30 เมษายน 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 30/04/2024

 พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณผู้ทรงอนุญาตให้

จิตวิญญาณคุณข้ามมิติเข้ามาเกิดเป็น #คนสองมิติ

เพื่อทำหน้าที่ใช้เมตตาธรรมค้ำจุนสมดุลโลกกันนั้น

พวกคุณจะต้องทำหน้าที่ร่วมกันจะทำคนเดียวไม่ได้

 

วิธีการปฏิบัติทำที่ถูกต้องตรงจริงก็คือ

พวกคุณจะต้องร่วมกันทำตั้งแต่ภายในครอบครัว

แล้วขยายตัวออกไปทำร่วมกันกับ “คนข้างบ้าน”

ซึ่งวิธีการปฏิบัติก็มิได้ยากเย็นอะไรเลย

เพียงแค่พวกคุณทุกคนในครอบครัวจะต้องรักกันไว้

แม้ว่าจะมีใครบางคนอาจทำตนไม่น่ารักบ้างก็ตาม

 

เนื่องจากการสร้างครอบครัวของพวกคุณนั้น

เริ่มต้นด้วยความรักของทั้งสองคนคือสามีกับภรรยา

โดยเบื้องหลังมิติโลกทั้งคู่ได้ถือบทละครร่วมกันมา

ทั้ง #ชะตาชีวิต ที่ขีดเขียนไว้ตั้งแต่ภพชาติแรก

เมื่อได้รับโอกาสให้เข้ามาเกิดอยู่ในระบบโลกเสรีนี้

หรือ #ชะตากรรม ที่จิตหยาบพวกคุณเขียนขึ้นเอง

เมื่อได้รับโอกาสให้มาเกิดอยู่ในระบบโลกกันแล้ว

 

สำหรับ “ชะตาชีวิต” นั้น

จิตวิญญาณของพวกคุณขีดเขียนร่วมกันขึ้น

เพื่อนำมาใช้เล่นละครกันในบทบาทของคนสองมิติ

โดยจิตวิญญาณอย่างน้อย 3 รูปธรรม

จะต้องประชุมวางแผนร่วมกัน ณ วิหารสีขาว

ซึ่งตั้งอยู่บริเวณประตูมิติที่ใช้ผ่านเข้าออกเอกภพ

อันเป็นห้องทดลองใหญ่ของพระเจ้านั่นเอง

โดยสามรูปธรรมจะแบ่งหน้าที่กันรับบทบาทนั้น

เป็นบทบาทพ่อแม่ลูกซึ่งลูกอาจจะมีมากกว่าหนึ่งคน

 

ชะตาชีวิตหรือบทละครที่จะต้องร่วมกันแสดงนั้น

จะเป็นบทละครที่ทุกรูปธรรมต่างเห็นพ้องต้องกันว่า

ใครจะต้องรับบทบาทอะไรใครจะเป็นเงื่อนไขให้ใคร

ทุกรูปธรรมจะต้องรับรู้และมีสัจจะตามที่ตกลงกันไว้

เพราะมันจะเป็นทั้ง “บททดสอบจิตสามนึกแห่งรัก”

โดยผลการทดสอบนั้นมันจะเป็น “บทเรียน” อีกด้วย

ไม่ว่าคุณจะสอบตกหรือสอบผ่านบททดสอบนั้นก็ตาม

คุณจะต้องเรียนรู้ให้ได้ว่าจะรักกันได้อย่างไร

ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งในครอบครัวทำตัวไม่น่ารัก

คุณจะต้องเรียนรู้ให้ได้ว่าจะให้อภัยได้อย่างไร

ถ้ามีใครคนใดคนหนึ่งในครอบครัวทำตัวไม่น่าให้อภัย

 

ในขณะเดียวกัน

ฝ่ายที่ทำตัวไม่น่ารักหรือทำตัวไม่น่าให้อภัย

ก็จะต้องเรียนรู้จากประสบการณ์จริงนั้นๆให้ได้ว่า

ตนจะต้องปรับปรุงเปลี่ยนแปลงตนเองอย่างไร

เพื่อจะประพฤติปฏิบัติตนให้น่ารักมากกว่าเดิม

เพื่อจะประพฤติปฏิบัติตนให้น่าให้อภัยมากกว่าเดิม

 

แต่ถ้าคุณโดย “จิตหยาบ” สอบตกบททดสอบ

ด้วยการรักคนที่ทำตนไม่น่ารักตามบทละครนั้นไม่ได้

ให้อภัยคนที่ทำตนไม่น่าให้อภัยตามบทละครก็ไม่ได้

แต่กลับโกรธเกลียดเคียดแค้นอาฆาตพยาบาทแทน

ไม่ว่าจะกระทำลบตอบสนองกลับไปหรือไม่ก็ตาม

ก็ถือเป็น #สอบตกบททดสอบ ที่จิตวิญญาณสร้างมา

 

การต่อสู้ตอบโต้ต่อต้านหรือหลีกเลี่ยงกันและกัน

จะนำไปสู่การเขียนบทละครขึ้นทับซ้อนบทละครเดิม

จนเกิดเป็น “ชะตากรรม” ภายใต้เงื่อนไขกฎแห่งกรรม

ที่คนทั้งหมดไม่ว่ากี่คนหรือกี่ฝ่ายจะต้องรับผิดชอบกัน

ทั้งในภพชาตินั้นหรือในภพชาติต่อๆไปเสมอ

 

ดังนั้น

ความเป็นไปในสถานการณ์ต่างๆในชีวิตประจำวัน

คนส่วนใหญ่ที่ผ่านการเกิดเป็นมนุษย์มาหลายภพชาติ

จึงแยกได้ยากว่าไหนคือชะตาชีวิตไหนคือชะตากรรม

เพราะมันจะทับซ้อนกันจนแลดูอีรุงตุงนังไปหมด

 

แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม

ทั้งชะตาชีวิตและชะตากรรมที่ทับซ้อนกันอยู่

คุณสามารถจัดการแก้ไขชำระความกันได้วิธีเดียวกัน

คือแสดงปณิธานแห่งนิพพานเพื่อการหลุดพ้นต่อกัน

ด้วยการ

 

#รักให้ได้แม้ว่าเขาจะทำตนไม่น่ารักเอาเสียเลย

#อภัยให้ได้แม้ว่าเขาจะทำตัวไม่น่าให้อภัยเลยสักนิด

 

ถ้าคุณสามารถตอบสนองด้านบวกต่อกันตามนี้ได้

กรรมเก่าที่เคยกระทำต่อกันไว้นั้นมันจะเป็นโมฆะ

แปลว่าผลกรรมนั้นมันจะกลายเป็น “ศูนย์” ไปทันที

นี่คือ #วิธีการแก้กรรม ให้หลุดพ้นจากชะตากรรมนั้น

โดยไม่ต้องไปหาวิธีแก้ด้วยวิธีอื่นใดให้ยุ่งยากเลย

 

ขณะเดียวกัน

ถ้าคุณครองมหาสติอยู่แล้วพบว่า

คนรอบข้างของคุณทั้งคุ้นหน้าหรือแปลกหน้า

เข้ามาสร้างเงื่อนไขที่ไม่ดีต่อตัวคุณ

คุณก็ต้อง #ตัดกรรม ที่จะเกิดการเกี่ยวกรรมนั้นทันที

โดยวิธี “ตัดกรรม” นั้นให้ขาดสบั้นก็คือ

คุณต้องใช้มหาสติหรือธรรมชาติสมาธิบอกตนเองว่า

 

#ช่างเขาเถิด

#ไม่เป็นไร

#จะเอายังไงก็ได้

#แค่นี้ก็ดีแล้ว

 

โดยจะต้องนึกท่องทบทวนสักกี่รอบก็ตาม

เพื่อค้ำจุนความสมดุลของจิตหยาบเอาไว้ให้ได้

มิให้ตกเป็นทาสการยั่วยุหรือเย้ายวนโดยง่ายดาย

ซึ่งเป็นการค้ำจุนตนเองไว้ไม่ให้ “สติแตก”

คุณก็ต้องกระทำหรือบริกรรมภาวนามันเอาไว้

เพื่อที่จะช่วยให้จิตวิญญาณของคุณเอง

#ไม่ก่อกรรมใหม่และแก้ไขกรรมเก่าได้พร้อมกัน

 

ถ้านับตั้งแต่เวลานี้เป็นต้นไป

คุณเริ่มปฏิบัติตนตามแนวที่เรากล่าวนี้

ซึ่งเป็น #มรรควิถีแห่งจิตจักรวาล แล้ว

คุณโดยจิตหยาบหรือจิตมนุษย์ของคุณเอง

จะช่วยให้จิตวิญญาณแก่นแท้ของตนนั้น

แลเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ได้ชัดเจนขึ้น

นั่นคือจะสามารถมองเห็นประตูแห่งการหลุดพ้น

ที่จิตวิญญาณจะข้ามผ่านกลับออกไปได้ในที่สุด

เพราะคุณจะสอบผ่านบททดสอบชะตาชีวิตกันได้

ทั้งยังสามารถที่จะเรียนรู้บทเรียนกรรมได้ทุกรูปแบบ

ตามที่จิตวิญญาณของคุณเองต้องการที่จะเรียนรู้มัน

 

คุณเห็นหรือยังว่า

จิตวิญญาณของคุณมาเกิดเป็นมนุษย์โลกเสรีนี้นั้น

มิใช่มาเกิดเพื่อแสวงหาประโยชน์สุขส่วนตน

แต่มาเกิดเพื่อช่วยกันหมุนธรรมจักรคือรักกันอภัยกัน

มาเกิดเพื่อใช้ชีวิตร่วมกันเป็นสังคมเป็นครอบครัว

จะปลีกวิเวกแสวงความสุขส่วนตัวตามลำพังไม่ได้

จะปิดหูปิดตาปิดวาจาแกล้งทำเป็นคนพิการก็ไม่ได้

จะไม่ใช้จิตกับปัญญาของสมองกรองพฤติกรรมมิได้

 

คุณต้องนึกก่อนคิด

คิดให้รอบครอบ คิดให้รอบด้าน

ก่อนจะตัดสินใจให้ถูกต้องแล้วแสดงออกหรือกระทำ

ด้วยการยอมรับผิดชอบในทุกสิ่งที่ตนกระทำนั้น

หากมีการผิดพลาดบกพร่องหรือไม่ถูกต้องเกิดขึ้น

 

ถ้าคุณต้องการหยุดภพชาติหยุดการมีสังสารวัฏ

คุณต้องก้าวเดินมาทางพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

ด้วยการปฏิบัติตามพระโอวาทที่เราสื่อจากพระองค์มา

ทุกวันเวลาทุกบททุกตอนอย่างไม่ย่อท้อ

เราขอยืนยันว่าพาจิตวิญญาณคุณกลับบ้านได้แน่นอน

เพราะเราจำทางกลับบ้านคือพระนิเวศน์พระบิดาได้

เราจะไม่พาคุณไปลอยติดค้างอยู่บนสวรรค์มายา

แล้วหลอกพวกคุณว่าอยู่บนนั้นนั่นคือนิพพานแล้ว

โดยให้ความหมายว่านิพพานคือตายแล้วไม่เกิดอีก

 

ทั้งๆที่ความจริงแล้ว

จิตวิญญาณของใครที่ลอยไปติดค้างอยู่บนนั้น

เปรียบเสมือนขึ้นไปกักขังตนเองอยู่อย่างนั้น

จะลอยสูงขึ้นไปอีกก็ไม่ใช่ง่ายๆถ้าน้ำหนักตัวเท่าเดิม

จะลอยต่ำลงมาเกิดบนโลกอีกก็ลงมาไม่ได้

ถ้าน้ำหนักตัวของจิตวิญญาณนั้นยังคงเท่าเดิม

เราจึงใช้คำว่า #ลอยค้าง เพราะมันคล้ายดาวเทียมไง

 

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

30/04/2567




สวัสดีวันอังคาร 30/04/2024


 

29 เมษายน 2567

คำสอน 29/04/2024

"ตนเป็นใคร"...ถ้าไม่รู้...จักอยู่ยาก

ยิ่งลำบาก...หากไม่รู้...ว่า "มาจากไหน"

ยิ่งทุกข์ยาก...หากไม่รู้...ว่า "มาทำอะไร"

ยิ่งทุกข์ใหญ่...หากไม่รู้...ว่า "ใครให้มา"

 

นี่เป็นสิ่งชอบธรรมควรจำจด

บริบทหลากล้วนควรใฝ่หา

บรรลุธรรมแท้จริงสิ่งนำพา

ขอจงอย่าหนีทุกข์ให้สุขจาง

 

บรรลุธรรมมิใช่ได้พ้นทุกข์

ไปเสพสุขบนสวรรค์จักฝันค้าง

เราขอบอกตามตรงนั่นหลงทาง

ที่ก้าวย่างมิใช่ทางแห่งนิพพาน

 

เอเมน สาธุ

29/04/2567




คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 29/04/2024

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เพราะองค์จิตจักรวาลทรงกำหนดสร้างให้โลก

ทำหน้าที่ค้ำจุนความสมดุลของ “เอกภพ”

โดยเอกภพเป็น “ห้องทดลอง” ใหญ่ของพระองค์

โลกจะเสียสมดุลไม่ได้ในทุกมิติและพิกัดดำรงอยู่

 

จิตวิญญาณของพวกคุณและสัตว์ประจำโลก

จึงขันอาสาพระองค์ข้ามมิติเข้ามาเกิด

เพื่อทำหน้าที่ใช้จิตกับเครื่องยนต์แห่งกรรมของตน

ร่วมกันผลิตสร้างพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กออกมา

มอบให้กับ “แกนแม่เหล็กโลก” เพื่อทำให้โลกหมุน

โดยโลกจะต้องหมุนรอบตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง

ด้วยอัตราความเร็ว 24 ชั่วโมง ต่อรอบให้คงที่ตลอด

ระบบโลกจึงจะเกิดความสมดุลในทุกมิติอยู่ได้

 

จิตวิญญาณของสัตว์ประจำโลก

เป็นรูปธรรมผู้ขันอาสากลุ่มแรกที่เข้ามาทำหน้าที่

ร่วมกับป่าไม้ใหญ่ใบดกที่มีแต่พลังงานเป็นแก่นแท้

ไม่มีจิตวิญญาณเข้ามาเกิดเหมือนสัตว์ทั้งหลาย

รูปธรรมมนุษย์โลกเท่านั้นที่จิตวิญญาณมาเกิดแล้ว

ได้ถือพันธะสัญญา 6 ที่ให้สัจจะไว้กับพระองค์

ติดตัวมาเกิดในเอกภพทำหน้าที่อยู่ในระบบโลกด้วย

โดยที่สัตว์ประจำโลกทั้งหลายไม่ได้ถือติดตัวมา

เฉกเช่นเดียวกันกับสิ่งมีชีวิตในระบบดาวดวงอื่นๆ

 

นัยสำคัญของพันธะสัญญา 6 ก็คือ

จะต้องเป็นเพื่อนร่วมงานกับดาวเคราะห์โลก

ทั้งพวกคุณสัตว์ประจำโลกและป่าไม้ใหญ่ใบดก

จะต้องทำหน้าที่ของตนประจำอยู่บนโลก

จะละทิ้งโลกเอาไว้โดดเดี่ยวเดียวดายไม่ได้

ไม่ว่าจะละทิ้งไปแค่ชั่วคราวหรือว่ายาวนานก็ตาม

เพราะว่า #เพื่อนแท้ต้องไม่ทิ้งเพื่อน นั่นเอง

 

การไม่ทิ้งเพื่อนหมายถึงการ “ไม่ทิ้งโลก”

ก็คือการที่พวกคุณแต่ละคนต้องไม่ตายจากโลก

ต้องดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้ตลอด 6 หมื่นปีให้จงได้

เพราะหกหมื่นปีก็คือเวลาที่โลกสิ้นยุคพลังงานเก่า

นี่คือที่มาของคำสอนว่าต้องไม่ฆ่าไม่เบียดเบียนกัน

เนื่องจากพระองค์ได้ทรงนับจำนวนรูปธรรมเอาไว้

ในการเข้ามาทำหน้าที่ “เพื่อนร่วมงาน” กับโลก

หากมีการฆ่ากันตายไปหนึ่งคนตัดโค่นไปหนึ่งต้น

จำนวนรูปธรรมเพื่อนร่วมงานของโลกก็จะลดลง

ซึ่งมันจะมีผลต่อพลังงานที่โลกต้องการลดลงด้วย

 

#คุณจึงฆ่าสัตว์ตัดชีวิตและตัดโค่นต้นไม้ใหญ่ไม่ได้

#พวกคุณจึงหมุนกรรมจักรแทนธรรมจักรไม่ได้ด้วย

#เพราะจะยังผลให้ดาวโลกไม่มีแรงที่จะเหวี่ยงหมุน

#จะเกิดอาการหมุนไปแกว่งส่ายไปมากขึ้นเรื่อยๆ

#ภัยพิบัติรุนแรงต่างๆก็จะเกิดขึ้นดังที่เป็นอยู่ทุกวันนี้

 

พวกคุณจึงต้องรู้ว่า

ภัยร้ายจากการที่โลกเสียสมดุลดังกล่าวนี้

จะมีอยู่ 2 รูปแบบด้วยกัน คือ

 

1.#ภัยธรรมชาติ

เป็นภัยที่เกิดจากโลกเสียสมดุลโดยตรง

ซึ่งการเสียสมดุลนั้นจะเกิดจากน้ำมือพวกคุณเอง

เป็นผู้ก่อขึ้นโดยตรงเลยมิใช่ใครอื่น

เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว ภูมิอากาศวิปริต ฝนแล้ง

ลมพัดแรง พายุฝน ฟ้าผ่า ลูกเห็บตก หิมะตก เป็นต้น

 

2.#ภัยพิบัติ

เป็นภัยที่เกิดจากแผนปฏิบัติการชำระโลก ครั้งที่ 4

เพื่อปรับสมดุลของโลกเตรียมเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่

พร้อมกับการยกระดับอำนาจของดาวโลกให้มากขึ้น

เป้าหมายคือยกระดับโลกให้สูงจากเดิมเป็นสองเท่า

คือจากสมการสามมิติ 3-3-3 ไปเป็น 6-6-6 นั่นเอง

 

อ่านว่า “สามสามสาม” เปลี่ยนไปเป็น “หกหกหก”

มิใช่ “สามร้อยสามสิบสาม” เป็น “หกร้อยหกสิบหก”

ซึ่ง 666 เป็นเลขรหัสของ “ซาตาน” มิใช่ของพระเจ้า

ซึ่งผีโสโครกพยายามจะบิดเบือนให้พวกคุณสับสน

ด้วยวิธีการบิดเบือนพระวจนะที่ตนถนัดทำมาตลอด

จึงบิด “หก-หก-หก” เป็น “หกร้อยหกสิบหก” แทน

พวกคุณที่เป็นมนุษย์จึงไม่รู้เท่าทันพวกมารได้ว่า

แท้จริงแล้ว “666” นั้นมันเป็นหมายเลขของซาตาน

 

แบบเดียวกันกับการบิดเบือนข้อสัจธรรม

ที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้ด้วยอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ

อันเป็นระดับปัญญาขั้นสูงสุดจากสมองส่วนกลาง

ที่มนุษย์โลกโดยทั่วไปไม่มีให้ใช้หรือเข้าถึงมันไม่ได้

นั่นคือ #ธรรมจักรกัปปวัตรสูตร ที่เป็นปฐมเทศนา

หลังราตรีที่ตรัสรู้ซึ่งทรงเทศน์โปรดแก่ปัญจวัคคีย์ไว้

โดยบิดเบือนไปว่าทรงหมายถึง #อริยสัจสี่ แทน

ทั้งๆที่มันเป็นคนละเรื่องคนละอย่างกันเลยคุณ

 

อริยสัจสี่เป็นวิธีจัดการกับทุกปัญหาที่พาให้ทุกข์

ซึ่งคนนำทางตาบอดถูกหลอกมาอีกทีหนึ่งว่า

เกิดเป็นมนุษย์โลกนั้นเต็มไปด้วยความทุกข์ทั้งปวง

ต้องหาทางทำให้ตนเองตายโดยไม่กลับมาเกิดอีก

คือนิพพานเพื่อตนเองจะได้พ้นไปจากทุกข์ให้จงได้

ซึ่งพระพุทธเจ้ากล่าวว่านิพพานแบบตาลยอดด้วน

 

วิธีที่ตายแล้วไม่กลับมาเกิดอีกพวกมารก็หลอกว่า

ให้เพียรนั่งกรรมฐานสมาธิเพื่อดับ “อัตตา” ให้สิ้น

โดยหลอกต่อไปอีกว่า “อัตตาก็คือขันธ์ห้า”

ทั้งๆที่ทำไปก็เสียเวลาเปล่าเพราะขันธ์ห้าดับเองได้

ในทันทีที่จิตวิญญาณละทิ้งกายสังขารออกไปแล้ว

การนั่งกรรมฐานเพื่อการนี้จึงทำให้เสียเวลาเปล่า

เราจึงเคยกล่าวให้รู้ว่ากรรมฐานช่วยให้นิพพานไม่ได้

 

กรรมฐานอาจช่วยให้ตายแล้วไม่กลับมาเกิดอีกก็ได้

ถ้าตายแล้ว “หลุดลอย” ไปติดค้างอยู่บนสวรรค์มายา

เพราะจิตวิญญาณมีน้ำหนักเบากว่าชาวโลกคนอื่นๆ

เนื่องจากวันๆนั่งปฏิบัติกรรมฐานสมาธิอย่างเดียว

ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวก่อกรรมทำเวรกับผู้ใดใครอื่นมากมาย

จึงถูกโลกดึงดูดเหนี่ยวรั้งลงมาเกิดเป็นมนุษย์อีกมิได้

จนต้องลอยค้างเติ่งอยู่บนสวรรค์มายานั้นไปตลอด

เหมือนว่าวที่สายป่านขาดแล้วลอยไปค้างบนฟ้า

เหมือนดาวเทียมที่ถูกปล่อยให้ลอยขึ้นไปอยู่บนนั้น

เพราะหลุดออกไปจากแรงดึงดูดของโลกได้นั่นเอง

โดยดาวเทียมจะลอยได้ในระดับสูงมากน้อยกว่ากัน

ก็อยู่ที่แรงดันของจรวดที่ขับเคลื่อนว่ามากหรือน้อย

ถ้าแรงขับดันมากกว่าก็จะหลุดลอยขึ้นไปได้สูงกว่า

 

จิตวิญญาณของพวกคุณนี่ก็เช่นเดียวกัน

ถ้ามีบุรพกรรมแม่เหล็กติดตัวอยู่ไม่มากเกินไป

นั่นคือมีมวลรวมคิดเป็นน้ำหนักไม่เกิน 50 มิลลิกรัม

โลกจะออกแรงดึงดูดเหนี่ยวรั้งได้ไม่มากนัก

ตายแล้วก็จะลอยขึ้นไปได้สูงเหมือนดาวเทียมเลย

สวรรค์มายาจึงมีหลายชั้นก็เพราะเหตุที่ว่านี้แหละ

 

รูปธรรมที่ลอยได้สูงกว่า

จะเป็นจิตวิญญาณที่มีผลกรรมติดตัวอยู่น้อยกว่า

จะเป็นจิตวิญญาณที่พลังอำนาจของเมอร์คขะบาห์

หรือที่พวกคุณเรียกกันว่า “บารมี” มากกว่านั่นเอง

 

แน่นอนว่า

สวรรค์มายา” เป็นภพภูมิที่พระเจ้ามิได้สร้าง

แต่เป็นภพภูมิที่พวกคุณถูกหลอกให้เนรมิตขึ้นเอง

โดยพวกผีโสโครกได้หลอกผ่านคนนำทางตาบอด

ทำเป็นคำสอนที่แอบสอดแทรกเอาไว้กับพระวจนะ

จนแทบจะแยกแยะให้ออกไม่ได้ง่ายดายเท่าใดนัก

พระองค์จึงทรงให้เราเตือนสติพวกคุณเป็นระยะๆว่า

#ในจริงมีเท็จ #ในเท็จมีจริง ก็เพราะเหตุนี้

 

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

29/04/2567




สวัสดีวันจันทร์ 29/04/2024


 

26 เมษายน 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 26/04/2024

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

เมื่อคุณได้รู้ความจริงกันแล้วว่า

หน้าที่หลักในการมาเกิดเป็นมนุษย์แห่งดาวโลก

คือการมาทำหน้าที่เป็น #เพื่อนร่วมงานของโลก

ไม่ใช่มาเกิดแล้วทำทุกอย่างเพื่อตนเองกันเท่านั้น

ซึ่งพวกคุณจะทำหน้าที่เพื่อตนเองได้เฉพาะเรื่อง

การกินอยู่ดูแลเครื่องยนต์แห่งกรรมของตนเอง

ให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์และมีชีวิตยืนยาวที่สุด

เท่าที่คุณสามารถจะทำได้

 

นอกจากนั้น

คุณก็ต้องดูแลสมาชิกทุกคนในครอบครัว

ให้อยู่รอดปลอดภัยโดยอยู่เย็นเป็นสุขไปกับคุณด้วย

เพราะพวกเขาแต่ละคนก็คือตัวแทนของโลก

ที่คุณจะต้องเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีของพวกเขาด้วย

การเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีก็คือ

คุณและพวกเขาแต่ละคนจะต้อง #รักกันให้ได้

#ให้อภัยกันให้เป็นไม่เห็นแก่ตัวและไม่ทอดทิ้งกัน

เพื่อสร้างสมการ Σβx โดย X มีค่าเท่ากับสามขึ้นไป

ร่วมกันผลิตพลังงานความรักจากจิตสามนึกด้านบวก

โดยใช้อายตนะทั้งหกร่วมกับจิตหยาบหรือจิตมนุษย์

สั่นสะเทือนให้เกิดขันธ์ห้าขึ้นมาให้ได้

 

พลังงานรวมจากจิตสามนึกด้านบวกดังกล่าวนี้

เป็นพลังงานทางช้างเผือกในแบบที่โลกต้องการ

เพื่อนำไปช่วยทำให้แกนโลกบิดตัวจนเหวี่ยงหมุนได้

ถ้าแกนโลกสามารถบิดตัวอย่างต่อเนื่องได้ต่อเนื่อง

ดาวโลกดวงนี้ก็จะหมุนรอบตัวเองต่อเนื่องได้ด้วย

ถ้าพวกคุณช่วยกันทำให้โลกหมุนด้วยอัตราเร็วคงที่

ดาวโลกดวงนี้ก็จะมีความสมดุลในตนเองเช่นกัน

ปฏิบัติการร่วมกันที่แต่ละคนจะต้องสั่นสะเทือนนั้น

มันคือการหมุนธรรมจักรในตนเองร่วมกันนั่นแหละ

โดยทุกคนจะต้องเป็นผู้เริ่มต้นการสั่นสะเทือนเสมอ

เมื่อมีคนรอบข้างที่อยู่ใกล้ตัวคุณเขาเริ่มต้นให้แล้ว

ตัวคุณเองจึงมีหน้าที่สั่นสะเทือนด้านบวกตอบสนอง

ซึ่งมันต้องเป็นของมันเช่นนี้เท่านั้นจะเป็นอื่นไม่ได้

 

คำว่า “เป็นอื่นไม่ได้” ในที่นี้เราหมายถึง

ทุกคนต้อง “ตอบสนอง” ด้วยการกระทำตอบต่อกัน

จะทำวางเฉยโดยไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยไม่ได้

เพราะคนอื่นๆเขากระทำด้านบวกเป็นเงื่อนไขให้แล้ว

การกระทำตอบสนองด้านบวกจึงมิใช่เรื่องยากอะไร

 

ขณะเดียวกัน

ถ้าคนรอบข้างตัวคุณในบางเวลาเขาอาจวางเฉย

มิได้แสดงออกหรือสร้างเงื่อนไขด้านบวกอะไรเลย

ตัวคุณก็มีหน้าที่จะต้องเป็นผู้เริ่มต้นกระทำด้านบวก

เพื่อสร้างเงื่อนไขด้านบวกให้กับพวกเขาเสียเอง

เพราะเป็น #หน้าที่ ที่พวกคุณต้องทำแบบนี้ทั้งสิ้น

 

#ทุกคนต้องเป็นผู้ตอบสนองทางด้านบวกเสมอ

#ทุกคนต้องเป็นผู้เริ่มต้นสร้างเงื่อนไขด้านบวกเสมอ

#ทุกคนไม่มีหน้าที่วางเฉยโดยไม่ตอบสนองต่อกัน

 

ถ้าหากพวกคุณทุกคน

มีสำนึกรู้หน้าที่และรับผิดชอบต่อหน้าที่

ในการหมุนธรรมจักรร่วมกันดังกล่าวนี้ได้

ดาวโลกเสรีดวงนี้จะมีความสมดุลในตนเอง

โดยจะไม่มีภัยพิบัติรุนแรงเกิดขึ้นให้ผู้ใดเสียหาย

จะไม่มีภัยพิบัติร้ายๆอะไรที่จะทำให้ใครต้องตาย

อันมีสาเหตุมาจากโลกเสียสมดุลอย่างแน่นอน

จงรักษาชีวิตให้ยืนยาวเข้าไว้

เพื่อช่วยกันทำให้โลกนี้สมดุลอย่างมั่นยืน

ด้วยการหมุนธรรมจักรร่วมกันให้ดีที่สุดเถิด

 

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

26/04/2567