18 สิงหาคม 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 18/08/2023

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
การเป็นมนุษย์ผู้มี “จิตใสใจสวย” นั้น
หมายถึงผู้ที่จะต้องมีคุณสมบัติ 6 ประการ
ตามที่เรากล่าวไว้ในบทที่ผ่านมาแล้ว คือ
1.หมุนธรรมจักรในตนเองได้
2.ไม่ปิดอายตนะภายนอกของตนไว้
3.ใช้ขันธ์ห้าได้อย่างถูกต้อง
4.ใช้ปัญญาของสมองเป็น
5.นึกให้เป็นเพื่อคิดให้เป็น
6.ต้องคิดด้วยสมองสองซีกให้เป็น
 
โดยในบทที่ผ่านมานั้น
เราได้ถ่ายทอดคลื่นความคิดเป็นองค์ความรู้
ที่เรารับสื่อโดยตรงมาจากพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ให้พวกคุณได้รับรู้เพื่อเรียนรู้ในเบื้องต้นกันไปแล้ว
พระองค์ทรงเมตตาแนะวิธีกดปุ่มใช้สมองซีกซ้าย
ว่ามีหลักการปฏิบัติและมีวิธีการกดปุ่มอย่างไรบ้าง
ในบทนี้เราจะกล่าวถึงวิธีกดปุ่มใช้สมองซีกขวาบ้าง
 
พวกคุณจะต้องรู้ความจริงเอาไว้ว่า
คนส่วนใหญ่นั้นเคยชินในการใช้จิตกับสมองสองซีก
เพื่อการคิดรู้เรียนรู้ทุกสิ่งกันอยู่ตลอดเวลาในยามตื่น
โดยไม่เคยสังเกตว่าเรื่องนั้นคำตอบนั้นความคิดนั้น
เป็นผลผลิตจากการใช้จิต #นึกออกนึกเอานึกเอง
เป็นผลผลิตจาก #กระบวนการคิดของจิตกับสมอง
เป็นผลผลิตจาก #กระบวนการคิดของสมองซีกไหน
 
เหตุที่คุณส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ความจริงเหล่านี้เพราะว่า
พวกคุณใช้จิตกับสมองได้ก็เฉพาะในระบบอัตโนมัติ
โดยไม่เคยมีใครสอนว่าจะกดปุ่มใช้งานมันอย่างไร
หรือไม่เคยรู้ว่าสมองสองซีกนั้นกดปุ่มใช้งานมันได้
และผลิตผลทางการคิดแบบกดปุ่มจากสมองสองซีก
มันจะลุ่มลึกแยบยลมีประสิทธิผลสูงกว่าปกติอีกด้วย
 
กรณีการใช้สมองซีกซ้ายแบบอัตโนมัติ
เด็กตั้งแต่อายุสามขวบเมื่อสมองสองซีกซ้ายขวา
มีสะพานเชื่อมต่อกันไว้เรียบร้อยแล้วนั้น
เด็กทุกคนจะใช้จิตกับปัญญาของสมองซีกซ้าย
รวมทั้งใช้ #จิตสัญชาตญาณ จากก้านสมอง
ซึ่งสั่งการตรงจากจิตวิญญาณคือต่อมพิทูอิทารี่
ได้โดยอัตโนมัติตั้งแต่เด็กจนโตหรือจนวันตาย
 
ดังนั้น
เมื่อได้รู้จากพระเจ้าที่ทรงสื่อผ่านเรามาว่า
สมองซีกซ้ายและซีกขวาของคุณนั้น
ยังกดปุ่มสั่งการให้คิดรู้แทนระบบอัตโนมัติได้ด้วย
หลายคนอาจไม่เชื่อว่ามันเป็นไปได้จริงๆ
หลายคนก็อาจจะทึ่งในความรู้ใหม่ของพระองค์
หลายคนก็อาจจะปฏิเสธความรู้ใหม่นี้อย่างไม่ใยดี
เพราะไม่มีฝรั่งคนไหนเคยสอนให้รู้มาก่อน
 
รู้แต่เพียงว่าการคิดรู้ธรรมดาใช้สมองซีกซ้ายคิด
สมองซีกขวาเป็นสมองที่ใช้ในการคิดสร้างสรรค์
ส่วนมากมักจะเน้นไปที่งานทางด้านศิลปะเป็นหลัก
 
เราจะกล่าวความจริงให้คุณรู้ว่า
ถ้าต้องการใช้สมองซีกขวาเป็นเยี่ยง #อริยะชน
แทนการใช้สมองซีกขวาได้ by fluke กันอีกต่อไป
หรือต้องการใช้สมองซีกซ้ายเยี่ยง #ปัญญาชน
ด้วยการเป็นนักคิดนักวิเคราะห์แบบกดปุ่มเองได้
แทนการใช้สมองซีกซ้ายคิดแบบสะเปะสะปะแล้ว
คุณจะอ่านบทเรียนนี้แล้วข้ามผ่านมันไปไม่ได้แน่
 
พระเจ้าทรงออกแบบให้สมองซีกซ้าย
มีพลังอำนาจทางปัญญาในการคิดได้เมื่อคุณมีสติ
คำว่า “มีสติ” หมายถึง คุณสามารถที่จะกำหนดนึก
หรือออกคำสั่งให้สมองคิดเรื่องที่จะรู้ได้ทีละเรื่อง
โดยคิดในขณะที่จิตว่างไปจากกิเลสตัณหาทั้งปวง
เพราะจิตกับสมองมันทำงานได้ทีละอย่างเท่านั้น
ถ้าคุณขาดสติทั้งจิตและสมองจะอ่อนพลังลงทันที
เนื่องจากมันต้องทำงานพร้อมกันหลายอย่างนั่นเอง
 
ประการต่อมาที่คุณต้องรู้ก็คือ
สมองซีกซ้ายให้ความฉลาดทางปัญญาคือสติปัญญา
ให้คุณใช้เพื่อเรียนรู้ทุกสรรพสิ่งที่เป็น #โลกียธรรม
คำว่า “สรรพสิ่งที่เป็นโลกียธรรม” ในที่นี้หมายถึง
สิ่งที่คุณสัมผัสรู้ดูเห็นได้ด้วยอายตนะภายนอกทั้งห้า
ซึ่งเป็นสรรพสิ่งในมิติโลกทางกายภาพที่มันหยาบๆ
อันเป็นเปลือกนอกหรือมายาของสิ่งที่เป็นแก่นแท้
ซึ่งเร้นตนเองอยู่ข้างในที่ดำรงอยู่ในมิติทางพลังงาน
โดยสองตาเปล่าของมนุษย์ไม่อาจมองเห็นมันได้
พระเจ้าจึงทรงกำหนดให้แก่นแท้ที่เป็นพลังงาน
สำแดง “มายา” จากคุณสมบัติของตนออกมาแทน
เป็นรูป รส กลิ่น เสียง เย็น ร้อน อ่อน แข็ง เป็นต้น
 
ด้วยเหตุนี้เอง
เมื่อสมองซีกซ้ายใช้สติปัญญาเรียนรู้ความจริง
ในมิติโลกทางกายภาพซึ่งเป็นเรื่องหยาบๆแล้ว
เพราะมันมีขีดจำกัดที่จะใช้ทำหน้าที่ในการคิดรู้
พระองค์จึงทรงออกแบบให้มนุษย์มีสมองซีกขวา
ใช้ทำหน้าที่เรียนรู้สรรพสิ่งที่ลึกละเอียดกว่า
ในมิติที่สมองซีกซ้ายแต่เดิมนั้นใช้คิดรู้เรียนรู้ไม่ได้
 
องค์ความรู้ที่จะได้จากสมองซีกขวาก็คือ
สัจธรรมความจริงที่เรียกกันว่า #โลกุตรธรรม
คือความจริงที่อยู่เหนือมิติโลกทางกายภาพ
แปลสั้นๆว่า “มองด้วยตาเปล่าไม่อาจเห็น” นั่นเอง
ซึ่งคุณจะเข้าถึงความจริงในมิติของแก่นแท้นี้ได้
ก็ด้วยการคิดให้เป็นภาพโดยวิธีจินตนาการเท่านั้น
 
(ยังมีตอนต่อไป)
 
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
 
ปัญญาวิสุทธิ์
18/08/2566