สิ่งที่คุณอยากลืมมัน
คือประสบการณ์ที่ไม่ดีในชีวิต
แต่คุณกลับจำจนฝังใจ
เพราะพระองค์ต้องการให้คุณ
จำเรื่องนั้นไว้เป็นบทเรียน
จะได้ไม่ทำผิดซ้ำอีก
#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าจิตหยาบของจิตวิญญาณผู้มาเกิดในครรภ์มารดา
ไม่ถูกกระตุ้นให้สั่นสะเทือนด้านบวกด้วยพลังความรัก
ที่จิตวิญญาณคือตัวคุณกับจิตหยาบของบิดามารดา
รวมกันเป็น 3 แรงแข็งขันสั่นสะเทือนสมการ ∑βx แล้ว
จิตวิญญาณของคุณก็จะไม่มีกายหยาบหรือกายสังขาร
ปกคลุมหุ้มห่อในมิติทางกายภาพจนเติบโตถึงคลอดได้
ทุกอย่างจะเป็นไปคล้ายดั่งอัตโนมัติและมหัศจรรย์ยิ่ง
ซึ่งเราเชื่อว่าผู้เป็นพ่อแม่ทุกคนยังไม่เคยมีผู้ใดรู้มาก่อน
โดยทุกคนที่เป็นทายาทแห่งองค์จิตจักรวาลเท่านั้น
ที่ถูกเปิดมิติให้รับรู้ความจริงเบื้องหลังมิติโลกเหล่านี้
เราปรารถนาที่จะกล่าวเตือนให้พวกคุณรู้ว่า
กระบวนการหมุนธรรมจักรร่วมกันด้วยความรักบริสุทธิ์
มันมิได้เป็นเรื่องยากเย็นลี้ลับอะไรเลยสักนิด
แม้พระศาสดาไม่เคยสอนไม่เคยบอกพวกคุณมาก่อน
เพียงแค่คุณรู้จักที่จะรักกันให้ได้อภัยกันเมตตากันให้เป็น
กระบวนการทางจิตในการ “หมุนธรรมจักร” ก็เป็นจริงแล้ว
ดังนั้น
ในกาลอดีตที่ผ่านมาถึงปัจจุบัน
แม้พวกคุณที่เป็นชาวโลกจะถูกหลอกถูกบิดเบือนปิดบัง
ไม่ให้รู้เรื่องที่จิตวิญญาณอาสาเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อหมุนธรรมจักรร่วมกันด้วยความรักบริสุทธิ์แท้จริง
จะได้ใช้ขันธ์ห้าของจิตหยาบสร้างพลังงานร่วมด้านบวก
ซึ่งจำนวน 1% มอบให้โลกนำลงไปใช้บิดแกนแม่เหล็ก
เพื่อฉุดช่วยให้โลกทั้งดวงเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองต่อเนื่อง
จนยังผลให้ระบบโลกเกิดความสมดุลได้อย่างยั่งยืน
โดยมนุษย์และทุกสิ่งในระบบโลกจะไม่เผชิญกับภัยพิบัติ
อันมีสาเหตุจากการเสียสมดุลของโลกนั่นเอง
ปรากฏการณ์ที่พลังงานร่วม 1%
ที่ถูกเหนี่ยวรั้งลงไป
ปฏิสัมพันธ์กับอะตอมของก้อนธาตุออกซิเจนในแกนโลก
จนเกิดการระเบิดขึ้นในรูปแบบของ Nuclear Fission
ซึ่งเป็นปฏิกิริยาลูกโซ่ต่อเนื่องเรียกว่า Chain
Re-action
แม้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในมิติทางกายภาพก็ตาม
แต่มันเกิดขึ้นภายใต้ฝ่าเท้าพวกคุณลึกลงไปในแกนโลก
พวกคุณจึงไม่อาจรู้เห็นความจริงที่ว่านี้ได้
แต่พระเจ้าทรงเมตตาพวกคุณมาก
หากคุณใช้ความฉลาดทางปัญญาของสมองสองซีกได้
จากการสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัวคุณแล้วนำมา #ฉุกคิด
คุณก็จะได้คำตอบจากมายาที่ทรงแสดงไว้ให้เห็นนั้น
ตัวอย่างเช่น
ทรงบอกใบ้ให้พวกคุณฉุกคิดเพื่อรู้ความจริงให้ได้ว่า
ต้นไม้ทุกต้นที่มีรากหยั่งลึกลงไปในดินนั้น
ทุกๆต้นเสมือนหนึ่งพวกเขามุดโผล่ขึ้นมาจากใต้ดิน
โดยมีใบไม้ส่วนใหญ่เป็นสีเขียวเข้มเต็มไปหมดเลย
เพื่อจะแสดงมายาให้คุณรู้ว่าในแกนโลกนั้นมีสีเขียว
เพราะก้อนธาตุออกซิเจนในแกนโลกมีสีเขียวมรกต
พระองค์ยังสร้างมายาแสดงให้พวกคุณรู้เห็นด้วยว่า
ใบไม้ที่มีสีเขียวนั้นมีรูใบหรือปากใบที่เขาหายใจออกมา
เป็นก๊าซออกซิเจนบริสุทธิ์ที่มนุษย์สัตว์ใช้หายใจได้ด้วย
ปรากฏการณ์นี้พระองค์ทรงมีพระประสงค์จะบอกให้รู้ว่า
ในแกนโลกคือโรงงานผลิตก๊าซออกซิเจนที่ใช้หายใจได้
โดยก๊าซออกซิเจนหลุดออกมาจากก้อนธาตุสีเขียว
เมื่อมีการระเบิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในตอนกลางวัน
เช่นเดียวกับการที่พืชสังเคราะห์แสงแล้วคายออกซิเจน
ออกมาให้ปรากฏได้เฉพาะในเวลากลางวันนั่นเอง
นอกจากนั้น
พระองค์ยังทรงกำหนดสร้างให้โลกมีลาวาไหลออกมา
จากรอยแตกแยกของเปลือกโลกหรือจากปล่องภูเขาไฟ
เพื่อจะบอกให้มนุษย์ผู้ไม่โง่ง่ายทั้งหลายได้เรียนรู้ด้วยว่า
ในแกนโลกยังมีลาวาที่ข้นและร้อนแรงจนสีแดงฉานอยู่
วันดีคืนดีมันก็จะทะลักออกมาหรือบ้วนออกมาให้รู้เห็นกัน
เพื่อแสดงให้เห็นว่าการระเบิดระดับอะตอมที่แกนโลก
ทำให้เกิดก๊าซออกซิเจนแทรกซึมขึ้นมาบนพื้นผิวโลก
เพื่อให้สิ่งมีชีวิตทั้งมนุษย์และสัตว์ใช้หายใจยังชีพกัน
ยังมีความร้อนแรงเกิดขึ้นจนแร่ธาตุหลอมละลาย
โดยแสดงให้เห็นเป็นลาวาสีแดงฉานจากใต้พื้นโลกแล้ว
ยังทรงกำหนดให้มีน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมาจากใต้ดินอีกด้วย
เพื่อยืนยันให้พวกคุณมั่นใจว่าในแกนโลกมันร้อนจริงๆ
มิใช่แกนโลกร้อนมาตั้งแต่กำเนิดโลกนับล้านๆปีมาแล้ว
เพราะโลกยังเย็นไม่สนิทโดย “เดาส่งเดช” แต่อย่างใด
แท้จริงแล้วที่แกนโลกยังร้อนอยู่ได้นั้น
เพราะมนุษย์โลกและสิ่งมีชีวิตในระบบโลกทั้งหลาย
ช่วยกันผลิตพลังงานความรักบริสุทธิ์ป้อนให้โลก
เพื่อจุดระเบิดอะตอมของธาตุออกซิเจนในแกนโลก
จากการ “หมุนธรรมจักร” หรือคนตนเองเพื่อเป็นมนุษย์
ตามที่เราเปิดเผยไว้ตั้งแต่ต้นตลอดวันและตลอดมา
ส่วนพลังงานร่วมด้านบวกอีกจำนวน 99%
จะเป็นปรากฏการณ์ทางพลังงานที่ตามนุษย์มองไม่เห็น
โดยพลังงานร่วมนี้จะเป็นคลื่นพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็ก
ที่จะก่อตัวขึ้นดั่งพายุที่หมุนวนบนท้องฟ้าหรือทอร์นาโด
บริเวณเหนือศีรษะพวกคุณที่มอบความรักให้แก่กันอยู่
ถ้าพวกคุณผลิตสร้างพลังงานร่วมออกมาได้เข้มข้นมาก
พื้นที่การเกิดพายุหมุนจะครอบคลุมได้ถึง 33.33 ตร.กม.
พายุแม่เหล็กที่พวกคุณสร้างขึ้นโดยหมุนธรรมจักรกันนี้
เป็นพายุแห่งรักบริสุทธิ์ที่เกิดขึ้นเพื่อให้มิใช่เพื่อทำลาย
เหมือนกับพายุไต้ฝุ่น ทอร์นาโด หรือพายุเฮอริเคน
เพราะคนทุกคนที่ร่วมหมุนธรรมจักรกันอยู่ในขณะนั้น
จิตหยาบจะถูกกระตุ้นให้ยกระดับแรงสั่นสะเทือนสูงขึ้น
ผู้ใดที่ปกติสั่นสะเทือนสูงอยู่แล้วก็จะสั่นได้สูงขึ้นไปอีก
มันจะเกิดขึ้นต่อเนื่องนานเป็นวินาทีหรือเป็นชั่วโมงก็ได้
ที่สำคัญคือคนอื่นๆที่มิได้เกี่ยวข้องกับการหมุนธรรมจักร
เพราะยังล้มเหลวในภารกิจของจิตวิญญาณกันอยู่
หรือผู้ไม่ได้มีส่วนร่วมสร้างพายุหมุนแห่งรักกับกลุ่มคุณ
ถ้าหากขณะนั้นพวกเขาอยู่ในพื้นที่ 33.33 ตร.กม.
ซึ่งเป็นพิกัดพื้นที่เดียวกันกับที่พวกคุณอยู่แล้วละก็
คนเหล่านั้นจะได้รับอิทธิพลด้านบวกไปกับพวกคุณด้วย
โดยจิตหยาบของพวกเขาจะได้รับการกระตุ้นด้านบวก
ให้ยกระดับแรงสั่นสะเทือนสูงขึ้นไปจากปกติของเขาได้
ด้วยคลื่นการหมุนวนทางพลังงานที่ตามองไม่เห็น
เราเคยบอกความจริงพวกคุณมาหลายปีแล้วว่า
บนพื้นที่โลกทุกๆ 33.33 ตารางกิโลเมตรนั้น
ขอแค่มีคนดีอย่างน้อยสามคนที่รักได้อภัยเป็นเท่านั้น
เพียงเท่านี้ #เมตตาธรรมก็ค้ำจุนสมดุลโลกได้แล้ว
ทั้งยังจะช่วยเหลือคนที่งมงายโง่ง่ายไม่เอาไหน
ให้ยกระดับจิตหยาบพวกเขาได้บ้างไม่มากก็น้อย
แม้พวกนี้จะหมุนเป็นแต่กรรมจักรด้วยกิเลสมารก็ตาม
ถ้าคนบนโลกนี้ทุกคน
ไม่ถูกคนนำทางตาบอดบิดเบือนสัจธรรม
โดยหลอกว่าพระศาสดาตรัสรู้เรื่องอริยสัจสี่
โดยหลอกว่าการปฏิบัติธรรมคือการนั่งกรรมฐาน
ด้วยการละทิ้งสังคมหรือครอบครัวเพื่อปลีกวิเวก
จนทำให้สมการพลังงาน ∑βx ศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาไม่ได้
ทำให้เกิดมาทั้งทีต้องเสียชาติเกิดกันไปเปล่าๆ
เพราะเอาแต่ทำตัวเหมือนอยากไปสวรรค์คนเดียว
ถ้าคนบนโลกนี้ทุกคน
ไม่ถูกปิดบังความลับเรื่องการหมุนธรรมจักร
แล้วบิดเบือนว่าพระศาสดาตรัสรู้เรื่องอริยสัจสี่
แทนที่จะเป็นเรื่อง “หลักการหมุนธรรมจักร” ร่วมกัน
ด้วยการใช้ความรักช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุน
เพื่อค้ำจุนความสมดุลให้แก่โลกของตัวเองเอาไว้
พวกคุณก็จะอยู่ร่วมกันบนโลกนี้อย่างมีสันติสุข
ไม่ต้องเสี่ยงตายกับภัยพิบัติเพราะโลกเสียสมดุล
ไม่ต้องเผชิญกับภัยร้ายแรงจากปฏิบัติการชำระโลก
เพื่อเปลี่ยนมนุษย์กับโลกสู่ยุคพลังงานใหม่
ที่รุนแรงเกินคาดทั้งคนหายและแผ่นดินหายนั่นล่ะ
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
27/09/2566
#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ความรู้ที่เป็นความจริงระดับ #อนุตรธรรม
ซึ่งชาวโลกไม่รู้ว่าตนไม่รู้แต่จะต้องรู้นั้นมีอยู่หลายสิ่ง
โดยหนึ่งในหลายสิ่งที่พวกคุณจะต้องรู้เอาไว้นั้น
นั่นคือเรื่องการยกระดับจิตหยาบของตนเองให้สูงขึ้น
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณของตนให้จงได้
ตั้งแต่ภพชาติแรกที่ได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นคน
ซึ่งคุณจะต้องมีภพชาติเดียวโดยไม่มีหน้าที่ตาย
คุณต้องมีชีวิตเป็นอมตะจนตลอดยุค 6 หมื่นปีให้ได้
#การยกระดับจิตหยาบตนเอง นี่แหละ
เป็นเรื่องใหญ่และสำคัญสูงสุดของมนุษย์ทุกคน
ที่จะต้องเรียนรู้และบอกต่อกันไปให้ได้ว่า
ตั้งแต่จิตวิญญาณคุณปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนหรือทารก
ภายในครรภ์ของมารดาตั้งแต่วันแรกนั้น
การยกระดับจิตหยาบของจิตวิญญาณคือตัวคุณนั้น
มันได้เริ่มต้นกระบวนการตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้
ซึ่งเป็นวันในปัจจุบันขณะเมื่อคุณยังคงมีชีวิตอยู่
โดยพระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือพระผู้เป็นเจ้า
คือ #องค์จิตจักรวาล ที่พระบุตรเอกเรียกว่า God
เป็นพระผู้ทรงออกแบบกำหนดเอาไว้ให้ดีแล้ว
เมื่อจิตวิญญาณแก่นแท้เข้าปฏิสนธิในครรภ์มารดา
จิตหยาบที่เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณของคุณ
ซึ่งเป็นกลุ่มพลังงานในรูปของคลื่นความถี่ต่างๆนั้น
ยังไม่มีรูปธรรมที่เป็นรูปทรงเรขาคณิตอะไรเลย
กลุ่มพลังงานที่เป็น “จิตหยาบ” นี้จึงมีมิติเป็นศูนย์
ถ้าจะให้จิตวิญญาณคุณมีกายหยาบปกคลุมหุ้มห่อ
เพื่อการทำหน้าที่ตามพันธะสัญญา 6 บนโลกนี้ได้
พระองค์จึงทรงกำหนดรูปแบบเครื่องยนต์แห่งกรรม
ที่พวกคุณเรียกโดยรวมว่า #กายสังขาร ชายหญิง
โดยทรงกำหนดให้จิตหยาบเป็นผู้สร้างกายหยาบขึ้น
ตามความก้าวหน้าในการยกระดับของจิตหยาบนั้น
พระศาสดาจึงทรงเรียกกายหยาบว่า “กายสังขาร”
เพราะกายหยาบถูกปรุงแต่งสร้างขึ้นด้วยจิตหยาบ
โดยจิตหยาบจะปรุงแต่งตามคุณสมบัติของตนเอง
จากที่จิตวิญญาณแก่นแท้คือคุณเองถ่ายทอดไว้ให้
เราหวังว่าคุณคงจะไม่สับสนกันหรอกนะว่า
ตัวตนแก่นแท้ซึ่งเป็นจิตวิญญาณผู้ขันอาสามาเกิดนี้
ก็เป็นตัวตนที่แท้จริงของตัวคุณเองนี่แหละ
ส่วนจิตหยาบก็คือพลังงานที่ตัวคุณแบ่งภาคออกมา
เพื่อให้รับบทบาทเป็น #คนสองมิติ แทนตัวคุณ
โดยจิตหยาบหรือ #จิตปัจจุบัน ของตัวคุณนี่แหละ
จะแสดงบทบาทเป็น “ผู้รับมอบอำนาจ” เต็ม 100%
เพื่อทำหน้าที่ตามพันธะสัญญา 6 ที่ให้ไว้กับพระเจ้า
ขณะมีภพชาติเป็นคนสองมิติยังไม่ตายยังมีชีวิตอยู่
ความมหัศจรรย์ของการยกระดับจิตหยาบ
ที่เกิดขึ้นตั้งแต่วันแรกนาทีแรกแห่งการปฏิสนธิ
ซึ่งเริ่มต้นสตาร์ทที่ในครรภ์ของมารดาคุณนั้น
มันเกิดขึ้นได้ด้วยพลังอำนาจแห่งความรักบริสุทธิ์
จากจิตหยาบของมารดาบิดาของคุณเองด้วย
ในทันทีที่รู้ว่ามารดากำลังตั้งครรภ์แล้วนั่นแหละ
โดยมีความรักจากจิตวิญญาณคือตัวคุณเองร่วมด้วย
ทั้งสามรูปธรรมที่เรากล่าวมาข้างต้นนั้น
จะเป็นผู้ร่วมกันทำให้สมการพลังงาน ∑βx ศักดิ์สิทธิ์
คือ ∑βx ==3X² (β1 + β2 + β3 +…+ βx) โดย X เป็น 3
พลังงานรวมจากความรักอย่างสุดซึ้งที่เป็นรักบริสุทธิ์
ของพ่อแม่ลูกรวมสามรูปธรรมดังกล่าวนี้เอง
จะช่วยกันยกระดับจิตหยาบจากมิติที่ “ศูนย์” คือ 0D
ให้ค่อยๆสูงขึ้นเรื่อยๆ
ทำให้หยดเลือดหยดเดียว
พัฒนาการขึ้นมาจนมีตัวตนรูปลักษณ์เป็นตัวอ่อนได้
โดยยกระดับมิติจาก 0D เป็น 1D สู่ 4D จึงตกฟากได้
จากเลือดแม่ก้อนเดียวทำให้จิตหยาบของคุณ
มีกายหยาบหรือเครื่องยนต์แห่งกรรมห่อหุ้มปกคลุมไว้
เพราะจิตหยาบกับวิญญาณคุณอยู่ในมิติทางพลังงาน
จะดำรงตนเองอยู่อย่างอิสระไม่ได้ถ้าเป็นคนสองมิติ
พัฒนาการทางกายหยาบของทารกทุกรูปธรรม
มันก้าวหน้าได้เพราะจิตหยาบยกระดับสู่มิติที่สูงขึ้น
โดยแสดงมายาเป็นความกว้าง x ยาว x สูง x หนา
จากทารกน้อยเป็นกุมารน้อยที่น่ารักเมื่อคลอดออกมา
หลังจากอยู่ในครรภ์มารดานานราว 9 เดือนแล้ว
กุมารน้อยของพ่อแม่จะมีจิตหยาบเป็น 4D กันทุกคน
คำว่า 0D (ศูนย์ดี) หมายถึงจิตหยาบนั้นยังไม่มีมิติ
แปลว่าจิตหยาบนั้นยังเป็นแค่กลุ่มพลังงานกลุ่มหนึ่ง
ยังไม่มีรูปทรงเรขาคณิตใดๆเกิดขึ้น
คำว่า 4D (สี่ดี) หมายถึงกลุ่มพลังงานที่เป็นจิตหยาบ
สามารถฟอร์มตนเองขึ้นมาจนเกิดรูปทรงเรขาคณิต
ที่มี 4 เหลี่ยมมุมคือมีความกว้างยาวสูงและหนาแล้ว
ด้วยความรักบริสุทธิ์ของพ่อแม่และจิตวิญญาณผู้มาเกิด
ร่วมใจกันสร้างสมการ ∑βx ของพระเจ้าให้ศักดิ์สิทธิ์ได้
มันคือ #กระบวนการหมุนธรรมจักร ร่วมกันในครอบครัว
ตามแบบแผนที่พระเจ้าทรงกำหนดไว้นั่นแหละ
คุณเห็นหรือยังล่ะว่า
นอกจากพระองค์ทรงเมตตาอนุญาตให้คุณมาเกิดแล้ว
ยังทรงเมตตาออกแบบกระบวนการลึกลับขึ้นในครรภ์
เพื่อช่วยให้คุณมีเครื่องยนต์แห่งกรรมมีชีวิตขึ้นมาได้
แทนที่จะเป็นแค่ลูกแกะหรือจิตวิญญาณเปล่าเปลือย
ที่เกิดในระบบโลกแล้วทำอะไรไม่ได้เพราะไร้กายหยาบ
เมื่อคุณเป็นทารกเกิดใหม่แล้ว
พระเจ้ายังทรงออกแบบให้ตัวตนคุณแลดูจิ้มลิ้มน่ารัก
เพื่อใช้ความน่ารักของมายารูปลักษณ์ที่เป็นคุณนั้น
เป็นเงื่อนไขด้านบวกให้คนข้างบ้านหรือคนนอกบ้าน
เมื่อสัมผัสรู้ดูเห็นตัวคุณที่เป็นกุมารน้อยผู้กำลังน่ารัก
ด้วยการมองด้วยการอุ้มด้วยการสัมผัสลูบไล้ผิวกาย
แล้วสั่นสะเทือนจิตหยาบจนเกิดเป็นความรักเมตตา
โฟกัสหรือเพ่งมาที่ดวงตาของกุมารน้อยอย่างคุณ
ตาที่สามของคุณที่เป็นกุมารน้อยจะสั่นสะเทือนเพื่อรับรู้
ด้วยคลื่นพลังงานร่วมที่มีค่าของเอ็กซ์เป็นบวกหนึ่ง
โดยมีคนแปลกหน้าคุ้นหน้าที่เป็นคนนอกบ้านเข้าร่วม
ปฏิบัติการที่ว่านี้เป็นปฏิบัติการเพื่อการ “ค้ำจุน”
ความสมดุลของจิตหยาบของกุมารน้อยหลังคลอด
เพื่อการสร้างเสริมเติมเต็มรูปธรรมของจิตหยาบ
ให้อยู่ในระดับของ 4D ที่สมบูรณ์ด้วยนั่นเอง
ซึ่งคุณจะเห็นได้ว่ากุมารน้อยจะพัฒนาเป็นเด็กน้อย
จากพลิกคว่ำพลิกหงายจนลุกนั่งตั้งไข่ล้มต้มไข่ลุก
จากคลานเป็นเดินจากเดินเป็นวิ่งจากวิ่งเป็นปีนป่าย
มายาที่คุณเห็นกุมารน้อยเด็กน้อยสำแดงพฤติกรรม
เป็นพัฒนาการของจิตหยาบในการยกระดับทั้งสิ้น
ต่อนี้ไปถ้าพบว่าเด็กคนไหนพัฒนาการช้ากว่าเด็กอื่น
พวกคุณคงพอจะวิเคราะห์กันเองได้บ้างแล้วล่ะว่า
เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้างมันเป็นเพราะอะไรกันแน่
คำตอบหนึ่งที่คุณอาจนึกคิดเองไม่ได้แต่ต้องรู้ก็คือ
มันเป็น “เวรกรรม” ที่จิตวิญญาณของเด็กน้อยคนนั้น
ถือติดตัวมาเกิดเพื่อต้องการให้จิตปัจจุบันได้เรียนรู้
เพราะเป็นบทเรียนและบททดสอบที่ท้าทายยิ่ง
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
26/09/2566
#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
การที่ดาวเคราะห์โลกดวงนี้เกิดการเสียสมดุล
เนื่องจากมนุษย์ยังหมุนธรรมจักรในตนเองไม่ได้
อีกทั้งยังหมุนธรรมจักรร่วมกับคนอื่นๆไม่ได้ด้วย
เพราะ #สอบตกบททดสอบจิตสามนึกแห่งรัก
ใครดีมาข้าดีตอบก็ไม่ได้
เพราะว่ามองไม่เห็นคุณค่าแห่งความดีงามของเขา
เนื่องจากมองหาและมองเห็นแต่ประโยชน์จากเขา
โดยเอาประโยชน์ที่ตนจะได้จากเขาเป็นตัวตั้ง
จึงยังผลให้นัยน์ตาฝ้าฟางเพราะ “กิเลส” บังตา
ใครชั่วมาข้าก็จะชั่วตอบ
ยิ่งถ้าใครทำชั่วกับตัวข้ามากจิตก็จะขุ่นมัวมาก
เมื่อจิตขุ่นมัวมากอันเกิดจากบริวารของกิเลสมาร
จำพวก #ตัณหากับอารมณ์ขยะรายวันทั้งปวง
มันก็ยิ่งทำให้จิตใจมืด
คือ เป็นคน #ใจดำอัมมะหิต
แถมด้วยจิตใจบอดคือ
เป็นคนที่ #เข้าถึงรักแท้ไม่ได้
โดยรักแท้หมายถึง “รักเพื่อให้” อันเป็นรักที่บริสุทธิ์
เป็น #รักแบบพระเจ้า ที่โลกต้องการมิใช่รักเพื่อเอา
ซึ่งเป็นแบบที่มนุษย์ผู้เป็นทาสของกิเลสต้องการ
มนุษย์ส่วนใหญ่ที่จิตใจยังไม่ใสสวย
จึงทำตนประเภท #หนามยอกเอาหนามบ่ม
โดยยึดหลัก “กระแทกแรง กระดอนกลับแรง”
บางรายยังมีแถมดอกเบี้ยทบต้นเมื่อตอนเอาคืนด้วย
เวลาตอบโต้ต่อต้านจึงรุนแรงกว่าตอนที่ถูกกระทำ
มนุษย์เมื่อเจอหนามยอกหนามตำในชีวิตจริง
ถ้าจะบ่งหนามออกจากมือหรือเท้าด้วยตัวเองนั้น
ไม่มีใครคว้าหนามชนิดเดียวกันมาบ่งเอาหนามออก
เพราะหนามที่เอามาบ่งนั้นอาจจะหักคาหนามเก่า
หรือจะทำให้แผลนั้นบอบช้ำมากขึ้นโดยใช่เหตุ
เขาจะกลับบ้านเพื่อใช้ “เข็มแหลม” บ่งมันออกมา
ซึ่งเขาจะลวกเข็มด้วยน้ำร้อนหรือเช็ดให้สะอาดก่อน
เพื่อป้องกันการอักเสบเพราะแผลติดเชื้อนั่นเอง
ดังนั้น
เมื่อพวกคุณเป็นเหมือนดั่งถูก “หนาม” ยอก “อก”
อกในที่นี้หมายถึง “จิตหยาบ” หรือจิตมนุษย์นี่แหละ
ขณะคุณเจ็บอกเพราะถูกคนชั่วทำชั่วทิ่มตำจิตใจนั้น
คุณจึงต้องใช้ #เข็มแหลมและสะอาด บ่งหนามด้วย
คำว่า “เข็มแหลม” หมายถึง ความฉลาดทางปัญญา
คำว่า “เข็มสะอาด” ก็คือปัญญาที่ไม่มีกิเลสครอบงำ
เพื่อจัดการชำระ “หนามตำใจคุณ” ให้ลุล่วงหลุดออก
โดย “หนาม” ที่ตำใจคุณก็คือ “ตัวปัญหา” นั่นเอง
สังคมมนุษย์โลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสน
มีการต่อสู้กันมีการแข่งขันกันจนขาดความสุขสงบ
เพราะคนส่วนใหญ่ไม่รู้หน้าที่ของตนว่าเกิดมาทำไม
โดยสนใจกันแต่เรื่องทางโลกในแบบ “กินขี้ปี้นอน”
มองหาแต่การตอบสนองความต้องการทางกายภาพ
ไม่ให้ความสำคัญกับความต้องการทางจิตวิญญาณ
ในฐานะที่พวกคุณเกิดมาเป็น “คนสองมิติ” กันเลย
คำว่า #จิตเป็นนายกายเป็นบ่าว
ทุกคนล้วนรู้กันหมดแต่เมื่อรู้แล้วก็เท่านั้น
เพราะไม่เคยฉุกคิดกันต่อให้สุดทางบ้างเลยว่า
จิตหรือจิตวิญญาณของตนนั้นเป็นใครมาจากไหน
มาเกิดเป็นมนุษย์โลกจำนวนมากมายกันทำไม
ตนมีหน้าที่ต้องทำอะไรทางจิตวิญญาณบ้าง
จิตหยาบหรือจิตมนุษย์เป็นอะไรกันกับจิตวิญญาณ
ฯลฯ
การศึกษาธรรมะของคนชอบธรรมส่วนใหญ่
จึงได้แต่เรียนรู้เรื่องประวัติของพระศาสดา
เรียนรู้เรื่องการสวดมนต์ขอศีลขอพร
เรียนรู้ที่จะปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาให้เข้มขลัง
เรียนรู้ที่จะถือศีลกินเจเพื่อการปฏิบัติตามประเพณี
เรียนรู้ที่จะอธิษฐานร้องขอส่วนบุญส่วนกุศลที่ตนทำ
เรียนรู้ที่จะอุทิศส่วนบุญกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร
เรียนรู้เรื่องการปฏิบัติกรรมฐานสมาธิแบบปลีกตัวทำ
โดยเชื่อว่าจะสามารถช่วยชำระจิตตนให้ใสสะอาดได้
โดยเชื่อว่าจะฝึกตนเองให้มี “สติ” แข็งแกร่งยิ่งขึ้นได้
โดยเชื่อว่าจะฝึกให้ตนฉลาดจะรับมือกับคนชั่วได้
โดยไม่เคยสังเกตว่าตนเองก็ปฏิบัติธรรมกันมานาน
แต่ยังไม่สามารถนิพพานกิเลสก่อนตายได้สักที
ทั้งๆที่คุณก็เป็นคนชอบทำที่มุ่งปฏิบัติธรรมตลอดมา
สาเหตุที่จิตวิญญาณไม่ก้าวหน้าเป็นเพราะอะไรกันแน่
คำตอบโดยรวมก็คือ
เพราะจิตหยาบยังมีกิเลสแฝงอยู่จิตคุณจึงสกปรก
จนสั่นสะเทือนขันธ์ห้าทางด้านบวกบริสุทธิ์ไม่ได้
เช่น ทำบุญสร้างกุศลโดยอธิษฐานขอสิ่งตอบแทน
ด้วยการขอให้ชาตินี้และชาติหน้าสารพัดสิ่งที่จะขอ
นี่จึงเป็นการทำบุญกุศลด้วยจิตที่ยังไม่ใสบริสุทธิ์จริง
เพราะมีกิเลสเคลือบแฝงอยู่แบบเนียนๆ
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว
ถ้าคุณมั่นใจว่าคุณกำลังเอา 1 บวกกับ 1 อยู่
ผลลัพธ์ที่คุณทำจะมีคำตอบเท่ากับ 2 แน่นอน
เพราะจำนวน 2 เป็นผลลัพธ์ของ 1 บวก 1 นั่นเอง
หากคุณต้องการจะได้ผลลัพธ์เท่ากับสองแล้ว
อันหมายถึงต้องการที่จะสร้างบุญสร้างกุศล
เพียงแค่คุณต้องทำในสิ่งที่เป็นบุญกุศลไว้เท่านั้น
ย่อมได้กุศลผลบุญวันยังค่ำเพราะคนทำก็คือคุณ
จะทำพิเรนทร์ “ร้องขอส่วนบุญ” ที่ตนทำเองทำไม
การทำบุญสร้างกุศลแล้วร้องขอส่วนบุญ
โดยอ้างเอา #อานิสงส์ ที่เกิดขึ้นจากการทำบุญนั้น
เป็นสิ่งแลกเปลี่ยนกับบางสิ่งที่ตนกำลังอยากอยู่
เป็นต้นว่าอยากจะได้ อยากจะมี อยากเห็นอยากเป็น
ที่ถูกขับเคลื่อนด้วยกิเลสตัณหาแบบเนียนๆล้วนๆ
สิ่งที่อยากได้อยากมีจึงมักจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง
ซึ่งเป็นการร้องขอ “รางวัล” ตอบแทนการทำบุญนั้น
โดยอ้างว่าร้องขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลจักรวาล
ที่เป็นใครรูปธรรมใดคนที่ร้องขอเองก็ไม่อาจรู้ได้
คนที่ร้องขอก็ไม่รู้ว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นจะให้ได้หรือไม่
การร้องขอรางวัลตอบแทนนั้นเป็นจริงได้หรือเปล่า
เราจะกล่าวความจริงให้พวกคุณรู้ว่า
พวกที่สวมรอยว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาวโลก
ก็คือ “จิตวิญญาณผีโสโครก” ของพวกคนยักษ์
ที่เข้ามากระทำการล่วงเกินมนุษย์โลกเอาไว้
จนต้องถูกชำระทิ้งจากกรณีน้ำท่วมโลกยุคโนอาห์
แล้วกลับบ้านเกิดแดนสุญตาไปหาพระเจ้าไม่ได้
เพราะไม่มีพันธะสัญญา 6 เหมือนจิตวิญญาณมนุษย์
จึงต้องเป็นจิตวิญญาณพเนจรคอยทำตนเป็นดั่งปลิง
คอยดักดูดพลังงานจิตด้านบวกของมนุษย์
ที่ชอบปฏิบัติกรรมฐานแล้วแผ่เมตตาออกมาข้างนอก
เพื่อมาเติมเต็มให้ตนเองเนื่องจากตนไม่มีกายหยาบ
จึงไม่สามารถปฏิบัติทำเยี่ยงมนุษย์โลกได้
พวกเขาจะคอยดักดูดพลังงานจิตด้านบวก
จากการปฏิบัติเท็คนิกสมาธิของคนชอบทำสิ่งที่ชอบ
โดยไม่เข้าใจว่าสิ่งที่ตนชอบทำอยู่นั้นชอบธรรมไหม
มันเป็นธรรมชาติที่ถูกต้องแท้จริงหรือเปล่า
หรือเป็นแค่การปฏิบัติทำอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง
เราจะกล่าวความจริงให้รู้ว่า
การชำระขยะคือกิเลสมารที่แฝงอยู่ในจิตนั้น
มันจะต้องปฏิบัติธรรมกันในชีวิตจริงอยู่ในสังคม
ด้วยการเรียนรู้จากประสบการณ์จริงเท่านั้น
ซึ่งมันจะมีวิธีฝึกปฏิบัติอยู่ด้วยกัน 2 วิธี คือ
#วิธีแรก
คุณต้องพร้อมเผชิญหน้ากับสถานการณ์
หรือเงื่อนไขต่างๆที่จะนำไปสู่การเกิดกิเลส
เพื่อเรียนรู้ว่า “กิเลสมาร” มันเกิดขึ้นในจิตตอนไหน
ซึ่งเราเปิดเผยความจริงให้พวกคุณรู้มาแล้วว่า
กิเลสมันมาตอนที่คุณเผลอสติไปชั่ววูบนั่นแหละ
โดยจิตจะเกิดความรู้สึกชอบไม่ชอบขึ้นมาทันที
การเกิดความรู้สึกนี่เองที่เรียกว่า #จิตตก จากปกติ
เพราะสภาวะจิตปกติก็คือจิตที่มีอาการสุขสงบอยู่
ซึ่งขณะนั้นจิตกำลังสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่สูง
พอเกิดความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบขึ้นมาเมื่อใด
จิตก็จะสั่นสะเทือนจากความถี่สูงลดลงมาต่ำเมื่อนั้น
อาการใจสั่นเนื้อตัวสั่นมือเท้าสั่นตัวร้อนวูบวาบ
พวกคุณเข้าใจว่าเกิดอาการ “ว้าวุ่น” กระวนกระวาย
เมื่อได้สัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งนั้นเรื่องนั้นนั่นเอง
ถ้าคุณระวังตนเองไว้ไม่ให้จิตตกได้
จิตคุณก็จะปลอดภัยจากกิเลสมารได้แล้ว
ซึ่งคุณต้องคุมจิตหยาบไว้ด้วย #มหาสติ ของพระเจ้า
ก็คือ #ธรรมชาติสมาธิ แบบไม่หนีสังคมไม่ปลีกวิเวก
ไม่แกล้งทำตนเป็นคนหูหนวกตาบอดเป็นใบ้
โดยใช้สิ่งแวดล้อมคนรอบข้างในครอบครัวและสังคม
เป็นตัวช่วยสร้างเงื่อนไขแต่ให้คุณเป็นครูสอนตนเอง
การฝึกปฏิบัติเป็นประจำควบคุมจิตได้บ่อยๆ
ด้วยวิธีป้องกันไม่ให้เกิดกิเลสจนจิตตกเอาไว้ให้ได้
จิตคุณก็จะเกิดความชำนาญคือ “แน่วนิ่ง” มากขึ้น
นานวันเข้าจิตคุณเมื่อถูก #ชำนาน ก็จะเชี่ยวชาญเอง
ไปที่ภูกระต่ายเข้ากระบวนการฝึกธรรมชาติสมาธิ
ด้วยโปรแกรมปฏิบัติการ “ไซโคโชว์” ร่วมกับเพื่อนๆ
แทนฝึกกรรมฐานแบบเท็คนิกสมาธิที่คุณคุ้นเคยดูสิ
มันจะช่วยยกระดับจิตปัญญาให้คุณได้มากกว่าอีกนะ
#วิธีที่สอง
วิธีนี้ต้องฝึกควบคู่กันไปกับวิธีแรกที่เรากล่าวมา
คือฝึกการใช้ปัญญาของสมองสองซีกให้นึกไวคิดไว
ขณะที่กิเลสมารและบริวารกิเลสมันเบาบางไปบ้างแล้ว
ขณะนั้นจิตหยาบของคุณมันจะสดใสมากยิ่งขึ้น
เมื่อจิตหยาบสดใสว่างไปจากกิเลสได้มากเท่าใด
พลังอำนาจของจิตคือ “ฌาน” จะสูงขึ้นตามไปด้วย
พลังอำนาจของจิตที่เรียกว่าฌาน
คือแรงสั่นสะเทือนของจิตที่ยกระดับสูงขึ้นด้านบวก
ที่คุณสามารถนำไปใช้สั่นสะเทือนเซลล์สมองสองซีก
ให้มัน “ตื่นตัว” เพื่อการ “ตื่นรู้” เพื่อการ “คิดรู้”
ตามคำสั่งจากจิตสามนึกของคุณอย่างทระนงองอาจ
คุณจะเป็นคนนึกไวคิดไวมากกว่าในคนปกติทั่วไป
ทั้งสามารถคิดทำในสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมดีงามได้
นานวันเข้าแทนที่จะได้แค่คิดรู้คุณจะ “หยั่งรู้” ได้ด้วย
ถ้าคุณฝึกปฏิบัติธรรมชาติสมาธิในชีวิตจริง
ไม่ทิ้งครอบครัวไม่หนีสังคมไม่ทำตนเป็นคนพิการ
ไม่ทำตนเป็นเหมือนลูกกำพร้าผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณ
คุณจะพบความก้าวหน้าทางจิตตปัญญาอย่างรวดเร็ว
คุณจะเข้าถึง “มหัศจรรย์แห่งจิตของตน” ได้ง่ายดาย
โดยไม่ต้องทำตนอุตริพิสดารแต่อย่างใดเลย
แค่คนตนเองให้เป็นมนุษย์ให้เป็น
หมุนธรรมจักรในตนเองและหมุนร่วมกันให้ได้
ปฏิบัติตนไปตามธรรมชาติของพระเจ้าเท่านั้น
เพียงเท่านี้ก็เกินพอแล้ว
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
25/09/2566