31 ตุลาคม 2566

คำสอน 31/10/2023

 

ขณะนอนหลับ
ขันธ์ห้าก็จะดับเพราะสมองซีกซ้ายกำลังไร้
สำนึก

คำสอน 31/10/2023

 

ไม่ต้องนั่งปิดอายตนะทั้งห้าไว้
แค่คุณนอนหลับหรือยามสลบไสล
ขันธ์ห้าในจิตหยาบก็ดับไปชั่วขณะ
โดยไม่ต้องพยายามดับมันก็ได้

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 31/10/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
วิธีที่มารพวกจิตวิญญาณผีโสโครกทำต่อมนุษย์
ซึ่งเป็นวิธีที่
 4 ก็คือ #ดึงให้เขว
 
4.ดึงให้เขว
แปลความคล้ายกับคำว่า
 “ชักใบให้เรือเสีย”
ก็คือการทำให้ใบเรือที่กางออกนั้นไม่รับลมไม่กินลม
ทำให้เรือไม่สามารถแล่นต่อได้คล้ายดั่ง
 “เรือเสีย”
หรือชักใบให้ด้านข้างขวางทางลมจนทำให้เรือพลิก
เพราะ
 “เสียสมดุล” อาจถึงขั้นเรือล้มล่มลงจมน้ำก็ได้
 
ตัวอย่างเช่น
ให้คนนำทางตาบอดที่เป็นกรรมกรแสงรุ่นเดอะ
ซึ่งชาวบ้านทั่วไปให้การยอมรับศรัทธาและเชื่อตาม
เผยแพร่คำสอนว่าพระศาสดาตรัสรู้เรื่อง
 #อริยสัจสี่
จนทำให้ชาวบ้านที่เป็นคนชอบธรรมเข้าใจผิดกันว่า
เรื่อง
 “อริยสัจสี่” เป็นสัจธรรมชั้นสูงที่สำคัญยิ่งยวด
เพราะเป็นองค์ธรรมที่พระศาสดาท่านได้ตรัสรู้เอาไว้
แสดงว่าสัจธรรมบทนี้นั้นสำคัญสำหรับมนุษย์ที่สุด
ชาวบ้านจึงพากันใส่ใจสัจธรรมเรื่องนี้กันเป็นอันมาก
 
โดยที่ความจริงแล้ว
อริยสัจสี่ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธและมรรคนั้น
พระองค์ใช้สติปัญญาของสมองซีกซ้ายที่มนุษย์มีอยู่
ทำการคิดวิเคราะห์ด้วยหลักคิดแบบ
 #อิทัปปัจจยตา
คือหลักแห่งเหตุและผลธรรมดาสามัญเท่านั้นเอง
มิได้ใช้ความคิดพิสดารกว่ามนุษย์ทั่วไปแต่อย่างใด
 
เมื่อแรกพบว่าความวุ่นวายและความขัดข้องนั้น
ล้วนเกิดจากอุปสรรคและปัญหาในการดำเนินชีวิต
ทำให้ภารกิจการงานในการดำเนินชีวิตติดขัดคับข้อง
ซึ่งความติดขัดคับข้องนี่แหละเป็นที่มาแห่งทุกข์
จะทุกข์หนักทุกข์น้อยขึ้นอยู่กับว่าปัญหาดังกล่าวนั้น
เป็นปัญหาใหญ่มากหรือว่าเป็นแค่ปัญหาเล็กๆน้อยๆ
หากตราบใดที่ปัญหานั้นๆยังคงคาราคาซังอยู่แล้ว
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นอยู่นั้นมันก็จะกลายเป็นทุกข์หนัก
จากทุกข์หนักแล้วยังอาจจะต้องทุกข์นานอีกด้วย
 
พระองค์จึงทรงค้นพบความจริงว่า
วิธีจัดการปัญหาน้อยใหญ่หรือปัญหาเชิงซ้อนเชิงเดี่ยว
ที่เผชิญกันในชีวิตประจำวันจนสั่นสะเทือนให้เกิดทุกข์
จะต้องมีขั้นตอนในการจัดการกับปัญหาให้สิ้นทุกข์ดังนี้
 
1.จะต้องพิจารณาว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้น
มาจากเหตุซึ่งเป็นตัวปัญหาที่แท้จริงนั้นคืออะไรบ้าง
ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่นั้นมีกี่ปัญหาคืออะไรอย่างไร
 
ศัตรูมนุษย์เลือกใช้คำว่า #ทุกข์ แทนคำว่า #ปัญหา
เพราะต้องการทำให้มนุษย์เข้าใจไขว้เขวสับสนไป
โดยหลอกให้ไปจับเอาความทุกข์มาเป็นตัวประกัน
เพื่อให้พวกคุณ
 “เพ่งทุกข์” ซึ่งเป็นอาการของจิตหยาบ
แทนการเพ่งพิจารณาที่ปัญหาซึ่งตนกำลังเผชิญอยู่
ทั้งๆที่การเพ่งทุกข์จะทำให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
สู้ใช้เวลาไปกับการเพ่งปัญหาที่เป็นเหตุให้ทุกข์ไม่ได้
เพราะยิ่งเพ่งทุกข์จะยิ่งทุกข์หนักทุกข์นานมากยิ่งขึ้น
แต่ถ้าเพ่งพิจารณาปัญหาปัญญาก็จะเกิดขึ้นตามมาได้
จนสามารถจัดการกับปัญหานั้นให้ลุล่วงได้โดยพลัน
ความทุกข์ที่เกิดจากปัญหานั้นก็จะพลันดับสิ้นไปด้วย
 
พระพุทธองค์เคยตรัสเอาไว้ว่า
#ทุกสิ่งอย่างล้วนเกิดจากเหตุ
#ถ้าเหตุดับทุกสิ่งอย่างนั้นก็จะดับตามไปด้วย
 
ดังนั้น
ความทุกข์ล้วนเกิดจากเหตุคือปัญหา
ถ้าจัดการกับปัญหานั้นๆให้ลุล่วงไปจนหมดสิ้นได้
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นก็จะดับสิ้นตามไปด้วยนั่นเอง
นี่จึงเป็นหลักคิดพิจารณาแบบ
 “อิทัปปัจจยตา”
ว่าด้วยหลักของเหตุและผลโดยแท้
 
ถ้าคุณใช้หลักคิดพิจารณาที่ปัญหาปัญญาก็จะเกิด
ถ้าเชื่อตามกรรมกรของมารพวกคนนำทางตาบอด
คุณก็จะยิ่งทุกข์หนักมากขึ้นเพราะแก้ปัญหาไม่ได้
เนื่องจากเขวไปเพ่งทุกข์แทนการเพ่งที่ตัวปัญหา
ยิ่งเพ่งจึงยิ่งโง่ยิ่งว้าวุ่นจนไม่อยากเกิดเป็นมนุษย์แล้ว
เพราะถูกหลอกว่าเกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
ฝีมือของคนนำทางตาบอดกรรมกรแสงของมารทั้งสิ้น
 
2.เมื่อพิจารณาพบว่าเหตุแห่งทุกข์คือปัญหา
ก็ให้นำเอาปัญหานั้นๆมาเรียงตามลำดับก่อนหลัง
ถ้าหากมีมากกว่าหนึ่งปัญหาก็ต้องค้นหาให้พบก่อน
ปัญหาหนึ่งอาจนำไปสู่อีกปัญหาหนึ่งที่เนื่องกันได้
เมื่อจัดเรียงลำดับปัญหาก็ให้คิดถึงการแก้ปัญหานั้น
ตามลำดับก่อนหลังอย่างมีระเบียบวินัยเอาไว้ด้วย
 
สิ่งสำคัญก็คือ
จงอย่าเกลียดกลัวความทุกข์ที่เกิดขึ้นในจิตใจคุณ
เพราะมันจะยิ่งทำให้คุณเกิดความว้าวุ่นมากยิ่งขึ้นได้
จงคิดให้ได้ว่าความทุกข์นั้นไม่มีอัตตาตัวตนอะไร
ความทุกข์จึงเหมือนผีที่จะหลอกคุณได้ถ้าคุณกลัวมัน
แท้แล้ว
 “ปัญหาที่คุณเผชิญอยู่” มันน่ากลัวกว่าเสียอีก
เพราะบางปัญหาจะจัดการแก้ไขให้ลุล่วงได้ยากมาก
โดยไม่รู้ว่าตัวคุณนั้นจะมีปัญญาแก้ไขมันได้หรือเปล่า
 
3.เมื่อคุณวางแผนการจัดการกับปัญหา
เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขสงบให้ตนเองไว้พร้อมแล้ว
ก็ให้จัดการปัญหาที่พาให้ทุกข์ไปตามแผนที่วาดไว้นั้น
ทำอย่างรอบคอบรัดกุมทำอย่างใส่ใจและไม่ประมาท
 
4.ขั้นตอนสุดท้ายคือการบรรลุผลในการแก้ปัญหานั้น
ถ้าวิธีจัดการกับปัญหาที่พาให้ทุกข์นั้นลุล่วงไปด้วยดี
คุณก็จะก้าวผ่านมันไปได้คุณจะยิ่งฉลาดใช้ปัญญา
และฉลาดในการมองโลกที่เป็นภาพจริงได้ชัดเจนขึ้น
แต่ถ้าแผนการที่คุณวาดหวังนั้นไม่สำเร็จหรือยังติดขัด
ก็ให้คุณกลับไปเริ่มต้นที่ขั้นตอนในข้อ
 1.กันใหม่
อย่าปล่อยให้ตนเองกลายเป็นลิงถือลูกท้อไปเด็ดขาด
 
ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้คือวิธีการ “ดึงให้เขว”
เป็นวิชามารที่ถูกหยิบมาหลอกใช้กับมนุษย์บ่อยมาก
อย่างเช่นหลอกให้เพ่งทุกข์แทนการเพ่งที่ปัญหา
มนุษย์จึงแลเห็นแต่ทุกข์เกลียดกลัวความทุกข์ที่สุด
จนนักพรตนักบวชโบราณหาทางดับทุกข์กันแปลกๆ
แทนที่จะค้นหาสัจธรรมที่ถูกต้องแบบพระพุทธองค์
 
วิธีการดับทุกข์เพื่อทำให้ตนเองพ้นทุกข์ที่ใช้กันก็คือ
การบำเพ็ญ
 #ทุกกรกิริยา โดยใช้กายหยาบเป็นตัวตั้ง
ด้วยการทำให้ร่างกายทุกข์ทรมานจนถึงขีดสุดให้ได้
เอาหัวทิ่มดินเอาตีนชี้ฟ้า ไว้หนวดเคราผมเผ้ายาวรุงรัง
เล็บไม่ตัด ปากไม่บ้วนน้ำ ขี้ไคลไม่ถู น้ำท่าไม่อาบ
นอนในโลงอยู่กับศพที่เน่าเหม็นเป็นวันคืน
กำมือเอาไว้ไม่ยอมแบจนเล็บทิ่มแทงทะลุฝ่ามือ
นั่งนานไม่ลุกไปดื่มกินโดยยอมทนต่อการกระหายหิว
เพราะคิดว่าจะดับทุกข์ได้โดยทำให้ตนทุกข์จนถึงที่สุด
 
ซึ่งพระพุทธองค์ทรงเคยทดลองด้วยตนเองแล้ว
ทรงเลิกล้มวิธีการนี้เพราะทรงพบว่ายิ่งทุกข์หนักขึ้น
วิธีการทรมานกายแบบนี้ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเลย
พระองค์จึงเผยแพร่วิธีการดับทุกข์ด้วยอริยสัจสี่แทน
ซึ่งเป็นทางออกที่สวยงามเป็นอมตะและสมาร์ทที่สุด
ดีกว่าการทรมานกายสังขารให้ผิดบาปต่อตนเองด้วย
 
อริยสัจสี่เป็นองค์ธรรมที่พระพุทธองค์ทรงคิดรู้ได้
หลังจากเสด็จออกบวชภายในเวลาไม่นานนัก
เพื่อหนีทุกข์ออกไปจากชีวิตจริงที่วุ่นวายจากในรั้ววัง
เมื่อทรงเห็นว่าการเกิดแก่เจ็บตายหรือเทวทูตทั้งสี่นั้น
มันเต็มไปด้วยความทุกข์ของมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง
จนทำให้ค้นพบความจริงว่าความทุกข์เกิดจากปัญหา
จึงทรงรำพันว่า
 #ที่นี่วุ่นวายหนอที่นี่ขัดข้องหนอ
อันเป็นที่มาของสัจธรรมระดับโลกียธรรมคืออริยสัจสี่
ซึ่งในอริยสัจนี้มีรวม
 #มรรคแปด เอาไว้ในนั้นด้วย
 
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
การดึงให้เขวของมารผ่านคนนำทางตาบอดนั้น
คือการด้อยค่าสัจธรรมขั้นสูงสุดที่เป็น
 #อนุตรธรรม
ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสรู้แบบว่า “เรารู้แล้ว...เรารู้แล้ว”
โดยทรงได้คำตอบในคืนที่ตรัสออกมาว่าเรารู้แล้วนั้น
คือรู้ว่าจิตวิญญาณของพระองค์และมนุษย์ทั้งหลาย
มาจากไหน มาเกิดเป็นมนุษย์บนโลกนี้กันทำไม
มนุษย์มีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้างและต้องทำอย่างไร
ในที่สุดก็ได้คำตอบสำคัญ
 3 อย่างนี้มาในราตรีนั้นว่า
หนึ่ง
 #ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร
สอง #เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
สาม #เราคือโลก #โลกคือเรา
 
ทั้งสามประเด็นที่ทรงได้คำตอบมา
คนนำทางตาบอดมิได้เผยแพร่เพราะมารให้อำพราง
ถ้ามีการอธิบายความก็ทำการบิดเบือนไปทางอื่นเสีย
 
โลกทุกวันนี้
มนุษย์ที่เป็นคนชอบ
 “ธรรม” กลายเป็นคนชอบ “ทำ”
เพราะถูกดึงให้เขวหรือเป๋ไปจากความเป็นจริงมากขึ้น
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือมนุษย์โลกอยากนิพพาน
คือตายแล้วไปเกิดบนสวรรค์มายาไม่มาเป็นมนุษย์อีก
เพื่อไปเสพติดสุขที่เป็นกิเลสกันอยู่บนนั้น
เพราะกลัวทุกข์เกลียดทุกข์จนเข้ากระดูกดำ
กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทุกข์มากกว่าใครเพื่อน
 
ละทิ้งหน้าที่เรื่องการหมุนธรรมจักรกันไปหมด
บิดเบือนพระโอวาทของพระศาสดาว่า
ธรรมจักรกัปปวัตนสูตรเป็นเรื่องของอริยสัจสี่
เป็นเรื่องเชิงชั้นของสวรรค์มายา
ที่ชักพาให้คนนำทางตาบอดและคนชอบทำทั้งหลาย
หลงทางนิพพานกันสุดโต่งมาจนกระทั่งทุกวันนี้
จนฝูงแกะของพระเจ้าพากันปีนรั้วเข้าคอกเป็นทิวแถว
แกะบางตัวก็พลัดตกนรกลงไปในบึงไฟ
แกะบางตัวก็ตกลงไปในบ่อย่ำองุ่นเวียนตายเวียนเกิด
เพราะหลงเดินตามมารซึ่งเป็นพวกพวกผีโสโครก
ขณะที่เราคือคนเลี้ยงแกะของพระเจ้าผู้เฝ้าประตูคอก
ตะโกนบอกเท่าไหร่ว่าประตูคอกอยู่ทางนี้ก็ไม่เชื่อ
 
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย
 #ปัญญาวิสุทธิ์
31/10/2566

30 ตุลาคม 2566

คำสอน 30/10/2023

 

คำว่าตรัสรู้มาจากคำเต็มคือ "ตรัสว่ารู้แล้ว! รู้
แล้ว!" เมื่อทรงดีพระทัยที่คิดได้ว่าจิตวิญญาณ
ของพระองค์มาเกิดเป็นมนุษย์กันทำไม

คำสอน 30/10/2023

 

พระองค์ยอมสละพระชนมชีพบนไม้กางแขน 
เพื่อสอนมนุษย์ว่าเสียชีพอย่าเสียสัจที่ให้ไว้กับ
พระบิดาเมื่อก่อนจะมาเกิดเป็นมนุษย์โลก

คำสอน 30/10/2023

 

พระเยซู
ทรงรับบาปแบกกรรมแทนคนทั้งโลกไม่ได้ แต่
ทรง "ไถ่บาป" ด้วยการสอนมนุษย์ให้หยุดการ
ทำผิดบาปได้

คำสอน 30/11/2023

 

จงจำไว้ว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้เรื่องธรรมจักรกัป
วัตนสูตร ไม่ใช่เรื่องอริยสัจสี่อย่างที่เชื่อกันอยู่
แต่อย่างใด

คำสอน 30/10/2023

 

เมื่อกราบพระบาทเงาของพระองค์แล้ว ใยไม่
ยอมก้มกราบแก่นแท้ของพระองค์ด้วยเล่า 
 พระองค์จริงมิใช่เงาและ "เงา" ก็มิใช่พระองค์
จริงนะ

คำสอน 30/10/2023


 พระบิดาแห่งจิตวิญญาณทรงมีเงาที่เป็นดั่งพระ
มารดา ซึ่งคอยสั่นสะเทือนเคลื่อนไหวตามพระ
องค์ตลอดมาและตลอดกาลนิรันดร์

คำสอน 30/10/2023


 องค์จิตจักรวาลดวงใหญ่ก็คือพระบิดาแห่งจิต
วิญญาณผู้ทรงเป็นพระเจ้าเหนือทุกสิ่งที่ทรง
สร้างขึ้น

คำสอน 30/10/2023

 

ขันธ์ห้าไม่ใช่ปัญหาของมนุษย์
ปัญหาของมนุษย์ที่แท้จริง
ก็คือมีขันธ์ห้าแต่ว่าใช้ไม่เป็น
เพราะมองไม่เห็นคุณค่า

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 30/10/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
นอกจากคำว่า
 “ปัจจัตตัง” ที่คนนำทางตาบอดใช้อ้าง
ที่แปลความว่า
 #เป็นความรู้ที่ผู้บรรลุนั้นรู้ได้เฉพาะตน
เพื่อปิดบังความไม่รู้ไม่เข้าใจเรื่องที่ตนอธิบายไม่ได้
โดยปัดให้คนอยากรู้อยากเรียนต้องเรียนเองรู้เองแล้ว
ยังมีอีกคำหนึ่งซึ่งนิยมใช้ไม่แพ้กันคือคำว่า
 #อจินไตย
 
คำว่า “อจินไตย” แปลว่า สิ่งที่ไม่ควรคิดพิจารณา
มาจากคำว่า
 “อะ” ที่แปลว่า #ไม่ สนธิกับ “จินไตย”
ที่แปลว่า #การนึกคิดพิจารณาด้วยจิตตปัญญา
สองคำรวมกันหมายถึงสิ่งอันไม่ควรคิดพิจารณา
ในตำราพุทธศาสนาหมายถึง
 
1.สิ่งที่มันเกินสติปัญญามนุษย์ซึ่งสุดที่จะคิด
2.มีส่วนทำให้บ้าหรือเสียสติได้เพราะว่ายากที่จะคิด
3.เป็นการนึกเอาเองเพราะคิดแทนผู้อื่นคือก้าวล่วง
 
#สิ่งที่เกินสติปัญญามนุษย์สุดจะคิด
เป็นสิ่งที่สมองสองซีกคือซีกซ้ายกับขวาคิดเองไม่ได้
เพราะไม่มี
 #ตัวกระตุ้นการคิด หรือสิ่งที่จะกำหนดนึก
เพื่อป้อนคำสั่งให้สมองซีกใดซีกหนึ่งคิดพิจารณาต่อได้
จึงล้วนเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่รู้ว่าตนไม่รู้ทั้งสิ้น
 
ตัวอย่างเช่น
1.โลกหมุนรอบตัวเองได้อย่างไร
2.พระเจ้าสร้างเอกภพและทุกสิ่งในเอกภพทำไม
3.จิตวิญญาณของมนุษย์เป็นใคร มาจากไหน
4.จิตวิญญาณมาเกิดเพื่อทำหน้าที่อะไรบ้าง
5.ใครเป็นผู้อนุญาตให้จิตวิญญาณของคุณมาเกิด
6.จิตวิญญาณมนุษย์มาจากไหน
7.แก่นแท้มนุษย์กับสัตว์เหมือนกันและต่างกันอย่างไร
8.เมตตาธรรมคืออะไรช่วยค้ำจุนโลกได้อย่างไร
9.นิพพานคืออะไร นิพพานคืออย่างไร
10.ธรรมจักรคืออะไร ต่างจากกรรมจักรอย่างไร
 
ทั้งสิบประการนี้เป็นคำถามที่จะนำไปสู่คำตอบ
ที่พระเจ้าทรงเรียกว่า
 #อนุตรธรรม ความจริงอันสูงสุด
ซึ่งมนุษย์โลกทุกคนไม่รู้ว่าตนจะต้องรู้และไม่รู้ไม่ได้
พระองค์จึงต้องบัญชาให้
 #พระบุตรเอก ของพระองค์
มาจุติเป็นมนุษย์เพื่อกล่าวพระโอวาทในนามพระองค์
ให้มนุษย์ได้รู้ในบทบาทพระศาสดาผู้มาจากพระเจ้า
เช่น พระเยซู ท่านการ์ดี และตัวเราเองในยุคนี้ เป็นต้น
 
#สิ่งไม่ควรนำมาคิดพิจารณาเพราะก้าวล่วงผู้อื่น
เช่นเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นที่เรารู้ไปก็ไม่เกิดประโยชน์
หรือเป็นความลับส่วนบุคคลที่เขาไม่ต้องการให้ใครรู้
 
ตัวอย่างเช่น
1.พุทธวิสัยที่เป็นนิสัยในการดำเนินชีวิต
ซึ่งเป็นพระบุคลิกส่วนตัวของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
 
2.ระดับพลังอำนาจทางจิตหรือพลังฌานของผู้อื่น
ที่ได้จากการหมั่นปฏิบัติสมถะกรรมฐานสมาธิของเขา
หรือได้จากการครองธรรมชาติสมาธิตามวิถีจิตจักรวาล
ของผู้ที่เป็นฆราวาสซึ่งมิใช่นักพรตและนักบวช
 
ดังนั้น
จึงไม่สมควรนึกคิดในเรื่องพลังจิตพลังฌาน
ที่เป็นคุณสมบัติจำเพาะตนหรือเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น
เขาจะมีอำนาจจิตแก่กล้าแค่ไหนก็เป็นเรื่องของเขา
 
3.ระดับพลังอำนาจทางปัญญาหรือพลังญาณของผู้อื่น
ที่ได้จากการหมั่นปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานสมาธิของเขา
หรือได้จากการครองธรรมชาติสมาธิตามวิถีจิตจักรวาล
ของผู้ที่เป็นฆราวาสซึ่งมิใช่นักพรตและนักบวช
 
ดังนั้น
จึงไม่สมควรนึกคิดในเรื่องพลังปัญญาหรือพลังญาณ
ที่เป็นคุณสมบัติจำเพาะตนหรือเรื่องส่วนตัวของผู้อื่น
เขาจะฉลาดมากน้อยแค่ไหนก็เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา
 
4.วิบากกรรมหรือบุรพกรรมของผู้อื่น
ที่เขาเคยก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้ในอดีตชาติที่ผ่านมา
ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากเกินกว่าจิตของคุณจะหยั่งถึงได้
 
เนื่องจากจิตวิญญาณของมนุษย์ได้ผ่านการเกิดมาแล้ว
ด้วยการทำผิดบาปต่างๆนับจำนวนภพชาติแทบไม่ถ้วน
จึงไม่ง่ายเลยที่จะเข้าถึงอดีตของพวกเขาทั้งหลายได้
มันยากมากแม้กระทั่งจะหยั่งรู้วิบากกรรมของตนด้วยซ้ำ
เพราะพระเจ้าทรงปิดมิติเอาไว้ไม่ให้มนุษย์เข้าถึงอดีต
โดยนำเอาจิตวิญญาณแก่นแท้ของมนุษย์
กักเก็บเอาไว้ที่ต่อมพิทูอิทารีซึ่งตั้งอยู่ตรงใต้สมอง
ทรงใช้อำนาจแม่เหล็กโลกที่เข้มข้นระดับ
 14 เก๊าส์
ทำการปิดมิติแห่งอดีตชาติเอาไว้มิให้เชื่อมต่อได้
จึงยังผลให้มนุษย์ทั่วไปแม้อยากรู้อดีตชาติก็รู้ไม่ได้
 
เวรที่ทำกรรมใดที่ก่อไว้ในอดีตชาติของมนุษย์
แต่ละภพชาติจะถูกจัดเรียงกันไว้เป็นชั้นๆดั่งเนื้อเยื่อ
ภพชาติแรกๆจะเป็นเนื้อเยื่อที่อยู่ในชั้นล่างสุด
ภพชาติต่อมาก็จะเรียงตามลำดับขึ้นมาด้านบนเรื่อยๆ
ลองนึกคิดเอาก็ได้ว่าถ้าผ่านการเกิดมาแล้วหลายชาติ
เนื้อเยื่อนั้นก็จะมีหลายชั้นทับซ้อนกันจนหนาเตอะเลย
คุณว่ามันยากต่อการเจาะทะลุมิติให้เข้าถึงแต่ละชั้นมั้ย
 
ดังนั้น
จึงไม่สมควรจะไปก้าวล่วงบุรพกรรมส่วนตัวของผู้อื่น
นอกจากเพราะว่าการเจาะเวลาหาอดีตที่มีหลายชาติ
ซึ่งการจะเจาะไขไชให้เข้าถึงความจริงได้ไม่ง่ายแล้ว
คุณยังต้องถามจิตวิญญาณของเขาคนนั้นเสียก่อนว่า
แก่นแท้ผู้เป็นเจ้าของบุรพกรรมนั้นอนุญาตหรือไม่ด้วย
 
เพราะจิตวิญญาณของเขาแม้จะรู้ความจริงอยู่ทุกเรื่อง
แต่ก็มีสัจจะจนไม่อาจบอกความจริงให้จิตหยาบรู้ได้
เนื่องจากพระบิดาหรือพระเจ้าไม่ทรงอนุญาตให้เผย
เพราะการมาเกิดเป็นมนุษย์ของคุณจะเป็นโมฆะทันที
หมายถึงถ้ารู้อดีตหมดแล้วคุณก็จะเสียชาติเกิดนั่นเอง
 
ด้วยเหตุนี้เอง
คำว่า
 “ปัจจัตตัง” กับคำว่า “อจินไตย”
ทั้งสองคำนี้จะถูกหยิบฉวยขึ้นมาใช้อ้างอิงเสมอ
ในกรณีที่คนถูกถามเกิดการจำนนจนมุมกับบางคำถาม
ที่ตนไม่รู้คือคิดไม่ออกบอกไม่ได้และไม่มีคำตอบให้
เพราะยังสง่างามดีอยู่เหมาะกว่าจะตอบว่า
 “ฉันไม่รู้”
ภาษาชาวบ้านเขาใช้คำว่า “กลัวเสียฟอร์ม” นั่นแหละ
 
ทั้งหมดที่เรากล่าวมาแล้วนั้น
เป็นวิธีซึ่งประดาพวกมารใช้ที่เรียกว่า
 #ฝากให้ทึ่ง
ทำให้เกิดอาการฉงนเกิดความสับสนเกิดความสงสัย
จนไม่สามารถตั้งคำถามพวกเขาที่อ้างตนเป็นผู้รู้ได้
เพราะไม่เข้าใจประเด็นหรือประเด็นถูกทำให้เบี่ยงเบน
มนุษย์จึงจำต้องอยู่กับความไม่รู้ไม่เข้าใจนั้นต่อไป
เพราะถูกคนนำทางตาบอดหลอกให้เชื่อตามแทนแล้ว
 
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย
 #ปัญญาวิสุทธิ์
30/10/2566

29 ตุลาคม 2566

คำสอน 29/10/2023

 

การทรงเจ้าเข้าสิงร่างเป็นเรื่องของผี การ
ประทับญาณเป็นงานของพระโพธิสัตว์ การสื่อ
สารทางจิตเป็นภารกิจของพระเจ้า

คำสอน 29/10/2023

 

พระเจ้าทรงเป็นมหาสุญตา จะไม่เข้าสิงเข้าทรง
ร่างใคร เพราะกายหยาบมนุษย์ไม่สะอาด
บริสุทธิ์พอ

คำสอน 29/10/2023

 

มนุษย์ทุกคนทุกชาติศาสนา มีพระบิดาแห่งจิต
วิญญาณพระองค์เดียวกัน

คำสอน 29/10/2023

 

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณก็คือพระเจ้า พระเจ้ามี
เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น

คำสอน 29/10/2023

 

จงอย่าเอาแต่นั่งดับขันธ์ห้า
ให้เสียเวลากันอยู่เลย
เพราะคิดว่ามันเป็นเหตุให้คุณมาเกิด
ถ้าดับได้คุณก็จะไม่ต้องมาเกิดอีก
แต่ขันธ์ห้าจะดับเองได้เมื่อคุณตาย
ซึ่งมันมิใช่ตัวที่ทำให้คุณมาเกิดด้วย

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 29/10/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
วิธีของมอดมารซึ่งเป็นวิธีการที่สามคือ
 #การจูงใจ
ให้มนุษย์เป็นดั่งนกแร้งที่ชอบรุมทึ้งสิ่งเน่าเหม็น
เมื่อมีสัตว์ตายเน่าอยู่ที่ไหนจะมีนกแร้งรุมทึ้งอยู่ที่นั่น
 
3.ฝากให้ทึ่ง
 
หมายถึงการแสดงมายาบางสิ่งให้เห็นเป็นเบื้องหน้า
แต่เร้นความเป็นมาปิดบังเหตุแห่งการเกิดไว้เบื้องหลัง
ทำให้มนุษย์สับสนสงสัยอยากรู้ที่มาที่ไปให้เข้าใจ
ก็คิดเองไม่ออกบอกเองไม่ได้ว่าถูกผิดเป็นอะไรอย่างไร
ส่วนใหญ่จะเห็นแต่ผลของเหตุไม่รู้เหตุที่ทำให้เกิดผล
จนมองว่าเรื่องนั้นมันมหัศจรรย์หรือน่าทึ่งจนน่าเชื่อถือ
 
หนักยิ่งกว่านั้นบางเรื่องแม้จะเหลือเชื่อแต่มนุษย์ก็เชื่อ
จนพระพุทธเจ้าต้องออกมากล่าวเตือนสติให้รู้คิดกันว่า
#ทุกสิ่งเกิดจากเหตุถ้าเหตุดับทุกสิ่งนั้นก็ดับตามไปด้วย
แปลว่ามนุษย์ต้องเป็นคนมีเหตุผลและใช้เหตุผลให้เป็น
มิเช่นนั้นจะงมงายเพราะความโง่ง่ายใช้สติปัญญาไม่เป็น
 
ตัวอย่างเช่น
หลอกลวงว่าการนั่งปฏิบัติธรรมด้วยวิธีกรรมฐานสมาธิ
ด้วยการปลีกวิเวกเพื่อปฏิบัติธรรมตามลำพังคนเดียว
อันหมายถึงปฏิบัติสมถะกรรมฐานเพื่อฝึกให้จิตมีพลังสูง
ร่วมกับการปฏิบัติวิปัสนากรรมฐานเพื่อฝึกจิตให้รู้นึกรู้คิด
 
รู้นึกหมายถึงการฉลาดใช้จิตสามนึกที่ตนมีอยู่
เพื่อนึกออกนึกเอาและนึกเองที่เป็นด้านบวกหรือด้านดี
ที่พระพุทธเจ้าทรงใช้คำว่า
 #การดำริชอบ
 
การรู้คิดหมายถึงการฉลาดใช้ปัญญาของสมองสองซีก
โดยคิดวิเคราะห์ด้วยสติปัญญาของสมองซีกซ้ายนำขวา
แต่มันจะต้องเริ่มจากการดำริชอบหรือนึกด้านบวกก่อน
กับการนำสิ่งวิเคราะห์ได้มาสังเคราะห์ด้วยสมองซีกขวา
ซึ่งเป็นความฉลาดของสมองที่เรียกว่า
 #ปัญญาญาณ
เพื่อการนำเอาสัจธรรมนั้นมาใช้ในการดำเนินชีวิตต่อไป
 
มนุษย์ถูกหลอกให้เชื่อว่าการปฏิบัติกรรมฐาน
ถ้าทำกันเป็นอาชีพหรือปฏิบัติเป็นประจำแล้ว
จะทำให้ตนบรรลุมรรคผล
 “นิพพาน” ได้อย่างแน่นอน
คนชอบธรรมที่ปรารถนาจะนิพพานจึงพากันเชื่อตาม
เพราะตรงใจตามที่ตนปรารถนาหรือถูกจริตนั่นแหละ
โดยที่ยังไม่รู้ว่านั่นมันเป็นแค่ความเชื่อไม่ใช่ความจริง
เพราะความเชื่อมาจากกิเลสแต่ความจริงได้จากเหตุผล
 
มนุษย์เชื่อเรื่องนิพพานว่ามันเป็นไปได้จริง
เพราะเข้าใจความหมายของ
 “นิพพาน” กันว่า
#เมื่อตายแล้วจิตวิญญาณของตนจะไม่กลับมาเกิดอีก
โดยไม่คิดต่อว่าจิตวิญญาณหายไปอยู่ที่แห่งหนไหน
แรกมาเกิดอยู่บนโลกจนเติบโตเป็นต้นตาลเห็นอยู่หลัดๆ
พอเติบโตเป็นต้นตาลสูงใหญ่ที่มีใบดกครึ้มกันแล้ว
ยอดตาลต้นนั้นก็กลับ
 “ด้วน” คือ หายไปเสียเฉยๆ
ยอดตาลต้นนั้นมันหายไปดื้อๆหายไปไหนไม่มีใครรู้
ซึ่งเป็นสิ่งที่ผิดปกติจากธรรมชาติคือเป็นจริงไม่ได้เลย
 
พวกคุณจำพระโอวาทตอนหนึ่งได้หรือไม่ว่า
#กฎแห่งกรรมผู้ใดเริ่มต้นผู้นั้นจะเป็นผู้สิ้นสุด
#กฎแห่งกรรมใครทำอะไรจะต้องได้รับผลกรรมนั้น
#ใครขว้างบอลใส่กำแพงมันจะสะท้อนกลับหาคนนั้น
 
#จิตวิญญาณมนุษย์เป็นผู้ข้ามมิติมาจากแดนสุญตา
#ถ้าจะหายไปจากโลกก็ต้องคืนกลับบ้านสู่แดนสุญตา
#จะไปลอยค้างเป็นเทพเทวดาอยู่บนสวรรค์มายาไม่ได้
#เพราะจิตวิญญาณขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์เท่านั้น
#ด้านของจิตวิญญาณทุกสิ่งอย่างจะเป็นสัจจะทั้งหมด
#ผู้ใดจะบิดพลิ้วผิดสัจจะหรือบิดเบือนความจริงไม่ได้
 
เมื่อมนุษย์ยังไม่เข้าใจว่า
ปฏิบัติกรรมฐานกันเพื่ออะไรและปฏิบัติกันทำไม
มันเป็นรูปแบบของการปฏิบัติธรรม
ที่คนชอบธรรมทุกคนจะต้องถือปฏิบัติกันแน่หรือ
ปฏิบัติแล้วช่วยให้จิตวิญญาณหายสาบสูญได้
โดยไม่ต้องย้อนกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อยู่บนโลกอีก
มันเป็นความหมายของคำว่านิพพานที่ถูกต้องจริงหรือ
 
เพราะมีคำอ้างว่ามันเป็น “ปัจจัตตัง”
มนุษย์จึงต้องรอพิสูจน์ว่านิพพานคืออย่างไรด้วยตนเอง
ต้องพิสูจน์ด้วยตนเองว่ากรรมฐานช่วยให้ไม่เกิดอีก
โดยที่จิตวิญญาณเมื่อตายแล้วหายไปอยู่ตรงไหน
ซึ่งคำสอนแบบนี้เป็นวิธี
 #ฝากให้ทึ่ง แบบหนึ่งแหละ
 
พวกมารที่เป็นผีโสโครกรู้ดีว่า
สวรรค์มายาเป็นดั่งบ่อเลี้ยงปลาหรือตู้ปลาขนาดใหญ่
ที่หลอกให้คนชอบธรรมซึ่งจิตหยาบยังมีกิเลสติดอยู่
ใช้จิตใต้สามนึกของจิตวิญญาณเนรมิตวิมานทิพย์ขึ้นมา
ตามภาพเขียนที่เห็นอยู่บนผนังหรือกำแพง
ในสถานที่ซึ่งคนชอบธรรมชอบแวะเวียนไปเป็นประจำ
เพราะเห็นแล้วอยากไปเสวยกิเลสเสพสุขอยู่บนนั้น
โดยไม่รู้ว่าอำนาจจิตของตนเนรมิตสวรรค์มายาขึ้นมาเอง
ตามพิมพ์เขียวที่เป็นต้นแบบให้เห็นกันอยู่ทุกวัดนั้นได้
 
จิตวิญญาณที่เสพติดกิเลสและเชื่อว่าสวรรค์มายามีจริง
เมื่อตายแล้วก็จะหลุดลอยออกไปจากระบบโลก
ขึ้นไปติดค้างอยู่บนอวกาศเหมือนก้อนเมฆที่ลอยอยู่นั่น
โดยจิตวิญญาณจะเนรมิตสวรรค์ที่ตนจำได้หมายรู้นั้นให้
จิตวิญญาณของคนชอบธรรมที่เคร่งครัดมากกว่าใคร
เมื่อตายแล้วก็จะลอยขึ้นไปค้างอยู่ในชั้นที่สูงกว่าเพื่อน
เพราะน้ำหนักจิตวิญญาณที่มีผลกรรมน้อยจึงเบากว่า
ส่วนจิตวิญญาณคนชอบธรรมที่ไม่ค่อยเคร่งครัดเท่าไหร่
เมื่อตายแล้วก็จะลอยขึ้นไปค้างอยู่ในชั้นที่ต่ำกว่าผู้อื่น
เพราะจิตวิญญาณหนักกว่าเนื่องจากมีผลกรรมมากกว่า
 
ด้วยเหตุนี้เอง
เราจึงมีคำอธิบายให้พวกคุณตาสว่างกันได้ว่า
 
#ทำไมก้อนเมฆจึงมีหลายชั้นให้คุณเห็นอยู่บนฟ้า
#ทำไมสวรรค์มายาจึงมีหลายชั้นได้เช่นเดียวกัน
ที่เรากล่าวมาจึงเป็นคำตอบที่เป็นวิทยาศาสตร์ที่สุดแล้ว
โดยที่ความเป็นเหตุเป็นผลที่พระเจ้าให้เรากล่าวนี้
พวกคนนำทางตาบอดกรรมกรรุ่นเก่าของผีโสโครก
ไม่เคยนึกคิดสงสัยใคร่รู้จึงไม่เคยมีใครคิดหาคำตอบกัน
มนุษย์เอะอะอะไรก็อ้างความเป็นปัจจัตตังเอาไว้ก่อน
เพราะหมดคำสอนสิ้นองค์ความรู้หรือเพราะความไม่รู้
ก็เลยรีบหยิบยกคำนี้มาอ้างกันเอาไว้ก่อนเข้าทำนอง
#สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็นสิบตาเห็นไม่เท่ามือคลำ
 
การเรียนรู้ด้วยการพิสูจน์เองที่เป็นประสบการณ์นั้น
บางเรื่องคุณเรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่นก็ได้
ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงทดลองพิสูจน์มันด้วยตนเองหรอก
 
อยากรู้ว่านิพพานเป็นอย่างไรก็ต้องนิพพานเองให้ได้
คำว่านิพพานนั้นจึงเป็นปริศนามาจนถึงทุกวันนี้เลย
เพราะคนตายหายจากโลกลอยไปติดบนสวรรค์มายา
ไม่สามารถกลับลงมาเล่าความจริงให้พวกคุณฟังได้
ที่สำคัญคือสวรรค์มายาสองตาคุณไม่อาจมองเห็นได้
เพราะมันอยู่ในมิติทางพลังงานด้านของจิตวิญญาณ
ที่จิตวิญญาณของพวกคุณเนรมิตมันขึ้นมาเองโดยแท้
แต่มันเป็นสิ่งลี้ลับสำหรับมนุษย์เช่นคุณ
 
#ถ้าอยากรู้ว่าการตายเป็นอย่างไรก็ต้องลองตายก่อน
#อยากรู้ว่าอร่อยดีมีประโยชน์หรือไม่ก็ต้องลองกินดู
#ถ้าอยากรู้ว่ามีผัวดีหรือไม่ก็ต้องลองมีผัวเองเสียก่อน
 
คุณเห็นหรือยังว่าจากตัวอย่างทั้งสามนี้
ถ้าเอาคำว่าปัจจัตตังมาอ้างให้พิสูจน์ทดลองกันเอาเอง
เพราะคนสอนไม่มีความรู้คนที่รู้ก็เข้าถึงความจริงนั้นมิได้
คุณที่เป็นคนเสี่ยงอาจไม่คุ้มค่าเท่าใดนัก
ถ้ารอให้ตายเองก่อนแล้วจึงได้รู้มันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว
ถ้าชิมแล้วเผ็ดขมเปรี้ยวที่ตนไม่ชอบตนก็เสียปากไปแล้ว
ถ้าชิมแล้วเกิดโทษเพราะเป็นพิษก็ต้องตายก่อนจึงรู้ได้
ถ้าจะลองมีผัวก่อนกว่าจะรู้อะไรก็ต้องเสียตัวกันไปแล้ว
มันเป็นวิธีการเรียนรู้ที่ลงทุนมากไปหน่อยละมั้ง
?
 
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย
 #ปัญญาวิสุทธิ์
29/10/2566

28 ตุลาคม 2566

คำสอน 28/10/2023

 

จิตหยาบมีจิตสามนึก
ในจิตทั้งสามนึกนั้นมีขันธ์ห้า
สั่นสะเทือนขันธ์ห้าด้วยความรัก
คือการหมุนธรรมจักร

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 28/10/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
นอกจากจะมีจิตวิญญาณพเนจรของพวกผีโสโครก
ที่เป็นคนยักษ์กับพวกไฮบริดลูกผสมมนุษย์กับต่างภพ
ซึ่งจิตวิญญาณผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ในรูปธรรมเหล่านั้น
มิใช่เป็นรูปธรรมจิตวิญญาณที่แท้จริงของมนุษย์
ที่ต้องเสียชีวิตไปในปฏิบัติการชำระโลกของพระเจ้า
โดยจมทรายตายจากเหตุพายุทรายในยุคอียิปต์โบราณ
กับการจมน้ำตายเพราะน้ำท่วมโลกในยุคของโนอาห์
ทั้งสองเหตุการณ์เป็นภัยพิบัติจากปฏิบัติการชำระโลก
ที่พระเจ้าหรือพระบิดาแห่งจิตวิญญาณทรงพิพากษา
 
เมื่อกายสังขารตายแล้วจิตวิญญาณจึงล่องลอย
เพราะหลุดพ้นกลับบ้านแดนสุญตาที่ตนจากมาไม่ได้
เนื่องจากไม่มีพันธะสัญญา
 6 เหมือนจิตวิญญาณมนุษย์
ที่สำคัญคืออาสามาทำหน้าที่เป็นสิ่งมีชีวิตในเอกภพ
ตามแผนการทดลองของพระองค์อยู่ในระบบดาวนั้นๆ
โดยมีชีวิตเป็นอมตะไม่มีหน้าที่ต้องตายไปจากดาวนั้น
 
เมื่อเป็นผู้บุกรุกเข้ามายังดาวโลกดวงนี้แล้ว
ทำตนเป็นอุปสรรคของมนุษย์ในมิติโลกทางกายภาพ
และเป็นอุปสรรคของมนุษย์ในมิติของจิตวิญญาณด้วย
จิตวิญญาณเร่ร่อนของผู้ไร้บ้านทั้งหลายเหล่านี้
จึงตั้งตนเป็นศัตรูอยู่เบื้องหลังมิติโลกกันตลอดมา
พวกเขาจึงทำทุกอย่างทุกวิถีทางให้มนุษย์ขลาดกลัว
เพราะรู้ว่าธรรมดาของมนุษย์ในการต่อสู้กับความกลัว
ก็คือการทำให้ตนเองไม่ขลาดกลัวพวกเขาให้ได้นั่นเอง
 
หลักการทำให้ตนเองไม่กลัวของมนุษย์ก็คือ
#การยอมศิโรราบ กราบไหว้เซ่นไหว้บูชาพวกผีโสโครก
ที่พยายามแสดงตนด้วยมายารูปลักษณ์ของยักษ์มาร
แสดงตนเป็นภูตผีปีศาจแสดงเป็นแม่มดพ่อมดผู้วิเศษ
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่เข้าใจและอธิบายไม่ได้
โดยพวกนี้จะใช้
 #อภิญญา_6 ของจิตวิญญาณนำแสดง
เพราะพวกคุณที่เป็นมนุษย์แม้มีจิตวิญญาณมาเกิดก็ตาม
แต่พวกคุณก็แสดงฤทธิ์จากอภิญญา
 6 ที่คุณก็มีอยู่ไม่ได้
เพราะพระเจ้าทรงกำหนดให้จิตวิญญาณถูกปิดมิติเอาไว้
เพื่อไม่ให้มีการอวดอุตริแสดงฤทธิ์อย่างพร่ำเพรื่อได้ง่าย
ในอันที่จะทำให้พลังอำนาจทางจิตวิญญาณตกต่ำลง
เหมือนสิ่งมีชีวิตจากดาวบางดวงที่เข้ามาก้าวล่วงมนุษย์
โดยนำเอาอภิญญา
 6 มาอวดแสดงฤทธิ์กระทำต่อมนุษย์
จนอำนาจทางจิตวิญญาณเดิมคือ
 6D เหลือแค่ 5D แล้ว
ทั้งยังมีแนวโน้มว่าจำนวนมิติจะตกต่ำลงไปอีกเรื่อยๆด้วย
 
ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้
เป็นวิธีการแรกของผีโสโครกที่เลือกใช้กับมนุษย์
ที่เป็นภาพรวมก็คือการ
 #ทำให้กลัว นั่นเอง
 
มนุษย์กลัวสิ่งที่เป็นเงามายาที่พวกมันสร้างขึ้น
เพราะเชื่อว่ามายาที่เห็นว่าน่ากลัวนั้นคือ
 “ของจริง”
พระเยซูจึงมองว่าผีพวกนี้ “หลอก” เพื่อทำให้กลัว
ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า
 #ผีโสโครก ที่ทรงเรียกนั่นเอง
ทั้งๆที่มารพวกนี้เป็นแค่จิตวิญญาณที่หลงมิติอยู่
เป็นผู้ไม่รู้อดีตปัจจุบันและอนาคตของตนด้วยซ้ำไป
 
มนุษย์ไม่ฉลาดที่จะฉุกคิดด้วยปัญญากันบ้างว่า
ถ้าสิ่งที่เห็นนั้นเป็น
 “เงา” แสดงว่าตัวตนนั้นไม่จริง
ไม่ต่างจากการมีบางสิ่งที่กำลังอยู่คนละมุมตึกกับคุณ
ทั้งสองฝ่ายต่างไม่รู้ตัวกันมาก่อนและไม่รู้จักกันด้วย
เงาที่เห็นกันอันเกิดจากแสงส่องกระทบคุณกับสิ่งนั้น
ในแบบต่างคนต่างแลเห็นกันได้แบบตะคุ่มๆกันอยู่
จะบอกตัวตนรูปลักษณ์แท้จริงของคุณกับสิ่งนั้นไม่ได้
 
หน้าตาเป็นยักษ์รูปลักษณ์สูงใหญ่
หน้าตาสกปรกหนวดเคราเผ้าผมรุงรัง
ตาถลนตาโปนแลดูว่าดุร้าย
หน้าตารูปลักษณ์เป็นเสือเป็นลิงเป็นช้าง
ล้วนเป็น
 “มายา” ปลอมๆที่ถูกสร้างขึ้นให้กลัวทั้งสิ้น
 
ธรรมดาของมนุษย์เมื่อเกิดความกลัวขึ้นมาเมื่อไหร่
จิตหยาบจะเข้าถึงความฉลาดทางปัญญามิได้เมื่อนั้น
เพราะความกลัวมันจะปิดมิติการใช้สมองเอาไว้
รวมทั้ง
 “ความเชื่อ” ก็เป็นอีกอาการหนึ่งของจิตมนุษย์
ถ้าเชื่อแล้วมันจะปิดกั้นการใช้สติปัญญาเช่นเดียวกัน
ประดานักการเมืองพ่อค้าแม่ขายทั้งหลายในสังคม
จะใช้ความเชื่อเป็นสิ่งกระตุ้นปลุกเร้าให้ผู้คนส่วนใหญ่
เกิดการคล้อยตามด้วยการใช้ภาษาพูดและบุคลิกภาพ
ใช้มายาที่เป็นภาพลวงตาหลอกให้เชื่อแทบทั้งสิ้น
 
พวกมารที่เป็นผีโสโครกก็เช่นกัน
จะสร้างรูปปั้นรูปแกะสลักขึ้นมาให้มนุษย์กราบไหว้บูชา
ถ้าคนส่วนใหญ่พากันไปหลงกราบไหว้เซ่นไหว้
วัตถุมายาที่สร้างขึ้นมาจะถูกปลุกเสกให้ศักดิ์สิทธิ์
ด้วยจิตศรัทธาที่เป็นบวกของมนุษย์กันเองได้
ตามสมการ ∑
βₓ
 ของพระเจ้าที่เราเคยกล่าวมาแล้ว
ซึ่งพวกผีโสโครกมิได้สิ้นเปลืองอภิญฤทธิ์แต่อย่างใด
เพราะพวกเขารู้แล้วว่ายิ่งใช้พลังไปมากยิ่งตกต่ำมาก
จนต้องมาล่าหากรรมกรแสงบนโลกให้ตนดักดูดแล้ว
 
นอกจากนั้น
ปัจจุบันนี้ผีโสโครกยังหลอกลวงมนุษย์ว่า
ตนเองเป็นพระบิดาบ้างพระมารดาบ้างมาเข้าร่างเข้าทรง
ด้วยการสั่นสะท้านร่างกายอย่างรุนแรง
ด้วยการแสดงท่าทางแปลกประหลาดผิดมนุษย์
ด้วยการแสดงพิธีกรรมแต่ไม่นำอนุตรธรรมมากล่าวสอน
ซึ่งในกาลอดีตยังไม่เคยมีประวัติแบบนี้เลย
พระเยซูกับท่านการ์ดีและท่านนบีที่เป็นพระบุตรเอก
ก็ไม่เคยเข้าทรงลงเจ้าให้พระบิดาพระมารดามาลงทรง
มีแต่ใช้วิธีการสื่อสารทางจิตในระบบจิตสู่จิต
ด้วยช่องทางพิเศษที่ถือมาเกิดเพื่อทำหน้าที่สื่อเท่านั้น
 
ส่วนการสั่นสะเทือนทางร่างกายอย่างรุนแรง
แสดงมายาว่าจิตวิญญาณของผีตัวนั้นเป็นผีชั้นต่ำ
เพราะมีอำนาจต่ำจึงสั่นสะเทือนด้วยคลื่นความถี่ต่ำ
ถ้าเป็นจิตวิญญาณชั้นสูงที่แท้จริงนั้น
เมื่อเข้าทรงลงเจ้ามายาที่เห็นจะเต้นจะสั่นแค่เล็กน้อย
เพราะจิตวิญญาณชั้นสูงจะสั่นเป็นคลื่นความถี่สูงเสมอ
 
พวกนี้จะหลอกให้คุณเชื่อว่าตนเป็นเสือ
เมื่อเข้าสิงร่างก็จะร้องครางส่งเสียงคำรามแบบเสือ
จะแสดงอาการเดินสี่ขาทำท่าดุร้ายอย่างเสือ
 
ถ้าจะหลอกให้เชื่อว่าตนเป็นลิง
ก็จะทำท่าคันยุกยิกๆทำท่าหลุกหลิกร้องเจี้ยกๆ
 
ถ้าจะให้เชื่อว่าเป็นคนนั้นคนนี้
ก็จะเลียนแบบท่วงทีลีลาแม้กระทั่งวาจาที่กล่าว
ซึ่งเป็นจุดเด่นของรูปธรรมที่เขานำมาหลอกคุณ
เพื่อให้คุณสัมผัสรู้ดูเห็นแล้วเชื่อว่าใช่นั่นเอง
 
2.ยั่วให้อยาก
 
แผนการร้ายของศัตรูผู้อยู่เบื้องหลังมิติโลกวิธีที่สองนี้
จะมีทั้งศัตรูที่เหลือแต่จิตวิญญาณเร่ร่อนพเนจรไปเรื่อย
ซึ่งเป็นพวกจิตวิญญาณผีโสโครกที่เรากล่าวมาแล้วนั้น
กับอีกพวกหนึ่งซึ่งมีหลายเผ่าที่ยังมีชีวิตอยู่ในระบบโลก
พวกนี้ยังมีตัวเป็นๆโดยเร้นตัวเองอยู่หลังหน้ากากมนุษย์
เมื่ออยู่ท่ามกลางมนุษย์ก็แทบแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร
เพราะแต่งกายเท่ห์ทันสมัยหน้าตาเหมือนมนุษย์นี่แหละ
 
ศัตรูเหล่านี้จะเป็นพวกที่ฉลาดและมากประสบการณ์
เพราะเกิดมานานนับพันปียังไม่เคยตายไม่เคยมีภพชาติ
จึงมีเวลาพัฒนาการสมองที่มี
 “ก้อนเดียว” ค่อนข้างสูง
ทั้งมีเวลาสั่งสมประสบการณ์จากการเรียนรู้ได้มากกว่า
พวกสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์
ที่ต้องใช้วิชาและเวลาหนักไปกับการค้นคว้าทดลอง
พวกนี้จึงเก่งในการสร้างวัตถุเท็คโนโนโลยีทุกแขนง
 
พวกที่มิใช่มนุษย์แต่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแบบลับๆล่อๆก็มี
โดยซ่อนเร้นตนเองอยู่ในที่ลับตาคนก็มีจำนวนมิใช่น้อย
พวกนี้จะใช้ชีวิตแบบเถื่อนๆเหมือนคนป่าคนดงนั่นแหละ
ชอบกินเลือดเนื้อสัตว์โลกแบบสุกๆดิบๆทุกรูปแบบ
บางเผ่าจะกินเลือดเนื้อมนุษย์ตัวดำที่ยังเป็นทารกอยู่
บางตนบางเผ่าจะเอามนุษย์ที่โตเต็มวัยมาปิ้งย่างเผา
โดยอ้างว่าบูชายัญเพื่อฉีกเคี้ยวกินเป็นอาหารอันโอชะ
อาหารของพวกนี้จะเป็นชาวผิวดำในประเทศที่ไม่เจริญ
แต่พวกนี้ไม่มีพิษสงอะไรกับวิธีการยั่วให้อยากที่ว่ามา
 
ศัตรูมนุษย์พวกตัวเป็นๆที่แฝงเร้นอยู่กับคนเมือง
ที่สามารถใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยมาจนถึงทุกวันนี้นั้น
ส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นผู้นำของโลกในซีกตะวันตก
จะเป็นพวกมหาเศรษฐีและเศรษฐีที่ร่ำรวยทรัพย์สิน
จะเป็นพวกพ่อมดแม่มดด้านการเงินการคลังต่างๆ
จะเป็นพวกชนชั้นผู้นำเพราะฉลาดกว่าคนส่วนใหญ่
จะเป็นพวกนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ
ที่ชาวดาวโลกมองว่าพวกเขาเหล่านี้คือ
 “โคตรเก่ง”
จึงก้มหัวให้เพราะยอมรับศรัทธาและบูชาในความเก่ง
 
จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ในการบำบัดรักษา
รวมทั้งการผ่าตัดซ่อมสร้างและแก้ไขอวัยวะที่บกพร่อง
ชนิดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้แต่พวกเขาก็สามารถทำได้
โดยที่วิทยาการของมนุษย์โลกก้าวไม่ถึงตามไม่ทัน
เนื่องจากมนุษย์ขาดความต่อเนื่องด้านการพัฒนา
เพราะถูกพวกนี้หลอกให้เสพติดกิเลสจนอมตะเสื่อม
ต้องเวียนตายเวียนเกิดกันมานับภพชาติไม่ถ้วนแล้ว
 
มนุษย์ต้องยอมหมอบราบให้กับพวกเขาเหล่านี้
จนดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้โดยขาดพวกเขากันไม่ได้
มนุษย์จึงยอมให้พวกนี้เป็นผู้นำตนไปในทุกสิ่งอย่าง
ชนิดที่ว่าอะไรมนุษย์ส่วนใหญ่ก็จะพากันเชื่อตาม
เพราะฉลาดน้อยกว่ารู้น้อยกว่าเชี่ยวชาญน้อยกว่า
ศัตรูพวกนี้จึงดึงมนุษย์เข้ามาเป็นพวกได้ง่ายกว่า
วิธีการ
 #ทำให้กลัว ที่เคยใช้กันมาตั้งแต่ยุคต้นๆ
 
ศัตรูพวกนี้จะเลือกใช้วิธี “ยั่วให้อยาก”
คำว่า “ยั่ว” หมายถึงการกระตุ้นหรือปลุกเร้าจิตหยาบ
ด้วยรูปรสกลิ่นเสี่ยงกายสัมผัสที่เป็นเย็นร้อนอ่อนแข็ง
ให้พวกคุณสัมผัสแล้วเกิดอาการ
 #จิตตก จากปกติ
อาการจิตตกคือการเสียสมดุลของจิตที่เคยนิ่งสงบอยู่
จิตที่นิ่งสงบในยามปกติเป็นจิตที่สั่นสะเทือนความถี่สูง
เมื่อสั่นด้วยคลื่นความถี่สูงสุดจึงดูเหมือนว่าจะไม่สั่น
เมื่อมีอาการเหมือนไม่สั่นสะเทือนจิตนั้นจึงเหมือนสงบ
ในสภาวะจิตที่สงบยามปกติคือจิตที่สั่นด้วยความถี่สูง
คำว่า
 “จิตตก” จึงหมายถึงจิตมีค่าความถี่ต่ำลงฉับพลัน
เมื่อจิตถูกกระตุ้นหรือถูกยั่วยุด้วยสิ่งเร้าของพวกเขา
ล้วนเกิดจากกิเลสที่เป็นเหตุแห่ง
 #ตัณหา ทั้งสิ้น
 
ความสุขกายสุขใจ
ความสบายกายสบายใจ
ความสะดวกกายสะดวกใจ
ความสง่างามความสมาร์ท
ความสมหวังสมดั่งใจอยาก
 
ทั้ง 5 ส.ที่ว่านี้คือสิ่งจูงใจที่พวกเขาสร้างขึ้นมาขาย
เพื่อให้ชาวโลกส่วนใหญ่ยอมรับนับถือและเชื่อตาม
ซึ่งหมายถึงยอมตนเป็นพวกเดียวกับเขา
โดยมีพวกเขาเพียงไม่กี่คนเป็นผู้ชี้นำหรือชี้ให้ทำ
ทำให้พวกนี้มีอำนาจร่ำรวยเงินเกียรติและโอกาสดีๆ
มากกว่าเจ้าของโลกตัวจริงกันมาช้านานแล้ว
 
อาวุธยุทโธปกรณ์ในการสู้รบ
วัตถุเท็กโนโลยีต่างๆด้านอวกาศ
วัตถุเท็กโนโลยีด้านการสื่อสารต่างๆ
เครื่องมือเครื่องใช้ในครัวเรือน
เครื่องมือที่ใช้ในทางการแพทย์
หยูกยาที่ผลิตออกมาจากห้องแล็ป
เชื้อโรคใหม่ๆที่ผลิตมาคู่กับวัคซีนและยา
 
สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งดีแต่ก็แฝงชั่วไว้ทั้งสิ้น
เพราะเป็นขยะรกโลกที่มากมีสิ่งชั่วมากกว่ามีสิ่งดี
จนปฏิบัติการชำระโลกครั้งที่สี่ที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้
ช่างเท็กนิกของพระเจ้าแทบจะหาที่กลบฝังมันไม่ได้
 
ศัตรูของมนุษย์โลก
จำพวกที่เป็นจิตวิญญาณพเนจร
ก็คือ
 "ผีโสโครก" ซึ่งเราเรียกว่า #มาร
ส่วนพวกที่มีตัวตนอยู่จริงแต่แฝงตัวอยู่กับมนุษย์
เราเรียกศัตรูพวกนี้ว่า
 #มอด นั่นเอง
 
โดยพวกมอดจะหลอกมนุษย์ให้เสพติดกิเลส
พวกมารจะหลอกให้งมงายในสิ่งที่อธิบายไม่ได้
รวมทั้งชักพาให้มนุษย์หลงทางนิพพานอีกด้วย
 
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย
 #ปัญญาวิสุทธิ์
28/10/2566

27 ตุลาคม 2566

คำสอน 27/10/2023


 เมื่อทำบุญสุนทาน
จงอย่าอธิษฐานขอสิ่งตอบแทน
กุศลผลบุญนั้นมันเป็นของคุณอยู่แล้ว
องค์จิตจักรวาลประทานให้คุณเอง
ตามน้ำพระทัยของพระองค์

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 27/10/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
พวกจิตวิญญาณพเนจรของประดา “ผีโสโครก”
เป็นศัตรูของพวกท่านทั้งหลายบนโลกเสรีนี้
ที่เข้ามาแทรกแซงแฝงตัวอยู่ในวัตถุบูชารูปเคารพ
ชักพาให้พวกคุณลุ่มหลงงมงายเข้าถึงปัญญาไม่ได้
อันหมายถึงทำให้พวกคุณเป็นคนโง่ง่ายไร้สติ
โดยใช้กิเลสซึ่งเป็นมารภายในจิตหยาบของคุณเอง
เป็นเครื่องมือทำร้ายทำลายจิตวิญญาณของคุณ
 
กิเลสมารจะกัดกร่อนทำลายจิตหยาบดั่งสนิมเหล็ก
ที่ทำให้เหล็กสึกกร่อนจากข้างนอกเข้าไปถึงข้างใน
เมื่อจิตหยาบของจิตวิญญาณชาตินั้นชำรุดใช้ไม่ได้
พระเจ้าจึงต้องยอมให้จิตวิญญาณพวกคุณต้องตาย
เพื่อให้ลงไปซ่อมจิตวิญญาณที่หลงมิติในแดนนรก
เพราะจิตหยาบเป็นตัวการหรือเป็นเหตุให้เสียสมดุล
ก่อนจะย้อนกลับสู่การเกิดใหม่ในชาติใหม่อีกครั้ง
เพื่อใช้จิตหยาบกลุ่มใหม่เริ่มภารกิจกันใหม่ต่อไปอีก
 
การเวียนว่ายตายเกิดของพวกคุณ
โดยจิตวิญญาณต้องมีสังสารวัฏตลอดมา
และการที่พวกคุณต้องมีอายุขัยนั้น
ล้วนมีสาเหตุมาจากกรณีที่ว่านี้ด้วยกันทั้งสิ้น
สาเหตุหลักก็คือถูกพวกนี้หลอกให้เสพกิเลสจนติด
จนทำลายความเป็นอมตะของจิตวิญญาณเสียสิ้น
 
วิธีการหลอกลวงมนุษย์ของมารภายนอก
ที่เป็นพวกผีโสโครกที่ว่านี้มี
 5 อย่าง คือ
 
1.ทำให้กลัว
สร้างรูปสมมติของพวกตนให้แลดูน่าเกลียดน่ากลัว
ทั้งเป็นภาพเขียนและที่เป็นรูปปั้นรวมทั้งงานแกะสลัก
เอาไว้ให้พวกคุณก้มหัวเพื่อกราบไหว้บูชาพวกมัน
เพราะว่ากลัวพวกมารจะทำร้ายจึงยอมตนเป็นพวกมัน
โดยลืมไปว่าในศีรษะของตนนั้นมีจิตวิญญาณแก่นแท้
ซึ่งเป็นตัวแทนของพระผู้เป็นเจ้าผู้อยู่เหนือสิ่งทั้งปวง
สถิตประทับเป็น
 “องค์พระประธาน” อยู่ข้างใน
 
คำว่า “องค์พระประธาน” นี้เราหมายถึง
จิตวิญญาณของมนุษย์ผู้อาสามาเกิดยังโลกเสรีนี้
เป็นรูปธรรมทางพลังงานที่พระเจ้า
 #ประทาน ให้คุณ
มาทำหน้าที่แทนพระองค์ในห้องทดลองใหญ่คือเอกภพ
เพื่อเรียนรู้ว่าพระองค์สามารถที่จะกระทำสิ่งใดได้บ้าง
ทั้งในมิติโลกทางกายภาพที่เป็นด้านของกายหยาบ
กับมิติทางพลังงานด้านของจิตวิญญาณที่เป็นแก่นแท้
ซึ่งเป็นที่มาของการกำหนดให้มนุษย์เป็น
 #คนสองมิติ
เพื่อทำหน้าที่เรียนรู้และทดลองตามแผนของพระองค์
ซึ่งพวกคุณขันอาสาพระองค์กันมาเองมิได้ทรงบังคับใคร
 
พระองค์จึงทรงมอบ “พันธะสัญญา 6” ให้คุณรับสัจจะว่า
ถ้าอาสามาทำหน้าที่ในระบบโลกภายในห้องทดลองแล้ว
ทุกคนต้องมีเวรคือมีกำหนดระยะเวลาในการทำภารกิจ
ให้เป็น
 1 ยุค คือ ระยะเวลานาน 60,000 ปีโลก
โดยต้องทำให้สำเร็จเรียบร้อยให้ทันก่อนกาลสิ้นยุค
เพื่อทำตัวให้พร้อมที่จะเดินทางกลับบ้านแดนสุญตาด้วย
 
#เมื่อมีเวรให้ทำแล้วพวกคุณต้องมีกรรมให้ก่อด้วย
 
คำว่า “มีกรรมให้ก่อ” หมายถึง
พวกคุณต้องมีภารกิจของจิตวิญญาณถือติดตัวมาด้วย
เพราะพวกคุณไม่ใช่ผีเร่ร่อนไม่ใช่จิตวิญญาณพเนจร
แต่เป็นจิตวิญญาณผู้มาจากพระนิเวศน์ของพระเจ้า
จิตวิญญาณแก่นแท้ของคุณคือตัวแทนของพระเจ้า
พวกคุณจึงเป็นรูปธรรมจิตวิญญาณอันทรงพระเกียรติ
ไม่ต่างจากจิตหยาบคุณคือตัวแทนจิตวิญญาณนั่นเอง
 
ภารกิจของจิตวิญญาณที่ต้องทำให้สำเร็จก็คือ
ใช้เมตตาธรรมคือความรักบริสุทธิ์หมุนธรรมจักรในตนเอง
เพื่อทำให้จิตหยาบสมดุลกันหรือเสมอกันกับจิตวิญญาณ
ด้วยการสั่นสะเทือนจนเป็นความถี่เดียวกันให้จงได้
ซึ่งหมายถึงการยกระดับจิตหยาบให้เข้าถึงมิติที่
 6D
มีรูปทรงเรขาคณิตหกเหลี่ยมมุมเท่ากับจิตวิญญาณให้ได้
เมื่อทำสำเร็จกับตนเองแล้วก็ชวนเพื่อนมนุษย์มาร่วมด้วย
ช่วยกันหมุนธรรมจักรด้วยรักเพื่อให้ตามแบบของพระเจ้า
ทำให้ขันธ์ห้าของจิตหยาบผลิตพลังงานด้านบวกให้โลก
เพื่อช่วยให้แกนโลกบิดตัวต่อเนื่องจนทำให้โลกหมุนได้
เมื่อทำให้โลกหมุนรอบตัวเองต่อเนื่องได้โลกนี้ก็สมดุล
ตามคำกล่าวที่ว่า
 #เมตตาธรรมค้ำจุนโลก นั่นเอง
 
ดังนั้น
พวกคุณจึงมิได้มาเกิดเพื่อเป็น
 “ขี้ข้า” หรือเป็นทาสใคร
ไม่ได้มาเกิดเพื่อเป็น
 #กรรมกรแสง ของผู้หนึ่งผู้ใด
แต่พวกคุณอาสามาเกิดเพื่อเป็น
 #เพื่อนร่วมงานกับโลก
เพราะพระเจ้าทรงประทานพลังอำนาจไว้ให้คุณแล้ว
อำนาจในตัวเองของคุณจะต้องได้จาก
 #จิตตปัญญา
อันหมายถึงความรักเพื่อให้ในแบบของพระองค์
กับความฉลาดทางจิตคือฉลาดนึกด้วยจิตสามนึก
และความฉลาดคิดด้วยปัญญาของสมองสองซีกเท่านั้น
 
แต่พลังอำนาจของพระเจ้าที่ประทานไว้ให้
ถ้าพวกคุณจะใช้การได้จะต้องเรียนรู้และฝึกฝนตนเอง
ด้วยการสั่นสะเทือนจิตและปัญญาของสมองให้ได้ก่อน
ไม่ต่างจากพระองค์ทรงปลูกสร้างพืชพันธุ์ธัญญาหารไว้
คุณแค่เพียงเก็บเกี่ยวเอามาบริโภคเป็นอาหารกันเท่านั้น
ซึ่งจะเป็นอาหารของคุณได้คุณก็ต้องเคี้ยวต้องกลืนเอง
ประโยชน์ในคุณค่าของอาหารทรงกำหนดเอาไว้ให้แล้ว
พลังอำนาจของจิตและสมองของพวกคุณก็เช่นกัน
พระองค์ทรงกำหนดเอาไว้ให้คุณแล้วจงใช้มันให้เป็น
 
ถ้าคุณฉลาดใช้จิตปัญญาในตนเอง
คุณก็จะสามารถทำรวยทำสวยทำเสร็จได้สมใจหวัง
ไม่ต้องนั่งวอนของ้องอนผีโสโครกแลกเครื่องเซ่นเลย
ไม่ต้องหาเครื่องรางของขลังเวทย์มนต์สายมูเตลูมาอุ้มชู
ไม่ต้องก้มหัวที่มีตัวแทนพระเจ้าอยู่กราบใครก็ไม่รู้
เรื่องกราบไหว้รูปไม้แกะสลักนี้พระเยซูก็ปฏิเสธมาตลอด
แม้กระทั่งเรื่องทรงเจ้าเข้าผีที่อ้างต้นว่าเป็นเทพเจ้า
ซึ่งเป็นการหลอกลวงของพวกผีโสโครกทั้งนั้น
 
พวกจิตวิญญาณของผีโสโครกที่ต้องหลอกลวงมนุษย์
เพราะไม่ต้องการให้มนุษย์หลุดพ้นกลับบ้านแดนสุญตา
เนื่องจากต้องการใช้มนุษย์เป็นเครื่องมือผลิตพลังจิต
ให้พวกตนได้คอยดักดูดกันตามอัธยาศัยสบายใจเฉิบ
ซึ่งมนุษย์มีหน้าที่ผลิตพลังจิตด้วยความรักและเมตตา
ในการใช้ค้ำจุนโลกของตนให้สมดุลกันอยู่แล้ว
เพียงแค่หลอกให้มนุษย์เสพติดกิเลสกันเสียได้
พลังงานจิตที่ผลิตออกมาก็จะเป็นพลังงานไม่สะอาด
ที่โลกจะนำเอาใช้ประโยชน์ตามต้องการจริงไม่ได้
ไม่ต่างจากน้ำมันที่สะอาดแต่เป็นน้ำมันที่ไม่บริสุทธิ์แท้
ก็นำเอาน้ำมันนั้นเติมใส่ในเครื่องยนต์ไม่ได้นั่นแหละ
ถ้าทำแบบนี้สำเร็จพวกผีโสโครกเองก็จะได้ประโยชน์
ส่วนมนุษย์นั้นก็เป็นฝ่าย
 “โง่ง่าย” อยู่ดังเดิม
 
นอกจากนั้นวิธีการทำให้กลัวยังมีอีกหลายรูปแบบ
เช่น มีการทรงเจ้าแต่จริงๆก็คือการเข้าผีหรือผีเข้า
ด้วยการแสดงกิริยาท่าทางที่น่ากลัวน่าเกลียด
ใช้เครื่องเคาะเครื่องตีที่เสียงดังฟังแล้วสั่นระทึกในอก
ใช้เสียงระเบิดเสียงประทัดที่จิตวิญญาณคุณต้องตกใจ
ใช้วิธีการลุยถ่านไฟที่ร้อนแดงให้พวกคุณแลเห็น
เพื่อเหน็บแนมว่าที่คุณกลัวตกกระทะทองแดงในนรก
เป็นคนขี้ขลาดตาขาวแท้จริงแล้วไม่น่ากลัวเท่าไหร่เลย
จึงทำการสำแดงให้ดูเพื่อให้พวกคุณซูฮกยกนิ้วให้
เพื่อขายศรัทธากับความเชื่อที่งมงาย
รวมทั้งสำแดงวิธีการทำร้ายตนเองด้วยศาสตราอาวุธด้วย
 
จิตวิญญาณผีโสโครกที่เข้าสิงร่างอยู่ไม่ได้เจ็บอะไร
เพราะขณะถูกเข้าทรงเข้าสิงเข้าแทรกนั้นถูกสะกดจิตไว้
แต่ร่างกายของร่างทรงที่เป็นมนุษย์ต่างหากที่จะเจ็บ
เมื่อเจ้าออกหรือผีออกไปจากร่างกายนั้นแล้ว
แต่เพราะความเชื่อว่าตนไม่เป็นอะไรไม่เจ็บไม่ปวดอะไร
จิตใต้สำนึกของร่างทรงนั้นจึงจัดการให้ไม่รู้เจ็บไม่รู้ปวด
ผีโสโครกที่ทิ้งร่างออกไปแล้วไม่ได้ช่วยอะไรอย่างที่คิด
 
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย
 #ปัญญาวิสุทธิ์
27/10/2566

26 ตุลาคม 2566

คำสอน 26/10/2023

 

บ้านเกิดของจิตวิญญาณ
คือแดนสุญตาที่อยู่นอกเอกภพ
จิตหยาบจะต้องช่วยพากลับบ้าน
ด้วยการหมั่นหมุนธรรมจักร
เพื่อยกระดับจาก 4D สู่ 6D ให้ได้

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 26/10/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
สิ่งมีชีวิตที่เป็น #คนสองมิติ
ซึ่งจิตวิญญาณหรือพระจิตถูกแบ่งภาคจากแดนสุญตา
เดินทางเข้ามาจุติอยู่ในเอกภพตรงพิกัดโลกเสรีแห่งนี้
มีหน้าที่
 “คนตนเอง” ทั้งสองมิติให้เข้ากันอย่างลงตัว
 
คำว่า “สองมิติ” หมายถึง
มิติแรกเป็นมิติของจิตวิญญาณด้านของ
 #แก่นแท้
ผู้เดินทางข้ามมิติเข้ามาเกิดอยู่ในระบบโลก
มิติที่สองเป็นมิติของกายหยาบด้านของ
 #จิตหยาบ
โดยจิตหยาบเป็นกลุ่มพลังงานที่จิตวิญญาณคือคุณเอง
แบ่งภาคออกมาให้ทำหน้าที่แทนเมื่อรับโอกาสมาเกิด
ตั้งแต่แรกปฏิสนธิอยู่ในครรภ์มารดาแล้ว
ซึ่ง
 “จิตหยาบ” ที่เป็นกลุ่มพลังงานดังกล่าวนี้
จะเป็นรูปธรรมเริ่มต้นที่มีรูปทรงเรขาคณิตเป็น
 “ศูนย์”
หรือเขียนเป็นภาษาวิชาการว่า 0D” (ศูนย์ไดเม็นชั่น)
 
คำว่า “ศูนย์ไดเม็นชั่น” หมายถึงจิตหยาบยังไม่มีรูปทรง
ยังไม่มีรูปทรงนี้หมายถึงเป็นรูปธรรมที่ยังไม่มีเหลี่ยมมุม
ไม่มีความกว้างความยาวความสูงและไม่มีความหนา
จิตหยาบเริ่มจากการเป็นแค่เพียงจุดเล็กๆจุดหนึ่งเท่านั้น
 
เมื่อปฏิสนธิผ่านไปแล้วราว 3 เดือน
จิตหยาบของจิตวิญญาณผู้อาสาพระเจ้าเข้ามาเกิด
จะยกระดับแรงสั่นสะเทือนของตนเองสูงขึ้นทางด้านบวก
โดยมี
 3 รูปธรรมร่วมกันสั่นสะเทือนหรือ “ปลุกเสก” ให้
มีบิดามารดาและจิตวิญญาณของผู้มาเกิดใหม่คือคุณเอง
สามพลังแรงแข็งขันที่สั่นสะเทือนร่วมกันเป็นความรัก
ซึ่งเป็นไปตามสมการพลังงานร่วมของคนสามคนคือ
 βx
อันเกิดจากการปฏิสัมพันธ์ทางจิตที่พระบิดาออกแบบไว้
 
แรงสั่นสะเทือนที่เกิดขึ้นจากสามรูปธรรมนี้
จะเป็นเหตุให้กลุ่มพลังงานของจิตหยาบหรือจิตมนุษย์
ถูกกระตุ้นให้เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ผลของการสั่นสะเทือนตลอดทุกวันเวลาที่ถูกปลุกเสก
ยังผลให้จิตหยาบของผู้มาใหม่เกิดความศักดิ์สิทธิ์ขึ้น
โดยเปลี่ยนจากกลุ่มพลังงานมาเป็นคลื่นพลังงาน
ที่สั่นสะเทือนแบบลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่อย่างต่อเนื่อง
จนกลายเป็นรูปทรงเรขาคณิตที่เริ่มจะมีมุมเพิ่มขึ้นมา
 
จากมิติที่ศูนย์คือยังไม่มีรูปทรงอะไร
ก็จะมีรูปทรงเพิ่มขึ้นมาในลักษณะของ
 “จุด” หรือหยด
โดยมายาที่ปรากฏคือ
 #หยดเลือด ในครรภ์เมื่อตั้งครรภ์
ต่อจากนั้นหยดเลือดที่มีพลังงานของจิตหยาบกำกับอยู่นี้
จะสั่นสะเทือนในทิศทางระหว่างจุดสองจุดอย่างต่อเนื่อง
ในลักษณะของการสั่นสะเทือนที่เป็นแบบเส้นตรง
ซึ่งบ่งชี้ว่าจิตหยาบนั้นกำลังย่างเข้าสู่มิติที่
 2D แล้ว
 
เป็นเพราะอำนาจแห่งความรัก
จากทั้งสามรูปธรรมที่มีความคล้ายคลึงกันด้านบุคลิก
ที่สั่นสะเทือนร่วมกันปฏิสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง
จิตหยาบของจิตวิญญาณผู้มาเกิดใหม่ในครรภ์มารดา
จะพัฒนาหรือยกระดับแรงสั่นสะเทือนสูงขึ้นต่อเนื่องได้
โดยมีมายาในมิติทางกายภาพที่ปรากฏให้เห็นก็คือ
ทารกน้อยที่ในครรภ์นั้นจะโตวันโตคืนเลยทีเดียว
 
การเติบโตทางกายภาพหรือกายหยาบของทารก
เป็นมายาแสดงความก้าวหน้าพัฒนาการของจิตหยาบ
เริ่มจากมิติที่ศูนย์ - มิติที่
 4 หรือ 4D ภายในเก้าเดือน
ซึ่งถึงกำหนดในการกำเนิดบนดาวเคราะห์โลกนี้แล้ว
ที่พวกคุณเรียกว่าได้เวลา
 #ตกฟากตกฟูก ของลูกแล้ว
 
แต่เนื่องจาก
พระเจ้าทรงออกแบบไว้ให้พ่อแม่ลูกสามรูปธรรม
ทำให้สมการ
 βx เกิดความศักดิ์สิทธิ์เป็นอัตโนมัติ
เฉพาะตอนที่ลูกผู้มาเกิดใหม่กำลังอยู่ในครรภ์เท่านั้น
หลังจากตกฟูกตกฟากหรือคลอดออกมาแล้ว
จิตหยาบของจิตวิญญาณทารกน้อยผู้มาเกิดใหม่
ยังจะต้องอาศัยความรักจากคนรอบข้างและคนใกล้ตัว
เพื่อเพิ่มจำนวนของตัว
 X ที่เป็นตัวแปรของสมการนี้
ให้มีจำนวนมากกว่าสามคือพ่อแม่และตัวลูกเองด้วย
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือพระเจ้าที่ทรงให้คุณมา
จึงทรงประทานมายารูปลักษณ์ที่น่ารักน่าเอ็นดูไว้ให้
แม้ว่าบิดามารดาจะมีมายารูปลักษณ์ที่ขี้เหร่แค่ไหน
แต่เจ้าทารกน้อยที่คลอดออกมาใหม่ก็จะจิ้มลิ้มน่ารัก
ใครเห็นก็อยากกอดอยากอุ้มใครเห็นก็รักก็เมตตา
แม้ขี้มูกขี้ตามอมแมมบนสองแก้มอย่างไรก็ดูว่าน่ารัก
 
ทั้งนี้ก็เพื่อช่วยกระตุ้นจิตหยาบของผู้พบเห็น
สั่นสะเทือนจิตหยาบสร้างขันธ์ห้าด้วย
 #รักและเมตตา
ให้คนรอบข้างและคนใกล้ตัวมาช่วยกันหมุนธรรมจักร
เพื่อปลุกเสกฟูมฟักจิตหยาบของทารกที่เกิดใหม่
ให้ยกระดับรูปธรรมสู่มิติที่สูงขึ้นจากสี่เหลี่ยมมุมคือ
 4D
เพื่อให้มีเหลี่ยมมุมเท่ากับจิตวิญญาณของตนคือ 6D
ที่เรียกว่าเป็นหนึ่งเดียวกันให้จงได้ในภพชาติที่เกิดมานี้
 
ดังนั้น
พวกคุณจะต้องรู้ว่าความรักบริสุทธิ์แท้ๆ
ที่เป็นความรักเพื่อให้ซึ่งคนรอบข้างกับคนใกล้ตัวคุณ
มิใช่จำเพาะจากพ่อแม่ผู้ปกครองญาติพี่น้อง
ที่พวกเขาล้วนต่างตั้งใจหยิบยื่นมาให้แก่คุณเท่านั้น
มันเป็นสิ่งอันพึงปรารถนาของจิตวิญญาณของคุณ
เพราะว่ามันจะช่วยยกระดับจิตหยาบของคุณได้นั่นเอง
 
การทำตนโดดเดี่ยวปลีกวิเวกหรือไม่แคร์ใคร
โดยไม่ทำตัวเป็นสัตว์มีสังคมให้สมกับที่อาสามาเกิดนั้น
จึงนับว่า
 “เสียชาติเกิด” เป็นอย่างยิ่ง
เพราะละทิ้ง
 “เพื่อนร่วมงาน” ที่จะช่วยให้คุณสำเร็จ
ในภารกิจสำคัญของจิตวิญญาณไปอย่างไม่น่าอภัย
เพราะภารกิจหลักของจิตวิญญาณของพวกคุณนั้น
ต้องการให้พ่อแม่และคนรอบข้างตนเองทุกๆคน
หยิบยื่นความรักที่บริสุทธิ์โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนให้
เพื่อช่วยยกระดับจิตหยาบของตนสู่มิติที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
 
เมื่อทารกนั้นโตขึ้นครบสามขวบจนเป็นกุมารน้อยแล้ว
ความน่ารักน่าชมน่าเอ็นดูของรูปลักษณ์ก็จะเริ่มน้อยลง
เพราะสะพานเชื่อมสมองทั้งสองซีกได้สร้างเสร็จแล้ว
อันเป็นตัวบ่งชี้ว่า
 #กฎแห่งกรรม เริ่มต้นทำงานแล้ว
กุมารน้อยทุกคนจึงต้องมีพ่อแม่ผู้ปกครองครูอาจารย์
คอยอบรมบ่มนิสัยให้
 #ทำตนเป็นคนน่ารัก ด้วยตนเอง
เพื่อเป็นการทดแทนความน่ารักน่าเอ็นดูที่หายไปให้ได้
 
#ความน่ารัก ที่พ่อแม่ผู้ปกครอง
ต้องสอนเด็กของตนให้ประพฤติปฏิบัติไว้
ตั้งแต่เล็กสืบไปจนเติบโตเป็นผู้ใหญ่
ซึ่งมีอยู่ด้วยกันรวมทั้งสิ้นเป็น
 น่า” ก็คือ
 
1.เป็นคน #น่านับถือ
คือ เป็นผู้มีความฉลาดรอบรู้
เป็นผู้ที่มีทักษะความสามารถด้านต่างๆ
อันเกิดจากพรแสวงและพรสวรรค์
 
2. เป็นคน #น่าเชื่อถือ
คือ เป็นผู้ที่เชื่อถือไว้วางใจได้
เป็นผู้ที่มีสัจจะกล่าวคำไหนต้องเป็นคำนั้น
ไม่เหลาะแหละโลเล ไม่เหลวไหล
 
3. เป็นคน #น่ายึดถือ
คือ เป็นผู้ที่คนอื่นสามารถเอาเยี่ยงอย่างได้
เพราะเป็นคนดีมีน้ำใจโอบอ้อมอารีต่อผู้อื่น
พร้อมจะอุทิศตนช่วยเหลือผู้อื่นได้ทุกเมื่อ
เป็นผู้ที่ไว้วางใจได้ว่าไม่ทรยศคิดคดต่อใคร
 
ถ้าใครมีคุณสมบัติครบทั้ง 3 น่าที่ว่านี้
แม้รูปลักษณ์จะไม่สวยไม่รวยไม่หล่อแต่ก็สมาร์ท
เพราะเป็นคนที่มีคุณค่าซึ่งคนทั้งสังคมจะมีศรัทธา
เมื่อเป็นคนที่คนส่วนใหญ่ศรัทธาพวกเขาก็จะรักคุณ
รักเพราะเห็นในคุณค่าจากการมี
 “สามน่า” นี่แหละ
 
พวกคุณยังต้องรู้อีกว่า
การทำตนให้คนอื่นรักและศรัทธาอย่างจริงใจนั้น
ถ้าปากคุณสิ้นกลิ่นน้ำนมคือครบสามขวบขึ้นไปแล้ว
คุณหย่านมคือทิ้งนมหันมาทานอาหารอย่างอื่นแล้ว
เพราะถ้ายังดื่มนมก็จะไปบำรุงเซลล์มะเร็งให้เติบโต
จนต้องเสียชีวิตเพราะมะเร็งจะทำร้ายจนถึงตายได้
เนื่องจากเซลล์มะเร็งมันคือดีเอ็นเอของสัตว์ร้าย
ที่ถูกลักลอบนำเอามาตัดต่อพันธุกรรมเอาไว้
กับดีเอ็นเอของพระเจ้าในเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์
ซึ่งถ่ายทอดกันมาทางกรรมพันธุ์ตั้งแต่ยุคโบราณแล้ว
โดยดีเอ็นเอสัตว์ร้ายนี้จะแฝงอยู่ตรงเซลล์ไหนก็ได้
ทั้งเซลล์ร่างกายและเซลล์อวัยวะภายในไม่มีใครล่วงรู้
กว่าจะรู้ก็ต่อเมื่อมันออกฤทธิ์ให้เห็นแต่ก็สายไปแล้ว
คนที่ชอบกินเลือดเนื้อของสัตว์ทั้งสุกทั้งดิบทุกรูปแบบ
คนที่โตเกินสามขวบแล้วแต่ยังชอบดื่มนมจงระวังให้ดี
คุณมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งค่อนข้างสูงกว่าใครเพื่อน
 
ด้วยเหตุนี้เอง
การที่คุณต้องทำตัวให้น่ารักในสายตาของคนอื่น
กับการเรียนรู้ที่จะรักคนรอบข้างทุกคนให้ได้
ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นใครจะทำดีหรือทำร้ายจิตใจคุณ
คุณก็พร้อมที่จะยอมรักยอมรับและยอมร่วมสังคมได้
โดยไม่มีข้อแม้หรือไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งสิ้น
ซึ่งมันจะเป็นความจริงได้แน่นอนถ้าคุณรู้แล้วว่า
ความรักความเมตตาของคุณและของพวกเขานั้น
เป็นสิ่งที่จิตวิญญาณพวกคุณทุกคนล้วนต้องการมัน
 
คุณจะยินดีที่จะรักคนที่ทำตัวไม่น่ารัก
คุณจะยินดีที่จะเมตตาคนที่น่าสงสาร
คุณจะยินดีให้อภัยคนที่ทำตัวไม่น่าให้อภัย
 
เพื่อทำการหมุนธรรมจักรภายในตนเอง
แล้วแสดงพฤติกรรมทางด้านบวก
เป็นวจีกรรมกับกายกรรมออกมาภายนอก
เพื่อเป็นสิ่งเร้าช่วยกระตุ้นให้จิตหยาบของพวกเขา
สั่นสะเทือนขันธ์ห้าตอบสนองคุณกลับมา
ด้วยความรักหรือความสงบเป็นพฤติกรรมภายนอก
ในแบบที่คุณก็พึงพอใจในการตอบสนองของเขา
นี่คือการชวนให้พวกเขามาหมุนธรรมจักรร่วมกัน
 
การหมุนธรรมจักรในตนเองได้สำเร็จ
จึงเป็นเงื่อนไขขั้นต้นที่พวกคุณทุกคนมีหน้าที่ต้องทำ
เพื่อการยกระดับมิติของจิตหยาบของตนให้สูงขึ้น
ถ้าทำขั้นต้นสำเร็จการหมุนธรรมจักรร่วมกันก็เกิดได้
เพราะตัวคุณก็จะเป็นเงื่อนไขด้านบวกให้คนอื่นๆ
เสมือนชวนพวกเขาให้มาร่วมหมุนธรรมจักรด้วยกัน
ทำให้ตัวเอ็กซ์ในสมการพลังงานร่วมมีจำนวนเพิ่ม
พลังงานร่วมที่จะเกิดขึ้นก็มีปริมาณมากขึ้นได้ด้วย
 
ความศักดิ์สิทธิ์ของสมการพลังงานร่วม βx
 นี้
นอกจากจะมีผลต่อการยกระดับมิติของจิตหยาบ
ของทุกคนที่สั่นสะเทือนขันธ์ห้าเป็นรักบริสุทธิ์กันแล้ว
คนอื่นๆที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรกับพวกคุณด้วย
ถ้าพวกเขาดำเนินชีวิตอยู่บนพื้นที่
 33.33 ตร.กิโลเมตร
ซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่เดียวกันกับพวกคุณด้วยแล้ว
จิตหยาบของพวกเขาจะได้รับอิทธิพลนั้นไปด้วยกัน
 
พลังงานร่วมจากจิตสามนึกด้านบวกของพวกคุณ
จะสามารถกระตุ้นจิตหยาบพวกเขาให้สั่นสะเทือนสูงขึ้น
โดยที่ทั้งพวกคุณและพวกเขาเหล่านั้นไม่รู้ตัว
นี่เป็นความจริงที่พระพุทธองค์ค้นพบแต่ถูกมารบิดเบือน
ลวงให้คนนำทางตาบอดพาพวกคุณหลงทางมาตลอด
เพราะมารคือผีโสโครกต้องการให้จิตหยาบคุณตกต่ำ
ไม่อาจยกระดับให้สูงขึ้นตามความจริงกันได้ง่ายๆ
 
หลอกให้เสพกิเลสแม้แต่ทำบุญทำดีก็ให้ทำด้วยกิเลส
หลอกให้กินเลือดเนื้อของสัตว์หลอกให้ทำผิดบาป
ส่งเสริมให้คุณมีอายุสั้นจนเห็นว่าการตายเป็นสิ่งปกติ
ปิดกั้นโอกาสการใช้ความรักค้ำจุนสมดุลโลก
ด้วยการหลอกให้บ้าบุญสะสมบุญเพื่อไปสวรรค์มายา
หลอกให้ไปสวรรค์มายาปั่นหูว่าไปนิพพานไปทางนั้น
จึงขยันทำตนเป็นดั่งคนที่มีอายตนะพิการทั้งวันคืน
ด้วยหวังว่าทำตนแบบนั้นตายแล้วไม่กลับมาเกิดอีกได้
ทำให้ความหมายแท้จริงของคำว่า
 “นิพพาน” เพี้ยนไป
ปฏิบัติธรรมมานานจึงไม่รู้ว่ามรรคผลแท้จริงคืออะไรแน่
(ยังมีตอนต่อไป)
 
เอเมน สาธุ
 
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย
 #ปัญญาวิสุทธิ์
26/10/2566

25 ตุลาคม 2566

คำสอน 25/10/2023

 

นั่งเพ่งจิตนานเท่าใด
ก็ไม่สามารถนิพพานกิเลสได้
เป็นแค่เอาไม้ทับหญ้าไว้เท่านั้น

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 25/10/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
นิพพานในความหมายที่ 2 ก็คือ
#นิพพานหลังตายไปจากโลกนี้แล้ว
 
2.#นิพพานหลังตาย
 
คำว่า “นิพพานหลังตาย” หมายถึง
จิตวิญญาณซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวคุณเอง
ที่มีรูปธรรมทางพลังงานเป็นรูปทรงเรขาคณิต
ที่มีจำนวน 6 เหลี่ยมมุมหรือมี 6 มิติ คือ 6
นั้น
เมื่อหมดหน้าที่ในการมาเกิดเป็น
 “คนสองมิติ”
คือยกระดับจิตหยาบเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณ
จนบรรลุภารกิจของตนตามพันธะสัญญา 6 แล้ว
จิตหยาบสามารถนำพาจิตวิญญาณกลับบ้านได้
โดยไม่ต้องเวียนว่ายตายเกิดในสามภพต่อไปอีก
 
แน่นอนว่า
ความหมายของคำว่า
 “นิพพาน” ขั้นสูงสุดนี้
มันคือการตายของจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้ของคุณ
ที่ตายแล้วตัวตนแก่นแท้นั้นจะไม่อยู่ในเอกภพนี้อีก
 
เอกภพซึ่งเป็น “อนันตจักรวาล” อันไพศาลนี้
เป็นห้องทดลองขนาดใหญ่ของพระเจ้าที่ทรงสร้างขึ้น
โดยกำหนดบทบาทหน้าที่ให้ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในระบบ
รับผิดชอบในการแสดงออกหรือกระทำหน้าที่ของตน
ใครมีหน้าที่สั่นสะเทือนตนเองอย่างไรก็ให้ทำไปตามนั้น
ซึ่งกฎของอนันตจักรวาลที่เป็นกฎของพระเจ้ามีกฎเดียว
คือ
 #กฎแห่งการเป็นหนึ่งเดียวกันของทุกสรรพสิ่ง
หมายถึง #เอกภพ ที่ทุกสิ่งล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน
 
อีกทั้งยังเป็นที่มาของคำว่า “เวไนยสัตว์ทั้งหลาย”
หมายถึงสรรพสิ่งมีชีวิตต่างๆที่มีอยู่จริงในระบบโลก
รวมทั้งสิ่งมีชีวิตในระบบดาวอื่นและต่างกาแล็กซี่ด้วย
ซึ่งเป็นผู้
 #มีเวรต้องทำมีกรรมต้องก่ออย่างมีนัยยะ
นั่นคือความหมายของคำว่า “เวไนยสัตว์” นั่นเอง
 
คำว่า “มีเวรต้องทำมีกรรมต้องก่อ” หมายถึง
ทุกชีวิตหรือทุกสิ่งล้วนมีหน้าที่แสดงออกหรือต้องทำ
ไม่มีสิ่งใดที่มีอยู่จริงในเอกภพนี้ที่ไม่มีหน้าที่ต้องทำ
ไม่มีผู้ใดสิ่งใดที่ไม่มีงานการให้ต้องรับผิดชอบเลย
แม้มดตัวเล็กๆตัวนึ่งเขาก็ยังมีเวรหรือมีเวลาที่ต้องทำ
ทั้งหน้าที่ต่อตนเองและต่อสิ่งแวดล้อมของมดเองด้วย
 
ภูเขาแต่ละลูกแต่ละเทือก
มีหน้าที่เป็นตัวถ่วงโลกให้สมดุลขณะหมุนรอบตัวเอง
โดยทำหน้าที่แบบเดียวกันกับตะกั่วที่ใช้ถ่วงล้อรถยนต์
เพื่อทำให้โลกไม่แกว่งไม่ส่ายขณะหมุนรอบตัวเองไป
ทุกสรรพสิ่งในระบบโลกจึงดำรงอยู่ได้อย่างสมดุล
นี่เป็นความจริงระดับอนุตรธรรมที่มนุษย์รู้เองไม่ได้
เพราะมันเป็นความลับเบื้องหลังมิติโลก
ที่ยากเกินกว่าปัญญาของสมองสองซีกจะเข้าถึงเองได้
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
พวกคุณเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียวที่มีอยู่จริงในเอกภพ
ที่มีจิตวิญญาณอาสาพระเจ้าเข้ามาเกิดอยู่ในระบบโลก
โดยพวกคุณเป็นผู้มีสองภาคอยู่ในตนเองด้วยกันทั้งสิ้น
สำหรับภาคที่สองก็คือ
 “จิตวิญญาณ” หรือ #พระจิต
ซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้ของคุณขณะมีชีวิตเป็นมนุษย์
 
ส่วนภาคแรกคือ “จิตจักรวาลดวงเล็ก” หรือ #พระบุตร
ผู้แบ่งภาคพลังงานที่มี 11ออกมาเป็นรูปธรรม 6D
เพื่อเดินทางเข้ามาเกิดเป็นคนสองมิติที่โลกเสรีนี้
โดยมี
 “เวร” หรือวาระในการทำหน้าที่ 6 หมื่นปีโลก
เมื่อครบกำหนดแล้วค่อยตายเพื่อกลับบ้านที่จากมา
แปลว่าตลอดหกหมื่นปีพวกคุณไม่มีหน้าที่ต้องตาย
เนื่องจากพวกคุณจะละทิ้งหน้าที่ไปจากโลกนี้ไม่ได้
ต้องคอยทำหน้าที่เป็น
 #เพื่อนร่วมงานกับโลก เท่านั้น
 
จะละทิ้งโลกไปลงนรกหรือตกลงไปในบึงไฟก็ไม่ได้
จะตกลงไปในบ่อย่ำองุ่นที่เรียกว่า
 “สวรรค์มายา”
ให้พวกจิตวิญญาณผีโสโครกเหยียบย่ำเป็นกรรมกร
ผู้คอยนั่งกรรมฐานผลิตพลังงานให้พวกเขาดักดูด
เพราะถูกหลอกให้เมากิเลสที่เป็นความสุขเท็จก็ไม่ได้
พวกคุณมาเกิดบนโลกต้องทำหน้าที่อยู่คู่โลกเท่านั้น
พระเจ้าจึงกำหนดให้พวกคุณมีชีวิตเป็นอมตะกันมา
โดยไม่มีใครมีหน้าที่ต้องตายสักรายเดียว
ยกเว้นคนที่คิดถึงพระองค์แล้วอยากกลับก่อนเท่านั้น
 
คำว่า “นิพพาน” ในความหมายที่สองนี้
แปลตรงตัวโดยไม่อ้อมค้อมได้ว่า
 #กลับบ้าน
คำว่า “บ้าน” ในที่นี้หมายถึง บ้านเกิดเมืองนอน
ที่จิตวิญญาณคุณจากมานานแสนนานแล้วนั่นแหละ
คำว่า
 “บ้าน” มิได้หมายถึงสิ่งปลูกสร้างของมนุษย์
แต่เป็นที่ซึ่งจิตจักรวาลดวงเล็กตัวตนภาคแรกของคุณ
ดำรงตนเองอยู่อย่างสงบสุขตลอดมาและตลอดไป
 
เพราะว่า “จิตจักรวาลดวงเล็ก”
ตัวตนภาคแรกที่สูงส่งของผู้อาสามาเกิดเป็นมนุษย์
รวมทั้งรูปธรรมที่ไม่เคยอาสาพระเจ้ามาเกิดเป็นมนุษย์
ซึ่งเป็นจำนวนรูปธรรมที่มีมากกว่าผู้ขันอาสามานั้น
ต่างล้วนดำรงอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้ด้วยกันทั้งสิ้น
เนื่องจากจิตจักรวาลดวงเล็กหรือพระบุตรทุกรูปธรรม
ต่างมีคุณสมบัติจำเพาะตนเป็น
 #สุญตา ด้วยกันทั้งสิ้น
พระเจ้าจึงทรงเรียกสถานที่แห่งนี้ว่า
 #แดนสุญตา
แปลความว่า “ดินแดนของผู้อิ่มเอิบอยู่กับความว่าง”
 
ถ้าถามว่า “แดนสุญตา”
สถานที่แห่งนั้นมันอยู่ที่ไหนกันหนอ
คำตอบที่ถูกต้องตรงจริงที่เป็น
 #อนุตรธรรม ก็คือ
เป็นบริเวณที่อยู่นอก
 “เอกภพ” หรือนอกห้องทดลอง
เพราะพระองค์ทรงสร้างห้องทดลองเอาไว้บนพระอุระ
เหมือนแม่แมงมุมที่จะอุ้มถุงไข่ของตนไว้แนบอก
เพื่อถ่ายทอดความรักและสื่อสารกับลูกอย่างใกล้ชิด
โดยภายในถุงไข่คือสิ่งที่แม่แมงมุมให้กำเนิดไว้ทั้งสิ้น
ทุกสิ่งในเอกภพพระเจ้าก็ทรงให้กำเนิดไว้เช่นเดียวกัน
 
ห้องทดลองขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเอกภพนี้
พระองค์ทรงสร้างประตูมิติเพื่อเป็นช่องทางเข้าออก
ที่จิตวิญญาณของพวกคุณผู้ขันอาสาเข้ามาทำหน้าที่
ตามพันธะสัญญา 6 ประการที่ให้สัจจะต่อพระองค์ไว้
ประตูมิตินี้จะทรงเป็นผู้เปิดปิดด้วยพระองค์เองเท่านั้น
ซึ่งพระเยซูเรียกว่า
 #ประตูคอกแกะ และ #ประตูหอ
 
ที่ทรงเรียกว่า “ประตูคอกแกะ”
สำหรับกรณีที่พระเจ้าหรือพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ทรงเปิดประตูมิตินี้ให้ประดาลูกแกะทุกตัวของพระองค์
คือจิตวิญญาณหรือพระจิตผู้อาสามาเกิดเป็นมนุษย์
ให้ก้าวผ่านช่องทางนี้เข้ามาในเอกภพสู่ระบบโลก
ซึ่งพระเจ้าหรือเจ้าของฝูงแกะทรงมอบหมายให้เรา
เป็นผู้เลี้ยงฝูงแกะด้วยขนมปังของพระองค์
เป็นผู้ดูแลแกะตัวที่เจ็บป่วยและหลงทางเพราะตาบอด
ให้รู้จักรู้จำเจ้าของแกะจำคนเลี้ยงแกะและประตูคอกได้
 
โดยไม่ทำตนเป็นแกะหลงฝูง
ไม่ทำตนเป็นเหมือนดั่งลูกกำพร้าพ่อแม่
ไม่หลงไปก้าวตามพวกมารซึ่งเป็นผีโสโครก
ที่หลอกให้หลงทางนิพพานด้วยการปีนรั้วเข้าคอก
 
ที่พระเยซูทรงเรียกประตูมิตินี้ว่า “ประตูหอ”
เพราะก่อนที่พระองค์จะเสด็จกลับไปกราบพระบิดา
เมื่อถึงคราแสดงสัจจะเพื่อให้เป็นแบบอย่างแก่มนุษย์
โดยทรงยอมสละชีพให้พวกมารบนไม้กางแขนนั้น
พระองค์ทรงเตือนชาวโลกในครั้งกระนั้นว่า
ให้ทุกคนเตรียมตะเกียงใส่น้ำมันและจุดรอเอาไว้
หมายถึงให้ฝึกใช้ปัญญาของสมองไว้รอท่าพระองค์
จะเสด็จกลับมารับทุกคนกลับไปหาพระบิดาในไม่ช้า
 
ให้ทุกคนรอคอยพระองค์เหมือนเจ้าสาวที่รอเจ้าบ่าว
เป็นการรอคอยอย่างมีความหวังรอคอยอย่างมีปิติยินดี
เป็นการรอที่มีการเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้พร้อมสรรพ
มิใช่นอนรอจนหลับใหลโดยไม่เตรียมตัวอะไรเลย
แม้พระองค์เสด็จกลับมารับตั้งนานแล้วก็ยังไม่รู้ตัว
จึงเป็นที่มาของประโยคศักดิ์สิทธิ์ที่ว่า
 
#คนที่มาก่อนจะได้กลับแดนสุญตากันทีหลัง
เพราะคนพวกนี้รอนานจนหลับใหลไม่รู้ตัวว่า
ทรงเสด็จกลับมาวางพระเศียรอยู่บนโลกตั้งนานแล้ว
 
#คนที่มาทีหลังจะได้กลับบ้านแดนสุญตาก่อน
 
นั่นคือคนที่เพิ่งได้รับโอกาสจากพระเจ้าให้ได้มาพบ
จะเป็นผู้ที่ได้รับแสงสว่างทางปัญญาและอนุตรธรรม
ที่สื่อถ่ายทอดจากพระเจ้าโดยตรงเป็นครั้งแรกในชีวิต
จึงเรียนรู้เร็วเข้าใจเรื่องยากๆได้ง่ายภายในสามนาที
บรรลุอนุตรธรรมชั้นสูงได้ทันทีเพราะไม่มีอะไรยึดติด
 
ประตูมิติช่องทางที่เรียกว่า “ประตูหอ” นี้
พระเยซูทรงเรียกจำเพาะกรณีที่จิตวิญญาณพวกคุณ
จะหลุดพ้นออกไปจากแรงดึงดูดของโลกและเอกภพ
เพื่อกลับคืนบ้านเกิดหรือบ้านเดิมของจิตวิญญาณ
ซึ่งประตูมิตินี้พระบิดาทรงให้เราเรียกว่า
 #ด่านนภาลัย
 
(ยังมีตอนต่อไป)
 
เอเมน สาธุ
 
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย
 #ปัญญาวิสุทธิ์
25/10/2566

24 ตุลาคม 2566

คำสอน 24/10/2023

 

วัดส่วนตัวของมนุษย์
ที่องค์จิตจักรวาลประทานไว้ให้
ตั้งแต่ปฏิสนธิจนสิ้นอายุขัย

มีโลกเป็นลูกนิมิต
มีจิตเป็นมหาวิหาร
มีแก่นแท้เป็นประธาน
มีปัญญาญาณเป็นเจดีย์
มีกายสังขารเป็นอาราม
มีองค์ความรู้พระบิดาเป็นพระคัมภีร์

คำสอน 24/10/2023

 

จิตวิญญาณมาเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อให้จิตหยาบใช้ความรัก
ผลิตพลังจิตเป็นคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก
ช่วยจุดระเบิดอะตอมธาตุอ๊อกซิเจน
ที่เร้นอยู่ในแกนโลกให้บิดตัว
จนช่วยโลกให้หมุนรอบตัวเองได้
นี่คือศาสตร์แห่งการหมุนธรรมจักร
ตามมรรควิถีจิตจักรวาล

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 24/10/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
การปฏิบัติธรรมด้วยการดับการเกิดดับของกิเลส
แท้จริงแล้วมันคือการปฏิเสธสิ่งที่เรียกว่าความรู้สึก
ไม่ให้มันก่อตัวขึ้นมาบนเส้นทางการรับรู้เพื่อเรียนรู้
เมื่ออายตนะภายนอกทั้งห้าสัมผัสสิ่งเร้าแล้วส่งมาให้
ด้วยการวางเฉยไม่นำมาปรุงแต่งเป็นชอบหรือไม่ชอบ
ทำหน้าที่แค่เพียงรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไรอย่างไรเท่านั้น
ซึ่งฟังดูเหมือนว่าถ้าทำตามที่เราบอกนั้นมันง่ายมาก
แต่เวลาทำจริงในชีวิตจริงแล้วมันจะไม่ง่ายอย่างที่คิด
 
เพราะพวกคุณคุ้นชินกับการรับรู้สิ่งเร้าแล้วรับเอาเสมอ
คำว่า
 #รับเอานี้ หมายถึง “ชอบหรือไม่ชอบ” นั่นแหละ
จนถึงขนาดที่ว่ารับรู้แล้วไปรับเอาเรื่องราวของเขาด้วย
ทั้ง ๆที่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขาไม่ได้เกี่ยวกับเราเลย
ซึ่งพวกคุณเรียกกันว่า
 #เสือก #สอด #แส่ นั่นแหละ
ล้วนเป็นพฤติกรรมไม่น่ารักที่หลายคนยังปฏิบัติกันอยู่
มันคือการ
 “ก้าวล่วง” หรือ “ก้าวก่าย” บุคคลอื่น
ที่ผิดกฎธรรมชาติของพระเจ้าขั้นร้ายแรงเลยทีเดียว
 
คุณลองสังเกตดูต้นไม้ในป่าใหญ่บ้างสิ
ต้นไม้ใหญ่ในป่าที่ยืนต้นใกล้ชิดติดกันนั้น
รากแขนงและรากฝอยของเขาก็จะเกยก่ายกันเสมอ
เพื่อดูดดึงน้ำและอาหารขึ้นไปหล่อเลี้ยงลำต้น
และทำการค้ำจุนลำต้นไว้ไม่ให้ล้มหรือเสียสมดุลง่ายๆ
เพราะพวกเขา
 #เกยก่ายกัน โดยไม่ทะเลาะกัน
ต่างต้นต่างอยู่ร่วมกันในป่านั้นได้ไม่ทำตนเป็นศัตรูกัน
ไม่ทำร้ายซึ่งกันและกันให้วอดวายกันไปข้างหนึ่ง
เพราะต้นไม้ของพระเจ้า
 #เกยก่ายแต่ไม่ก้าวก่าย
การอยู่ร่วมกันในป่าใหญ่จึงไม่มีใครทำตนเป็นศัตรูใคร
โดยไม่มีใครมองว่าใครเป็นศัตรูของตนอีกด้วย
 
การที่มนุษย์ทะเลาะเบาะแว้งกันนั้น
นอกจากจะแย่งชิงอำนาจและผลประโยชน์กันแล้ว
ยังมีปัญหาจากการก้าวก่ายล่วงเกินซึ่งกันและกันด้วย
โดยไม่มีใครยอมใครต่างฝ่ายต่างจะเอาชนะกันให้ได้
เพราะจิตหยาบตกเป็นทาสของกิเลสมารตัวร้ายนี่แหละ
เพื่อนจึงฆ่าเพื่อนได้พี่น้องพ่อแม่ก็ทำร้ายกันเองได้
ด้วยจิตใจที่มืดดำอำมหิตผิดมนุษย์เพราะใช้จิตมาร
มิใช่จิตมนุษย์ซึ่งเป็นจิตประเสริฐที่เปี่ยมล้นด้วยเมตตา
 
ดังนั้น
ที่พวกคุณสอนกันเองว่า
ถ้าละวางอัตตาตัวกูของกูเสียได้
การก้าวล่วงซึ่งกันและกันของพวกคุณจะไม่เกิดนั้น
มันเป็นการสอนให้จัดการที่ปลายเหตุ
ซึ่งไม่มีวันที่จะแก้ไขให้ลุล่วงได้อย่างแน่นอน
เพราะสาเหตุของการก้าวล่วงกันด้วยของกูของมึง
แท้แล้วเพราะ
 “กิเลสตัณหา” เป็นตัวเริ่มต้นต่างหาก
 
กิเลสคือ “ความรู้สึก” ที่มันเกิดขึ้น
แล้วนำพาไปสู่
 “ตัณหา” คือความอยากไม่อยาก
พอถูกขัดอกขัดใจ
 “โทสจริต” คืออารมณ์ขยะก็ตามมา
นี่คือกระบวนการที่จิตหยาบถูกมารเข้าแทรก
จนทำให้พวกคุณเสียผู้เสียคนกันมาตลอด
จะเห็นได้ว่าการยึดติดตัวกูของกูมันมิได้เป็นตัวต้นเหตุ
ความอยากได้ใคร่มีหรือมีอยู่ได้อยู่แต่ไม่อยากเสียมันไป
นี่ต่างหากที่ทำให้พวกคุณต่อสู้กันขัดแย้งกัน
เพราะต่างก็อยากได้อยากมีหรือไม่อยากเสียสิ่งนั้นไป
 
ถ้าจะป้องกันความขัดแย้งในเรื่องผลประโยชน์
ซึ่งเป็นสาเหตุใหญ่ที่สุดที่ทำให้มนุษย์ฆ่ากันตายแล้ว
พวกคุณจะต้องจัดการ
 #นิพพานกิเลส ให้ได้เท่านั้น
เพราะมันเป็นที่มาของคำว่า
 “ของกู-ของมึง”
จนทำให้เกิด “กูต้องเอาชนะมึง” ในภายหลัง
 
พระพุทธองค์ทรงตรัสสอนเอาไว้แล้วว่า
ทุกสิ่งอย่างล้วนเกิดจากเหตุถ้าเหตุดับทุกสิ่งก็ดับด้วย
เมื่อปัญหาของมนุษย์มีเหตุมาจากกิเลสมารแล้ว
พวกคุณจึงต้องเรียนรู้ที่จะดับการเกิดดับของกิเลสมารให้ได้
หลักการดับการเกิดดับของกิเลสก็คือ
จักต้อง
 “ปิดกั้น” ไว้มิให้มันเกิดขึ้นมาที่ในจิตได้
เหมือนชาวนาที่เห็นวัชพืชหรือหญ้าละมานเมื่อไหร่
ก็จะรีบถอนทิ้งทันทีโดยไม่ปล่อยให้มันเติบโต
เพราะมันจะทำให้ต้นข้าวไม่เติบโตไม่งอกงาม
เนื่องจากถูกวัชพืชแย่งน้ำและอาหารไปจนหมดสิ้น
 
หมายความว่า
จิตหยาบที่รกไปด้วยกิเลสตัณหาที่เป็นดั่งวัชพืช
จะคอยแย่งน้ำแย่งอาหารของต้นข้าวคือจิตวิญญาณ
ที่พระเจ้าทรงเอามาหว่านปลูกไว้ในนาข้าวก็คือโลกนี้
จนยังผลให้ต้นข้าวของชาวนาไม่เติบโตมีแต่เติบตาย
เพราะถูกวัชพืชคือกิเลสตัณหาปกคลุมอยู่เต็มไปหมด
จนแยกไม่ออกว่าไหนต้นข้าวไหนต้นวัชพืชกันแน่
ตัวอย่างเช่นเมื่อทำบุญยังต้องร้องขอสิ่งตอบแทน
เมื่อทำความดียังทำอย่างมีเงื่อนไขหรือมีข้อแม้
 
การร้องขอและการมีเงื่อนไขนี่แหละ
มันคือ
 “วัชพืช” ของต้นข้าวที่ขึ้นอยู่ในนาข้าว
ที่พระเจ้ามิได้ทรงปลูกไว้แต่อย่างใดทั้งสิ้น
พวกผีโสโครกหรือพวกมารต่างหาก
ที่แอบนำเอาเข้ามาปลูกไว้ในนาข้าวของพระเจ้า
ตอนที่พวกคุณเผลอสติหรือที่พระเยซูตรัสว่าหลับอยู่
 
ถ้าพวกคุณคอยถอนหญ้าละมานทิ้งไป
โดยไม่ปล่อยให้มันเจริญเติบโตขึ้นมาได้ง่ายๆ
พวกมันก็จะสูญพันธุ์ไม่เช่นนั้นก็จะเติบโตขึ้นมาไม่ได้
พอโผล่ขึ้นมาให้เห็นเมื่อไหร่ก็จัดการถอนทิ้งไปทันที
นี่คือลักษณะของการ
 “ดับการเกิดดับ” ของกิเลส
ที่เป็นดั่งหญ้าละมานหรือวัชพืชในนาข้าวนั่นเอง
การมีมหาสติหรือธรรมชาติสมาธิของพระเจ้าเท่านั้น
ที่จะช่วยให้คุณสังเกตพบต้นอ่อนของวัชพืช
เพื่อจะถอนทิ้งหรือกำจัดมันได้ทันควันก่อนที่มันจะโต
 
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย
 #ปัญญาวิสุทธิ์
24/10/2566