนเองทำเอง
ก็ไม่ต้องเสี่ยงไม่ต้องคอยลุ้นเหมือนทุกวันนี้

ทำดี ทำเก่ง ฉลาดทำ ขยันทำ
รางวัลก็คือ "รวย" นี่คือโอกาสที่ท่านสร้าง
ซึ่งเป็นสิ่งที่มองเห็นได้และควบคุมเองได้
โดยไม่ต้องเสี่ยงโชคเลยพี่น้องที่รักทั้งหลาย

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
1-2-2018