21 มกราคม 2561
กล่องพลังงานชีวิต
ความแตกต่าง
กล่องพลังงานชีวิต
20 มกราคม 2561
รับรู้-ไม่รับเอา
18 มกราคม 2561
ของขวัญวันครู
11 มกราคม 2561
โกรธใครไม่เป็น
พระองค์ทรงอนุญาตให้เรากลับมาตามสัญญา
10 มกราคม 2561
ภูมิประเทศก็เปลี่ยนแปลง
07 มกราคม 2561
สนทนาประสาจิตจักรวาล 7/01/2018
#สนทนาประสาจิตจักรวาล
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
คนที่ไม่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณ
คนที่ไม่เชื่อเรื่องตายแล้วเกิดใหม่
คนที่ไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม
ผู้คนจำพวกนี้
เป็นคนที่หลงมิติแห่งโลกมายา
มักพูดจาภาษาธรรมะกับใครไม่ค่อยรู้เรื่อง
ในชีวิตต้องการเสพสมแต่ด้านโลกียะ
เช่น
สุข สะดวก สำเร็จ
ปรารถนาความร่ำรวยสินทรัพย์และอำนาจ
โดยไม่ใส่ใจด้านจิตวิญญาณของตนเลย
พวกเขาเชื่อว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นของธรรมดา
เมื่อถึงคราวตายก็ต้องตาย
เมื่อตายแล้วทุกอย่างก็จบสิ้น
คนจำพวกนี้จะถือว่าชีวิตคือการต่อสู้
โดยคู่ต่อสู้ของเขาก็คือเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ
ซึ่งมีผลประโยชน์
มีโอกาส และมีอำนาจ
เป็นรางวัลหากต่อสู้กันแล้วตนเป็นผู้ชนะ
ด้วยเหตุนี้เอง
สิ่งสำคัญสูงสุดที่คนจำพวกนี้ต้องการ
นั่นคือ
#ชัยชนะ เหนือสิ่งอื่นใด
เพราะถ้าแพ้หรือไม่ชนะในเกมการต่อสู้
ทั้งผลประโยชน์
ทั้งโอกาส และอำนาจ
ที่ตนต้องการก็จักหลุดลอยไป
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เมื่อความจริงมันเป็นเช่นนี้แล้ว
ผู้คนจำพวกนี้จึงมีวิธีคิดอยู่
2 แบบ
เพื่อให้ตนประสบผลสำเร็จตามต้องการได้
วิธีคิดของพวกเขาก็คือ
1.
ทำอย่างไรตนจึงจะชนะคู่แข่งขันหรือคู่ต่อสู้
แนวคิดมุมนี้
คือ #อยากจะชนะ
คนกลุ่มนี้ก็จะพยายามคิดทำทุกอย่าง
เพื่อให้ตนประสบความสำเร็จ
ด้วยการใช้ความฉลาดทางปัญญา
ในการทำมาค้าขายหรือทำมาหากิน
โดยอาศัยศาสตร์และศิลป์เป็นเครื่องมือ
คนพวกนี้เป็นคนดีในสังคม
เพราะประกอบสัมมาอาชีวะ
จะไม่คดโกง
ไม่เอาเปรียบ เบียดเบียนใคร
ไม่เป็นภัยต่อสังคม
เป็นคนเก่ง
ฉลาด และเป็นคนดี
แต่เสียอย่างเดียวที่เอาแต่ทางโลกียะ
ดังที่เรากล่าวไว้ข้างต้นแล้ว
2.
ทำอย่างไรตนจึงจะไม่แพ้คู่แข่งคู่ต่อสู้
แนวคิดมุมนี้
คือ #กลัวแพ้หรือไม่อยากแพ้
ถ้าท่านเริ่มต้นจะทำสิ่งใดด้วยความกลัว
พลังอำนาจในตนเองของท่านก็พลันเสื่อม
อย่างกรณีการดำเนินชีวิตและงาน
ด้วยการกลัวแพ้
ไม่อยากแพ้
หรือกลัวไม่สำเร็จที่ว่านี้
มันเป็นการสั่นสะเทือนทางจิตด้านลบชัดๆ
เมื่อท่าน
"นึกลบ" ตั้งแต่แรกแล้ว
จิตก็จะสั่งการสมองให้
"คิดลบ" ตามทันที
โดยมันย่อมเป็นไปตามสัจธรรมในข้อที่ว่า
#จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว
นั่นแหละท่าน
ดังนั้น
เมื่อพวกท่านนึกคิดว่า
#กลัวจะแพ้
กลัวว่าจะทำไม่สำเร็จ
กลัวว่าจะสู้คู่แข่งขันคนอื่นๆไม่ได้
กลัวว่าตนจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้คู่แข่ง
จิตของท่านมันก็จะสั่งการสมอง
ให้คิดหาคำตอบให้ได้ว่า....
"จะต้องทำอย่างไรบ้างตนจึงไม่แพ้"
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เพราะความอยากได้ใคร่มีค่อนข้างสูง
เมื่อสภาวะจิตสั่นสะเทือนเป็นลบคือกลัวแพ้
คนเหล่านี้ก็จะใช้ความฉลาดทางปัญญา
หาวิธีการด้านลบมาใช้เพื่อทำให้ตนไม่แพ้
เพราะ "ความกลัวแพ้"
ทำให้จิตเสื่อม
คนเหล่านี้
จึงแสดงพฤติกรรมขยะออกมาให้เห็น
เช่น
ใจแคบ งก เห็นแก่ตัว โลภ เอาเปรียบ
อยากจะเอามากกว่าอยากจะให้
ไม่ซื่อสัตย์
ไม่จริงใจ ไม่มีสัจจะ เชื่อถือไม่ได้
หากจะกล่าวโดยรวมก็คือ
ผู้คนประเภทนี้จะตกเป็นทาสกิเลสตัณหา
จึงทำทุกอย่างเพื่อให้ตนเองได้ประโยชน์
ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตนไม่เสียประโยชน์
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
การที่ธรรมะเข้าไม่ถึงจิตใจคนเหล่านี้
ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่บนโลกนี้ได้
ก็เพราะว่าพวกเขาไม่เชื่อเรื่องจิตวิญญาณ
พวกเขาใส่ใจแต่การแสวงประโยชน์สุขทางโลก
ด้วยการแสวงหาแต่อำนาจมาเป็นเครื่องมือ
เพราะพวกเขา
"นึกคิดด้านลบ" คือ กลัว
นี่คือคนส่วนใหญ่ในสังคมโลก
จิตสามนึกของแต่ละคนจึงดิ่งลงต่ำ
ไม่รู้จักรัก
ไม่รู้จักให้ ได้แต่เอา
จนไม่สามารถละวางความโลภโกรธหลงได้
จึงฉลาดแต่เรื่องชั่วๆและไม่ฉลาดในเรื่องดีๆ
ทวีจำนวนมากขึ้นทุกวันๆอีกต่างหาก
พวกท่านหลายคนเคยถามเราว่า
เหตุไฉนสมาชิกกลุ่มยุวจิตจักรวาล
ผู้สนใจเฝ้าฟังพระโอวาทพระบิดา
ทีทรงสื่อผ่านเรามาทาง
fb.Visudhi
Punya นี้
มีไม่มากมายเท่าใดนัก
คำตอบคือ
เพราะบางคน
เข้ามาศึกษาเรียนรู้บ้างไม่เข้าบ้าง
เนื่องจากเป็นคนกลุ่มแรก
คือ คนดีนี่แหละ
แต่เน้นที่ทำมาหากินมากกว่าหาธรรมะ
บางวันจึงเข้าห้องเรียนบางวันก็ห่างหายไป
กับอีกพวกหนึ่ง
คือ ไม่ใส่ใจอะไรเลย
แค่ท่องเน็ทผ่านมาก็ผ่านเลยไป
เพราะตรงนี้ไม่มีสิ่งใดที่ตนต้องการในชีวิต
ทั้งๆที่ทุกตัวอักษรในห้องเรียนนี้
1.
เป็นพระโอวาทจากพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ที่สื่อผ่านมาถึงมนุษย์โลกทุกคนโดยเฉพาะ
2.
เป็นข่าวสารด้านการชำระโลก
ที่มีความรอดของทุกคนเป็นเดิมพัน
ซึ่งหาจากที่อื่นไม่มี
3.
เป็นองค์ความรู้ที่จะช่วยให้ท่านทั้งหลาย
นำพาดวงจิตวิญญาณกลับบ้านหรือหลุดพ้น
ในภพชาติปัจจุบันนี้ได้ล้านเปอร์เซ็นต์
โดยเฉพาะชาวบ้านหรือฆราวาส
ที่มิอาจถือบวชด้วยการสละทางโลกได้
แต่ปรารถนาจะหลุดพ้นอย่างแท้จริง
นี่เราก็ตอบคำถามท่านที่ถามเราไว้แล้ว
แต่จงเชื่อเถิดว่าบางครั้งนั้น
จำนวนคนที่เข้าห้องเรียนนี้มามากๆ
ก็ใช่ว่าจะเป็นตัวชี้วัดจำนวนผู้รอดได้
ถ้าท่านทั้งหลาย
#เรียนรู้ไม่เป็น
เอเมน
สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
7-1-2018
สนทนาประสาจิตจักรวาล 7/01/2018
#สนทนาประสาจิตจักรวาล
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
กฎแห่งกรรมนั้นมีจริง
ที่กฎแห่งกรรมนั้นมีจริง
ก็เพื่อต้องการสะท้อนความจริง
ให้ปรากฏแก่ท่านทั้งหลาย
ให้เกิดการเรียนรู้เรื่องกฎหลักที่เป็นข้อใหญ่
คือ #กฎแห่งการสมดุลกันของสรรพสิ่ง
ซึ่งพระบิดาทรงกำหนดสร้างขึ้นไว้
เพื่อให้ต่างดำรงอยู่ร่วมกัน
เป็นหนึ่งเดียวได้อย่างมีสันติสุข
หลักการขององค์จิตจักรวาลก็คือ
ถ้าท่านรู้ว่าเมื่อทำไม่ถูกต้องต่อผู้อื่นแบบไหน
แล้วทำให้ผู้อื่นเกิดความทุกข์ยากอย่างไร
โดยท่านเกิดมีสำนึกใน
#อกเขาอกเรา
หรือเรียนรู้ที่จะเอาใจเราไปใส่ใจเขาบ้างแล้ว
มันก็จะช่วยให้ท่านลดละเลิก
การทำชั่วเช่นนั้นต่อผู้อื่นได้เพราะจิตเมตตา
ด้วยเหตุนี้เอง
การเกิดมีกฎแห่งกรรมสำหรับท่านทั้งหลาย
จึงเปรียบเสมือนการใช้กระจกเงา
เอาไว้สะท้อนการกระทำของพวกท่าน
ให้เกิดสำนึกในบาปบุญคุณโทษและผิดถูกดีชั่ว
อันเป็นประโยชน์ใหญ่ของกฎแห่งกรรม
ซึ่งมันจะทำให้แต่ละคนพร้อมที่จะรักกัน
ไม่กระทำการใดที่ก้าวล่วงต่อกันให้เสียสมดุล
จนสามารถอยู่เหนือกฎแห่งกรรมได้อย่างสิ้นเชิง
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราขอนำตัวอย่างกฎแห่งกรรม
ที่จะทำให้ท่านมีสำนึกในถูกผิดดีชั่วบาปกรรมได้
ด้วยการสะท้อนภาพของความไม่ถูกต้อง
ที่ท่านเคยก่อไว้ต่อผู้อื่นอยู่เป็นนิจ
ทั้งอดีตชาติและในอดีตของชาตินี้
เพื่อให้ท่านเรียนรู้ที่จะมีสำนึกในการละเลิก
ด้วยการยุติกรรมหรือยุติการกระทำนั้นเสียทันที
เมื่อใดที่ท่านได้รับบทเรียนแห่งกรรม
อันเป็นภาพสะท้อนความผิดบาปของท่าน
จนเกิดการสำนึกในผิดบาปได้แน่แท้จริงแล้ว
#ผลกรรมนั้น
ก็จะกลายเป็นโมฆะกรรมทันที
ตัวอย่างกฎแห่งกรรมที่พบเจอบ่อย
ในหมู่ของพวกท่านจนคุ้นชินกันมีดังนี้
1.
อายุยังไม่เยอะเท่าไหร่
แต่มีรายการเหงือกจ๋าฟันลาก่อนเสียแล้ว
บ้างก็เป็นโรคเหงือกและฟันอักเสบเรื้อรัง
กรรมนี้เกิดจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตด้วยปาก
ด้วยการเคี้ยวกลืนเลือดเนื้อของสัตว์เป็นอาจิณ
กินเลือดเนื้อพวกเขาอย่างไร้สติทางวิญญาณ
ทั้งๆที่จิตวิญญาณสัตว์เป็น
พี่ๆน้องๆของท่าน
เพราะมีพระบิดาแห่งจิตวิญญาณองค์เดียวกัน
ดังนั้น
เมื่อทำตนเองให้ปากเสีย-ฟันเสียเช่นว่านี้
เพราะใช้ฟันและเหงือกไม่ถูกต้อง
ท่านผู้นั้นจึงต้องเผชิญปัญหาด้านเหงือกและฟัน
เพื่อให้เกิดสำนึกในผิดบาปนี้ให้ได้
2.
เป็นคนมีลมหายใจเหม็นจนน่ารังเกียจ
โดยลมหายใจออกมาทั้งทางปากและจมูก
คบกับใครก็ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ชิด
เพราะคนรอบข้างรังเกียจกลิ่นปากและลมหายใจ
ท่านผู้นี้จึงเสมือนไร้เพื่อนไม่มีใครคบ
กรรมที่ก่อมาจากอดีตเป็นอาจิณก็คือ
เป็นคน #ปากเสีย
ชอบพูดจาก้าวล่วงผู้อื่น
ไม่ว่าเรื่องเท็จหรือเรื่องจริง
เป็นคนถนัดในการใส่ความป้ายสีผู้อื่นก็มี
เพราะความเกลียดชังผู้อื่นก็มี
เพราะความปากพล่อยจึงพูดโดยไม่ยั้งคิดก็มี
เพราะชอบพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่ผู้อื่นก็มี
เพราะชอบพูดเท็จหรือพูดโกหกเป็นอาจิณ
จนคนเขาจับได้ก็ยังมิวายจะโกหกต่อไปอีก
แม้การโกหกนั้นมิได้ทำให้ใครเสียหายก็ตาม
กฎแห่งกรรมก็จะสะท้อนภาพจริงให้ปรากฏ
ด้วยการสำแดงมายาสองประการ
คือ
1.)
ปากและลมหายใจเหม็นจนน่ารังเกียจ
แม้จะรักษาอย่างไรก็ไม่หายขาด
เพราะมันออกมาจากภายในช่องท้อง
2.)
ผู้คนรอบข้างจะพากันห่างเหิน
ไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ชิดคนลมหายใจมีกลิ่น
เสมือนในกาลอดีตที่คนรอบข้างพากันหนีหาย
เพราะรังเกียจปากพล่อย
ปากหมา ปากเสีย
ซึ่งชาตินี้ก็คือปากเหม็นของท่านผู้นั้นนั่นเอง
ถ้าชาตินี้สำนึกในผิดบาปของตนได้
กรรมนั้นก็จะกลายเป็นโมฆะทันที
รหัสกรรมที่ติดกับจิตวิญญาณอยู่ก็จะสลายไป
3.
เกิดอาการเป็นคนหูตึง หูแว่ว ขึ้นมาเฉยๆ
บทเรียนกรรมนี้ก็เพื่อสะท้อนให้รู้ว่า
ที่หูตึงพูดค่อยแล้วไม่ได้ยิน
จนต้องคอยจ้องอ่านปากของคนที่พูดด้วยนั้น
เป็นเพราะในกาลอดีตที่ผ่านมา
เป็นคนมีนิสัยหลงตัวเองดื้อรั้นเชื่อมั่นตนเองสูง
ไม่ยอมรับฟังคำแนะนำตักเตือนสั่งสอน
ซึ่งเป็นความปรารถนาดีของพ่อแม่ครูอาจารย์
ญาติพี่น้องและเพื่อนพ้องทั้งหลายเลย
จนยังผลให้ผู้ปรารถนาดีทั้งหลายเอือมระอา
บางท่านเกิดอาการเสียสมดุลทางอารมณ์ก็มี
ผลกรรมนี้จึงต้องสะท้อนให้หูตึงได้ยินไม่ชัด
ก็เพื่อให้สำนึกในคุณค่าของการใช้หูรับฟังสิ่งดีๆ
แทนที่จะทำเป็นไม่ได้ยินเหมือนหูหนวกหูตึง
เมื่อหูตึงท่านผู้นั้นก็จะเพ่งในการฟังมากขึ้น
จนทำให้เกิดสำนึกได้ว่า
"ตนต้องฟัง" ให้มาก
เพราะความรู้ที่ได้จากการฟังผ่านช่องหู
เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่รับรู้ไม่รับฟังไม่ได้
นอกจากนั้น
การต้องจ้องมองที่ปากของคนพูดเมื่อตนหูตึง
ก็เพื่อให้สำนึกให้ได้ว่าทุกคำพูด
ที่ออกจากปากของคนอื่นๆนั้น
จะต้องตั้งใจฟังตรงปากคำที่เขาพูดให้มากๆ
ต้องฟังให้ชัดเจน
ต้องฟังไม่ผิดพลาด เป็นต้น
ส่วนกรณีคนหูแว่วนั้น
เป็นเพราะในอดีตชาติเคยเป็นคนหูเบา
โดยตกเป็นทาสของการยุยงส่งเสริมเสมอๆ
เพราะใจคอไม่หนักแน่นพอ
จนมีการกล่าวโทษคนผิด
ทำโทษผิดคนอยู่เนืองๆ
ใครพูดเท็จอย่างไรเป็นเชื่อเขาไปหมด
ทำตนเหมือนคนขาดสติควบคุมจิตใจตนไม่ได้
ผลกรรมที่ต้องรับสะท้อนมาสอนตนให้สำนึก
ก็คือ
อาการหูแว่ว จนจิตใจสงบสุขไม่ได้
เพราะได้ยินเสียงคนพูดกรอกหูอยู่เรื่อย
เอาสำลีอุดหูก็ไม่หายเพราะมันเป็นโรคกรรม
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
กฎแห่งกรรมจึงมีไว้สร้างสำนึกของพวกท่าน
จงสังเกตบทเรียนกรรมในชีวิตจริงของท่านไว้
แล้วรีบสำนึกมันให้ได้ไวๆเพื่อทำกรรมนั้นให้สิ้น
อย่าเอาแต่ทำมาหากินจนไม่สนจิตวิญญาณเลย
เวลาข้างหน้าในการชำระโลกคาบสุดท้ายนั้น
มันเหลือให้ชาวโลกน้อยลงไปทุกทีแล้ว
มันยังมีกรรมอีกมากมาย
ที่เรามิอาจกล่าวถึงได้หมดสิ้น
จงเร่งชำระกรรมเก่าให้สิ้น
โดยไม่ก่อกรรมใหม่เพิ่ม
ควบคู่กันกับการชำระจิตใจให้ใสสวย
จงเตรียมตนเองและจิตวิญญาณเพื่อการผจญภัย
เอาไว้ให้พร้อมนับแต่บัดนี้เถิด
อย่าทิ้งห้องเรียนกันอีกเลย
หากปรารถนาความรอด
เอเมน
สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
7-1-2018