30 เมษายน 2565

VDO. EP. 384: วิธีเชื่อมจิตกับจิตจักรวาล (Full Version)


 

บันทึกการสื่อพระโอวาทในระบบจิตสู่จิตจากองค์จิตจักรวาล

โดย อนุตรธรรมาจารย์ปริญญา ตันสกุล

VDO. EP. 385: จิตมนุษย์มหัศจรรย์ (Full Version)

 


บันทึกการสื่อพระโอวาทในระบบจิตสู่จิตจากองค์จิตจักรวาล

โดย อนุตรธรรมาจารย์ปริญญา ตันสกุล

28 เมษายน 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 28/04/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ยังมีเพื่อนๆของท่านอยู่อีกหลายราย
ที่ยังไม่เข้าใจว่าทำไมเราจึงพยายามเน้นย้ำ
เกี่ยวกับเรื่องสำคัญอยู่ 3 เรื่องให้มนุษย์รู้ คือ

1.เรื่องที่เกี่ยวกับ “กรรมจักร” และ “ธรรมจักร”
2.เรื่องที่เกี่ยวกับศัตรูจากต่างเผ่าดาว
ที่มนุษย์ต้องตื่นรู้กันให้ทันก่อนถึงวันที่สายเกิน
3.เรื่องที่เกี่ยวกับโลกถึงกาลสิ้นยุคพลังงานเก่า
มนุษย์จะต้องนำพาจิตวิญญาณกลับบ้านให้ทัน
ก่อนโลกมืดนาน 56 วัน หรือ 8 ราตรีของพระบิดา

ดังนั้น
เราจึงจะขอกล่าวความจริงเพิ่มเติมไว้ในที่นี้ว่า
ทั้งสามเรื่องดังกล่าวนั้นมันสำคัญอย่างไร
มันจะเป็นประโยชน์ต่อมวลมนุษย์โลกอย่างไร
ทำไมมนุษย์โลกทุกคนจะต้องรู้จะต้องใส่ใจกัน
โดยบทเรียนบทนี้จะเน้นเฉพาะเรื่องแรกก่อนนะ
นั่นคือความรู้เรื่อง #กรรมจักร และ #ธรรมจักร

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่าทั้งกรรมจักรและธรรมจักร
เป็นสัจธรรมความจริงสูงสุดระดับ #อนุตรธรรม
ที่มนุษย์ยุคปัจจุบันยังไม่มีใครเข้าใจถูกต้องเลย
แม้พระศาสดาผู้นำของศาสนาพุทธได้ทรงตรัสรู้ไว้
แล้วทรงนำมากล่าวเป็นปฐมเทศนาต่อ #ปัญจวัคคี
ในวันเพ็ญเดือนแปด ณ ป่าอิสิปตนมฤคทายวันโน่น
แต่ทว่าเมื่อพระพุทธองค์ทรงดับขันธปรินิพพานแล้ว
คนนำทางตาบอดกลับพาพวกเดียวกันและชาวบ้าน
หลงทางปฏิบัติธรรมหลงทางนิพพานมาจนทุกวันนี้

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

เพราะคนนำทางตาบอดถูกมอดมารศัตรูของมนุษย์
หลอกใช้เป็นเครื่องมือบิดเบือนคำสอนของศาสดา
นับตั้งแต่สองพันปีที่ทรงเสด็จดับขันธ์ผ่านมาแล้ว
ให้เข้าใจว่า #ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร ที่ทรงตรัสรู้นั้น
หมายถึงเรื่องของ #อริยสัจ 4 โดยรวมมรรค 8 ด้วย
กับเรื่อง #มัชฌิมาปฏิปทา หมายถึง #ทางสายกลาง
อันเป็นแค่สัจธรรมที่ศาสดาทรงเรียนรู้ได้มิใช่ตรัสรู้มา

โดยมอดมารหลอกให้คนนำทางตาบอดหลงเชื่อว่า
พระพุทธองค์ทรงเน้นเรื่อง #ความทุกข์ เป็นเรื่องใหญ่
ซึ่งเป็นเพียงแค่ความรู้ความเข้าใจก่อนตรัสรู้เท่านั้น
เมื่อพระองค์ค้นพบแล้วว่าถ้าจะจัดการกับความทุกข์
ก็ใช้ “อริยสัจ 4” จัดการปัญหาที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ได้
ถ้าจะป้องกันไม่ให้เกิดทุกข์ก็ให้ปฏิบัติตาม “มรรค 8”
เพียงเท่านี้มนุษย์ก็จะชนะทุกข์สิ้นทุกข์สิ้นเชิงแล้ว
ไม่ว่าคนนั้นจะเป็นชาวบ้านธรรมดาหรือนักบวชก็ตาม

การหลอกใช้คนนำทางตาบอด (ผู้ขาดปัญญา)
เป็นเครื่องมือบิดเบือนคำสอนพระศาสดานี้มีทุกศาสนา
เพราะว่าชาวบ้านจะเชื่อนักบวชเพราะศรัทธาศาสดา
มอดมารจึงใช้คนนำทางเหล่านี้เป็นเครื่องมือตลอดมา
จนพระโอวาทและพระวจนะถูกบิดเบือนอยู่มากมาย

ท่านทราบหรือไม่ว่าพวกมอดมารหลอกมนุษย์ทำไม
คำตอบคือถ้ามนุษย์โลกทุกศาสนาเชื่อตามพระศาสดา
เช่นถ้ารู้ว่าธรรมจักรกัปปวัตนสูตคือการ หมุนธรรมจักร
มนุษย์โลกก็จะเสพความรักของพระบิดาเป็นอาหาร
โลกนี้ก็จะมีสนามแม่เหล็กโลกด้านบวกที่แข็งแกร่ง
ซึ่งพวกมอดมารจะดำรงชีวิตอยู่ในระบบโลกไม่ได้เลย
เพราะพวกเขาต้องเสพกิเลสมิเช่นนั้นพวกเขาต้องตาย

ดังนั้น
พวกมอดมารจึงทำทุกอย่างให้มนุษย์หลงทางธรรม
ด้วยการให้คนสอนศาสนาสอนผิดบิดเบือนสัจธรรม
หลอกให้มนุษย์เห็นแก่ตัวโดยทำเพื่อให้ตัวเองพ้นทุกข์
จนไม่ว่างไม่ใส่ใจที่จะทำเพื่อโลกเพื่อพระบิดา
ทั้งๆที่จิตวิญญาณขันอาสาพระบิดามาเกิดเป็นมนุษย์
ให้มาร่วมกันใช้ความรักความเมตตาช่วย “ค้ำจุนโลก”
เพื่อช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองต่อเนื่องให้ได้
ซึ่งเป็นหน้าที่ของมนุษย์ที่พระศาสดาตรัสรู้เอาไว้แล้ว

ทั้งวันคืนมนุษย์จึงถูกหลอกให้เห็นแก่ตัว
โดยหลอกให้หนีสังคมเพื่อมุ่งปฏิบัติธรรมคนเดียว
จะได้หมุนธรรมจักรร่วมกันกับมนุษย์คนอื่นๆไม่ได้
โดยหลอกให้ปิดอายตนะมิให้สนใจคนรอบข้าง
เพื่อให้ชาวบ้านวุ่นวายกับการข่มจิตสะกดจิตตนเอง
จนเข้าถึงความรักแท้ของจิตวิญญาณตนเองไม่ได้
จนเข้าถึงความฉลาดทางปัญญาของสมองก็ไม่ได้
ซึ่งเป็นวิธีปฏิบัติที่พระศาสดาก็มิได้สอนเอาไว้เลยว่า
กรรมฐานนั้นช่วยให้นิพพานกิเลสในตนเองได้จริง
กรรมฐานช่วยให้หลุดพ้นนิพพานไม่มาเกิดอีกได้จริง
กรรมฐานเป็นวิธีที่ใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกตรงไหน

ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้
ท่านทั้งหลายลองฟังบทสวดธรรมจักรฯกันเองก็ได้ว่า
สาระของบทสวดเป็นเรื่องของธรรมจักร
ซึ่งหัวใจสำคัญคือ #เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
กับ #เราคือโลกโลกคือเรา มีอยู่ในนั้นบ้างหรือเปล่า
มีแต่เรื่องที่เกี่ยวกับการดับทุกข์ของตัวเองล้วนๆ

ถ้ามนุษย์โลกยังถูกหลอกลวงอยู่อย่างนี้
โดยไม่มีใครมากล่าวความจริงให้รับรู้รับทราบ
หรือกล่าวความจริงให้รู้แล้วไม่รับฟัง
เพราะใช้หลักกาลามสูตรไม่เป็นเน้นอ้างก็แต่ปาก
พวกมอดมารก็จะดำรงอยู่ในโลกนี้อย่างแข็งแรง

เพราะมนุษย์ช่วยกันหมุนกรรมจักรด้วยกิเลส
เพื่อสร้างสนามแม่เหล็กด้านลบช่วยคุ้มชีวิตพวกนี้
ให้ปลอดภัยจากสนามแม่เหล็กโลกที่เข้มแข็ง
โดยตกเป็นกรรมกรแสงของมอดมารเพราะโง่ง่าย
จนกลายเป็นพวกนอกรีตของศาสนาไปโดยไม่รู้ตัว
ที่สำคัญคือมนุษย์จะอายุขัยสั้นลงเรื่อยๆแทน
เพราะดีเอ็นเอของพระบิดาในมนุษย์เสพกิเลสมิได้
ต้องใช้ความรักสั่นสะเทือนเพื่อการดำรงอยู่เท่านั้น

มนุษย์หรือมอดมารทั้งหลาย
จงอย่าอหังการ์ชะล่าใจว่า
ศาสดาหรือศาสนาหรือว่าเท็คโนโลยีของพวกเจ้า
มันจะช่วยคุ้มกันใครให้เป็นผู้รอดจากการชำระได้
ถ้ามิได้เป็นผู้อยู่ข้างพระบิดาแห่งเจ้า”


กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
28/04/2022

26 เมษายน 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 26/04/20222

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าท่านต้องการดำเนินชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคม
อย่างมีสันติสุขไม่ขัดแย้งกันไม่ทะเลาะกันแล้ว
ท่านจักต้องมีวินัยในการอยู่ร่วมกันเท่านั้น

คำว่า #มีวินัย ในการอยู่ร่วมกันหมายถึง
ท่านจักต้องปฏิบัติตน 2 ประการ คือ

1.ต้องไม่ประพฤติตนให้เป็นเงื่อนไขด้านลบ
ที่จะชวนผู้อื่นให้ #หมุนกรรมจักร แทน #ธรรมจักร
ซึ่งเงื่อนไขด้านลบก็คือ #พฤติกรรมขยะ แบบต่างๆ
ไม่ว่าจะเป็นการพูดหรือการกระทำที่ผู้อื่นไม่พอใจ
อันเป็นเหตุแห่งการเสียสมดุลทางจิตใจของผู้อื่น

เพราะพฤติกรรมขยะของท่าน
มันจะเป็นตัวกระตุ้นหรือเป็นสิ่งเร้าให้จิตหยาบ
ของผู้ที่ท่านแสดงออกหรือกระทำต่อตัวเขานั้น
เกิดการสั่นสะเทือนเป็น “กรรมจักร” ได้ง่ายๆ
เนื่องจากเพื่อนมนุษย์ของท่านเกือบทั้งหมด
ยังเอาชนะ #มารภายใน คือกิเลสตัณหากันไม่ได้

กิเลสคือความรู้สึกชอบไม่ชอบ พอใจไม่พอใจ
ที่ศัตรูของมนุษย์แทรกแซงขันธ์ 5 ของพระบิดาไว้
ในขั้นตอนของ #เวทนาขันธ์ เพื่อให้จิตหยาบ
เชื่อมต่อกับ #จิตสัญชาตญาณ ตรงก้านสมอง
ซึ่งศัตรูของมนุษย์ได้นำเอา DNA ของสัตว์ร้าย
เข้าไปตัดต่อกับ DNA ของพี่พลียะเดี้ยนส์ไว้แล้ว
ทำให้จิตหยาบไม่สามารถใช้กระบวนการขันธ์ห้า
ยกระดับตนเองสู่จิตวิญญาณแก่นแท้ของตนได้

เนื่องจากมอดซึ่งเป็นสิ่งที่มีชีวิตจากต่างเผ่าดาว
ใช้กิเลสปิดกั้นความรักในเวทนาขันธ์ของมนุษย์ไว้
ทุกครั้งที่จิตหยาบ #สัมผัส สิ่งเร้าจากภายนอก
ไม่ว่าจะได้รับจากตาหูจมูกลิ้นหรือกายสัมผัสก็ตาม
จิตหยาบก็จะสั่นสะเทือนเพื่อการ #รับรู้ สิ่งเร้าทันที
การที่จิตรับรู้สิ่งเร้าจากภายนอกดังกล่าวนี้เอง
คือขั้นตอนแรกในการทำงานของจิตจากห้าขั้นตอน
ซึ่งขั้นตอนแรกที่ว่านี้ก็คือขั้นตอนของ #รูปขันธ์

เมื่อจิตหยาบสั่นสะเทือนตนเองเพื่อรับรู้รูปนามแล้ว
มนุษย์ก็จะตกหลุมพรางหรือกับดักของมอดมารทันที
ถ้ามนุษย์คนนั้น #ขาดสติทางวิญญาณ และไม่ตื่นรู้
โดยที่เมื่อรับรู้รูปนามแล้วจิตได้รู้แล้วว่าสิ่งนั้นคืออะไร
จิตหยาบก็จะยกระดับสู่ขั้นตอน “เวทนาขันธ์” ต่อไป

ในขั้นตอนของเวทนาขันธ์นี่แหละ
ปกติพระบิดาได้บรรจุ “ความรัก” เอาไว้
เมื่อมนุษย์สัมผัสรู้ดูเห็นได้ยินรูปธรรมนามธรรมอะไร
จะได้สั่นสะเทือนเป็นความรักตอบสนองสิ่งเร้านั้นได้
โดยทรงติดตั้งตาที่สามคือ “สมองสองซีก” เอาไว้
เพื่อให้จิตหยาบใช้สมองมองเห็นความน่ารักของสิ่งนั้น
ด้วยการฉลาดคิดฉลาดมองเพราะฉลาดใช้สมอง
ซึ่งทุกสรรพสิ่งที่ทรงสร้างทรงติดตั้งความน่ารักไว้แล้ว
เพียงแต่มนุษย์คนนั้นจะแลเห็นมองเป็นกันหรือเปล่า

แต่ปรากฏว่ามนุษย์ปฏิบัติตามรูปแบบพระบิดาไม่ได้
เพราะเมื่อรับรู้ว่าอะไรเป็นอะไรแล้วก็จะ #รับเอา ทันที
คำว่า “รับเอา” หมายถึง การเกิดความรู้สึกชอบไม่ชอบ
ตอบสนองสิ่งเร้าที่ตนรับรู้อยู่นั้นแทนตามแผนมอดมาร
มนุษย์จึงไม่สามารถเข้าถึงความน่ารักของทุกสิ่ง
เพื่อกระทำตอบสนองด้วยความรักความเมตตาน่าเอ็นดู
จนนำไปสู่ #การเรียนรู้ ในขั้นตอนของ #สังขารขันธ์ ได้

ท่านทั้งหลายจะสังเกตได้ว่ามนุษย์ส่วนใหญ่
จะมีนิสัยเคยตัวในการใช้กิเลสตัณหา
กับการใช้อารมณ์นำปัญญาในการดำเนินชีวิตทั้งสิ้น
เพราะมนุษย์ทำกระบวนการขันธ์ห้าของพระบิดา
ให้เกิดอาการ “ขันแตก” ในขั้นตอน “เวทนาขันธ์”
จนเข้าถึงจิตวิญญาณเพื่อการหมุนธรรมจักรกันไม่ได้

ดังนั้น
เราจึงกล่าวย้ำต่อท่านทั้งหลายเสมอมาว่า
ถ้าท่านไม่อาจทำตนให้เป็นเงื่อนไขด้านบวก
เพื่อช่วยให้คนรอบข้างท่านหมุนธรรมจักรได้
ก็จงอย่าทำตนเป็นเงื่อนไขใดๆให้พวกเขาเลยดีกว่า

2.นอกจากท่านต้องดำเนินชีวิตอย่างมีสติ
เพื่อมิให้ทำตนเป็นเงื่อนไขด้านลบแก่คนรอบข้าง
จนทำให้พวกเขา “จิตตก” คือตกหลุมพรางมอดมาร
แล้วหันกลับมาชวนท่าน “หมุนกรรมจักร” ร่วมกับเขา
ซึ่งผิดต่อ #พันธะสัญญา_6 ที่ให้ไว้ต่อพระบิดาแล้ว
ท่านยังจะต้องถือครองลูกแก้ว 2 ดวงให้มั่นคงด้วย

ลูกแก้ว 2 ดวง คือสิ่งที่พระเจ้าประทานผ่านเรามา
เพื่อมอบให้แก่ท่านทั้งหลายถือครองเพื่อปฏิบัติตน
ตามมรรควิถีจิตจักรวาลซึ่งเราได้มอบให้ทุกคนแล้ว
คือ #มหาสติหรือธรรมชาติสมาธิ โดยไม่ปิดอายตนะ
กับการมี #ปณิธานแห่งนิพพานเพื่อการหลุดพ้น
ซึ่งมนุษย์จะต้องปฏิบัติในชีวิตประจำวันในสังคม

ถ้ามนุษย์มีทักษะในการใช้ลูกแก้วสองดวงนี้แล้ว
ก็จะปกป้องจิตของตนมิให้ตกเป็นทาสมารภายใน
เมื่อถูกคนรอบข้างทำการยั่วยุด้วยเงื่อนไขด้านลบ
ซึ่งเป็นการ #เอาชนะมารภายใน ได้อย่างสิ้นเชิง
ด้วยพลังอำนาจในตนเองจากลูกแก้วทั้งสองดวงนี้
ไม่ว่าท่านจะเป็นชนชาติไหนศาสนาใดก็ตาม
หากปฏิเสธความรักของเราไม่รับเอาแก้ว 2 ดวงนี้
ทั้งๆที่ไม่ต้องลงทุนบูชาหรือซื้อหาด้วยปัจจัยอะไร
แสดงว่าท่านนั้นไม่ปรารถนาจะกลับบ้านแดนสุญตา
แสดงว่าท่านนั้นตัดสินใจยอมตนเป็นฝ่ายมอดมาร
แสดงว่าท่านนั้นได้พิพากษาตนเองเรียบร้อยแล้ว

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

การช่วยให้คนอื่นมิให้หมุนกรรมจักรนั้น
ทำได้ง่ายๆโดยท่านเพียงรักเขาด้วยรักบริสุทธิ์
พฤติกรรมของท่านก็จะไม่เป็นเงื่อนไขด้านลบ
ที่จะเป็นเหตุให้เขาจิตตกเสียสมดุล
โดยพวกเขาจะหมุนธรรมจักรของพระบิดาเสมอ

ขณะเดียวกัน
ถ้าคนรอบข้างตัวท่านกระทำในสิ่งที่ท่านมิชอบ
ท่านก็จงอย่าเสียความรู้สึกต่อผู้ที่กระทำต่อท่าน
เพราะมอดมารวางแผนให้ท่าน “จิตตก” จนไม่สงบ
เนื่องจากจิตที่สั่นสะเทือนในย่านความถี่ต่ำ
ที่รวมเรียกว่า “กิเลสตัณหาราคะอารมณ์ขยะ” นั้น
มันจะยังผลให้กระบวนการขันธ์ 5 ของพระบิดา
ผลิต “พลังจิตด้านลบ” หรือพลังงานกิเลสออกมา
ที่ทุกสิ่งในระบบโลกและโลกเองไม่ต้องการ
แต่มันเป็น #พลังงานแสง ที่มอดมารมันต้องการ

มนุษย์จึงต้องถามตนเองบ้างว่า
การได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์โลกนั้น
จิตวิญญาณท่านมาทำหน้าที่อะไร ทำเพื่อใคร
มาทำหน้าที่เป็น #เพื่อนร่วมงานกับโลก
หรือทำหน้าที่เป็น #กรรมกร ของมอดมารกันแน่
ถึงเวลาที่ท่านต้องตอบคำถามนี้แล้วล่ะนะ

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
26/04/2022

25 เมษายน 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 25/04/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ในห้องทดลองขนาดใหญ่ของพระบิดา
ที่ท่านทั้งหลายเรียกกันว่า #เอกภพ
หรือที่ชาวธรรมะเรียกว่า #อนันตจักรวาล นั้น
ดาวดวงใดที่พระบิดาทรงสร้างสิ่งมีชีวิตเอาไว้
ในจำนวนทั้งสิ้น 6 กาแล็กซี่ รวม 7 ระบบสุริยะ
จะมี #สนามแม่เหล็ก ห่อหุ้มดาวดวงนั้นไว้เสมอ

สนามแม่เหล็กของดาวดวงที่มีสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่
จะเป็นระบบโครงข่ายของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้า
ที่ดาวดวงนั้นและสิ่งมีชีวิตในระบบจะขาดไม่ได้
เพราะพระบิดาหรือพระผู้สร้างทรงออกแบบไว้
ให้สัมพันธ์กันและเป็นระบบเดียวกันนั่นเอง

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
ระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กของดาวดวงใดก็ตาม
พระองค์ทรงกำหนดให้มีหน้าที่สำคัญ 3 อย่าง คือ

1.เป็นเสมือนรั้วอันแข็งแกร่งของดาวดวงนั้น
ในการปกป้องคุ้มครองความปลอดภัยของระบบ
มิให้เทหวัตถุจำพวกอุกกาบาตซึ่งเป็น “ขยะ”
ที่มีอยู่มากมายทั้งขนาดเล็กทั้งขนาดใหญ่ในจักรวาล
มิให้พุ่งผ่านเข้าไปกระแทกชนดาวดวงนั้นๆ
จนสิ่งมีชีวิตและทุกสิ่งในระบบได้รับอันตราย

ลักษณะการทำงานของสนามแม่เหล็กของดาวก็คือ
จะช่วยสร้างแรงเสียดทานเมื่อเทหวัตถุพุ่งผ่านเข้าไป
การเสียดทานจะก่อให้เกิดความร้อนสูงมาก
ซึ่งขึ้นอยู่กับขนาดและความเร็วของก้อนเทหวัตถุนั้น
ถ้าก้อนโตใหญ่มากแรงเสียดทานก็จะสูงมาก
ถ้าความเร็วในการพุ่งผ่านสูงแรงเสียดทานก็จะสูงตาม
ที่สำคัญคือความสูงของระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็ก
ถ้ายกตัวสูงขึ้นจากพื้นดาวไม่ต่ำกว่าพิกัดที่ทรงกำหนด
อัตราความเสี่ยงด้านความไม่ปลอดภัยก็จะน้อยลง
เพราะสิ่งที่มิได้รับเชิญนั้นจะลุกไหม้หมดก่อนตกถึงพื้น

2.เป็นระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กขนาดใหญ่
ที่ปกคลุมหุ้มห่อรูปธรรมที่มีชีวิตทุกรูปธรรมบนดาวนั้น
เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์แห่งกรรมของสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
มีกระแสไฟฟ้าใช้ในการดำรงชีวิตจาก #การเหนี่ยวนำ
ซึ่งสิ่งมีชีวิตแต่ละรูปธรรมก็เปรียบเป็นแม่เหล็กแท่งเล็ก
ที่ถูกดาวดวงนั้นพาเหวี่ยงหมุนตัดผ่านสนามแม่เหล็ก
จนก่อให้เกิดกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำขึ้นดังกล่าวแล้ว

ถ้าระบบดาวดวงนั้น
มีค่าความเข้มสนามแม่เหล็กเสียสมดุลจากพิกัดปกติ
ไม่ว่าจะมีค่าความเข้มสูงขึ้นหรือลดต่ำลงจากเดิม
ตามที่พระบิดาทรงกำหนดเอาไว้อย่างเหมาะสมแล้ว
รูปธรรมสิ่งมีชีวิตในระบบดาวนั้นจะเสียสมดุลเสมอ

คำว่า “เสียสมดุล” หมายถึง
กลไกอวัยวะภายในเครื่องยนต์แห่งกรรม
ที่มันทำงานได้เองด้วยไฟฟ้าซึ่งเป็นระบบอัตโนมัติ
จะเกิดอาการขัดข้อง สะดุด หรือทำงานบกพร่อง
เซลล์อวัยวะร่างกายก็จะเกิดความเสื่อมสมรรถภาพ
จนเครื่องยนต์แห่งกรรมนั้นต้องสิ้นชีพใช้งานไม่ได้
เพราะขาดพลังงานที่ต้องใช้เพื่อการดำรงอยู่

3.เป็นโครงข่ายสนามแม่เหล็ก
ที่จะต้องใช้เชื่อมโยงกันกับสนามพลังงานสากล
ซึ่งพระบิดาหรือพระผู้สร้างทรงออกแบบเอาไว้
เพื่อให้ทุกสรรพสิ่งในห้องทดลองขนาดใหญ่นี้
ได้ใช้เป็นเส้นทางการติดต่อสื่อสารของจิต
โดยเฉพาะสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเพื่อการปฏิสัมพันธ์กัน

ถ้าสนามแม่เหล็กของดาวอ่อนแอไม่สมดุลหรือไม่มี
การติดต่อสื่อสารกันในมิติแห่งจิตก็จะมีอุปสรรค
จนถึงขั้นมิอาจติดต่อสื่อสารกันเป็นภาษาสากลก็ได้

นอกจากนั้น
เมิร์คขะบาห์ซึ่งเป็นพาหนะของจิตวิญญาณ
ก็จะไม่สามารถพาจิตวิญญาณของตน
เดินทางออกจากระบบนั้นหรือเดินทางไปสู่ระบบอื่น
ที่โครงข่ายสนามแม่เหล็กมีปัญหาได้เช่นเดียวกัน

นอกจากนั้น “จานบิน” หรือที่มนุษย์เรียกว่า UFO
ซึ่งต้องใช้สนามแม่เหล็กเส้นใดเส้นหนึ่งเป็นถนน
ก็อาจพลัดตกจากถนนลงมากระแทกพื้นได้ด้วย
ถ้าสนามแม่เหล็กของดาวนั้นเสียสมดุลหรือมีปัญหา
ดังที่เคยปรากฏว่าโลกนี้เคยมียานพลัดตกมาแล้ว
เพราะผู้บุกรุกนักสำรวจจักรวาลล่วงล้ำเข้ามา
ขณะที่สนามแม่เหล็กโลกกำลังมีปัญหาอยู่พอดี

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

การที่พระบิดาทรงกำหนดให้
โครงข่ายสนามแม่เหล็กแต่ละดาวเชื่อมต่อกัน
รวมทั้งเชื่อมต่อกันไว้กับสนามพลังงานจักรวาลด้วย
ก็เพื่อให้ท่านใช้เป็นเส้นทางการสื่อสารภาษาสากลกัน
ที่สำคัญคือพระองค์ทรงใช้เชื่อมสัมพันธ์กับทุกสิ่ง
ภายในห้องทดลองขนาดใหญ่ของพระองค์นั่นเอง

นอกจากนั้น
การที่ทรงกำหนดค่าความเข้มสนามแม่เหล็กของดาว
ให้มีค่าแตกต่างกันไปในแต่ละดวงก็เพราะว่า
ทรงป้องกันมิให้รูปธรรมที่มีชีวิตชั้นสูงของแต่ละดวง
มีการล่วงล้ำก้ำเกินซึ่งกันและกันในแบบ “ย้ายถิ่น”
ใครถือกำเนิดบนดาวดวงไหนก็ต้องอยู่บนดาวดวงนั้น
ถ้าข้ามเขตแย่งดาวกันผู้มาจากต่างดาวจักต้องตาย

ผู้บุกรุกเข้ามาเป็นมอดในระบบดาวโลกก็เช่นกัน
ทั้งผู้ที่ถูกเนรเทศมาและผู้ระเบิดดาวตัวเองแล้วหนีมา
มีเครื่องยนต์แห่งกรรมที่ดีเอ็นเอไม่เหมาะจะดำรงอยู่
ภายในสนามแม่เหล็กโลกด้านบวกความถี่สูงได้
เพราะดาวโลกเป็นสังคมแห่งธรรมจักรด้วยรักบริสุทธิ์
แต่พวกเขาเป็นพวกที่ชอบ #เสพกิเลส มาตั้งแต่แรก
จึงต้องใช้ชีวิตเป็นอมตะภายในสนามแม่เหล็กด้านลบ
ซึ่งเป็นสนามพลังงานคลื่นความถี่ต่ำเท่านั้น

เพราะพวกเขาต้องการยึดโลกไว้เพื่อดำรงอยู่ถาวร
มอดจึงสร้างมารขึ้นมาแล้ววางแผนการอันแนบเนียน
โดยหลอกใช้มนุษย์โลกนี่แหละเป็นเครื่องมือ (Worker)
ช่วยกันทำการผลิตสร้างสนามแม่เหล็กไฟฟ้าด้านลบ
หุ้มห่อพวกเขาไว้ให้ปลอดภัยจากสนามแม่เหล็กโลก

พวกนี้จึงหลอกล่อให้มนุษย์โลกมัวเมาในกิเลสตัณหา
บ้าอบายมุข บ้าการพนัน มอมเมาด้วยอวิชชาที่งมงาย
ยั่วให้ติดวัตถุเท็คโนโลยี ฝึกให้ใช้อารมณ์ขยะนำปัญญา
จนไม่สามารถเข้าถึง #รักเพื่อให้ อันเป็นรักบริสุทธิ์
เพื่อหมุนธรรมจักรมอบความรักค้ำจุนโลกกันได้อีกเลย
เพราะเสพกิเลสที่มอดมารหลอกล่อกันอย่างงอมแงม

พวกเขาจึงเร่งกระทำการทุกอย่าง
เพื่อให้มนุษย์ช่วยกันสร้างพลังงานกิเลสให้มากขึ้นอีก
เพราะพวกเขาพบว่าสนามแม่เหล็กโลกกำลังอ่อนแอลง
จึงฉวยโอกาสที่จะเปลี่ยนค่าความเข้มสนามแม่เหล็กโลก
ให้เหมาะสมกับกระบวนการทางชีวภาพของพวกตน
โดยจากบวกแต่เดิมให้เปลี่ยนค่าเป็นพลังงานลบแทน
เพื่อให้ดาวโลกเหมาะสมสำหรับพวกตนอย่างเบ็ดเสร็จ
พวกเขาก็จะวางแผนสร้างความงมงายในมวลหมู่มนุษย์
จะชักพาให้มนุษย์เสพติดกิเลสกันให้มากที่สุดให้จงได้
ใครอ่อนแอแก่ชราขี้โรคไม่แข็งแรงไร้ค่าก็จะกำจัดทิ้ง
พวกนี้จะใช้เท็คโนโลยีดิจิตัลบงการมนุษย์ให้โง่ง่าย
เพราะใช้ปัญญาของสมองสองซีกของพระเจ้าไม่ได้
โดยให้ใช้สัญชาตญาณสัตว์ร้ายตรงก้านสมองแทน

มนุษย์กับโลกกำลังมีภัย
เพราะผิดต่อพันธะสัญญา 6 ที่ให้ไว้ต่อพระบิดา
เพราะคนตนเองในสองมิติเพื่อเป็นมนุษย์ไม่สำเร็จ
เพราะไม่เชื่อฟังคำเตือนของพระบิดา
เพราะไม่ปรารถนาความรักของเราที่แบกขนเอามาฝาก
เพราะเอาชนะมารในตนเองไม่ได้
นี่คือเหตุผลว่าทำไมปลาที่ถูกคัดไว้จึงเหลือน้อย

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
25/04/2022

23 เมษายน 2565

VDO. EP. 383: พระพุทธองค์ตรัส(ว่า)รู้อะไร (Full Version)


 

บันทึกการสื่อพระโอวาทในระบบจิตสู่จิตจากองค์จิตจักรวาล

โดย อนุตรธรรมาจารย์ปริญญา ตันสกุล

22 เมษายน 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 22/04/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
มนุษย์โลกมีศัตรูผู้บุกรุกจากต่างเผ่าดาว
เข้าแฝงตัวอยู่พร้อมแทรกแซงภารกิจมนุษย์
ในการเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกมานานแล้ว

เป้าหมายสูงสุดของพวกเขาในระยะต้นก็คือ
ทำอย่างไรก็ได้ให้มีชีวิตรอดอยู่บนดาวโลกดวงนี้
เพราะพวกเผ่าของตัวเองเป็นผู้พลัดถิ่นไร้ที่อยู่
บางพวกก็ถูกขับไล่ออกมาจากระบบดาวบ้านเกิด
เหตุเพราะประพฤติชั่วทำตัวนอกรีตจึงถูกเนรเทศ
บางพวกก็อพยพหนีออกมาจากระบบดาวของตน
เหตุเพราะเป็นผู้ “ระเบิด” ดาวบ้านเกิดของตัวเอง
จากการทดลองสร้างวัตถุเท็คโนโลยีที่งี่เง่า
เพื่อควบคุมสิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติของพระบิดา
เช่น การสร้างแผ่นดินไหว การสร้างพายุหมุน
สร้างคลื่นอากาศร้อนเย็นและสร้างอุทกภัย เป็นต้น
เพียงเพื่ออยากมีอำนาจเหนือธรรมชาติเท่านั้น

แต่ปรากฏว่าเมื่อสร้างเครื่องยนต์กลไกขึ้นมาแล้ว
ขณะที่ลงมือทำการทดลองเดินเครื่องจักรกล
เพื่อสร้างพายุแม่เหล็กที่มีความเข้มข้นสูงออกมา
พวกเขาก็ไม่สามารถควบคุมเครื่องจักรกลนั้นได้
สนามแม่เหล็กไฟฟ้าเทียมจึงมีความเข้มสูงขึ้นเรื่อยๆ
จนไม่สามารถที่จะระงับยับยั้งอะไรได้อีกแล้ว
พวกเขาไม่กี่คนจึงต้องเผ่นหนีออกมาจากระบบดาว
ก่อนที่มันจะระเบิดเป็นจุลพร้อมพี่น้องที่ไม่รู้เรื่องนี้
โดยทิ้งร่องรอยของ #เนบิวล่า เป็นฝุ่นธุลีไว้ให้เห็น
เป็นหลักฐานของความเหิมเกริมอหังการ์ของเผ่านี้

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เนื่องจากโลกเป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี
เป็นดวงดาวของพระบิดาที่อุดมสมบูรณ์และงดงาม
เป็นดวงดาวที่พระบิดาทรงโปรดปรานมากที่สุด
จึงทรงสร้างมนุษย์เผ่าดาวโลกคือพวกท่านนี่แหละ
ให้เข้ามาทำหน้าที่ใช้ความรักค้ำจุนโลกให้สมดุล
เพื่อให้โลกช่วยค้ำจุนห้องทดลองคือเอกภพไว้

พระบิดาทรงรักมนุษย์มากเพราะช่วยทำสิ่งสำคัญนี้
ขณะที่พี่น้องในเผ่าดาวอื่นไม่มีหน้าที่ต้องทำอะไร
นอกจากจะรักษาชีวิตรอดไปวันๆเพื่อมีชีวิตอมตะ
โดยไม่ต้องแก่ชราไม่ต้องเจ็บป่วยและไม่ต้องตาย
เพราะพระบิดาทรงประทานความเป็นอมตะไว้ให้
จากการที่พวกเขาเป็นต้นแบบแรกๆที่ทรงสร้างขึ้น
เพื่อเรียนรู้ว่าจะพัฒนาหรือแก้ไขตรงไหนอย่างไร
จึงจะได้เครื่องยนต์แห่งกรรม 2 มิติที่ล้ำเลิศที่สุด
ที่จะทำงานร่วมกับโลกของพระองค์ตามแผนได้

เนื่องจากศัตรูมนุษย์จากต่างเผ่าดาวเหล่านี้
มีจุดด้อยที่ยังมิได้แก้ไขยังมีอะไรๆที่ยังไม่พัฒนาอยู่
ซึ่งเราพอจะเผยได้บ้างดังนี้ คือ

1.มีจิตวิญญาณเป็นผู้ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรม
โดยไม่มีจิตหยาบทำหน้าที่แทนให้เหมือนมนุษย์โลก

2.มีสมองก้อนเดียวขณะมนุษย์มีสมองถึงสองซีก
พวกเขาจึงมีจุดอ่อนคือไม่รู้ดีรู้ชั่วไม่มีสำนึกคุณธรรม

3.จิตวิญญาณของเขาจะใช้สัญชาตญาณของสัตว์
แบบเดียวกับสัตว์ทั้งหลายที่ดำรงอยู่ในระบบโลก
ทำงานร่วมกับสมองในการแสดงพฤติกรรมทุกชนิด
โดยนึกคิดหรือกระทำใดๆไปตามสถานการณ์
ซึ่งส่วนใหญ่การสั่นสะเทือนขันธ์ 5 ของพวกเขานั้น
จะใช้กิเลสในย่านความถี่ต่ำขับเคลื่อนตัณหา
แล้วใช้ตัณหาที่เกิดขึ้นขับเคลื่อนพฤติกรรมออกมา
พวกเขาเหล่านี้จึงยังเป็นต้นแบบของมนุษย์ไม่ได้
เพราะยังมีลักษณะคุ้มดีคุ้มร้ายเหมือนสัตว์หน้าขน
ที่พวกท่านทุกคนรู้ดีว่าสัตว์หน้าขนไว้วางใจไม่ได้
เพราะสัตว์นั้นมันสามารถแว้งกัดเจ้าของจนตายได้

4.ระบบชีววิทยาในเครื่องยนต์แห่งกรรมพวกเขา
แม้จะประกอบด้วย DNA กับ RNA ซึ่งเป็นโปรตีน
มีโครงสร้างพื้นฐานมิได้แตกต่างกันกับมนุษย์เลย

แต่เนื่องจากพวกเขาสั่นสะเทือนจิตสัญชาตญาณ
เพื่อขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมในย่านความถี่ต่ำ
ซึ่งเป็นจำพวกโทสะ โลภะ โมหะ มาตั้งแต่แรกเริ่ม
สั่นสะเทือนกิเลสเหล่านี้จนเป็นนิสัยเคยตัว
จึงยังผลให้ DNA พวกเขาเสพติดกิเลสไปในที่สุด
นี่คือที่มาของคำว่า #เสพติดกิเลส ที่เรากล่าวไว้

เมื่อร่างกายพวกเขาทั้งระบบเสพติดกิเลสกัน
สนามพลังงานรวมในระบบดาวพวกเขาจึงเป็นลบ
เมื่อต้องเข้ามาเป็นมอดอยู่ในระบบโลกมนุษย์
ถ้าจะมีชีวิตรอดจนเป็นอมตะเป็นหมื่นๆปีกันต่อไป
พวกเขาจึงต้องหาหนทางเปลี่ยนสนามแม่เหล็กโลก
ที่มีคุณสมบัติด้านบวกเพราะมนุษย์หมุนธรรมจักร
ให้เปลี่ยนเป็นสนามพลังงานแม่เหล็กเทียมที่เป็นลบ
เพราะพวกเขาพบว่าแม้เท็คโนโลยีที่เลอล้ำนำยุค
ก็มิอาจเปลี่ยนค่าสนามแม่เหล็กโลกให้พวกตนได้

ดังนั้น
มีเพียงวิธีเดียวที่ต้องทำตั้งแต่หลายพันปีที่ผ่านมา
ก็คือพวกเขาจักต้องสร้างสนามแม่เหล็กเทียม
ซึ่งมีคุณสมบัติด้านลบห่อหุ้มพวกเขาเอาไว้ให้ได้
จะได้ปลอดภัยจากสนามแม่เหล็กโลกด้านบวก
มิเช่นนั้นเซลล์อวัยวะร่างกายของพวกเขาทั้งหลาย
จะค่อยๆเสื่อมลงจากอมตะจนต้องถึงแก่ความตาย
ขณะที่มนุษย์จะเป็นอมตะถ้าหมุนธรรมจักรร่วมกัน

ปรากฎว่าทุกวันนี้มนุษย์กลับมีอายุสั้นแทน
แถมป่วยด้วยโรคเครื่องยนต์แห่งกรรมชำรุดกันมาก
มิได้ป่วยไข้เพราะเชื้อโรคเหมือนอดีตอีกแล้ว
ยกเว้นป่วยด้วยเชื้อโรคที่หลุดมาจากห้องปฏิบัติการ
ซึ่งเป็นโรคที่มิได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติเท่านั้น

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

พลังงานรวมด้านบวกที่โลกต้องการ
อันเกิดจากการหมุนธรรมจักรด้วยความรักเพื่อให้
หรือพลังงานรวมด้านลบที่พวกมอดมารต้องการ
อันเกิดจากการหมุนกรรมจักรด้วยกิเลสตัณหานั้น
มนุษย์ใช้ “ขันธ์ 5” ผลิตมันออกมาได้ทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้เอง
พวกเขาจึงเพียรทำทุกทางเพื่อให้พวกตนอยู่รอด
โดยหาหนทางใช้มนุษย์ที่โง่ง่ายเป็นเครื่องมือ
เพื่อผลิตพลังงานจิตด้านลบที่พวกเขาต้องการ
ให้เป็นเกราะคุ้มกันชีวิตพวกตนเอาไว้ให้จงได้

นับพันปีที่ผ่านมา
พวกเขาจึงวางแผนจูงให้มนุษย์เสพติดกิเลส
หลอกให้มนุษย์หลงยึดติดในอัตตาและมายา
หลอกให้มนุษย์ต่อสู้ทำศึกสงครามกันเอง
หลอกให้มนุษย์งมงายในอวิชชามนต์ดำไสยเวทย์
หลอกให้มนุษย์กราบไว้วัตถุก้อนหินดินปั้น
หลอกให้มนุษย์อิจฉาตาร้อนเบียดเบียนเห็นแก่ตัว
หลอกให้มนุษย์เป็นทาสวัตถุเท็คโนโลยีใหม่ๆ
ที่พวกตนขยันหมั่นผลิตมายั่วกิเลสกันต่อเนื่อง
ทั้งหลอกล่อทั้งจูงใจสาระพัดวิธีที่จะทำ
เป้าหมายที่พุ่งชนคือทำให้โง่ทำให้เกิดกิเลสไว้
จนทำให้คนส่วนใหญ่หันหลังให้พระบิดา
แล้วพากันฝักใฝ่ลัทธิมอดมารแทนอย่างขาดสติ

นี่แหละคือที่มาของรางวัลจูงใจ
ที่ฟังหรูดูดีด้วยในการมีสถานะเป็น #กรรมกรแสง
คำว่า “แสง” พวกเขาหมายถึงพลังงานด้านลบ
ที่มนุษย์ใช้กิเลสสั่นสะเทือนขันธ์ 5 รายวัน
ทั้งชาวบ้านชาวเมืองนักวิชาการนักบวชนักเรียน
สาระพัดนักสาระพัดชนชั้นสาระพัดชนชาติ
ร่วมกันผลิตสร้างมันออกมาจนท่วมโลกแล้ว
ทำให้สนามแม่เหล็กโลกเสียสมดุลอย่างหนัก

ส่วนการยกระดับจากสามไปห้าที่ท่านถามเรามา
คือการระดมพลังกิเลสของกรรมกรแสงครั้งใหญ่
เพื่อยกระดับสนามพลังงานด้านลบในระบบโลก
ให้สูงขึ้นเป็น 5 เท่าของความเข้มในปัจจุบัน
ซึ่งเป็นระดับค่าที่พวกเขาจะปลอดภัยเป็นที่สุด
แต่ต่อนี้ไปพวกเขาจะเลิกวิธีล่อให้เกิดกิเลสแล้ว
เพราะหลายพันปีที่ผ่านมาจิตมนุษย์ติดกิเลส
โดยอยู่ใน “สัญญาขันธ์” ข้ามภพชาติพร้อมใช้งาน

แค่เพียงคลิ้กเดียว...คลิ้กเดียวจริงๆ
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
จะสั่นสะเทือนขันธ์ห้าด้วยกิเลสมารที่มีอยู่ในตน
ร่วมกันผลิตพลังงานแสงแห่งความมืดออกมาทันที

กลางวันให้ตื่นกลางคืนให้นอนผลัดกันทำงาน
ค่าจ้างที่กรรมกรจะได้รับคืออายุสั้น
จิตวิญญาณจะหลุดพ้นกลับบ้านไม่ได้
เพราะทั้งร่างกายและจิตใจมิใช่ของพระเจ้าแล้ว

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
22/04/2022

21 เมษายน 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 21/04/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ทำไมประดาผู้ปฏิบัติธรรมทั้งหมดบนโลกนี้
จึงมีผู้ยอมรับพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ที่ท่านทั้งหลายถวายพระนามว่า #พระเจ้า
ด้วยทัศนคติและการยอมรับแตกต่างกันไป

ฝ่ายที่ยอมรับใน “พระเจ้า” หรือพระผู้สร้าง
จะยอมรับผ่านพระศาสดาที่ตนเองยอมรับเท่านั้น
เป็นการยอมรับเพราะตนเชื่อตามพระศาสดาก็มี
ยอมรับเพราะตนเข้าใจแล้วว่าพระเจ้าต้องมีจริงก็มี
ยอมรับเพราะตนได้รับพระเมตตาจากพระองค์
ที่ประทานบางสิ่งให้เป็นหมายอัศจรรย์ในชีวิตก็มี

เหตุผลในการยอมรับของพี่ๆน้องๆ
ที่กล่าวมาข้างต้นจึงมีอยู่ด้วยกัน 3 ประการ คือ

#ประการแรก
ยอมรับเพราะเชื่อตามพระศาสดาพระองค์นั้น
ทรงกล่าวอ้างถึงหรือทรงเป็นพยานให้

แต่พระศาสดาที่มาจากพระเจ้ามีมากกว่าหนึ่ง
เนื่องจากพระองค์เสด็จมายังโลกคนละยุคสมัย
มนุษย์รุ่นหลังจึงเข้าใจผิดเพราะคิดเข้าใจว่า
พระศาสดากล่าวถึงพระเจ้าคนละพระองค์กัน
ในยุคหนึ่งพระเจ้าถูกถวายพระนามว่าอย่างหนึ่ง
แต่ยุคต่อมาพระเจ้าก็ทรงมีพระนามอีกอย่างหนึ่ง
โดยมนุษย์ไม่เข้าใจว่าที่ทรงมีพระนามต่างกันนั้น
ก็เหมือนชาตินี้จิตวิญญาณท่านมาเกิดเป็นมนุษย์
บิดามารดาก็ตั้งชื่อเรียกขานให้เท่ห์ๆว่า “สมศรี”
แต่พอย้อนหลังชาตินี้ไปท่านก็มีนามว่า “สมพร”
ทั้งๆที่เป็นจิตวิญญาณดวงเดียวกันแต่ต่างยุคกัน

เพราะมนุษย์จะตัดจบกันที่ภพชาติคือตายแล้วจบ
ชาติหน้าถ้ามีจริงก็มาเริ่มต้นกันใหม่ว่ากันใหม่
มนุษย์นึกไม่ถึงว่าการทำอะไรไว้ในชาตินี้นั้น
จะส่งผลไปถึงชะตากรรมของตนในชาติหน้าด้วย
ชะตากรรมดีหรือร้ายในชาติปัจจุบันนี้ก็เช่นกัน
ล้วนเกิดจากการกระทำของตนในอดีตชาติทั้งสิ้น

ด้วยเหตุนี้เอง
ในความเป็นจริงนั้นพระเจ้ามีเพียงพระองค์เดียว
แต่เมื่อพระศาสดาทรงมาจุติในต่างยุคสมัยกัน
จึงย่อมถวายพระนามพระองค์แตกต่างกันไปได้
เพราะมันเป็นความจริงในมิติโลกด้านกายภาพ
ซึ่งกาลเวลาเป็นมิติของจำนวนนับที่เป็นก่อนหลัง
แต่ในมิติของจักรวาลนั้นกาลเวลามีค่าเท่ากับหนึ่ง
ไม่มีอดีตไม่มีอนาคตคงมีแค่เพียงปัจจุบันเท่านั้น

ดังนั้น
ไม่ว่าจิตวิญญาณนั้นจะมาเกิดเป็นมนุษย์กี่ชาติ
ก็จะยังเป็นจิตวิญญาณรูปธรรมเดิมอยู่นั่นเอง
พระเจ้าหรือพระบิดาแห่งจิตวิญญาณก็เช่นกัน
ไม่ว่าบุตรเอกพระองค์ใดที่เสด็จมาจุติเป็นศาสดา
ก็มากล่าวพระโอวาทแทนพระเจ้าพระองค์เดียวกัน
แม้พระนามของพระเจ้าจะไม่เหมือนกันก็ตาม

ยุคปัจจุบันนี้เราก็ถวายพระเกียรติแก่พระองค์ว่า
#องค์จิตจักรวาล ซึ่งพระองค์คือพระผู้สร้างทุกสิ่ง
พระองค์จึงทรงเป็นผู้เริ่มต้นและสิ้นสุดของทุกสิ่ง
อันหมายถึงทรงเป็นดั่งจุดศูนย์กลางของจักรวาล
พระองค์จึงทรงเป็น #จิตแห่งจักรวาล อันไพศาลนี้
เพราะจุดศูนย์กลางจะมีเพียง “จุดเดียว” ไม่มีสอง
พระเจ้าหรือพระผู้สร้างหรือจิตจักรวาลจึงมีเพียงหนึ่ง
พวกท่านจึงจะคิดแบบจิตมนุษย์แต่เดิมไม่ได้
สงครามศาสนาก็ล้วนเกิดจากคนที่รักพระเจ้า
ผ่านการยอมรับนับถือพระศาสดาในต่างยุคกัน
จึงหลงผิดคิดว่า “พระผู้เป็นเจ้า” มีมากกว่าหนึ่ง
ทำให้เป็นเหตุทะเลาะกันด้วยเรื่องของพระเจ้า
อันเป็นคนละเรื่องเดียวกันเพราะไม่รู้ไม่เข้าใจ

#ประการที่สอง
มนุษย์บางคนยอมรับเพราะเชื่อด้วยเหตุผล
จากการใช้สติปัญญาของตนคิดพิจารณาก่อนเชื่อ
ซึ่งมนุษย์กลุ่มนี้ส่วนใหญ่จะเป็น #ผู้มาทีหลัง
ผู้มาทีหลังก็คือผู้ที่เพิ่งจะรู้จักพระองค์ในชาตินี้
เราหมายถึงพี่น้องยุวจิตจักรวาลของเรานี่เอง

พวกท่านยอมรับในพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
เพราะท่านทั้งหลายยอมรับเหตุผลสำคัญได้ว่า
ทุกสิ่งล้วนเกิดจากเหตุหรือมีเหตุแห่งการเกิด
จิตวิญญาณของท่านก็เช่นกันจะเกิดขึ้นมาเองมิได้
แม้จะเป็นสรรพสิ่งซึ่งอยู่ในมิติทางพลังงานก็ตาม
ต้องมีพระผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณเช่นเดียวกัน

พวกท่านยอมรับในองค์จิตจักรวาลว่าคือพระเจ้า
ยอมรับว่าทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่าน
มิใช่เพราะพวกท่านเชื่อตามคำกล่าวโน้มน้าวของเรา
มิใช่พวกท่านเชื่อตามเราเพราะรักและศรัทธาเรา
แต่พวกท่านเข้าใจและเข้าถึงพระองค์ด้วยปัญญา
โดยเราทำหน้าที่ชี้แนวทางสร้างแนวคิดให้เท่านั้น
จนพวกท่านสามารถ “จำพระองค์” ได้ด้วยการตื่นรู้

นี่แหละพระเยซูเจ้าจึงได้ทรงตรัสเอาไว้ว่า
#ผู้มาก่อนคือรู้จักพระเจ้าก่อนจะกลับบ้านทีหลัง
#ผู้ที่มาทีหลังคือเพิ่งจำพระองค์ได้จะได้กลับก่อน
คำว่า “กลับ” ในที่นี้ก็คือการ “หลุดพ้นนิพพาน”
นำพาจิตวิญญาณกลับไปกราบพระบาทพระบิดา
ที่ทรงคอยพวกท่านอยู่นอกระบบเอกภพนั่นเอง

สาเหตุที่จะได้กลับก่อนในชาตินี้ของผู้มาทีหลัง
เพราะพวกท่านเชื่อในพระบุตรเอกและพระบิดา
ด้วยการใช้สติปัญญาจนยอมรับได้อย่างสิ้นเชิง
เพราะเรากล่าวอนุตรธรรมซึ่งเป็นความจริงสูงสุด
ที่สมองสองซีกของมนุษย์เข้าใจและเข้าถึงยาก
พระบิดาจึงทรงเมตตาให้เราสอนให้ท่านคิดตาม
มิให้นำเอาฤทธานุภาพของจิตวิญญาณบริสุทธิ์
มาเป็นเครื่องจูงใจท่านทั้งหลายแบบมอดมารใช้

ส่วนผู้มาก่อนแต่จะได้กลับทีหลังก็เพราะว่า
พี่ๆน้องๆเหล่านี้ใช้ความเชื่อแบบยึดมั่นถือมั่น
มิได้เชื่อในพระเจ้าด้วยหลักการและเหตุผล
มิได้เชื่อและยอมรับพระองค์ด้วยจิตสำนึกแท้จริง
เช่นเชื่อว่าพระเจ้าจะช่วยให้ตนกลับสู่สวรรค์ได้
เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงยกโทษไถ่บาปของตนได้

ในทางกลับกันพี่ๆน้องๆเหล่านี้จะรักพระเจ้ามั้ย
หากพระองค์จะอุ้มจิตวิญญาณใครกลับบ้านมิได้
พระองค์ไม่สามารถที่จะแบกโทษบาปให้ใครได้
ซึ่งพระบิดาเคยตรัสสอนเราว่า #เด็กเส้น ไม่มี
โดยพี่ๆน้องๆเหล่านี้จะได้รับโอกาสจากพระองค์
ให้มีเวลาเรียนรู้ที่จะยกระดับปรับจิตสำนึกของตน
ในท่ามกลางมหันตภัยพิบัติด้วยบททดสอบใหญ่
เพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขารักพระองค์ด้วยปัญญา
มิใช่รักเพราะมีสิ่งจูงใจรักอย่างมีเงื่อนไขดังกล่าว
ทั้งๆที่ตนเองยังไม่รู้จักพระองค์อย่างแท้จริงเลย

#ประการที่สาม
ยอมรับพระบิดาจากประสบการณ์จริง
เพราะเคยได้รับพระพรจากพระเจ้าที่เป็นรูปธรรม
ในชีวิตจริงของตนมาแล้วอันน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก
ซึ่งพระพรอันประเสริฐเกิดจากการนำเอาพระคำ
ที่เราบุตรเอกของพระองค์ได้รับสื่อมากล่าวต่อ
เพื่อให้พี่ๆน้องๆทั้งหลายได้เรียนรู้ในสิ่งที่ต้องรู้
เพื่อเตรียมตนเองและจิตวิญญาณสู่การหลุดพ้น
ด้วยการเรียนรู้จนเข้าใจแล้วนำไปปฏิบัติในชีวิต
จนสามารถยกระดับจิตปัญญาปรับเปลี่ยนตนเอง
ให้สามารถสร้างสันติสุขกับคนรอบข้างได้ดียิ่ง
ขณะที่ในอดีตที่ผ่านมาบรรยากาศแสนจะเลวร้าย

พี่ๆน้องๆเหล่านี้
จึงเชื่อว่าพระบิดาทรงรักและเมตตาพวกเขาจริง
จึงทรงมีบัญชาให้เรามากล่าวพระโอวาทให้รับรู้
เมื่อตนรับพระโอวาทแล้วนำไปปฏิบัติตามในชีวิต
ก็สามารถเปลี่ยนตนและโลกได้อย่างน่าอัศจรรย์
โดยพวกเขาไม่เคยปฏิบัติธรรมแล้วบังเกิดผล
เหมือนกับการปฏิบัติตามพระโอวาทมาก่อนเลย

พวกเขาผู้มาทีหลังจึงยอมรับโดยทั่วกันว่า
ปัญญาปาฏิหาริย์ของพระบุตรเอกที่ตนสัมผัสได้
เกิดจากความรักและพระเมตตาของพระบิดา
ที่ประทานแก่พระบุตรเอกเพื่อให้ทุกคนได้ประจักษ์
เพราะเป็นอนุตรธรรมญาณที่คนทั่วไปเข้าถึงมิได้
นอกจากพระบุตรเอกที่มาจากพระเจ้าเท่านั้น
เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ปลายยุคพลังงานเก่านี้เป็นชาติสุดท้ายของทุกคน
ที่จะต้องใช้เวลาในชีวิตที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าไว้
ตายแล้วจิตวิญญาณจะได้ไม่ติดค้างอยู่ในเอกภพ
เพราะจะไปเกิดในชาติใหม่ภพไหนไม่ได้อีกแล้ว
หนทางเดียวคือต้องหลุดพ้นนิพพานให้ได้เท่านั้น

ผู้ที่จะหลุดพ้นนิพพานกลับบ้านได้
จักต้องมีคุณสมบัติดังต่อไปนี้ คือ

1.ต้องคนตนเองจนเป็นมนุษย์ได้สำเร็จแล้ว
2.ต้องใช้ความรักหมุนธรรมจักรร่วมกับคนอื่น
เพื่อสร้างสังคมแห่งธรรมจักรด้วยรักเพื่อให้ได้

3.ต้องครองมหาสติและมีปณิธานแห่งนิพพาน
เพื่อดำเนินตาม #มรรควิถีจิตจักรวาล อย่างมุ่งมั่น
ไม่หลับตาก้าวตามคนนำทางตาบอดมอดมาร
อย่างไร้สติทางวิญญาณกันอีกต่อไป

4.ละเลิกการกินเลือดเนื้อของสัตว์โลก
ที่จะไปบำรุง DNA ของสัตว์ร้ายพวกมารภายใน
ให้มันเจริญเติบโตเหนือนำ DNA ของพระเจ้า
จนทำให้พวกท่านอายุสั้นเพราะสังขารโรยเร็ว

5.ต้องฝึกทักษะการทำ #สามเหลี่ยมจิตจักรวาล
เพื่อเชื่อมต่อกันกับพระบิดาผ่านมาทางเรา
และต้องฝึกการเชื่อมต่อ 3 เหลี่ยมนี้ให้ชำนาญไว้
ฝึกจนเป็นหนึ่งเดียวกันกับลมหายใจของท่าน

เพราะผู้ที่หลุดพ้นนิพพานได้จะเป็นผู้ตายตาหลับ
แปลว่าท่านจะเป็นผู้ล่วงลับที่จะหลับไปในนิพพาน
ไร้ทุกขเวทนา ไร้อาตมัน ไร้อาวรณ์และไร้นิวรณ์
ถ้าหลับแล้วเชื่อมต่อกับพระองค์มิได้ก็ไม่หลุดพ้น

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
21/04/2022

20 เมษายน 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 20/04/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ขณะนี้โลกสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว
มนุษย์ตัวจริงซึ่งทำหน้าที่กันอยู่ในระบบโลก
ไม่ว่าจะเวียนว่ายตายเกิดกันมาแล้วสักกี่ภพชาติ
ไม่ว่าจะทำสำเร็จหรือล้มเหลวในหน้าที่หรือไม่
จักต้องนำพาจิตวิญญาณแก่นแท้ของตน
กลับคืนบ้านเกิดเมืองนอนยังแดนสุญตาที่จากมา
ซึ่งเป็นพระนิเวศน์ของพระบิดาข้างนอกเอกภพ

โดยต้องกลับออกไปให้ทันก่อนจะถึงวันโลกมืด
เพราะวันนั้นประตูคอกแกะคือด่านนภาลัยจะถูกปิด
จะไม่มีผู้ใดหลุดรอดออกไปจากเอกภพนี้ได้อีก
ขยะทุกชิ้นที่มีอยู่ภายในห้องทดลองของพระบิดา
รวมทั้งขยะทุกชิ้นที่ปลิวว่อนอยู่ในระบบโลกเสรีนี้
จักต้องถูกเก็บกวาดชำระทิ้งทั้งหมดมิให้เหลือไว้

คงจะมียกเว้นไว้สำหรับ #มนุษย์ตัวจริง จำนวนหนึ่ง
ซึ่งพระบิดาแห่งจิตวิญญาณได้ทรงพิพากษาคัดไว้
ให้มีชีวิตรอดเพื่อทำหน้าที่คอยส่งไม้ให้กับผู้มาใหม่
ซึ่งเป็นจิตวิญญาณบริสุทธิ์จากฟ้าสีครามเท่านั้นเอง
ส่วนผู้ฟันฝ่ากิเลสมารจนเข้าถึงธรรมจักรในตนเองได้
ก็จะต้องนำพาจิตวิญญาณหลุดพ้นกลับบ้านให้หมด
เพราะโลกนี้มิใช่บ้านเกิดเมืองนอนของพวกท่าน
โลกนี้เป็นห้องเรียนและเป็นที่ทำงานของจิตวิญญาณ
ซึ่งดำรงอยู่ในห้องทดลองของพระบิดาหรือเอกภพ
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจและหมดเวลาเรียนรู้กันแล้ว
ห้องเรียนโลกเสรีแห่งนี้ก็ต้องปิดบูรณะกันชั่วคราว
เพื่อเตรียมทุกสิ่งให้พร้อมสำหรับนักเรียนรุ่นใหม่ต่อไป
พวกท่านทั้งหลายคือนักเรียนที่จะต้องกลับบ้านนั่นเอง

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เวลาเหลือน้อยสำหรับพวกท่านแล้ว
หากท่านคิดถึงพระบิดาแล้วปรารถนาจะกลับบ้าน
จงให้ความสำคัญกับการ “หมุนธรรมจักร” ก็พอ
ทุกลมหายใจในชีวิตประจำวันทุกคนต้องช่วยกันหมุน
เพื่อสร้าง "สังคมแห่งธรรมจักร" ให้สำเร็จกันเสียที
มิเช่นนั้นท่านก็จะเป็นมนุษย์โลกที่สมบูรณ์ไม่ได้
เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกตามพันธสัญญา 6 ก็ไม่ได้
พวกท่านก็จะล้มเหลวในการมาเกิดเป็นมนุษย์
พวกท่านก็จะล้มเหลวในการช่วย #ค้ำจุนโลก

เมื่อท่านช่วยค้ำจุนโลกไม่ได้ภัยพิบัติโลกก็เกิด
สิ่งที่ผู้ล้มเหลวจักต้องเผชิญก็คือ #การผจญภัย
เพราะตั้งแต่ก่อนจะถึงวันโลกมืดทั้งแปดทิศนั้น
ทุกคนที่ดำรงอยู่ในระบบโลกจะต้องสู้กับภัยพิบัติ
ที่มันจะเกิดขึ้นทั้งบนบกบนฟ้าและในมหาสมุทร
ซึ่งมันจะเกิดถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อยๆจนน่ากลัว
ทุกคนบนโลกจะกลายเป็นปลาที่หายใจด้วยปอด
ปลาตัวที่ไม่รอดก็จะเป็นตัวที่ถูก “คัดทิ้ง” ทั้งสิ้น

ดังนั้น
มนุษย์ตัวจริงที่จิตวิญญาณมีชื่ออยู่ในม้วนหนังสือ
ซึ่งพระบิดาทรงประทานให้เราถือไว้ตั้งแต่แรกนั้น
ถ้ามาเกิดแล้วคนตนเองให้เป็นมนุษย์ได้สำเร็จ
จนสามารถใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกให้สมดุลได้
ก็จะเป็นปลาที่ถูกคัดไว้หรือเป็นแกะที่เข้าคอกได้
เพราะจิตวิญญาณของท่านนิพพานก่อนตายแล้ว
จึงได้รับสิทธิ์ให้ผ่านเข้าประตูเรือนหอไปกับเรา

พวกท่านจงอย่าไปสับสนวุ่นวายใส่ใจ
ในสงครามข่าวสารที่เป็นแผนการ “ปั่นหัวจิ้งหรีด”
ของศัตรูของมนุษย์ซึ่งตั้งตนเป็นอริกับพระเจ้าเลย
เพราะมันเป็นเรื่องเท็จทั้งนั้นไม่ว่าจะหัวดำหัวขาว
เพราะเรื่องราวข่าวสารที่ถูกปั่นออกมาสู่สังคม
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปลี่ยนโลกเก่าสู่โลกใหม่
โดยฝ่ายหนึ่งอ้างตนว่าปรารถนาดีต่อมนุษยโลก
แล้วก็โจมตีอีกฝ่ายหนึ่งที่สร้างภาพให้เป็นผู้ร้าย
ทั้งๆที่พวกมันทั้งสองฝ่ายต่างก็เป็นพวกเดียวกัน
ใครชอบฝ่ายไหนก็ตกเป็นคนงานของเขาทั้งนั้น

ถ้าท่านเป็นจิ้งหรีดในขวดโหลที่กำลังถูกปั่นหัว
คำว่า “ขวดโหล” เราหมายถึงในโลกนี้แหละ
ก็จงรู้ไว้เถิดว่าผู้ที่ชมที่เชียร์อยู่รอบขวดโหลนั้น
ไม่มีใครรักท่านไม่มีใครเป็นมิตรกับท่านเลย
พวกมันต่างแบ่งข้างกันเชียร์จิ้งหรีดให้กัดกัน
ตัวไหนแพ้ถ้าตัวนั้นไม่พิการตัวนั้นก็ต้องตาย
พวกมันคือ “ตัวชั่ว” ที่สะใจเมื่อเห็นจิ้งหรีดกัดกัน
พอจบเกมการแข่งขันปั่นหัวจิ้งหรีดเสร็จแล้ว
จึงจะรู้ความจริงว่ามอดมารน่ะเป็นพวกเดียวกัน
แต่ก็สายเกินไปที่จะรับมือเพราะจิ้งหรีดตายแล้ว

ถ้าเชื่อมั่นในพระบิดาศรัทธาในภารกิจของเรา
จงรับฟังข่าวสารจากจิตจักรวาลผ่านเราเท่านั้น
เพราะเราเป็นผู้กล่าวพระโอวาทในพระนามพระองค์
เราเป็นจิตวิญญาณบริสุทธิ์เพียงรูปธรรมเดียว
ที่อาสากลับมาช่วยท่านตามพระบัญชาของพระองค์
เราจึงกล่าวความจริงต่อมนุษย์ทุกคนเสมอ

พวกท่านมิต้องพิพากษาเลือกข้างดำหรือขาว
มิต้องกังวลใจในข่าวศัตรูต่างดาวโจมตีโลก
มนุษย์โลกสู้รบปรบมือกับพวกเขาไม่ได้หรอก
เพราะเขาเสพกิเลสมารพลังงานลบเป็นอาหาร
มนุษย์เสพแต่พลังงานบวกคือความรักบริสุทธิ์

บวกจากจิตมนุษย์ที่บารมีไม่สูงจึงสู้พลังลบไม่ได้
ความฉลาดทางปัญญาของสมองก็สู้พวกนี้ไม่ได้
อาวุธประจำตัวของพวกนี้ก็ทันสมัยกว่าพวกท่าน
ทั้งพลังจิตและวัตถุเท็คโนโลยีท่านมีแต่ปืนฉีดน้ำ
เราต้องการสร้างสติทางวิญญาณให้แก่ท่าน
ป้องกันมิให้เป็นทาสการหลอกลวงด้วยกิเลส
มิให้เสียเวลาที่จะจัดการกับตนเองให้หลุดพ้น

เราใคร่ขอย้ำอีกครั้งว่า
ขยะทุกชิ้นที่รกโลกที่ทำให้โลกพระบิดาสกปรก
โดยเฉพาะขยะชิ้นที่ท่านมองว่ามันเป็นขยะมีพิษ
ซึ่งมนุษย์ฝ่ายพระบิดาอย่างท่านจัดการไม่ได้นั้น
ก็ขอให้เลิกวิตกกังวลใจกันได้แล้ว
จงเร่งเข้าถึงนิพพานให้สุดเพื่อหลุดพ้นให้ได้
เพราะแผนการเก็บขยะของพระบิดานั้นมีไว้แล้ว
โลกจะสะอาดจักรวาลจะสงบในยุคพลังงานใหม่
จงใส่ใจในบทบาทหน้าที่ของตนเองกันดีกว่านะ

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
20/04/2022

19 เมษายน 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 19/04/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เพราะ #จิตวิญญาณ ผู้เป็นแก่นแท้ของท่าน
มีภารกิจสำคัญในการขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์
ก็คือมาร่วมกันใช้ความรักเพื่อให้หรือรักบริสุทธิ์
สั่นสะเทือนขันธ์ 5 ที่พระบิดาทรงติดตั้งเอาไว้ให้
ช่วยกันผลิตพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ช่วยค้ำจุนโลกให้สมดุลอย่างยั่งยืนตลอดไป

เนื่องจากพระบิดาทรงออกแบบเอาไว้ให้
ดาวโลกดวงนี้มีหน้าที่ค้ำจุนความสมดุลของเอกภพ
ซึ่งเป็น #ห้องทดลองของพระองค์ ให้ดำรงไว้
โดยเอกภพจะดำรงอยู่ได้โลกจักต้องสมดุลเท่านั้น
วิธีที่จะช่วยให้โลกสมดุลก็คือต้องทำให้โลกหมุน
โดยต้องหมุนรอบตัวเองต่อเนื่องด้วยอัตราเร็วคงที่
และผู้มีหน้าที่ช่วยให้โลกหมุนก็คือจิตวิญญาณ
ผู้ขันอาสาพระบิดาเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์นั่นเอง

ดังนั้น
เมื่อได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์กันแล้ว
ท่านทั้งหลายก็ต้องรู้ว่าท่านมีหน้าที่ต้องทำอะไร
ท่านมีหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกใช่หรือไม่
อีกทั้งยังจะต้องรู้อีกด้วยว่าท่านจะต้องทำอย่างไร
จึงจะบรรลุผลสำเร็จในหน้าที่ของท่านได้

ในอดีตที่ผ่านมาพวกท่านไม่เคยรู้คำตอบเหล่านี้
เพราะไม่มีใครบอกท่านและคิดรู้กันเองก็ไม่ได้
เพราะมันเป็นความจริงระดับ #อนุตรธรรม
ที่เกินความสามารถของสมองสองซีกจะคิดได้
พวกท่านจึงถูกคนนำทางตาบอดพาไขว้เขวว่า
พวกท่านไม่น่ามาเกิดเป็นมนุษย์บนโลกนี้เลย

เพราะการเวียนว่ายตายเกิดหรือมีภพชาติก็ทุกข์
การเกิดแก่เจ็บตายสมหวังผิดหวังมันก็ทุกข์
การมีชีวิตอยู่ในแต่ละวันก็เต็มไปด้วยความทุกข์
มีวิธีเดียวที่จะไม่ทุกข์ก็คือละทิ้งสังคมที่วุ่นวาย
แล้วหาทาง “ตาย” โดยจิตวิญญาณไม่มาเกิดอีก
ซึ่งพวกท่านเรียกกันว่าเข้าถึง “นิพพาน” นั่นเอง
ทุกวันนี้ค่านิยมการปฏิบัติธรรมก็เพื่อสิ่งนี้ทั้งนั้น
เพราะล้วนถูกชักพาให้หลงทางกันมาตลอด

มนุษย์ได้แนวคิดแบบนี้จาก “คนนำทางตาบอด”
ที่ถูกมารมอดทำการล้างสมองมาอีกทอดหนึ่ง
เพื่อล่อลวงพวกท่านให้ละทิ้งหน้าที่ค้ำจุนโลก
เพื่อล่อหลอกพวกท่านให้พากันหลงทางนิพพาน
ด้วยการหลุดลอยไปค้างกันอยู่บนสวรรค์มายา
จะกลับลงมาก็ไม่ได้จะไปต่อก็ไม่รู้ว่าจะไปไหน
จึงรอวันเวลาที่จะเป็นต้นไม้ที่ต้องถูกถอนทิ้ง
เพราะสวรรค์มายาเป็นภพภูมิที่พระบิดามิได้สร้าง

ไม่ต่างจากเกาะน้อยใหญ่ในทะเลและมหาสมุทร
ล้วนเกิดจากการตกตะกอนของดินโคลนทั้งนั้น
นานหลายปีผ่านไปก็กลายสภาพเป็นเกาะแก่ง
จนเป็นขยะรกโลกที่จะถูกกำจัดทิ้งในอีกไม่นาน

ไม่ต่างจากคนที่เกิดมาแล้วเป็นมนุษย์ไม่สำเร็จ
เพราะทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกไม่ได้
แถมยังหลงทางโดยเลือกไปอยู่ข้างมารมอด
เป็นทาสมอดทำเพื่อมอดแล้วทอดทิ้งพระบิดา
ผู้คนเหล่านี้ก็ไม่ต่างไปจาก “ขยะ” ที่รกโลก
ที่ต้องถูกชำระทิ้งไปจากระบบโลกด้วยเช่นกัน
เพราะเป็นคนเสียชาติเกิดผู้ผิดสัจจะต่อพระเจ้า
ได้แต่คอยดูดซับรับเอาประโยชน์ไปจากโลก
แต่มิได้ทำอะไรเพื่อโลกเพื่อพระบิดาเลย
มุ่งทำเพื่อมอดด้วยการเสพติดกิเลสรายวัน
สั่นสะเทือนขันธ์ห้าผลิตพลังงานกิเลสออกมา
ซึ่งใช้ประโยชน์เพื่อค้ำจุนสมดุลโลกก็ไม่ได้
แต่ทว่าเป็นสิ่งที่มอดมารต้องการเสพมากที่สุด

ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้
เป็นความล้มเหลวของมนุษย์
ในภารกิจของจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้
ที่เกิดจากความเหลวไหลโง่ง่ายไม่เอาไหน
จนถูกศัตรูผู้แอบแฝงตัวอยู่ในเงามืด
เข้าครอบงำกันมาตั้งแต่อดีตกาลนานถึงปัจจุบัน
ซึ่งผู้นำทางศาสนาและคนนำทางตาบอด
เป็นผู้ที่ถูกศัตรูมนุษย์ใช้เป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญ
ในการเผยแพร่ลัทธิมอดมารในหมู่มนุษย์

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
19/04/2022

18 เมษายน 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 18/04/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ภายในระบบชีววิทยาของมนุษย์ชายหญิงนั้น
แม้องค์ประกอบหลักจะเป็น DNA ของพระเจ้า
แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันมี DNA ของสัตว์ร้าย
ซึ่งเป็นของสิ่งมีชีวิตที่ดำรงอยู่ในต่างเผ่าดาว
ได้ถูกนำมาตัดต่อพันธุกรรมเข้าไว้ด้วยกัน
จนยุคนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของกันและกันไปแล้ว

เนื่องจากศัตรูของมนุษย์จากต่างเผ่าดาว
ซึ่งบุกรุกเข้ามาอยู่ในระบบโลกหลายหมื่นปีแล้ว
ต้องการให้มนุษย์โลกเป็นทาสรับใช้พวกตน
ด้วยการผลิตพลังงานกิเลสป้อนให้พวกตนเสพ
ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านลบ
ที่ได้จากการสั่นสะเทือนขันธ์ห้าด้วยกิเลสมาร
ในการดำเนินชีวิตประจำวันของพวกท่านนั่นเอง

เพราะเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
มีขันธ์ห้าเป็นกระบวนการในมิติทางพลังงาน
ที่พระบิดาหรือพระเจ้าทรงประทานเอาไว้ให้
เป็นเครื่องมือของจิตวิญญาณในการผลิตพลังงาน
ในรูปคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
เพื่อช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองได้ต่อเนื่อง
จนสามารถค้ำจุนความสมดุลของระบบโลกได้
แค่ใช้ความรักเพื่อให้ “หมุนธรรมจักร” เท่านั้น

ศัตรูของมนุษย์จากต่างเผ่าดาวได้ค้นพบว่า
ถ้ามนุษย์โลกใช้ขันธ์ห้าผลิตพลังงานด้านบวกได้
ก็ต้องสามารถผลิตพลังงานด้านลบออกมาได้เช่นกัน
เพียงแค่ผ่าตัดดัดแปลงขันธ์ห้าที่ใช้ความรักขับเคลื่อน
ให้มันสั่นสะเทือนด้วยกิเลสมารในแบบสัตว์ร้ายแทน
แค่เพียงหลอกมนุษย์ให้ตกหลุมพรางสิ่งยั่วยุที่สร้างขึ้น
กระบวนการขันธ์ห้าก็เปลี่ยนจากธรรมจักรเป็นกรรมจักร
ซึ่งบิดเบือนเบี่ยงเบนไปได้โดยอัตโนมัติแล้ว

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เพราะว่าโครงสร้างทางชีววิทยาของมอดมารเหล่านี้
มิอาจเสพพลังงานความรักที่เป็นด้านบวกเยี่ยงมนุษย์ได้
เนื่องจากมีดีเอ็นเอที่เป็นคนละชนิดกันดังกล่าวแล้ว
พวกเขาจึงต้องการใช้มนุษย์เป็นเครื่องยนต์กลไก
ช่วยผลิตพลังงานกิเลสเพื่อสนับสนุนการอยู่รอด
คือมีชีวิตอมตะไม่ต้องตายขณะดำรงอยู่ในระบบโลก

เนื่องจากพลังงานกิเลสที่พวกเขาสั่นสร้างได้เองนั้น
มันไม่เพียงพอต่อการขับเคลื่อนพฤติกรรมในสองมิติ
ซึ่งพวกเขาจะใช้พลังจิตสิ้นเปลืองมากขณะอยู่ที่โลก
ครั้นจะอาศัยพลังร่วมด้านลบจากพวกเดียวกันก็ไม่พอ
เหตุเพราะว่าผู้บุกรุกซึ่งเป็นศัตรูของมนุษย์เหล่านี้
ยังมีจำนวนประชากรไม่เพียงพอที่จะร่วมกันผลิตได้
ทางเลือกที่พวกเขาทำก็คือสร้างศูนย์ดูดซับพลังงาน
เอาไว้กักเก็บพลังงานกิเลสที่มนุษย์ช่วยกันผลิตสร้าง
เพื่อการสำรองใช้ในการเติมเต็มให้แก่พวกตน
กับการผลิตสร้างวัตถุเท็คโนโลยีแปลกๆใหม่ๆออกมา
คอยหลอกล่อยั่วยุให้มนุษย์ช่วยกันผลิตกิเลส
จนไม่สามารถใช้ความรักและปัญญาหมุนธรรมจักร
ด้วยขันธ์ห้าในแบบที่พระบิดาทรงติดตั้งไว้ได้ง่ายๆอีก

ที่เหนือชั้นยิ่งไปกว่านั้นก็คือการใช้อวิชชาที่ลี้ลับเร้าใจ
หลอกให้มนุษย์ที่งมงายกิเลสหนาและจิตฝักใฝ่อุตริ
หันมาใส่ใจใฝ่ทำตามทั้งวิชาสั่งจิตจูนจิตและจูงจิต
เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่ตนเองต้องการด้วยพลังแห่งกิเลส
มิใช่ด้วยหนึ่งสมองกับสองมือตามปกติแต่อย่างใด
แต่วิชาลี้ลับประเภทนี้มันคือปฏิบัติการทางจิตวิญญาณ
ที่จะทำให้มนุษย์เหวี่ยงพลังจิตใต้สำนึกออกมาภายนอก
โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการหมุนกรรมจักรของขันธ์ 5
ด้วยพลังอำนาจของกิเลสตัณหาในแบบเดิมอีกต่อไป

วิธีปฏิบัติก็คือมนุษย์จักต้องเริ่มต้นด้วยการนั่งสมาธิ
แล้วกำหนดให้จิตหยาบสั่งจิตวิญญาณของตนเอง
ให้ขับเคลื่อนพลังแห่งจิตใต้สำนึกออกมาภายนอก
เพื่อกระทำการบางสิ่งให้ได้มาตามที่พวกตนต้องการ

เมื่อจิตวิญญาณมนุษย์ถูกสั่งการด้วยกิเลสของจิตหยาบ
พลังจิตที่ถูกเหวี่ยงออกมาก็จะเป็นพลังงานด้านลบ
ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆโดยไม่ต้องใช้วัตถุช่วยกระตุ้นกิเลส
แต่ใช้ความอยากเป็นผู้วิเศษ อยากรวยเป็นเศรษฐี
อยากมีอะไรดีๆเหนือมนุษย์คนอื่นๆด้วยวืธีลัดแทน
ซึ่งเป็น “นามธรรม” ที่คนจนคนรวยก็ตกหลุมพรางได้
เพราะความอยากของมนุษย์ที่เกิดขึ้นนั้นมันรุนแรง
ผลผลิตทางไฟฟ้าด้านลบจึงเข้มข้นสะใจมอดมาร

ทั้งหมดที่เรากล่าวมาพอสังเขปนั้น
มันเกิดขึ้นในมิติทางพลังงานเบื้องหลังมิติโลก
ซึ่งสองตาเปล่าของมนุษย์มองไม่เห็นมัน
มนุษย์ที่ตกหลุมพรางจึงมิอาจรู้เท่าทันกันได้ง่ายๆ
อีกทั้งถูกกิเลสตัณหามันบดบังสติปัญญาอีกด้วย
จึงตกเป็น “คนงานของศัตรู” โดยไม่เคยได้รับค่าจ้าง
แม้การที่ตนวาดหวังว่าจะร่ำรวยเป็นเศรษฐีมีลาภผล
มนุษย์ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ด้วยซ้ำไปว่ามันได้ผลจริงแท้
แต่ยิ่งทำอุตริก็ยิ่งอายุสั้นนานวันจิตวิญญาณยิ่งเสื่อม
เพราะใช้พลังทางจิตวิญญาณลัดขั้นตอน
โดยออกคำสั่งให้จิตวิญญาณทำตามกิเลสของตน
แทนที่จิตหยาบจะสั่นสะเทือนจิตสามนึก
เพื่อขับเคลื่อนพฤติกรรมในมิติทางกายภาพ
ตอบสนองความต้องการจะรวยเป็นเศรษฐี
มนุษย์ก็ต้องใช้จิตปัญญาแสวงหาวิธีการต่างๆ
มาลงมือทำเพื่อให้ได้มาซึ่งความร่ำรวยอย่างทุ่มเท
แล้วจิตใต้สำนึกก็จะสั่นสะเทือนตามจิตหยาบเอง
เพื่อช่วยเหลือในมิติทางพลังงานด้านของแก่นแท้
คู่ขนานกันไปในสองมิติโดยไม่ต้องออกคำสั่งเลย
เพราะจิตใต้สำนึกมีหน้าที่ทำตามจิตสามนึกอยู่แล้ว

เรารู้ว่าไม่มีใครอยากเป็นทาสของใครหรอก
เรารู้ว่าไม่มีใครอยากเป็นผู้ถูกหลอกให้ทำอะไรโง่ๆ
เรารู้ว่าไม่มีใครอยากเป็นกรรมกรที่มิได้รับค่าจ้าง
เรารู้ว่าไม่มีใครอยากเป็นกิ่งไม้ที่มีกาฝากมาเกาะ
เรารู้ว่าไม่มีใครอยากอายุสั้นเพื่อให้ผู้อื่นเป็นอมตะ
แต่เพราะกิเลสบังตาจนทำให้ปัญญามืดบอด
หลายคนจึงเสียท่ามอดมารกันมานานแล้ว

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
18/04/2022

16 เมษายน 2565

VDO. EP. 382: โลกนี้ไม่มีวันตาย (Full Version)


 

บันทึกการสื่อพระโอวาทในระบบจิตสู่จิตจากองค์จิตจักรวาล

โดย อนุตรธรรมาจารย์ปริญญา ตันสกุล

สนทนาประสาจิตจักรวาล 16/04/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ศัตรูของมนุษย์โลกผู้ตั้งตนเป็นอริกับพระบิดา
ได้ปฏิบัติการทำร้ายมนุษย์เพื่อต่อต้านพระองค์
นับแต่พวกเขาพากันบุกรุกเข้ามายังดาวโลกดวงนี้
เมื่อนานหลายหมื่นปีมาแล้ว

โดยพวกเขาได้ตัดต่อดีเอ็นเอของสัตว์ร้าย
เอาไว้กับดีเอ็นเอของพระเจ้าที่มีอยู่แต่เดิม
ในเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ตรงท้ายทอยที่เรียกว่าก้านสมอง (Brain Stem)
ซึ่งเดิมทีพระบิดาทรงติดตั้งไว้ให้จิตวิญญาณ
ตัวตนแก่นแท้ของมนุษย์แต่ละคนเป็นผู้ใช้งาน
เพื่อคอยเตือนให้จิตหยาบรักตัวกลัวตายไม่เสี่ยง
จนทำให้จิตวิญญาณต้องตายหรือร่างกายบาดเจ็บ

แต่เมื่อศัตรูของมนุษย์แอบมาผ่าตัดดัดแปลงไป
เพื่อให้ก้านสมองซึ่งเป็นที่ตั้งของจิตสัญชาตญาณ
เรียกว่า Reptilian Brain หรือ Dinosaur Brain
ทำหน้าที่เป็นผู้บังคับหรือบงการให้จิตหยาบ
ทำตามอารมณ์รู้สึกนึกคิดก้าวร้าวแบบสัตว์ร้ายแทน
ยังผลให้จิตหยาบเข้าถึงจิตวิญญาณของตนไม่ได้
ซึ่งเดิมพระบิดาทรงติดตั้งไว้ให้เป็นระบบอัตโนมัติ
มนุษย์จึงตกเป็น #คนงาน หรือทาสของพวกมันไป

แผนการชั่วร้ายของมอดมารที่ว่านี้
มันยังผลให้มนุษย์ส่วนใหญ่โง่ง่าย
เพราะถูกหลอกล่อให้ใช้อารมณ์รู้สึกแทนปัญญา
มนุษย์จึงมีอาการจิตสามนึกตกต่ำลงมากขึ้นทุกวัน
รักไม่ได้ ให้อภัยไม่เป็น เห็นแก่ตัวและพวกตัว
มีจริตกริยาดุร้ายก้าวร้าวอาฆาตพยาบาท
หงุดหงิดงุ่นง่านฮึดฮัดดั่งสัตว์ร้ายมากขึ้นทุกวัน
จนเห็นการทะเลาะวิวาทฆ่ากันตายเป็นเรื่องปกติ
ทำให้จิตวิญญาณมีชีวิตอมตะโดยไม่ต้องตายไม่ได้
จึงต้องตกเป็นทาสกฎแห่งกรรมจึงต้องมีภพชาติหน้า
จนทำให้หนีการมีสังสารวัฏไปไม่พ้น

สิ่งแรกที่มอดมารผู้เป็นศัตรูของมนุษย์ต้องการก็คือ
พลังงานกิเลสที่ได้จากการหมุนกรรมจักรด้วยขันธ์ 5
ในรูปของคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านลบ
ที่พวกมอดมารศัตรูมนุษย์เรียกว่า #พลังงานแสง
ซึ่งใครที่ไม่รู้ความจริงก็อาจฟังดูแล้วหรูเริ่ดไปเลย
จึงไม่แปลกหรอกที่มนุษย์จะถูกเรียกว่า #ชาวแสง
จนเคลิ้มตามศัตรูทั้งๆที่ไม่รู้ว่าความจริงมันคืออะไร

อันโครงสร้างทางชีววิทยาของศัตรูมนุษย์นั้น
แม้จะเป็นรูปแบบเครื่องยนต์แห่งกรรมที่มีชีวิต
ซึ่งมีองค์ประกอบหลักเป็นสารโปรตีน
ทั้งดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอเช่นเดียวกับมนุษย์โลก
แต่ในมนุษย์นั้นร่างกายต้องการโปรตีนจากพืช
เป็นอาหารบำรุงดีเอ็นเอเพราะบริสุทธิ์มากกว่า
สารโปรตีนที่ได้จากเลือดเนื้อของสัตว์ประจำโลก

ถ้าดีเอ็นเอของมนุษย์
ได้รับสารอาหารโปรตีนจากพืชผักผลไม้
ตามที่พระบิดาทรงออกแบบและประทานไว้ให้
มันจะยังผลให้มนุษย์มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์
มีภูมิต้านทานโรคสูง ไม่เจ็บไข้ได้ป่วยง่าย
จะมีชีวิตเป็นอมตะโดยไม่มีวันกำหนดให้ต้องตาย
เพราะผู้ไม่กินเลือดเนื้อของสัตว์ที่มิใช่อาหารมนุษย์
ก็คือ #ลูกแกะของพระเจ้า ที่กินขนมปังพระบิดา

ถ้าดีเอ็นเอของมนุษย์
ได้รับสารอาหารโปรตีนจากเลือดเนื้อของสัตว์
ซึ่งมิใช่อาหารบำรุงดีเอ็นเอของพระเจ้า
เมื่อมนุษย์กินอาหารที่ร่างกายไม่ต้องการเข้าไป
คงจะมีก็แต่ดีเอ็นเอของสัตว์ร้ายในตัวท่านเท่านั้น
ที่มันจะกระดี๊กระด๊าเพราะพวกมันชอบเสพ
แล้วยิ่งมนุษย์คนใดขยันเสพกิเลสเพื่อสร้างกิเลส
ในรูปของพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านลบด้วยแล้ว
มนุษย์คนนั้นก็จะยิ่งตกเป็น “กรรมกร” ของมอดมาร
ที่จะคอยดูดเสพพลังงานขยะให้ตนเป็นอมตะแทน
ขณะที่มนุษย์ผู้เป็นกรรมกรแสงของมอดจะอายุสั้น

ยิ่งศัตรูผู้มาจากต่างเผ่าดาวเหล่านี้
หลอกลวงมนุษย์ว่าตนคือ #พระเจ้าของพระเจ้า
ยิ่งยังผลให้คนที่ไม่เชื่อในพระเจ้าเกิดคล้อยตาม
เพราะศัตรูของมนุษย์จะใช้วิชามารคือการจูงใจ
ให้มองเห็นว่าพวกตนมีอำนาจเหนือพระเจ้า
เช่น หลอกมนุษย์ว่าจะยกระดับจิตวิญญาณ
จากมิติที่สามไปสู่มิติที่ห้าให้ได้ในไม่ช้านี้
เพราะแบบเดิมที่พระเจ้ากำหนดไว้มันคือความมืด
มนุษย์ถูกครอบงำด้วยความมืดและความแตกต่าง
ทำให้มนุษย์ทะเลาะกันทำสงครามสู้รบกันตลอด

มอดมารพวกนี้จึงขายฝันให้แก่มนุษย์โลกว่า
พระเจ้าของพระเจ้าหรือพระบิดาของพระเจ้า
จะเปลี่ยนโลกเก่านี้ให้เป็นโลกใหม่ที่เหนือกว่าเดิม
โดยมนุษย์จะเป็นหนึ่งเดียวกัน จะมีศาสนาเดียวกัน
จะมีประเทศเดียวกัน จะมีความคิดเดียวกัน
จะมีผู้นำโลกคนเดียวกัน จะมีวิถีชีวิตแบบเดียวกัน
โดยไม่เคยบอกมนุษย์ว่าพวกเขาจะทำอย่างไร
จึงจะบันดาลให้ทุกสิ่งเป็นหนึ่งเดียวตามที่ว่านั้นได้
แต่คนโง่ง่ายก็เชื่อตามศัตรูเหล่านี้ไปตั้งมากแล้ว

ท่านทั้งหลายจะรู้หรือไม่ว่า
ทำไมพวกมอดมารศัตรูของมนุษย์โลก
จึงหาญกล้ากล่าวต่อมนุษย์ว่าพวกตนนั้น
เป็นพระบิดาของพระเจ้าหรือพระเจ้าของพระเจ้า
เหตุผลสำคัญมีดังนี้ คือ

1.เพราะพวกเขาไม่เคยรู้จักพระเจ้าของมนุษย์
ทั้งๆที่พระเจ้าคือพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งในเอกภพ
ไม่เว้นแม้แต่การทรงสร้างพวกเขาขึ้นมาด้วย
จึงหลงผิดคิดว่าพระเจ้าไม่มีจริงจึงไม่เชื่อพระเจ้า

ที่พวกนี้ไม่รู้จักพระเจ้าพระบิดาของตนเอง
เพราะรูปธรรมมีชีวิตในต่างเผ่าดาวเหล่านี้
ไม่เคยมีพระบุตรเอกของพระบิดาหรือพระเจ้า
ถูกส่งเข้าไปจุติบนดาวของพวกเขา
เพื่อกล่าวพระโอวาทในพระนามของพระเจ้า
แล้วกล่าวความจริงระดับอนุตรธรรมให้ได้รู้

เพราะพวกเขาไม่มีหน้าที่จะต้องรู้เหมือนมนุษย์
พระองค์จึงต้องมีพระบัญชาให้เรากลับมา
กล่าวอนุตรธรรมให้ได้รู้เพราะมนุษย์รู้เองไม่ได้
ถ้าไม่รู้อนุตรธรรมมนุษย์ก็จะทำหน้าที่ไม่ได้
เมื่อทำหน้าที่ของตนไม่ได้ภารกิจก็ล้มเหลว
การเสียสมดุลครั้งใหญ่จนอาจถึงขั้นแตกสลาย
ทั้งของทุกสรรพสิ่งในเอกภพรวมทั้งมนุษย์ด้วย
ก็จะบังเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
จิตวิญญาณของพวกท่านก็จะหลุดพ้นไม่ได้
การแตกสลายทางจิตวิญญาณของพวกท่าน
จะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประดาสิ่งที่ทรงสร้าง
พระบิดาจึงมิทรงยอมให้เกิดขึ้น

แต่สำหรับพวกสิ่งมีชีวิตบนดาวอื่นนั้น
พวกเขาเป็นแค่ “สิ่งทดลอง” ของพระองค์
ในการกำหนดสร้างรูปธรรมมนุษย์ที่ดีที่สุด
ให้เหมาะสมต่อการเป็นเพื่อนร่วมงานกับดาวโลก
เพื่อค้ำจุนโลกและค้ำจุนห้องทดลองขนาดใหญ่
ที่เรียกว่า #อนันตจักรวาล ให้คงมั่นนิรันดรเท่านั้น

2.เพราะศัตรูของมนุษย์โลกพวกนี้
อิจฉามนุษย์ที่มีตัวตนรูปลักษณ์สมส่วนสวยงาม
ทุกคนสามารถใช้ชีวิตได้อย่างเสรีภายในระบบโลก
ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์และหลากหลาย
ทุกคนอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรมที่ไม่รู้ว่าใครควบคุม

จิตวิญญาณมนุษย์มีนรกเอาไว้รักษาอาการหลงมิติ
โดยสามารถตายจากการเป็นมนุษย์ไปลงนรกได้
เมื่อรักษาหายแล้วยังได้รับโอกาสให้มาเกิดใหม่อีก
ซึ่งพวกเขาก็ไม่รู้ว่ามันเป็นไปอย่างนั้นได้อย่างไร
แต่พวกเขาก็แอบเชื่อว่ามนุษย์โลกต้องมีอำนาจเหนือ
คอยกำกับดูแลและควบคุมทุกอย่างอยู่แน่นอน
พวกเขาจึงมองว่าพระเจ้าของมนุษย์ก็คือความมืด
ขณะที่พระเจ้าผู้ให้กำเนิดพวกตนก็คือ “แสงสว่าง”
โดยแสงสว่างของผู้ให้กำเนิดกายและจิตวิญญาณนี้
พวกตนเรียกว่า #ธาตุรู้อมตะ เป็นผู้สร้างให้ตนเกิด
ซึ่งธาตุรู้อมตะก็คือ #พลังงาน ที่ล่องลอยในจักรวาล
มารวมตัวกันจนเกิดเป็นตัวตนของสิ่งมีชีวิตขึ้น
เห็นหรือไม่ว่าเมื่อไม่รู้ความจริงของชาติกำเนิด
แม้จะฉลาดเพราะเกิดมานานยังไงๆก็ต้องเดาเอา

น่าเสียดายยิ่งนัก
ขณะที่มนุษย์มีพระศาสดาผู้เสด็จมาจากพระเจ้า
มีพระบุตรเอกที่พระบิดาประทานมาให้โลก
เพื่อบอกความจริงเรื่องชาติกำเนิดของจิตวิญญาณ
เพื่อมากล่าวพระโอวาทในพระนามของพระเจ้า
แต่มนุษย์กลับปฏิเสธพระเจ้าปฏิเสธพระบุตรเอก
ทำเหมือนจิตวิญญาณตนเองมาจากรูกระบอกไม้ไผ่
ทั้งๆที่จิตวิญญาณมนุษย์มีชาติกำเนิดที่สูงส่ง
มิใช่ผู้พเนจรร่อนเร่พลัดหลงเข้ามาเกิดโดยบังเอิญ
ทั้งๆที่เป็นคนมีปัญญามีเหตุผลแต่ไม่ฉลาดที่จะใช้
ตรงข้ามกับพวกมอดมารซึ่งบากบั่นที่จะรู้ให้ได้
เมื่อไม่มีใครบอกความจริงให้พวกเขารู้ก็ต้องเดาเอา

เพื่อให้ชาติกำเนิดของตนมันสูงส่งศิวิไลซ์
พวกเขาจึงเลือกที่จะเดาว่าพวกตนเกิดจากแสงสว่าง
เพราะในจักรวาลนี้แสงสว่างยังไงก็ดีกว่าความมืด
พวกเขาจึงเชื่อของพวกเขากันมาอย่างนั้น
โดยหยิบยื่นความต่ำชั้นให้กับมนุษย์ทั้งหลายว่า
มนุษย์เป็นผู้อยู่ใต้อำนาจการปกครองของความมืด
ความมืดจึงเป็นพระเจ้าซึ่งเป็นพระผู้สร้างมนุษย์
ทำให้ต่างดาวอย่างพวกตนจึงสูงส่งกว่ามนุษย์

3.เพราะพวกศัตรูจากต่างแดนดาวเหล่านี้
มีอำนาจเหนือมนุษย์ในทุกศาสตร์ทุกแขนง
ทั้งยังฉลาดกว่ามนุษย์ที่มีสมองถึงสองซีก
ซึ่งมีทั้งจิตหยาบและจิตวิญญาณในการขับเคลื่อน
ขณะที่พวกตนมีสมองแค่ก้อนเดียวเท่านั้น
โดยมีสัญชาตญาณของสัตว์ร้ายคอยบังคับการคิด
พวกตนก็ยังฉลาดเหนือกว่ามนุษย์โลกหลายขุม
พลังจิตก็เหนือกว่า พลังทางปัญญาก็เลิศล้ำกว่า
พลังความสามารถก็ยอดเยี่ยมไร้เทียมทานกว่า
จึงพยายามจะให้มนุษย์โลกยอมรับตนเป็นพระเจ้า

ด้วยการใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกลวงคนที่โง่ง่าย
ให้ช่วยผลิตพลังงานกิเลสป้อนพวกตน
โดยสร้างเงื่อนไขยั่วกิเลสทุกวิถีทางที่มนุษย์ชอบ
เช่น สร้างวัตถุเท็คโนโลยีขึ้นมาล่อให้อยากเสพ
เผยแพร่ลัทธิวิชามารที่ลึกลับซับซ้อนดั่งมายากล
เมื่อทำตามแล้วเกิดผลแต่ไม่รู้ที่มาที่ไปว่าคืออะไร
เพื่อหลอกให้มนุษย์งมงายจะได้ปิดกั้นการใช้ปัญญา
ให้หันมาฝักใฝ่หลงไหลในอุตริฤทธิปาฏิหาริย์แทน

ถ้ามนุษย์โง่ง่ายมากเท่าไหร่
พวกเขาก็จะมีอำนาจเหนือนำได้มากเท่านั้น
ที่สำคัญก็คือพลังงานกิเลสจากจิตมนุษย์
เป็นคลื่นความถี่ชนิดเดียวกับอำนาจแม่เหล็กโลก
เพียงแต่พลังกิเลสมีคุณสมบัติทางไฟฟ้าเป็นลบ
ซึ่งดาวโลกไม่ต้องการแต่พวกมอดมารต้องการ

ถ้าพวกเขาทั้งหลายไม่มีพลังงานในตนเอง
ที่สามารถโต้ตอบกันกับสนามแม่เหล็กโลกได้
พวกเขาก็จะใช้ชีวิตอยู่ในระบบโลกนี้ต่อไปไม่ได้
ทุกตัวตนจะต้องตายเพราะเซลล์อวัยวะร่างกายเสื่อม
เนื่องจากพระบิดาทรงสร้างกายสังขารพวกเขา
ให้โต้ตอบสนามแม่เหล็กเฉพาะดาวของตนเท่านั้น

ถ้ามนุษย์ทั้งโลกไม่รับฟังสิ่งที่เรากล่าวนี้
ยังคงโง่ง่ายยังเสพติดกิเลสและยังหลับมิรู้ตื่นอยู่
ทั้งมนุษย์และโลกจะตกอยู่ในอันตรายแน่นอน
เพราะศัตรูของมนุษย์ผู้บุรุกมาจากต่างเผ่าดาว
มีเล่ห์เหลี่ยมเยอะมากจนเกินกว่าจะรู้เท่าทัน
ทั้งรูปร่างหน้าตาก็เหมือนมนุษย์จนแยกไม่ออกด้วย

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
16/04/2022

14 เมษายน 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 14/04/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

หน้าที่สำคัญของจิตวิญญาณของท่าน
ผู้ได้รับโอกาสจากพระบิดาให้มาเกิดเป็น #คน
ในระบบดาวโลกซึ่งเป็นดาวแห่งทางเลือกเสรีนี้
ที่จิตหยาบของท่านขณะเป็นคนอยู่จักต้องปฏิบัติ
ให้สำเร็จลุล่วงให้จงได้ในเบื้องต้นก่อนก็คือ

#ต้องคนตนเองเพื่อเป็นมนุษย์

คำว่า “คนตนเอง” หมายถึง
#การหมุนธรรมจักรในตนเอง ตลอดเวลา
ขับเคลื่อนขันธ์ 5 ฝ่าทุกขเวทนาขันธ์ของมาร
เช่น ความรู้สึกพอใจไม่พอใจ ชอบไม่ชอบ
เข้าถึงความสุขสงบมีปีติอิ่มเอิบเบิกบาน
ซึ่งพระบิดาประทานไว้ให้ในเวทนาขันธ์แล้วให้ได้

ขณะที่ท่านปฏิบัติการดังกล่าวนี้นั้น
มันคือปฏิบัติการคนในตนเองเพื่อ #เป็นมนุษย์
ซึ่งจิตหยาบกับจิตวิญญาณภายในกายสังขารท่าน
จะสั่นสะเทือนสูงสุดร่วมกันทางด้านบวกได้
หากท่านสามารถยกระดับสองจิตให้เป็นหนึ่งเดียว
ในทุกยามที่ท่านตื่นอยู่หรือยังมีลมหายใจอยู่ได้
โดยไม่ต้องนั่งต้องนอนต้องปิดหูปิดตาและหนีสังคม
จนกลายเป็น #ธรรมชาติของตนเอง ไปในที่สุด
นั่นเท่ากับว่าท่านเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จ
ในการ #คนสองมิติ จนถูกเรียกว่า #มนุษย์ ได้แล้ว

เคล็ดลับสำคัญสูงสุดขณะปฏิบัติการนี้มีดังนี้
1.ท่านต้องรักตัวเองในการมาเกิดเป็นมนุษย์
โดยสำนึกรู้ว่าท่านเป็นตัวแทนของพระบิดา
ผู้ขันอาสาเข้ามาทำหน้าที่ในห้องทดลองใหญ่
ที่เรียกว่า #อนันตจักรวาล หรือ “เอกภพ” นี้
มิใช่เด็กกำพร้าผู้ร่อนเร่พเนจรไร้จุดหมายมาเกิด

2.ท่านต้องมีสำนึกรู้ว่าตนมีจิตวิญญาณอยู่ข้างใน
ซึ่งความจริงนี้เป็น #อนุตรธรรม ที่พวกท่านไม่เคยรู้
พระบิดาจึงทรงมีบัญชาให้เรากลับมาบอกพวกท่าน
เพราะเป็นความจริงของจิตวิญญาณที่ไม่รู้ไม่ได้

ที่สำคัญคือท่านจะตกเป็นทาสของมารโดยไม่รู้ตัว
เพราะไม่รู้ว่าผู้มาเกิดคือจิตวิญญาณเป็นตัวท่านนั้น
ได้แบ่งภาคตนเองออกมาเป็น #จิตหยาบ อีกทีหนึ่ง
เพื่อให้จิตหยาบก็คือตัวท่านขณะได้เกิดเป็นมนุษย์
ทำหน้าที่คนสองมิติเพื่อเป็นมนุษย์ให้ได้นั่นเอง
เพราะว่าจิตวิญญาณของท่านขันอาสามาเป็นมนุษย์
มิได้ขันอาสามาเกิดเพื่อเป็น “จิตหยาบ”

ดังนั้น
จิตหยาบจึงต้องรู้สำนึกเสมอว่า
ตนเป็นแค่ตัวแทนของจิตวิญญาณเท่านั้น
จะทำอะไรในชีวิตนี้ตามอำเภอใจตนไม่ได้
ต้องทำตามความต้องการของจิตวิญญาณเท่านั้น
การสำนึกรู้เช่นนี้คือ #การมีสติทางวิญญาณ
ที่พวกท่านทุกคนจักต้องมีไม่มีไม่ได้

3.ท่านต้องเข้าถึงจิตวิญญาณแก่นแท้ให้จงได้
ถ้าเข้าถึงกันไม่ได้จะเสียทีที่มาเกิดเป็นมนุษย์
โดยในชีวิตประจำวันจิตหยาบคือตัวท่าน
จึงเปรียบเสมือน #นักเดินทาง ผู้ตั้งต้นออกเดิน
จากจุดเริ่มต้นทันทีที่มีอายุครบสามขวบแล้ว
โดยค่อยๆแบกสัมภาระก้าวเดินไปช้าๆแต่มั่นคง
เพื่อไปยัง “สนามบิน” ที่มีจิตวิญญาณจอดรออยู่
จิตหยาบคือตัวท่านจักต้องรีบไปให้ถึงสนามบิน
เพื่อขึ้นเครื่องบินโดยมีท่านเป็นผู้โดยสารคนเดียว
แล้วจิตวิญญาณของท่านก็จะพาท่านโบยบินไป
ยังปลายทางสุดท้ายอันเป็นที่หมายที่จะต้องไป

นั่นคือการนิพพานขยะในขันธ์ห้าได้จนหมดสิ้น
จนสามารถใช้ความรักช่วยให้โลกหมุนได้ดีด้วย
เพื่อให้จิตวิญญาณสามารถหลุดพ้นกลับบ้านได้
เมื่อหมดเวลาทำภาระกิจของจิตวิญญาณแล้ว
คือ “วันสิ้นยุคพลังงานเก่า” ในเวลาขณะนี้นี่แหละ
ซึ่งขณะเดินทางจิตวิญญาณจะพาท่านแวะจอด
เพื่อแจกความรักจากพระเจ้าที่แบกขนกันไป
ให้แก่เพื่อนมนุษย์ทุกคนและดาวเคราะห์โลก
ผู้รอรับของขวัญจากพระบิดาที่ท่านถือติดตัวมา
เพื่อแลกเปลี่ยนแบ่งปันสังสรรค์กันด้วยใจจดจ่อ
โดยต่างเฝ้ารอกันและกันมานานหลายภพชาติแล้ว

จงอย่ามัวงมงายด้วยการทำอะไรตามจิตหยาบ
เพื่อเป็นกรรมกรชาวแสงของมอดมารอยู่อีกเลย
เพราะว่ามันมิใช่หน้าที่อันสูงส่งศักดิ์สิทธิ์ของท่าน
พวกท่านต้องทำทุกสิ่งเพื่อเพื่อนมนุษย์และโลก
ตามพันธะสัญญา 6 ที่จิตวิญญาณของท่าน
ได้ให้สัจจะไว้ต่อพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ตั้งแต่ก่อนมาเกิดเป็นมนุษย์ในภพชาติแรกนะ

พระบิดาคือพระเจ้าผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณท่าน
พระผู้สร้างโลกและจักรวาลอันยิ่งใหญ่ไพศาลนี้
พวกมอดมารก็มีพระบิดาทรงให้กำเนิดเช่นกัน
พวกเขามีหน้าที่ต้องทำอยู่บนดาวของพวกเขา
พวกเขาล้วนเป็นผู้บุกรุกและตั้งตนเป็นศัตรูมนุษย์
ผู้คิดหมายจะครองดาวโลกและหลอกใช้พวกท่าน
สอนท่านให้ปฏิเสธพระบิดาด้วยการต่อต้านลบหลู่
แล้วยกพวกตนให้เป็นพระเจ้าของมนุษย์แทน
ซึ่งพวกเขาทำมานานนับหมื่นปีแล้วจนบัดนี้
พระบิดาจึงต้องมีพระบัญชาให้ชำระโลกเมื่อสิ้นยุค
แต่ก่อนจะถึงวันพิพากษาสุดท้ายในอีกระยะหนึ่งนั้น
มนุษย์ต้องมีสติทางวิญญาณให้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
เพื่อจะได้ไม่เป็นขยะเพราะยอมตนเป็นฝ่ายมอดมาร
จนต้องถูกชำระไปจากระบบโลกก่อนจะถึงวันนั้น

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
14/04/2022

12 เมษายน 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 12/04/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เมื่อใดก็ตามที่จิตหยาบของท่าน
เกิดการสั่นสะเทือนเพื่อการรับรู้สิ่งเร้าใดๆ
จากกลไกอายตนะภายนอกทั้งห้าแล้ว
กระบวนการของขันธ์ 5 มันจะเกิดขึ้นทันที
เพราะจิตหยาบถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้านั้น

สิ่งสำคัญที่ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ไว้ก็คือ
หน้าที่ของมนุษย์จะต้อง “หมุนธรรมจักร”
เพื่อตอบสนองสิ่งเร้านั้นๆให้จงได้
โดยใช้ความรักเพื่อให้ในเวทนาขันธ์ตอบสนอง
ไม่ว่าสิ่งเร้านั้นมันจะเป็นสิ่งดีหรือไม่ดีก็ตาม
คำตอบเดียวคือต้องตอบสนองด้านบวกเท่านั้น

ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีมนุษย์สามารถทำได้ไม่ยาก
เพราะในเวทนาขันธ์นั้นพระบิดาใส่ความรักไว้แล้ว
เมื่อจิตรับรู้สิ่งเร้าจนสั่นสะเทือนขันธ์ 5 ขึ้นมาได้
มนุษย์ก็จะเข้าถึงความรักในเวทนาขันธ์ได้ทันที
เพื่อตอบสนองความ #น่ารัก ของทุกคนทุกกรณี
ตามหน้าที่ของจิตวิญญาณของพวกท่านแต่ละคน
โดยความรักที่จิตหยาบกับกายหยาบสั่นสะเทือนนี้
จะเป็นต้นทุนการผลิตคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ในแบบที่โลกต้องการนำไปใช้บิดแกนแม่เหล็ก
เพื่อช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองต่อเนื่องได้

ดังนั้น
พวกท่านจึงต้องรู้ว่า “ความรักบริสุทธิ์”
ที่พระบิดาทรงติดตั้งไว้ให้ในเวทนาขันธ์คืออะไร
เนื่องจากในขันธ์ห้าของพวกท่านมันมีขยะปนอยู่
จากฝีมือของศัตรูผู้เป็นอริของพระเจ้าแอบใส่ไว้
ท่านจึงต้องรู้ว่าไหนขยะไหนรักแท้กันแน่
เพราะท่านต้องแยกขยะออกจากรักแท้ให้ได้
เพื่อใช้รักแท้ขับเคลื่อนกระบวนการขันธ์ห้าต่อไป
ซึ่งท่านจะเข้าถึงรักแท้ได้ก็ต้องใช้ “มหาสติ” ช่วย
ตามด้วยปณิธานแห่งการหลุดพ้นกำกับพฤติกรรม

ความรักบริสุทธิ์ที่พระบิดาบรรจุไว้ในเวทนาขันธ์
ก็คือ การอดทน อดกลั้น ให้อภัยกับใครๆได้เสมอ
โดยไม่มีเงื่อนไขว่าใครเป็นผู้ดีหรือผู้ร้ายของท่าน
และความมีเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เป็นต้น
ซึ่งความรักเพื่อให้อันเป็นรักบริสุทธิ์ทั้งหมดนี้
ล้วนได้มาจากอารมณ์รู้สึกนึกคิดทางด้านบวก
หรือมี #ทัศนคติด้านบวก ตอบสนองต่อสิ่งเร้านั้นๆ
ซึ่งมันจะเริ่มต้นที่ #ความรู้สึกด้านบวก ต่อสิ่งนั้น
แล้วอารมณ์บวกกับการนึกคิดด้านบวกก็จะตามมา

ตัวอย่างความรู้สึกที่ดีๆที่มิใช่กิเลส เช่น
รู้สึกว่าน่ารัก น่าเอ็นดู น่านิยมยกย่อง
รู้สึกว่าน่ายินดีด้วย น่าภูมิใจด้วย
รู้สึกว่าน่าส่งเสริม น่าสนับสนุน น่าเอาอย่าง
รู้สึกว่าน่าสงสาร น่าช่วยเหลือ เป็นต้น

สำหรับความรู้สึกที่เป็นกิเลส
ที่พวกท่านต้องละวางไว้อย่าไปแตะต้องคือ

ความรู้สึกชอบ ความรู้สึกไม่ชอบ
ความรู้สึกพอใจ ความรู้สึกไม่พอใจ
ความรู้สึกว่าสวย ความรู้สึกว่าไม่สวย
ความรู้สึกว่าหล่อ ความรู้สึกว่าไม่หล่อ
ความรู้สึกว่าน่าเกลียด น่าขยะแขยง
ความรู้สึกว่าน่าหมั่นไส้ น่ารำคาญ
ความรู้สึกว่าน่าเบื่อหน่าย น่ากลัว เป็นต้น

ถ้าท่านสังเกตให้ดีจะพบความแตกต่างได้ว่า
ความรู้สึกด้านบวกที่มิใช่กิเลสในเวทนาขันธ์
คือความรู้สึกที่เป็นบทบาทของการเป็น #ผู้ให้
ส่วนความรู้สึกที่เป็นกิเลสในเวทนาขันธ์นั้น
คือความรู้สึกที่เป็นบทบาทของการเป็น #ผู้เอา

ดังนั้น
ท่านจงอย่าเข้าใจผิดว่าการเกิดเวทนานั้นไม่ดี
แต่สิ่งที่ไม่ดีก็คืออย่าเสียความรู้สึกด้วยเวทนา
ตามตัวอย่างที่เราแยกแยะให้ได้รู้เห็นนั้นแล้ว
เพราะความรู้สึกที่เป็นกิเลสคือการรักเพื่อเอา
ความรู้สึกในแบบของพระเจ้าคือการรักเพื่อให้

การมีความรู้สึกวางเฉยต่อสิ่งเร้านั้นๆจะเกิดขึ้น
เฉพาะตอนที่ท่านผ่านขั้นตอนเวทนาไปได้แล้ว
พระบิดาทรงเรียกว่า “สอบผ่านบททดสอบ” แล้ว
ซึ่งมันต่างจากการที่หลายคนยังคิดเข้าใจผิดว่า
ต้องวางเฉยกับทุกสิ่งเร้าให้ได้จะได้ไม่เกิดเวทนา
โดยเข้าใจผิดว่าการเกิดเวทนานั้นไม่ดีต่อใจ
อันเป็นการคิดเข้าใจที่ไม่ถูกต้องตรงจริง

เราขอย้ำว่าเวทนาขันธ์ต้องสั่นสะเทือนอยู่แล้ว
เพราะว่ามันเป็นหนึ่งในห้าขั้นตอนของจิตหยาบ
ที่จะต้องสั่นสะเทือนในรูปแบบของคนสองมิติได้
เพียงแต่ว่าท่านจงอย่า #สอบตกบททดสอบ
โดยสั่นสะเทือนเวทนาขันธ์เป็นความรู้สึกด้านลบ
ตอบสนองสิ่งเร้าที่จิตหยาบของท่านพึงใจไม่พึงใจ
ด้วยสิ่งที่พวกท่านเรียกมันว่า #กิเลส นั่นเอง
หากท่านยังไม่เข้าใจอีกก็กลับขึ้นไปอ่านข้างบน
ด้วยจิตปัญญาจากมหาสติที่ท่านพอมีอยู่เถิดนะ

กับคำถามที่ว่า
หากมีคนถามท่านว่าเสื้อผ้าร้านนี้สวยไหม
ท่านก็ตอบเขาไปตามจริงสิว่ามันสวยหรือไม่สวย
เพราะคำตอบของท่านมันเป็นความคิดเห็น
มิใช่ความรู้สึกที่เป็นกิเลสในใจท่านมิใช่หรือ
และท่านก็ตอบตามจริงมิได้ต้องการจูงใจเขาด้วย
เรื่องของคำถามคำตอบว่าอร่อยไม่อร่อย
ก็เป็นความคิดเห็นมิใช่ความรู้สึกที่เป็นกิเลส
เว้นแต่คนถามเมื่อได้คำตอบว่าสวยแล้วอยากซื้อ
หรือคนถามเมื่อได้คำตอบว่าอร่อยแล้วอยากกิน
นี่แหละเป็นบ่อเกิดแห่งกิเลสสู่การใฝ่หาล่ะท่าน

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
12/04/2022