28 สิงหาคม 2566
คำสอน
จิตวิญญาณเอเลี่ยน
เดิมมี 6 เหลี่ยมมุมคือ 6D
เกิดมานานจเสื่อมเหลือแค่ 5D
มนุษย์มีจิตหยาบเริ่มจากศูนย์
ยกระดับในท้องแม่ถึง 4D แล้วคลอด
คลอดแล้วต้องยกระดับไปให้ถึง 6D
เพื่อหลุดพ้นกลับบ้าน
27 สิงหาคม 2566
คำสอน
การปฎิบัติธรรม
คือการ
"หมุนธรรมจักร"
ในตนเอง
แล้วช่วยเป็นเงื่อนไขให้
คนรอบข้างหมุนตามคุณไปด้วย
วิธีหมุนธรรมจักรก็คือ
รักให้ได้แม้เขาจะทำตัวไม่น่ารัก
อภัยให้ได้แม้เขาทำตัวไม่น่าอภัย
คำสอน
มนุษย์เชื่อมจิตกับทุกสิ่งได้
อย่างเป็นธรรมชาติกันอยู่แล้ว
โดยใช้ความรักเพื่อให้เป้นเครื่องมือ
ผู้มีน้อยจะเป็นฝ่ายได้รับเพิ่ม
ผู้มีมากจะเป็นฝ่ายแบ่งปันให้
โดยไม่ต้องหลอก
"ลักดูด"
คำสอน
ผีโสโครรกและสาวก
จะชวนมนุษย์ที่ชอบ "เชื่อมจิต"
ทำสมาธิหมู่ร่วมกันไว้
เพื่อคอยดักดูดพลังจิตวิญญาณ
นำไปใช้ยกระดับตนเอง
จาก 5D ให้คืนสู่ 6D ดังเดิม
สมาธิหมู่ช่วยบรรลุธรรมไม่ได้
26 สิงหาคม 2566
คำสอน
แดนสุญตา
คือสวรรค์นิรันดร
เป็นพระนิเวศน์ของพระเจ้า
จิตวิญญาณมนุษย์โลกทุกคน
ล้วมาจากที่นั้น
25 สิงหาคม 2566
คำสอน
หน้าที่มนุษย์ทุกคนก็คือ
จงมองเห็นคุณค่าของคนชั่ว
ที่เขาทำตัวไม่น่ารักด้วยปัญญา
เพื่อหาทางจะอภัยเขาให้ได้
คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
คำถามที่จะนำไปสู่อนุตรธรรมความจริงขั้นสูงสุด
ซึ่งสมองสองซีกของมนุษย์เข้าถึงคำตอบไม่ได้
จึงถูกจัดเป็นความจริงระดับ
#
อจินไตย
มาตลอด
นั่นคือคำถามที่ว่า
#
มาเกิดบนโลกเสรีนี้กันทำไม
ผู้ที่มาเกิดอยู่ในระบบโลกก็คือ
“จิตวิญญาณ”
ซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้ที่เป็นรูปธรรมทางพลังงาน
โดยมีรูปทรงเรขาคณิตเป็น 6 เหลี่ยมมุม
จิตวิญญาณซึ่งพระเจ้าทรงเรียกว่า
#
พระจิต
นั้น
เป็นผู้อาสาพระองค์มาเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในเอกภพ
มีกำหนดการปฏิบัติภารกิจกันนาน 60,000 ปีโลก
โดยต้องทำหน้าที่ประจำโลกจะละทิ้งโลกไปไม่ได้
แม้ว่าพระองค์จะทรงออกแบบให้โลกนี้เป็นโลกเสรี
คำว่า
“โลกเสรี”
หมายถึง พวกคุณมีทางเลือกเสรี
ที่จะคิดพูดทำสิ่งใดก็ได้ตามความปรารถนาของตน
แต่ต้องไม่เป็นการก้าวล่วงผู้อื่นให้เสียสมดุลเท่านั้น
ถ้าการกระทำของคุณไปก้าวก่ายล่วงเกินใครเขาเข้า
คุณก็ต้องยินยอมที่จะรับผิดชอบในผลกรรมที่ก่อนั้น
นั่นคือถ้าทำกรรมดีคุณก็จะได้รับผลกรรมที่ดีไป
แต่ถ้าทำกรรมชั่วคุณก็จะได้รับผลกรรมที่ชั่วเช่นกัน
แปลความได้ว่า
พวกคุณทุกคนในนามของจิตวิญญาณหรือพระจิตนั้น
เมื่อได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์แล้วไม่ต้องตาย
หมายถึงทุกคนจะตายไม่ได้เพราะต้องอยู่ประจำโลก
นั่นคือทรงกำหนดให้พวกคุณมีชีวิตเป็นอมตะโดยแท้
สาเหตุที่ทรงกำหนดให้พวกคุณไม่ต้องตายก็เพราะว่า
คุณทุกคนมีหน้าที่
#
ใช้เมตตาธรรมค้ำจุนสมดุลโลก
โดยมีสัตว์ประจำโลกทุกชนิดและพืชพันธุ์ทั้งหลาย
ต่างเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกและพวกคุณเหมือนกัน
เมื่อแรกส่งพวกคุณเข้ามาเกิดนั้น
ในระบบโลกนี้มีสัตว์ประจำโลกทำหน้าที่อยู่ก่อนแล้ว
พระองค์จึงต้องทรงกำหนดจำนวนรูปธรรมพวกคุณ
ที่จะได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำหน้าที่ประจำโลกด้วย
เพราะถ้าบริเวณพื้นผิวโลกมีจำนวนรูปธรรมมากเกิน
มันจะยังผลให้โลกเสียสมดุลขณะเหวี่ยงหมุนไปได้
อาการเสียสมดุลก็คือการแกว่งส่ายของโลกนั่นเอง
ด้วยเหตุนี้เอง
เมื่อพระเจ้าจะทรงสร้างแดนนรกเอาไว้ช่วยพวกคุณ
จึงทรงกำหนดให้นรกมีพิกัดอยู่ในแกนของดาวโลก
เพราะจำนวนจิตวิญญาณที่ตกนรกไปอยู่ในแกนโลก
จะทำให้น้ำหนักมวลภายในแกนโลกเพิ่มขึ้นจากเดิม
เมื่อคนตายมากขึ้นน้ำหนักมวลในนรกจะมากขึ้นด้วย
ขณะที่น้ำหนักมวลบนพื้นผิวโลกจะลดลงแปรตามกัน
เพียงแค่พระเจ้าทรงกำหนดสัดส่วนการเกิดการตาย
ให้มันสมดุลกันเอาไว้ให้ได้ทุกอย่างก็ราบรื่นแล้ว
แต่โลกนี้ก็กลับมีปัญหาเกิดขึ้นจนได้
เพราะมนุษย์ทั้งโลกทุกชาติทุกศาสนา
ไม่รู้ว่าจิตวิญญาณของตนมาเกิดเป็นมนุษย์กันทำไม
ไม่รู้ว่า
“มนุษย์เป็นสัตว์สังคม”
หมายความว่าอย่างไร
พวกคุณจึงกินเลือดเนื้อสัตว์ด้วยการเข่นฆ่าทำร้าย
พวกคุณจึงตัดโค่นต้นไม้ทำลายป่าของพระเจ้า
พวกคุณจึงทำลายระบบนิเวศน์ซึ่งเป็นระบบของตนเอง
พวกคุณจึงเอาเปรียบเบียดเบียนกันไม่รักกันและฆ่ากัน
พวกคุณจึงมักใช้อำนาจเหนือนำกดขี่ข่มเหงผู้อื่น
พวกคุณจึงชอบปลีกวิเวกโดยละทิ้งสังคมและครอบครัว
พวกคุณจึงแสร้งทำอายตนะทั้งห้าที่ดีอยู่ให้มันพิการ
พวกคุณจึงทำทุกสิ่งเพื่อลาภยศสรรเสริญและสุขส่วนตัว
พวกคุณจึงทำตัวประเภทกินขี้ปี้นอนพอแก่แล้วก็ตาย
ฯลฯ
บทบาทต่างๆที่มนุษย์โลกประพฤติปฏิบัติกันเหล่านี้
มีเหตุจากไม่รู้ว่าคุณขออนุญาตพระเจ้ามาเกิดกันทำไม
เพราะไม่รู้ด้วยว่ามาเกิดแล้วตนมีหน้าที่จะต้องทำอะไร
นอกจากจะมีพฤติกรรมหลักทั้ง 9 อย่างดังกล่าวนั้น
ผู้ที่ไม่รู้คำตอบนี้ไม่เว้นแม้แต่คนชอบธรรมด้วยซ้ำไป
ดาวเคราะห์โลกดวงนี้จึงเสียสมดุลมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะสัตว์ถูกฆ่าตายต้นไม้ก็ล้มตายเพราะถูกตัดโค่น
ขณะมนุษย์เองก็ล้มเหลวในการทำหน้าที่เพราะไม่รู้
สิ่งที่ไม่รู้ที่ว่านี้ก็คือ
จิตวิญญาณของคุณอาสามาเกิดเป็น
“คนสองมิติ”
เพื่อคนตนเองให้เป็นมนุษย์ให้สำเร็จตั้งแต่สามขวบ
โดยขณะที่คุณคนตนเองอยู่ในครอบครัวกับพ่อแม่ลูก
เบื้องหลังมิติโลกคือมิติจิตวิญญาณที่ตามองไม่เห็น
พลังอำนาจการคนในแต่ละคนจะกลายเป็นพลังร่วม
ที่จะช่วยเพิ่มอำนาจการคนให้แก่กันและกันได้อีกด้วย
เพียงแค่คุณต้องไม่ทิ้งครอบครัวคือละทิ้งสังคม
เพียงแค่คุณต้องรักพวกเขาแต่ละคนให้จงได้
แม้พวกเขาบางคนอาจทำตัวไม่น่ารักเอาเสียเลย
คุณต้องอดทนอดกลั้นให้อภัยใจดีมีเมตตาต่อกันเสมอ
เขาชั่วมาคุณต้องดีตอบถ้าเขาดีมาคุณจะต้องยิ่งดีตอบ
หน้าที่แท้จริงนั้นพวกคุณต้องทำแบบนี้กับคนในบ้าน
คุณต้องทำตนแบบนี้กับทุกคนในชุมชนหรือในสังคม
ต้องทำตนแบบนี้กับทุกคนโดยไม่เลือกที่รักมักที่ชัง
ต้องทำตนแบบนี้กับทุกคนโดยไม่มีเงื่อนไขอะไรทั้งนั้น
ดังนั้น
คนชอบธรรมทุกคนซึ่งรักชอบการปฏิบัติธรรมแท้จริง
จักต้องรู้กันเอาไว้ว่าที่ผ่านมาตั้งแต่อดีตกาลนั้น
พวกคุณปฏิบัติธรรมแบบหลงทางจากการหลงผิดอยู่
การถือศีลปฏิบัติธรรมนั่งกรรมฐานทำบุญให้ทาน
สวดมนต์อธิษฐานบริกรรมและภาวนาทั้งหลายเหล่านี้
แม้จะเป็นการกระทำที่ดีพึงส่งเสริมสร้างสรรค์ก็จริงอยู่
แต่มันก็ยังมิใช่หน้าที่หลักที่จิตหยาบคือตัวคุณเอง
จะต้องทำเพื่อจิตวิญญาณซึ่งก็เป็นตัวคุณเองที่แท้จริง
เพราะภารกิจของจิตวิญญาณที่อาสาพระเจ้ามาเกิดนั้น
คือการใช้เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ที่สมบูรณ์
โดยมีจิตหยาบซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ
คอยสั่นสะเทือนขันธ์ห้าเมื่อรับข้อมูลจากอายตนะทั้งห้า
ที่ส่งผ่านเข้าไปข้างในจากเงื่อนไขของสิ่งเร้าภายนอก
ซึ่งจิตหยาบมีหน้าที่รับรู้เพื่อเรียนรู้ไปตามความจริง
โดยว่างไปจากกิเลสอันเกิดจากการปรุงแต่งของจิตเอง
เมื่อจิตว่างจากกิเลสขณะรับรู้เพื่อเรียนรู้อยู่ในขณะนั้น
จิตหยาบก็จะสั่นสะเทือนทางด้านบวกอยู่ได้ตลอดเวลา
มันก็คือ
“คลื่นความรักที่บริสุทธิ์”
จากจิตมนุษย์นั่นเอง
ที่ผ่านมาคนทั่วไปจะเข้าถึงคลื่นความรักบริสุทธิ์ไม่ได้
เพราะเป็นทาสของกิเลสกันไปเสียก่อนยังไม่ทันตั้งตัว
เนื่องจากจิตหยาบถูกหลอกให้เสพติดกิเลสจนเคยตัว
พอจิตหยาบเกิดกิเลสขึ้นตัณหาราคะอารมณ์ขยะก็เกิด
ซึ่งพวกนี้เป็น
#
บริวารชั่วของตัวกิเลส
ตัวสร้างปัญหา
ที่ทำให้พวกคุณหมุนกรรมจักรแทนธรรมจักรตลอดมา
บ้างก็มีกิเลสเป็น
#
สันดานเคยตัว
ซึ่งจิตวิญญาณถือติดมาจากอดีตชาติแล้วล่ะ
เพื่อให้จิตหยาบในภพชาติปัจจุบันช่วยดัดสันดานให้
แต่ปรากฏว่านอกจากจะช่วยแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว
จิตหยาบยังสะสมกิเลสพอกพูนในสัญญาขันธ์เพิ่ม
เพราะไม่รู้วิธีชำระจิตให้ว่างไปจากกิเลส
ที่นอนเนื่องแน่นิ่งอยู่ในสัญญาขันธ์ของตนเองได้
ถ้าพวกคุณรู้ว่าตนเองนั้น
ขันอาสาพระเจ้ามาช่วยกันใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
วิธีการปฏิบัติธรรมของพวกคุณจะเปลี่ยนไปทันที
การหลงทางนิพพานมันก็จะไม่เกิดขึ้นดังเช่นทุกวันนี้
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
ปัญญาวิสุทธิ์
25/08/2566
24 สิงหาคม 2566
คำสอน
วิธีทำกรรมปัจจุบัน
ให้เป็นโมฆะกรรม
ให้สำนึกผิดด้วยจิตหยาบ
ภายในไม่เกิน 3 นาทีที่ก่อกรรมนั้น
โดยมีปณิธานว่าในครั้งหน้า
จะไม่นึกผิด คิดผิด พูดผิด ทำผิด
แบบเดียวกันกับครั้งนี้อีก
ไม่ว่ากับใครก็ตาม
คำสอน
ปณิธานห่งการหลุดพ้น -รักได้ ให้เป็น ไม่ก้าวล่วงใคร
มหาสติ -รู้สติ มีสติ ใช้สติ
แก้ววิเศษ 2 ดวงนี้
พระบิดาประทานมาให้
เพื่อนำทางพวกท่านกลับบ้าน
คำสอน
จิตวิญญาณถูกทำให้ทุกข์ในนรก
ด้วยกลอุบายแบบต่างๆกันไป
เพื่อช่วยสร้างสติทางวิญญาณให้รู้ว่า
จิตหยาบของตนทำผิดอะไรมา
ถ้าสำนึกถูกต้องจิตวิญญาณก็หายได้
23 สิงหาคม 2566
คำสอน
นรกมีจริง
ในนรกมีการ
"ทำทุกข์"
เพื่อช่วยสร้างสติทางวิญญาณ
ให้เกิดการสำนึกบาปได้ว่า
จิตหยาบของตนเมื่อเป็นมนุษย์นั้น
ก่อกรรมทำผิดอะไรมา
นรกจึงมิใช่ดินแดนของผู้ต้องโทษ
มิใช่ของเล่นสนุกของพระเจ้า
ตามที่ศัตรูของชาวโลก
ได้กล่าวหาว่าร้ายกันมาแต่อย่างใด
คำสอน
การก้าวล่วงผู้อื่น
ไม่ด้วยกาย วาจาหรือจิตใจ
เป็นความผิดบาปทั้งสิ้น
จิตวิญญาณคุณจะตกนรกแน่นอน
ยิ่งก้าวล่วงพระเจ้า บิดามารดา
และท่านผู้สมดุลทางจิตวิญญาณ
คุณจะยิ่งถูกทำให้ทุกข์อย่างหนัก
คำสอน
จงทำให้คนรอบข้าง
รักและเมตตาคุณให้ได้
พวกเขาจะช่วยคุณหมุนธรรมจักร
เพื่อยกระดับจิตหยาบ
ให้เข้าถึงมิติที่ 5 และ 6 ได้
คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เพราะว่าจิตวิญญาณของคุณ
เมื่อรับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์ในชาติแรกแล้ว
ต้องละกายสังขารหรือ
“เครื่องยนต์แห่งกรรม”
ไป
เนื่องจากจิตวิญญาณ
“หลงมิติ”
สับสนในตนเอง
เหตุเพราะ
“จิตหยาบ”
ทำหน้าที่ผิดพลาดบกพร่อง
ด้วยการ
“หลงมายา”
คิดเข้าใจว่าเป็น
#
แก่นแท้
โดยสัมผัสรู้ดูเห็นทุกสรรพสิ่งแล้วคิดว่าเป็นของจริง
จึงตกหลุมพรางของ
“กิเลส”
ที่ในจิตของตนเองเข้า
จนยังผลให้มายาต่างๆที่มีสภาวะเป็น
“อนัตตา”
เกิดเป็นมี
“อัตตาตัวตน”
ขึ้นมาในจิตหยาบของคุณ
ด้วยอำนาจของกิเลสที่เป็นความรู้สึกเมื่อได้
“รับรู้”
แล้วจิตหยาบ
“รับเอา”
สิ่งนั้นมาปรุงแต่งกันเอาเอง
จากกิเลสจึงนำไปสู่ตัณหาราคะอารมณ์ขยะในที่สุด
จนทำให้พวกคุณเข้าถึงอำนาจทางจิตตปัญญาไม่ได้
ยังทำให้จิตวิญญาณแก่นแท้หลงมิติไปในที่สุดด้วย
ปรากฏการณ์ดังกล่าวนี้เกิดขึ้นอยู่ซ้ำซาก
เพราะจิตหยาบในชาตินั้นเหลวไหลดังกล่าว
จิตวิญญาณแก่นแท้เมื่อถูก
“เขย่า”
ให้สั่นตามกิเลส
จึงเกิดอาการสับสนตนเองเพราะหลงมิติตามไปด้วย
จิตวิญญาณจึงเกิดอาการป่วยจากการเสียสมดุลนั้น
เมื่อแก่นแท้ผู้ขันอาสาพระเจ้ามาเกิดเป็นคนสองมิติ
มีการเจ็บป่วยกันเป็นจำนวนมากจากอาการหลงมิตินี้
พระองค์จึงทรงกำหนดสร้างภพภูมินรกขึ้นมา
โดยทรงบัญชาให้ประดาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย
ซึ่งเป็นช่างเท็คนิกของพระองค์ให้ลงมาประจำในนรก
เพื่อใช้กระบวนการ
Psych show
บำบัดรักษาเยียวยา
จิตวิญญาณของพวกคุณที่หลงมิติไปตามจิตหยาบนั้น
ด้วยการ
#
กระชากจิตสามนึก
ที่นึกผิดคิดผิดทำผิด
อันเกิดจากใช้จิตสามนึกและกลไกอายตนะไม่ถูกตรง
เพื่อชำระคลื่นความถี่ของจิตวิญญาณที่ไม่ถูกต้องนั้นๆ
ให้กลับคืนสู่สภาวะสมดุลตามปกติดังเดิมได้
เมื่อจิตวิญญาณรูปธรรมนั้นคืนสู่สมดุลได้คือหายแล้ว
ก็จะได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลหรือนรก
เพื่อมาเกิดใหม่ในระบบโลกให้มีชาติใหม่ต่อไปได้
เนื่องจากจิตวิญญาณพวกคุณ
สลัดวงจรในแบบที่ว่านี้กันไม่ได้โดยวนอยู่ในสังสารวัฏ
เพื่อตายแล้วต้องไปตกนรกแล้วจึงกลับมาเกิดใหม่
ซึ่งเป็นแบบนี้อยู่ซ้ำซากตลอดมาจนนับภพชาติไม่ถ้วน
ทำให้จิตวิญญาณในแต่ละชาติที่มีโอกาสเกิดใหม่นั้น
จำไม่ได้ว่า
#
ตนเองเป็นใครมาจากไหนมาทำอะไรที่นี่
เพราะว่าจิตวิญญาณต้องใช้เวลาโลกทางกายภาพนาน
เมื่อใช้เวลากับการมีสังสารวัฏนานๆเข้าจึงจำกันไม่ได้
อย่างที่เรียกว่า
“นานเสียจนลืมไปแล้ว”
นั่นเอง
นรกจึงเป็นสถานที่สำคัญและจำเป็นสำหรับทุกคน
ที่จิตวิญญาณพวกคุณซึ่งอาสามาเกิดเป็นมนุษย์ต้องไป
ไม่ต่างจากโรงพยาบาลโลกที่ทุกคนต้องไปในยามป่วย
เพราะที่นั่นมีแพทย์พยาบาลผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัด
เพื่อช่วยเหลือมนุษย์ที่เจ็บป่วยแล้วช่วยรักษาตัวเองมิได้
แม้ว่าใครคนนั้นจะไม่ชอบเข็มฉีดยาผ่าตัดหรือวิธีบำบัด
ซึ่งประดาแพทย์พยาบาลท่านนำเอามาช่วยเหลือคนป่วย
พวกคุณที่เจ็บป่วยด้วยโรคทางกายก็ต้องไปที่นั่นทั้งสิ้น
แม้ว่าแพทย์พยาบาลท่านจะหน้าตาดุร้ายไม่น่ารักก็ตาม
ถ้าคุณไม่อยากจะไปนรก
คุณก็มีสิทธิเสรีภาพโดยเลือกที่จะไม่ไปก็ได้
แต่ไม่ใช่ไม่อยากไปเพราะเกลียดกลัวนรก
เพียงแค่ตัวคุณหรือจิตหยาบอย่าตอกย้ำทำผิดซ้ำซาก
จนจิตวิญญาณต้องพลอยรับผลกรรมที่จิตหยาบก่อขึ้น
ด้วยการหลงมิติเพราะเสียสมดุลไปจากคุณสมบัติเดิม
แปลว่าคุณอย่าหมุนกรรมจักรด้วยกิเลสเพราะหลงมิติ
จนทำให้ต้องตกอยู่ใต้อำนาจของกฎแห่งกรรมให้จงได้
หากคุณอยู่เหนือกฎแห่งกรรมเพราะเอาชนะกิเลสได้
คุณก็จะมีชีวิตเป็นอมตะคือไม่ต้องตายไม่ต้องตกนรก
ดังนั้น
สิ่งสำคัญที่พวกคุณลืมไปหมดแล้วก็คือ
ก่อนภพชาติแรกที่คุณมาเกิดนั้นคุณมาจากไหน
ใครอนุญาตให้จิตวิญญาณคุณมาเกิด
มาเกิดบนโลกเสรีนี้เพื่อทำหน้าที่อะไรกันแน่
คนนำทางตาบอดซึ่งอาสาพระศาสดาว่า
จะช่วยทำหน้าที่นำทางจิตวิญญาณแทนพระองค์
ก็จำไม่ได้เช่นเดียวกับคนส่วนใหญ่ในคำถามนั้น
แต่โชคดีที่ยังพอมีความจำสั้นๆกันได้บ้างว่า
จิตวิญญาณหลายคนล้วนกลับขึ้นมาจากแดนนรก
จำได้ด้วยว่าในนรกนั้นน่ากลัวอย่างไรบ้าง
ที่ในนั้นบรรยากาศเป็นอย่างไรมีสภาพเป็นอย่างไร
ใครทำผิดบาปอะไรจะต้องตกนรกขุมไหนชั้นไหน
ทำผิดบาปอะไรจิตวิญญาณต้องเผชิญโทษอย่างไร
เมื่อแลเห็นภาพของการทุกข์ทรมานว่ามันน่ากลัว
จึงจดจำกันมาแต่ภาพน่ากลัวของการ
“ทำโทษ”
นั้น
ทั้งๆที่ทรงเน้นการบำบัดรักษาจิตวิญญาณที่ป่วย
ด้วยวิธีการ
“ทำทุกข์”
มิใช่การ
“ทำโทษ”
ตามที่คิด
พวกที่พอมีความจำสั้นกันมาบ้างจึงเล่าว่านรกน่ากลัว
หลายคนจึงกลัวนรกกันเป็นการใหญ่มาจนบัดนี้
เราจะกล่าวความจริงให้พวกคุณรู้ว่า
วิธีการบำบัดรักษาจิตวิญญาณที่ป่วยด้วยโรคหลงมิติ
ที่พระเจ้าทรงเรียกว่าเป็นปฏิบัติการ
“ไซโคโชว์”
นั้น
พระองค์ทรงใช้วิธีกระชากจิตสามนึกทางวิญญาณ
โดยสร้างความทุกข์ทรมานให้เกิดแก่จิตวิญญาณนั้น
ถ้าใครทำผิดบาปมาด้วยปากก็จะทำทุกข์แก่ปากนั้น
ถ้าทำผิดบาปมาด้วยมือเท้าจะทำทุกข์แก่มือหรือเท้า
ก็เพื่อเพื่อจะใช้ความทุกข์ทรมานที่ตรงนั้น
เป็นเครื่องเตือนความจำของคุณให้ระลึกได้ว่า
คุณใช้อายตนะหรืออวัยวะนั้นทำผิดบาปก่อกรรมใดมา
เมื่อคุณสำนึกบาปได้แล้วว่าจิตหยาบเคยทำผิดอะไรมา
คุณจะได้จดจำไว้ว่าถ้ามาเกิดเป็นมนุษย์อีกต่อไปนั้น
คุณจะต้องไม่ทำผิดบาปเช่นว่านั้นให้ต้องตกนรกซ้ำอีก
นี่จึงเป็นกระบวนการแก้ไขจิตสามนึกทางวิญญาณ
ที่ท่านยมบาลผู้เชี่ยวชาญท่านคิดอ่านขึ้นมาใช้ช่วยคุณ
โชคดีสำหรับพวกคุณมั้ยล่ะ
?
ที่พระเจ้าหรือพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของพวกคุณ
ทรงมีพระบัญชาให้เราถือเอาปฏิบัติการ
“ไซโคโชว์”
มาช่วยสร้างจิตสามนึกที่ถูกต้องให้พวกคุณก่อนตาย
ด้วยกระบวนการชี้แนวทางสร้างแนวคิดสะกิดจิตปัญญา
ให้มันตื่นตัวขึ้นมาทำหน้าที่กันอย่างถูกต้องตรงธรรม
ที่เป็นกิจกรรมสนุกสนานมิใช่การลงโทษดังเช่นในนรก
เพื่อช่วยให้คุณไม่ทำผิดจนจิตวิญญาณต้องตกนรกอีก
#
กิจกรรมไซโคโชว์ของปริญญา
ที่เรานำมาใช้ช่วยเหลือพวกคุณก่อนตาย
เป็นกิจกรรมที่สนุกสนานชวนคิดชวนคุยและชวนทำ
ซึ่งเป็นการติดอาวุธทางปัญญาของจิตกับสมอง
มิใช่การเล่นเกมทำกิจกรรมบ้าๆบอๆอย่างไร้สาระ
โดยสรุปแบบมักง่ายด้วยตาที่แลเห็นและหูที่ได้ยิน
เหมือนจำภาพในนรกจาก
“ทำทุกข์”
เป็น
“ทำโทษ”
ด้วยการนึกคิดแบบจิตมนุษย์โดยไม่ใช้สติปัญญาเลย
เราจึงกล่าวเสมอว่าหากใครโชคดีมีบุญวาสนา
ก็จะได้รับโอกาสให้มาเข้ากระบวนการไซโคโชว์นี้
ที่จิตจักรวาลสถานธรรม ณ ภูกระต่ายจัดขึ้น
การสร้างจิตสามนึกที่ถูกต้องตรงธรรมให้คุณจะเกิดได้
ด้วยบรรยากาศที่สนุกสนานแทนการขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
จากวิธีบำบัดรักษาอาการป่วยทางจิตวิญญาณที่ในนรก
คุณเชื่อเหมือนเราหรือไม่ว่า
สร้างสำนึกที่ถูกต้องตรงธรรมให้จิตสามนึกก่อนตาย
ย่อมดีกว่าเหมาะสมกว่าตายแล้วไปปรับแก้กันในนรก
ขณะมีชีวิตอยู่โดยยังไม่ตายก็นิพพานกิเลสให้สิ้นไว้
ด้วยการใช้จิตสามนึกด้านบวกหมุนธรรมจักรเท่านั้น
เมื่อถึงเวลาที่โลกสิ้นยุคแล้วคุณก็จะหลับเป็นตาย
เพื่อให้จิตวิญญาณหลุดพ้นกลับบ้านแดนสุญตาทันที
ซึ่งเป็นไปตาม
“พันธะสัญญา 6”
ที่คุณให้ไว้ต่อพระเจ้า
โดยคุณจะมีชีวิตเป็นอมตะจนมีอายุยืนนับพันๆปีได้
เหมือนพวกที่มีชีวิตซึ่งอยู่บนดาวดวงอื่นทั้งหลายนั่น
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
ปัญญาวิสุทธิ์
23/08/2566
22 สิงหาคม 2566
คำสอน
หลักแห่งการทำบุญ
ความจริงด้านจิตวิญญาณนั้น
พ่อแม่ลูกจะมีบุคลิกคล้ายคลึงกัน
ใครใช่ขันธ์ห้าสั่นสะเทือนด้านบวก
ทำบุญโดยหมุนธรรมจักรได้
จิตวิญญาณของพ่อแม่ลูกทุกคน
จะสั่นสะเทือนตามเหมือนทำเองด้วย
เมื่อทำบุญจึงไม่ต้องร้องขอให้กัน
รางวัลที่ได้รับคือสุขใจที่ได้ทำดีนั้น
คำสอน
การทำบุญอย่างมีเงื่อนไข
การให้โดยต้องการสิ่งตอบแทน
แม้จะก่อพลังงานกรรมที่ดี
แต่โลกจะใช้ต้ำจุนความสมดุลมิได้
มันลอยเป็นขนะรกโลกอยู่
โดยรอให้คุณกลับมาเกิด
เพื่อชำระหรือชดใช้ชาติหน้า
คำสอน
อย่าทำบุญด้วยกิเลส
โดยทำล้วอธิษฐนขอบางสิ่งตอบแทน
เพราะกุศลผลบุญที่คุณทำนั้น
ในมิติของจิตวิญญาณ
ใครทำใครคนนั้นต้องได้อยู่แล้ว
คำสอน
จงอย่าทำบุญด้วยกิเลส
เพราะบุญกุศลนั้นจะไม่บริสุทธิ์
มันจะเป็นพลังงานที่ไม่สะอาด
ซึ่งโลกนำไปใช้ประโยชน์ไม่ได้
คนที่ก่อไว้จะต้องกลับมาเกิดใหม่
เพื่อชดใช้หรือชำระทิ้งในชาติหน้า
คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
การที่จิตวิญญาณของคุณ
เดินทางข้ามมิติมาจากแดนสุญตานอก
“เอกภพ”
ซึ่งแดนสุญตาเป็นพระนิเวศน์ที่ประทับของพระเจ้า
โดยขันอาสาเข้ามาทำหน้าที่ประจำอยู่ในระบบโลก
เพื่อใช้เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ที่มี 2 มิติ
ผลิตสร้างพลังงานสะอาดให้โลกและทุกสิ่งในระบบ
สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเป็นสาธารณะ
ไม่ต่างจากก๊าซออกซิเจนที่มีอยู่ในระบบโลก
ซึ่งโลกทำการผลิตสร้างออกมาจากแกนโลก
โดยใช้พลังงานจิตด้านบวกของสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
ที่รักกันได้ให้กันเป็นไม่เห็นแก่ตัวไม่ทำดีเพื่อตัวเอง
แต่มุ่งก่อการดีเพื่อประโยชน์กุศลของสาธารณะ
มิใช่ทำเพื่อคนนั้นคนนี้ทำให้คนนั้นคนนี้หรือให้ตัวเอง
ซึ่งฟังแล้วแม้จะรื่นหูดูดีอยู่มากมายยังไงก็ตาม
แต่แทนที่
“ขันธ์ห้า”
จะผลิตพลังงานสะอาดออกมา
ทำให้พลังงานนั้นมีคุณสมบัติรหัสกรรมกำกับอยู่
คุณทำไว้แล้วร้องขอให้ตัวเอง
พลังงานกรรมด้านบวกแต่ไม่สะอาดกลุ่มนั้น
ทั้งโลกอันหมายถึงทุกสรรพสิ่งและมนุษย์คนอื่นๆ
จะไม่สามารถแตะต้องข้องแวะพลังงานบวกนั้นได้
มันจะกลายเป็นขยะพลังงานที่รกโลกอยู่อย่างนั้น
เพื่อรอคอยให้จิตวิญญาณคุณตายไปจากภพชาตินี้
จนกว่าคุณจะได้รับโอกาสให้มาเกิดอีกในชาติหน้า
เพื่อทำการชำระขยะพลังงานกรรมด้านบวกดังกล่าว
ที่คุณสร้างทิ้งเอาไว้เองให้มันหมดสิ้นไปจากโลก
การชำระกรรมดีที่ไม่สะอาดนี้คือกลับมาเสวยสุข
ตามที่จิตหยาบหลอกจิตใต้สำนึกแล้วสร้างมายานั้น
เพราะความรู้เท่าไม่ถึงการณ์เอาไว้เองโดยแท้
สร้างมายาด้วยการฝันไปตามกิเลสและความเชื่อ
ที่เป็นอำนาจทางจิตวิญญาณซึ่งจิตหยาบหยิบมาใช้
กระบวนการที่ว่านี้เป็นสิ่งที่คนนำทางตาบอดไม่สอน
ที่ไม่สอนก็เพราะไม่รู้หรือรู้แล้วก็ทำการบิดเบือนไป
เนื่องจากสอนให้คนส่วนใหญ่เสพติดกิเลสอย่างไร้สติ
จนถึงขั้นการทำบุญพวกคุณก็ยังทำกันด้วยกิเลสอยู่เลย
นอกจากนั้น
พลังงานด้านบวกที่พวกคุณก่อขึ้น
แทนที่จะเป็นพลังงานสะอาดบริสุทธิ์แท้จริง
ถ้าไม่ทำแล้วร้องขอผลตอบแทนเพื่อตนเองแล้ว
ยังกำหนดจิตเจาะจงส่งส่วนบุญกุศลที่คุณทำนั้น
ให้แก่คนนั้นคนนี้ทั้งที่เจาะจงและไม่เจาะจงรูปนาม
โดยที่พวกคุณไม่รู้ว่าการกระทำดังกล่าวนั้น
มันจะเปลี่ยนรูปแบบของพลังงานที่คุณผลิตสร้างขึ้น
ตามกระบวนการที่พระเจ้าทรงออกแบบเอาไว้
จากการเป็นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวกบริสุทธิ์
ไปเป็น
“ผลกรรม”
ในรูปของพลังงานกรรมเสียทันที
คุณจะต้องจำเอาไว้ด้วยว่า
#
กรรมใคร
_
ใครกำ
#
กรรมใครกรรมมัน
สองประโยคนี้ล้วนเป็น
“สัจธรรม”
ความจริง
ที่ไม่มีผู้ใดจะเปลี่ยนแปลงไปจากที่ว่านี้ได้
ไม่ว่าพระราชา นักการเมือง นักบวชหรือชาวบ้าน
มันต้องเป็นของมันเช่นนั้นเสมอ
คุณลองตรึกตรองให้ถ่องแท้เถิดว่า
ตอนที่เป็นมนุษย์ถ้าจิตหยาบหมกมุ่นอยู่กับกิเลส
จิตวิญญาณของคุณเองต้องรับกรรมนั้นไว้
ด้วยการตายแล้วจะต้องตกลงไปในภพภูมินรก
เพื่อไปให้ท่านพยายมช่วยบำบัดเยียวยารักษา
อาการป่วยของจิตวิญญาณที่หลงมิตินั้นให้หาย
แล้วค่อยย้อนคืนกลับมาเกิดใหม่เมื่อหายดีแล้ว
เมื่อกลับมาเกิดใหม่ในภพชาติถัดมา
จิตวิญญาณก็จะนำเอาเวรกรรมที่จิตหยาบทำผิดไว้
จากอดีตชาติที่ผ่านมาถือติดตัวมาเกิดใหม่ด้วย
เพื่อให้จิตหยาบในภพชาติใหม่แก้ไขให้ถูกต้อง
โดยให้เผชิญกับเงื่อนไขและเรื่องราวแบบเดิม ๆ
ที่จิตหยาบในชาติที่แล้วตัดสินใจผิดทำผิดบาปไว้
เพื่อให้จิตวิญญาณของตนได้เรียนรู้เป็นบทเรียน
ดังนั้น
เวรกรรมเก่าๆที่เป็นความผิดบาปของคุณ
ที่จิตวิญญาณถือติดตัวมาเกิดใหม่ในชาตินี้ด้วย
มันจึงเป็น
#
บททดสอบจิตสามนึก
ของจิตหยาบ
ขณะที่ผลลัพธ์จากการสั่นสะเทือนของจิตหยาบ
จะเป็น
#
บทเรียนของจิตวิญญาณ ที่ต้องเรียนรู้ด้วย
คุณเห็นความจริงกันหรือยังว่า
ความดีความชั่วเป็นของตัวเองใครทำใครได้
ใครจะเอาหน้าแทนใครโดยไม่ได้ทำก็ไม่ได้
ใครจะป้ายสีใส่ร้ายใครก็ยิ่งทำไม่ได้ใหญ่
ทั้งกฎหมายคือกฎโลกและกฎแห่งกรรมของมนุษย์
มันต้องเป็นของมันอย่างที่ว่ามานี้เสมอ
ด้วยเหตุนี้เอง
เมื่อคุณสร้างบุญกุศลหรือทำความดีงาม
คุณอย่าไปร้องขอสิ่งแลกเปลี่ยนอะไรอีก
อย่าไปอธิษฐานขอสิ่งตอบแทนใดๆทั้งสิ้น
บุญกุศลจากความดีงามของคุณที่กระทำ
มันจะตกเป็นของคุณวันยังค่ำ
ส่วนกุศลผลบุญที่คุณก่อหรือกระทำนั้น
ขอให้เป็นพระภารกิจของพระเจ้าพระองค์เดียว
พระบิดาหรือพ่อผู้ให้กำเนิดลูกแกะอย่างคุณมานั้น
จะทรงคัดสรรหามาประทานให้คุณอย่างเหมาะสม
จงอย่าทำตนอวดเก่งทำบุญเองร้องขอส่วนบุญเอง
รอให้พระองค์ประทานรางวัลที่เหมาะสมให้ดีกว่า
เพราะทรงรู้ดีกว่าคุณว่า
“คุณยังขาดสิ่งใด”
พระองค์จะทรงเติมเต็มในสิ่งที่ขาดนั้นให้คุณเอง
ถ้าคุณสามารถหมุนธรรมจักรร่วมกับคนอื่นๆได้
พระองค์จะทรงเติมให้ชีวิตคุณจนเต็มล้นเลยทีเดียว
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
ปัญญาวิสุทธิ์
22/08/2566
21 สิงหาคม 2566
คำสอน
มนุษย์เสพติดิเลสจนเคยตัว
ขนาดทำบุญก็ยังทำด้วยกิเลส
คือทำแล้วร้องขอในสิ่งตอบแทน
ทั้งชาตินี้และชาติหน้าเสมอ
ทำให้พลังงานที่ได้จากขันธ์ห้า
เป็นพลังงานไม่สะอาด
ในแบบที่โลกไม่ต้องการ
คำสอน
มนุษย์โลกเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดเดียว
ที่มี 2 ภาคอยู่ในตัวเอง
คือมีจิตวิญญาณเป็นตัวตนแก่นแท้
โดยให้จิตหยาบทำหน้าที่แทน
ซึ่งสัตว์ประจำโลกและสิ่งมีชีวิต
บนดาวอื่นจะมีแต่จิตวิญญาณเท่านั้น
มนุษย์จึงประเสริฐสุดในจักรวาล
คำสอน
องค์จิตจักรวาล
เป็นศูนย์กลางของจักรวาลสากล
ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดและเป็นผู้สิ้นสุด
ของทุกสิ่งในมิติที่มีอยู่จริง
จิตจักรวาล คือ พระเจ้า
คำสอน
อนุตรธรรมเป็นสัจธรรมความจริง
ในมิติของพระเจ้า
มนุษย์จะนึกเองคิดรู้เองไม่ได้
เพราะว่าสมองมีขีดจำกัด
แต่เรากลับมาสื่อให้ทุกคนรับรู้
ใครไม่รู้จะหลุดพ้นนิพพานไม่ได้
คำสอน
สิ่งที่จิตวิญญาณของคุณ
กลัวมากที่สุดก็คือ
กลัวจิตหยาบเสพติดกิเลส
จนนำพาให้ตนเองหลงมิติ
ต้องเสียเวลาไปรักษาในนรก
หรือลอยไปค้างอยู่บนสวรรค์มายา
คำสอน
บ้านเกิดของจิตวิญญาณมนุษย์
คือแดนสุญตาชึ่งอยู่นอกเอกภพ
เมื่อสิ้นยุคแล้วต้องกลับบ้าน
จะไปอยู่ดาวดวงอื่นไม่ได้
คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(
เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
พวกคุณจักต้องรู้ให้ได้ว่า...
1.
จิตวิญญาณของคุณน่ะเป็นใคร
?
2.
จิตวิญญาณของคุณนี้มาจากไหน
?
3.
มาเกิดเป็นมนุษย์โลกเสรีกันทำไม
?
4.
ใครให้มาเกิดในเอกภพซึ่งอยู่ในระบบโลกนี้
?
5.
เมื่อมาเกิดแล้วคุณมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง
?
6.
คุณมีเวลาในการทำหน้าที่นี้ยาวนานแค่ไหน
?
7.
ทำหน้าที่สำเร็จครบถ้วนแล้วจะคืนกลับอย่างไร
?
ถ้าคุณไม่รู้ไม่เข้าใจคำตอบทั้ง
7
ข้อดังกล่าวนี้
คุณก็จะปฏิบัติตนในชีวิตประจำวันอย่างไม่ถูกต้อง
มีคำถามว่า
ชาวโลกเสรีทั้งโลกจากอดีตมาจนถึงทุกวันนี้
จะมีใครสักกี่คนกันที่จะนึกถึงคำถามทั้ง
7
ข้อนี้
ด้วยความกระหายที่จะใฝ่รู้ในคำตอบที่ตนต้องรู้
เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติตนหรือ
“ปฏิบัติทำ”
ให้ถูกตรง
แต่คำถามทั้ง
7
ประการเหล่านี้เป็น
#
อนุตรธรรม
อันเป็นความจริงที่
#
มนุษย์โลกไม่รู้ว่าตนไม่รู้
เพราะเกินกำลังสมองทั้งสองซีกที่จะเข้าถึงมันได้
ดังนั้น
ที่ผ่านมาในกาลอดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบัน
พระศาสดาที่ทรงเกิดจากโลกเองก็เข้าถึงไม่ได้
แม้จะทรงมีพระปรีชาญาณอันเป็นเลิศ
ทั้งสติปัญญาและปัญญาญาณเหนือมนุษย์ก็ตาม
เพราะความเข้มสนามแม่เหล็กโลกของพระเจ้า
เป็นผู้ควบคุมตาที่สามคือตาแห่งจิตวิญญาณไว้
ทำให้จิตหยาบไม่สามารถเข้าถึงตาวิเศษได้ง่ายๆ
หากจะเข้าถึงจิตวิญญาณคือตาวิเศษของตนได้
จิตหยาบจะต้องสั่นสะเทือนด้านบวกเป็นความถี่สูง
ด้วยการหมุนธรรมจักรในตนเองร่วมกันกับทุกคน
ที่ตนมีโอกาสปฏิสัมพันธ์และปฏิสันถารกันให้จงได้
ในระดับที่เรียกว่าเข้าถึงจิตวิญญาณของตนเองได้
โดยไม่ต้องใช้มนตราหรือว่าไสยเวทย์ใดๆทั้งนั้น
ถ้าคุณสามารถเข้าถึงจิตวิญญาณตนเองได้
โดยทำให้จิตหยาบที่ต่อมไพเนี่ยลบริเวรหน้าผาก
มันสั่นสะเทือนจนทำให้ต่อมพิทูอิทารีสั่นตามได้
นั่นคือการหมุนธรรมจักรด้วยความรักเพื่อให้นั่นเอง
หากคุณทำได้เป็นผลสำเร็จบ้างไม่สำเร็จบ้าง
จิตคุณก็จะเกิดตัวรู้ขึ้นมาได้เองคือรู้แบบแว่บๆ
ซึ่งตัวรู้นี้มีทั้งสิ่งที่เรียกว่า
“ล่วงรู้”
และ
“หยั่งรู้”
โดยจิตหยาบจะรับความรู้จากจิตวิญญาณมาได้บ้าง
ส่วนใหญ่จะเป็นความรู้ในอดีตและอนาคตเท่านั้น
จิตวิญญาณของคุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้
บอกเล่ากล่าวความจริงของจิตวิญญาณ
ที่เป็นอนุตรธรรมทั้ง
7
ประการดังกล่าวนี้ให้รู้ได้
เพื่อป้องกันการรู้ผิดจนความจริงถูกบิดเบือนไป
พระเจ้าจึงต้องส่งเรามาบอกกล่าวความจริงระดับนี้
ให้ชาวโลกเสรีทุกคนทุกศาสนาได้รับรู้พร้อมกัน
ให้รับรู้อย่างถูกต้องตรงกันทั่วโลกหล้าเลยทีเดียว
ผู้ที่มาทำหน้าที่นี้จึงมีเราแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้นเอง
ด้วยเหตุนี้เองเราจึงเป็น
#
บุตรเอกของพระเจ้า
โดยที่เราก็เป็นพี่ๆน้อง ๆของชาวโลกทุกๆคนด้วย
ถ้าคุณไม่รู้แน่ชัดว่า
#
จิตวิญญาณคุณเป็นใคร
? #
มาจากไหน
?
คุณก็อาจจะถูกหลอกว่าจิตวิญญาณของคุณนั้น
ถูกส่งมาเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในระบบโลก
โดยพระผู้สร้างที่เป็นพระเจ้าจากดาวดวงอื่น
ที่มีฤทธิ์อภิญญาและมีเท็คโนโลยีที่ล้ำหน้าโลก
เพื่อทำการทดลองทางวิทยาศาสตร์บางอย่าง
คุณก็อาจจะถูกหลอกว่า
กายหยาบของพวกคุณนั้นเกิดจากจิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงานที่ล่องลอยไปทั่ว
เมื่อมาพบเจอ
“ง้วนดิน”
บนดาวโลกดวงนี้แล้ว
เสพกินมันเข้าไปเพราะตะกละตะกลาม
จิตวิญญาณทั้งหลายนั้นจึงมีกายหยาบเกิดขึ้น
แล้วเจริญเติบโตจนกลายเป็นมนุษย์ชายหญิงได้
โดยผู้หลอกบอกผู้ถูกหลอกให้รู้ว่าเพศชายหญิงนั้น
พระเจ้าหรือพระผู้สร้างผู้ทรงอำนาจแห่งดวงดาว
จะเป็นผู้เลือกเป็นผู้กำหนดเพศให้พวกคุณเองด้วย
แต่ถ้าคุณรู้ความจริงระดับอนุตรธรรมว่า
จิตวิญญาณของคุณก็คือ
#
พระจิต
ตามที่องค์พระเยซูทรงเปิดเผยเอาไว้ให้รู้บ้างแล้ว
โดยพระจิตหรือจิตวิญญาณเป็นรูปธรรมทางพลังงาน
ที่มีรูปทรงเรขาคณิตเป็น
6
เหลี่ยมมุม
เกิดจากสามเหลี่ยมด้านเท่าสองรูปในวงกลมวงเดียว
พระจิตนี้เป็นรูปธรรมทางพลังงานที่สมดุลในตนเอง
โดยแบ่งภาคออกมาจากตัวตนภาคแรกที่สูงส่งนั้น
ซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงานที่มี
11
เหลี่ยมมุม
โดยพระเจ้าทรงเรียกตัวตนภาคแรกนี้ว่า
#
พระบุตร
สาเหตุที่พระบุตรต้องแบ่งภาคตัวเองออกมา
เพื่อให้เป็นตัวแทนของตนเองโดยข้ามมิติเข้ามา
จากแดนสุญตานอกเอกภพหรือพระนิเวศน์พระเจ้า
ด้วยการผ่านประตูมิติคือด่านนภาลัยเข้ามาในเอกภพ
เพื่อมาเกิดเป็นคนสองมิติอยู่ในระบบโลกเสรีนี้
ดังนั้น
พวกคุณจึงมีพระเจ้าหรือพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ที่เราถวายพระนามว่า
#
จิตจักรวาลดวงใหญ่
พวกคุณจึงมีตัวตนภาคแรกที่สูงส่งคือ
“พระบุตร”
ซึ่งพวกคุณทุกคนต่างล้วนมีตัวตนภาคแรกที่สูงส่ง
เป็นรูปธรรมทางพลังงาน
11
เหลี่ยมมุมด้วยกันทั้งสิ้น
อันหมายถึงรูปธรรมของ
#
จิตจักรวาลดวงเล็ก
นั่นเอง
พวกคุณจึงมีตัวตนแก่นแท้ที่มาเกิดเป็นมนุษย์
เป็นรูปธรรมทางพลังงานมี
6
เหลี่ยมมุมอยู่ในมิติที่
6
โดยแบ่งภาคพลังงานจากพระบุตรมามากกว่า
70%
เพราะข้างบนมีแค่
30%
จึงติดต่อลงมาหาตัวคุณไม่ได้
พระบุตรเอกทุกพระองค์ที่เสด็จเข้ามาฉุดช่วยพวกคุณ
จึงต้องทรงทำหน้าที่ช่วยเป็น
“ทางผ่าน”
ให้พวกคุณ
ติดต่อกับพระเจ้าและตัวตนภาคแรกที่สูงส่งของคุณได้
ด้วยปฏิบัติการที่เรียกว่า
“ทำสามเหลี่ยม”
นั่นเอง
นอกจากนั้น
พระเจ้ายังทรงอนุญาตให้จิตวิญญาณคือตัวคุณเอง
แบ่งภาคทางพลังงานออกมาเป็นพลังงาน
189
กลุ่ม
เพื่อให้ทำหน้าที่เป็น
“จิตหยาบ”
ขณะเกิดเป็นมนุษย์
โดยหนึ่งในหน้าที่สำคัญคือสั่นสะเทือนเป็นขันธ์ห้า
อันหมายถึงเมื่อรับรู้สิ่งเร้าภายนอกด้วยอายตนะแล้ว
จิตหยาบจะสั่นสะเทือน
5
ขั้นตอนหรือห้าขันธ์ทันที
เพื่อแสดงการ
“รับรู้”
ไว้สำหรับ
“เรียนรู้”
ในยามตื่น
แต่ส่วนมากพวกคุณถูกหลอกให้
“รับรู้แล้วรับเอา”
อันเกิดจากการหลงมิติมายาที่เป็นเงาของแก่นแท้ว่า
เป็นอัตตาตัวตนที่แท้จริงจึงเกิดกิเลสขึ้นมาที่ในจิต
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้เรียกว่ารับรู้แล้วรับเอาแทนการเรียนรู้ไป
จนทำให้ชาวโลกทั้งหลายหมุนกันแต่กรรมจักร
ด้วยกิเลสตัณหาราคะและอารมณ์ขยะตลอดทั้งวัน
จึงไม่อาจใช้เมตตาธรรมคือความรักที่ไร้เงื่อนไข
ผลิตสร้างพลังงานสะอาดช่วยค้ำจุนสมดุลโลกได้
เพราะไม่รู้ว่า
#
พลังงานสะอาด
แบบที่โลกต้องการ
มันคือแบบไหนและต้องผลิตสร้างกันอย่างไร
เรากลับมาฉุดช่วยชาวโลก
เพื่อเปิดเผยอนุตรธรรมความจริงจำพวกนี้ให้รู้กัน
พวกคุณจะได้ถามตนเองว่าทุกวันนี้นั้น
ที่พวกคุณปฏิบัติธรรมกันอยู่แบ่งแยกศาสนากันอยู่
โดยนำเอาพิธีกรรมประหลาดเอาลัทธิอุตริมาถือทำ
ทุกสิ่งที่คนชอบธรรมกำลังทำกันอยู่ในปัจจุบันนี้นั้น
เป็นการทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณที่ถูกตรงอยู่หรือไม่
เป็นการทำอวดอุตริมนุษยธรรมอยู่หรือเปล่า
บทต่อไปเรามาเรียนรู้ไปด้วยกัน
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
ปัญญาวิสุทธิ์
21/08/2566
บทความที่ใหม่กว่า
บทความที่เก่ากว่า
หน้าแรก
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)