25 พฤษภาคม 2559

ปฏิบัติธรรมมานาน แล้วใยจึงหลุดพ้นไม่ได้


เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

การที่หลายท่านคิดเข้าใจว่า
การหมั่นทำบุญสุนทานมากๆเป็นการสั่งสมบุญบารมี
ในอันที่จะช่วยตนเองให้พ้นทุกข์ได้
ซึ่งหมายถึงหลุดพ้นไปจากสังสารวัฏ
คือการเวียนว่ายตายแล้วไม่ต้องกลับมาเกิดใหม่อีกนั้น
เป็นความเชื่อในความรู้ที่ไม่ถูกต้อง

เพราะบุญบารมีที่สร้างสมไว้ไม่ว่าจะมากสักปานใด
ก็มิอาจฉุดช่วยนำพาดวงจิตธรรมญาณของท่าน
ให้ "หลุดพ้น" ออกไปจากระบบเอกภพนี้ได้

ถ้าหากผลกรรมทั้งปวง
อันเกิดจากการกระทำของท่าน
ทั้งจากอดีตชาติและที่ก่อไว้ในภพชาติปัจจุบันนี้
จิตวิญญาณของท่านยังคงมีภาระต้องแบกมันอยู่

หรือว่าในชาตินี้
ขณะที่ตัวท่านถือศีลกินเจกันอยู่
หมั่นสร้างบุญกุศลกันอยู่
แต่ท่านยังมิได้ใส่ใจในการปรับปรุงแก้ไขจิตหยาบ
ซึ่งยังสั่งสมคุณสมบัติที่ไม่ถูกต้องไม่เหมาะสมไว้
เช่น ขี้โมโห ขี้อิจฉา ขี้งก ขี้โม้ ขี้เท็จ ขี้อาฆาต ฯลฯ
หรือสิ่งที่เป็นกิเลส ตัณหา ทั้งหมดทั้งสิ้น
จนยังผลให้จิตไม่ใส ใจไม่สวย
เพราะแทรกแซงกระบวนการของขันธ์ 5 ยังไม่ได้

ความผิดพลาดในการดำเนินชีวิตร่วมกันกับคนอื่นๆ
จนทำให้สอบตกแทบจะทุกบททดสอบในชีวิตประจำวัน
ก็จะยังคงเป็นเงื่อนไขฉุดรั้ง
ดวงจิตธรรมญาณของท่านไว้ในระบบโลกเสรีนี้ต่อไป

การศึกษาธรรมะแบบเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง
การนำธรรมะที่รู้อยู่มากมายมาปฏิบัติจริงไม่ได้
การรู้ธรรมะมากมายแต่มีไว้เพียงเพื่อพูดให้คนอื่นฟัง
การยอมรับศาสนาแต่ทว่างมงายอยู่กับคัมภีร์และพิธีกรรม
โดยไม่เคยถามตนเองบ้างเลยว่า

ถือศีลปฏิบัติธรรมครบทุกข้อนั้นดี แต่ว่าดีอย่างไร
กราบพระนั้นดี แต่ว่าดีอย่างไร
สวดมนต์นั้นดี แต่ว่าดีอย่างไร
ปฏิบัติเท็คนิกสมาธินั้นดี แต่ว่าดีอย่างไร
ทำบุญทำทานเยอะๆนั้นดี แต่ว่าดีอย่างไร
ปฏิบัติดีทั้งหมดที่กล่าวมานี้มานาน 
แล้วใยตนเองยังดับขันธ์ 5 เพื่อนิพพานไม่ได้

หากรู้คิดตั้งคำถามที่เหมาะสมต่อตนเองได้เมื่อใด
การแสวงหาคำตอบที่เหมาะสมจึงจะเกิดขึ้นได้เมื่อนั้น
เมื่อได้คำตอบที่เหมาะสมแล้วนั่นล่ะ
การเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในชีวิตของท่าน
มันจึงจะบังเกิดผลขึ้นมาได้จริงๆ

เราจึงขอบอกความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ขณะนี้จิตวิญญาณผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของท่านนั้น
กำลังรอการเปลี่ยนแปลงด้านจิตตปัญญาของท่านอยู่
ภายในก่อนกาลสิ้นยุคพลังงานเก่านี้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
25-05-2016

14 พฤษภาคม 2559

2 Ring Sun Halo


นี่เป็นคลิปภาพพระสุริยะทรงกลด 2 ชั้น (Sun Halo 2 Rings)
เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 14-05-2016
ซึ่งท่านทั้งหลายจะหาชมพระบารมีเช่นนี้ไม่ง่ายนักหรอก
เพราะมายานี้เพิ่งปรากฏเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 6 หมื่นปี

เนื่องในวโรกาสที่องค์จิตจักรวาล
ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย
ได้ทรงเสด็จโดยภาคแห่งพระจิตธรรมญาณ
มาเป็นองค์ประธานในการประชุมถวายรายงานของเหล่าช่างเท็คนิก
เพื่อสรุปโครงการสร้างจิตจักรวาลสถานธรรม ณ ภูกระต่าย
ในขั้นตอนสำคัญของเฟสแรก ตามพระบัญชาแห่งพระองค์
ณ ดวงพระสุริยะแห่งโลกเสรีนี้

ลูกขอกราบพระบาทขอบพระทัยพระบิดา
ทั้งขอขอบพระคุณและขอบคุณพี่ๆช่างเท็คนิกจากทุกจักรวาล
ผู้เข้าร่วมประชุมครั้งสำคัญและเฝ้าถวายงานพระบิดากันอย่างหนาแน่น
ด้วยรัศมีสีทองแดงและสีครามอันแจ่มจรัสแสงแห่งบารมี
ที่ท่านทั้งหลายมีเมตตาต่อเหล่ามนุษย์โลกเสรีผู้ใฝ่ดีตลอดมา

ขณะที่บนโลกมนุษย์
เราก็มีประชุมนัดสำคัญกับผู้ขันอาสาก่อสร้าง
อาคารประชุมสัมมนาด้วย ในเวลาเดียวกันกับฝั่งฟ้า
ซึ่งภารกิจราบรื่นเป็นที่ยิ่ง

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
14-05-2016

05 พฤษภาคม 2559

คน 2 มิติ คืออะไร



(1): มนุษย์ คือ คนสองมิติ
**************************
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
มนุษย์โลกเสรีทุกคนล้วนเป็น "คนสองมิติ"

"คนสองมิติ" หมายถึง 
ผู้ที่สามารถแสดงออกหรือกระทำ
ให้เกิดผลลัพธ์ของการกระทำของตนขึ้น
ทั้งในมิติแห่งตัวตนในทางกายภาพ
ที่ใครๆสามารถสัมผัสรู้ดูเห็น
ด้วยกลไกอายตนะภายนอกทั้งห้าได้

กับผลลัพธ์ของการกระทำที่จะเกิดขึ้นพร้อมกัน
ในมิติแห่งจิตใจในทางพลังงาน
ซึ่งอายตนะภายนอกทั้งห้าของท่าน
มิอาจสัมผัสรู้ดูเห็นได้
เพราะพวกท่านถูกปิดมิติไว้

นี่จึงหมายความว่า
ขณะที่ท่านกำลังแสดงออกหรือกระทำ
พฤติกรรมใดๆกับใครคนใดคนหนึ่งอยู่

นั่นเท่ากับว่าในขณะนั้น
ท่านก็กำลังแสดงพฤติกรรมทางจิต
กับคนผู้นั้นควบคู่กันไปด้วย
แม้ว่าสองตาเปล่าของท่าน
จะมองไม่เห็นพฤติกรรมทางจิต
ที่ท่านกระทำต่อเขาคนนั้นอยู่ก็ตาม

เพราะมนุษย์ถือคติสิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น
สิบตาเห็นไม่เท่าเอามือคลำดู

เพราะมนุษย์ไม่รู้ไม่เห็นพฤติกรรมทางจิต
มนุษย์ส่วนใหญ่จึงประมาทและละเลยที่จะใส่ใจ
ในพฤติกรรมทางจิตของตนเองที่มีต่อผู้อื่น

การกระทำผิดบาปจากการก้าวล่วงทางจิต
ในมิติของแก่นแท้ต่อกันและกัน
จึงเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลาในยามตื่น
ทั้งต่อหน้าและลับหลัง
ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัว

พฤติกรรมทางจิตที่มนุษย์กระทำต่อกันนั้น
พระศาสดาทรงเรียกว่า "มโนกรรม"
แต่องค์จิตจักรวาลทรงใช้คำเต็มว่า
"การสั่นสะเทือนทางจิตสามนึก"

โดย "จิต 3 นึก" หมายถึง
การสั่นสะเทือนของจิต 3 ประการ คือ
การนึกได้ว่า การนึกเอาว่า และการนึกเองว่า
ซึ่งการนึกทั้งสามรูปแบบที่ว่านี้
มันจะสั่นสะเทือนไปตามอารมณ์รู้สึกในขณะนั้นๆ

ถ้ากำลังรู้สึกทางด้านบวกต่อใครหรือสิ่งใด
จิตสามนึกก็จะสั่นสะเทือนไปทางด้านบวก
ต่อคนนั้นสิ่งนั้นเสมอ

ถ้ากำลังรู้สึกทางด้านลบต่อใครหรือสิ่งใด
จิตสามนึกก็จะสั่นสะเทือนไปทางด้านลบ
ต่อคนนั้นสิ่งนั้นเสมอเช่นกัน

เมื่อมนุษย์สั่นสะเทือนเป็นการนึก
ทั้งบวกหรือลบต่อผู้หนึ่งผู้ใดก็ตาม
การก่อกรรมให้เกิด "ผลกรรม" ในกรณีนั้นๆ
มันก็ได้บังเกิดขึ้นมาแล้วในมิติแห่งจิต
ก่อนที่มันจะนำไปสู่การคิดบวกคิดลบด้วยสมอง
แล้วแสดงออกมาเป็นกายกรรมหรือวจีกรรมต่อไป

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
เวรกรรมทั้งหลายนั้นล้วนเกิดที่ "จิต"
ซึ่งสั่นสะเทือนเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านลบ
ที่มีต่อผู้อื่นที่เกิดขึ้นในยามตื่นของท่าน

ดังนั้น
ไม่ว่าท่านจะแสดงมันออกมาทางคำพูดหรือไม่
หรือจะแสดงออกมาทางการกระทำหรือไม่ก็ตาม
กรรมที่ท่านกระทำด้วยจิตนั้น
จะถือว่าได้กระทำ "สำเร็จ" ไปแล้ว
ซึ่งมันเป็นการก่อกรรมให้เกิดผลกรรมขึ้นแล้ว
ท่านจะต้องรับผิดชอบมันสถานเดียว

แต่ถ้าท่านสั่นสะเทือนจิตใจ
จนเกิดเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิด
ไม่ว่าด้านลบหรือด้านบวกก็ตาม
แล้วท่านขับเคลื่อนมันออกมา
เป็นท่าทางหรือคำพูดที่ไม่เหมาะสมต่อผู้อื่น
จนผู้อื่นหยิบนำไปใช้เป็นเงื่อนไข
สั่นสะเทือนทางอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านลบ
เพื่อตอบโต้ ต่อต้านกลับมาบ้าง
มันก็จะยังผลให้ท่านกับผู้อื่นนั้น
มีการ "เกี่ยวกรรมกัน" เกิดขึ้นทันที

วันๆหนึ่งหากท่านเผลอสติหรือประมาท
การก่อกรรมกับการเกี่ยวกรรมของท่าน
มันก็จะเกิดขึ้นใหม่อย่างมากมาย
จนบั้นปลายชีวิตท่านก็จะยังมิอาจหลุดพ้น
ออกไปจากเอกภพหรือ "จักรวาลสากล" นี้ได้
เนื่องจากยังมีการเอี่ยวเกี่ยวกรรมกัน
ในอันที่จะต้องเร่งแก้ไขร่วมกันอยู่
การมีสังสารวัฏหรือการเวียนว่ายตายเกิด
ก็จะยังคงมีอยู่ต่อไป

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5-05-2016