22 กุมภาพันธ์ 2562

จดหมายเหตุรัตนโกสินทร์ 22/02/2019

 #จดหมายเหตุรัตนโกสินทร์


เรื่องสงครามเก้าทัพ
จงเร่งจับมาศึกษา
อดีตกาลมันย้อนมา
เป็นเก้าพรรคจักเอาคืน

แผ่นดินไหวในเก้าครั้ง
ณ ลำปางจงรู้ตื่น
ที่แผ่นดินสั่นครั่นครืน
ทัพช้างม้ามุ่งมากรุง

เก้าพรรคมาช่างน่ากลัว
ถ้าเมืองรั่วรั้วผุถูกยุยุ่ง
ทัพศึกนอกรบสู้อยู่ชานกรุง
จักมามุ่งโค่นล้มนัครา

ครั้งหนึ่งเจ้าเจียงใหม่
ยอมแพ้ให้ทัพพม่า
เปิดทางย่างยาตรา
สู่ลำปางอย่างง่ายดาย

โชคดีที่ลำปาง
"หนานทิพช้าง" ไม่ห่างหาย
รวมพลมิมากมาย
ทำลายอริพ่ายหนีไป

ฝีเท้าช้างเท้าย่างม้า
เมื่อรบราสะเทือนใหญ่
ลำปางแผ่นดินไหว
ถึงเก้าครั้งเพราะดั่งนี้

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

22/02/2019

10 กุมภาพันธ์ 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 10/02/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

วันนี้ฝนก็ยังตกหนักต่อเนื่อง

ในแผ่นดินร้อนแล้งแบบทะเลทราย

จึงยังคงทำให้เกิดน้ำท่วมรุนแรงได้อีก

 

ในประเทศซาอุดิอาระเบีย

ประเทศนี้เป็นเสมือนเมืองหลวง

แห่งอาณาจักรอาหรับ

เวลาช่างเท็คนิกจะส่งสัญญาณเตือนอะไร

ให้พี่ๆน้องๆชาวอาหรับรับรู้รับทราบ

 

มักจะเตือนผ่านเมืองหลวงเมืองหลัก

ให้ได้เป็นที่สังเกตเสมอมา

ทำไมต้องฝนลูกเห็บ

ทำไมต้องเป็นฝนน้ำแข็งอันเหน็บหนาว

ทำไมต้องน้ำท่วมทะเลทราย

ทำไมต้องท่วมแล้วท่วมอีก

 

แง่มุมเหล่านี้เป็นบททดสอบจิตสำนึก

เพื่อเป็นบทเรียนเบื้องต้นก่อนเท่านั้น

มนุษย์ทุกคนมีเวลาใช้ทำหน้าที่เท่ากัน

หนึ่งวันพระบิดามีให้ 24 ชั่วโมง

วันๆหนึ่งนั้นท่านทั้งหลาย

เอาเวลาที่มีอยู่ไปทำอะไรบ้าง

1. ทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณ

ใช้ความรักความเมตตามอบให้แก่กัน

เพื่อช่วยกันค้ำจุนโลกมิให้เสียสมดุล

(ช่วยให้โลกหมุน)

 

2. ทำหน้าที่ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์

ทั้งเพื่อนร่วมชาติและร่วมโลก

ให้ดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข

รู้จักแบ่งปันทรัพยากร

แบ่งปันสิ่งดีๆที่ตนมีอยู่ ฯลฯ

 

3. รักไม่ได้ ให้ไม่เป็น เห็นแก่ตัว

แบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งฝ่าย

มุ่งแสวงหาอำนาจเหนือนำผู้อื่น

ทั้งการเงิน เท็คโนโลยี และกองทัพ

 

4. หวงแหนทรัพยากรที่ตนมี

เข้าไปแก่งแย่งทรัพยากรในชาติอื่น

รุกรานเอกราชอธิปไตยของชาติอื่น

แบ่งแยกแผ่นดินตนเอง

เพื่ออำนาจและผลประโยชน์ของตน

ทำร้ายได้แม้แต่พวกเดียวกันเอง

 

พี่ๆน้องๆบนแผ่นดินใดก็ตาม

ถ้าพวกท่านยังหมั่นกระทำผิดบาปต่อผู้อื่น

โดยยังตระบัดสัตย์ต่อพระผู้เป็นเจ้า

ไม่ทำหน้าที่ตามพันธะสัญญาหก

ในการได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์

เช่น ไม่ช่วยกันเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลก

และยังเบียดเบียนทำร้ายกันเองอีก

ภัยพิบัติในรูปของน้ำท่วมรุนแรง

 

ความหนาวเย็นที่รุนแรง

ทั้งๆที่เคยเป็นแผ่นดินที่ร้อนแล้ง

จะถูกส่งเข้าไปเตือนสติก่อน

โดยเตือนให้มีสำนึกรักตนเอง

 

ในยามที่ภัยมา

จักได้รู้จักรักผู้อื่นบ้าง

ทำให้มีเวลาใส่ใจตัวเองบ้าง

ในยามที่ภัยพิบัติมาเยือน

จักได้ใช้เวลาดูแลตนเองให้มากขึ้น

จนไม่ว่างที่จะไปทำผิดคิดก่อการร้ายที่อื่น

จนไม่มีเวลาว่างที่จะสมคบคิดกับใคร

 

ไปมุ่งร้ายทำลายพี่ๆน้องๆที่ไหนอีก

เราขอเตือนท่านทั้งหลายทั่วโลกว่า

หากใช้เวลาที่ท่านมีอยู่ทำในสิ่งอธรรม

โดยยังไม่สนใจภัยพิบัติเบื้องต้น

ที่ช่างเท็คนิกพระบิดาแบกขนมาเตือนแล้ว

 

ภัยพิบัติที่รุนแรงกว่าจะบังเกิดแก่พวกท่าน

อย่างแน่นอน

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

10-02-2019

08 กุมภาพันธ์ 2562

สนทนากับพระเจ้า (28) 8/02/2019

 #สนทนากับพระเจ้า (28)

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

เหตุใดท่านจึงกล่าว

ขอบพระทัยพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

กล่าวขอบพระทัยเราพระเชษฐา

และกล่าวขอบคุณอาจารย์ผู้สื่อถ่ายทอด

แต่ไม่จริงจังไม่ตั้งใจปฏิบัติตามที่เราบอก

 

ท่านทั้งหลายเป็นผู้เลือกทางพระบิดา

จึงเป็นผู้เดินเข้ามาหาเรา

เพื่อรับฟังคำของเราที่กล่าวตามพระโอวาท

แล้วนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันให้จริงจัง

อย่างเป็นรูปธรรมที่สุดเท่าที่จะทำได้

เพราะเวลาปฏิบัติการชำระโลกได้เริ่มแล้ว

นั่นเท่ากับว่าเวลาของมนุษย์ก็เหลือน้อยลง

 

นาฬิกาชีวิตบนโลกของท่านทั้งหลาย

ได้เริ่มเดินถอยหลังตั้งแต่วันพิพากษาแล้ว

ทุกคนมีเวลาเท่ากันในการตัดสินใจเลือกว่า

จะชำระจิตสามนึกของตนด้วยตนเอง

หรือจะยอมถูกชำระไปพร้อมกับโลกทั้งระบบ

ด้วยปฏิบัติการทางเท็คนิกของฑูตสวรรค์

ซึ่งจะเน้นใช้มหันตภัยพิบัติเป็นเครื่องชำระ

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

แม้ว่าจิตวิญญาณที่มีรายชื่อ

อยู่ในม้วนหนังสือแห่งชีวิตของพระบิดา

ที่ทรงประทานให้ไว้กับเราตั้งแต่แรกนั้น

จะมีแค่เพียง 144,000 รูปธรรมก็ตาม

แต่จำนวน 7 พันล้านรูปธรรมที่มีอยู่จริง

พระองค์ทรงมีพระเมตตาว่า

 

ถ้าใครสามารถปฏิบัติตามพระโอวาทได้

ตามพระประสงค์อย่างจริงจังและตั้งใจ

โดยไม่เหลวไหลโลเล ทำชักเข้าชักออก

ปฏิบัติตามพระโอวาทคำสอนเป็นประจำ

จนนำเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้

มิใช่ใส่ใจในพระโอวาทพระบิดาแค่เพียง

เป็นส่วนหนึ่งหรือส่วนเกินของชีวิตเท่านั้น

 

พระองค์จะประทานความรอดให้ท่านผู้ใฝ่ดี

ด้วยการตีตราประทับไว้ที่ตรงหน้าผาก

เป็นมายาลักษณ์รูปสามเหลี่ยมด้านเท่า

ที่ส่วนใหญ่จะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น

อันเป็นสัญลักษณ์ของ #ผู้ได้รับความรอด

ที่จะสามารถเหวี่ยงหมุนไปกับโลก

ในยุคพลังงานใหม่ต่อไปได้อย่างผู้มีชัย

แม้จะมีภัยพิบัติมาผจญก็จักมิสั่นคลอน

 

มนุษย์ที่จะได้รับความรอด

ซึ่งเป็นปลาหายใจด้วยปอดที่จะถูกคัดไว้นั้น

จะถูกนำออกมาจาก "ลม" และ "น้ำ"

เพราะช่างเท็คนิกเห็นว่าลมกับน้ำเข้ากันยาก

จึงหยิบฉวยเอามาชำระโลกในระยะแรกก่อน

คนดีๆที่จะรอดชีวิตได้และคนดีๆที่จะคัดไว้

จะพอมีพื้นที่ให้เหยียบยืนนั่นเอง

 

ลมกับน้ำจึงไม่ร้ายแรงเท่า "ลม" กับ "ไฟ"

ที่แม้ช่างเท็คนิกจะเป็นผู้เชี่ยวชาญแค่ไหน

มันก็เป็นอะไรที่ควบคุมยากยิ่ง

 

ดังนั้น

"ลม" กับ "ไฟ" จึงเป็นเครื่องมือสำคัญ

ที่จะถูกหยิบมาใช้ในแผนปฏิบัติการ

ที่เป็นระยะกลางและระยะปลายสุด

เพราะถ้าไฟไหม้โดยมีลมสนับสนุนแล้ว

 

ไม่มอดไหม้จนหมดเมืองไฟก็จะไม่ดับมอด

ไม่มอดไหม้จนหมดป่าไฟก็จะไม่ไหม้มอด

กว่าไฟจะไหม้มอดกว่าป่าจะมอดไหม้

ผู้คนเป้าหมายกับวัตถุเท็คโนโลยีบนโลก

จักถูกทำลายให้มลายจนสิ้น

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

การที่ท่านยังวางเฉยต่อพระโอวาท

ขาดการใส่ใจในการหมั่นเรียนเพียรปฏิบัติ

มันคือการ "เผา" เวลาแห่งโอกาสของตน

ให้หมดสิ้นเปลืองไปอย่างไร้ค่า

เหมือนดั่งธูปที่ถูกจุดวางไว้กลางแจ้ง

ที่จะหดสั้นลงเรื่อยๆหรืออาจดับก่อนเวลา

ทั้งๆที่ปากกับใจปรารถนาจะได้รับความรอด

 

ท่านมั่นใจหรือว่า

บ้านหลังหนึ่งซึ่งถูกสร้างขึ้นบนพื้นดิน

ที่ไม่มีการตอกเสาเข็มเป็นหลัก

บ้านที่ไม่มีหินเป็นฐาน

โดยปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างไร้ค่า

เมื่อเกิดน้ำท่วมไหลเชี่ยวพัดมา

บ้านนั้นจะทนสั่นไหวอยู่ได้หรือไม่

เพราะปลูกสร้างไว้ไม่ดี

บ้านหลังนั้นย่อมพังลงมาและถูกทำลาย

 

เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

แม้ไม่รู้ว่าตนเองเป็นหนึ่งในแสนสี่หรือไม่

แต่ถ้าในเจ็ดพันกว่าล้านคนบนโลกนี้

ท่านเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็น 30%

ของประชาชาติทั้งหมดที่จะถูกคัดไว้ได้

ประตูมิติแห่งโอกาสบานใหญ่

ที่จะทำให้ท่านข้ามผ่านไปสู่โลกยุคใหม่

ก็จะเปิดอ้าออกในทันที

 

เงื่อนไขสำคัญ

ที่ท่านจะเป็น 30% กับเขาคนหนึ่ง

ที่พระองค์จะทรงประทานความรอดให้มีดังนี้

 

1. ครองมหาสติตลอดวัน

จนเป็นธรรมชาติของตนเองได้

คือ รู้สติ มีสติ และใช้สติ

 

2. แสดงปณิธานแห่งนิพพานชัดเจน

โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การหลุดพ้น

ปฏิบัติบำเพ็ญตนกับทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา

จนเป็นธรรมชาติของตนเองได้

คือ รักได้ ให้อภัยเป็น ไม่เห็นแก่ตัว

 

3. พระบิดาทรงมีหมายกำหนดสื่อพระโอวาท

โดยทุกวันนี้มีเป็นประจำแค่เดือนละหนึ่งครั้ง

ต้องสามารถไปเฝ้าฟังด้วยตนเองมิขาดเว้น

โดยมิเห็นการฟังสื่อพระโอวาท

เป็นแค่เพียงกิจกรรมเสริมชะตาชีวิตเท่านั้น

ยกเว้นท่านที่ติดภารกิจสำคัญในบางครั้ง

จักพออนุโลมกันได้บ้าง

 

เพราะการจะได้รับ

รหัสสัญลักษณ์ของผู้รอด

ที่จะทรงประทับให้ตรงหน้าผากนั้น

หลักการสำคัญที่ท่านต้องรู้ก็คือ

เมื่อเฝ้าฟังพระโอวาทหนึ่งครั้ง

ก็จักได้ประทับตราหนึ่งครั้งเช่นกัน

 

การประทับตราซ้ำๆถี่ๆและหลายครั้งเท่านั้น

เครื่องหมายสำคัญทางพลังงานบนหน้าผาก

ที่เป็นรูปรอยสามเหลี่ยมจึงจะปรากฏขึ้นได้

 

ดังนั้น

ความลังเล ไม่แน่ใจ

การไม่รักพระบิดาไม่ศรัทธาเราแท้จริง

ผู้ที่มีคุณสมบัติทางจิตเหล่านี้

แม้จะคอยติดตามเรากันอย่างไร

ก็ยากนักที่หน้าผาก

จะเกิดมายา 3 เหลี่ยมได้

น่าจะเป็นเครื่องหมาย "กากะบาท" มากกว่า

 

4. ต้องมีผลกรรมเหลือติดตัวอยู่ไม่เกิน 30%

ทั้งวิบากกรรมและชะตากรรมรวมกัน

ซึ่งมันจะเป็นความจริงได้นั้น

ทุกวันนับแต่นี้เป็นต้นไป

ท่านก็ต้องไม่หนีกรรม

ท่านต้องยอมรับกรรมนั้นๆอย่างเต็มใจ

โดยท่านต้องไม่ก่อกรรมใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก

ขณะที่ท่านต้องแก้ไขกรรมเก่าให้หมดสิ้น

 

วิธีแก้กรรมง่ายๆคือ

ใครเลวมาท่านต้องทำดีตอบ

ใครชั่วมาท่านต้องอโหสิตอบ

 

วิธีตัดกรรมสัมพันธ์คือ

รักให้ได้ ให้อภัยให้เป็น

เมื่อเขาชั่วต่อท่าน

ท่านก็จะต้องไม่ทำชั่วตอบ

เท่านี้เอง...ง่ายดายเสียจริงๆ

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

8-02-2019

07 กุมภาพันธ์ 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 7/02/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

พระศาสดาทุกพระองค์นั้น

ล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน

ทุกศาสนาล้วนเป็นสากล

ท่านทั้งหลายจึงสามารถยอมรับนับถือ

พระศาสดาได้พร้อมๆกันทุกพระองค์

สามารถศึกษาพระธรรมคำสอน

ของพระศาสดาแต่ละพระองค์ได้เสรี

ไม่มีผิดบาป ไม่มีใครห้าม

 

แต่ที่สำคัญคือ

ท่านทั้งหลายจักต้องเรียนรู้สัจธรรม

ด้วยสติปัญญาของสมองเท่านั้น

 

จงอย่ายอมรับนับถือ

ที่ตัวตนของพระศาสดา

ที่ความมหัศจรรย์เกินมนุษย์ของพระศาสดา

ที่การโปรโมทโฆษณาชวนให้เชื่อตาม

 

แต่จงยอมรับนับถือ

ด้วยการคิดพิจารณาที่สัจธรรมคำสอน

เพราะสัจธรรมระดับโลกิยธรรม

เป็นความจริงที่ท่านคิดตามอย่างมีเหตุผล

ก็สามารถรู้ด้วยตนเองว่าสัจธรรมคำสอน

ที่ว่านั้นเทียมเท็จหรือแท้จริงได้

อย่างไม่ยากเย็นอะไร

 

ส่วนสัจธรรมระดับโลกุตรธรรม

อันเป็นสัจธรรมที่เป็นนามธรรมนั้น

ท่านก็สามารถใช้สมองซีกขวาของตน

สังเคราะห์ความจริงที่เป็นแก่นแท้ได้ว่า

สอดคล้องต้องกันกับที่พระศาสดาสอนไว้

ลึกซึ้งและแยบยลแค่ไหนหรือไม่อย่างไร

 

จงอย่าศึกษาสัจธรรมของพระศาสดา

เพื่อที่จะนำพาไปสู่การปฏิบัติในชีวิตจริง

ด้วยการละทิ้งภูมิ "ปัญญา" เอาไว้ข้างหลัง

 

โดยรับรู้แล้วรับเอาตามอำนาจ "ความเชื่อ"

เชื่อศาสดาพระองค์ไหนก็จะเชื่อตามทุกสิ่ง

โดยไม่สนใจเรียนรู้จากพระองค์อื่นอีกเลย

เชื่อคัมภีร์เล่มใดก็เชื่อตามทุกตัวอักษร

ไม่เคยใช้สมองคิดตามคำสอนนั้นๆเลย

ถ้ายึดติดคัมภีร์เล่มใดจะไม่สนใจเล่มอื่นอีก

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

ผู้ที่จะเป็นบัณฑิตหรือผู้รอบรู้ได้

จักต้องเรียนรู้จากครูหลายคน

จะยึดติดครูคนเดียว ตำราเล่มเดียว

นอกจากจะเป็นบัณฑิตไม่ได้แล้ว

ยังจะเป็นคนโง่งมงายที่สุดในโลกอีกด้วย

 

ผู้ที่จะเป็นปราชญ์เมธีผู้เปรื่องปราดได้

จักต้องฉลาดคิด

ฉลาดใช้สมองสองซีกให้เป็น

ต้องรู้ว่าสมองสองซีก

มีปัญญาให้ใช้ 3 ระดับ

ต้องรู้วิธีใช้สมอง

ต้องฝึกใช้ให้เป็น ใช้ให้ชำนาญ

 

การไม่ยอมรับฟังความรู้ใหม่

การไม่ยอมเรียนรู้

ด้วยการคิดตามได้แต่คิดต้าน

การไม่ยอมคิดเอง

ได้แต่วานให้คนอื่นคิดแทน

โดยไม่รู้ไม่เข้าใจอะไร

ก็เที่ยววิ่งตามถามคนอื่นนั้น

 

ถ้าท่านยึดติดอยู่กับบริบทเหล่านี้

ชาตินี้ทั้งชาติ

ก็เป็นนักปราชญ์เมธีกับเขาไม่ได้

 

จะเป็นบัณฑิต เป็นผู้รู้

หรือเป็นสัพพัญูญูผู้รอบรู้ก็ไม่ได้

 

จะหลุดพ้นด้วยมรรคผลแห่งนิพพานก็ไม่ได้

คงได้แต่หลงตัวเองอยู่เท่านั้นแหละ

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

7-02-2019

06 กุมภาพันธ์ 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 6/02/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

มนุษย์เกือบทั้งโลก

 

ยังไม่รู้ว่าเมฆบนฟ้าสีเทาดำนั้น

เป็นเมฆที่เต็มไปด้วยอิเล็กตรอนอิสระ

ซึ่งมีอำนาจทางไฟฟ้าเป็นลบ

อันเกิดจากจิตมนุษย์ตรงพิกัดนั้น

ผลิตสร้างกันขึ้นมา

จากอำนาจกิเลสตัณหาราคะ

จากอารมณ์หยาบๆรายวันนั่นเอง

 

จิตของมนุษย์นั้น

เมื่อสั่นสะเทือนทางด้านลบ

ก็จะผลิตสร้างพลังงานด้านลบออกมา

ในรูปของคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กด้านลบ

เพราะเป็นพลังงานที่มีประจุไฟฟ้าลบ

ติดออกมาเป็นคุณสมบัติของคลื่นด้วย

อนุภาคประจุลบที่ถูกเหวี่ยงออกมา

จะถูกปล่อยทิ้งไว้ในบรรยากาศ

โดยมันจะยึดเกาะอยู่กับมวลความชื้น

เมื่ออนุภาคประจุลบมีปริมาณมากๆเข้า

ก็จะรวมมวลความชื้นเข้าด้วยกัน

จนเกิดเป็นมวลเมฆสกปรกสีเทาดำ

แล้วในที่สุดก็จะตกลงมาเป็นฝน

โดยน้ำฝนนั้นจะนำพาประจุลบ

หรืออิเล็กตรอนอิสระลงมาสู่พื้นโลกด้วย

เพื่อเหนี่ยวรั้งประจุลบไปเก็บไว้ที่แกนโลก

ทำให้บรรยากาศโลกสะอาดทางไฟฟ้า

เพราะค่าของสนามแม่เหล็กไฟฟ้า

จะไม่มีค่าเป็นลบอีกนั่นเอง

แต่ในคลิปที่นำมาแสดงนี้

ช่างเท็คนิกมิได้ทำให้เกิดฝนตก

เพื่อให้บรรยากาศโลกบริสุทธิ์จากประจุลบ

แต่ใช้วิธีเหนี่ยวรั้งเอาประจุบวก

จากพายุสุริยะที่ถูกส่งเข้ามาในระบบโลก

ให้พุ่งผ่านเข้าไปในมวลเมฆฝนนั้นแทน

 

เมื่ออิเล็กตรอนอิสระ

ที่มีศักยภาพทางไฟฟ้าเป็นลบในมวลเมฆ

รับรู้การมีอยู่ของประจุลบที่ถูกส่งเข้าไป

ก็จะพากันวิ่งเข้าหาบวกทันทีทันควัน

โดยจะจับคู่กันในลักษณะ 1 ต่อ 1

มายาปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในกระบวนการนี้

จึงเห็นเป็นฟ้าแลบแปลบปลาบๆต่อเนื่อง

อยู่ภายในเบื้องหลังเมฆสกปรกนั้น

โดยมีเสียงดังเปรี๊ยะ....ต่อเนื่อง

คล้ายดั่งเสียงไปช็อตเท่านั้น

เหตุที่ไม่เกิดเสียงดังเปรี้ยงๆๆๆ

เพราะมิใช่ปรากฏการณ์ฟ้าร้องหรือฟ้าผ่า

อันเกิดจากอิเล็กตรอนอิสระในก้อนเมฆ

ทำตนเป็นพระเอกอยู่ฝ่ายเดียวเหมือนปกติ

เช่น อิเล็กตรอนวิ่งเข้าชนปะทะกันเอง

ทำให้เกิดการแตกระเบิดเสียงดัง

 

หรือกรณีที่

เกิดจากอิเล็กตรอนอิสระวิ่งแหวกอากาศ

ด้วยความเร็วสูงมากจนเกิดความร้อนสูง

ทำให้น้ำในก้อนเมฆตามเส้นทางที่แล่นผ่าน

ซึ่งแยกตัวออกจากกันเป็นทางยาวนั้น

มีความร้อนสูงมากจนเกิดการระเบิดขึ้น

จนยังผลให้น้ำแตกตัวออกมาเป็นก๊าซ

คือ ไฮโดรเจนและออกซิเจน

โดยความร้อนทำให้ไฮโดรเจนติดไฟ

และก๊าซออกซิเจนที่แตกตัวออกมานั้น

 

ทำหน้าที่ช่วยให้ไฟติด

ท่านทั้งหลายจึงได้ยินเสียงระเบิดดังมาก

อีกทั้งยังแลเห็นเส้นทางวิ่งของอิเล็กตรอน

หรือ "สายฟ้า" ได้อย่างชัดเจน

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ปรากฏการณ์ฟ้าแลบและฟ้าร้องเสียงดัง

ตามเบื้องหลังของการเกิดที่เรากล่าวนั้น

เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดจาก

ดวงจิตวิญญาณเจ้ากรรมนายเวรของมนุษย์

เขานัดหมายพุ่งเข้าชนกันเอง

บ้างก็วิ่งเล่นกันไปมาทำสนุกเหมือนเด็กๆ

 

แต่เป้าหมายหลักที่ต้องการก็คือ

ทำให้มนุษย์ตกใจกลัวเส้นแสงสายฟ้า

กับเสียงดังแทบหูแตกนั่นล่ะเพื่อความสะใจ

 

พี่ๆน้องๆชาวจิตจักรวาลที่รักทั้งหลาย

 

ที่เรากล่าวมาล้วนเป็นความจริง

ปรากฏการณ์เหล่านี้มิใช่ธรรมชาติหรอก

ล้วนมีผู้อยู่เบื้องหลังการเกิดมายาทั้งสิ้น

ใครไม่เชื่อเราก็อ่านแล้วผ่านไปเถิดนะ

 

คิดเสียว่าอ่านนิยายท้าทายความเชื่อ

เอาไว้ก่อนก็แล้วกันนะ

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

6-02-2019

สนทนากับพระเจ้า (27) 6/02/2019

 #สนทนากับพระเจ้า (27)

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

ท่านจงอย่าพิพากษาใคร

เพื่อท่านจะได้ไม่ถูกพระองค์พิพากษา

 

ท่านจงอย่าตัดสินใคร

แล้วท่านจะไม่ถูกตัดสินไปตามนั้น

ท่านจงอย่ากล่าวหาใคร

แล้วท่านจะไม่ถูกใครกล่าวหา

เพราะพระบิดาจะมิทรงตัดสินท่าน

และจะมิทรงกล่าวหาท่าน

 

จงให้อภัยแล้วท่านจะได้รับการอภัย

เพราะถ้าท่านให้อภัยผู้ใด

พระองค์จะทรงให้อภัยแก่ท่านเช่นกัน

แต่ถ้าท่านไม่ให้อภัยผู้ใด

พระองค์จะทรงมิให้อภัยแก่ท่านเช่นกัน

 

จงให้แล้วท่านก็จักได้รับ

เพราะท่านให้ผู้อื่นมากเท่าใด

ท่านก็จักได้รับมากเท่านั้น

ท่านใช้เครื่องตวงขนาดเท่าใดตักให้เขาไป

ท่านก็จักได้รับเท่าเครื่องตวงที่ท่านตักให้นั้น

เนื่องจากพระองค์จะทรงปฏิบัติต่อท่าน

เช่นเดียวกันกับที่ท่านปฏิบัติต่อผู้อื่น

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

 

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

ที่ทรงประทับอยู่ในพระนิเวศน์จิตจักรวาล

จะเป็นผู้ประทานสิ่งตอบแทนให้ท่าน

ด้วยพระหัตถ์พระองค์เองอย่างเป็นธรรม

 

โดยมีเงื่อนไขว่า

ท่านทั้งหลายจักต้องเป็นผู้เริ่มต้น

ปฏิบัติการดีต่อผู้อื่นก่อนเท่านั้น

แล้วคลื่นแห่งความดีงามของท่าน

จะสั่นสะเทือนขึ้นไปถึงพระบิดา

เพื่อที่พระองค์จะทรงสั่นสะเทือน

ย้อนคืนกลับมาสู่ท่าน

ด้วยคุณสมบัติเดียวกันนั่นเอง

 

ในการเป็นมนุษย์และทุกสรรพสิ่งนั้น

หากท่านจะมีพลังอำนาจในตนเองได้

ก็ต้องสั่นสะเทือนภายในตนเองให้ต่อเนื่อง

ถ้าสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่สูงมากเท่าใด

พลังอำนาจที่เกิดขึ้นก็จะสูงมากขึ้นเท่านั้น

โดยที่ทุกคนทุกสรรพสิ่งทั้งหลาย

จักต้องเป็นผู้เริ่มต้นสั่นสะเทือนได้เอง

โดยไม่ต้องถูกบังคับหรือถูกจูงใจใดๆ

 

ดังนั้น

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า

ต้นไม้ดีย่อมไม่ให้ผลเลว

ต้นไม้เลวย่อมไม่ให้ผลดี

ตามที่เราเคยกล่าวต่อท่านทั้งหลายไว้

 

เราหมายความว่า

จิตวิญญาณหรือพระจิต

ที่แบ่งภาคออกมาจากตัวตนภาคแรก

ของพระบุตรของพระองค์ในแดนสุญตา

ที่อาสาลงมาจุติเป็นมนุษย์บนโลกเสรีนี้

ทุกรูปธรรมจึงเป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ที่ดี

ที่พระองค์ทรงบรรจงสร้างด้วยกันทั้งสิ้น

 

เมื่อทุกท่านได้รับโอกาสให้มาเกิด

เพื่อเจริญเติบโตงอกงามเป็นมนุษย์

เมล็ดพันธุ์ที่ดีคือจิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน

จึงต้องเจริญเติบโตเป็นต้นไม้ดี

เพื่อให้ผลดีเท่านั้นจะให้ผลเลวไม่ได้

เพราะมันผิดกฎธรรมชาติแห่งจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

ท่านจะรู้จักต้นไม้ได้ด้วยการดูที่ผลของมัน

ต้นมะเดื่อย่อมออกผลเป็นมะเดื่อ

ต้นองุ่นย่อมออกผลเป็นองุ่น

 

จิตวิญญาณของท่าน

เป็นดั่งเมล็ดพันธุ์ที่ดีที่ถูกกำหนดไว้

เมื่อเจริญเติบโตขึ้นมาเป็นมนุษย์

แล้วใยท่านทั้งหลายจึงก่อการดีไม่ได้

ใยไม่เติบโตเป็นต้นไม้ดีที่มีผลดีให้ปรากฏ

ท่านเป็นต้นไม้ดีแต่ออกผลไม่ดีได้อย่างไร

 

เพราะคนดีต้องนำเอาคุณสมบัติดีๆ

ที่สั่งสมอยู่ในจิตใจออกมาแสดง

ส่วนคนชั่วเขาก็จะนำเอาคุณสมบัติที่ไม่ดี

ที่สั่งสมไว้ในจิตใจออกมาแสดงเช่นกัน

แล้วใยเมล็ดพันธุ์ที่ดีเช่นท่าน

กลับออกผลที่เลวออกมาได้

อะไรเป็นเหตุให้ต้นไม้ดีกลายพันธุ์

ท่านว่ามันวิปริตผิดธรรมชาติบ้างมั้ย?

 

เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

จิตวิญญาณของท่านเดิมเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ดี

ที่พระบิดาทรงกำหนดสร้างขึ้นมา

เพื่อนำมาเพาะขยายพันธุ์ให้เป็นมนุษย์

โดยให้เจริญเติบโตเป็นคนดีบนโลกเสรีนี้

 

พระบิดาจึงทรงกำหนดให้ "จิตมนุษย์"

หรือที่ท่านทั้งหลายเรียกว่า "จิตหยาบ"

ให้ทำหน้าที่ดูแลเพาะบ่ม "จิตวิญญาณ"

ให้เจริญเติบโตงอกงามตามพระประสงค์

แต่กลับปรากฏว่า "จิตหยาบ" ที่เป็นผู้ดูแล

ทำตนเหลวไหลไม่เอาไหนไม่เอาถ่าน

 

จิตหยาบนี่เองที่เป็นตัวการใหญ่

ทำให้จิตวิญญาณพันธุ์ดีต้องกลายพันธุ์

ที่พระบิดาทรงเรียกว่า "หลงมิติ"

 

จิตหยาบสอนให้จิตวิญญาณ

คุ้นชินกับกิเลสตัณหากับอารมณ์ขยะรายวัน

อันเป็นคุณสมบัติใหม่ในด้านเลวอยู่ทั้งวัน

จนยังผลให้จิตวิญญาณของตนเอง

เข้าถึงการสั่นสะเทือนเป็นความรักไม่ได้

เข้าถึงการใช้ความฉลาดของสมองก็ไม่ได้

 

การกระทำทางปากและทางกาย

ที่ออกมาจากข้างในจิตใจจึงมีแต่สิ่งไม่ดี

เสมือนเป็นผลไม้ที่ไม่ดีที่ผลิออกมานั่นเอง

มนุษย์จึงไม่ต่างจากต้นไม้ผ่าเหล่า

เพราะต้นพันธุ์ดีแต่ให้ผลเลวโดยแท้

 

ดังนั้น

ท่านทั้งหลายจึงต้องใส่ใจจิตวิญญาณ

ซึ่งเป็นเมล็ดพันธ์ุดีของพระบิดา

โดยต้องระวังอย่าให้กลายพันธุ์หรือผ่าเหล่า

 

วิธีป้องกันและบำรุงรักษาจิตวิญญาณ

ให้เติบโตเป็นต้นไม้ที่ดีชั่วชีวิต

ที่ง่ายที่สุดก็คือ

 

1. ละวางกิเลสและตัณหา

ด้วยการครองมหาสติไว้ให้มั่นคง

 

2. ละวางกิเลสและตัณหา

ด้วยการไม่ยึดติดอัตตาตัวตนของตน

ด้วยการรู้เท่าทันมายาทั้งปวง

 

3. ละวางกิเลสตัณหา

ด้วยการยึดถือปณิธานแห่งนิพพาน

โดยฝึกฝนตนเองให้รู้จักรักรู้จักให้

รู้จักอดทน อดกลั้น และให้อภัย

ฉลาดใช้ปัญญาในการดำเนินชีวิต

 

ใครปฏิบัติได้ตามนี้

พระบิดาจะทรงประทานรางวัลแก่ท่าน

ด้วยพระหัตถ์พระองค์เอง

และมันจะช่วยให้ท่านทั้งหลาย

ได้ใกล้ชิดเบื้องพระบาทพระผู้เป็นเจ้า

ผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณท่านเข้าไปเรื่อยๆ

 

การก้าวดำเนินเป็นหน้าที่ของท่าน

การชี้ทางให้เดินและวิธีดำเนิน

เป็นภารกิจของเรา

จงแสดงความรับผิดชอบตนเองเถิด

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

6-02-2019