28 กรกฎาคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 28/07/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

28/07/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล


พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะขอกล่าวความจริงต่อท่านหลายว่า

ขณะนี้พี่ๆน้องๆของชาวดาวโลกทั้งหลาย
ซึ่งใช้ชีวิตอยู่บนดาวดวงหนึ่งในต่างกาแล็กซี่
แต่อยู่ในอนันตจักรวาลเดียวกันนี้
กำลังประสบเคราะห์กรรมจากปัญหาโรคระบาด
จากเชื้อจุลินทรีย์พันธุ์ใหม่ที่พวกเขาไม่เคยรู้จัก
จนทำให้ประชากรของเผ่าดาวล้มตายไปมาก
เพราะหมดทางรักษาเยียวยา

โดยพวกเขาเข้าใจว่า
เป็นโรคติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่
เนื่องจากผู้ติดเชื้อทุกรายจะมีอาการเหมือนๆกัน
โดยอาการที่พวกเขาสังเกตได้มีดังนี้

1.ผู้ป่วยจะมีไข้สูงถึง 38 องศาเซลเซียส
2.รู้สึกหนาว มือและเท้าเย็น
3.คลื่นไส้ อาเจียน ไม่รู้กลิ่น-รส
4.ชีพจรเต้นเร็ว ปัสสาวะน้อยลง
5.มีอาการท้องเสีย
6.ผิวหนังจะเกิดจุดแดงๆหรือเป็นผื่นเหมือนรอยช้ำ
7.ปลายมือหรือปลายเท้าจะเปลี่ยนสี
8.แสบคอ เจ็บคอ ไม่มีอาการไอ
9.หายใจถี่กว่าปกติ รู้สึกเหนื่อยง่าย
10.รู้สึกตัวน้อยลง ความคิดสับสน

อาการ 10 อย่างนี้มิได้เกิดขึ้นกับผู้ป่วยทุกคน
แล้วแต่ว่าวัยไหนและมีภูมิต้านทานมากหรือน้อย
หรือปล่อยตัวไม่ใส่ใจเพราะคิดเข้าใจว่าเป็นหวัด
อันเกิดจากเชื้อวายร้ายหรือ "ไวรัส" สายพันธุ์ใหม่

พวกเขาเพียรคิดค้นตัวยารักษาทั้งหาวัคซีนป้องกัน
โดยใช้เวลาศึกษาค้นคว้าผ่านมากว่า 2 ปีโลกแล้ว
ก็ไม่สามารถค้นพบตัวยารักษาและวัคซีนป้องกันได้

จากสถิติพบว่าคนตายส่วนใหญ่จะเป็นผู้สูงวัย
ที่มีอายุเฉลี่ยระหว่าง 40 ปีขึ้นไปแทบทั้งสิ้น
โดยเฉพาะคนที่กำลังมีภูมิต้านทานโรคต่ำๆ
เช่น อดนอน พักผ่อนน้อย กำลังป่วยไข้
กำลังพักฟื้นจากการผ่าตัดใหม่ๆ
และสตรีที่เพิ่งคลอดบุตรใหม่ๆ เป็นต้น

นอกจากนั้น
คนที่มีโรคประจำตัวที่ไม่เกี่ยวกับเชื้อโรค
เช่น โรคความดัน โรคหัวใจ โรคปอดอักเสบ
คนเจ้าอารมณ์ ขี้โมโห ฉุนเฉียวง่าย
จนทำให้ประจุลบในเลือดมีปริมาณสูงมาก
ถ้าติดเชื้อโรคระบาดนี้แล้วจะรอดชีวิตยาก

ขณะนี้พวกเขากำลังพยายามมองหาว่า
มีเผ่าดาวเผ่าใดบ้างที่มีเท็คโนโลยีชั้นสูง
ในการคิดค้นบำบัดรักษาโรคระบาดนี้ได้
เพื่อหยุดการตายของผู้คนของเขาโดยพลัน
ก่อนที่มันจะเป็นดาวร้างผู้คนไปเสียก่อน

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงให้รู้ว่า
ดาวเคราะห์โลกเสรีที่งดงามอร่ามฟ้าดวงนี้
เป็นชนเผ่าหนึ่งที่พวกเขาหมายตาหมายใจไว้
เพราะพวกเขาพบว่ากว่าร้อยปีที่ผ่านมา
อหิวาตกโรคก็เอาไหว ไข้หวัดนกก็เอาอยู่
โรคระบาดร้ายๆอีกหลายโรคชาวโลกก็ชนะขาด
โอกาสที่พวกเขาจะเข้ามาเยือนมีสูงมาก
เพราะรั้วป้องกันโลกคือโครงข่ายสนามแม่เหล็ก
กำลังไม่แข็งแรงกำลังอ่อนแอแย่อยู่มาก

วิธีการของพวกเขาก็คือ
จะลอบนำเอา "เชื้อจุลินทรีย์" ที่ก่อโรคร้ายนี้
ให้เข้ามาแพร่ระบาดกันในระบบโลก
เพื่อใช้ความเก่งกาจด้านเท็คโนโลยีการแพทย์
ที่มนุษย์ชั้นนำรับถ่ายทอดมาจากมอดบางเผ่า
หวังให้มนุษย์ช่วยคิดค้นตัวยาและวัคซีน
ในการบำบัดหรือสกัดโรคระบาดนี้ให้สำเร็จ
ก็จะรีบนำกลับไปช่วยเหลือพวกเขาทันที

ดังนั้น
เราจึงขอเตือนสติท่านทั้งหลายว่า
จงอย่าใช้ชีวิตโดยประมาทเด็ดขาด
เพราะเชื้อโรคร้ายชนิดนี้เป็นดั่งอาวุธ
ที่สองตาเปล่ามองไม่เห็นและปัองกันยาก
หากใครรับเชื้อเข้าไปแล้วรักษาไม่ทัน
หรือใช้วิธีการรักษาไม่ถูกต้องตรงโรค
โอกาสเสี่ยงตายนั้นมีสูงมาก

สิ่งที่พระบิดาทรงเมตตา
ให้เรามากล่าวเตือนและชี้แนะชาวโลกไว้ก็คือ
โรคระบาดที่อาจจะถูกนำมาปล่อยแพร่ที่ว่านี้
มันเกิดจากเชื้อ แบ็คทีเรีย ตัวร้ายชนิดหนึ่ง
ซึ่งใครรับเชื้อแล้วจะมีอาการรวมๆสิบอย่าง
ตามที่เรากล่าวไว้ข้างต้นนั้นมันมิใช่ไวรัส

เพราะใครป่วยเมื่อติดเชื้อโรคชนิดนี้แล้ว
แพทย์ก็จะหลงผิดคิดว่าเป็นเชื้อไวรัสวายร้าย
ความไม่รอบคอบในการค้นหาเชื้อก็จะเกิดขึ้น
เพราะคิดตามที่โลกลือว่าเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่
และอีกอย่างหนึ่งกว่าจะตรวจเลือดให้รู้ว่า
คนไข้ติดเชื้อแบ็คทีเรียมิใช่เชื้อไวรัสก็ตรวจยาก
จึงต้องรักษาไปตามอาการของผู้ป่วยกันก่อน

ใครติดเชื้อแต่ยังไม่พบอาการหรือเลือดไม่เป็นบวก
ก็ยิ่งเสี่ยงภัยจากเชื้อโรคนี้มากขึ้นไปอีก
โดยไม่รู้ว่าเจ้าแบคทีเรียสายพันธุ์ร้ายตัวนี้นั้น
แท้แล้วมันถูกฉายรังสีมาจากห้องแล็ปก่อนแล้ว
เพื่อทำให้เชื้อแบ็คทีเรียตัวนี้กลายพันธุ์
จนสามารถสำแดงฤทธิ์ได้คล้ายไวรัสเลยทีเดียว

ตัวอย่างของอาการป่วย
ที่แบ็คทีเรียชนิดนี้จะทำร้ายจนเสียชีวิต
ภายในเวลานับแต่ติดเชื้อ 10-24 วันเท่านั้น
ถ้าหากการบำบัดรักษาของแพทย์
เป็นแบบเดียวกับการรักษาโรคจากเชื้อไวรัส
ด้วยการใช้วิธีรักษาไปตามอาการ
ในลักษณะของการเกาไม่ถูกที่คัน
ทั้งๆที่แท้จริงแล้วการรักษาของแพทย์ล้มเหลว
หรือที่คนป่วยตายก็มาจากเส้นผมบังภูเขาแท้ๆ

สาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้คนป่วยเสียชีวิต
เพราะแบคทีเรียจะเป็นตัวการทำให้ลิ่มเลือดอุดตัน
ไม่อาจลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงเซลอวัยวะได้
จึงทำให้อวัยวะส่วนนั้นล้มเหลวเพราะขาดออกซิเจน
ซึ่งมีลักษณะอาการคล้ายติดเชื้อในกระแสเลือด

เชื้อแบ็คทีเรียชนิดนี้
จะทำให้เกิดการอักเสบภายในร่างกาย
ยังผลให้เกิดภาวะเส้นเลือดอุดตันด้วยลิ่มเลือด
จนนำออกซิเจนไปเลี้ยงอวัยวะต่างๆไม่เพียงพอ
ทำให้มีปัญหาในระบบการหายใจอย่างมาก

นอกจากนั้น
การติดเชื้อในกระแสเลือดจากเชื้อแบ็คทีเรียชนิดนี้
ยังเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนอีกต่างหากด้วย
เช่น อาจเกิดภาวะเลือดแข็งตัวภายในหลอดเลือด
ในแบบแพร่กระจายที่ทางการแพทย์เรียกว่า DIC
หรืออาจเกิดลิ่มเลือดแข็งตัวในหลอดเลือดเล็ก
หรืออาจทำให้การทำงานของต่อมหมวกไตล้มเหลว
หรืออาจทำให้อวัยวะบางอย่างทำหน้าที่ตามปกติมิได้
โดยเฉพาะการทำงานของหัวใจ ปอดและไต เป็นต้น

ถ้าปอดของคนป่วย
ไม่ได้รับออกซิเจนไปเลี้ยงอย่างเพียงพอแล้ว
ก็จะเกิดการหายใจล้มเหลวเฉียบพลันหรือ ARDS
จนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ในที่สุด

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ความจริงทั้งหมดเหล่านี้
เกิดจากการหลงผิดคิดว่าไวรัสเป็นจำเลย
เกิดจากประชาชนเข้าใจว่าเป็นหวัดธรรมดา
เกิดจากปัญหาการติดเชื้อจากโรงพยาบาล
เพราะต้องการเตียงนอนต้องการท่อออกซิเจน

เราจึงขอแนะนำท่านทั้งหลายว่า
ถ้าพวกต่างดาวนำเอาเชื้อโรคร้ายนี้มาแพร่จริง
สิ่งที่ท่านต้องทำมีอยู่สองสิ่ง คือ

ป้องกันตนเองไว้ก่อน
ด้วยการปฏิบัติตนดังต่อไปนี้ คือ

1.งดสูบบุหรี่
2.งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
3.งดเสพสารเสพติดทุกชนิด
4.ออกกำลังกายเป็นประจำ
5.ทานอาหารร้อนๆที่มีประโยชน์
6.หมั่นล้างมือให้สะอาดอยู่เสมอ
7.ออกจากบ้านสวมหน้ากากไว้
8.อย่าเข้าใกล้คนแปลกหน้าต่ำกว่า 2 เมตร

9.อย่าทานอาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อนแบ็คทีเรีย
นอกจากจะทำให้ร้อนปรุงให้สุกต้มให้เดือดก่อน

10.อย่าสัมผัสพื้นผิวที่อาจมีแบ็คทีเรียนี้ปนเปื้อน
เช่น ก้อกน้ำ ลูกบิดประตู ราวบันไดเลื่อน
ปุ่มกดลิฟท์ที่ใช้รวมกับคนหมู่มาก และอื่นๆ

11.อย่าสัมผัสแตะต้องสารคัดหลั่งของคนอื่น
ที่อาจมีเชื้อโรคร้ายนี้ปนเปื้อนอยู่ก็ได้
เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะ ที่ถูกบ้วนทิ้งไว้
หรือที่ออกมาจากการไอหรือจามต่อหน้าท่าน
แม้กระทั่งสารคัดหลั่งจากการมีเพศสัมพันธ์
ทั้งของผู้ชายหรือผู้หญิงก็ตาม
ซึ่งชาวต่างเผ่าดาวรับเชื้อช่องทางนี้กันมาก

การบำบัดรักษาแต่ต้นมือ
ถ้าตรวจเลือดแล้วเป็นบวก
อย่าปล่อยไว้นานเกิน 3- 5 วัน
อย่าเพิ่งด้นดั้นไปหาแพทย์
ท่านสามารถจัดการเชื้อโรคตัวนี้ได้เองก่อน

1.จงอย่าตื่นกลัวแต่ต้องตื่นตัวไว้เสมอ
แม้ติดเชื้อแล้วก็รักษาให้หายได้จำไว้เถิด
มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดหรอก

2.ให้รับประทานยาขนานต่อไปนี้ คือ

ทานยาแอสไพริน
ขนาด 100 มิลลิกรัม
เพื่อช่วยต้านการแข็งตัวของเลือด

ทานยาเม็ดปฏิชีวนะ
เช่น อิมโรแมค
เพื่อต้านการอักเสบ

ถ้าทานติดต่อกัน 3- 5 วันแล้ว
พบว่าอาการป่วยไม่มีอะไรดีขึ้นเลย
ให้ท่านรีบไปพบแพทย์

ถ้าพวกเขาเอาเชื้อโรคมาปล่อยแพร่จริง
ก็ขอให้ท่านทั้งหลายใช้ความรู้เหล่านี้
ให้เกิดประโยชน์สุขต่อตนเองและชีวิตเถิด

แต่อย่างไรก็ดีอธิษฐานไว้เถิดว่า
ขออย่าได้หยิบยื่นมาให้โลกเลย
แค่การผจญภัยกับ "โควิด" ชีวิตก็หมดสุข
อมทุกข์กันมาแรมปีกันแล้ว...ใช่ไหมท่าน

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28/07/2021

23 กรกฎาคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 23/07/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

23/07/2021




พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

กรณีเกิดฝนตกหนักทางภาคกลางของจีน
เป็นเหตุให้น้ำท่วมท้นจนถึงขั้นเขื่อนแตกนั้น
นี่คงเป็นผลจากความผิดบาป
ที่จีนพยายามสร้างเขื่อนกักน้ำจำนวนมากเกินพอ
ทำให้การไหลเวียนของน้ำตามธรรมชาติเสียสมดุล
จนยังผลให้ประเทศข้างเคียงอื่นๆกันดารน้ำนั่นเอง

ดังนั้น
สิ่งที่ท่านจะใช้เป็น เขาเงาเรา ได้ก็คือ

1.คนใด ครอบครัวใดหรือประเทศใดก็ตาม
ถ้าก่อกรรมทำผิดบาปอะไรไว้อย่างไร
กรรมแบบเดียวกันนั้นจักคืนสนองเสมอ

2.ผู้นำครอบครัวก่อกรรมทำผิดบาปอะไรไว้
ลูกเมียพ่อแม่ของผู้นำครอบครัวนั้นและผู้นำเอง
จักได้รับผลกรรมตามที่ผู้นำครอบครัวก่อไว้เสมอ
แม้ลูกเมียจะมิได้เป็นผู้ก่อกรรมนั้นเองก็ตาม

ประเทศชาติใดก็ตาม
ถ้าผู้นำประเทศนั้นก่อกรรมทำผิดบาป
กับประเทศอื่นชาติอื่นเอาไว้แบบไหนอย่างไร
ผลกรรมที่ทำผิดบาปนั้นก็จักคืนสนอง
ต่อประชาชนของประเทศนั้นด้วยเสมอ
แม้ประชาชนในชาติมิได้เป็นผู้ก่อกรรมนั้นเลย

3.ที่สมาชิกทุกๆคนในครอบครัวนั้น
ต้องรับผิดชอบในชะตากรรมร่วมกับผู้นำด้วย
เพราะทุกคนในครอบครัวเป็นหนึ่งเดียวกัน
และได้มอบอำนาจให้พ่อบ้านเป็นผู้นำครอบครัว

4.ประชากรทุกคนในประเทศเดียวกัน
หรือประชากรทุกคนในจังหวัดเดียวกัน
ถ้าผู้นำของตนก่อกรรมทำผิดบาปอะไรไว้
ในนามของจังหวัดนั้นหรือประเทศนั้น
ประชาชนในจังหวัดนั้นหรือในประเทศนั้น
ก็จักพลอยได้รับผลกรรมนั้นๆร่วมกันกับผู้นำด้วย

ที่คนทั้งจังหวัดหรือคนทั้งประเทศ
ต้องร่วมรับกรรมที่ผู้นำของตนก่อขึ้นไว้ด้วย
เพราะชาวบ้านและประชาชนทุกคน
เป็นผู้มอบอำนาจให้พวกเขาเป็นตัวแทนของตน
ในการบริหารภารกิจของจังหวัดหรือประเทศ
แทนพวกตนที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่นั่นเอง

ดังนั้น
ถ้าตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจผ่านการเลือกตั้ง
กระทำกรรมเวรหรือก่อผิดบาปอะไรกับใคร
ประชาชนผู้มอบอำนาจให้พวกเขาดำเนินการแทน
ก็จักต้องร่วมรับกรรมนั้นเหมือนตนเป็นผู้ก่อเองด้วย

5.ตัวอย่างเช่น
ถ้าผู้นำประเทศใดและคณะคดโกงฉ้อฉลคอรัปชั่น
ประเทศนั้นจะมีเศรษฐกิจตกต่ำ ถังแตก
ประชาชนจะต้องเจอปัญหาในการทำมาหากิน
เช่น ฤดูกาลวิกฤต สินค้าที่ผลิตราคาตกต่ำ
เกิดภาวะข้าวยากหมากแพง อดอยาก ยากจน
ทำอย่างไรประชาชนส่วนใหญ่ก็ไม่รวย

ถ้าผู้นำประเทศใด
ไปร่วมทำให้แผ่นดินประเทศอื่นเขาไม่สงบ
เช่น ยุยงให้เขาก่อศึกสงครามกลางเมือง
ทำให้บ้านเมืองประเทศอื่นลุกเป็นไฟไร้สันติสุข
แผ่นดินประเทศนั้นจะถูกเผาด้วยคลื่นอากาศร้อน
หรือไม่ก็จะต้องเผชิญกับ "ไฟป่า" ลุกลามหนัก

ถ้าผู้นำประเทศใด
ไปเป็นเหตุให้ประเทศข้างเคียงกันดารน้ำ
จากการละโมบสร้างเขื่อนกักน้ำเพื่อประเทศตน
โดยไม่ใส่ใจในความทุกข์ยากของประเทศอื่น
ผลกรรมที่คนในชาตินั้นจักต้องเผชิญก็คือ
ภาวะน้ำท่วมรุนแรงเพราะฝนตกหนักมากเกินปกติ
ที่ร้ายที่สุดก็คือเขื่อนที่สร้างขึ้นจะปริแตก
เพราะทนเก็บกักน้ำปริมาณมหาศาลไว้ไม่ไหว

เมืองใดประเทศใด
เป็นผู้ส่งออก "แฟชั่น" เสื้อผ้าอาภรณ์
เครื่องแต่งกาย น้ำหอม กระเป๋า รองเท้า ฯลฯ
ที่เป็นเครื่องกระตุ้นราคะจริตผู้คน
เมืองนั้นประเทศนั้นจะประสบปัญหาน้ำท่วม

ประชาชนในเมืองนั้นประทศนั้น
จักต้อง "แช่น้ำ" ที่สกปรกเพราะฝนตกแม่น้ำเอ่อ
มองทางไหนก็เจอแต่น้ำท่วมไปทั่ว
ทำให้พวกเขาไม่สามารถแต่งตัวเสริมสวย
สวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์สร้างแฟชั่นใหม่อะไรได้
เพราะแช่อยู่ในน้ำแต่งไปก็ไม่มีใครดู
เป็นกรรมที่สอนให้สำนึกรู้ว่า "ไม่แต่ง ไม่ตาย"
ให้หันมาแต่งที่จิตใจน่าจะดีกว่า เป็นต้น

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

กฎแห่งกรรมนั้นมีจริงๆ
มันเป็นของมันแบบนี้แหละท่าน

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
23/07/2021

20 กรกฎาคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 20/07/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

20/07/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

การมาเกิดเป็นมนุษย์ของจิตวิญญาณ
ผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของท่านทั้งหลายนั้น
ขณะมีภพชาติเป็นมนุษย์
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านทั้งหลาย
มิได้ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรม
ในการแสดงความเป็นรูปธรรมที่มีชีวิตหรอก

พระผู้สร้างคือองค์จิตจักรวาล
ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณมนุษย์และสัตว์
ได้ทรงออกแบบให้จิตวิญญาณของพวกท่าน
แบ่งภาคตนเองออกมาเป็นกลุ่มพลังงาน 189 กลุ่ม
พระองค์ทรงให้เรียกว่า จิตหยาบ หรือจิตมนุษย์
ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมทั้งระบบ
ตั้งแต่เริ่มต้นปฏิสนธิกับกายหยาบในครรภ์มารดา

พระองค์ทรงออกแบบไว้เช่นนี้
เพื่อให้ "จิตหยาบ" ทำหน้าที่แทนทั้งสองมิติ
คือสั่นสะเทือนในมิติทางกายภาพหรือกายหยาบ
กับสั่นสะเทือนในมิติทางพลังงานด้านของแก่นแท้

โดยการสั่นสะเทือนในมิติของกายหยาบ
หมายถึงการควบคุมดูแลกระบวนการทำงาน
ของกลไกอวัยวะร่างกายที่ลึกลงไปถึงระดับเซล
เพื่อการเจริญเติบโต เพื่อการซ่อมสร้าง
เพื่อการทำหน้าที่หลักของกลไกอวัยวะนั้นๆ
เพื่อควบคุมสั่งการให้เกิดพฤติกรรมต่างๆ
ในการทำงานร่วมกันระหว่างจิตกับสมอง เป็นต้น

ส่วนการสั่นสะเทือนในมิติของจิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นมิติทางพลังงานด้านของแก่นแท้นั้น
จิตหยาบจะสั่งการให้เกิดพฤติกรรมทางจิต
โดยใช้กลไกต่อมไร้ท่อ ระบบประสาทและสมอง
เป็นเครื่องมือของจิตหยาบสร้างกระบวนการ
ซึ่งเมื่อเกิดพฤติกรรมทางจิตแล้วก็จะเกิดผลกรรม
ในมิติทางพลังงานด้านของจิตวิญญาณทันที

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

กระบวนการสั่นสะเทือนของจิตหยาบ
ที่เกิดขึ้นทั้งสองมิติดังกล่าวนี้
มันจะเกิดขึ้นคู่ขนานกันเสมอ
ซึ่งมนุษย์เรียกว่า กระบวนการของขันธ์ห้า

แปลได้ว่าจิตหยาบจะสั่นสะเทือนเป็น 5 ขั้นตอน
ในทุกครั้งที่จิตหยาบสัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งใดก็ตาม
ด้วยตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัสและที่จิตนึกมโนเอง
ไม่ว่าสิ่งที่จิตหยาบรับรู้นั้นเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม
กระบวนการของขันธ์ 5 มันจะเกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ

ใน รูปขันธ์ ที่เป็นขั้นตอนแรกของกระบวนการ
จิตท่านจะทำงานเชื่อมโยงกับ สัญญาขันธ์
เพื่อเรียนรู้เบื้องต้นว่า "รูปนาม" ดังกล่าวที่รับมานั้น
มีข้อมูลบันทึกไว้ในอดีตบ้างหรือไม่
ถ้าตั้งแต่เด็กเคยเรียนรู้มาแล้วว่ามันคืออะไร
จิตก็จะรับรู้สิ่งนั้นทันทีโดยไม่ต้องพิจารณาอะไร

แต่ถ้าจิตหยาบรับรู้รูปนามนั้นแล้ว
ปรากฏว่าใน "สัญญาขันธ์" ว่างเปล่าไร้ข้อมูล
จิตหยาบก็จะไม่รู้ว่าที่ตนรับรู้อยู่นั้นมันคืออะไร
จิตหยาบก็จะพิจารณาสิ่งนั้นเพื่อเรียนรู้ทันที
ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ ถามผู้รู้ พ่อแม่ครูอาจารย์
หรือใครก็ได้ที่เป็นคนรอบข้างใกล้ตัวนั่นเอง
เมื่อได้รู้แล้วว่ามันคืออะไรจิตก็จะบันทึกข้อมูลนั้น
เก็บไว้ใน "สัญญาขันธ์" เพื่อเป็นประสบการณ์ชีวิต

เมื่อจิตสั่นสะเทือนกระบวนการของขันธ์ 5
ในขั้นตอน การรับรู้สรรพสิ่ง ว่าอะไรเป็นอะไร
ซึ่ง "รูปขันธ์" กับ "เวทนาขันธ์" ทำงานร่วมกันแล้ว
จิตหยาบกลุ่ม เวทนาขันธ์ จะสั่นสะเทือนต่อทันที
โดยนำเอารูปนามที่จิตหยาบรับรู้นั้นมา ปรุงแต่ง
ผลลัพธ์ของการปรุงแต่งที่เกิดนี้เรียกว่า ความรู้สึก
ซึ่ง "ความรู้สึก" จะมีทั้งที่เร่าร้อนหรือเศร้าหมอง
ขึ้นกับว่าจิต "ปรุงแต่ง" รูปนามที่รับรู้ว่าเป็นแบบไหน
"ความรู้สึก" ต่างๆที่เกิดขึ้นนี้มันคือ กิเลส นั่นเอง

เมื่อจิตหยาบสั่นสะเทือนต่อเนื่อง
จากรูปขันธ์ สัญญาขันธ์ จนถึงเวทนาขันธ์แล้ว
กระบวนการของขันธ์ 5 ในขั้นตอนที่สี่
ซึ่งจิตหยาบจะยังทำหน้าที่สั่นสะเทือนต่อไปคือ
จิตจะนำเอาสิ่งที่เรียกว่า "ความรู้สึก" ที่เกิดขึ้นนั้น
ไปสู่ขั้นตอนทำงานของจิตในกลุ่ม "สังขารขันธ์"
โดยมันจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วมาก

ขั้นตอนนี้จิตจะนำเอาความรู้สึก
ที่มีต่อสิ่งเร้าที่ตนรับรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วรับเอานั้น
มาปรุงแต่งด้วยกระบวนการที่สลับซับซ้อนขึ้น
เพื่อทำให้สิ่งที่ตนรับรู้แล้วรับเอามีอัตตาตัวตน
จนจิตหยาบสามารถที่จะยึดติดอัตตานั้นได้
ด้วยพลังอำนาจของสิ่งที่เรียกว่ากิเลสนั่นแหละ

เมื่อจิตสั่นสะเทือนเป็นความรู้สึกหรือเกิดกิเลส
ในขั้นตอนของกระบวนการสังขารขันธ์ที่ว่านี้แล้ว
จิตหยาบก็จะสั่นสะเทือนต่อเนื่องโดยปิดกั้นไม่ได้
ซึ่งผลลัพธ์ของการสั่นสะเทือนกิเลสก็คือ "ตัณหา"
เพราะจิตหยาบหลงยึดติดในอัตตาของสิ่งนั้นแล้ว
โดยตัณหาที่ว่านี้ก็คือ ความอยาก ไม่อยาก นั่นเอง

เมื่อจิตหยาบเกิดความอยากหรือไม่อยากขึ้น
ในขั้นตอนการสั่นสะเทือนของ "สังขารขันธ์" นี้แล้ว
สิ่งที่จิตหยาบจะสั่นสะเทือนต่อไปอีกก็คือ
การเกิดอารมณ์หยาบๆรายวันเป็นการนึกและการคิด
ที่จิตหยาบจะใช้เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมต่างๆ
เพื่อตอบสนองรูปนามที่เป็น "สิ่งเร้า" นั้นต่อไป

โดยมนุษย์จะใช้ความอยากไม่อยากของจิต
ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันขณะนั้นหรือในเวลานั้น
เป็นตัวกำหนด การนึกของจิต เป็นสำคัญ
ซึ่งเป็นไปได้ทั้งการนึกลบและการนึกบวก
ถ้าจิตนึกลบจิตก็จะสั่งให้สมองของตนคิดลบ
ถ้าจิตนึกบวกจิตก็จะสั่งให้สมองของตนคิดบวก
เมื่อสมองคิดลบหรือคิดบวกตามคำสั่งของจิตแล้ว
จิตหยาบก็จะกระทำตอบสนองสิ่งเร้าไปตามที่คิด

ยกเว้นในกรณีที่มนุษย์คนนั้น
ไม่อาจทำตามความอยากไม่อยากของตนได้
เพราะมีใครหรือสิ่งใดเป็นอุปสรรคขัดขวางตน
จิตก็จะสั่นสะเทือนต่อต้าน ตอบโต้หรือต่อสู้ทันที
สิ่งที่จิตสั่นสะเทือนเป็นด้านลบนี้ก็คืออารมณ์ขยะ
แทนที่มนุษย์จะใช้ความอยากไม่อยากหรือตัณหา
ทำการตอบสนองสิ่งเร้าตามที่เรากล่าวมา
จิตหยาบก็จะใช้อารมณ์ขยะกำหนดพฤติกรรมขยะ
เพื่อตอบสนองสิ่งเร้าที่ตนรับรู้อยู่นั้นแทนก็มีเช่นกัน

ดังนั้น
พฤติกรรมภายนอกต่างๆของมนุษย์
ไม่ว่าจะเป็นการพูดและการกระทำ
จึงถูกขับเคลื่อนด้วยจิตหยาบ
จากการสั่นสะเทือนเป็นกระบวนการของขันธ์ 5
ตามที่เรากล่าวเป็นลำดับขั้นตอนมาตั้งแต่ต้น

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

กระบวนการของขันธ์ 5 ที่ว่านี้
จึงเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหลังของคำว่า
จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว โดยแท้

ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนั้น
เป็นการสั่นสะเทือนของกระบวนการขันธ์ 5
ในขั้นตอนของจิตหยาบกลุ่มสังขารขันธ์
ซึ่งก่อให้เกิดการแสดงออกหรือการกระทำต่างๆ
ในมิติโลกทางกายภาพที่มนุษย์สัมผัสรู้ดูเห็นได้

แต่อย่างไรก็ตามท่านทั้งหลายควรจะต้องรู้ว่า
ผลลัพธ์ของจิตที่สั่นสะเทือนในกลุ่มสังขารขันธ์
มันมิได้ก่อให้เกิดแค่กายกรรมวจีกรรมเท่านั้น
แต่แท้จริงแล้วจิตหยาบในขั้นตอนนี้ยังก่อให้เกิด
ผลลัพธ์ในมิติทางพลังงานด้านของจิตเองด้วย
พระบิดาทรงเรียกว่า พลังงานจิต หรือพลังจิต
ซึ่งอยู่ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก
ที่คนโบราณเรียกว่า วิญญาณขันธ์ ขันธ์ที่ห้า
ที่สองตาเปล่าของพวกท่านมองไม่เห็นอีกด้วยนะ

ตัวอย่างเช่น
คลื่นความรัก คลื่นความคิด
คลื่นอารมณ์ต่างๆ เหล่านี้เป็นต้น

ถ้ารักใครจิตก็จะส่งคลื่นรักไปกระทำต่อคนนั้น
ถ้าโกรธใครจิตก็จะส่งคลื่นลบไปกระทำต่อผู้นั้น
ถ้าคิดถึงใครจิตก็จะส่งคลื่นไปกระทำต่อผู้นั้น
โดยคลื่นจิตจะเดินทางไปสู่เป้าหมายในแนวระนาบ
ซึ่งกระบวนการนี้จิตหยาบจะไม่สามารถทำเองได้
จักต้องอาศัยพลัง จิตใต้สำนึก ของจิตวิญญาณ
เป็นเครื่องมือช่วยเหลือในการขับเคลื่อนเท่านั้น
ซึ่งพระผู้สร้างได้ทรงออกแบบเอาไว้ให้
จิตใต้สำนึกคอยสั่นสะเทือนตามจิตหยาบอยู่แล้ว
โดยไม่ต้องไปสั่งไปเสือกหรือบงการแต่อย่างใด

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

พระโอวาททั้งหมดที่เรากล่าวมา
เป็นความจริงของ "ขันธ์ 5" ในระดับอนุตรธรรม
ที่เกินปัญญาความสามารถของมนุษย์จะรู้เองได้

ถ้าท่านทั้งหลายไม่รู้ความจริงนี้
แทนที่จะเรียนรู้เพื่อการใช้ให้เป็นใช้ให้ถูกต้อง
พวกท่านก็จะพากันพยายามจะดับมันแทน
จนนำไปสู่อจินไตยที่รู้ว่าตนไม่รู้เพราะสุดที่จะรู้
จนนำไปสู่ "การเดา" อันเป็นที่มาของ วิปลาสธรรม
จนนำไปสู่การ "หลงทาง" นิพพาน
เพราะเชื่อว่านิพพานคือจิตวิญญาณดับสูญ
เพราะเชื่อว่า "ขันธ์ 5" เป็นที่มาแห่งทุกข์
เพราะเชื่อว่า "ทุกข์" เกิดจากการมีอัตตา
ถ้าดับอัตตาได้หมายถึงตนนั้นนิพพานแล้ว

ขอท่านทั้งหลายจงเปลี่ยน Mind Set
ด้วยการทำความเข้าใจเรื่องนิพพานกับขันธ์ 5
ให้กระจ่างสว่างกมลกันโดยไวเถิด
เพราะเวลาของการปิดยุคพลังงานเก่ามาถึงแล้ว

เราขอย้ำว่า
จิตหยาบต้องนิพพานจิตวิญญาณจึงหลุดพ้น
คำว่า "นิพพาน" คือ การดับกิเลสตัณหาได้สิ้น
จิตหยาบก็จะเป็นจิตที่ผ่องใสพิสุทธิ์
จนสั่นสะเทือนเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณได้
เมื่อนั้นแหละการทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณ
ในการใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกจึงจะประสบผล
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านทุกคนจึงจะหลุดพ้น
กลับออกไปจากเอกภพหรืออนันตจักรวาลนี้ได้
ซึ่งเป็นนิพพานแท้จริงมิใช่นิพพานเทียมเท็จ

เราขอย้ำว่า
กระบวนการของขันธ์ 5 ที่เรากล่าวมา
เป็นกระบวนการที่ถูกออกแบบไว้ให้สัตว์ใช้
เพื่อผลิตพลังงานความรักเมตตาค้ำจุนสมดุลโลก
แต่ถ้ามนุษย์อย่างพวกท่านใช้มันเป็นอัตโนมัติ
มันจะเป็นกระบวนการ "หมุนกรรมจักร" เสมอ
ซึ่งเป็นที่มาของกฎแห่งกรรมและสังสารวัฏ

สิ่งที่มนุษย์ต้องทำก็คือ
ท่านต้องเข้าแทรกแซงกรรมจักรของขันธ์ 5
โดยเปลี่ยนเป็นธรรมจักรด้วยความรักและปัญญา
อย่าใช้อารมณ์ขยะรายวันหรือกิเลสตัณหา
สั่นสะเทือนกระบวนการขันธ์ 5 เด็ดขาด
เพราะสัตว์ไม่มีสมองไม่มีกฎแห่งกรรม
แต่มนุษย์เช่นท่านพระบิดาทรงติดตั้งสมองให้แล้ว
ถ้าท่านหมุนกรรมจักรจิตวิญญาณจะหลงมิติ
เมื่อสิ้นอายุขัยจิตวิญญาณตายแล้วจักต้องลงนรก
เพื่อชำระความผิดบาปที่จิตหยาบกระทำไว้
แล้วต้องกลับมาเกิดใหม่เพื่อหมุนธรรมจักรให้ได้
ถ้ายังล้มเหลวอีกก็ยังต้องตายเพื่อเกิดใหม่อีก
จิตวิญญาณจะมีสังสารวัฏต่อไปไม่รู้สิ้นสุด

นี่โลกก็สิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว
พระบิดาส่งเรามาหงายกะลาที่ครอบอยู่
เพื่อให้มนุษย์ผู้หลงทางเพราะเดินอยู่ในความมืด
ได้แลเห็นแสงสว่างอันเป็นความรักของเรา
ที่พระผู้เป็นเจ้าประทานผ่านมาให้พวกท่าน
ซึ่งเป็นพี่ๆน้องๆของเราเอง

คำว่า "ภพชาติหน้า" ต่อไปนี้ไม่มีโอกาสแล้ว
เพราะโลกกับมนุษย์สิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว
จิตหยาบต้องส่งจิตวิญญาณกลับสู่แดนสุญตา
บ้านเกิดเมืองนอนที่จากกันมาหลายหมื่นปีให้ได้
จะเกาะติดอยู่กับโลกต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
จะหลุดลอยค้างบนสวรรค์มายาอีกก็ไม่ได้
เพราะจะกลายเป็น "ขยะ" ที่ต้องถูกชำระทิ้ง

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
20/07/2021

13 กรกฎาคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 13/07/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

13/07/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ต้นไม้น้อยใหญ่บนดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้
เป็น "เครื่องยนต์แห่งกรรม" ชนิดแรกสุด
ที่พระบิดาทรงบรรจงออกแบบสร้างขึ้นมา
เพื่อให้ทำหน้าที่ เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลก

หน้าที่หลักก็คือให้เป็นกลไกสำคัญ
ในการผลิตสร้างพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ให้กับแกนแม่เหล็กโลกที่ทรงติดตั้งไว้ที่แกนโลก
เพื่อจุดระเบิดอะตอมธาตุออกซิเจนในแกนโลก
ให้เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นอย่างต่อเนื่องมิได้หยุด
เพื่อสร้างจิตสำนึกแห่งดาวเคราะห์โลกให้เกิดขึ้น

โดยทรงกำหนดให้การสั่นสะเทือนทางจิตสำนึก
ซึ่งเกิดขึ้นบริเวณแกนในสุดของดาวเคราะห์โลก
เป็นตัวกำหนด พฤติกรรม ทางพลังงานและกายภาพ
ของดาวเคราะห์โลกทั้งระบบตามที่พระองค์ต้องการ
ตัวอย่างเช่น

กรณีการระเบิดของอะตอมของธาตุออกซิเจน
ที่ทรงติดตั้งไว้ตรงแกนในของดาวเคราะห์โลก
จะช่วยให้เกิดแรงบิดตัวของแกนแม่เหล็กโลก
โดยเฉพาะในเวลากลางวัน
ส่วนเวลากลางคืนนั้นทรงกำหนดให้พืชนอน

ดังนั้น
พระองค์จึงทรงสร้างต้นไม้ใหญ่น้อยทั้งหลาย
ให้ดำรงอยู่บนพื้นแผ่นดินโลกตรงพิกัดที่เหมาะสม
เพื่อให้ผลัดเปลี่ยนกันทำหน้าที่ในยามกลางวัน
และผลัดเปลี่ยนกันพักผ่อนนอนหลับในยามราตรี
เพื่อให้แกนแม่เหล็กโลก "บิดตัว" สอดรับกัน
จนเกิดการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองของโลกนี้ได้
ซึ่งปัจจุบันต้นไม้ของพระบิดาก็ยังคงทำหน้าที่นี้อยู่

ใครตัดโค่นต้นไม้ทำลายป่าของพระองค์
จึงถือเป็นการทำลายระบบโลกของมนุษย์เอง
และถือเป็นการกระทำก้าวล่วงต่อพระผู้สร้างอีกด้วย
นับเป็นการผิดบาปต่อพระองค์อย่างร้ายแรง

นอกจากนั้นหน้าที่รองของต้นไม้ของพระองค์
คือการใช้รากค้ำจุนแผ่นดินโลกเอาไว้ให้มั่นคง
อีกทั้งช่วยรักษาความชุ่มชื้นของแผ่นดินไว้
ทำให้ต้นไม้ทั้งหลายใช้รากดูดซับสารอาหาร
เข้าสู่รากได้ในระบบ ออสโมซิส

ดังนั้น
ถ้าโลกไม่มีต้นไม้น้อยใหญ่ดำรงอยู่
ดาวเคราะห์โลกจะมีสภาพที่แห้งแล้งกันดาร
เหมือนดาวเคราะห์บางดวงในระบบสุริยะนี้
ที่สิ่งมีชีวิตลักษณะคล้ายมนุษย์บนดาวนั้น
ต้อง ขุดรู อยู่อาศัยใต้พื้นดินอันแล้งแห้ง
เพื่อหนีร้อนตอนกลางวันหนีหนาวสั่นตอนราตรี

สาเหตุที่พวกเขาต้องขุดรูอยู่ก็เกิดจากเวรกรรม
ที่พวกเขากระทำต่อระบบดาวของเขาเอง
ด้วยการตัดโค่นต้นไม้ทำลายป่าอย่างไร้สำนึก
ด้วยการสร้างขยะพลังงานขึ้นมาทำให้อากาศเสีย
ต้นไม้ใหญ่ยืนต้นตายสัตว์ป่าล้มตาย
ทะเลสาปแม่น้ำลำธารพากันแห้งขอดเห็นแต่หิน

พวกที่มีความเจริญทางด้านเท็คโนโลยี
ก็พากันอพยพย้ายถิ่นฐานไปอยู่ด้านตรงกันข้าม
ที่มีความชุ่มชื้นหลงเหลือให้มีชีวิตรอดอยู่บ้าง
พวกชาวบ้านชาวป่าจึงถูกทอดทิ้งไว้ให้ขุดรูอยู่

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

จงอย่าคิดเข้าใจว่าต้นไม้ป่าไม้
เป็นสมบัติของธรรมชาติที่ธรรมชาติเป็นผู้สร้าง
แท้แล้วเป็นสมบัติอันล้ำค่าที่พระบิดาทรงสร้าง
เพื่อให้เป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมประจำโลก
ให้ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับดาวเคราะห์โลก
ก่อนที่พระองค์จะทรงออกแบบสร้างไดโนเสาร์
สร้างสัตว์ประจำโลกที่มีความหลากหลายสปีชี่ส์
จนมาถึงเครื่องยนต์แห่งกรรมที่เรียกว่า มนุษย์
ก็ล้วนเป็นบุตรของพระผู้สร้างด้วยกันทั้งสิ้น

ความผิดบาปของมนุษย์
ที่กระทำต่อสมบัติของพระผู้สร้าง
กระทำต่อเพื่อนร่วมงานของดาวเคราะห์โลก
อย่างไร้สติทางวิญญาณเพราะขาดจิตสามนึก
มันเป็นโทษบาปอย่างมหันต์
คงได้เวลาที่โลกจะคืนสมดุลให้ตนเองบ้างแล้ว

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
13/07/2021

08 กรกฎาคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 08/07/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

08/07/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
พระผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง

ทรงมีพระบัญชาให้เรากลับมา
กล่าวพระอนุตรธรรมโอวาท
ในพระนามของพระองค์ต่อฝูงแกะทั้งหลาย
ที่ยังเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่ในระบบโลกนี้

เพื่อบอกให้ทุกท่านได้รู้ในสิ่งที่ท่านไม่รู้ว่าไม่รู้
อันเป็นสัจธรรมที่ศาสดาซึ่งเกิดจากโลกมิได้สอน
และสัจธรรมที่ว่านี้หากใครไม่รู้ก็หลุดพ้นมิได้ด้วย
สัจธรรมสูงสุดนี้พระบิดาทรงเรียกว่า อนุตรธรรม

ไม่ว่าท่านจะเป็นคนเชื้อชาติใดพูดจาภาษาอะไร
ไม่ว่าท่านจะนับถือศาสดาพระองค์ใดศาสนาไหน
ท่านก็เป็นแกะตัวหนึ่งในฝูงแกะของพระองค์
ที่จะต้องรู้ "อนุตรธรรม" จากพระโอวาทกันทั้งสิ้น
เพราะจิตวิญญาณพวกท่านเป็นพี่ๆน้องๆกัน
และเดินทางเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์จากที่เดียวกัน
ซึ่ง "จิตหยาบ" ต้องส่ง "จิตวิญญาณ" กลับบ้าน
ด้วยวิธีการเดียวกันไปตามเส้นทางสายเดียวกัน
โดยต่างมีบ้านเกิดอยู่นอกอนันตจักรวาลด้วยกัน

หากจะกล่าวให้กระชับก็อาจกล่าวได้ว่า
พระองค์ทรงใช้เรามา "หงายกะลา" เปิดกระโหลก
ให้แก่ประดาฝูงแกะผู้ที่ติดหลงอยู่ในกะลาครอบ
ได้แลเห็นแสงสว่างเจิดจ้าจากนอกอนันตจักรวาล
ด้วยนัยสำคัญที่ว่า เหนือฟ้ายังมีฟ้า นั่นแหละ
แต่ถ้าแกะตัวนั้นยังเดินหลับตาปิดอายตนะ
ก้าวตามคนนำทางตาบอดพาปีนรั้วเข้าคอกกันอยู่
ก็จะไม่ได้ยินเสียงเราเรียกให้เข้ามาทางประตูคอก
ซึ่งเป็นเส้นทางเรียบง่ายไม่ต้องป่ายปีนให้มันยาก

พระโอวาทจากพระบิดาที่ทรงสื่อผ่านเรามา
ล้วนเป็นความจริงระดับอนุตรธรรมที่ทรงเมตตา
แต่ก็กลับถูกแกะไร้สติปัญญาบางตัวก้าวล่วง
ทั้งๆที่เป็นความรู้ใหม่ที่มนุษย์ทุกคนจะต้องรู้
เพราะหลงเชื่อคำสอนของคนนำทางตาบอด
ที่สอนให้ยึดติดพระคัมภีร์ที่พวกตนเขียนกันเอง
แปลความพระธรรมของพระศาสดาผิดๆถูกๆเอง
แต่อ้างพระศาสดาทั้งๆที่พระองค์มิได้เขียนไว้
แล้วให้ปฏิเสธความรู้ใหม่โดยไม่คิดไม่ฟังไม่เชื่อ
ถ้าในคัมภีร์ไม่มีและคนนำทางตาบอดไม่ได้สอน

นับว่าน่าเสียดายยิ่งนัก
ที่แกะหลายตัวต้องกลายเป็นแกะอกตัญญู
ไม่รู้คุณพระบิดาผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของตน
แกะหลายตัวที่ขอพระบิดาเข้ามาทำหน้าที่บนโลก
กลับพยายามละทิ้งหน้าที่ของตนที่ขันอาสามา
เพราะจำไม่ได้ว่าตนเองเป็นใครมาจากไหน
ตนมีหน้าที่จะต้องทำอะไรกันบ้างและทำอย่างไร
รู้อย่างเดียวว่าตนนั้นไม่น่ามาเกิดเป็นมนุษย์
ที่มากด้วยความทุกข์เต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ซึ่งเป็นพฤติกรรมของ ลูกกำพร้า
ที่เป็น คนไร้บ้าน หรือเป็น แกะไร้เจ้าของ นั่นเอง

นอกจากนั้น
พระบิดายังให้เราเข้ามากล่าวพระโอวาท
เพื่อช่วยเติมเต็มโลกิยธรรมและโลกุตรธรรม
ในข้อที่ท่านทั้งหลายยังขาดพร่องกันอยู่
ให้มีความอุดมสมบูรณ์และงอกงามทางปัญญา

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ
พระองค์ทรงใช้เรามาช่วยแก้ไขความเข้าใจผิดๆ
ของคนนำทางตาบอดทั้งหลาย
ที่ใช้ "วิชาเข้าใจผิด" สั่งสอนให้คนก้าวตาม
จนหลงทางกลับบ้านหลงทางนิพพาน
หลุดลอยไปแขวนค้างกันอยู่บนสวรรค์มายา
จะหลุดพ้นออกไปจากสวรรค์มายาก็ไม่ได้
จะหลุดหล่นตกลงมาเกิดเป็นมนุษย์อีกก็ไม่ได้
เพราะตั้งสัจจะเอาไว้แล้วว่าจะไม่กลับมาเกิดอีก
เนื่องจากไม่ต้องการที่จะมีสังสารวัฏ

สิ่งที่คนนำทางตาบอดสอนผิดไว้
ที่เราจะต้องช่วยแก้ไขให้โดยเร็ว
มีอยู่หลายอย่างแต่ละอย่างล้วนสำคัญทั้งนั้น
ตัวอย่างเช่น

1.ความเข้าใจผิดเรื่องขันธ์ 5 ว่าเป็นอัตตา
2.เชื่อว่าการดับทุกข์คือการดับอัตตา
3.เชื่อว่าถ้าดับอัตตาได้ก็จะเป็นอนัตตา
3.เชื่อว่าเป็นอนัตตาแล้วแสดงว่านิพพานแล้ว
4.เชื่อว่านิพพานเป็นเรื่องเดียวกันกับหลุดพ้น
5.เชื่อว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องของจิตวิญญาณ

เมื่อพระบิดาให้เรากล่าวพระโอวาท
เพื่อแก้ไขคำสอนที่ผิดจากพระศาสดาสอนไว้
แกะบางตัวก็ดันออกมาสามหาวก้าวล่วงเราว่า
ขโมยธรรมะพระศาสดาของตนมากล่าวสอน
เช่น ตอนที่เรากล่าวถึงคำว่า "นิพพาน"
เรากล่าวถึงคำว่า "อัตตา อนัตตา"
เรากล่าวถึงกระบวนการของ "ขันธ์ 5"
เรากล่าวถึงเรื่อง "การหมุนธรรมจักร"

ทั้งๆที่ทุกเรื่องราวที่เรากล่าวถึงเหล่านี้นั้น
เรากำลังช่วยทำความโง่ความไม่รู้ให้กระจ่าง
ถ้าเปิดหูเปิดตาเปิดใจรับฟังอย่างคนไม่สิ้นคิด
แกะพวกนี้ก็จะได้ประโยชน์ได้ปัญญาไปเต็มๆ
การกล่าวหาว่าร้ายก้าวล่วงเราว่าขโมยธรรมะ
มันจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าแกะพวกนี้ไม่สิ้นคิด
เราเป็นอนุตรธรรมาจารย์เป็นบุตรเอกพระบิดา
ผู้เข้ามาทำหน้าที่กล่าวพระโอวาทแทนพระองค์
เรามีปัญญาปาฏิหาริย์จำเพาะตนคนเดียวในโลก
ไม่มีเหตุผลที่จะต้องขโมยธรรมะใครมาพูดหรอก

ฝากเตือนแกะที่หลงทางกลับบ้าน
เพราะมัวแต่หลับตาก้าวตามคนนำทางตาบอดว่า
คนนำทางตาบอดเดินนำทางคนตาบอดนั้น
จะพากันตกเหวหรือหลงทางสะดุดนั่นโน่นนี่ไหม
เพราะพากันเดินอยู่ในท่ามกลางความมืดมิดน่ะ

เรากลับมาเพื่อเป็น "แสงสว่าง" ของโลก
มิได้มาสร้างลัทธิใหม่ศาสนาใหม่
มิได้มายกเลิกศาสนาใดๆทั้งสิ้น
เรานำความรักจากพระเจ้ามาสู่ชาวโลก
เรามาแจ้งข่าวสารการชำระโลก
เพื่อเปลี่ยนโลกสู่ยุคพลังงานใหม่ในอีกไม่นานนี้

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
8/07/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล 08/07/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

08/07/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล


พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เจ้าสาวทั้งหลายในปลายยุคพลังงานเก่านี้
ประเภทยืนรอการกลับมารับจนหลับไปก็มาก
แถมตะเกียงที่ถือติดตัวอยู่ก็ไร้น้ำมันอีกต่างหาก

ดังนั้น
เพราะคุณเธอมัวหลับไหลกันอยู่นี่แหละ
พอเจ้าบ่าวผู้ที่ตนเฝ้ารอมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า
หล่อนก็มิอาจจะรู้ได้ว่า "เจ้าบ่าว" มาถึงนานแล้ว

คำว่า "หลับไหล" ในที่นี้หมายถึง
การไม่ตื่นตัว ไม่ตื่นตา ไม่ตื่นใจและไม่ใส่ใจ
คอยชะแง้แลหาว่าเจ้าบ่าวจะมาทิศทางไหน
คอยเฝ้าดูตลอดเวลาว่าเจ้าบ่าวจะมาถึงเมื่อไหร่
อันเป็นพฤตินิสัยของคนที่มีใจเฝ้ารอที่แท้จริง

วันๆพวกหล่อนจึงรู้อยู่อย่างเดียวว่า
พวกตนทั้งหลายคือผู้รอคอยเจ้าบ่าวกลับมา
รอโดยไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าเจ้าบ่าวของตนคือคนไหน
ไม่รู้ว่าเจ้าบ่าวที่เฝ้ารอจะกลับมาในรูปแบบใด

รู้อยู่อย่างเดียวว่าพวกตนจะต้องรอ...รอ...รอ...
ตนจะรอเจ้าบ่าวโดยไม่ยอมเปลี่ยนใจ
จะให้รอนานแค่ไหนใจตนก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง
ซึ่งความมุ่งมั่นในการรอคอยเจ้าบ่าวเยี่ยงนี้
แม้จะเป็นพฤติกรรมที่สมควรสรรเสริญก็จริงอยู่
แต่เป็นพฤติกรรมการรอคอยที่ขาดองค์ปัญญา
เพราะพวกหล่อนจะมองเห็นเจ้าบ่าวผู้กลับมาได้
ต้องใช้ "ตาที่สาม" คือ ดวงตาแห่งปัญญา เท่านั้น
มิใช่สองตาเนื้อที่พวกหล่อนใช้มันจนคุ้นชิน

คำว่า "ดวงตาแห่งปัญญา" ในที่นี้เราหมายถึง
ตะเกียงของเจ้าสาวแต่ละคนหรือ "ก้อนสมอง"
ที่หล่อนจะต้องใช้มัน ทำความไม่รู้ให้กระจ่าง
หรือใช้มันเปลี่ยนความมืดให้เป็นความสว่าง
เพื่อใช้แสงสว่างนั้นส่องทางเดินของชีวิตหล่อน

เราจึงเปรียบก้อนสมองพวกหล่อนเป็นดั่งตะเกียง
พวกที่ยืนหลับไหลถือตะเกียงที่ไร้น้ำมัน
เราจึงหมายถึงพวกที่ยืนรอการกลับมาอย่างงมงาย
ขณะที่ติดอาวุธทางปัญญาของสมองไม่เป็นด้วย
นั่นคือ ไม่ฉลาดใช้ปัญญา หรือ คิดไม่เป็น นั่นเอง

เจ้าสาวที่รอคอยลืมไปว่า
แม้หล่อนจะจำหน้าตารูปลักษณ์เจ้าบ่าวของตนได้
แต่ถ้าลืมไปว่ากว่าเจ้าบ่าวจะกลับมารับมันนานมาก
ตัวตนรูปลักษณ์หน้าตาเจ้าบ่าวที่จะกลับมารับนั้น
ย่อมเปลี่ยนแปลงผิดไปจากวันเก่าๆอย่างแน่นอน

ถ้าเจ้าสาวมีความฉลาดทางปัญญามีไหวพริบ
ถ้าเจ้าสาวไม่ติดยึดกับตัวตนรูปลักษณ์เจ้าบ่าว
ซึ่งเป็น "มายา" มิใช่ตัวตนที่แท้จริงแล้ว
เจ้าสาวผู้รอคอยทั้งหลายก็สามารถใช้ตาที่สาม
พินิจพิจารณามองหา แก่นแท้ แทนได้
เพียงเจ้าสาวต้องจำให้ได้ว่าตัวตนแก่นแท้
อันเป็น คุณสมบัติ ของเจ้าบ่าวนั้น คือ อะไร

ตัวอย่างเช่น
การตั้งใจฟังสำเนียงเสียงพูด
การฟังวิธีการและหลักการพูด
การฟังสาระธรรมสำคัญในการพูด
การสังเกตท่าทางการเดินเหินหรือการกระทำ
การสังเกตที่พฤตินิสัย หรืออื่นๆ เป็นต้น

ถ้ามัวแต่จำเสื้อผ้าอาภรณ์เครื่องนุ่งห่ม
ถ้ามัวแต่จำหน้าตา เผ้าผม หรือหนวดเครา
แล้วมองหาด้วยสองตาเนื้อ
เชื่อเถิดว่าหาอย่างไรก็ไม่มีวันพบเจอ
เพราะโลกมายานั้นอนิจจังไม่เที่ยงแท้
ในมิติจิตวิญญาณนั้นทุกสิ่งล้วนเป็นอนัตตา

ด้วยเหตุนี้เอง
สรรพสิ่งที่เป็นอนัตตาแม้มีอัตตาที่เปลี่ยนไปได้
แต่ "คุณสมบัติ" ของสรรพสิ่งนั้นไม่มีวันเปลี่ยน
เพราะมันคือสัจธรรมของสรรพสิ่งนั้นนั่นเอง

หวังว่าเจ้าสาวผู้รอคอยทั้งหลาย
คงจะเกิดดวงตาแห่งปัญญาขึ้นมาได้บ้างนะว่า
ขณะนี้เธอกำลังตื่นอยู่หรือหลับอยู่
ตะเกียงคือสมองของเธอในนั้นมีน้ำมันหรือเปล่า
ถ้ามีน้ำมันแล้วเธอจุดมันเป็นแล้วหรือยัง

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
8/07/2021

05 กรกฎาคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 05/07/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

05/07/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

โลกเสรีในปลายยุคพลังงานเก่านี้
จักรวาลได้วัดค่าความสมดุลของระบบโลกแล้ว
ตรวจพบว่า จิตสำนึกของโลก ตกต่ำมาก
จนขณะนี้ดาวเคราะห์โลกทั้งระบบเสียสมดุล
ทั้งในมิติทางพลังงานและมิติทางกายภาพ
จนถึงระดับที่มิอาจแก้ไขเยียวยาได้อีกแล้ว

ถึงแม้ผู้ที่เรียกตนเองว่า "มนุษย์"
มิใช่ทุกคนที่มีจิตสามนึกตกต่ำ
จนทำให้โลกเสียสมดุลดังกล่าว
เพียง 30% ของประชากรโลกที่จิตสามนึกตกต่ำ
มนุษย์พวกนี้ก็สามารถทำร้ายระบบโลก
ให้เสียสมดุลได้แล้ว

พวกที่ไม่สามารถเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกได้
ก็คือพวกที่ทำร้ายระบบโลกของพระบิดาทั้งสิ้น
พฤติกรรมมนุษย์ที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกมิได้
มีตัวอย่างที่ท่านต้องรู้ด้งนี้ คือ

1. เป็นพวกสายบุญ
แต่ไปหลับตาก้าวตามคนนำทางตาบอด
เพราะใช้ความเชื่อและความศรัทธานำปัญญา
จึงถูกชักพาให้หลงทางนิพพานมาทุกภพชาติ

เป้าหมายของการปฏิบัติธรรม
ยังมุ่งเน้นอยู่ที่การกระทำเพื่อตนเอง
สภาวะจิตจึงยึดติดกองกิเลสอยู่
จนยังผลให้แรงสั่นสะเทือนของจิตไม่มากพอ
ที่จะแบ่งปันความรักใสบริสุทธิ์ให้โลกได้

2. เป็นพวกงมงาย
ฝักใฝ่แต่สิ่งที่อวดอุตริอวิชชา
เพราะไปหลงศรัทธาคนนำทางตาบอดบางคน
ที่ข้ามผ่านบททดสอบสภาวะจิต
จากอำนาจฤทธิ์แห่ง อภิญญาปาฏิหาริย์
บนเส้นทางฝึกฌาณสมาบัติไม่ได้

นอกจากนั้น
มนุษย์พวกงมงายเหล่านี้
ยังพยายามแสวงหาอุตริอวิชชากันเอง
โดยใช้กิเลสแฝงการปฏิบัติธรรม
เช่น ใช้ความสามารถทางเท็คนิกสมาธิ
เพื่อติดต่อภูติผีปีศาจบ้าง ติดต่อเทพเจ้าบ้าง
ติดต่อกับจิตวิญญาณข้างในตนเองบ้าง
เพื่อหวังให้สิ่งที่ตนติดต่อนั้น
น้อมนำเอาเงินทอง ลาภยศ สรรเสริญมาให้
โดยไม่ยอมสั่นสะเทือนจิตสามนึกด้านบวก
เพื่อลงมือทำให้บรรลุในสิ่งต้องการด้วยตนเอง

โลกจึงไม่สามารถสั่นสะเทือนจิตสำนึกได้
โดยมนุษย์กลุ่มที่งมงายเหล่านี้

3. เป็นพวกสายบาป
ในชีวิตประจำวันพวกนี้จะหันหลังให้พระเจ้า
เป็นจำพวกที่ไม่คิดคำนึงถึงศีลธรรม
เป็นพวกมารศาสนา เป็นพวกขี้ข้าของซาตาน

เป็นพวกที่ถูกกิเลสตัณหาครอบงำ
เป็นพวกที่ทำตนเป็นอุปสรรคของคนดี
เป็นพวกที่ไม่ละอายต่อการทำบาป
เป็นพวกที่ยึดประโยชน์ตนมาก่อนส่วนรวม
เป็นพวกบ้าอำนาจและชอบใช้อำนาจเหนือผู้อื่น

ผู้คนเหล่านี้เป็นพวกใจดำอำมหิตมาก
เพราะส่วนใหญ่เป็นจิตวิญญาณของคนใจบาป
ที่พระบิดาทรงปลดปล่อยออกมาจากคุก
เพราะทำผิดบาปมาตั้งแต่ยุคแอ็ตแลนติส
เพื่อให้กลับมาเกิดใหม่ในภพชาติสุดท้าย
จะได้แก้ไขตนเองเพื่อให้มีโอกาสหลุดพ้น
ก่อนกาลสิ้นยุคในภพชาติปัจจุบันนี้

แต่ปรากฏว่าพวกเขายังพกพาความแค้น
ติดตัวมาเกิดในโอกาสสุดท้ายนี้ด้วย
เป็นความแค้นจากการที่พระบิดาทรงชำระความ
ด้วยการกลบฝังวัตถุเท็คโนโลยีขยะของพวกเขา
รวมทั้งชีวิต จิตวิญญาณ และแผ่นดินพวกเขา
เอาไว้ใต้แผ่นเปลือกโลกมานานหลายหมื่นปี

คนพวกนี้ที่เป็นสายบาป
จึงเป็นผู้ต่อต้านพระบิดา
ไม่ปรารถนาดีต่อพี่ๆน้องๆร่วมโลก
ชักพาให้ผู้คนหลงไหลในวัตถุเท็คโนโลยี
จนหลงลืมพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
แล้วหันไปบูชาความร่ำรวย เกียรติยศ ชื่อเสียง
แทนที่จะบูชาคุณธรรมความดีงาม

สถานการณ์โควิด 19 ระบาดทั่วโลก
นี่ก็เป็นผลงานของพวกซาตานกลุ่มนี้
ที่ผลิตสร้างอาวุธเชื้อโรคขึ้นมา
เพื่อขายความกลัวตายของพี่ๆน้องๆ
ด้วยตัวยาป้องกันเชื้อโรคร้าย
ที่พวกตนแข่งกันสร้างมันขึ้นมา
ซึ่งลงทุนน้อยกว่าหาเงินได้เร็วกว่าค้าอาวุธ

จากการนี้...ภายในเวลาไม่ถึงปี
ประเทศของคนพวกนี้ก็มีรายได้เพิ่มขึ้นมหาศาล
ช่วยกู้สถานการณ์วิกฤตเศรษฐกิจได้ชงัดนัก
เมื่อทำแล้วได้ผลอาการติดใจจะเกิดขึ้น
นั่นคือจะทำแบบเดิมต่อไปไม่เลิกลา
มิหนำซ้ำลัทธิเอาอย่างในทางชั่วก็จะเกิดขึ้น

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ทุกวันนี้มนุษย์ค่อนโลกเกิดความ กลัวตาย
จากอาวุธเชื้อโรคร้ายกันไปแล้ว
มันเป็นการกลัวตายจากการถูกทำร้าย
ด้วยอาวุธเชื้อโรคที่มนุษย์สร้างกันขึ้นมาเอง
ความกลัวตายนี้จึงสร้างแต่พลังงานลบออกมา
ซึ่งดาวเคราะห์โลกไม่ต้องการ

ต่างจากการที่มนุษย์กลัวตายจากภัยพิบัติ
เพราะยอมรับว่าภัยพิบัติในการชำระโลกนั้น
ไม่มีใครห้ามมิให้เกิดขึ้นได้
เพราะรู้แล้วว่าภัยพิบัติเกิดขึ้นเพราะอะไร
เมื่อมนุษย์ยอมรับความจริงแล้ว
การต่อต้านหรืออคติต่อภัยพิบัติจึงไม่เกิดขึ้น
คงเหลือแต่เพียง การรักตนเอง รักญาติพี่น้อง
เพราะกลัวว่าตนและคนรักจะต้องตายจากภัยพิบัติ
ซึ่งตนหรือคนที่ตนรักจักต้องเผชิญเมื่อไหร่ก็ไม่รู้

ดังนั้น
พลังงานด้านลบจากจิตไร้สามนึกของมนุษย์
จึงให้ประโยชน์ตามที่โลกต้องการไม่ได้
สิ่งเดียวที่มนุษย์โลกต้องเผชิญก็คือ
ภัยพิบัติทุกรูปแบบที่จะเกิดรุนแรงขึ้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ที่คนตนเองให้เป็นมนุษย์ด้วยขันธ์ 5 สำเร็จ
ซึ่งมิได้เป็นหนึ่งใน 3 จำพวกที่ว่านี้
กับผู้ที่สามารถทำสามเหลี่ยมกับพระบิดาได้
จักเป็นผู้ที่ถูกคัดไว้ให้อยู่ในระบบโลกต่อไป
แม้จะเปลี่ยนผ่านสู่ยุคพลังงานใหม่แล้ว

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5/07/2021

04 กรกฎาคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 04/07/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

04/07/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า

จิตวิญญาณผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของท่านทั้งหลาย
เป็นผู้ขันอาสาพระบิดาเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ผลิตสร้างพลังงานความรัก
ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
มอบให้กับโลกเพื่อช่วยค้ำจุนสมดุลโลกให้ยั่งยืน

โดยจิตวิญญาณของท่าน
จะแบ่งภาคตนเองออกมาเป็นกลุ่มพลังงาน
ที่พระบิดาทรงเรียกว่า "จิตหยาบ"
เพื่อมอบอำนาจให้ทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณ
ในการมอบพลังงานความรักให้โลก

วิธีมอบความรักในมิติทางพลังงานให้แก่โลกนั้น
พวกท่านสามารถทำได้ง่ายๆในชีวิตประจำวัน
โดยไม่ต้องมีพิธีรีตองหรือไม่ต้องมีพิธีกรรมใดๆ
เพียงแค่ใช้จิตหยาบเรียนรู้ที่จะรักคนไม่น่ารักให้ได้
อภัยแก่คนที่ทำตนไม่สมควรจะให้อภัยให้เป็น
โดยไม่มีข้อแม้ไม่มีเงื่อนไขไม่มีข้อยกเว้นใดทั้งสิ้น

เพียงท่านปฏิบัติตนกันง่ายๆที่เป็นธรรมชาติแบบนี้
ท่านก็สามารถมอบพลังงานความรักในมิติของจิต
ให้แก่ดาวเคราะห์โลกที่ท่านเหยียบยืนกันได้แล้ว

ถ้าท่านปฏิบัติจนบรรลุเป้าหมายของจิตวิญญาณได้
การมาเกิดเป็นมนุษย์ของจิตวิญญาณก็ไม่เสียเปล่า
เพราะเหตุว่า...

1.จิตหยาบคือตัวท่านที่เป็นมนุษย์
สามารถเปลี่ยนกรรมจักรให้เป็นธรรมจักรได้
ด้วยการแทรกแซงกรรมจักรผ่าน "ขันธ์ 5"
ที่พระบิดาทรงกำหนดติดตั้งเอาไว้ให้ใช้
โดยใช้ความรักทุกรูปแบบขับเคลื่อนขันธ์ 5
แทนกิเลสตัณหาราคะอารมณ์ขยะรายวัน
ซึ่งเป็นวิธีการหมุน ธรรมจักร ได้นั่นเอง

2.จิตหยาบคือตัวท่านที่เป็นมนุษย์
สามารถสอบผ่านเงื่อนไขต่างๆในบททดสอบ
ที่คนรอบข้างของท่านช่วยหยิบยื่นมาให้
ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขที่ดีหรือร้ายก็ตาม
จนยังผลให้จิตหยาบยกระดับแรงสั่นสะเทือน
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณของตนได้

ทำให้จิตวิญญาณทำงานร่วมกับจิตหยาบ
เพื่อผลิตสร้างพลังงานความรักมอบให้โลกได้
ตามภารกิจที่ขันอาสาพระบิดาว่าจะมาทำ

ดังนั้น
ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
การเป็นผู้ปฏิบัติธรรมในชีวิตประจำวันนั้น
หมายถึงท่านจะต้องรักคนที่ทำตัวไม่น่ารักให้ได้
ต้องให้อภัยแก่คนที่ทำตัวไม่น่าให้อภัยให้เป็น
ต้องใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิตคือคิดก่อนทำ
ซึ่งจะเป็นไปตามกระบวนการของขันธ์ 5
ที่พระบิดาทรงติดตั้งเอาไว้ให้จิตหยาบใช้
นี่คือการ ปฏิบัติธรรม ที่ถูกต้องถ่องแท้แน่นอน

หากจิตหยาบของท่านปฏิบัติตนดั่งเช่นที่ว่านี้ได้
มันยังจะช่วยให้จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านเอง
สามารถอยู่เหนือกฎแห่งกรรมได้อย่างสิ้นเชิง
เพราะท่านไม่ก่อกรรมใหม่และแก้ไขกรรมเก่า
ที่จิตวิญญาณถือมาจากอดีตชาติได้ทั้งหมดด้วย

คำสอนที่เป็นมรดกตกทอดกันมาว่า
ทำบุญเบื้องล่างนำไปสร้างเบื้องบน
ทำบุญหลายหนจะได้กุศลหลายครั้ง

กับการสอนให้หมั่นทำดีเพื่อที่จะได้ไปสวรรค์
สอนให้ละเว้นการทำชั่วเพราะว่ากลัวตกนรก

วิธีสอนให้เชื่อแบบงมงายไม่ใช้ปัญญาเหล่านี้
แท้จริงแล้วมันมิได้เป็นการปฏิบัติธรรมที่ถูกทาง
เนื่องจากการปฏิบัตินั้นยังเคลือบแฝงกิเลสอยู่

3.จิตหยาบคือตัวท่านที่เป็นมนุษย์
สามารถชำระตนเองให้ใสสะอาดบริสุทธิ์แล้ว
จากเดิมที่จิตหยาบมากด้วยกิเลสตัณหาราคะ
รวมทั้งอารมณ์ขยะหยาบๆรายวันด้วย

ถ้าท่านยกระดับจิตหยาบให้เข้าถึงความรักเพื่อให้
จนเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณของท่านได้
นี่แสดงว่า จิตหยาบ หรือจิตมนุษย์ของท่านนั้น
เข้าถึงสภาวะ นิพพาน คือดับการเกิดดับของขยะ
ที่อยู่ในขันธ์ 5 ได้อย่างสิ้นเชิงแล้วนั่นเอง

ดังนั้น
จิตที่นิพพานขยะในขันธ์ 5 ได้หมดสิ้น
คือ "จิตหยาบ" มิใช่ "จิตวิญญาณ" หรือใจ
ที่คนนำทางตาบอดสอนผิดไว้จนหลายคนเชื่อตาม
ที่สำคัญคือจิตหยาบที่ว่างไปจากขยะทั้งปวงได้นี้
ก็ไม่ต่างไปจากมือสกปรกที่ถูกชำระล้างจนสะอาด
แต่มือนั้นก็ยังอยู่มือมิได้หายไปพร้อมสิ่งสกปรกนั้น

กล่าวคือจิตหยาบที่เดิมเคยมีขยะอยู่
เมื่อชำระล้างจิตจนใสบริสุทธิ์ได้แล้วจิตนั้นก็ยังอยู่
จิตก็ยังมิได้เสื่อมสลายหายตัวไปไหน

จิตที่สั่นสะเทือนตามกระบวนการของขันธ์ 5
แล้วเกิดขยะ คือ เกิดความทุกข์ขึ้นมาที่ในจิต
การที่ท่านสามารถดับความทุกข์นั้นได้หมดสิ้น
ตัวที่ดับสลายหายไปก็คือตัวทุกข์มิใช่ตัว "จิต"
แต่จิตซึ่งเป็นตัวตนของผู้ที่รู้ว่าตนทุกข์อยู่นั้นยังอยู่
เพราะจิตมันยังบอกท่านได้ว่าตน "ไม่ทุกข์" แล้ว

การเข้าใจว่าสภาวะจิตหยาบที่ไม่ทุกข์แล้ว
มันคือสภาวะของจิตวิญญาณที่นิพพานแล้ว
บรรลุมรรคผลสูงสุดของการปฏิบัติธรรมแล้ว
จึงเป็นแค่ ความเชื่อ แต่มิใช่ความจริง

เมือจิตหยาบดับไปพร้อมกายสังขารแล้ว
จิตวิญญาณจึงไปต่อไม่ได้เพราะไม่รู้จะไปไหน
เนื่องจากจิตหยาบหรือจิตมนุษย์หลงทางนิพพาน
โดยโมเมว่านิพพานกับการหลุดพ้นมันเหมือนกัน
เมื่อจิตวิญญาณไปต่อไม่ได้ไปไหนก็ไม่เป็น
จึงพากันหลุดลอยค้างอยู่ในอนันตจักรวาลนี้

ใครมีสภาวะใจสวยมากที่สุดก็ลอยอยู่ชั้นสูงสุด
ใครมีสภาวะใจสวยน้อยกว่าก็ลอยอยู่ต่ำๆลงมา
ซึ่งดินแดนสวรรค์มายาของผู้หลุดลอยเหล่านี้
เป็นสวรรค์มายาที่พระเจ้ามิได้ทรงสร้างไว้
เป็นแค่ที่ว่างในห้องทดลองของพระองค์เท่านั้น

ผู้หลุดลอยจึงไม่ต่างจากฝุ่นละอองพีเอ็ม 2.5
ที่ลอยค้างอยู่ในชั้นบรรยากาศโลกนั่นแหละ
สิ่งใดที่พระบิดามิได้ทรงสร้างไว้ในห้องทดลองนี้
สรรพสิ่งทั้งหลายเหล่านั้น คือ "ขยะ" รกจักรวาล
เมื่อถึงกาลสิ้นยุคก็จะมีการทำความสะอาดครั้งใหญ่
เมื่อนั้นขยะทุกชิ้นไม่ว่าวัตถุเท็คโนโลยีหรือดวงจิต
ก็จะถูกชำระออกไปจากระบบจนหมดสิ้น

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
4/07/2021

03 กรกฎาคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 03/07/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

03/07/2021




สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

พระบิดาทรงสร้างอนันตจักรวาลและโลก
มาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้นานหลายล้านปีมาแล้วนั้น
พระองค์ทรงพิพากษาโลกมาแล้ว 3 ครั้ง

การพิพากษาโลกครั้งแรก
เกิดจากดาวเคราะห์โลกหมุนเร็วเกินไป
เนื่องจากโลกมีน้ำหนักมวลบนพื้นผิวมากเกิน
ซึ่งในยุคนั้นเป็นยุคของไดโนเสาร์ตัวโตนั่นเอง

หลังชำระโลกแล้วไดโนเสาร์ก็ถูกยกเลิกไป
โดยพระองค์ทรงสร้างสัตว์ประจำโลกขึ้นมาใหม่
เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกแทน

การพิพากษาโลกครั้งที่สอง
เกิดขึ้นในยุคของทวีปเลมูเรียกับแอ็ตแลนติส
สาเหตุที่พระบิดาทรงต้องพิพากษาโลกในครั้งนี้
เกิดจากมนุษย์สร้างปัญหาในมิติของจิตวิญญาณ
จนยังผลให้ดาวเคราะห์โลกเสียสมดุลหนักที่สุด
ซึ่งถือว่าเสียสมดุลเพราะมนุษย์ก่อเป็นครั้งแรกด้วย

ความผิดบาปของมนุษย์ในยุคนี้
ที่หนักหนาสาหัสเป็นที่สุดก็คือพวกแอ็ตแลนติส
ซึ่งเป็นเหมือนชนชาติตะวันตกในยุคปัจจุบันนี้
เป็นผู้ใช้สมองซีกซ้ายสร้างความเจริญก้าวหน้า
ด้านวัตถุเท็คโนโลยีเหนือกว่าชนชาวเลมูเรีย
ซึ่งเปรียบเหมือนชนชาติตะวันออกในยุคปัจจุบัน
ที่ชำนาญในการใช้สมองซีกขวาแบบนักปราชญ์

ยังผลให้ดาวเคราะห์โลกได้รับพลังงานบวก
จากจิตสามนึกของมนุษย์โดยรวมต่ำกว่าปกติ
นอกจากนั้นชาวแอ็ตแลนติสจ้าวแห่งเท็คโนโลยี
ยังสามารถผลิตสร้างกลไกการต่ออายุขัยพวกตน
ให้ยืนยาวออกไปคราวละ 3-6 ปีอีกด้วย
จึงยังผลให้การมีภพชาติของจิตวิญญาณมนุษย์
ขาดความเที่ยงธรรมหรือเสียสมดุลไปนั่นเอง
ซึ่งพระองค์จะยอมให้เกิดการเอาเปรียบเช่นนี้มิได้

การพิพากษาโลกครั้งที่สองนี้
จึงยังผลให้แผ่นดินทวีปแอ็ตแลนติสทั้งหมด
ถูกพลิกกลับกลบฝังทั้งวัตถุเท็คโนโลยีและผู้คน
ซ่อนเอาไว้ใต้แผ่นเปลือกโลกอย่างลึกเร้น
จนไม่มีใครพบเห็นอีกอย่างยาวนานตราบทุกวันนี้

การพิพากษาโลกครั้งที่สาม
เกิดขึ้นในยุคสมัยของ โนอาห์
ยุคที่จิตสามนึกของมนุษย์ตกต่ำอย่างหนักมาก
โดยผู้คนในยุคนี้ต่างลุ่มหลงมัวเมาในอบายมุข
คลั่งไคล้วัตถุเท็คโนโลยีและไม่มีศีลธรรม
มนุษย์ในยุคนี้พากันปฏิเสธพระผู้เป็นเจ้า
นับถือแต่เทพเจ้านับถือภูติผีฝักใฝ่อุตริอวิชชา
จริตสันดานมากด้วยกิเลสตัณหาและงมงาย
จึงทำให้โลกขาดพลังงานความรักอย่างมาก

โลกต้องสูญเสียสมดุลอย่างรุนแรงอีกครั้ง
เพราะมนุษย์เป็นผู้ก่อเหตุกันขึ้นมาเอง
มหันตภัยพิบัติจึงเกิดขึ้นให้มนุษย์ต้องเผชิญ
ด้วยเหตุการณ์แผ่นดินไหว สึนามิจากทะเล
พายุใหญ่จากฝั่งฟ้าและมหา่อุทกภัยท่วมโลก
เพื่อชำระทั้งคนบาปและแผ่นดินบาปกันอีกครั้ง

ในครั้งนี้มีเพียงคนไม่กี่คนกับสัตว์ไม่กี่ตัวเท่านั้น
ที่อยู่บนเรือของโนอาห์เพราะเชื่อตามโนอาห์
ผู้รับสื่อข่าวจากพระผู้เป็นเจ้าให้กล่าวต่อมนุษย์ว่า
โลกกำลังจะเกิดมหันตภัยพิบัติอย่างรุนแรง
ให้ขนคนขนสัตว์เตรียมขึ้นเรือให้ทันก่อนวันภัยมา
ซึ่งมีคนเชื่อพระเจ้าและเชื่อโนอาห์น้อยมาก
ที่ได้รับความรอดจากการพิพากษาในครั้งกระนั้น

การพิพากษาโลกครั้งที่สี่
นี่เป็นกรณีที่กำลังเกิดขึ้นกับมนุษย์ยุคปัจจุบัน
เพราะมนุษย์ยุคนี้มีจิตสามนึกตกต่ำมากอีกแล้ว

ยุคนี้มนุษย์ไม่เชื่อในพระเจ้า
ไม่ศรัทธาพระเจ้าและปฏิเสธพระเจ้า
ทั้งๆที่ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของตน
แต่ดันทำตนเป็นเหมือนลูกกำพร้าพ่อแม่
ทำตนเป็นดั่งผู้พเนจรที่ไม่มีหัวนอนปลายตีน

ทั้งๆที่ทรงเป็นพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง
แต่ดันไปยกให้ธรรมชาติเป็นผู้สร้างแทน
โดยไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าธรรมชาติที่สร้างนั้น
เป็นใคร หน้าตาตัวตนเป็นยังไง
ธรรมชาติสร้างสิ่งต่างๆที่อ้างนั้นขึ้นมาทำไม
ทั้งๆที่มนุษย์ชอบอ้างว่าธรรมชาติสร้าง
แต่ตนเองก็ตอบไม่ได้ว่าใครสร้างธรรมชาติ

มนุษย์นับถือเงินตราเหนือกว่าพระผู้เป็นเจ้า
ไม่ละอายต่อบาป มัวเมาในอบายมุข ไร้ศีลธรรม
ใช้อารมณ์ขยะที่ก้าวร้าวนำหน้าการใช้ปัญญา
พากันหลงทางนิพพานเพราะปฏิเสธขันธ์ 5
นำเอาศาสนามาแข่งกันล่าสาวกเสมอเป็นลัทธิ
โดยหลับตาตามคนนำทางตาบอดอย่างงมงาย

นอกจากนั้นในยุคปัจจุบันนี้
มนุษย์โลกด้านตะวันตกกับมอดเจ้าปัญญา
ร่วมกันวางแผนทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ของพระเจ้า
ด้วยการผลิตสร้างอาวุธชีวภาพขึ้นมา
ซึ่งทำให้ป่วยตายโดยไม่อาจช่วยเหลือตนเองได้
เพราะพวกมอดรู้ว่ามนุษย์กำลังบ้าขยะเท็คโนโลยี
เป็นยุคที่ผู้คนลุ่มหลงมัวเมาในกิเลสตัณหาราคะ
ภายในร่างกายจึงมากมายด้วยประจุลบ
ซึ่งเป็นอาหารอันโอชะของไวรัสที่ถูกเพาะสร้างขึ้น

นอกจากนั้นพวกมันก็จะสร้าง "วัคซีนลวง" ขึ้นมา
ใครเป็นเจ้าของอาวุธชีวภาพสายพันธุ์ไหน
ก็จะผลิตออกขายเพื่อใช้ป้องกันสายพันธุ์นั้น
ดังพวกท่านจะเห็นว่ามันมีตั้งหลายยี่ห้อ
ยี่ห้อนั้นป้องกันสายพันธุ์นั้นได้ดีกว่ายี่ห้อนี้
ยี่ห้อนี้ป้องกันสายพันธุ์นี้ได้ดีกว่ายี่ห้อนั้น

ซึ่งจะวางแผนการตลาดอย่างแยบยล
ด้วยการสร้างความต้องการซื้อให้สูงไว้
โดยขายความกลัวตายของมนุษย์เป็นสำคัญ
แถมต้องมีการสั่งจองและมีราคาแพงอีกด้วย
นอกจากนั้นมนุษย์ยังจะต้องฉีดมันเข้าไป
เพื่อป้องกันภัยจากเชื้อร้ายตลอดชีวิตอีกต่างหาก
เพราะแม้ฉีดแล้วก็ยังเสี่ยงตายจากสายพันธุ์อื่น
จนมนุษย์อาจต้องฉีดมันทุกยี่ห้อนั่นแหละ
จึงจะมั่นใจในความปลอดภัย

นอกจากนั้น
ในส่วนผสมของวัคซีนลวงบางชนิด
ยังมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงในระดับยีนส์
ของเซลอวัยวะร่างกายมนุษย์ที่พระบิดาทรงสร้าง
ซึ่งมันจะเกิดผลให้ประจักษ์ในระยะยาวอีกด้วย

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ความเหลวไหลเลวร้ายของมนุษย์ในยุคนี้
ทำให้โลกเสียสมดุลรุนแรงอีกยุคหนึ่งแล้วใช่ไหม
เพราะจิตสามนึกต่ำทรามจากการหมุนกรรมจักร
ทำตัวเหมือนสัตว์ประจำโลกที่มีแต่สัญชาติญาณ
ในการดำเนินชีวิตประจำวันเท่านั้น

มนุษย์ไม่รู้ว่า
ขันธ์ 5 พระบิดาสร้างไว้ให้ใช้ทำอะไร
ไม่รู้ว่าตนจะต้องใช้ขันธ์ 5 กันอย่างไร
ไม่รู้ว่าอายตนะสำคัญต่อการใช้ขันธ์ 5 อย่างไร
ไม่รู้ว่าโลกต้องใช้ความรักของตนไปทำอะไร

พระองค์ส่งเรามาบอกกล่าวความจริงให้รู้
แต่คนส่วนใหญ่กลับวางเฉยละเลยไม่ใส่ใจ
หลายคนเมื่อได้ยินความรู้ใหม่กลับก้าวล่วงเรา
มนุษย์ไม่รู้ว่านอกจากโลกจะเกิดมหันตภัย
เพราะมนุษย์ทำให้โลกเสียสมดุลเอง
เหมือนการพิพากษาโลกในครั้งที่ผ่านมาแล้ว
โลกยุคนี้ยังเป็น "กาลสิ้นยุค" พลังงานเก่าอีกด้วย

เมื่อโลกสิ้นยุคพลังงานเก่า
พระบิดาจะทรงพิพากษาโลกและใช้ภัยพิบัติ
ชำระล้างขยะแลสิ่งสกปรกออกไปจากโลกจนหมด
ภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้จึงรุนแรงเป็นสองเท่า
จึงต้องหนักหนากว่ายุคของโนอาห์แน่นอน

ใครมีหูก็จงฟังกันไว้เถิด
ใครมีปัญญาก็จงคิดตามเรา
ใครปฏิเสธพระบิดาและท้าทายข่าวสารจากเรา
ก็จงเตรียมผจญภัยในการพิพากษาโลกเถิด

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
3/07/2021