28 มีนาคม 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 28/03/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล


พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

สิ่งที่น่ากลัวที่สุดของสังคมนี้ คือ
ผู้คนส่วนใหญ่มีจิตสำนึกบกพร่อง
บกพร่องในที่นี้เราหมายถึง

1. การแยกแยะถูกผิดดีชั่วไม่ได้
ใครที่คิดเห็นต้องการต่างกันกับตน
จะมองว่าคนๆนั้นเป็นศัตรูทันที

2. การทำผิดคิดชั่วโดยไม่รู้ว่าตนเองชั่ว
3. การไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษ
4. หลงตัวเอง
โดยเป็นกากลับคิดว่าตัวเป็นหงส์
ตัวเป็นหงส์ดันไปหลงอยู่ในฝูงกา

5. ดูหมิ่นเหยียดหยามผู้อื่น
ทั้งๆที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม
เรียนสูงหน่อย รู้มากหน่อย
คิดว่าตนเป็นเทวดา เหนือกว่าใครแล้ว
จึงยึดมั่นในความเชื่อของตน
จนไม่ยอมรับฟังใครอื่น

ไม่ฟังแม้ผู้อาวุโสกว่าที่มีประสบการณ์มากกว่า
ทั้งยังมองพ่อแม่และผู้อาวุโสว่าโง่ ล้าหลัง
โบราณ คร่ำครึ อีกต่างหาก

6. บ้าอำนาจ อยากมีอำนาจ
จึงแสวงอำนาจจากการทำลายอำนาจผู้อื่น
ไม่มีจิตสำนึกคุณธรรม

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ประชากรของประเทศมีปัญหา
เพราะผู้นำประเทศชาติทุกรุ่นที่ผ่านมา
ไม่เคยแก้ปัญหาและพัฒนา
#จิตสำนึกที่บกพร่องของประชากร
อย่างแท้จริงเลย

จะเป็นเพราะต้องการปล่อยให้ประชาชนโง่
เพราะปกครองง่าย หลอกง่าย เอาเปรียบง่าย
หรือจะเป็นเพราะ ผู้นำชาติละเลย เหลวไหล

มัวแต่พัฒนาประเทศด้านวัตถุเท็คโนโลยี
อวดแต่ความเจริญทางขยะวัตถุ
แต่ความเจริญทางจิตใจและปัญญาประชากร
มีแต่ตกต่ำลงเรื่อยมา
จนทุกวันนี้ผลลัพธ์ที่ปรากฏก็คือ

ประชากรส่วนใหญ่บกพร่องทางจิตตปัญญา
เป็นพลังที่แข็งแกร่งของประเทศไม่ได้
ไม่รักประเทศชาติของตนเอง
ทำลายความมั่นคงของสังคมตนเองโดยไม่รู้ตัว

หากยังปล่อยเช่นนี้ต่อไป
จักเป็นอันตรายต่อความสงบสุขของสังคม
จนอาจถึงขั้น "หายนะ" ก่อนภัยพิบัติจะมา

จะเล่นการเมืองกันแบบไหนเพื่ออะไรก็ตาม
อย่าลืมนึกถึงชาติบ้านเมืองของตัวด้วย
อย่าทำตัวเป็นมอดไม้
ที่กัดกินทำลายบ้านของตัวเองอย่างไร้สำนึก
จนในที่สุดมอดต้องอพยพเพราะอยู่ต่อไม่ได้
เนื่องจากกัดกินบ้านของตนหมดแล้ว

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28-03-2019

21 มีนาคม 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 21/03/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ขณะนี้โลกสิ้นสุดยุคพลังงานเก่าแล้ว

 

การสิ้นยุคพลังงานเก่าหมายถึง

จิตวิญญาณผู้ขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์

เพื่อทำหน้าที่ตามพันธะสัญญา 6

ตามที่เคยให้สัจจะไว้กับองค์จิตจักรวาล

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่าน

พระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวงว่า

 

จะข้ามมิติเข้ามาทำหน้าที่อยู่ในระบบโลก

ภายในระยะเวลานาน 6 หมื่นปีโลก

โดยเมื่อครบตามกำหนดแล้ว

ก็จะนำพาจิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน

เดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาเดิมที่จากมา

ในสภาวะ "หลุดพ้น" ออกไปจากเอกภพ

 

บัดนี้

เราขอประกาศให้ท่านทั้งหลายรับรู้ว่า

โลกเสรีนี้ถึงกาลสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว

และกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่

โดยดวงจิตวิญญาณจากฟ้าสีคราม

จะข้ามมิติเข้ามาสู่การเกิดเป็นมนุษย์

เพื่อทำหน้าที่แทนท่านทั้งหลาย

ซึ่งพวกท่านจะต้องกลับออกไปให้หมด

ยกเว้นผู้มีหน้าที่พิเศษไม่กี่รูปธรรมเท่านั้น

ที่จะยังอยู่เพื่อทำหน้าที่ต่อไปได้

 

ถ้าจิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านทั้งหลาย

ยังหลงยุค ยังติดโลก ยังติดกรรม

ยังตกนรกหมกไหม้

ยังหลุดลอยค้างฟ้า

เพราะว่าหลงทางนิพพานอยู่

จิตวิญญาณของผู้มาใหม่ในยุคใหม่

ก็จะมิอาจเข้ามาเกิดใหม่ในระบบโลกนี้ได้

 

ดังนั้น

พระผู้เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวง

จึงมีพระบัญชาให้เรากลับมาช่วยเหลือ

มนุษย์ทั้งหลายในระบบโลกเสรีนี้

ให้เกิดสติทางวิญญาณ

เพื่อมีสำนึกที่จะกลับบ้าน

และบอกวิธีที่จะดีดตนเองออกไปให้พ้น

จากโลกและเอกภพที่เป็นระบบใหญ่ให้ได้

ภายในภพชาติสุดท้ายคือชาตินี้

โดยไม่ต้องรอชาติหน้าอีกต่อไปแล้ว

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

เลิกก้าวตามคนนำทางตาบอด

ที่พาวนเวียนขึ้นเขาวงกต

แล้วพาต่อไปขึ้นยอดเขาพระสุเมรุ

นานนับแสนล้านโกฎปีโลกเข้าให้แล้ว

ก็ยังไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนจึงจะไปให้ถึงได้

 

ด้วยมรรควิถีจิตจักรวาลเท่านั้น

ท่านสามารถนำพาจิตวิญญาณหลุดพ้นได้

ภายในภพชาติปัจจุบันนี้เพียงชาติเดียว

โดยมีเงื่อนไขว่า

 

1. จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน

ต้องเติมพลังงานความรักเอาไว้ให้เต็มล้น

เพราะมันมีผลต่อการดีดตนเอง

ให้หลุดพ้นออกไปจากแรงดึงดูดเหนี่ยวรั้ง

ของอนันตจักรวาลอันไพศาลนี้โดยตรง

 

ถ้าจิตวิญญาณท่านมีพลังงานน้อย

ก็จะไม่มีพลังหนีแรงดึงดูด

จนหลุดพ้นออกไปนอกระบบได้

การทำบุญสุนทานสร้างสานบารมี

มีกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมที่ดี

ล้วนเป็นวิธีเพิ่มพลังทางจิตวิญญาณทั้งนั้น

 

มีจิตนิสัยรักใครก็ได้แม้เขาจะไม่น่ารัก

มีจิตนิสัยปรารถนาที่จะเห็นผู้อื่นมีความสุข

มีจิตนิสัยปรารถนาจะช่วยผู้อื่นให้พ้นทุกข์

มีจิตนิสัยยินดีที่ได้เห็นผู้อื่นมีความสุข

 

มโนกรรมเหล่านี้

เป็นมรรควิถีจิตจักรวาล

ที่จะเพิ่มพลังงานให้จิตวิญญาณท่านได้

ท่านสามารถประพฤติได้ในชีวิตประจำวัน

กับทุกคนทุกตัวที่อยู่รอบข้างตัวท่าน

 

2. ไม่ก่อกรรมใหม่และเร่งแก้ไขกรรมเก่า

อย่างจริงจังในชีวิตประจำวันของท่าน

 

เพราะการก่อกรรมใหม่

มันจะทำให้น้ำหนักมวลจิตวิญญาณเพิ่มขึ้น

ถ้าก่อกรรมใหม่เพิ่มขึ้นมากเท่าใด

จิตวิญญาณท่านก็จะมีน้ำหนักมากขึ้นเท่านั้น

 

ถ้าจิตวิญญาณของท่านมีน้ำหนักมวลมากๆ

โลกและจักรวาลอันไพศาลนี้

ก็จะส่งแรงดึงดูดจิตวิญญาณท่านมากขึ้นด้วย

มันจะยังผลให้การหลุดพ้นออกไปยากขึ้น

จนกระทั่งเป็นไปไม่ได้เลย

หากพลังอำนาจในการดีดตนเองออกไป

มันมีไม่มากพอ

 

นอกจากนั้นท่านต้องไม่หนีเข้าป่า

หรือต้องไม่ไปปลีกวิเวกอยู่คนเดียว

โดยท่านต้องอยู่ในสังคมนี่แหละ

เพราะท่านยังมีหน้าที่ต้องแก้ไขกรรมเก่า

ที่เคยกระทำผิดพลาดเอาไว้ในอดีตชาติ

กับผู้ร่วมชะตากรรมคนอื่นๆอีกด้วย

 

เนื่องจากกรรมเก่านี่เอง

ที่เป็นเหตุให้ท่านต้องกลับมาเกิดใหม่ในชาตินี้

เพื่อทำให้กรรมเก่าที่ถือติดตัวมาเกิดในชาตินี้

เป็นโมฆกรรมให้หมดอย่างสิ้นเชิง

เพราะกรรมเก่านี่แหละทำให้จิตวิญญาณท่าน

หนีแรงดึงดูดเพื่อหลุดพ้นออกไปไม่ได้

เพราะมีน้ำหนักมวลมากเกินพิกัด

จึงต้องกลับมาเกิดใหม่เพื่อชำระทิ้งให้สิ้น

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

ผลกรรมเก่าจากอดีตก็ต้องชำระให้สิ้น

กรรมใหม่ๆในชาติปัจจุบันก็ต้องไม่ก่อเพิ่ม

มันจะช่วยให้น้ำหนักจิตวิญญาณ

ที่เป็นเหมือนกล่องพลังงาน

มีน้ำหนักเท่ากับตอนที่เข้ามาเกิดในชาติแรก

นั่นคือไม่เกิน 50 มิลลิกรัมนั่นเอง

 

เพราะน้ำหนักมวลเท่านี้

จิตวิญญาณท่านสามารถดีดตนเองออกไป

จากเอกภพหรืออนันตจักรวาลนี้

ผ่านทาง "ประตูคอกแกะพระบิดา"

ที่เราเรียกว่า #ด่านนภาลัย ออกไปได้เลย

ด้วยความเร็วเท่ากับความเร็วแสง

ที่เปลี่ยนค่าเป็นสองเท่าในทุกๆวินาที

อันเป็นการเคลื่อนที่เดินทางด้วยอัตราเร่ง

 

ดังนั้น

ถ้าน้ำหนักตัวไม่เกินพิกัด

จิตวิญญาณไม่มีขยะพลังงานกรรมติดตัว

การหลุดพ้นก็ยิ่งง่ายดายขึ้นแล้ว

 

วิธีการไม่ก่อกรรมใหม่และแก้ไขกรรมเก่า

ท่านทั้งหลายสามารถทำได้โดย

 

#ประการแรก

อย่าหนีเข้าป่าไปอยู่คนเดียว

เพราะคนรอบข้างของท่านในสังคม

คือผู้ช่วยเหลือท่านให้หลุดพ้นได้

 

#ประการที่สอง

การรักได้ ให้อภัยเป็น

คือ ปณิธานแห่งการหลุดพ้น

ท่านต้องถือปฏิบัติอย่างจริงจัง

ร่วมกับการมีมหาสติตลอดเวลาในยามตื่น

ทั้งสองสิ่งนี้ท่านจะละเลยไม่ได้

 

3. ท่านต้องรู้ให้ได้ว่า

จิตวิญญาณของท่านมาจากไหน

ใครอนุญาตให้ท่านมาเกิด

มาเกิดเป็นมนุษย์ทำไม

มีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง

 

เพราะการหลุดพ้นของจิตวิญญาณ

จักต้องมีเป้าหมายที่จะไปชัดเจน

เหมือนลูกธนูที่จะยิงออกไปจากสายธนู

คนยิงต้องรู้ว่าเป้าที่จะยิงนั้นอยู่ตรงทิศไหน

คนยิงก็ต้องเล็งลูกธนูให้ตรงเป้าหมายนั้น

 

เป้าหมายของจิตวิญญาณ

ที่มีผลต่อการหลุดพ้นของท่านทั้งหลายก็คือ

 

การเดินทางกลับออกไปจากเอกภพ

เพื่อกลับบ้านเกิดของจิตวิญญาณของท่าน

เพื่อกลับไปกราบพระผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณ

ผู้ทรงอนุญาตให้จิตวิญญาณท่านมาเกิด

ผู้ที่ทรงรอคอยพวกท่านมายาวนาน

กว่าหกหมื่นแปดร้อยปีเศษแล้วนั่นเอง

 

วิธีง่ายๆก็คือ

ต้องยอมรับว่าจิตวิญญาณท่านเกิดเองไม่ได้

จิตวิญญาณท่านต้องมีผู้ให้กำเนิด

ถิ่นกำเนิดอยู่นอกเอกภพหรืออนันตจักรวาล

จิตวิญญาณต้องผ่านออกไปทางประตูมิติ

ซึ่งทรงเปรียบเป็นประตูคอกแกะเท่านั้น

จะออกไปทางอื่นเหมือนการปีนรั้วเข้าคอก

ด้วยพฤติกรรมเยี่ยงโจรซึ่งไม่สง่างามไม่ได้

 

ที่สำคัญท่านต้องบันทึกพระนาม

ผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของท่านให้ได้ว่า

พระองค์ทรงพระนามว่า #จิตจักรวาล

พระองค์ทรงประทับอยู่ตรงศูนย์กลางจักรวาล

ซึ่งเป็นทั้งจุดเริ่มต้นและจุดสิ้นสุดของทุกสิ่ง

ที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น

 

เพียงแค่ท่านทั้งหลายระลึกถึงพระองค์

ดั่งลูกน้อยเรียกหาพ่อแม่ของตน

พระจิตวิญญาณของท่าน

ก็จะสั่นสะเทือนเชื่อมโยงผ่านสายสะดือ

ระหว่างทารกน้อยกับมารดาผู้ให้กำเนิดแล้ว

 

เพียงเท่านี้

ท่านก็ได้สร้างสามเหลี่ยมกับพระบิดา

เพื่อให้พระองค์ทรงเมตตาฉุดรั้งท่าน

ย้อนกลับคืนขึ้นไปหาพระองค์ได้แล้ว

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

เรามีความจริงที่จะกล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า

 

แผ่นดินประเทศไทย....ในปลายยุคนี้

ชนชั้นแกนนำของสังคมและประเทศชาติ

มี #จิตวิญญาณที่หลงมิติ เกี่ยวกรรมต่อกันมา

ถือกำเนิดเกิดบนแผ่นดินนี้ตั้งมากมาย

โดยแต่ละคนพากันมาร้ายมากกว่ามาดี

เพราะมีความอาฆาตแค้นเป็นอาทิ เช่น

 

มาร้ายต่อกัน

มาร้ายต่อประเทศชาติ

มาร้ายต่อศาสนา

มาร้ายต่อพระมหากษัตริย์

 

ซึ่งตัวละครหลักๆมีไม่กี่ตัวดังนี้

 

1. เป็นจิตวิญญาณของคนต่างชาติ

ที่กลับมาเกิดเป็นคนบนแผ่นดินศัตรู

เพื่อแก้แค้นเอาคืน

 

เพราะอดีตชาติตนเคยเป็นเจ้า

แตกทัพใหญ่ออกเป็นเก้าทัพเล็ก

เหมือนการแตกแบงก์ใหญ่ให้เป็นแบงก์เล็ก

กรีฑาทัพขยับเข้าตีเมืองเพื่อนบ้าน

หมายจะขยี้ให้แหลกรานจนสิ้นชาติ

แต่แผนการณ์ผิดพลาดตนกลับเป็นฝ่ายแพ้

จึงถูกตัดหัวประหาร

ลูกเมียทรัพย์สมบัติก็ถูกริบยึดหมดสิ้น

 

เนื่องจากยกทัพไปโจมตีเขาทีไร

ฝ่ายตนแพ้พ่ายจนเสียหายหนักทุกครั้ง

แรงแค้นอาฆาตพยาบาทจึงมีเยอะ

ชาตินี้จึงแฝงตัวมาเกิดเป็นชาติเดียวกับศัตรู

เพื่อมาโกงเอาสมบัติคืนง่ายๆ

เพื่อมาทวงแค้นทุกรูปแบบ

เพื่อจะทำให้แผ่นดินนี้ย่อยยับหายนะ

เหมือนการตีเมืองให้แตกนั่นแหละ

เพื่อจะทำให้แผ่นดินนี้ไร้ซึ่งสันติสุข

 

นอกจากนั้น

พฤติกรรมทำลายสถาบันหลักของชาติ

ของจิตวิญญาณดวงนี้ก็ชัดเจนว่า

ท้าทายบารมีเบื้องสูงอยู่เนืองๆ

เพราะอดีตนั้นกษัตริย์คือจอมทัพนักรบ

ตนถูกตัดหัวยึดทรัพย์เพราะแพ้ศึก

ก็เพราะพ่ายต่อพระปรีชาของกษัตริย์ไทย

เขาจึงเป็นชนชั้นผู้นำที่ทำตัวเป็นชาติหนึ่ง

ขณะที่จิตใจและจิตวิญญาณเป็นชาติอื่น

 

เรื่องโกงชาติตนเองนั้นเก่งทุกทาง

ไม่รักชาติตนเองพร้อมที่จะขายชาติได้

 

พวกนี้เกลียดทหารและกองทัพมาก

เพราะเป็นผู้ที่ทำให้ฝ่ายตนแพ้ศึกรบมาแล้ว

พฤติกรรมการลดทอนอำนาจกองทัพ

พฤติกรรมการทำให้ประเทศชาติอ่อนแอ

จึงฉายความแค้นในอดีตชาติออกมาให้เห็น

 

2. พวกแม่ทัพนายกองและทหารเลว

บริวารของจิตวิญญาณเจ้าที่กล่าวมา

ก็จูงมือกันมาทวงแค้นในชาติสุดท้ายนี้ด้วย

 

การเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยจนน่าแปลกใจ

เพื่อเป็นเครื่องมือของเจ้านาย

ซึ่งทำให้ประเทศนี้มีปัญหาวุ่นวาย

จึงปรากฏให้เห็นกันมาตลอด

 

3. พวกจิตวิญญาณของแม่ทัพนายกอง

และทายาทเจ้าพวกเดียวกันเอง

ที่เคยทำผิดกระบิลเมือง

จนต้องถูกลงโทษรุนแรงเจ็ดชั่วโคตร

ก็พากันกลับมาเกิดในชาตินี้ด้วย

เพื่อหาทางทำลายชาติบ้านเมือง

อันเป็นแผ่นดินเกิดของตนเอง

 

เพราะแค้นมากจนบางคนเมื่อขาดสติ

ถึงกับหลุดปากร้องชวนพรรคชวนพวก

เผาบ้านเผาเมืองของตนเองมาแล้วก็มี

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

 

จิตวิญญาณหลงมิติของผู้คนเหล่านี้

ล้วนเป็นพวกที่น่าสงสารมาก

เพราะไม่สามารถ "ปรับทัศนคติ" ได้

และไม่อาจสร้างจิตสามนึกใหม่ได้แล้ว

แม้ได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นชาติสุดท้าย

เพื่อการ "แก้ไข" มิใช่ "แก้แค้น"

พวกเขาก็เสียโอกาสเพราะขาดสติสำนึก

 

โอกาสแห่งการหลุดพ้นเพื่อกลับบ้าน

จึงเป็นไปไม่ได้เลย

นอกจากจะถูกช่างเท็คนิกระเบิดทิ้ง

และขณะนี้ดูเหมือนว่ากลิ่นสาปความวุ่นวาย

กำลังจะลอยมาให้ปวงประชาอาดูร

กันอีกแล้วหรือนี่

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

21-03-2019





17 มีนาคม 2562

บุตรรักแห่งบิดาทั้งหลาย 17/03/2019

 #บุตรรักแห่งบิดาทั้งหลาย

 

จงสำรวม พลัง ตั้งจิตท่าน

บรรจงอ่าน "พระวจนะ" ให้จะแจ้ง

ถอดรหัส พระคำ ตามสำแดง

ส่งเส้นแสง สู่พระบิดา มาทางเรา

 

พระวรสาร ทรงสื่อมา เพ-ลานี้

จงยินดี น้อมรับ อย่าจับเจ่า

ทุกวรรคตอน สอนธรรม เป็นลำเนา

เร่งรัดเข้า มุ่งมั่น หมั่นบำเพ็ญ

 

หกหมื่นปี รอรับ ลูกกลับบ้าน

ใยนิพพาน แสนยาก ลำบากเข็ญ

หรือเจ้าลืม สัญญา จึงชาเย็น

แล้วล่องเล่น โลกล้น ด้วยคนเลว

 

รู้ไหมว่า บิดา เพรียกหาลูก

เพราะพันผูก จึงชี้ ที่ล้มเหลว

ให้อาจารย์ เธอนั้น มาบั่นเลว

ช่วยฉุดเธอ ขึ้นปากเหว ในเร็ววัน

 

ตั้งสติ กันเถิด จะเกิดทุกข์

กลียุค สุขขาด ไม่คาดฝัน

ทั้งดินน้ำ ลมไฟ บรรลัยพลัน

พวกเดียวกัน ฆ่ากัน อันตราย

 

ผู้ครองศีล ทุศีล จะสิ้นชาติ

พวกฉลาด เชิงชั่ว เงาหัวหาย

ผู้ต่อต้าน พระบิดา ชีวาวาย

คนงมงาย สติแตก อย่าแปลกใจ

 

ภูเขาไฟ ใหม่เก่า เขย่าโลก

ทวิโศก แปรเป็น แผ่นดินไหว

ทั้งแยกยุบ หลุบหล่ม จมหายไป

จงจำไว้ โลกจะดับ อย่างฉับพลัน

 

แม่เหล็กโลก เสียหาย เพราะไร้รัก

ออกซิเจน ขาดแคลนหนัก เกินคาดฝัน

จะเหน็บหนาว ร้าวราน อยู่นานวัน

เป้าหมายนั้น สอนคนชั่ว ให้กลัวตาย!!!

 

เมื่อสิ้นยุค เหล่าลูก ต้องกลับบ้าน

จง "นิพพาน" ลาลับ ให้ดับหาย

อย่ารั้งรอ กรรมเกี่ยว ให้เปลี่ยวกาย

วันสุดท้าย ให้ผ่านไป ในนิพพาน

 

โลกจะมืด 56 วัน ไม่ผันเปลี่ยน

จงจุดเทียน พระบิดา อย่างกล้าหาญ

ทำสามเหลี่ยม กับพระองค์ เชื่อมวงศ์วาน

เพื่อสืบสาน ชีวิต ทั้งจิตกาย

 

ผู้ใดรัก พระบิดา ศรัทธาเรา

หมั่นตามเฝ้า ฟังโอวาท มิขาดหาย

ชำระจิต พิชิตกรรม สิ้นงมงาย

โลกแกว่งส่าย ก็จักรอด อย่างปลอดภัย

 

กราบพระบาทขอบพระทัยพระบิดา

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

17-03-2019




15 มีนาคม 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 15/03/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

บัดนี้แผ่นดินโลก

เปรียบได้ดั่งหญิงสาวพรหมจารีสิบคน

ถือตะเกียงของตนออกไป

ยืนรอรับการกลับมาของเจ้าบ่าว

 

โดยในจำนวนสิบคนนั้น

จะเป็นคนโง่ห้าคน

และเป็นคนฉลาดมีปัญญาอีกห้าคน

 

ซึ่งหญิงโง่เหล่านั้น

เป็นคนที่ถือตะเกียงของตน

ออกไปรอรับเจ้าบ่าว

แต่พวกเธอไม่ได้เอาน้ำมันติดตัวไปด้วย

 

ส่วนคนที่มีปัญญา

ก็เอาน้ำมันใส่ขวดไปกับตะเกียงของตนด้วย

เมื่อเจ้าบ่าวมาช้าก็พากันง่วงหาว

แล้วพวกนี้ก็พากันหลับไป

 

เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน

ก็มีเสียงร้องว่า.....

"เจ้าบ่าวมาแล้ว จงออกมารับท่านเถิด"

หญิงพรหมจารีทั้งสิบคน

ก็พากันรีบลุกขึ้นตกแต่งตะเกียงของตน

 

ประดาพวกหญิงโง่

ก็พากันพูดกับพวกที่มีปัญญาว่า

"ขอแบ่งน้ำมันตะเกียงของท่านบ้างสิ

เพราะตะเกียงของเราจวนจะดับอยู่แล้ว"

 

พวกที่มีปัญญาก็กล่าวตอบว่า

"น่ากลัวว่าน้ำมันตะเกียงของเรา

จะไม่พอสำหรับเราและพวกท่านแน่ๆ

ให้ท่านไปหาคนขายน้ำมัน

แล้วขอซื้อสำหรับตัวเองจะดีกว่านะ"

 

ปรากฏว่าระหว่างที่หญิงโง่

กำลังออกไปซื้อหาน้ำมันอยู่นั้น

เจ้าบ่าวที่ทุกคนรอคอยก็เดินทางมาถึง

พวกที่เตรียมพร้อมและรอคอยอยู่แล้ว

ก็พากันก้าวตามเจ้าบ่าว

เข้าไปในงานสมรสนั้นแล้วประตูก็ปิด

 

หลังจากนั้นไม่นาน

หญิงพรหมจารีที่โง่ๆทั้งห้าคน

ที่ออกไปหาซื้อน้ำมันตะเกียงก็กลับมา

จึงช่วยกันเคาะประตูที่ปิดอยู่แล้วร้องว่า

 

"ท่านเจ้าขา...ท่านเจ้าขา.....

กรุณาเปิดประตูให้พวกเราด้วย"

 

ผู้ที่ดูแลประตูบานนั้นท่านตอบว่า

 

"เราขอบอกความจริงกับท่านทั้งหลายว่า

เราไม่รู้จักพวกท่าน พวกท่านเป็นใครกัน

 

เพราะพวกท่านไม่รู้กำหนดวันเวลา

เพราะพวกท่านไม่รู้หน้าที่ของตนเอง

เพราะพวกท่านไม่ใส่ใจเตรียมพร้อม

เพราะพวกท่านไม่รู้คุณค่าเวลาที่ผ่านไป

เพราะพวกท่านไม่รู้คุณค่าแห่งการรอคอย

 

ตะเกียงของพวกท่านจึงไม่มีน้ำมัน

อันหมายถึงในกระโหลกศีรษะของท่าน

เหมือนไม่มีมันสมองอยู่เลย

เมื่อตะเกียงในหัวของท่านไม่มีมันสมอง

ตะเกียงของท่านจึงดับมืดเพราะจุดไม่ติด

ซึ่งหมายความว่าแม้จะมีสมอง

แต่พวกท่านก็จุดไม่ติดคิดไม่เป็น

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

 

ที่จุดไม่ติดคิดไม่เป็นนั้น

เป็นผลสืบเนื่องจากความเหลวไหล

ความไม่เอาไหนไม่เอาถ่านของพวกท่าน

ที่ปล่อยให้คืนวันแห่งการรอคอยเจ้าบ่าวนั้น

มันเนิ่นนานผ่านไปเปล่าๆ

โดยพวกท่านยืนถือแต่ตะเกียงที่ไร้น้ำมัน

อันหมายถึงมีสมองแต่ไม่รู้คิดอยู่เท่านั้น

 

เมื่อถึงเวลาที่เจ้าบ่าวกลับมารับ

เพื่อจะจูงเจ้าสาวพาเข้าสู่ประตูหอ

จึงสื่อสารกันกับเจ้าบ่าวไม่รู้เรื่อง

 

โดยเจ้าบ่าวพยายามชี้แนวทาง

สร้างแนวคิด กระตุ้นจิตสามนึก

และฝึกทักษะการก้าวเดินสู่ประตูนิพพาน

ตามมรรควิถี #จิตจักรวาล เพื่อก้าวผ่าน

ประตู "ด่านนภาลัย" ออกไปจากเอกภพ

 

ด้วยการหมั่นสื่อพระโอวาททุกเดือน

ด้วยการนิพนธ์พระคัมภีร์จิตจักรวาล

ให้ตามอ่านตามเรียนรู้สู่การฝึกฝนตนเอง

แม้กระทั่งการเผยแพร่องค์ความรู้

ผ่านทางเว็บไซต์ เฟสบุ๊ค และยูทูป

และฝึกอบรมธรรมด้วยกระบวนการไซโคโชว์

เพื่อติดอาวุธทางปัญญาพาให้สำนึกบาป

ด้วยปฏิบัติการเหล่านี้อยู่เป็นประจำ

 

แต่ท้ายที่สุดแล้ว

เจ้าสาวฝ่ายโง่คือพวกที่ขาดความพร้อม

เป็นพวกที่ถือตะเกียงแต่ไร้น้ำมัน

จึงมิอาจก้าวตามเจ้าบ่าวได้ทัน

เพราะบานประตูแห่งโอกาสมันปิดแล้ว

เมื่อพวกเธอเหล่านี้กลับมาไม่ทัน

จึงได้แต่เฝ้ารออยู่หน้าประตู

เพราะพวกเธอไม่รู้กำหนดวันเวลา

 

ดังนั้น

แม้งานมงคลสมรสนี้

จัดใหญ่ระดับหนึ่งเดียวใน #อนันตจักรวาล

เพราะว่าคนที่ได้เป็นแขกรับเชิญก็มีมาก

แต่น่าเสียดายนักเมื่อคนที่ได้รับเลือก

ให้ผ่านประตูงานเข้าไปได้นั้นกลับมีน้อย

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

15-03-2019




08 มีนาคม 2562

สนทนากับพระเจ้า (28) 8/03/2019

 #สนทนากับพระเจ้า (28)

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

เหตุใดท่านจึงกล่าว

ขอบพระทัยพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

กล่าวขอบพระทัยเราพระเชษฐา

และกล่าวขอบคุณอาจารย์ผู้สื่อถ่ายทอด

แต่ไม่จริงจังไม่ตั้งใจปฏิบัติตามที่เราบอก

 

ท่านทั้งหลายเป็นผู้เลือกทางพระบิดา

จึงเป็นผู้เดินเข้ามาหาเรา

เพื่อรับฟังคำของเราที่กล่าวตามพระโอวาท

แล้วนำไปปฏิบัติในชีวิตประจำวันให้จริงจัง

อย่างเป็นรูปธรรมที่สุดเท่าที่จะทำได้

เพราะเวลาปฏิบัติการชำระโลกได้เริ่มแล้ว

นั่นเท่ากับว่าเวลาของมนุษย์ก็เหลือน้อยลง

 

นาฬิกาชีวิตบนโลกของท่านทั้งหลาย

ได้เริ่มเดินถอยหลังตั้งแต่วันพิพากษาแล้ว

ทุกคนมีเวลาเท่ากันในการตัดสินใจเลือกว่า

จะชำระจิตสามนึกของตนด้วยตนเอง

หรือจะยอมถูกชำระไปพร้อมกับโลกทั้งระบบ

ด้วยปฏิบัติการทางเท็คนิกของฑูตสวรรค์

ซึ่งจะเน้นใช้มหันตภัยพิบัติเป็นเครื่องชำระ

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

แม้ว่าจิตวิญญาณที่มีรายชื่อ

อยู่ในม้วนหนังสือแห่งชีวิตของพระบิดา

ที่ทรงประทานให้ไว้กับเราตั้งแต่แรกนั้น

จะมีแค่เพียง 144,000 รูปธรรมก็ตาม

แต่จำนวน 7 พันล้านรูปธรรมที่มีอยู่จริง

พระองค์ทรงมีพระเมตตาว่า

 

ถ้าใครสามารถปฏิบัติตามพระโอวาทได้

ตามพระประสงค์อย่างจริงจังและตั้งใจ

โดยไม่เหลวไหลโลเล ทำชักเข้าชักออก

ปฏิบัติตามพระโอวาทคำสอนเป็นประจำ

จนนำเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตได้

มิใช่ใส่ใจในพระโอวาทพระบิดาแค่เพียง

เป็นส่วนหนึ่งหรือส่วนเกินของชีวิตเท่านั้น

 

พระองค์จะประทานความรอดให้ท่านผู้ใฝ่ดี

ด้วยการตีตราประทับไว้ที่ตรงหน้าผาก

เป็นมายาลักษณ์รูปสามเหลี่ยมด้านเท่า

ที่ส่วนใหญ่จะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น

อันเป็นสัญลักษณ์ของ #ผู้ได้รับความรอด

ที่จะสามารถเหวี่ยงหมุนไปกับโลก

ในยุคพลังงานใหม่ต่อไปได้อย่างผู้มีชัย

แม้จะมีภัยพิบัติมาผจญก็จักมิสั่นคลอน

 

มนุษย์ที่จะได้รับความรอด

ซึ่งเป็นปลาหายใจด้วยปอดที่จะถูกคัดไว้นั้น

จะถูกนำออกมาจาก "ลม" และ "น้ำ"

เพราะช่างเท็คนิกเห็นว่าลมกับน้ำเข้ากันยาก

จึงหยิบฉวยเอามาชำระโลกในระยะแรกก่อน

คนดีๆที่จะรอดชีวิตได้และคนดีๆที่จะคัดไว้

จะพอมีพื้นที่ให้เหยียบยืนนั่นเอง

 

ลมกับน้ำจึงไม่ร้ายแรงเท่า "ลม" กับ "ไฟ"

ที่แม้ช่างเท็คนิกจะเป็นผู้เชี่ยวชาญแค่ไหน

มันก็เป็นอะไรที่ควบคุมยากยิ่ง

 

ดังนั้น

"ลม" กับ "ไฟ" จึงเป็นเครื่องมือสำคัญ

ที่จะถูกหยิบมาใช้ในแผนปฏิบัติการ

ที่เป็นระยะกลางและระยะปลายสุด

เพราะถ้าไฟไหม้โดยมีลมสนับสนุนแล้ว

 

ไม่มอดไหม้จนหมดเมืองไฟก็จะไม่ดับมอด

ไม่มอดไหม้จนหมดป่าไฟก็จะไม่ไหม้มอด

กว่าไฟจะไหม้มอดกว่าป่าจะมอดไหม้

ผู้คนเป้าหมายกับวัตถุเท็คโนโลยีบนโลก

จักถูกทำลายให้มลายจนสิ้น

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

การที่ท่านยังวางเฉยต่อพระโอวาท

ขาดการใส่ใจในการหมั่นเรียนเพียรปฏิบัติ

มันคือการ "เผา" เวลาแห่งโอกาสของตน

ให้หมดสิ้นเปลืองไปอย่างไร้ค่า

เหมือนดั่งธูปที่ถูกจุดวางไว้กลางแจ้ง

ที่จะหดสั้นลงเรื่อยๆหรืออาจดับก่อนเวลา

ทั้งๆที่ปากกับใจปรารถนาจะได้รับความรอด

 

ท่านมั่นใจหรือว่า

บ้านหลังหนึ่งซึ่งถูกสร้างขึ้นบนพื้นดิน

ที่ไม่มีการตอกเสาเข็มเป็นหลัก

บ้านที่ไม่มีหินเป็นฐาน

โดยปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างไร้ค่า

เมื่อเกิดน้ำท่วมไหลเชี่ยวพัดมา

บ้านนั้นจะทนสั่นไหวอยู่ได้หรือไม่

เพราะปลูกสร้างไว้ไม่ดี

บ้านหลังนั้นย่อมพังลงมาและถูกทำลาย

 

เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

แม้ไม่รู้ว่าตนเองเป็นหนึ่งในแสนสี่หรือไม่

แต่ถ้าในเจ็ดพันกว่าล้านคนบนโลกนี้

ท่านเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติพอที่จะเป็น 30%

ของประชาชาติทั้งหมดที่จะถูกคัดไว้ได้

ประตูมิติแห่งโอกาสบานใหญ่

ที่จะทำให้ท่านข้ามผ่านไปสู่โลกยุคใหม่

ก็จะเปิดอ้าออกในทันที

 

เงื่อนไขสำคัญ

ที่ท่านจะเป็น 30% กับเขาคนหนึ่ง

ที่พระองค์จะทรงประทานความรอดให้มีดังนี้

 

1. ครองมหาสติตลอดวัน

จนเป็นธรรมชาติของตนเองได้

คือ รู้สติ มีสติ และใช้สติ

 

2. แสดงปณิธานแห่งนิพพานชัดเจน

โดยมีเป้าหมายสำคัญ คือ การหลุดพ้น

ปฏิบัติบำเพ็ญตนกับทุกคน ทุกที่ ทุกเวลา

จนเป็นธรรมชาติของตนเองได้

คือ รักได้ ให้อภัยเป็น ไม่เห็นแก่ตัว

 

3. พระบิดาทรงมีหมายกำหนดสื่อพระโอวาท

โดยทุกวันนี้มีเป็นประจำแค่เดือนละหนึ่งครั้ง

ต้องสามารถไปเฝ้าฟังด้วยตนเองมิขาดเว้น

โดยมิเห็นการฟังสื่อพระโอวาท

เป็นแค่เพียงกิจกรรมเสริมชะตาชีวิตเท่านั้น

ยกเว้นท่านที่ติดภารกิจสำคัญในบางครั้ง

จักพออนุโลมกันได้บ้าง

 

เพราะการจะได้รับ

รหัสสัญลักษณ์ของผู้รอด

ที่จะทรงประทับให้ตรงหน้าผากนั้น

หลักการสำคัญที่ท่านต้องรู้ก็คือ

เมื่อเฝ้าฟังพระโอวาทหนึ่งครั้ง

ก็จักได้ประทับตราหนึ่งครั้งเช่นกัน

 

การประทับตราซ้ำๆถี่ๆและหลายครั้งเท่านั้น

เครื่องหมายสำคัญทางพลังงานบนหน้าผาก

ที่เป็นรูปรอยสามเหลี่ยมจึงจะปรากฏขึ้นได้

 

ดังนั้น

ความลังเล ไม่แน่ใจ

การไม่รักพระบิดาไม่ศรัทธาเราแท้จริง

ผู้ที่มีคุณสมบัติทางจิตเหล่านี้

แม้จะคอยติดตามเรากันอย่างไร

ก็ยากนักที่หน้าผาก

จะเกิดมายา 3 เหลี่ยมได้

น่าจะเป็นเครื่องหมาย "กากะบาท" มากกว่า

 

4. ต้องมีผลกรรมเหลือติดตัวอยู่ไม่เกิน 30%

ทั้งวิบากกรรมและชะตากรรมรวมกัน

ซึ่งมันจะเป็นความจริงได้นั้น

ทุกวันนับแต่นี้เป็นต้นไป

ท่านก็ต้องไม่หนีกรรม

ท่านต้องยอมรับกรรมนั้นๆอย่างเต็มใจ

โดยท่านต้องไม่ก่อกรรมใหม่เพิ่มขึ้นมาอีก

ขณะที่ท่านต้องแก้ไขกรรมเก่าให้หมดสิ้น

 

วิธีแก้กรรมง่ายๆคือ

ใครเลวมาท่านต้องทำดีตอบ

ใครชั่วมาท่านต้องอโหสิตอบ

 

วิธีตัดกรรมสัมพันธ์คือ

รักให้ได้ ให้อภัยให้เป็น

เมื่อเขาชั่วต่อท่าน

ท่านก็จะต้องไม่ทำชั่วตอบ

เท่านี้เอง...ง่ายดายเสียจริงๆ

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

8-03-2019