03 สิงหาคม 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 3/08/2023

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
ถ้าพวกคุณรู้ความจริงกันได้แล้วว่า
ทุกสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างไว้ในเอกภพนี้นั้น
จะมีพลังอำนาจในตนเองได้ตามที่ทรงกำหนดไว้
สรรพสิ่งนั้นต้องรู้วิธีที่จะเข้าถึงอำนาจของตนด้วย
 
วิธีเข้าถึงอำนาจในตนเองระดับพื้นฐานทำได้โดย
สรรพสิ่งนั้นจะต้องมีการ “สั่นสะเทือน” ก่อนเสมอ
กลอง ฆ้อง ระฆัง มันจะส่งเสียงดังออมาได้ต่อเมื่อ
คุณต้องทำให้มันสั่นสะเทือนเสียก่อนคือต้อง “ตี”
ตีทีดังทีไม่ตีไม่ดัง ตีค่อยดังค่อยถ้าตีแรงก็ดังมาก
 
#การตีคือการทำให้มันเกิดการสั่นสะเทือน
#เสียงที่ดังมากดังน้อยคืออำนาจที่เกิดขึ้น
 
พวกคุณที่เกิดมาเป็น #คนสองมิติ
ซึ่งมี “จิตหยาบ” ทำหน้าที่แทน #จิตวิญญาณ
ขณะได้รับโอกาสให้มีภพชาติเป็นมนุษย์อยู่นี้
ถ้าคุณต้องการเข้าถึงพลังอำนาจในตนเองที่มีอยู่
คุณก็จะต้องสั่นสะเทือนจิตหยาบของคุณให้เป็น
โดยต้องสั่นสะเทือนด้วยคลื่นความถี่ที่เสมอกัน
กับคุณสมบัติตามธรรมชาติของจิตวิญญาณคุณ
นั่นคือสั่นสะเทือนด้วยคลื่นความถี่สูงสุดด้านบวก
เรียกว่า “ความรักบริสุทธิ์” หรือเป็น #รักเพื่อให้
ในทุกเงื่อนไขที่คนรอบข้างใกล้ตัวหยิบยื่นมาให้
 
ไม่ว่าคนพวกนั้นจะดีมาคุณก็ต้องดีตอบเสมอ
แม้ว่าคนพวกนั้นจะชั่วมาคุณก็จะต้องดีตอบให้ได้
คุณต้องไม่ต่อสู้ไม่ตอบโต้ไม่ต่อต้านไม่หนีหน้า
ผู้สร้างเงื่อนไขชั่วร้ายและสถานกาณ์ที่ไม่ชอบนั้น
คุณจะต้องอดทน อดกลั้น ให้อภัยพวกเขาให้ได้
โดยไม่มีข้อยกเว้นว่าเขาจะเป็นใครคุณก็ไม่ถือสา
คุณต้องเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาคือ “รักได้ให้เป็น”
โดยไม่มีเงื่อนไขหรือข้อแม้แต่อย่างใดทั้งสิ้น
 
ต้องไม่ทำบุญสุนทานแต่ต้องการสิ่งตอบแทน
ด้วยการทำบุญเบื้องล่างเพื่อเอาไปสร้างเบื้องบน
หมั่นทำบุญหลายหนเพื่อต้องการกุศลหลายครั้ง
ไม่สนุกกับการทำบุญชาตินี้แล้วหวังผลในชาติหน้า
 
ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้แม้คุณสั่นสะเทือนจิตหยาบ
ให้เกิด “ขันธ์ห้า” ขึ้นมาเป็นกระบวนการด้านบวกได้
ด้วยการนึกดี คิดดี พูดดี และทำดีกันได้ก็ตาม
แต่ขั้นตอนที่ห้าคือ “วิญญาณขันธ์” ของขันธ์ห้านั้น
มันจะผลิตสร้างพลังงานด้านบวกที่ไม่สะอาดบริสุทธิ์
ซึ่งเป็นพลังงานในแบบที่โลกและจักรวาลไม่ต้องการ
เพราะเป็น “ผลกรรมทางพลังงาน” มิใช่ผลบุญกุศล
 
เพราะผลกรรมทางพลังงานแบบที่ว่านี้ไม่สะอาด
โลกและจักรวาลหรือคนอื่นสรรพสิ่งอื่นทั้งหลาย
จึงไม่สามารถจะนำเอาไปใช้ประโยชน์ได้เลย
ซึ่งเป็นขยะที่รกโลกเหมือนกรรมชั่วที่คุณทำเช่นกัน
มนุษย์จึงต้องตายเพื่อมาเกิดใหม่เพื่อกลับมาชำระมัน
เพราะผลกรรมของใครคนนั้นต้องรับผิดชอบเสมอ
 
การรับผิดชอบกรรมชั่วที่เป็นผลกรรมทางพลังงาน
คือการกลับมาเกิดใหม่เพื่อเจอสถานการณ์แบบเดิม
แล้วตัดสินใจใหม่ให้ถูกต้องตอบสนองเงื่อนไขเดิมนั้น
ถ้าตัดสินใจอย่างถูกต้องต่อเงื่อนไขเดิมที่เคยผิดพลั้ง
ผลกรรมทางพลังงานที่เป็นขยะก็จะแตกสลายหายไป
ถ้าเป็นผลกรรมด้านบวกที่เป็นกรรมดีแต่ไม่สะอาด
คุณก็จะต้องกลับมารับผิดชอบด้วยการชดใช้กรรมดีนั้น
ด้วยการกลับมาเกิดใหม่เพื่อ #เสวยกรรมดี นั้นให้สิ้น
 
ดังนั้น
การกลับมาเกิดใหม่เพื่อแก้ไขกรรมเก่า
ด้วยการตัดสินใจใหม่ตอบสนองเงื่อนไขเดิมจากอดีต
ให้มันถูกต้องตามครรลองคลองธรรมในชาติถัดไป
หรือการย้อนกลับมาเกิดใหม่ในภพชาติถัดไป
เพื่อการเสวยกรรมดีที่ทำแล้วขอสิ่งแลกเปลี่ยนไว้
มันคือการ “ชดใช้กรรม” ทำให้ขยะอวกาศสลายหายไป
ที่เป็นพลังงานขยะเพราะโลกเอาไปใช้ไม่ได้นั่นเอง
 
การทำบุญไม่เป็นคือการทำดีแล้วหวังสิ่งตอบแทนนั้น
เป็นตัวอย่างของการสร้างพลังอำนาจในตนเองไม่เป็น
 
เพราะพลังอำนาจในตนเองของคุณ
จะต้องได้จากการสั่นสะเทือนจิตหยาบทางด้านบวก
ตามคุณสมบัติแท้จริงของจิตวิญญาณคุณเองเท่านั้น
เพราะคุณคือจิตหยาบที่เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ
ซึ่งคุณจะทำทุกสิ่งสนองกิเลสตัณหาของตนไม่ได้
ยิ่งถ้าคุณทำทุกสิ่งสนองกิเลสตัณหาเสียจนเคยตัว
คุณจะยิ่งสร้างปัญหาให้แก่จิตวิญญาณตนเองมากขึ้น
เพราะนอกจากจิตหยาบคือตัวคุณซึ่งเป็นตัวแทนนั้น
จะเสื่อมพลังอำนาจเพราะถูกกิเลสครอบงำแล้ว
สัญญาขันธ์ของขันธ์ห้ายังจะบันทึกสันดานไม่ดีนี้ไว้
ซึ่งมันจะคอยบงการจิตหยาบคุณให้วิปริตไปอีกด้วย
 
ด้วยเหตุนี้เอง
การที่ดาวเคราะห์โลกเสื่อมสมดุลลงทุกวัน
เพราะนอกจากมนุษย์ไม่ใส่ใจที่จะหมุนธรรมจักรแล้ว
แต่ละคนยังพยายามสร้างพลังงานขยะทั้ง 2 แบบ
แบบแรกเป็นผลกรรมด้านบวกที่ไม่สะอาดบริสุทธิ์
เพราะก่อกรรมดีสร้างกุศลผลบุญแต่ขอสิ่งตอบแทน
แบบที่สองคือผลกรรมด้านลบที่ไม่สะอาดบริสุทธิ์
เพราะเป็นกรรมชั่วจากกิเลสตัณหาอารมณ์ขยะพาทำ
 
เมื่อพลังงานกรรมที่เกิดขึ้นจากขันธ์ห้า
ไม่ใช่พลังงานสะอาดที่โลกจะนำไปใช้ประโยชน์
เพื่อการค้ำจุนโลกให้สมดุลจากการหมุนรอบตัวเอง
จึงยังผลให้โลกเกิดอาการเสียสมดุลทางพลังงาน
ทำให้โลกแกว่งไปส่ายไปขณะกำลังเหวี่ยงหมุน
เพราะอัตราเร็วการเหวี่ยงหมุนช้าลงหรือไม่คงที่
ทำให้ค่าความเข้มสนามแม่เหล็กโลกแปรปรวนไป
ทำให้ระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกเสียสมดุล
ทำให้ออกซิเจนเจือจางจนเกิดภาวะก๊าซเรือนกระจก
ทำให้กลางวันกลางคืนและฤดูกาลวิปริตผิดเพี้ยน
 
การเสียสมดุลที่เรากล่าวมานี้ล้วนมีสาเหตุจาก
มนุษย์โลกเข้าถึงพลังอำนาจในตนเองกันไม่ได้ทั้งสิ้น
 
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
 
ปัญญาวิสุทธิ์
3/08/2566