31 มีนาคม 2563

สนทนาประสาจิตจักรวาล "ประสบการณ์ CoVID19 "

"ประสบการณ์  CoVID19"
****************************
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เมื่อแรกที่ร่างกายของท่าน
ได้รับเชื้อโคโรน่าไวรัสเข้าไปแล้ว
ร่างกายของท่านก็จะยังไม่รู้ว่าถูกไวรัสจู่โจม
เนื่องจากกลุ่มไวรัสผู้บุกรุกจะไม่โจมตีในทันที
ที่เข้าถึงบริเวณหลอดลมคือคอหอย
ซึ่งเป็นทางเดินหายใจส่วนต้นได้

โคโรน่าไวรัสจะใช้หนามพิเศษ 4 เส้น
ที่ได้รับการตัดต่อพันธุกรรมจากห้องแลป
ทำการยึดเกาะเยื่อบุผนังหลอดลม
เพื่อตรวจหาคุณสมบัติทางไฟฟ้าของเม็ดเลือด
ซึ่งเคลื่อนไหลผ่านมาทางนั้นว่าที่เป็นลบมีมั้ย

เมื่อใดที่กลไก Digitallis ของเชื้อไวรัสนั้น
รับรู้สัญญาณทางไฟฟ้าว่าจะมีเม็ดเลือดแดง
แบกขนประจุลบไหลผ่านมา
ก็จะทำการฝังตัวเองทะลุผ่านผนังเนื้อเยื่อ
เข้าสู่ภายในหลอดเลือดของมนุษย์ทันที
เมื่อเม็ดเลือดแดงที่มีประจุลบไหลผ่าน
โคโรน่าไวรัสก็จะเข้าประชิดเม็ดเลือดแดงนั้น
เพื่อจับเอาประจุลบมาเข้าคู่กันกับประจุบวก
ซึ่งเป็นคุณสมบัติทางไฟฟ้าของตนทันที

เม็ดเลือดแดงที่มีขยะประจุลบเกาะอยู่แต่เดิม
ก็จะถูกชำระให้เป็นเม็ดเลือดแดงสะอาดแทน
เชื้อไวรัสเองก็จะมีความเป็นกลางทางไฟฟ้า
ซึ่งเราเคยกล่าวว่า "กินอิ่มแล้ว" นั่นเอง

ถ้าท่านสั่นสะเทือนจิตสามนึกด้านบวกไม่ค่อยได้
โดยปล่อยตนเองให้เป็นทาสทางอารมณ์
เมื่อถูกยั่วยุเย้ายวนได้ง่ายๆเพราะไม่มีมหาสติ
จนลุ่มหลงงมงายไปกับอัตตามายาแห่งโลกิยะ
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของท่าน
ก็จะทำการผลิตสร้างประจุลบขึ้นมามากมาย
เม็ดเลือดแดงก็จะแบกขนมันไปทั่วร่างกาย
เพื่อจะนำไปถ่ายประจุลบทิ้งที่เซลสมองซีกซ้าย

ดังนั้น
ผู้ไม่มีมหาสติและไม่มีปณิธานแห่งการหลุดพ้น
ในการดำเนินชีวิตประจำวันทั้งหลาย
จะเป็นผู้ที่ผลิตสร้างขยะประจุลบขึ้นมา
ให้เม็ดเลือดแดงต้องแบกขนไปถ่ายทิ้ง
ที่เซลสมองซีกซ้ายอย่างต่อเนื่องและมากมาย
เมื่อสมองซีกซ้ายเกิดการสั่งสมประจุลบมากๆเข้า
จะยังผลให้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าของสมองซีกซ้าย
เกิดการ "อสมมาตร" คือเสียสมดุลกับสมองซีกขวา

ถ้าปล่อยตนเองให้เป็นเช่นนี้นานๆเข้า
ความเครียดทางประสาท
จากสมองของท่านเสียสมดุลทางไฟฟ้า
จะทำให้ท่านรู้สึก "มึนศีรษะ" หรือปวดสมอง
หากท่านปล่อยตนเองไว้แบบนี้จนเป็นนิสัย
ในที่สุดท่านก็จะป่วยด้วยโรค #ไมเกรน
คือ ปวดหัวซีกซ้ายข้างเดียว

กินยาแก้ปวดหัวรักษาตัวนานแค่ไหนก็ไม่หาย
เพราะนิสัยสันดานทางจิตที่เป็นเหตุแห่งโรค
ไม่ได้รับการแก้ไขเยียวยานั่นเอง
เพราะมุ่งเน้นจัดการความป่วยทางกายภาพ
แต่ไม่ใส่ใจความป่วยทางจิตของตนแต่อย่างใด
ทุกสิ่งทุกอย่างมันล้วนเกิดจากเหตุ
ถ้าเหตุยังไม่ดับผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการจึงไม่ดับ

ท่านจึงต้องรู้ไว้ด้วยว่า
ถ้าโรคไมเกรนนี้ติดตัวใครไปจนตาย
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
จะถือเป็นรหัสติดตัวไปเกิดในชาติหน้าด้วย
มันจะกลายเป็นโรคประจำตัวของคนนั้นไป
โดยสาเหตุแห่งโรคมาจากอดีตชาตินี่แหละ
ถ้ารู้ตัวแล้วก็จงอย่าทำร้ายตนเองถึงชาติหน้าเลย

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

โคโรน่าไวรัสตัวใดก็ตาม
ที่ช่วยกำจัดขยะประจุลบให้เม็ดเลือดแดงแล้ว
มันจะมีระยะฟักตัวหรือพักตัวระยะหนึ่ง
หากไม่ถูกย่อยสลายโดยกองทัพเม็ดเลือดขาว
เชื้อไวรัสตัวนั้นก็จะกลายเป็นตัวอันตราย
มันจะเป็นภัยต่อท่านจะไม่เป็นมิตรกับท่านอีก
เพราะมันจะแบ่งตัวขยายพันธุ์เพิ่มเป็นทวีคูณ
โดยมีกึ่งหนึ่งของจำนวนที่เพิ่มขึ้นนั้น
จะมีประจุลบเป็นคุณสมบัติทางไฟฟ้าแทน

สิ่งที่มันจะทำต่อท่านก็คือ
เชื้อไวรัสนี้จะวิ่งเข้าประชิดเม็ดเลือดแดง
ที่มีความเป็นกลางทางไฟฟ้าอยู่
โดยมันจะทำการแลกเปลี่ยนประจุ
กับเม็ดเลือดแดงนั้น
วิธีการแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้าก็คือ
ไวรัสจะเบียดตัวเองไปแย่งจับคู่กับประจุบวก
ที่เม็ดเลือดแดงนั้นมีคู่เดิมเป็นประจุลบอยู่
เมื่อไวรัสแย่งชิงประจุบวกจากเม็ดเลือดแดงได้
มันจะยังผลให้เม็ดเลือดแดงของท่านที่สะอาด
กลายเป็นมีขยะประจุลบติดอยู่แทนในบัดดล

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

มาถึงตอนนี้ท่านจะพบว่า
สาเหตุที่เม็ดเลือดแดงมีขยะประจุลบเกืดขึ้นนั้น
มันมิได้เกิดจากสภาวะจิตตกต่ำอย่างเดียวแล้ว
เจ้าไวรัสที่เปลี่ยนจากมิตรมาเป็นศัตรูนี่ไง
ที่มีส่วนทำให้เม็ดเลือดแดงของท่านมีประจุลบ
เมื่อในระบบเลือดของท่านเสียสมดุลไปทางลบ
เครื่องยนต์แห่งกรรมของท่านโดยไฮโปทาลามัส
ก็จะส่งสัญญาณให้ท่านรู้ คือ เริ่มมีอาการตัวร้อน
บางรายก็จะมีความดันโลหิตสูงกว่าปกติด้วย

ด้วยเหตุนี้เอง
ใครที่ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสแล้วจึงมิอาจทันรู้ตัว
ต้องรอให้พบอาการไข้และมีเจ็บคอก่อนด้วย
เนื่องจากวิธีการทำร้ายร่างกายมนุษย์ของไวรัสนี้
มันถูกออกแบบมาให้เป็นอย่างที่เรากล่าวนี้
ใครที่มีร่างกายอ่อนแอเพราะมีโรคประจำตัว
หรือรายที่มีจุดอ่อนบางอย่างที่ไวรัสชอบ
หากรักษาไม่ทันก็จะมีโอกาสเสี่ยงตายสูง
วิธีการลดความเสี่ยงตายที่เหมาะสมที่สุดก็คือ
การป้องกันมิให้ตนเองรับเชื้อโรคนี้เท่านั้น

โชคดีเท่าไหร่แล้ว
ที่การทำสงครามกับเชื้อโรคมรณะครั้งนี้
ได้ถูกหยิบมาใช้เป็นบททดสอบและเป็นบทเรียน
ด้วยกระบวนการ "ไซโคโชว์" ของ #ปริญญา
โดยใช้บทเรียนที่ชื่อว่า "โควิด-19"
เพื่อยกระดับสติปัญญาพัฒนาจิตสามนึกมนุษย์
พร้อมกันทั้งห้องเรียนโลกในเวลาเดียวกัน
และเปิดโอกาสให้ทุกคนได้ออกแบบวิธีการตั้งรับ
เมื่อต้องเผชิญสงครามเชื้อโรคอีกในครั้งต่อๆไป
เพราะฑูตสวรรค์ได้ตกลงใจจะใช้โรคระบาด
เป็นหนึ่งในภัยพิบัติที่จะจัดการชำระโลกด้วยแล้ว

ปรากฏการณ์โรคระบาดครั้งนี้
ท่านจึงจะเห็นได้ว่า
มนุษย์จะถูกบีบคั้นให้กลัวจะติดเชื้อโรค
มากกว่าจะเน้นให้ "กลัวตาย"
เพื่อให้ใช้ปัญญาคิดหาหนทางป้องกันการติดเชื้อ
ซึ่งเป็นวิธีการที่ดีที่สุดในการเผชิญโรคระบาด

ที่เราไม่เน้นให้เกิดการกลัวตายในกรณีนี้
เพราะมันยังมิใช่เป้าหมายแท้จริงของบทเรียนนี้
เนื่องจากการกลัวตายในสถานการณ์ที่คลุมเครือ
มันมีแต่จะทำให้มนุษย์เสียสติคือ ปสด.
จนไม่อาจจะจัดการเชื้อโรคและตนเองได้
เพราะอาวุธเชื้อโรคที่นำมาใช้ในครั้งนี้
มันมิใช่โคโรน่าไวรัสตัวเดิมแบบซาร์หรือเมอร์ส
ซึ่งเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้จัก

เราจึงเผยความลับให้รู้ล่วงหน้ากันมาแล้วว่า
ถ้าจะคิดค้นยารักษาโรคนี้ได้สำเร็จจริงๆ
หรือจะผลิตวัคซีนป้องกันโคโรน่าไวรัสตัวนี้ได้
มนุษย์ต้องใช้เวลาคิดสูตรและพัฒนาการผลิต
จนทดลองใช้แล้วมั่นใจว่าได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์
นานไม่น้อยกว่า 18 เดือน มิตินี้จึงจะเปิดออก
ซึ่งเป็นเงื่อนไขในปฏิบัติการไซโคโชว์ที่สำคัญ
เพื่อเน้นให้ทุกคนหันหน้าสู้กับเชื้อโรคสถานเดียว
หยุดสู้ไม่ได้ ถอยหลังหนีไม่ได้ ไม่เอาจริงก็ไม่ได้
เพราะมันจะทำให้พวกท่าน "สอบตก"

ดังนั้น
สถิติรายวันจากข่าวสารที่ท่านรับรู้
มันจะมีตัวเลขที่น่าตระหนกคือ "ผู้ที่ติดเชื้อเพิ่ม"
เพื่อกระตุ้นให้ผู้เล่นกิจกรรมร่วมกันนี้
ใส่ใจในบทเรียนกันมากขึ้นทุกวัน

โดยจะมีตัวเลขผู้ป่วยที่รักษาแล้วหาย
สามารถกลับบ้านได้เป็นตัวเลขปลอบขวัญว่า
แม้จะยังไม่มียาที่จะรักษาโรคโดยตรงได้
แต่โอกาสหายไปจากโรคมิใช่จากโลกก็ยังพอมี
ให้เป็นที่มหัศจรรย์ใจได้อยู่เหมือนกัน

 นอกจากนั้นสถิติคนตายโดยภาพรวมแล้ว
ก็ยังไม่ทำให้ท่านทั้งหลายใจหายหรือวิตกจริต
ซึ่งเรากล่าวความจริงต่อท่านแล้วไงว่า
สงครามเชื้อโรคครั้งนี้เป็น "ปฏิบัติการเรียนรู้"
มีผู้อยู่เบื้องหลังปฏิบัติการนี้มิใช่ภัยพิบัติปกติ

ในบทสนทนาครั้งต่อไป

เราจะมากล่าวเรื่องความเสี่ยงติดเชื้อ
และความเสี่ยงตายของมนุษย์
จากพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวัน
และจากกรณีกรุ้ปเลือดเจ้าปัญหาด้วย

เราจะ "แฉ" ความลับที่มนุษย์ไม่รู้ว่าไม่รู้
ให้ท่านได้ตาสว่างจิตสว่างยิ่งกว่าเดิม
โปรดยกมือสนับสนุนเราด้วยเช่นเคยนะ

กราบพระบาทขอบพระทัยองค์จิตจักรวาล
พระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวง
ที่มีพระเมตตาให้ลูกฟื้นคืนกลับมาตามสัญญา
มาคุ้มครองพี่ๆน้องๆให้รอดจากภัยพิบัติ
มาฝึกทักษะการเป็นปลาที่หายใจด้วยปอด
มานำพาจิตวิญญาณทุกท่านกลับบ้านให้ทัน
ก่อนกาลปิดยุคพลังงานเก่าในชาตินี้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
31/03/2020

30 มีนาคม 2563

เรากลับมาตามสัญญา เราจะช่วยท่านให้รอด


เราจะช่วยให้ท่านรอด


นี่เป็นสัจจะ
เมื่อเราพร้อม
ทุกท่านจักต้องพร้อม

จึงจะฟันฝ่ามหันตภัยข้างหน้า
ผ่าน "ความรอด" อันมหาวิกฤต
ไปด้วยกันได้

กราบพระบาทองค์จิตจักรวาล
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
พระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวง

ที่ทรงมีพระบัญชาให้ลูกกลับมา
ปฏิบัติภารกิจอันใหญ่หลวง
เพื่อปิดยุคพลังงานเก่าสู่ยุคพลังงานใหม่
ด้วยหัวใจอันตื่นระทึก...

เวลาที่จะเที่ยวเล่นกันอยู่...ไม่มีอีกแล้ว

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
30/03/2020

" ประสบการณ์ CoVID19 " สิ่งดีๆที่จะช่วยให้ท่าน "รอด"



"ประสบการณ์ CoVID19"
****************************
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เราจัด "ยาแรง" ขนานที่ 7 ให้นักเรียนโลก
ที่กำลังอยู่ในกระบวนการ "ไซโคโชว์" ขั้น 2
ในบทเรียนกิจกรรม ชื่อ "โควิด-19"
ให้ทุกคนได้เผชิญกับเงื่อนไขใหม่
จากการเปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของไวรัส
หลังจากพวกเขาเข้าสู่ภายในร่างกายมนุษย์
ในเวลาไม่เกิน 30 วัน เท่านั้น

นั่นคือ เมื่อเข้าสู่ร่างกายภายในแล้ว
ถ้าพบว่าใครคนนั้นมีการสั่งสมประจุลบมาก
โคโรน่าไวรัสตัวที่กินประจุลบ
จากเม็ดเลือดจนอิ่มตัวแล้ว
ก็จะรีบแบ่งตัวทำการขยายพันธุ์เพิ่มทันที
ถ้าใครมีประจุลบเกาะอยู่กับเม็ดเลือดแดงมาก
ไวรัสก็จะทำการแบ่งตัวขยายพันธุ์เพิ่มมาก
เพื่อจะช่วยกันเก็บกินประจุลบให้หมด
ตามหน้าที่ของไวรัสที่ถูกกำหนดไว้อย่างนั้น

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ในดีย่อมมีเสีย ในเสียย่อมมีดี
ในการแบ่งตัวจากหนึ่งเป็นสองของไวรัสนี้
เป็นการแบ่งประจุไฟฟ้าออกจากกันด้วย
โดยตัวที่เป็นบวกเมื่อกินประจุลบแล้ว
ไวรัสนั้นก็จะเป็นกลางทางไฟฟ้าไม่บวกไม่ลบ
ต่อเมื่อแบ่งตัวออกจากกันเป็นฝาแฝดแล้ว
ตัวหนึ่งก็จะมีประจุบวกอีกตัวหนึ่งจะมีประจุลบ

ยาแรงที่ท่านจะได้รับก็คือ
ตัวท่านจะมีไวรัสที่เป็นตัวเชื้อโรคเพิ่มขึ้น 
จะมีไวรัสตัวดี 50% อีก 50% เป็นไวรัสตัวร้าย
ไวรัสตัวดีที่เป็นบวกจะช่วยเก็บกินประจุลบ
แต่ไวรัสตัวร้ายที่เป็นลบจะกินประจุบวกแทน
ซึ่งในร่างกายของท่านจะมีบวกมากกว่าลบ
เมื่อบวกถูกทำลายไปมากๆเข้า
เม็ดเลือดแดงก็จะเหลือน้อยลง

ซึ่งไวรัสตัวร้ายเหล่านี้
จะพากันเดินทางไปพร้อมกับเลือดที่มีประจุลบ
ซึ่งเป็นทั้งเม็ดเลือดแดงและเม็ดเลือดดำ
โดยเม็ดเลือดดำจะถูกขนส่งไปฟอกที่ปอด
เจ้าไวรัสวายร้ายจึงพากันไปทำงานอยู่ที่ปอด
เพื่อคอยดักกินประจุลบจากเม็ดเลือดแดงอยู่ที่นั่น

จึงยังผลให้เซลปอดที่ถูกไวรัสยึดเกาะฝังตัวอยู่
เมื่อรู้ตัวว่ามีข้าศึกตัวร้ายกำลังบุกรุกตนจนอักเสบ
จึงออกคำสั่งทำลายตัวเองพร้อมเชื้อโรคทันที
แต่เนื่องจากเชื้อไวรัสมีจำนวนมากๆๆๆขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่มนุษย์คนนั้นขยันผลิตประจุลบตลอดเวลา
เซลปอดจึงทำลายตัวเองไปเรื่อยๆจนชำรุด
แล้วในที่สุดปอดก็พังระบบการหายใจก็ล้มเหลว
อันเกิดจาก "น้ำท่วมปอด" นั่นเอง

ด้วยเหตุนี้เอง
มนุษย์จึงสรุปว่า "โคโรน่าไวรัส" 
เป็นไวรัสที่โจมตีระบบทางเดินหายใจ
คือ ทั้งปอดและหลอดลม
จนทำให้เสียชีวิตด้วยทางเดินหายใจล้มเหลว

ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าโคโรน่าไวรัส
เข้าสู่ร่างกายมนุษย์ผ่านทางจมูกปากและตา
เมื่อมันยึดเกาะเนื้อเยื่อของทางเดินหายใจ
แล้วพบว่าใครคนนั้นมีเลือดที่เป็นลบอยู่
ก็จะเจาะฝังตัวเข้าไปในเส้นเลือดนั้นทันที
เพื่อดักกินประจุลบที่เม็ดเลือดลำเลียงผ่านมา

หากท่านจะมองให้เห็นภาพ
ก็สังเกตดูพฤติกรรมของ "ยุง" ตัวที่เกาะท่านสิ
ไม่มียุงตัวไหนตะกละเกาะปุ๊ปเจาะปั๊ปหรอก
เขาจะเกาะนิ่งๆก่อนแล้วใช้ปากแหลมๆ
ที่มีหนวดอยู่สองเส้นคล้ายหนวดแมลงสาป
ทำการส่ายไปส่ายมาเพื่อควานหาประจุลบ
ที่เม็ดเลือดแดงจะลำเลียงผ่านมาทางนั้น

โดยหนวดยุงสองเส้นจะสามารถรับรู้คลื่นไฟฟ้า
จากกระแสเลือดที่จะไหลผ่านมาตรงนั้นได้ว่า
เส้นเลือดไหนจะมีประจุลบไหลผ่านมาบ้าง
เจ้า "ยุง" ก็จะใช้ปากเจาะลงไปในเส้นเลือดนั้น
เพื่อดักดูดเอาเลือดเสียหรือเลือดชั่วออกมาให้
ยุงที่กินเลือดจนอิ่มแล้วก็จะบินจากไป
พอมันวางไข่แล้วภายใน 7 วันมันก็ตาย

แต่โคโรน่าไวรัสที่กินประจุลบจากเลือดจนอิ่ม
พวกเขาจะต่างจากยุงก็ตรงที่พวกเขาไม่ตาย
ยังแบ่งตัวขยายพันธุ์เพิ่มทำร้ายท่านได้อีกด้วย

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
การที่พระบิดาสร้างตัวเชื้อโรคขึ้นมา
ก็เพื่อให้ช่วยกำจัดประจุลบจำนวนไม่มาก
ที่มนุษย์อาจสติแตกจิตตกเมื่อเจอบททดสอบ
ที่ตนร่วมออกแบบขีดเขียนกันขึ้นมาเอง
เพราะรักไม่ได้ ให้อภัยไม่เป็น 

ในอดีตกาล
มนุษย์จึงไม่เคยป่วยเป็นโรคตายเพราะเชื้อโรค
บรรพบุรุษส่วนใหญ่ล้วนมีอายุขัยยืนยาวทั้งนั้น

โรคระบาดร้ายแรง โรคประหลาดๆ
ไม่เคยมีในระบบโลกเหมือนยุคหลังนี้
ที่คนส่วนใหญ่ตายเพราะป่วยด้วยโรคร้าย
มากกว่าการตายเพราะโรคชรา

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะบอกความจริงให้ท่านรู้ว่า

ใครที่รับเชื้อโรคมรณะนี้เข้าสู่ร่างกาย
โดยเป็นผู้มีมหาสติและมีปณิธานแห่งนิพพาน
ที่มุ่งปฏิบัติบำเพ็ญกันมาอย่างเคร่งครัด
ตามมรรควิถีจิตจักรวาลมานานแล้ว
จนมีเม็ดเลือดแดงที่ประจุลบยึดเกาะอยู่
ไม่เกิน 30%ของจำนวนเม็ดเลือดแดงทั้งหมด
ที่มีอยู่ในร่างกายของท่านผู้นั้น

เราขอยืนยันว่าพวกท่านจะปลอดภัย!!!
เพราะเชื้อไวรัสจะไม่ขยายพันธุ์ในกายท่าน
เมื่อพวกเขาเข้าสู่ร่างกายท่าน
เก็บกินประจุลบจำนวนไม่มากจนหมดสิ้น
พวกเขาก็จะถูกเม็ดเลือดขาวเข้าสลายอัตตา
เพราะกินอิ่มแล้วไร้พิษสงไปไหนไม่รอด
เหมือนยุงที่กินเลือดจนอิ่มบินไม่ไหวนั่นแหละ
ส่วนไวรัสตัวที่เป็นบวกที่เหลืออยู่
เมื่อเห็นว่าร่างกายของคนนั้นไม่มีลบให้กินอีก
พวกเขาก็จะพากันออกจากร่างกายท่าน

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ถ้าท่านจะทำกิจกรรมไซโคโชว์ขั้นที่สองนี้
ด้วยการดำเนินไปให้ตลอดรอดฝั่ง
โดยไม่ป่วยหรือไม่ตายเสียก่อนแล้ว
นอกจากจะระวังไม่ให้ติดเชื้อ
เมื่อติดเชื้อแล้วต้องไม่แพร่เชื้อให้คนอื่น

เมื่อติดเชื้อแล้วท่านต้องได้รับความรอด
ท่านยังต้องปฏิบัติดังนี้ด้วย คือ

1.หยุดโกรธ หยุดโลภ หยุดงมงาย
หยุดลุ่มหลง หยุดระแวงสงสัย หยุดอาฆาต
หยุดอิจฉาตาร้อนใคร หยุดหึงหวง
หยุดวิตกจริต หยุดคิดก้าวล่วงใคร ฯลฯ

เพราะจิตที่สั่นสะเทือนเป็นอาการเหล่านี้
มันจะยังผลให้เกิดการผลิตประจุลบใหม่ๆ
เพิ่มขึ้นมาภายในร่างกายอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งเป็นอาหารอันโอชะของไวรัสตัวนี้เลย
ถ้าท่านยังไม่ยอมละเลิกละวางในสิ่งนี้เสีย
โดยมัวแต่เถียงแย้งว่าพระศาสดาก็ยังกิน
ในสถานการณ์สงครามเชื้อโรคที่รบกันอยู่
นอกจากนิพพานไม่ได้ก็ยังเสี่ยงตายอีกด้วย

2.หยุดกินเลือดเนื้อของสัตว์เด็ดขาด
เพราะการรับโปรตีนจากสัตว์ทุกชนิดเข้าไป
มันจะเป็นเหตุให้เลือดข้นหรือเหนียวหนืด
ทำให้เม็ดเลือดแดงเคลื่อนตัวช้ากว่าปกติ
จะยังผลให้โคโรน่าไวรัสตัวที่เป็นลบ
เข้าจับเม็ดเลือดแดงเพื่อเกาะกินประจุบวกง่าย
จนสุดท้ายจะทำให้ท่านเสี่ยงกับการตายสูงยิ่ง

ลองไปถามคุณหมอกันบ้างสิว่า
คนที่ตายด้วยไวรัสมรณะนี้ที่ผ่านมานั้น
คนส่วนใหญ่จะมีเลือดกรุ้ปโอทั้งสิ้น
โดยคนที่มีเลือดกรุ้ปโอคือคนที่มีลบน้อย
แต่มีประจุบวกเยอะมากกว่า
ไวรัสตัวร้ายจึงชอบที่จะทำร้ายมากกว่า
ผู้มีเลือดกรุ้ปโอจึงเสี่ยงสูงสุดในคนทั่วไป

3.หยุดดื่มเหล้าเมายา
ที่จะทำให้กลไกทางจิตประสาทบกพร่อง
บรรดายาเสพติดทั้งหลายที่โลกมีอยู่
หากใครเสพเข้าไปในร่างกาย
ต่อมไร้ท่อจะผลิตสร้างประจุลบขึ้นมาทันที

ไม่ว่าจะป่วยติดเชื้อแล้ว
หรือยังไม่แสดงอาการป่วยออกมา
จงอย่าไปข้องแวะแตะเสพยาเสพติดเด็ดขาด
เพราะมันจะทำให้ประจุลบในร่างกายท่าน
เพิ่มขึ้นทวีคูณแปรตามความขาดสติของท่าน
เมานิดหน่อยจำนวนประจุลบจะค่อยๆเพิ่ม
หากเมามากไปจำนวนประจุลบจะพุ่งปรู๊ด

ท่านจึงจะเห็นได้ว่า
คนที่ยังเมาไม่มากหน้าตาจะแดงน้อย
เพราะความดันเริ่มสูงขึ้นทีละน้อย
ส่วนคนเมามากหน้าตาก็จะแดงก่ำมาก
เพราะความดันโลหิตสูงพรวดพราดแล้ว

คนที่ติดยาเสพติดเหล่านี้
ในวันปฏิบัติการชำระโลกครั้งใหญ่
จะถูกระเบิดทิ้งจากแรงดันภายในตนเอง
อันเกิดจากอำนาจประจุลบ
ที่พวกเขาสั่งสมเอาไว้เองโดยแท้

4.หยุดการหักโหมร่างกายเสีย
ท่านจะไม่พักผ่อนให้พอเพียงนั้นไม่ได้
เพราะมันจะทำให้ภูมิต้านทานโรคต่ำ
สมองเฉื่อยช้ากำลังวังชาก็ถดถอย
เมื่อกายเสื่อมพลังจิตก็พลอยเสื่อมตาม
จะยังผลให้กระบวนการทางไฟฟ้าเคมี
ภายในระบบอวัยวะร่างกายเสียสมดุล
จนเป็นจุดอ่อนให้เชื้อโรคโจมตีง่ายขึ้นนั่นเอง

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

บทสนทนาครั้งต่อไป
เรายังมีสิ่งดีๆที่จะช่วยให้ท่าน "รอด" 
นำมากล่าวไว้ในห้องเรียนนี้ที่เดียวในโลกอีก
ใครสนใจก็เชิญเฝ้าติดตามเถิดนะ

กราบพระบาทพระบิดาฯ
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
30/03/2020