29 มิถุนายน 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล

29/12/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

จิตวิญญาณของท่าน
ซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้ที่ขันอาสาพระบิดา
เดินทางข้ามมิติเข้ามาสู่การเกิดเป็นมนุษย์นั้น
มีพระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือ "พระเจ้า"
เป็นผู้ให้กำเนิดพระองค์เดียวกันทั้งนั้น
รวมทั้งจิตวิญญาณของสัตว์ทั้งหลายด้วย

ทั้งมนุษย์และสัตว์จึงล้วนเป็นบุตรของพระองค์
โดยทุกรูปธรรมมีหน้าที่ร่วมกันที่ต้องทำ
ในนามของจิตวิญญาณของตนเองขณะมีชีวิต
นั่นคือ ผลิตสร้าง พลังงานความรักมอบให้โลก
โดยต้องสั่นสะเทือน "ขันธ์ 5" ด้วยความรักให้ได้

ความรักในความหมายของพระบิดาที่ว่านี้ก็คือ
การอดทนอดกลั้นและให้อภัยต่อคนรอบข้างให้ได้
ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นคนในครอบครัวหรือในสังคม
ที่ทำตัวไม่น่ารักไม่น่าคบไม่สบอารมณ์ของท่าน
โดยไม่มีเงื่อนไขข้อแม้และข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น


ถ้าจิตหยาบท่านเข้าถึงการสั่นสะเทือนขันธ์ 5 ได้
จะช่วยให้ "จิตหยาบ" เป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้ของท่านได้ทันที
อันเป็นการ หมุนธรรมจักร ของจิตวิญญาณนั่นเอง
นับเป็นการไม่เสียชาติเกิดแล้ว

แต่ถ้าตลอดภพชาตินี้จิตหยาบของท่านยังล้มเหลว
เพราะสั่นสะเทือนขันธ์ 5 ด้วยอารมณ์ขยะรายวัน
ซึ่งสั่นสะเทือนทีไรเป็นก่อกรรมทำบาปขึ้นมาเมื่อนั้น
มันคือการ หมุนกรรมจักร ของ จิตหยาบ นั่นเอง
นี่เท่ากับว่าจิตหยาบทำให้จิตวิญญาณเสียชาติเกิด
จนยังผลให้จิตวิญญาณของท่านล้มเหลวในภารกิจ
ที่ขันอาสาพระบิดาเข้ามาปฏิบัติในบทบาทของมนุษย์

ถ้าท่านจะเปลี่ยนกรรมจักรให้เป็นธรรมจักร
ในการสั่นสะเทือนจิตหยาบด้วยกระบวนการขันธ์ 5
มีสิ่งเดียวที่ต้องทำก็คือ ต้องนิพพานขยะในขันธ์ห้า
จำพวกกิเลสตัณหาราคะอารมณ์ขยะทั้งปวงให้สิ้น

ถ้าดับขยะทั้งหมดเหล่านี้ได้อย่างสิ้นเชิงเมื่อใด
จิตวิญญาณของท่านก็จะนิพพานกรรมที่ติดตัวอยู่ได้
เมื่อนิพพานกรรมทั้งหมดได้แล้วการตกนรกจึงไม่มี
เมื่อนิพพานกรรมทั้งหมดได้แล้วสังสารวัฏจึงไม่มี
จิตวิญญาณของท่านก็ไม่มีเหตุให้ต้องตายอีก

เมื่อจิตหยาบของท่านประสบผลสำเร็จ
ในการหมุนธรรมจักรด้วยขันธ์ 5 ได้ทั้งชีวิต
มันจะเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากและน่าภาคภูมิใจยิ่ง
เพราะท่านจะเป็นคนหนึ่งที่บรรลุภารกิจศักดิ์สิทธิ์
ในการปฏิบัติตามแผนการทดลองของพระเจ้าได้
ซึ่งท่านเป็นผู้ขันอาสาพระองค์กันมาเอง

แผนการทดลองที่พระบิดาหรือพระเจ้า
ซึ่งเราถวายพระนามว่า องค์จิตจักรวาล ในยุคนี้
ตามที่ทรงออกแบบและวางแผนการเอาไว้ก็คือ

การส่งจิตวิญญาณพวกท่านมาจากแดนสุญตา
ให้เข้ามาใช้เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
โดยให้จิตหยาบทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณ
เพื่อทำการสั่นสะเทือนจิตหยาบกับกายหยาบ
ให้อยู่เหนือกิเลสตัณหาราคะอารมณ์ขยะ
จนเข้าถึงความรักบริสุทธิ์คือรักเพื่อให้
และใช้ความฉลาดทางปัญญาของสมองสองซีก
ดำเนินชีวิตประจำวันร่วมกันกับเพื่อนมนุษย์ให้จงได้
อันหมายถึงการสั่นสะเทือนขันธ์ห้าเป็นธรรมจักร
ตามที่เรากล่าวมาข้างต้นนั่นเอง

หน้าที่ของพวกท่านที่ขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์
มันมีเพียงเท่านี้จริงๆไม่มีอะไรยุ่งยากเลยสักนิด

ลองถามตนเองเถิดว่า
ความวุ่นวายวกวนจนทุกข์หนักทุกข์หนา
ความปรารถนาจะจะดับขันธ์ 5 ให้สิ้น
เพราะเข้าใจว่าขันธ์ห้าเป็นที่มาของ อัตตา
อันเป็นสาเหตุแห่งกองทุกข์ทั้งปวง
ถ้าตนดับขันธ์ห้าได้ก็จะกลายเป็น อนัตตา
จึงเชื่อว่าตนนิพพานได้แล้วไม่ต้องมีภพชาติแล้ว
มันเป็นความยากลำบากในการปฏิบัติธรรม
เพราะพวกท่านเชื่อตามคนนำทางตาบอด
ที่เข้าใจสัจธรรมของพระศาสดาผิดพลาดใช่ไหม

ท่านทั้งหลายต้องรู้ว่า
วิธีการปฏิบัติธรรมตามอย่างคนนำทางตาบอด
ที่มุ่งปลีกวิเวกออกไปจากสังคมแล้วปิดอายตนะ
นั่นเท่ากับว่าพวกเขาปฏิเสธการใช้อายตนะ
โดยเหลือแต่ "จิตหยาบ" อย่างเดียวเท่านั้น
และปฏิเสธการมีสังคมในแบบ "สัตว์สังคม" ด้วย
จึงทำเรื่องง่ายๆซึ่งพระบิดาทรงออกแบบไว้ให้
กลายเป็นเรื่องยุ่งยากลึกลับสลับซับซ้อน
เพราะมันผิดธรรมชาติที่ทรงออกแบบไปหมดสิ้น

การพยายามหาทางตายแล้วไม่ต้องเกิดอีกนั้น
เพราะท่านไปเข็ดขยาดขลาดกลัวความทุกข์
ซึ่งเป็นตัวทุกข์ที่เกิดจากจิตหยาบใช้ชีวิตไม่เป็น
เพราะแก้ปัญหาชีวิตที่เผชิญไม่สำเร็จหรือไม่ได้
เนื่องจากขาดการติดอาวุธทางปัญญาให้ตนเอง
การหลงทางนิพพานจึงเกิดขึ้นนับตั้งแต่บัดนั้น
ยิ่งหลงเชื่อว่าถ้า "หลุดลอย" ขึ้นไปเป็นอรหันต์ได้
มันคือการนิพพานซึ่งเป็นมรรคผลสูงสุดแล้ว
นี่ก็ยิ่งหลงทางหนักเข้าไปอีก

นอกจากนั้น
การนำเอาศาสนาที่ตนนับถือแตกต่างกัน
มาเป็นเงื่อนไขในการสร้างความแตกแยก
ทำให้แต่ละศาสนาเสื่อมเสมอเป็น ลัทธิ ไป
พระศาสดาจึงต้องเป็นได้แค่เพียง เจ้าลัทธิ
แทนที่จะนำเอาสัจธรรมของพระศาสดาต่างๆ
ที่ทรงจุติมาอบรมสั่งสอนมนุษย์ไว้ในแต่ละยุค
มาศึกษามาร่วมเรียนร่วมรู้ร่วมกันด้วยปัญญา
มันจะเกิดการงอกงามทางปัญญาหลายเท่านัก

การขัดแย้งกันทางศาสนาที่รุนแรง
การเห็นคนนอกศาสนาเป็นคนนอกรีต
มันคือตัวชี้วัดว่าผู้คนทั้งหลายเหล่านั้น
เป็นผู้มืดบอดทางปัญญาพาให้จิตสามนึกตกต่ำ
ไม่สง่างามในการถูกเรียกว่า มนุษย์ เลย

เราจึงขอยืนยันว่า
ทุกศาสนาล้วนเป็นสากล
ทุกศาสดาล้วนเป็นหนึ่งเดียวกัน
จงอย่าหลงเชื่อคนนำทางตาบอด
ที่นำพาพวกท่านหลงทางหลงธรรมต่อไปอีก
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
ต้องการเป็นอิสระจากความงมงายของท่าน
และปรารถนาจะหลุดพ้นกลับบ้านแดนสุญตา
โดยรอคอยเวลามานานนับพันปีแล้วนะ

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

อย่าเชื่อคนนำทางตาบอดเลย

เพราะทุกศาสนาเป็นสากล

ทุภศาสดาเป็นหนึ่งเดียวกัน

ยึดศาสดาพระองค์เดียวช่วยให้

จิตวิญญาณของท่านบรรลุ

มรรคผลสูงสุดคือหลุดพ้นไม่ได้


เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29/06/2021

26 มิถุนายน 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล

26/06/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า

ไม่ว่าท่านจะมาเกิดเป็นมนุษย์ชาติใดเผ่าใด
ไม่ว่าท่านจะมีผิวสีอะไร มีนัยน์ตาสีอะไร
ไม่ว่าท่านจะพูดจาเป็นภาษาอะไร
ไม่ว่าท่านจะเลือกนับถือศาสนาอะไร
ไม่ว่าท่านจะเลือกยอมรับใครเป็นพระศาสดา

พวกท่านก็ล้วนมีจิตวิญญาณเป็นแก่นแท้
ซึ่งมีพระบิดาแห่งจิตวิญญาณพระองค์เดียวกัน
พวกท่านล้วนเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์ในระบบโลก
เพื่อทำหน้าที่ร่วมกันผลิตสร้างพลังงานความรัก
ช่วยค้ำจุนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ให้สมดุล
ด้วยการช่วยให้โลกเสรีนี้หมุนรอบตัวเองต่อเนื่อง
ในอัตราความเร็วของการเหวี่ยงหมุนที่คงที่
ตามที่พระองค์ทรงกำหนดออกแบบไว้

ซึ่งสัตว์ประจำโลกทั้งหลาย
รวมทั้งต้นหญ้าป่าไม้บนแผ่นดินโลก
ต่างล้วนเป็นเครื่องยนต์แห่งกรรม
ที่พระบิดาหรือพระเจ้าทรงกำหนดสร้างขึ้น
ให้ทำหน้าที่มอบความรักค้ำจุนโลกเช่นกัน
โดยเฉพาะจิตวิญญาณแก่นแท้ในสัตว์ทุกตัว
ก็ล้วนเป็นพี่ๆน้องๆของพวกท่านนี่แหละ
เพราะมีผู้ให้กำเนิดหรือพระบิดาพระองค์เดียวกัน

ส่วนการที่มีตัวตนรูปลักษณ์แตกต่างกัน
ระหว่างสัตว์ประจำโลกกับมนุษย์ก็เพราะว่า
สัตว์ประจำโลกเป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมรุ่นที่สอง
ที่ทรงพัฒนารูปแบบมาจากต้นไม้ที่เป็นรุ่นแรก
ซึ่งทรงออกแบบขึ้นมาใหม่โดยไม่เคยมีมาก่อน
เพื่อใช้เป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมประจำโลก
ในการผลิตพลังงานความรักค้ำจุนสมดุลโลก
เมื่อโลกสมดุลอนันตจักรวาลก็จะสมดุลได้ตลอด

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เพราะเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมต้นไม้
เป็นสรรพสิ่งแรกบนโลกนี้ที่ทรงออกแบบสร้าง
โดยที่ยังไม่มีเครื่องยนต์แบบใดมาก่อนเลย
พระองค์จึงทรงประทาน "นาม" สิ่งที่ทรงสร้าง
ด้วยคำสองพยางค์สั้นๆว่า ต้นใหม่
ซึ่งคำว่า "ต้น" ทรงหมายถึง "สิ่งแรกเริ่ม"
คำว่า "ใหม่" ทรงหมายถึง "ไม่เคยมีมาก่อน"
แต่พอหลายปีผ่านมาจึงเพี้ยนเป็นว่า ต้นไม้
โดยไม่รู้เหมือนกันว่ามันมีความหมายอะไร

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เพราะพวกท่านเป็นมนุษย์
ได้ใช้เครื่องยนต์แห่งกรรมที่ทรงออกแบบไว้
ให้มีประสิทธิภาพ สมรรถภาพ และความงดงาม
เหนือกว่าเครื่องยนต์แห่งกรรมประเภทอื่นๆ

เพราะมนุษย์อย่างท่านทั้งหลายนั้น
แม้จะมีจิตวิญญาณขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์
เช่นเดียวกันกับจิตวิญญาณของสัตว์ทั้งหลาย
แต่พวกท่านจะรู้กันบ้างหรือไม่ว่า
จิตวิญญาณของสัตว์นั้นเมื่อมาเกิดบนโลกนี้แล้ว
พวกเขาจะไม่สามารถ "หลุดพ้น" กลับบ้านได้
ซึ่งจักต้องทำหน้าที่อยู่คู่โลกนี้ตลอดกาลนิรันดร์

ขณะที่จิตวิญญาณของพวกท่าน
ภายในเวลาหกหมื่นปีโลก
จะหลุดพ้นนิพพานกลับบ้านเมื่อใดก็ได้ถ้าพร้อม
เพราะพระบิดาทรงประทานสิทธิพิเศษ
ให้ "จิตวิญญาณ" แก่นแท้ของท่านทั้งหลาย
แบ่งภาคตนเองออกมาเป็น "จิตหยาบ"
เพื่อทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณขณะเป็นมนุษย์
โดยสัตว์ประจำโลกทั้งหลายมิได้รับโอกาสดีนี้

การที่พระองค์ทรงออกแบบให้มนุษย์
มีจิตหยาบทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณ
ก็เพื่อจะช่วยให้จิตวิญญาณนั้นลดความเสี่ยง
เสี่ยงที่จะสูญเสียความสมดุลจนหลงมิติ
จะทำให้ไม่สามารถ "หลุดพ้น" กลับบ้านได้

พระองค์จึงต้องให้จิตหยาบทำหน้าที่แทน
จิตหยาบจะผิดจะเพี้ยนอย่างไรก็ไม่เป็นไร
เพราะเมื่อจิตวิญญาณตายไปเมื่อไหร่
จิตหยาบก็จะดับสลายไปกับ "ขันธ์ 5" เมื่อนั้น
ส่วนจิตวิญญาณที่เสียสมดุลเพราะจิตหยาบ
เมื่อตายแล้วเพียงแค่ส่งลงไปบำบัดที่แดนนรก
โดยให้ท่านพระยายมบาลกับคณะช่วยเหลือ
เมื่อหายป่วยแล้วก็ส่งคืนกลับมาเกิดใหม่ต่อไปได้

ความจริงหรือสัจธรรมที่เรากล่าวมาข้างต้น
พระศาสดาที่เกิดจากโลกมิได้กล่าวต่อท่านไว้
เพราะเป็นสัจธรรมระดับ อนุตรธรรม แท้จริง
ที่เกินกำลังสมองสองซีกของมนุษย์จะรู้เองได้
ขอท่านทั้งหลายจงเปิดใจรับฟังด้วยสติปัญญา
จงอย่าแสร้งปิดหูหลับตาปิดจิต
ในแบบที่ท่านชำนาญ "ทำ" กันต่อไปอีกเลย

จงหยุดทำสงครามศาสนากันเถอะ
เพราะพระศาสดาทุกพระองค์
ทรงเป็นหนึ่งเดียวกัน
เพราะทุกศาสนาล้วนเป็นสากล
ต่างสอนให้คนในยุคนั้นๆเป็นคนดีด้วยกันทั้งสิ้น

จงหยุดกล่าวหาเรา
ว่าขโมยธรรมะของพระศาสดามาสอน
เพราะธรรมะนั้นเป็น "สัจธรรมสากล"
ถ้าใครกล่าวสัจธรรมแท้จริงในสิ่งเดียวกัน
คำกล่าวอันศักดิ์สิทธิ์นั้นย่อมตรงกันได้เสมอ
มิใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไรเลย
ใครจะบังอาจห้ามมิให้เรากล่าวได้หรือ

จงหยุดก้าวล่วงเราเสียเถิด
เมื่อได้ยินเรากล่าวถึงพระเจ้าเมื่อใด
ก็ทำตัวผูกขาดในพระเจ้าว่าเป็นของตนทันที
โดยห้ามเรามิให้กล่าวถึงพระเจ้า
ห้ามเรามิให้กล่าวถึงพระโอวาทคำสอนนั้น
โดยกล่าวโทษว่าเราเป็นพวกลัทธิเทียมเท็จ
ทั้งๆที่มนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
เขาจะนับถือศาสนาไหนหรือไม่มีศาสนา
ต่างล้วนมีพระผู้เป็นเจ้าพระองค์เดียวกันทั้งนั้น

นอกจากนั้นยังดันทุรังถามเราอีกด้วยว่า
พระเจ้าของเราทรงมีพระนามว่ากระไร

นี่แน่ะเราจะบอกให้เอาบุญ
พระเจ้าหรือที่มนุษย์หลายคนในปัจจุบัน
ถวายพระนามว่า "องค์เยโฮวาห์" นั้น
เป็นพระดำรัสตอบเมื่อมนุษย์คนหนึ่ง
ทูลถามว่าพระเจ้าทรงมีพระนามว่าอะไร
โดยคำว่า "เยโฮวาห์" ที่ทรงกล่าวตอบนี้
ทรงหมายความว่า "เราเป็นเช่นที่เราเป็น"

ท่านทั้งหลายจงอย่าคิดแบบจิตมนุษย์ว่า
คนทุกผู้ทุกนามจักต้องมีชื่อเรียกขานกัน
แม้พระเจ้าก็จะต้องมิทรงละเว้นด้วย

เหตุที่พระเจ้าไม่ต้องมีพระนามก็เพราะว่า
พระเจ้ามีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น
ที่มนุษย์ต้องมีชื่อนามก็เพราะว่ามีหลายคน
จะได้ไม่สับสนว่าใครเป็นใคร

เราขอเตือนว่า
ใครก็ตามจงอย่าก้าวล่วงเรา
หากยังไม่ศึกษาเรา
หรือเรียนรู้เราให้กระจ่างก่อน

เพราะพระบิดาเป็นผู้ทรงใช้เรามา
หากท่านก้าวล่วงเรา
ก็เท่ากับว่าก้าวล่วงพระบิดาด้วย

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
26/06/2021

25 มิถุนายน 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล

25/06/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

พระศาสดาของโลกเสรีทุกยุคที่ผ่านมา
ถ้าท่านเป็นคนช่างสังเกตและใช้ปัญญาเป็น
จะพบว่าพระศาสดาจะมีอยู่ 2 ประเภท คือ

1. พระศาสดาที่มาจากพระเจ้า
โดยพระบิดาจะทรงเรียก
พระศาสดาประเภทนี้ว่า พระบุตรเอก

พระภารกิจสำคัญของพระบุตรเอก
ที่พระบิดาหรือพระผู้เป็นเจ้า
ทรงมอบหมายให้เข้ามาปฏิบัติแทนพระองค์ก็คือ
ให้มากล่าวพระโอวาทต่อพี่ๆน้องๆทั้งหลาย
ในพระนามของพระองค์นั่นเอง

พระโอวาทที่สำคัญก็คือ
การชี้ทางนิพพานที่ถูกต้องของจิตหยาบ
กับการชี้ทางหลุดพ้นกลับบ้านของจิตวิญญาณ
ที่มนุษย์โลกเสรีถูกคนนำทางตาบอด
พาก้าวเดินหลงทางกันมาอย่างยาวนาน

พร้อมกับการเข้ามาเติมเต็มสัจธรรม
ซึ่งเป็น อนุตรธรรม ที่มนุษย์เข้าถึงเองไม่ได้
เพราะสมองมนุษย์มีกันแค่สองซีกเท่านั้น
เนื่องจากมนุษย์รู้เองไม่ได้
และไม่รู้อนุตรธรรมที่ว่านี้ก็ไม่ได้ด้วย
พระองค์จึงต้องส่งพระบุตรเอกเข้ามาบอกให้รู้

พวกท่านจะสังเกตได้ง่ายๆว่า
พระศาสดาที่มาจากพระบิดาหรือพระเจ้านั้น
เมื่อกล่าวพระโอวาททุกครั้งในทุกสถานที่
จะทรงถวายพระเกียรติแก่พระองค์ผู้สูงส่ง
ด้วยการกล่าวอ้างถึง "พระเจ้า" เสมอ

2. พระศาสดาที่เกิดจากโลกเอง
จะเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณ
ที่พี่ๆน้องๆซึ่งเป็นมนุษย์ด้วยกันให้การยอมรับ
ในพระปรีชาสามารถทางด้านจิตตปัญญา
จนพากันก้าวตามพระองค์กันอย่างเต็มใจ

โดยพระองค์ทรงเป็นสัพพัญญู
ที่สามารถเข้าถึงสัจธรรมความจริงทุกสิ่ง
ทั่วทั้ง อนันตจักรวาล อันไพศาลนี้ได้
ด้วยพลังแห่งจิตตปัญญาของสมองสองซีก
ที่ไม่มีมนุษย์โลกคนใดจะปรีชาสามารถเท่า

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ในยุคที่โลกมีพระศาสดาที่เกิดจากโลกเอง
เป็นผู้นำทางจิตวิญญาณอย่างเข้มแข็งอยู่
พระบิดาจะมิทรงส่งพระบุตรเอกเข้ามายังโลก
เพื่อให้ทำหน้าที่ "ทับซ้อน" กันมาก่อน

เพราะพระศาสดาที่เกิดจากโลก
ทรงเป็นองค์สัพพัญญูผู้รู้จบแจ้งในสัจธรรม
ทั้งที่เป็นโลกิยธรรมและโลกุตรธรรมอยู่แล้ว

แต่เมื่อถึงกาลสิ้นยุคอย่างในช่วงนี้
ซึ่งเป็นปลายยุคพลังงานเก่าของโลกแล้ว
โลกทั้งระบบกำลังจะถูกชำระด้วยมหันตภัย
ที่รุนแรงยิ่งกว่ายุคแอตแลนติสและโนอาห์
จะมีแผ่นดินหายและผู้คนต้องตายจำนวนมาก

มนุษย์ทุกคนที่ต้องการความรอดปลอดภัย
มนุษย์ทุกคนที่จะส่งจิตวิญญาณกลับบ้าน
ในสภาวะของการหลุดพ้นออกไป
จากโลกและอนันตจักรวาลอันไพศาลนี้
ให้ทันก่อนวันพิพากษาโลกคาบสุดท้าย
คือ 56 วัน หรือ 8 ราตรีที่โลกจะมืดมิดพร้อมกัน
ซึ่งคาดคะเนกันว่าน่าจะเหลือเวลาอีกไม่กี่ปีแล้ว

โดยพระองค์ทรงเมตตาพวกท่าน
ให้เรากลับมาบอกข่าวเรื่องการชำระโลก
ในโอกาสที่จะเปลี่ยนโลกจากยุคพลังงานเก่า
ไปสู่ยุคพลังงานใหม่ให้พวกท่านรู้ว่า
จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกและท่านทั้งหลายบ้าง
ทำไมจึงต้องเกิดเหตุร้ายแรงเหล่านั้น
และพวกท่านจะได้รับความรอดกันอย่างไร

ที่สำคัญคือทรงบัญชาให้เรา
นำเอาสัจธรรมระดับ "อนุตรธรรม"
ที่พระศาสดาซึ่งเกิดจากโลกเอง
มิได้กล่าวต่อท่านทั้งหลายให้ได้รู้กันมาก่อน
มากล่าวพระโอวาทในพระนามพระผู้เป็นเจ้า
เพื่อเติมเต็มสัจธรรมในส่วนที่ขาดอยู่
เพราะมนุษย์จะไม่รู้อนุตรธรรมไม่ได้
หากไม่รู้ก็นิพพานไม่ได้และหลุดพ้นไม่ได้

ดังนั้น
ใครที่ยึดติดพระศาสดาองค์เดียว
ยึดติดพระคัมภีร์เล่มเดียว
แล้วปฏิเสธหรือปิดหูปิดตาทำตนดั่งคนพิการ
ไม่ยินดียินร้ายในอนุตรธรรมที่เรานำมาฝาก
พร้อมความรักจากพระบิดาอย่างล้นอิ่ม

เท่ากับว่าท่านผู้นั้นได้พิพากษาตนเองแล้วว่า
ไม่ต้องการความช่วยเหลือจากพระบิดา
ที่ทรงมีพระบัญชาให้เรากลับมารับใช้พวกท่าน
ขณะที่พระศาสดาของท่านทรงหลุดพ้นไปแล้ว
ไม่มีพระองค์ทรงรั้งรออยู่เพื่อช่วยพวกท่านแล้ว

ทุกวันนี้คงมีเพียง "คนนำทางตาบอด"
ที่พาท่านทั้งหลายหลงทางนิพพานมานาน
โดยพยายามพาท่านซึ่งเป็นแกะของพระบิดา
ปีนรั้วเข้าคอกทั้งๆที่มีประตูคอกเปิดรออยู่
ซึ่งท่านจะเลือกก้าวตามอยู่ต่อไปอย่างดื้อรั้น
หรือว่าท่านจะหันมาฟังเรา

เราผู้มาจากพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่าน
เราผู้มีความรู้ ความจริง และความรักล้นอิ่ม
จากองค์จิตจักรวาลมาฝากท่านทั้งหลาย
เราผู้ที่เคยกลับบ้านไปกราบพระบิดามาแล้ว

เราผู้จำทางกลับบ้านได้เพราะเคยกลับมาแล้ว
กับคนนำทางตาบอดที่พวกเขายังไม่เคยกลับ
เพราะยังไม่เคยหลุดพ้นนิพพานมาก่อนเลย
ซึ่งพวกเขายังไม่รู้ว่าเส้นทางนิพพานไปทางไหน

ขอแสงสว่างทางปัญญา
จงบังเกิดแก่ท่านเถิดว่า
ท่านจะหันหน้ามาทางเรา
หรือจะยังคงก้าวเดินในความมืดอยู่ต่อไป

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
25/06/2021

24 มิถุนายน 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล

24/06/2021



สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
เป็นพระผู้สร้างเอกภพหรืออนันตจักรวาล
เพื่อใช้เป็น "ห้องทดลอง" ของพระองค์ว่า
พระองค์สามารถที่จะทำอะไรได้บ้าง

สำหรับห้องทดลองของพระองค์นี้
เป็นโครงสร้างทางพลังงานขนาดใหญ่มาก
มีรูปทรงคล้ายซาละเปาสองลูกประกบกัน
ซึ่งทรงใช้กาแล็กซี่ทั้งหมด 12,500 ล้านระบบ
เพื่อที่จะทำให้อนุภาคพลังงานฟุ้งกระจาย
จนเกิดเป็นห้องทดลองตามพระประสงค์ได้

โดยทรงกำหนดให้กาแล็กซี่ธารสายน้ำนม
เป็นกาแล็กซี่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของทั้งหมด
ให้ทำหน้าที่เป็นเส้นผ่านศูนย์กลางของระบบ
ซึ่งจะต้องหมุนรอบแกนกลางในแนวระนาบ
และเหวี่ยงหมุนอย่างต่อเนื่องไว้ตลอดเวลา
เพื่อช่วยค้ำจุนห้องทดลองนี้ให้สมดุลไว้นั่นเอง

เพราะการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองในแนวระนาบ
ของกาแล็กซี่ธารสายน้ำนม (Milky Way)
ซึ่งเป็นเส้นผ่านศูนย์กลางของเอกภพนั้น
มันคือกฎหลักของจักรวาลที่ทรงกำหนดไว้ว่า
ทุกสรรพสิ่งจะสมดุลได้ก็ต่อเมื่อ
สรรพสิ่งนั้นจะต้องเหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง
อย่างต่อเนื่องด้วยอัตราเร็วคงที่เสมอ

ดังนั้น
บนกาแล็กซี่ธารสายน้ำนม
จึงทรงสร้างระบบสุริยจักรวาลไว้สองระบบ
โดยทรงกำหนดติดตั้งเอาไว้คนละด้านกัน

ทรงกำหนดให้ดาวเคราะห์โลก
ทำหน้าที่เป็นเสมือนจุดศูนย์กลางของเอกภพ
โดยเป็นผู้นำของดาวเคราะห์ทั้งแปดดวง
ในการโคจรไปรอบดวงอาทิตย์ของระบบสุริยะ
และทรงกำหนดให้ระบบสุริยะฝั่งตรงข้าม
ที่มีดาวเคราะห์ทั้งหมดห้าดวง
ร่วมออกแรงเพื่อทำให้เกิดการเหวี่ยงหมุน
ของกาแล็กซี่ธารสายน้ำนมขนาดใหญ่นี้ด้วย

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

น่าเศร้าใจหรือไม่ถ้าเราจะกล่าวความจริงว่า
ดาวพลูโต ดาวเคราะห์ในวงโคจรนอกสุด
ของระบบสุริยะของโลกเสรีที่มนุษย์อวดอุตริ
จะปลดระวางเขาออกจากระบบสุริยจักรวาลนี้
เพราะมองไม่เห็นนัยสำคัญจึงไม่รู้ค่าว่า
ดาวพลูโตเป็นเศษส่วนสำคัญของเมอริเดี้ยน
ของระบบสุริยจักรวาลทั้งสองระบบเลยล่ะ
ซึ่งจักรวาลทั้งสองระบบและเอกภพระบบใหญ่
จะขาด "ดาวพลูโต" ดวงนี้ไม่ได้เด็ดขาด

ท่านทั้งหลายต้องรู้กันเอาไว้ด้วยว่า
เพราะดาวพลูโตดวงนี้นี่แหละ
ที่เป็นกลไกเชื่อมโยงระหว่างสองระบบสุริยะ
ทำให้กาแล็กซี่ธารสายน้ำนมเหวี่ยงหมุนได้
ในแนวระนาบอย่างต่อเนื่อง
เพื่อค้ำจุนห้องทดลองของพระองค์เอาไว้
ตั้งแต่เมื่อแรกสร้างตราบจนกระทั่งบัดเดี๋ยวนี้
การฉลาดคิดฉลาดทำกันแต่เรื่องโง่ๆนั้น
พวกเผ่าพันธุ์สืบจากยุคแอตแลนติสถนัดนัก

แน่นอนว่า
ในระบบสุริยะทั้งสองระบบที่ทรงสร้างไว้
จักต้องมีสิ่งมีชีวิตที่สามารถผลิตสร้างพลังงาน
ในการขับเคลื่อนกาแล็กซี่ใหญ่นี้ด้วย
ซึ่งเราได้เปิดเผยความลับให้ท่านรู้กันมาแล้วว่า
สิ่งมีชีวิตที่ว่านี้ก็คือ ต้นไม้ สัตว์ประจำโลก
รวมทั้งเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ด้วย

โดยสัตว์ประจำโลกและรูปธรรมมนุษย์
บนดาวบางดวงของสองระบบสุริยะนี้
พระบิดาทรงออกแบบไว้เหมือนกันหมด
เช่น ให้มีจิตวิญญาณจากแดนสุญตา
ซึ่งเป็นดินแดนที่อยู่นอกระบบเอกภพ
ขันอาสาพระองค์เข้าไปเกิดเป็นมนุษย์หรือสัตว์
เพื่อทำหน้าที่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรม
ด้วยกระบวนการของ "ขันธ์ 5" เหมือนกัน
โดยให้จิตหยาบทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณ
ถ้าเป็นผู้ขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์

แต่ถ้าหากมาเกิดเป็นสัตว์ประจำโลกนั้นๆ
ก็ทรงกำหนดให้ใช้สัญชาตญาณของจิตวิญญาณ
ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมสัตว์ได้เลย

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

เราเปิดเผยความลับเบื้องหลังมิติโลก
ให้ท่านทั้งหลายที่ได้โอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์
ได้รู้ความจริงว่า

การยึดติดพระศาสดาพระองค์เดียว
เหมือนเด็กเลือกลูกอมขนมหวานที่ตนชอบ

การทำสงครามศาสนา
เพราะนำเอาศาสนามาทำเป็นลัทธิ
นำเอาพระศาสดามาทำเป็นเจ้าลัทธิ

การยึดติดถ้อยความในพระคัมภีร์
ด้วยการท่องจำแล้วทำตามนั้น
ซึ่งพระศาสดามิได้ทรงลงพระหัตถ์บันทึกเอง
โดยไม่ยอมคิดตามจึงผิดถูกอย่างไรก็ไม่รู้

การหลงทางนิพพาน
เพราะไปเชื่อตามคนนำทางตาบอด
จึงหาทางกลับบ้านไม่พบ

การจำผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของตนไม่ได้
ด้วยการทำตนเป็นดั่งลูกกำพร้า

การจำบ้านเกิดเมืองนอนของจิตวิญญาณไม่ได้
ด้วยการทำตนเป็นผู้พเนจรร่อนเร่อนาถา

ปรากฏการณ์ต่างๆที่เรากล่าวมานี้
ยังผลให้พระบิดาทรงเสียพระทัยเป็นที่ยิ่ง
เอกภพและโลกเสรีทั้งระบบ
คาดหวังอะไรจากมนุษย์ยุคนี้ได้บ้างหนอ...

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

ปรากฏการณ์ที่เรากล่าวไว้นี้

พระบิดาทรงเสียพระทัยยิ่งนัก

เอกภพและโลกเสรีทั้งระบบ

คาดหวังอะไรจากมนุษย์

ในปลายยุคนี้กันได้บ้างหนอ


เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
24/06/2021

23 มิถุนายน 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล

23/06/2021



สนทนาประสาจิตจักรวาล


พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

1.องค์จิตจักรวาลหรือพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
มิได้ทรงออกแบบ "ขันธ์ 5" เอาไว้ให้พวกท่าน
แสดงความเป็นผู้มีอัตตาตัวตนในการเป็นมนุษย์
เพราะในสิ่งมีชีวิตอย่างเช่นสัตว์ทั้งหลายนั้น
พระองค์ก็ทรงออกแบบไว้ให้พวกเขาใช้เช่นกัน

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
ทั้งสัตว์และมนุษย์บนดาวเคราะห์โลกเสรีนี้
ไม่ว่าจะมีเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมแบบใด
จะมีขนาดเล็กขนาดใหญ่หรือจะใช้ชีวิตแบบใด
พระองค์จะทรงติดตั้ง "ขันธ์ 5" เอาไว้ให้ใช้ทั้งสิ้น

เพราะ "ขันธ์ 5" เป็นเครื่องมือของสัตว์และมนุษย์
ที่ใช้ในการสั่นสะเทือนเครื่องยนต์แห่งกรรมของตน
ให้เกิดพฤติกรรมทางกายภาพและพฤติกรรมทางจิต
โดยเฉพาะการผลิตสร้างพลังงานด้านบวกให้โลก
เพื่อช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองได้อย่างสมดุล
ตามแผนการที่พระบิดาทรงออกแบบไว้นั่นเอง

ถ้าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าสัตว์ประจำโลกทุกชนิด
และมนุษย์แห่งดาวเคราะห์โลกเสรีทุกชาติภาษา
ไม่มีกระบวนการของขันธ์ 5 เป็นเครื่องมือให้ใช้
ก็จะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจของจิตวิญญาณได้

2.นอกจากนั้น
ที่พวกท่านคิดเข้าใจว่า "ขันธ์ 5"
เป็นโครงสร้างหลักของการมาเกิดเป็นมนุษย์
โดยตีความว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ทั้งห้าขันธ์เหล่านี้มันคือกองทุกข์กองใหญ่มาก
เพราะแปลความตามความเชื่อของตนว่า

รูปขันธ์ หมายถึง รูปธรรมที่เป็นอัตตาตัวตน
เวทนาขันธ์ หมายถึงกิเลสที่เกิดขึ้นในใจตน
สัญญาขันธ์ หมายถึงการจำได้หมายรู้ของตน
สังขารขันธ์ หมายถึงอารมณ์รู้สึกนึกคิดที่ปรุงแต่ง
วิญญาณขันธ์ หมายถึงจิตวิญญาณของตน

โดยมองว่าขันธ์ทั้งห้าเป็นที่มาแห่งทุกข์ทั้งสิ้น
ถ้าตนดับขันธ์ทั้งห้าเหล่านี้ได้ความทุกข์ก็ดับ
ความมีอัตตาตัวตนของตนก็จะดับตามไปด้วย
เมื่อดับอัตตาได้หมดสิ้นตนก็จะไม่มีอัตตาแล้ว
เมื่อตนไม่มีอัตตาแล้วจึงเชื่อว่าตนเป็นอนัตตา
เมื่อตนเป็นอนัตตาแล้วและกองทุกข์ก็ไม่มีแล้ว
จึงสรุปกันเอาเองว่าตนนั้นถึง นิพพาน แล้ว
ล้วนเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องอย่างสิ้นเชิง

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

นอกจากการพยายามดับขันธ์ห้า
ทั้งๆที่เป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญที่มนุษย์ต้องใช้
เพื่อผลิตสร้าง "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก" แล้ว

การคิดเข้าใจว่าถ้าดับอัตตาจนเป็นอนัตตาได้
มันคือการนิพพานทางจิตวิญญาณของท่าน
อันเป็นมรรคผลสูงสุดของมนุษย์แล้วนั้น
ก็ยังเป็นการคิดเข้าใจผิดอีกเรื่องหนึ่งเช่นเดียวกัน

ท่านทั้งหลายจะต้องรู้เอาไว้ด้วยว่า
ขณะที่ท่านใช้ชีวิตเป็นมนุษย์กันอยู่ในขณะนี้
ผู้ที่ใช้ขันธ์ 5 อยู่ทุกวันเวลาในทุกขณะจิตนั้น
ก็คือ จิตหยาบ ซึ่งจิตวิญญาณแบ่งภาคออกมา
ให้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมแทน
ส่วนจิตวิญญาณคือตัวตนที่แท้จริงของท่านนั้น
จะเร้นตนเองอยู่ข้างในดั่งพระประธานที่ในโบสถ์
โดยมอบหน้าที่เจ้าวัดให้เจ้าอาวาสรักษาการแทน

ดังนั้น
การพยายามที่จะนิพพานหรือดับขันธ์ห้าของท่าน
มันจึงมิได้มีผลต่อการนิพพานของจิตวิญญาณเลย
ที่ท่านปฏิบัติกันอยู่มันเป็นเรื่องของจิตหยาบทั้งสิ้น

3.ถ้าท่านไม่ปรารถนาจะมีภพชาติต่อไปอีก
หรือไม่ปรารถนาจะมีสังสารวัฏต่อไปอีกแล้วนั้น
สิ่งที่ท่านสมควรกระทำที่สุดในภพชาตินี้
ก็คือการช่วยให้จิตวิญญาณของท่านนิพพาน
ในสิ่งที่เราจะกล่าวให้ท่านรู้ดังต่อไปนี้

ประการแรก
ท่านจักต้องนิพพานกิเลสให้สิ้น
ถ้าท่านดับการเกิดดับของกิเลสได้สิ้น
ตัณหา ราคะ อารมณ์ขยะก็จะดับตามไปเอง
เมื่อทุกอย่างดับจนหมดสิ้นดั่งว่ามานี้แล้ว
จิตวิญญาณท่านก็จะอยู่เหนือกฎแห่งกรรมได้

ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นอันน่าชื่นชมก็คือ
จิตหยาบของท่านจะนิพพานขยะในขันธ์ห้า
ได้อย่างสะอาดหมดจดจนครบทุกขันธ์
เพียงแค่ดับกิเลสในเวทนาขันธ์ตัวเดียวเท่านั้น

ประการที่สอง

เมื่อท่านดับขยะทุกสิ่งในขันธ์ห้า
จนอยู่เหนือกฎแห่งกรรมได้แล้ว
สิ่งที่ท่านต้องทำในลำดับถัดมาก็คือ

ต้องเรียนรู้ที่จะ "แก้ไขกรรมเก่า"
ซึ่งจิตวิญญาณของท่านถือติดตัวมาจากอดีต
อันเป็นภาระของจิตวิญญาณในภพชาตินี้ด้วย

หลักการง่ายๆก็คือสอบให้ผ่านทุกบททดสอบ
ที่คนใกล้ตัวและคนรอบข้างวางเงื่อนไขมาให้
โดยเฉพาะเรื่องร้ายๆที่ใจท่านไม่พึงประสงค์
ท่านจะสามารถแก้ไขกรรมเก่าและตัดกรรมได้
อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน

ถ้าท่านรักคนที่ทำตัวไม่น่ารักได้
ถ้าท่านให้อภัยคนที่ทำตัวไม่น่าให้อภัยได้
โดยไม่คิดคาดหวังสิ่งใดตอบแทน

ถ้าท่านไม่ต่อสู้ไม่ตอบโต้ไม่ต่อต้าน
คนที่ทำผิดคิดร้ายต่อตัวท่านได้
โดยไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น


4.ท่านต้องจดจำไว้เสมอว่า
จิตหยาบหรือจิตมนุษย์ของท่านนั้น
จะตายไปพร้อมกับขันธ์ห้าและกายสังขาร
ทันทีที่จิตวิญญาณสิ้นอายุขัยไปในภพชาตินี้

จงอย่าไปพยายามที่จะดับขันธ์ห้าอีกเลย
อีกทั้งต้องรู้ว่ามนุษย์น่ะต้องนิพพานก่อนตาย
แปลว่านิพพานได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิตเป็นมนุษย์
เพราะนิพพานคือการดับขยะในขันธ์ห้าได้สิ้น
และสามารถชำระกรรมเก่าใหม่ได้หมดสิ้นด้วย
จนเหลือแต่ความรักเพื่อให้กับสติปัญญาเท่านั้น

เส้นทางนิพพานของฆราวาสหรือชาวบ้าน
ตามมรรควิถีจิตจักรวาลนี้เป็นเรื่องง่าย
ปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวันโดยไม่ฝืนธรรมชาติ
เมื่อจิตหยาบนิพพานจิตวิญญาณก็หลุดพ้น
พระบิดาทรงออกแบบไว้ให้ลูกแกะเข้าถึงง่ายๆ
ไม่มีอะไรซับซ้อนจนสับสนเลย

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
23/06/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
1.องค์จิตจักรวาลหรือพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
มิได้ทรงออกแบบ "ขันธ์ 5" เอาไว้ให้พวกท่าน
แสดงความเป็นผู้มีอัตตาตัวตนในการเป็นมนุษย์
เพราะในสิ่งมีชีวิตอย่างเช่นสัตว์ทั้งหลายนั้น
พระองค์ก็ทรงออกแบบไว้ให้พวกเขาใช้เช่นกัน
ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
ทั้งสัตว์และมนุษย์บนดาวเคราะห์โลกเสรีนี้
ไม่ว่าจะมีเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมแบบใด
จะมีขนาดเล็กขนาดใหญ่หรือจะใช้ชีวิตแบบใด
พระองค์จะทรงติดตั้ง "ขันธ์ 5" เอาไว้ให้ใช้ทั้งสิ้น
เพราะ "ขันธ์ 5" เป็นเครื่องมือของสัตว์และมนุษย์
ที่ใช้ในการสั่นสะเทือนเครื่องยนต์แห่งกรรมของตน
ให้เกิดพฤติกรรมทางกายภาพและพฤติกรรมทางจิต
โดยเฉพาะการผลิตสร้างพลังงานด้านบวกให้โลก
เพื่อช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองได้อย่างสมดุล
ตามแผนการที่พระบิดาทรงออกแบบไว้นั่นเอง
ถ้าสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าสัตว์ประจำโลกทุกชนิด
และมนุษย์แห่งดาวเคราะห์โลกเสรีทุกชาติภาษา
ไม่มีกระบวนการของขันธ์ 5 เป็นเครื่องมือให้ใช้
ก็จะไม่สามารถปฏิบัติภารกิจของจิตวิญญาณได้
2.นอกจากนั้น
ที่พวกท่านคิดเข้าใจว่า "ขันธ์ 5"
เป็นโครงสร้างหลักของการมาเกิดเป็นมนุษย์
โดยตีความว่ารูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
ทั้งห้าขันธ์เหล่านี้มันคือกองทุกข์กองใหญ่มาก
เพราะแปลความตามความเชื่อของตนว่า
รูปขันธ์ หมายถึง รูปธรรมที่เป็นอัตตาตัวตน
เวทนาขันธ์ หมายถึงกิเลสที่เกิดขึ้นในใจตน
สัญญาขันธ์ หมายถึงการจำได้หมายรู้ของตน
สังขารขันธ์ หมายถึงอารมณ์รู้สึกนึกคิดที่ปรุงแต่ง
วิญญาณขันธ์ หมายถึงจิตวิญญาณของตน
โดยมองว่าขันธ์ทั้งห้าเป็นที่มาแห่งทุกข์ทั้งสิ้น
ถ้าตนดับขันธ์ทั้งห้าเหล่านี้ได้ความทุกข์ก็ดับ
ความมีอัตตาตัวตนของตนก็จะดับตามไปด้วย
เมื่อดับอัตตาได้หมดสิ้นตนก็จะไม่มีอัตตาแล้ว
เมื่อตนไม่มีอัตตาแล้วจึงเชื่อว่าตนเป็นอนัตตา
เมื่อตนเป็นอนัตตาแล้วและกองทุกข์ก็ไม่มีแล้ว
จึงสรุปกันเอาเองว่าตนนั้นถึง #นิพพาน แล้ว
ล้วนเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้องอย่างสิ้นเชิง
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
นอกจากการพยายามดับขันธ์ห้า
ทั้งๆที่เป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญที่มนุษย์ต้องใช้
เพื่อผลิตสร้าง "เมตตาธรรมค้ำจุนโลก" แล้ว
การคิดเข้าใจว่าถ้าดับอัตตาจนเป็นอนัตตาได้
มันคือการนิพพานทางจิตวิญญาณของท่าน
อันเป็นมรรคผลสูงสุดของมนุษย์แล้วนั้น
ก็ยังเป็นการคิดเข้าใจผิดอีกเรื่องหนึ่งเช่นเดียวกัน
ท่านทั้งหลายจะต้องรู้เอาไว้ด้วยว่า
ขณะที่ท่านใช้ชีวิตเป็นมนุษย์กันอยู่ในขณะนี้
ผู้ที่ใช้ขันธ์ 5 อยู่ทุกวันเวลาในทุกขณะจิตนั้น
ก็คือ #จิตหยาบ ซึ่งจิตวิญญาณแบ่งภาคออกมา
ให้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมแทน
ส่วนจิตวิญญาณคือตัวตนที่แท้จริงของท่านนั้น
จะเร้นตนเองอยู่ข้างในดั่งพระประธานที่ในโบสถ์
โดยมอบหน้าที่เจ้าวัดให้เจ้าอาวาสรักษาการแทน
ดังนั้น
การพยายามที่จะนิพพานหรือดับขันธ์ห้าของท่าน
มันจึงมิได้มีผลต่อการนิพพานของจิตวิญญาณเลย
ที่ท่านปฏิบัติกันอยู่มันเป็นเรื่องของจิตหยาบทั้งสิ้น
3.ถ้าท่านไม่ปรารถนาจะมีภพชาติต่อไปอีก
หรือไม่ปรารถนาจะมีสังสารวัฏต่อไปอีกแล้วนั้น
สิ่งที่ท่านสมควรกระทำที่สุดในภพชาตินี้
ก็คือการช่วยให้จิตวิญญาณของท่านนิพพาน
ในสิ่งที่เราจะกล่าวให้ท่านรู้ดังต่อไปนี้
ท่านจักต้องนิพพานกิเลสให้สิ้น
ถ้าท่านดับการเกิดดับของกิเลสได้สิ้น
ตัณหา ราคะ อารมณ์ขยะก็จะดับตามไปเอง
เมื่อทุกอย่างดับจนหมดสิ้นดั่งว่ามานี้แล้ว
จิตวิญญาณท่านก็จะอยู่เหนือกฎแห่งกรรมได้
ผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นอันน่าชื่นชมก็คือ
จิตหยาบของท่านจะนิพพานขยะในขันธ์ห้า
ได้อย่างสะอาดหมดจดจนครบทุกขันธ์
เพียงแค่ดับกิเลสในเวทนาขันธ์ตัวเดียวเท่านั้น
เมื่อท่านดับขยะทุกสิ่งในขันธ์ห้า
จนอยู่เหนือกฎแห่งกรรมได้แล้ว
สิ่งที่ท่านต้องทำในลำดับถัดมาก็คือ
ต้องเรียนรู้ที่จะ "แก้ไขกรรมเก่า"
ซึ่งจิตวิญญาณของท่านถือติดตัวมาจากอดีต
อันเป็นภาระของจิตวิญญาณในภพชาตินี้ด้วย
หลักการง่ายๆก็คือสอบให้ผ่านทุกบททดสอบ
ที่คนใกล้ตัวและคนรอบข้างวางเงื่อนไขมาให้
โดยเฉพาะเรื่องร้ายๆที่ใจท่านไม่พึงประสงค์
ท่านจะสามารถแก้ไขกรรมเก่าและตัดกรรมได้
อย่างมีประสิทธิภาพแน่นอน
4.ท่านต้องจดจำไว้เสมอว่า
จิตหยาบหรือจิตมนุษย์ของท่านนั้น
จะตายไปพร้อมกับขันธ์ห้าและกายสังขาร
ทันทีที่จิตวิญญาณสิ้นอายุขัยไปในภพชาตินี้
จงอย่าไปพยายามที่จะดับขันธ์ห้าอีกเลย
อีกทั้งต้องรู้ว่ามนุษย์น่ะต้องนิพพานก่อนตาย
แปลว่านิพพานได้ทั้งๆที่ยังมีชีวิตเป็นมนุษย์
เพราะนิพพานคือการดับขยะในขันธ์ห้าได้สิ้น
และสามารถชำระกรรมเก่าใหม่ได้หมดสิ้นด้วย
จนเหลือแต่ความรักเพื่อให้กับสติปัญญาเท่านั้น
เส้นทางนิพพานของฆราวาสหรือชาวบ้าน
ตามมรรควิถีจิตจักรวาลนี้เป็นเรื่องง่าย
ปฏิบัติได้ในชีวิตประจำวันโดยไม่ฝืนธรรมชาติ
เมื่อจิตหยาบนิพพานจิตวิญญาณก็หลุดพ้น
พระบิดาทรงออกแบบไว้ให้ลูกแกะเข้าถึงง่ายๆ
ไม่มีอะไรซับซ้อนจนสับสนเลย
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
23/06/2021


17 มิถุนายน 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล

17/06/2021



สนทนาประสาจิตจักรวาล


พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ที่บรรพบุรุษพวกท่านคือกลุ่มพลียะเดี้ยนส์นี้
เป็นชุดเครื่องยนต์แห่งกรรมที่พระบิดา
ทรงออกแบบสร้างขึ้นอย่างพิถีพิถันมหัศจรรย์ยิ่ง
เพื่อให้จิตวิญญาณผู้ขันอาสามาจากแดนสุญตา
ได้ใช้เพื่อผลิตสร้างพลังงานความรักให้โลก
ซึ่งพระองค์ทรงภูมิพระทัยเป็นที่สุด

พร้อมทั้งได้ผ่านการทดลองใช้และพิสูจน์แล้วว่า
เป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมที่ใช้การได้จริง
มิได้มีความยุ่งยากในการใช้งานแต่อย่างใด
เพียงแต่มนุษย์ต้องเรียนรู้ให้ได้ว่าพระบิดา
ทรงกำหนดให้ใช้เครื่องยนต์แห่งกรรมทำอะไร
มนุษย์จะต้องใช้งานมันอย่างไร
จะต้องหล่อเลี้ยงบำรุงรักษาซ่อมแซมอย่างไร
จึงจะใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพตลอดไป
จึงจะใช้งานมันได้โดยจิตวิญญาณไม่ต้องตาย
ตายเพื่อเปลี่ยนเครื่องยนต์แห่งกรรมใหม่
ด้วยการมีภพชาติใหม่ไปเรื่อยๆ

มันน่าขบขันระคนเศร้า
ที่จิตหยาบตัวแทนของแก่นแท้ของมนุษย์
นอกจากจะไม่เรียนรู้ที่จะมองเห็นคุณค่า
ในการได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
มองไม่เห็นมหัศจรรย์งานสร้างของพระบิดา
ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ที่ทรงออกแบบสร้างเอาไว้ให้ใช้งานในสองมิติ
โดยไม่พยายามเรียนรู้ในสิ่งที่ควรเรียนรู้
เพื่อให้เข้าถึงความพากภูมิใจอันสูงสุด
ที่ตนได้รับเลือกให้มาเป็นตัวแทนของพระเจ้า
เพื่อใช้ความรักความเมตตาค้ำจุนโลก
ตามที่เรากล่าวไว้ข้างต้นแล้ว
มนุษย์ยังไม่เห็นคุณค่าที่ได้มาเกิดอีกต่างหาก

ยังมองว่าตนไม่น่ามาเกิดเป็นมนุษย์เลย
เพราะโลกนี้มีแต่ความวุ่นวายมีแต่ความทุกข์
การเวียนว่ายตายเกิดก็เป็นทุกข์
การเกิดแก่เจ็บตายก็เป็นทุกข์
การเป็นสัตว์สังคมก็เป็นทุกข์มากคนก็มากความ
หลายคนจึงพยายามจะปลีกวิเวกหนีเข้ารก
เพื่อหลีกหนีความวุ่นวายต่างๆไปให้พ้น
หลายคนก็พยายามดับอัตตาตัวตนของตน
ด้วยการจะหาทางดับที่ "ขันธ์ 5" ให้สิ้น
เพราะเชื่อว่าถ้าดับขันธ์ 5 ได้ทุกอย่างก็จะดับ
การมีสังสารวัฏก็จะสิ้นสุดยุติลงที่ตรงนั้น
แล้วสรุปเอาเองว่าตนพ้นทุกข์หรือสิ้นทุกข์แล้ว

การดับขันธ์ 5 ซึ่งแท้จริงแล้วดับไม่ได้
ถ้ามนุษย์คนนั้นยังมีชีวิตอยู่เพราะต้องใช้มัน
และไม่ต้องไปเสียเวลาดับเพราะมันดับเองได้
ทันที่เครื่องยนต์แห่งกรรมดับลง

การผละหนีสังคมไปปลีกวิเวก
เพราะโทษสังคมว่าเป็นเหตุให้วุ่นวายไม่สงบ
ทั้งๆที่ความวุ่นวายไม่สงบนั้น
ล้วนเป็นไปตามบทละครใหญ่ที่เรียกว่าชะตาชีวิต
ซึ่งจิตวิญญาณของพวกท่านนั่นแหละ
ร่วมกันวางแผนเขียนมันขึ้นมาแสดงร่วมกันเอง
ตั้งแต่ภพชาติแรกที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์

ความวุ่นวายไม่สงบในสังคมนั้น
ยังเป็นไปตามบทละครที่จิตวิญญาณพวกท่าน
ร่วมกันสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อได้เกิดเป็นมนุษย์แล้ว
ที่เรียกว่า ชะตากรรม ทับซ้อน ชะตาชีวิต อีก
เพราะตัวท่านสอบตกบททดสอบในชะตาชีวิตนั้น
จึงต้องตายแล้วย้อนกลับมาเกิดใหม่กันเรื่อยไป

วันๆจึงได้แต่ปิดอายตนะแสร้งพิการ
เพื่อหาทางดับขันธ์ทั้งห้าขณะยังมีชีวิตอยู่
ตามความเชื่อของตนเองและพวกตัว
อันเป็นการหาทางที่จะทำทุกสิ่งเพื่อตัวเองแท้ๆ
มิได้ร่วมมือกันใช้เครื่องยนต์แห่งกรรมและขันธ์ 5
ทำเพื่อให้ตนเองกับจิตวิญญาณและเพื่อนร่วมโลก
บรรลุภารกิจทางจิตวิญญาณเพื่อ "ค้ำจุน" โลก
ด้วยความรักความเมตตาที่พึงมีให้แก่กันและกัน
ผ่านการสั่นสะเทือนจิตสามนึกในขันธ์ 5 เลย

เพราะหลงเชื่อคำคนนำทางตาบอดที่สั่งสอนมา
เพราะด้อยความสามารถในการใช้ปัญญาของตน
จึงพากันล้มเหลวในการมาเกิดเป็นมนุษย์ตลอดมา
ในทุกภพชาติที่ผ่านมาที่จิตวิญญาณกลับมาเกิด
จิตหยาบมิอาจเกิดสติทางวิญญาณได้เลย
แม้พระบิดาจะทรงอนุญาตให้มีพระศาสดา
ทั้งที่เป็นพระบุตรเอกผู้มาจากพระเจ้า
ทั้งที่เป็นพระศาสดาผู้เกิดมาจากโลกเอง
เพื่อช่วยให้มนุษย์ตื่นจากความงมงายเพราะไม่รู้
แต่มนุษย์กลับไม่สามารถรับความรักนั้นๆได้
เพราะยึดติดพระศาสดาพระองค์เดียว
เพราะยึดติดแต่พระคัมภีร์เล่มเดียว
เพราะเชื่อตามแล้วตีความเข้าข้างตนอย่างเดียว

จิตสามนึกของมนุษย์ยิ่งตกต่ำลง
ดาวเคราะห์โลกและอนันตจักรวาล
ก็จะยิ่งเสียสมดุลลงมากยิ่งขึ้นตามกาลเวลา
เพราะมนุษย์ที่เป็นคนดีเอาแต่ทำเพื่อตนเอง
เพราะมนุษย์ที่เป็นคนไม่ดีต่างเห็นแก่ตัว
ล้วนทำผิดคิดชั่วกันมากขึ้นเรื่อยๆ

จนยังผลให้จิตวิญญาณแก่นแท้ของพวกท่าน
ต้องล้มเหลวในภารกิจที่ขันอาสาพระบิดามา
เพราะจิตหยาบเหลวไหลในทุกภพชาติ

จิตหยาบไม่รู้ว่า
ถ้าตนใช้ขันธ์ 5 แทนจิตวิญญาณ
เพื่อเข้าถึงการเป็น คนสองมิติ ไม่ได้
จิตวิญญาณแก่นแท้ในความเป็นมนุษย์ของตน
จะถูกกักขังเอาไว้ข้างในเครื่องยนต์แห่งกรรม
พร้อมด้วย "แม่นม" คือ รูปธรรมทางพลังงาน
ที่มีนามว่า พลียะเดี้ยนส์ ผู้คอยคุ้มครองป้องกัน
ค้ำจุนดูแลและคอยส่งบทเรียนกับบททดสอบ
ที่จิตวิญญาณเขียนไว้เองให้จิตหยาบได้เผชิญ
ในช่วงจังหวะเวลาแห่งชีวิตที่เหมาะสม

รูปธรรมพลียะเดี้ยนส์ผู้รับบทแม่นม
จึงเป็นอีกหนึ่งรูปธรรมทางพลังงานที่รักมนุษย์
ที่ได้ขันอาสาพระบิดาเข้ามาช่วยเหลือดูแล
ที่จะคอยอบรมตักเตือนจิตหยาบผ่านสัญชาตญาณ
ด้วยสัมปชัญญะปัญญาในกรณีที่จะก่อกรรมทำผิด
ให้งดเว้นละไว้มิให้เผลอไปตามอำนาจกิเลส

อีกทั้งคอยเติมเต็มพลังงานทางจิตวิญญาณให้
กรณีที่จิตหยาบถูกทำให้ตื่นตกใจกลัวกระทันหัน
หรือกรณีที่จิตหยาบริอ่านกระทำการอวด "อุตริ"
ข่มขืนจิตวิญญาณของตนเพื่อนำเอาอำนาจไปใช้
กระทำการตอบสนองกิเลสตัณหาของตนเอง
โดยไม่ผ่านกระบวนการทางจิตสามนึกของขันธ์ 5

โดยมนุษย์ไม่รู้ว่าการกระทำเช่นว่านั้น
มันจะยังผลให้จิตวิญญาณ "รั่ว"
เพราะพลียะเดี้ยนส์จะอ่อนกำลังลงเรื่อยๆ
จนในที่สุดจิตวิญญาณแก่นแท้ของมนุษย์คนนั้น
ก็จะมิอาจค้ำจุนเครื่องยนต์แห่งกรรมนั้นได้
ทั้งในมิติโลกและมิติของจิตวิญญาณเอง

ตัวอย่างเช่น
จะมีอาการป่วยด้วยโรคซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัว
จะเป็นคนมีอารมณ์แปรปรวนง่าย
จะเป็นคนที่ทำอะไรแล้วยากสำเร็จ
จะเป็นคนไร้เพื่อน ไร้สังคม คบใครมิได้นาน
จะเป็นคนมีปัญหาทางครอบครัว ไม่อบอุ่น
จะเป็นคนล้มเหลวทางชีวิตและธุรกิจ
ประเภทเริ่มต้นมาดีๆบั้นปลายกลายเป็นเหลว
จะเป็นคนขี้โรคจิตใจหดหู่ขี้กลัวขี้ระแวง
ฯลฯ
อาการเหล่านี้เกิดจากการป่วยทางจิตวิญญาณ
เพราะพลียะเดี้ยนส์ช่วยเหลือไม่ไหวแล้วทั้งสิ้น
ลองคิดดูเถิดว่าขนาดยังมีชีวิตอยู่ยังเป็นแบบนี้
เมื่อตายไปเหลือแต่จิตวิญญาณที่ไร้พลังแล้ว
จิตวิญญาณคือตัวท่านเองนั้นจะเผชิญกับอะไร

พวกที่บ้าคลั่งงมงายหมายรวย
แล้วพยายามเจาะจิตใต้สำนึกของตนเองจงรู้ไว้
เวลาในชีวิตที่เหลืออยู่นี้หันมาทำสิ่งควรทำดีมั้ย
ปรับเปลี่ยนจิตสามนึกที่บกพร่องให้สมดุลขึ้น
ติดอาวุธทางปัญญาให้ตนเองในการคิดสร้างสรรค์
ขยันทำรวยด้วยหนึ่งสมองกับสองมือของตนเอง
ไม่คิดรวยทางลัด ไม่คดโกงใคร ไม่อวดอุตริ
เป็นบุตรที่ดีมีสัจจะในพันธสัญญาที่ให้ไว้
ทำปัจจุบันให้ดีที่สุดในบทบาทนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง

จงอย่าทำให้พระบิดาเสียพระทัยอยู่อีกเลย
จงอย่าทำให้พี่พลียะเดี้ยนส์บรรพบุรุษของท่าน
และรูปธรรมทางพลังงานพลียะเดี้ยนส์ผู้เป็นแม่นม
ทรงผิดหวังและเศร้าหมองร่วมกับแก่นแท้ของท่าน
ซึ่งเหมือนดั่งถูกขังคุกอย่างไร้อิสรภาพอยู่อีกเลย

เพียงแค่พวกท่านหันมาสนใจในขันธ์ 5
แล้วเปลี่ยนจากกรรมจักรเป็น ธรรมจักร ให้ได้
จิตวิญญาณคือตัวท่านที่แท้จริงกับแม่นม
ก็จะได้รับการปลดปล่อยให้มีอิสรภาพทันที
ปฏิบัติธรรมคือปฏิบัติเท่านี้อย่าได้หาทำอย่างอื่น
ธรรมชาติเป็นเรื่องง่ายจะไปคิดทำให้มันยากทำไม

กราบพระบาทพระบิดา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
17/06/2021