30 มีนาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 30/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ที่พวกท่านอ้างถ้อยความในพระคัมภีร์
 มธ10:37-39 -ที่ว่า...

"ใครที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเรา
ก็ไม่มีค่าควรกับเรา
และใครที่รักบุตรชายหญิงยิ่งกว่ารักเรา
คนนั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา

38และใครที่ไม่รับกางเขนของตนและตามเราไป
คนนั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา
39ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอดจะกลับเสียชีวิต
แต่ผู้ที่เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา
ก็จะได้ชีวิตรอด"


พระคำทั้งหมดที่พวกท่านอัญเชิญมาข้างต้นนี้
ถ้าท่านทั้งหลายยังคิดด้วยจิตมนุษย์กันอยู่
ยังนึกคิดด้วยสติปัญญาของสมองซีกซ้ายกันอยู่
พวกท่านจะเลือกอยู่ฝ่ายตรงข้ามกับพระองค์ทันที
เพราะการคิดด้วยสติปัญญาของสมองซีกซ้ายนั้น
จะยึดเอาแต่ตนเองและกรอบของโลกเป็นสำคัญ

ขณะที่พระองค์ผู้ทรงตรัสเอาไว้ดีแล้วนั้น
ทรงตรัสด้วยปัญญาญาณของสมองซีกขวา
อันเป็นสติปัญญาของจิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นสมองคนละซีกกันกับที่พวกท่านคิด
จึงไม่ต่างจากการที่มีผู้กล่าวไว้เป็นภาษาหนึ่ง
แต่ผู้อ่านก็พยายามจะอ่านเป็นอีกภาษาหนึ่ง
ซึ่งไม่มีทางที่จะเข้าใจตรงกันได้เลยนั่นเอง

นอกจากนั้นข้อความทั้งหมดในพระคัมภีร์
ได้ผ่านการแปลความมาแล้วหลายภาษา
ผ่านการคิดแบบจิตมนุษย์มาแล้วก็หลายหน
จนกว่าจะได้ข้อความมาเป็นภาษาไทยดังกล่าว
ทำให้มีการตัดเติมเสริมต่อข้อความเดิมไปมาก
นี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่อ่านแล้วเข้าใจยาก
หรือเข้าใจผิดเพราะความจริงถูกบิดเบือนไปก็มี
ไม่ต่างจากพระคำตามพระคัมภีร์ในบทที่ว่านี้

#ใครที่รักบิดามารดายิ่งกว่ารักเรา
#ก็ไม่มีค่าควรกับเรา
#และใครที่รักบุตรชายหญิงยิ่งกว่ารักเรา
#คนนั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา


พระองค์ทรงหมายความว่า
พระองค์เสด็จมาจากพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
พระผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณแก่นแท้ของมนุษย์
เพื่อมากล่าวพระโอวาทต่อบุตรมนุษย์ทั้งหลาย
ในพระนามของพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียวในยุคนั้น
พระองค์จึงทรงเป็น "พระบุตรเอก" หรือบุตรโทน
ซึ่งเป็นตัวแทนของ "พระบิดา" หรือพระเจ้า


ดังนั้น
เมื่อพระองค์เสด็จมาจากพระเจ้า
เสด็จมาตามพระบัญชาของพระเจ้า
มาช่วยเหลือท่านทั้งหลายในพระนามแห่งพระเจ้า
พระบุตรเอกจึงเป็นพยานที่ชอบธรรมของพระเจ้า

มนุษย์ทุกคนที่รักบิดามารดาของตน
รักบุตรหลานญาติพี่น้องของตนในมิติโลก
ด้วยความมีกตัญญูกตเวทิตาคุณกันมากเท่าใด
จักต้องสำนึกในพระคุณพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ให้มากกว่ายิ่งไปกว่านั้นอีกด้วย

เพราะเหตุผลที่ว่า
ถ้าพระเจ้าไม่ทรงให้กำเนิดจิตวิญญาณพวกท่าน
ถ้าพระองค์ไม่ทรงอนุญาตให้พวกท่านมาเกิด
ถ้าไม่ทรงประทานอาหารและน้ำยังชีวิตให้แก่ท่าน
ถ้าไม่ทรงประทานกายสังขารที่แยบยลกว่าใคร
ถ้าไม่ทรงประทานชีวิตเสรีบนดาวโลกนี้แก่ท่าน
ถ้าไม่ทรงประทานชีวิตที่เป็นอมตะไม่มีวันตายให้
ถ้าไม่ทรงยอมให้ตายแล้วเกิดใหม่เพื่อแก้ไขตนเอง
ถ้าไม่ทรงอนุญาตให้พวกท่านมาแล้วกลับบ้านได้
ฯลฯ

ถ้าท่านคิดพิจารณาด้วยเหตุและผลแล้ว
มันจะมากเกินไปกว่าความเป็นจริงเชียวหรือ
ถ้าจะทรงตรัสให้สติทางวิญญาณแก่พวกท่านว่า
เมื่อท่านแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อบิดามารดา
ผู้ให้กำเนิดกายสังขารของพวกท่านมากเพียงใด
ท่านทั้งหลายควรต้องรักพระบิดาไม่น้อยกว่านั้น

เมื่อพวกท่านรักลูกหลานของท่านมากมาย
ท่านก็ต้องรู้ความจริงเอาไว้ด้วยเช่นกันว่า
พระผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย
ก็ทรงรักบุตรมนุษย์ทั้งหลายมิได้น้อยไปกว่ากันเลย

ด้วยเหตุนี้เอง
พระศาสดาซึ่งเป็นตัวแทนของพระบิดา
จึงทรงตรัสเปรียบเปรยต่อท่านทั้งหลายไว้ว่า
ใครที่รักพ่อแม่ลูกหลานของตน
มากกว่ารักพระบิดาและรักมากกว่าพระองค์
มนุษย์นั้นจึงไม่มีค่าควรกับพระองค์
ผู้เป็นตัวแทนของพระเจ้าได้เลย
เพราะมนุษย์มีจิตวิญญาณที่มาจากพระเจ้า
มนุษย์จึงรักกันจำเพาะในมิติของกายหยาบมิได้

นอกจากนั้น
ความในพระคัมภีร์บรรทัดต่อมาที่ว่า...

#38และใครที่ไม่รับกางเขนของตนและตามเราไป
#คนนั้นก็ไม่มีค่าควรกับเรา
#39ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอดจะกลับเสียชีวิต
#แต่ผู้ที่เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา
#ก็จะได้ชีวิตรอด


พระบุตรเอกทรงหมายความว่า

จากการที่พระองค์ทรงสละพระชนมชีพ
โดยทรงยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางแขน
เพราะถูกผู้ก่อการชั่วร้ายกระทำต่อพระองค์
เพื่อจะทรงสร้างสติทางวิญญาณ
ไว้เป็นแบบอย่างแก่มวลมนุษย์โลกทุกคนว่า
มนุษย์จักต้อง #รักษาสัจจะยิ่งกว่าชีวิต

สัจจะที่พระเยซูทรงรักษายิ่งกว่าพระชนม์ชีพ
ซึ่งทรงต้องการ "ให้สติ" แก่มวลมนุษย์ทั้งหลาย
โดยทรงปฏิบัติตนให้เห็นเป็นเยี่ยงอย่างนี้ก็คือ

มนุษย์จักต้องปฏิบัติตาม #พันธะสัญญา_6
ที่จิตวิญญาณแก่นแท้ของพวกท่านได้ให้สัจจะ
ต่อพระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือ "พระเจ้า" ไว้
ก่อนจะเดินทางมาเกิดเป็นมนุษย์ในชาติแรกว่า

1.จะมาทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลก
ด้วยการใช้ความรักค้ำจุนโลกให้สมดุล

2.จะไม่เบียดเบียนกันเข่นฆ่ากัน
จะไม่ก้าวล่วงซึ่งกันและกันและไม่ทำร้ายกันเอง

3.จะยกระดับกายจิตและจิตวิญญาณ
ให้เป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อการเป็นมนุษย์ให้ได้

4.จะเป็นเงื่อนไขด้านบวกให้แก่กันและกัน
เพื่อ "หมุนธรรมจักร" ร่วมกันให้จงได้

5.จะสืบทอดเผ่าพันธุ์มนุษย์บุตรของพระเจ้าไว้
โดยไม่เป็นเหตุให้จิตวิญญาณของพระเจ้าเสื่อม
ไม่ยอมให้ดีเอ็นเอของพระเจ้าเป็นทาสสัตว์ร้าย

6.จะคืนกลับบ้านแดนสุญตาที่ท่านจากมา
ถ้าโลกสิ้นยุคพลังงานเก่า คือ ครบหกหมื่นปีแล้ว
โดยต้องพร้อมจะคืนกลับคือ "หลุดพ้น" ออกไป
เมื่อพระบิดาทรงพิพากษาโลกสู่ยุคพลังงานใหม่
ให้ทันก่อนวันเวลาที่ 11 ช่วง 56 วัน 8 ราตรี

ดังนั้น
ถ้าใครไม่เข้าใจและไม่รู้รหัสนัยความจริงว่า
การยอมสิ้นพระชนม์บนไม้กางแขนของพระองค์
ก็เพื่อ "ไถ่บาป" ที่พวกท่านกระทำผิดสัจจะ
ต่อพระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือพระผู้เป็นเจ้า
เพราะการหลงลืมและละเลยไม่กระทำตาม
ซึ่งเป็นความผิดบาปที่จะทรงอภัยให้ไม่ได้เลย
ทุกคนมีหน้าที่ต้องทำตามพันธะสัญญา 6 เท่านั้น
เมื่อตายไปจึงจะกลับไปกราบพระบิดาได้
การไถ่บาปจึงหมายถึงมาบอกความจริงให้รู้
มิได้ทรงมาเกิดเพื่อรับบาปรับกรรมแทนใคร

พระบุตรเอกทรงตัดสินพระทัยสละพระชนมชีพ
เพื่อต้องการเน้นให้มนุษย์เชื่อว่าทรงกล่าวความจริง
ถ้าไม่จริงจะทรงยอมสละชีพที่ใครก็รักไปทำไม

นอกจากนั้น
เมื่อสิ้นยุคจิตวิญญาณมนุษย์ก็จะหลุดพ้นไม่ได้
จักเป็นขยะที่จะถูกชำระทิ้งออกไปจากระบบโลก
ซึ่งเป็นความสูญเสียของจักรวาลอันใหญ่หลวงด้วย

นี่คือที่มาของพระคำที่ตรัสว่า
ใครที่ไม่รับกางเขนของพระองค์และตามพระองค์ไป
คนนั้นก็ไม่มีค่าควรกับพระองค์

อันหมายความว่า
ผู้ใดไม่เห็นคุณค่าของพระองค์ (ไม่รับไม้กางแขน)
และไม่ปฏิบัติตามนัยที่ทรงสำแดงไว้ให้
คือเมื่อสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว
จิตวิญญาณพวกท่านต้องหลุดพ้นกลับบ้าน
ซึ่งพระบิดาหรือพระเจ้าทรงรอคอยอยู่นานแล้ว
ซึ่งมนุษย์ทุกคนต้องนำพาตนเองคืนสู่สวรรค์
ตามพระองค์ไปเมื่อทรงสิ้นพระชนม์ให้เห็นนั่น

หากใครไม่เข้าใจและไม่ก้าวตามพระองค์
แสดงว่าคนผู้นั้นไม่รู้คุณค่าแห่งการเสียสละ
ที่พระองค์ทรงกระทำเพื่อมนุษย์ผู้นั้นเลย
เขาคนนั้นจึงมิได้มีค่าควรกับพระองค์แต่อย่างใด

ส่วนคำกล่าวที่ว่า...
#39ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอดจะกลับเสียชีวิต
#แต่ผู้ที่เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เรา
#ก็จะได้ชีวิตรอด

ทรงหมายถึง

ผู้ที่ปฏิบัติตนเป็นคนมิติเดียว
คือมองตนเองในมิติโลกทางกายภาพ
ด้วยสัญชาตญาณของการรักตัวกลัวตาย
อยากให้ตนเองมีอายุขัยยืนยาว
แต่ไม่ใส่ใจมิติของจิตวิญญาณด้านแก่นแท้นั้น
บุคคลประเภทนี้จะทำให้จิตวิญญาณต้องตาย
จะต้องเวียนว่ายตายเกิดจะต้องมีสังสารวัฏ
ทั้งๆที่จิตวิญญาณมาเกิดไม่มีหน้าที่ต้องตาย
จะมีอายุยืนยาวได้นับร้อยพันหมื่นปีจนสิ้นยุค

แต่ถ้าใครปฏิบัติตามพระองค์
โดยมีจิตสำนึกที่จะทำเพื่อจิตวิญญาณของตน
ด้วยการรักษาสัจจะที่เคยให้ไว้ต่อพระบิดา
แม้ว่าผู้นั้นยังจะมีการตายเพื่อมีภพชาติใหม่อยู่
เพื่อจะได้รับโอกาสในการแก้ไขและเรียนรู้
เพื่อมีเวลาชำระจิตวิญญาณของตนให้บริสุทธิ์
เพื่อเรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์แห่งโลกเสรีนี้
จิตวิญญาณของคนผู้นั้นก็จะหลุดพ้นกลับบ้าน
โดยไม่ต้องย้อนมาเวียนว่ายตายเกิดอีกตลอดไป
แปลความว่าจิตวิญญาณนั้นไม่ต้องตายอีกแล้ว

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
30/03/2022

29 มีนาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 29/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ก่อนที่พระบิดาหรือพระผู้สร้างหรือพระเจ้า
จะประสบความสำเร็จในการสร้างมนุษย์โลก
ให้มีเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ที่เป็นสิ่งมีชีวิตในแบบของ "คนสองมิติ" นี้
พระองค์ได้ทรงทดลองสร้างแล้วสร้างอีก
เพื่อปรับปรุงแก้ไขจนได้รูปแบบที่เหมาะสม
ซึ่งพวกท่านได้มีได้ใช้กันอยู่จนทุกวันนี้นั้น
พระองค์ทรงใช้ดาวต่างๆในหลายกาแล็กซี่
เป็นห้องทดลองสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้นไว้มากมาย

เนื่องจากพระองค์ทรงสร้างสิ่งใดขึ้นมา
แม้ว่าสิ่งนั้นจะใช้การได้หรือไม่ได้ก็ตาม
พระองค์จะมิทรง "ทำลาย" สิ่งนั้นทิ้งไป
แต่จะทรงเก็บรักษาสิ่งนั้นไว้เป็นอนุสรณ์
ด้วยความรักในคุณค่าของสิ่งที่ทรงสร้างเสมอ

ด้วยเหตุนี้เอง
พวกท่านจึงต้องรู้ไว้ด้วยว่าในห้องทดลองใหญ่
คือ "เอกภพ" หรืออนันตจักรวาลอันไพศาลนี้
มิได้มีสิ่งมีชีวิตเพียงแค่บนดาวโลกดวงนี้เท่านั้น
บนดาวดวงอื่นและกาแล็กซี่อื่นๆก็มีอยู่เช่นกัน

โดยมีทั้งสิ่งมีชีวิตลักษณะคล้ายมนุษย์
สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะเดียวกันกับมนุษย์
สิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะไม่เหมือนมนุษย์
สิ่งมีชีวิตที่มีรูปร่างหน้าตาคล้ายสัตว์ประหลาด

ถ้าเป็นรุ่นแรกๆที่ทรงออกแบบทดลองสร้าง
ก็จะมีตัวตนรูปลักษณ์ไม่งามและไม่สมบูรณ์
เช่น พวกเผ่าที่มีตัวตนรูปลักษณ์คล้ายสัตว์
มีร่างใหญ่มีเกล็ดมีเขี้ยวเล็บมีความน่ากลัว
บางเผ่าก็จะมีเขามีนอและมีหางยาวๆ
ลักษณะพิเศษก็คือจะมีสมองก้อนเดียว
โดยพวกเผ่านี้จะไม่มีจิตหยาบเหมือนมนุษย์
แต่จะใช้จิตวิญญาณเป็นผู้ขับเคลื่อนพลังชีวิต
ซึ่งมีสัญชาติญาณเป็นผู้ขับเคลื่อนกายหยาบ

จนกระทั่งทรงสร้างสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์
ซึ่งเป็น "คนสองมิติ" เป็นผลสำเร็จแล้วเท่านั้น
ตัวตนรูปลักษณ์หน้าตาจึงสง่างามและสมดุล
ยิ่งกว่ารูปธรรมมีชีวิตอื่นใดที่ทรงสร้างมาก่อน

ดังนั้น
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของพวกท่าน
จึงต่างจากสิ่งมีชีวิตในเผ่าดาวอื่นๆอย่างชัดเจน
ตัวอย่างที่พอจะระบุได้มีดังนี้

1.มนุษย์มีจิตหยาบเป็นตัวแทนจิตวิญญาณ
ทำหน้าที่ขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมให้
ขณะที่สิ่งมีชีวิตในเผ่าดาวอื่นกาแล็กซี่อื่น
ยกเว้นเผ่าพลียะเดี้ยนส์ในกลุ่มดาวพลียะดิส
พระองค์ทรงติดตั้งจิตวิญญาณให้ขับเคลื่อนเอง

เหตุผลเพราะว่า
พี่ๆต้นแบบของมนุษย์รุ่นแรกๆเหล่านั้น
จิตวิญญาณยังไม่มีหน้าที่ต้องหลุดพ้นกลับบ้าน
พวกเขามีหน้าที่เป็นเหมือนสัตว์ประจำโลกคือ
จะเกิดตายสักกี่ครั้งก็ต้องมาเกิดเป็นสัตว์ดังเดิม
พระบิดาจึงมิทรงสร้างให้พวกเขามี "จิตหยาบ"
เพื่อทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณนั่นเอง

2.พระบิดาทรงกำหนดให้พวกเขา
ใช้สัญชาตญาณของจิตวิญญาณ
สั่นสะเทือน "ขันธ์ 5" ตามแบบที่สัตว์โลกใช้
เพื่อจะทรงเรียนรู้ว่าจะได้ผลแค่ไหนอย่างไร
ในอันที่จะผลิตพลังงานความรักออกมาให้ได้
ด้วยกระบวนการ 2 มิติ คือ "หมุนธรรมจักร"
ซึ่งต้องเป็นอัตโนมัติปฏิบัติง่ายไม่ซับซ้อน

3.มนุษย์มีสมองสองซีกซ้ายขวา
ที่สามารถใช้ความฉลาดทางปัญญาได้ 4 ระดับ
โดยก้านสมองเป็นจิตปัญญาระดับสัญชาตญาณ
ซึ่งทำงานได้โดยจิตวิญญาณเป็นผู้ควบคุม

สมองซีกซ้ายจิตหยาบสามารถใช้ได้ฟรี
เพื่อการคิดรู้เรียนรู้และรับรู้ร่วมกับอายตนะ
เพื่อตอบสนองสิ่งเร้าไปตามอารมณ์รู้สึกนึกคิด
ที่เป็นกระบวนการในระบบอัตโนมัติได้เลย

นอกจากนั้น
มนุษย์ยังสามารถใช้สมองซีกซ้ายคิดวิเคราะห์
ด้วยการคิดอย่างมีเหตุผลและเป็นกระบวนการ
แทนที่จะนึกคิดไปตามอารมณ์ก็ได้
แปลว่าถ้าจะคิดด้วยวิธีนี้ได้มนุษย์ต้องมีสติ
ความฉลาดของสมองซีกนี้จึงเรียกว่า #สติปัญญา

ส่วนความฉลาดทางปัญญาในระดับสาม
คือ ความฉลาดทางปัญญาของสมองซีกขวา
ที่เรียกว่า #ปัญญาญาณ นั่นเอง
เหตุที่เรียกว่าปัญญาญาณก็เป็นเพราะว่า
เป็นสติปัญญาที่ทรงกำหนดให้จิตวิญญาณใช้
โดยมนุษย์ต้องยกระดับจิตหยาบให้สั่นแรงขึ้น
จนเสมอกันกับแรงสั่นของจิตวิญญาณให้ได้
แล้วยังต้อง "กดปุ่ม" เพื่อคิดด้วยจิตวิญญาณ
แทนที่จะคิดแบบจิตหยาบให้ได้ด้วย

สำหรับความฉลาดทางปัญญาระดับสี่
ทรงเรียกว่า "อนุตรธรรมาญาณ"
ในมนุษย์โลกทั่วไปมิได้ทรงติดตั้งไว้ให้ใช้
เพราะทรงเกรงว่าบุตรมนุษย์จะยุ่งยากในการใช้
ซึ่งต้องใช้พลังงานจิตในระดับสุญตาเท่านั้น
จึงทรงออกแบบเอาไว้ให้ใช้เฉพาะพระบุตรเอก
ที่มาจุติเป็นมนุษย์ให้ถือติดมาเพื่อสื่อกับพระองค์
เพื่อกล่าวพระโอวาทในพระนามของพระเจ้าได้

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

รูปธรรมที่มีสมองก้อนเดียว
ที่ไม่มีจิตหยาบมีแต่จิตวิญญาณขับเคลื่อน
พระบิดามิได้ทรงออกแบบติดตั้งกลไกสมอง
อย่างสลับซ้อนและแยบยลเหมือนมนุษย์
เพราะ "จิตตปัญญา" ของมนุษย์โลก
เป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญของพวกท่าน
ที่จะต้องทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลก
เพื่อใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกให้สมดุล
ซึ่งจะมีผลให้ห้องทดลองขนาดใหญ่ของพระองค์
คือเอกภพทั้งระบบเกิดความสมดุลยั่งยืนด้วย

นอกจากที่เรากล่าวมาข้างต้นแล้ว
เพราะมนุษย์โลกมีรูปลักษณ์ที่สวยงาม
เพราะมนุษย์โลกมีเสรีที่จะทำอะไรก็ได้
โดยไม่ต้องมีผู้มีอำนาจเหนือคอยควบคุม
โดยไม่ต้องมีการถูกลงโทษที่รุนแรง
ถึงขั้นเนรเทศให้ออกไปจากเผ่าดาว
หรือถูกกักกันคุมขังจนไร้อิสระอย่างไม่มีกำหนด

ทั้งหมดนี่แหละเป็นเหตุแห่งความริษยา
ทั้งหมดนี่แหละเป็นที่มาของการโกรธพระเจ้า
ที่ยังผลให้พวกเขามีความไม่พอใจพระเจ้า
โดยกล่าวหาว่า "ทรงลำเอียง" ไม่เป็นธรรม
ทั้งๆที่พวกเขายังไม่รู้จักพระเจ้าด้วยซ้ำ

รู้แต่เพียงแค่ว่า "จิตวิญญาณ" ของมนุษย์
รวมทั้งทุกสิ่งในระบบโลกเกิดจาก #ความมืด
เพราะพวกเขามิอาจรู้เห็นเบื้องหลังอะไรได้
เนื่องจากพระบิดาทรงกำหนดออกแบบไว้
ให้ทุกสิ่งเป็นไปตามที่ทรงกำหนดเอาไว้แล้ว
โดยมิต้องให้ใครควบคุมนอกจากกฎโลกเอง
พวกเขาจึงเข้าถึงพระผู้สร้างหรือพระเจ้าไม่ได้

ด้วยความที่เกิดมาก่อนมนุษย์นับหมื่นๆปี
แค่ความฉลาดของสมองเพียงก้อนเดียว
ก็สามารถช่วยให้เขาก้าวหน้าทางปัญญา
คิดสร้างวัตถุเท็คโนโลยีล้ำหน้าโลกได้สบายๆ
ค้นพบศาสตร์ด้านการผ่าตัดระบบนาโน
เช่น ผ่าตัดดีเอ็นเอ ซ่อม-เปลี่ยนอวัยวะ เป็นต้น

บางเผ่าก็ก้าวหน้าทางวิญญาณได้เหนือมนุษย์
จนสามารถใช้พลังทางจิตวิญญาณได้ฟุ่มเฟือย
จึงเชี่ยวชาญด้านพลังมืด ด้านไสยเวทย์มนตร์ดำ
การสะกดจิต การจูงจิต การจูนจิต ดูดพลังจิต
การเล่นแร่แปรธาตุที่ต้องใช้พลังงานจิตขั้นสูง
ด้านการแสดงอภิญญฤทธิ์ปาฏิหาริย์เหนือมนุษย์
เพราะพวกนี้ไม่มีจิตหยาบเป็นอุปสรรค
จึงเข้าถึงพลังอำนาจของจิตวิญญาณได้ไม่ยาก

สิ่งมีชีวิตจากต่างเผ่าที่เป็นอริกับพระเจ้า
เข้ามาแทรกแซงสำแดงความอิจฉาอาฆาต
ต้องการจะเอาชนะพระเจ้าด้วยการทำร้ายมนุษย์
เช่น ทำให้พวกท่านหมุนธรรมจักรไม่ได้
หลอกให้ "ดับขันธ์ 5" จนค้ำจุนโลกกันไม่ได้
หลอกให้มนุษย์ทำสงครามศาสนาพาให้เสื่อม
ยุแยงให้พวกท่านทำสงครามฆ่ากันตายเอง

ชักนำให้พวกท่าน "หลงทางนิพพาน"
ลวงให้มนุษย์กินสารเคมีที่เป็นพิษต่อดีเอ็นเอ
หลอกให้กินเลือดเนื้อของสัตว์จนอายุสั้น
ไม่สามารถมีอายุขัยยืนยาวหรือเป็นอมตะได้

ลวงให้มนุุษย์ก้าวตามตนเอง
โดยอ้างว่าเป็นพระบิดาของพระเจ้าของมนุษย์
เพื่อชักนำให้มนุษย์ตกอยู่ภายใต้การควบคุม
คนที่จิตอ่อน โง่ง่าย และกิเลสหนาคือเป้าหมาย

คนที่โลกสวยจงรับรู้ไว้เถิดว่าใกล้ยกสุดท้ายแล้ว
แผนการหลอกลวงซ้อนหลอกลวงให้หลงเชื่อ
กำลังถูกนำออกมาใช้ควบคู่กับการแอนตี้พระบิดา
เราจึงกล่าวเตือนพวกท่านว่าให้ฉลาดคบเพื่อน

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29/03/2022

26 มีนาคม 2565

VDO. EP. 379: ตัดเวทนาชนะทุกสิ่ง (Full Version)

 


บันทึกการสื่อพระโอวาทในระบบจิตสู่จิตจากองค์จิตจักรวาล

โดย อนุตรธรรมาจารย์ปริญญา ตันสกุล

สนทนาประสาจิตจักรวาล 26/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ขณะนี้โลกกับมนุษย์สิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว
จิตวิญญาณของท่านทุกคนก็สิ้นสุดภารกิจ
เมื่อครบกำหนดเวลาตามที่ขันอาสาพระบิดา
เข้ามาปฏิบัติกันอยู่ในระบบโลกเสรีนี้ด้วย

สิ่งสำคัญที่พวกท่านต้องเร่งทำกันในเวลานี้
ก่อนจะถึงวันเวลา 8 ราตรีตามรหัสที่ "สิบเอ็ด"
มีด้วยกัน 3 ประการก็คือ

1.ต้องพยายามสั่นสะเทือนจิตหยาบของท่าน
ขับเคลื่อนกระบวนการ "ขันธ์ 5" ด้วยรักเพื่อให้
เพื่อทำการ #หมุนธรรมจักร ในตนเองให้จงได้
โดยจักต้องปฏิบัติการร่วมกันกับเพื่อนมนุษย์
ทุกคนที่ดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกันกับท่านในสังคม
โดยไม่หนีไปปฏิบัติตามลำพังคนเดียวเด็ดขาด

เพราะหลักการหมุนธรรมจักรนั้น
ท่านต้องเปิดอายตนะภายนอกทั้งหมด
คือ ตา หู จมูก ลิ้น และกายสัมผัส
เพื่อใช้สัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งเร้าต่างๆจากภายนอก
ส่งต่อให้ "จิตหยาบ" ซึ่งเป็นอายตนะภายใน
ท่านจะหลับหูหลับตาปฏิบัติธรรมคนเดียวมิได้


เหตุผลก็คือ
พวกท่านต้องใช้พลังร่วมแห่งรักเพื่อให้
ในกระบวนการของขันธ์ 5 และกายสังขาร
ทำการหมุนธรรมจักรร่วมกันให้จงได้
เพื่อร่วมกันผลิต #วิญญาณ หรือพลังงานบวก
ตามสมการซัมเบต้าเอ็กซ์ซึ่งเป็นพลังงานร่วม
จากจิตสามนึกด้านบวกของคนสามคนขึ้นไป
มอบให้โลกเพื่อช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุน
ในอันที่จะค้ำจุนโลกให้สมดุลตลอดไปนั่นเอง

2.เมื่อสามารถหมุนธรรมจักรร่วมกับผู้อื่นได้แล้ว
นี่เท่ากับว่าท่านมีอำนาจเหนือกฎแห่งกรรมแล้ว
จิตหยาบกับจิตวิญญาณก็จะเป็นหนึ่งเดียวกันได้

ดังนั้น
ท่านก็จะดำเนินชีวิตประจำวันโดยไม่มีกรรมใหม่
ที่จะถูกก่อขึ้นมาอยู่เรื่อยๆเหมือนในอดีตอีกเลย
แต่ที่สำคัญคือท่านยังจะต้อง #แก้ไขกรรมเก่า
ที่จิตวิญญาณถือติดตัวมาเกิดในชาตินี้ด้วย
รวมทั้งกรรมเก่าที่จิตหยาบก่อไว้ในชาตินี้เช่นกัน

หากจะกล่าวเป็นภาษาของชาวธรรมะก็คือ
ท่านทั้งหลายต้องนิพพานกิเลสตัณหาราคะให้สิ้น
รวมทั้งต้องนิพพานกรรมที่มีอยู่ทั้งหมดด้วย
ภายในเวลาก่อน 8 ราตรีซึ่งเป็นวันเวลาที่สิบเอ็ด

3.ฝึกทักษะการทำสามเหลี่ยมจิตจักรวาล
จนเป็นธรรมชาติในทุกลมหายใจเข้าออกให้ได้
ซึ่งเราได้เปิดเผยวิธีการและฝึกปฏิบัติการจริง
ให้พี่น้องยุวจิตจักรวาลทายาทกันมาบ้างแล้ว

เพราะเพียงปฏิบัติการนี้เท่านั้น
ที่จะช่วยให้จิตวิญญาณของท่าน
สร้างสัมพันธ์กับ "พระเจ้า" หรือ #องค์จิตจักรวาล
ซึ่งพระองค์จักใช้สายทองฉุดรั้งชักพาตัวท่าน
ผู้นิพพานทุกสิ่งแล้วให้ "หลุดพ้น" ออกไป
จากห้องทดลองขนาดใหญ่คืออนันตจักรวาล
ที่พวกท่านเข้ามาทำหน้าที่กันอยู่จนทุกวันนี้ได้

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ความจริงทั้งหมดที่เรากล่าวนี้
เป็นความจริงที่พระเจ้าทรงเรียกว่า #อนุตรธรรม
ซึ่งไม่มีใครหรือรูปธรรมใดในอนันตจักรวาลนี้
จะเข้าถึงความจริงด้วยจิตปัญญาของสมองเองได้
นอกจาก "มนุษย์โลกเสรี" เพียงเผ่าเดียวเท่านั้น
เพราะโลกมนุษย์มีพระศาสดาผู้มาจากพระเจ้า
ได้เสด็จมาจุติเพื่อกล่าวพระโอวาทจากพระเจ้า
ซึ่งได้บอกกล่าวความลับเหล่านี้ให้โลกรู้เท่านั้น

ด้วยเหตุนี้เอง
สิ่งมีชีวิตแม้จะมีสมองจากเผ่าดาวอื่นๆ
พวกเขาจึงไม่มีใครรู้ความจริงว่า

ใครเป็นผู้สร้างโลกสร้างจักรวาลอันไพศาลนี้
ใครเป็นผู้ให้กำเนิดมนุษย์
มนุษย์โลกมีหน้าที่ต้องทำสิ่งใดบ้าง
หน้าที่ของมนุษย์มันสำคัญอย่างไร แค่ไหน
ทำไมเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์จึงสุดมหัศจรรย์
ทำไมทุกสิ่งในระบบโลกไม่ต้องมีใครควบคุมมัน
ทำไมโลกเสรีนี้จึงเต็มไปด้วยความแตกต่าง
ใครมีอำนาจเหนือมนุษย์และโลกที่แท้จริง
ฯลฯ

เพราะไม่มีผู้ใดรู้แม้จะอยากรู้
มนุษย์กับโลกจึงถูกมองจากต่างเผ่าดาวว่า
อยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของ #ความมืด
ซึ่งแปลความว่าพวกเขา "ไม่รู้" นั่นเอง

ไม่ต่างจากการที่รู้แต่เพียงแค่ว่า
เมฆฝนพายุฝนมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
แต่มิอาจรู้เห็นความลับเบื้องหลังการเกิดได้ว่า
ผู้ทรงอำนาจเหนือการเกิดนั้นเป็นใคร เป็นต้น
นอกจากจะคิดเองมโนเอาเองเท่านั้น

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
26/03/2022

สนทนาประสาจิตจักรวาล 26/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ขณะนี้โลกกับมนุษย์สิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว
จิตวิญญาณของท่านทุกคนก็สิ้นสุดภารกิจ
เมื่อครบกำหนดเวลาตามที่ขันอาสาพระบิดา
เข้ามาปฏิบัติกันอยู่ในระบบโลกเสรีนี้ด้วย

สิ่งสำคัญที่พวกท่านต้องเร่งทำกันในเวลานี้
ก่อนจะถึงวันเวลา 8 ราตรีตามรหัสที่ "สิบเอ็ด"
มีด้วยกัน 3 ประการก็คือ

1.ต้องพยายามสั่นสะเทือนจิตหยาบของท่าน
ขับเคลื่อนกระบวนการ "ขันธ์ 5" ด้วยรักเพื่อให้
เพื่อทำการ #หมุนธรรมจักร ในตนเองให้จงได้
โดยจักต้องปฏิบัติการร่วมกันกับเพื่อนมนุษย์
ทุกคนที่ดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกันกับท่านในสังคม
โดยไม่หนีไปปฏิบัติตามลำพังคนเดียวเด็ดขาด

เพราะหลักการหมุนธรรมจักรนั้น
ท่านต้องเปิดอายตนะภายนอกทั้งหมด
คือ ตา หู จมูก ลิ้น และกายสัมผัส
เพื่อใช้สัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งเร้าต่างๆจากภายนอก
ส่งต่อให้ "จิตหยาบ" ซึ่งเป็นอายตนะภายใน
ท่านจะหลับหูหลับตาปฏิบัติธรรมคนเดียวมิได้


เหตุผลก็คือ
พวกท่านต้องใช้พลังร่วมแห่งรักเพื่อให้
ในกระบวนการของขันธ์ 5 และกายสังขาร
ทำการหมุนธรรมจักรร่วมกันให้จงได้
เพื่อร่วมกันผลิต #วิญญาณ หรือพลังงานบวก
ตามสมการซัมเบต้าเอ็กซ์ซึ่งเป็นพลังงานร่วม
จากจิตสามนึกด้านบวกของคนสามคนขึ้นไป
มอบให้โลกเพื่อช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุน
ในอันที่จะค้ำจุนโลกให้สมดุลตลอดไปนั่นเอง

2.เมื่อสามารถหมุนธรรมจักรร่วมกับผู้อื่นได้แล้ว
นี่เท่ากับว่าท่านมีอำนาจเหนือกฎแห่งกรรมแล้ว
จิตหยาบกับจิตวิญญาณก็จะเป็นหนึ่งเดียวกันได้

ดังนั้น
ท่านก็จะดำเนินชีวิตประจำวันโดยไม่มีกรรมใหม่
ที่จะถูกก่อขึ้นมาอยู่เรื่อยๆเหมือนในอดีตอีกเลย
แต่ที่สำคัญคือท่านยังจะต้อง #แก้ไขกรรมเก่า
ที่จิตวิญญาณถือติดตัวมาเกิดในชาตินี้ด้วย
รวมทั้งกรรมเก่าที่จิตหยาบก่อไว้ในชาตินี้เช่นกัน

หากจะกล่าวเป็นภาษาของชาวธรรมะก็คือ
ท่านทั้งหลายต้องนิพพานกิเลสตัณหาราคะให้สิ้น
รวมทั้งต้องนิพพานกรรมที่มีอยู่ทั้งหมดด้วย
ภายในเวลาก่อน 8 ราตรีซึ่งเป็นวันเวลาที่สิบเอ็ด

3.ฝึกทักษะการทำสามเหลี่ยมจิตจักรวาล
จนเป็นธรรมชาติในทุกลมหายใจเข้าออกให้ได้
ซึ่งเราได้เปิดเผยวิธีการและฝึกปฏิบัติการจริง
ให้พี่น้องยุวจิตจักรวาลทายาทกันมาบ้างแล้ว

เพราะเพียงปฏิบัติการนี้เท่านั้น
ที่จะช่วยให้จิตวิญญาณของท่าน
สร้างสัมพันธ์กับ "พระเจ้า" หรือ #องค์จิตจักรวาล
ซึ่งพระองค์จักใช้สายทองฉุดรั้งชักพาตัวท่าน
ผู้นิพพานทุกสิ่งแล้วให้ "หลุดพ้น" ออกไป
จากห้องทดลองขนาดใหญ่คืออนันตจักรวาล
ที่พวกท่านเข้ามาทำหน้าที่กันอยู่จนทุกวันนี้ได้

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ความจริงทั้งหมดที่เรากล่าวนี้
เป็นความจริงที่พระเจ้าทรงเรียกว่า #อนุตรธรรม
ซึ่งไม่มีใครหรือรูปธรรมใดในอนันตจักรวาลนี้
จะเข้าถึงความจริงด้วยจิตปัญญาของสมองเองได้
นอกจาก "มนุษย์โลกเสรี" เพียงเผ่าเดียวเท่านั้น
เพราะโลกมนุษย์มีพระศาสดาผู้มาจากพระเจ้า
ได้เสด็จมาจุติเพื่อกล่าวพระโอวาทจากพระเจ้า
ซึ่งได้บอกกล่าวความลับเหล่านี้ให้โลกรู้เท่านั้น

ด้วยเหตุนี้เอง
สิ่งมีชีวิตแม้จะมีสมองจากเผ่าดาวอื่นๆ
พวกเขาจึงไม่มีใครรู้ความจริงว่า

ใครเป็นผู้สร้างโลกสร้างจักรวาลอันไพศาลนี้
ใครเป็นผู้ให้กำเนิดมนุษย์
มนุษย์โลกมีหน้าที่ต้องทำสิ่งใดบ้าง
หน้าที่ของมนุษย์มันสำคัญอย่างไร แค่ไหน
ทำไมเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์จึงสุดมหัศจรรย์
ทำไมทุกสิ่งในระบบโลกไม่ต้องมีใครควบคุมมัน
ทำไมโลกเสรีนี้จึงเต็มไปด้วยความแตกต่าง
ใครมีอำนาจเหนือมนุษย์และโลกที่แท้จริง
ฯลฯ

เพราะไม่มีผู้ใดรู้แม้จะอยากรู้
มนุษย์กับโลกจึงถูกมองจากต่างเผ่าดาวว่า
อยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของ #ความมืด
ซึ่งแปลความว่าพวกเขา "ไม่รู้" นั่นเอง

ไม่ต่างจากการที่รู้แต่เพียงแค่ว่า
เมฆฝนพายุฝนมันเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
แต่มิอาจรู้เห็นความลับเบื้องหลังการเกิดได้ว่า
ผู้ทรงอำนาจเหนือการเกิดนั้นเป็นใคร เป็นต้น
นอกจากจะคิดเองมโนเอาเองเท่านั้น

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
26/03/2022

22 มีนาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 22/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

หลังจากที่เราได้เห็น
ช่างเท็คนิกองค์หนึ่ง (ยาน) ของพระบิดา
กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า
พร้อมกับนำ "ข่าวดีนิรันดร"
มาประกาศแก่ผู้อาศัยบนดาวโลกเสรีแล้ว
ช่างเท็คนิกองค์ที่สอง (ยาน) ก็บินตามมา

ช่างเท็คนิกองค์ที่สองประกาศว่า
"มหานครใหญ่ของโลกล่มแล้ว
เพราะมหานครใหญ่นี้เอง
เป็นผู้มอมเมาบรรดาประชาชาติทั้งหลาย
ให้ทรยศต่อพระผู้เป็นเจ้า
ให้ประพฤติผิดสัจจะต่อองค์พระบิดา"


จากนั้นเราก็แลเห็น
ช่างเท็คนิกองค์ที่สามบินตามเข้ามา
พร้อมกับร้องเสียงดังว่า
"ผู้ใดยอมตน"
เป็นข้าทาสบริวารของสัตว์ร้าย
กราบไหว้นมัสการสิ่งที่มันสร้างขึ้น
และยอมสักตราไว้บนหน้าผาก
หรือฝังไมโครชิปไว้ที่มือของตน
คนเหล่านี้จะถูกพระบิดาลงโทษ
ให้ทุกข์ทรมานในถ่านไฟลาวาและกำมะถัน
ต่อหน้าประดาช่างเท็คนิกผู้ศักดิ์สิทธิ์
เฉพาะพระพักตร์ลูกแกะ
ซึ่งเป็นพระบุตรเอกแห่งพระบิดา

โดยควันจากการทรมานพวกเขานั้น
จะพลุ่งขึ้นตลอดกาลนิรันดร
หมายถึงเมื่อพวกเขาตายไปแล้ว
จิตวิญญาณของพวกเขาเหล่านี้
จะถูกจองจำไว้โดยมิได้ผุดเกิด
จิตวิญญาณพวกเขาก็จะถูกทำโทษ
ทั้งวันคืนโดยมิได้พักผ่อนเลย
เพราะความผิดบาปที่พวกเขากระทำ
ด้วยการไปหลงกราบไหว้บูชาสัตว์ร้าย
แทนที่จะกราบไหว้พระผู้เป็นเจ้า
ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของตนเอง

ดังนั้น
ประดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ปฏิบัติตามพระโอวาท
คำสื่อสอนพระบิดาที่สื่อผ่านพระบุตรเอก
อันเป็นบทบัญญัติของพระเจ้า
และมีความเชื่อในพระบุตรเอก
จึงต้องฉลาดใช้ปัญญาเพื่อคิดตามให้เข้าใจ
จึงต้องบากบั่นหมั่นเพียรประพฤติชอบ
จึงต้องเชื่อมั่นในพระบิดาและศรัทธาเรา
โดยไม่หลงงมงายไปเป็นฝ่ายมาร

จากนั้นเราก็ได้ยินพระสุรเสียงพระบิดา
กึกก้องมาจากฟ้าสวรรค์ว่า
"จงจดจำกันไว้ด้วยว่า"
ประดาผู้ตายที่สิ้นใจในอ้อมพระอุระ
ซึ่งหมายถึงผู้ปฏิบัติตามพระโอวาทจริงจัง
พวกเขาทั้งหลายเหล่านี้จักเป็นสุข
ทั้งขณะที่มีชีวิตอยู่บนโลก
และอยู่ในมิติจิตวิญญาณเมื่อตายแล้ว
ทุกท่านจะได้พักผ่อนจากความเหน็ดเหนื่อย
ในการทำหน้าที่เป็นมนุษย์บนโลกเสรีนี้
มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราแลเห็นในนิมิตเป็นก้อนเมฆสีขาว
มีบุตรแห่งมนุษย์ผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเมฆนั้น
บนศีรษะสวมมงกุฎทองคำ
ในมือถือเคียวคมอยู่

เราเห็นช่างเท็คนิกอีกองค์หนึ่ง
ออกมาจากพระวิหารแห่งพระบิดา
ร้องเสียงดังบอกผู้ที่นั่งอยู่บนก้อนเมฆว่า

"จงใช้เคียวของท่านเกี่ยวเถิด
เพราะบัดนี้เวลาเก็บเกี่ยวมาถึงแล้ว
และพืชผลของแผ่นดินโลก
พร้อมที่จะทำการเก็บเกี่ยวแล้วล่ะ"


ผู้ที่นั่งอยู่บนก้อนเมฆนั้น
จึงใช้เคียวเกี่ยวลงไปบนแผ่นดินโลก
เพื่อทำการเก็บเกี่ยวพืชผลของแผ่นดิน
จากนั้นเราก็เห็นช่างเท็คนิกองค์หนึ่ง
ออกมาจากพระวิหารแห่งพระบิดา
ในมือก็ถือเคียวคมออกมาด้วย

ช่างเท็คนิกอีกองค์หนึ่ง
มีอำนาจเหนือไฟ (The King of Fire)
ปรากฏตัวออกมาจากพระแท่นบูชา
พลางกล่าวด้วยเสียงอันดัง
ต่อช่างเท็คนิกผู้ถือเคียวคมว่า

"จงใช้เคียวคมของท่านเก็บพวงองุ่น
จากสวนองุ่นบนแผ่นดินโลกเถิด
เพราะบัดนี้ผลองุ่นนั้นสุกแล้ว"


ช่างเท็คนิกองค์นั้น
จึงใช้เคียวเกี่ยวลงไปบนแผ่นดิน
ทำการเก็บเกี่ยวพวงองุ่นที่ผลสุก
แล้วโยนลงไปในบ่อย่ำองุ่นบ่อใหญ่
ซึ่งเป็นการลงโทษคนบาปจากพระเจ้า

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

ผลองุ่นที่ถูกเคียวเกี่ยว
แล้วถูกโยนลงไปในบ่อย่ำองุ่นนั้น
เราหมายถึงมนุษย์ที่ถูกคัดทิ้งทั้งหลาย
จะถูกชักพาให้ไปรวมกันอยู่เป็นหมู่ใหญ่
ในพิกัดพื้นที่ซึ่งจะเกิดมหันตภัยรุนแรง
โดยจะถูกจูงใจว่าเป็นพื้นที่อันปลอดภัย
ซึ่งเจ้าลัทธิอุตริทั้งหลายนี่แหละ
จะเป็นแกนนำชักพาสานุศิษย์ที่ "งมงาย"
ให้ไปรวมพลพรรคอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า

สถานที่เหล่านี้จึงเป็นเหมือนบ่อย่ำองุ่น
ที่ผลองุ่นจะถูกโยนลงไปในบ่อ
แล้วถูกเหยียบย่ำอยู่ในบ่อเดียวกัน
หมายถึงพวกเขาจะต้องเผชิญชะตากรรม
จากภัยพิบัติร้ายแรงจนเกิดการตายหมู่
ซึ่งสถานที่จะเกิดเหตุร้ายให้ตายหมู่นั้น
ได้ถูกเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นทั่วโลก
โดยบ่อย่ำองุ่นส่วนใหญ่ในนิมิตที่ว่านี้
มันจะอยู่นอกเมืองมากกว่าในเมือง

และเรายังแลเห็นอีกด้วยว่า
เลือดสีแดงที่ไหลออกมาจากบ่อทั่วโลก
เมื่อนำมันมารวมเข้าด้วยกันแล้ว
จะมีปริมาณสูงจนถึงบังเหียนม้า
จะเป็นระยะทางยาวร่วม 300 กิโลเมตร

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายอีกว่า

เรายังได้แลเห็นสิ่งสำคัญ
และน่าพิศวงอีกสิ่งหนึ่ง
ในสวรรค์ของพระบิดา
นั่นคือเราเห็นช่างเท็คนิกเจ็ดองค์
ถือภัยพิบัติ 7 ประการสุดท้ายอยู่
ที่สำคัญและน่าพิศวงก็ตรงที่
ภัยพิบัติทั้งเจ็ดประการนี้
จะทำให้พระพิโรธของพระเจ้าสิ้นสุดลง

เราเห็นสิ่งหนึ่งเหมือนทะเลแก้วปนไฟ
ทะเลแก้วหมายถึงสนามพลังงาน
ในชั้นบรรยากาศโลก
ที่มีพลังรังสีแห่งพระสุริยะปกคลุมอยู่

เราเห็นผู้คนที่มีชัยชนะต่อสัตว์ร้าย
ผู้ที่มีชัยชนะต่อรูปปั้นและเลขชื่อของมัน
ซึ่งเป็นผู้คนที่ได้ถูกคัดไว้
กำลังยืนอยู่ริมทะเลแก้วนั้น
ต่างพร้อมใจกันกล่าวสรรเสริญพระเจ้า

หลังจากนั้น
เราก็แลเห็นนิมิตในสวรรค์ของพระบิดา
เห็นพระวิหารที่ประทับของพระองค์เปิดออก
ประดาช่างเท็คนิกทั้งเจ็ดองค์
กำลังถือภัยพิบัติทั้งเจ็ดก้าวผ่านออกมา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
13-12-2018

22/03/2022

สนทนาประสาจิตจักรวาล 22/03/2022


เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
หลังจากที่เราได้เห็น
ช่างเท็คนิกองค์หนึ่ง (ยาน) ของพระบิดา
กำลังบินอยู่บนท้องฟ้า
พร้อมกับนำ "ข่าวดีนิรันดร"
มาประกาศแก่ผู้อาศัยบนดาวโลกเสรีแล้ว
ช่างเท็คนิกองค์ที่สอง (ยาน) ก็บินตามมา
ช่างเท็คนิกองค์ที่สองประกาศว่า
"มหานครใหญ่ของโลกล่มแล้ว
เพราะมหานครใหญ่นี้เอง
เป็นผู้มอมเมาบรรดาประชาชาติทั้งหลาย
ให้ทรยศต่อพระผู้เป็นเจ้า
ให้ประพฤติผิดสัจจะต่อองค์พระบิดา"
จากนั้นเราก็แลเห็น
ช่างเท็คนิกองค์ที่สามบินตามเข้ามา
พร้อมกับร้องเสียงดังว่า
"ผู้ใดยอมตน"
เป็นข้าทาสบริวารของสัตว์ร้าย
กราบไหว้นมัสการสิ่งที่มันสร้างขึ้น
และยอมสักตราไว้บนหน้าผาก
หรือฝังไมโครชิปไว้ที่มือของตน
คนเหล่านี้จะถูกพระบิดาลงโทษ
ให้ทุกข์ทรมานในถ่านไฟลาวาและกำมะถัน
ต่อหน้าประดาช่างเท็คนิกผู้ศักดิ์สิทธิ์
เฉพาะพระพักตร์ลูกแกะ
ซึ่งเป็นพระบุตรเอกแห่งพระบิดา
โดยควันจากการทรมานพวกเขานั้น
จะพลุ่งขึ้นตลอดกาลนิรันดร
หมายถึงเมื่อพวกเขาตายไปแล้ว
จิตวิญญาณของพวกเขาเหล่านี้
จะถูกจองจำไว้โดยมิได้ผุดเกิด
จิตวิญญาณพวกเขาก็จะถูกทำโทษ
ทั้งวันคืนโดยมิได้พักผ่อนเลย
เพราะความผิดบาปที่พวกเขากระทำ
ด้วยการไปหลงกราบไหว้บูชาสัตว์ร้าย
แทนที่จะกราบไหว้พระผู้เป็นเจ้า
ซึ่งเป็นผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของตนเอง
ดังนั้น
ประดาผู้ศักดิ์สิทธิ์ที่ปฏิบัติตามพระโอวาท
คำสื่อสอนพระบิดาที่สื่อผ่านพระบุตรเอก
อันเป็นบทบัญญัติของพระเจ้า
และมีความเชื่อในพระบุตรเอก
จึงต้องฉลาดใช้ปัญญาเพื่อคิดตามให้เข้าใจ
จึงต้องบากบั่นหมั่นเพียรประพฤติชอบ
จึงต้องเชื่อมั่นในพระบิดาและศรัทธาเรา
โดยไม่หลงงมงายไปเป็นฝ่ายมาร
จากนั้นเราก็ได้ยินพระสุรเสียงพระบิดา
กึกก้องมาจากฟ้าสวรรค์ว่า
"จงจดจำกันไว้ด้วยว่า"
ประดาผู้ตายที่สิ้นใจในอ้อมพระอุระ
ซึ่งหมายถึงผู้ปฏิบัติตามพระโอวาทจริงจัง
พวกเขาทั้งหลายเหล่านี้จักเป็นสุข
ทั้งขณะที่มีชีวิตอยู่บนโลก
และอยู่ในมิติจิตวิญญาณเมื่อตายแล้ว
ทุกท่านจะได้พักผ่อนจากความเหน็ดเหนื่อย
ในการทำหน้าที่เป็นมนุษย์บนโลกเสรีนี้
มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
เราแลเห็นในนิมิตเป็นก้อนเมฆสีขาว
มีบุตรแห่งมนุษย์ผู้หนึ่งนั่งอยู่บนเมฆนั้น
บนศีรษะสวมมงกุฎทองคำ
ในมือถือเคียวคมอยู่
เราเห็นช่างเท็คนิกอีกองค์หนึ่ง
ออกมาจากพระวิหารแห่งพระบิดา
ร้องเสียงดังบอกผู้ที่นั่งอยู่บนก้อนเมฆว่า
"จงใช้เคียวของท่านเกี่ยวเถิด
เพราะบัดนี้เวลาเก็บเกี่ยวมาถึงแล้ว
และพืชผลของแผ่นดินโลก
พร้อมที่จะทำการเก็บเกี่ยวแล้วล่ะ"
ผู้ที่นั่งอยู่บนก้อนเมฆนั้น
จึงใช้เคียวเกี่ยวลงไปบนแผ่นดินโลก
เพื่อทำการเก็บเกี่ยวพืชผลของแผ่นดิน
จากนั้นเราก็เห็นช่างเท็คนิกองค์หนึ่ง
ออกมาจากพระวิหารแห่งพระบิดา
ในมือก็ถือเคียวคมออกมาด้วย
ช่างเท็คนิกอีกองค์หนึ่ง
มีอำนาจเหนือไฟ (The King of Fire)
ปรากฏตัวออกมาจากพระแท่นบูชา
พลางกล่าวด้วยเสียงอันดัง
ต่อช่างเท็คนิกผู้ถือเคียวคมว่า
"จงใช้เคียวคมของท่านเก็บพวงองุ่น
จากสวนองุ่นบนแผ่นดินโลกเถิด
เพราะบัดนี้ผลองุ่นนั้นสุกแล้ว"
ช่างเท็คนิกองค์นั้น
จึงใช้เคียวเกี่ยวลงไปบนแผ่นดิน
ทำการเก็บเกี่ยวพวงองุ่นที่ผลสุก
แล้วโยนลงไปในบ่อย่ำองุ่นบ่อใหญ่
ซึ่งเป็นการลงโทษคนบาปจากพระเจ้า
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
ผลองุ่นที่ถูกเคียวเกี่ยว
แล้วถูกโยนลงไปในบ่อย่ำองุ่นนั้น
เราหมายถึงมนุษย์ที่ถูกคัดทิ้งทั้งหลาย
จะถูกชักพาให้ไปรวมกันอยู่เป็นหมู่ใหญ่
ในพิกัดพื้นที่ซึ่งจะเกิดมหันตภัยรุนแรง
โดยจะถูกจูงใจว่าเป็นพื้นที่อันปลอดภัย
ซึ่งเจ้าลัทธิอุตริทั้งหลายนี่แหละ
จะเป็นแกนนำชักพาสานุศิษย์ที่ "งมงาย"
ให้ไปรวมพลพรรคอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า
สถานที่เหล่านี้จึงเป็นเหมือนบ่อย่ำองุ่น
ที่ผลองุ่นจะถูกโยนลงไปในบ่อ
แล้วถูกเหยียบย่ำอยู่ในบ่อเดียวกัน
หมายถึงพวกเขาจะต้องเผชิญชะตากรรม
จากภัยพิบัติร้ายแรงจนเกิดการตายหมู่
ซึ่งสถานที่จะเกิดเหตุร้ายให้ตายหมู่นั้น
ได้ถูกเตรียมการเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นทั่วโลก
โดยบ่อย่ำองุ่นส่วนใหญ่ในนิมิตที่ว่านี้
มันจะอยู่นอกเมืองมากกว่าในเมือง
และเรายังแลเห็นอีกด้วยว่า
เลือดสีแดงที่ไหลออกมาจากบ่อทั่วโลก
เมื่อนำมันมารวมเข้าด้วยกันแล้ว
จะมีปริมาณสูงจนถึงบังเหียนม้า
จะเป็นระยะทางยาวร่วม 300 กิโลเมตร
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายอีกว่า
เรายังได้แลเห็นสิ่งสำคัญ
และน่าพิศวงอีกสิ่งหนึ่ง
ในสวรรค์ของพระบิดา
นั่นคือเราเห็นช่างเท็คนิกเจ็ดองค์
ถือภัยพิบัติ 7 ประการสุดท้ายอยู่
ที่สำคัญและน่าพิศวงก็ตรงที่
ภัยพิบัติทั้งเจ็ดประการนี้
จะทำให้พระพิโรธของพระเจ้าสิ้นสุดลง
เราเห็นสิ่งหนึ่งเหมือนทะเลแก้วปนไฟ
ทะเลแก้วหมายถึงสนามพลังงาน
ในชั้นบรรยากาศโลก
ที่มีพลังรังสีแห่งพระสุริยะปกคลุมอยู่
เราเห็นผู้คนที่มีชัยชนะต่อสัตว์ร้าย
ผู้ที่มีชัยชนะต่อรูปปั้นและเลขชื่อของมัน
ซึ่งเป็นผู้คนที่ได้ถูกคัดไว้
กำลังยืนอยู่ริมทะเลแก้วนั้น
ต่างพร้อมใจกันกล่าวสรรเสริญพระเจ้า
หลังจากนั้น
เราก็แลเห็นนิมิตในสวรรค์ของพระบิดา
เห็นพระวิหารที่ประทับของพระองค์เปิดออก
ประดาช่างเท็คนิกทั้งเจ็ดองค์
กำลังถือภัยพิบัติทั้งเจ็ดก้าวผ่านออกมา
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
13-12-2018
22/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

19 มีนาคม 2565

VDO. EP. 378: เหตุผลที่คนโง่ (Full Version)

 


บันทึกการสื่อพระโอวาทในระบบจิตสู่จิตจากองค์จิตจักรวาล

โดย อนุตรธรรมาจารย์ปริญญา ตันสกุล

สนทนาประสาจิตจักรวาล 19/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

มนุษย์ทั้งหลายกับดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้
ถูกพี่ๆน้องๆที่มีชีวิตซึ่งมาจากต่างเผ่าดาว
ใช้ความฉลาดทางเท็คโนโลยีที่เหนือกว่า
กับการใช้พลังอำนาจทางจิตวิญญาณด้านลบ
เข้ามาแทรกแซงภารกิจของพวกท่านทั้งหลาย
จนไม่สามารถบรรลุภารกิจของจิตวิญญาณ
ที่ขันอาสาพระบิดาเข้ามาปฏิบัติได้มานานแล้ว

กลุ่มสำคัญจะมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 4 กลุ่ม
กลุ่มแรกคือแกนนำของพวกเขาทั้งหมด

พวกนี้เดินทางมายังโลกเป็นพวกแรก
โดยอพยพหนีตายมาจากดาวของตนได้ทัน
ก่อนที่มันจะแตกระเบิดจนแหลกเป็นจุล
กลายเป็นหมอกฝุ่นที่เรียกว่า "เนบิวล่า"
ซึ่งมนุษย์ยังส่องกล้องมองเห็นได้จนทุกวันนี้

เหตุที่ดวงดาวถิ่นเกิดของพวกนี้ต้องแตกระเบิด
ก็เกิดจากการทดลองทางด้านเท็คโนโลยีขั้นสูง
ในชั้นใต้ดินของดวงดาวที่พวกเขาดำรงอยู่
เพื่อหมายจะสร้างเครื่องจักรกลควบคุมธรรมชาติ
เช่น การสร้างเมฆฝน การสร้างพายุแม่เหล็ก
สร้างแผ่นดินไหวและสร้างคลื่นอากาศร้อน เป็นต้น
ผลปรากฏว่าขณะทำการทดลองวัตถุเท็คโนโลยีนี้
พวกเขาเปิดเครื่องแล้วไม่สามารถ "ควบคุม" มันได้
ในที่สุดสิ่งที่มนุษย์เรียกว่า "อุบัติเหตุ" ก็เลยเกิดขึ้น
ส่วนเหตุแห่งอุบัติเหตุที่แท้จริงพวกท่านยังไม่ต้องรู้

เมื่อเข้ามาเป็น "มอด" อยู่ในระบบโลกทุกวันนี้
พวกเขาเป็นพวกที่เชี่ยวชาญด้านเท็คโนโลยีสูงมาก
ก็ยังไม่เคยหยุดยั้งความตั้งใจของตนจึงคิดสานต่อ
โดยใช้ใต้แผ่นดินโลกเป็นสถานที่ติดตั้งกลไกนี้
ซึ่งบัดนี้ติดตั้งเสร็จแล้วกำลังเริ่มงานทดลองกันอยู่

สิ่งมีชีวิตต่างเผ่าดาวผู้รุกรานกลุ่มนี้แหละ
ที่ปล่อยของจำพวก "ขยะเท็คโนโลยี" ตั้งมากมาย
เพื่อให้มนุษย์โลกงมงายไปกับของเล่นเหล่านี้
จนพากันเสพติดเท็คโนโลยีอย่างเป็นบ้าเป็นหลัง

รูปธรรมสิ่งมีชีวิตกลุ่มหัวโจกที่ว่านี้
จะมีรูปลักษณ์คล้ายมนุษย์แต่ร่างใหญ่ดั่งยักษ์
หน้าตาดุร้ายไม่เป็นมิตรมีสมองก้อนโตก้อนเดียว

ส่วนรูปธรรมที่มีชีวิตซึ่งเป็นผู้บุกรุกกลุ่มที่สอง
เป็นพวกที่ถูกขับไล่ออกมาจากเผ่าดาวของตน
เพราะประพฤติผิดกฎของเผ่าดาวอย่างร้ายแรง
พวกเขากลุ่มนี้มีพลังอำนาจทางจิตวิญญาณสูง
เป็นเจ้าของศาสตร์ลี้ลับในแบบพ่อมดหมอผี
เป็นผู้ชำนาญการด้านเวทย์มนต์ศาสตร์มืดต่างๆ
ที่ใช้เพื่อการทำลายผู้อื่นมากกว่าการสร้างสรรค์
เช่น การสั่งจิต การจูนจิต-จูงจิต การสะกดจิต
อภินิหารทางจิตด้านอภิญญาปาฏิหาริย์ต่างๆ
จำพวกการล่องหนหายตัว การดูดวง การดูดพลัง
ซึ่งเป็นอวิชชาที่มนุษย์ธรรมดาทำไม่ได้

กลุ่มนี้เป็นกลุ่มที่หลอกคนนำทางตาบอด
ให้สอนมนุษย์พากันดับขันธ์ 5 และไม่ให้ใช้มัน
เพื่อมิให้สามารถใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกได้
อีกทั้งยังหลอกมนุษย์ให้หลงทางนิพพานด้วย
เพียงเพื่อแก้แค้นและพาลเกเร

รูปธรรมที่มีชีวิตต่างเผ่าดาวกลุ่มที่สาม
เป็นกลุ่มที่มีตัวตนรูปลักษณ์แบบสัตว์ร้าย
แต่ทุกวันนี้พวกเขาสามารถใช้ดีเอ็นเอมนุษย์
ตัดต่อพันธุกรรมกับดีเอ็นเอสัตว์ร้ายของตน
จนได้เครื่องยนต์แห่งกรรมลักษณะมนุษย์
เป็นผลสำเร็จแล้วจากการช่วยเหลือของกลุ่มแรก

ต่างเผ่าดาวที่กลายพันธุ์เป็นมนุษย์เผ่านี้
แม้รูปร่างหน้าตาทำท่าว่าจะเหมือนมนุษย์ก็จริง
หากพวกท่านสังเกตให้ดีพวกนี้จะมีเขี้ยวแหลมๆ
เวลาพูดเวลาเผลอมักจะแลบลิ้นเลียปากให้เห็น
เวลาสนใจใครหรือสิ่งใดตาจะแทบไม่กระพริบ
ม่านตาสามารถหรี่ลงและเบิกกว้างได้ผิดมนุษย์
ที่สำคัญคือพวกนี้จะมีปากหรือฟันยื่นผิดรูป
เว้นเพศหญิงที่ได้จากการไฮบริดรูปปากจะสวย
จมูกจะโด่งใบหน้าเป็นรูปไข่คอกลมผมดำยาว
จะมีทั้งชนชั้นผู้นำนักวิทยาศาสตร์และดารา

การที่มนุษย์โลกมีวิญญาณของสัตว์ร้าย
มีความก้าวร้าว ลุแก่โทษะจริต โลภ เห็นแก่ตัว
ฆ่าได้ทุกคนไม่เว้นแม้บิดามารดาผู้มีพระคุณ
จนไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์ผู้ประเสริฐเลย
เมื่อใดก็ตามที่ถูกทำให้ #ขาดสติ ก็เพราะว่า
มนุษย์ตั้งแต่บรรพกาลถูกผ่าตัดดัดแปลงดีเอ็นเอ
โดยพวกเขานำเอาดีเอ็นเอของสัตว์ร้ายของตน
มาไขว้คู่กันไว้กับดีเอ็นเอพลียะเดี้ยนส์ในมนุษย์

พวกเผ่านี้แหละที่เป็นสาเหตุให้
มนุษย์หมุนธรรมจักรด้วยความรักกันง่ายๆ
ตามแบบที่พระบิดาทรงออกแบบไว้ดีแล้วไม่ได้

เมื่อจิตหยาบถูกกระตุ้นปลุกเร้าผ่านอายตนะ
กิเลสตัณหาราคะอารมณ์ขยะของสัตว์ร้าย
ก็จะแย่งสั่นสะเทือนขับเคลื่อน "ขันธ์ 5" เมื่อนั้น
จนมิอาจหมุนธรรมจักรได้มานานนับพันปีแล้ว
พระเจ้าจึงต้องมีบัญชาให้เรามาช่วยพวกท่าน

สำหรับรูปธรรมจากต่างเผ่าดาวกลุ่มที่สี่นั้น
เป็นพวกตัวเล็กๆฉลาดแต่ไม่มีพิษสงอะไรนัก
หากเทียบกับสามกลุ่มที่เรากล่าวมาข้างต้น
พวกเขากลุ่มนี้ขอเพียงแค่มีส่วนอยู่ในระบบโลก
อย่างแคล้วคลาดปลอดภัยก็พอแล้ว

ขณะนี้พวก "มอด" ตัวร้ายกับมนุษย์เทียมเท็จ
กำลังวางแผนร่วมกันปฏิบัติการในขั้นสุดท้าย
เพื่อมีอำนาจเหนือมนุษย์และครองโลกเบ็ดเสร็จ
โดยใช้ทั้งขยะเท็คโนโลยีขั้นสูงและอุบายชั่วร้าย
ที่มนุษย์โลกผู้โง่ง่ายและเสพติดกิเลสเป็นอาหาร
เริ่มหลงกลไม่รู้เท่าทันมอดมารกันมากขึ้นแล้ว

นอกจากมนุษย์ทุกคนต้องสู้กับมารภายใน
คือกิเลสกับความโง่ของตนเองกันแล้ว
ยังต้องเอาชนะมอดมารภายนอกอย่างรู้เท่าทันด้วย
โดยต้องใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท
เพื่อให้มั่นใจว่าจะปลอดภัยจากเชื้อโรคได้
โดยไม่ต้องพึ่งพาสารแม่เหล็กที่ถูกบอกให้นำเข้า

นอกจากนั้นจักต้องเพลาๆการบริโภคเท็คโนโลยี
จงอย่ามองเห็นว่าขยะวัตถุพวกนี้เป็นแค่ของเล่น
จงทำตนให้อยู่ในธรรมชาติของพระบิดาให้มากไว้
จงอย่าไปสนใจโลกใหม่ที่มีแต่ความใฝ่ฝัน
จงรู้ว่าพระเจ้าหรือพระบิดาทรงสร้างโลกไว้ดีแล้ว
พระองค์ทรงมีสัจจะจึงไม่ทรงคิดเปลี่ยนแปลงโลก
หน้าที่เปลี่ยนแปลงโลกเป็นหน้าที่ของพวกท่าน
เพื่อปฏิบัติตามแผนที่พระองค์ทรงวางไว้เท่านั้น

หน้าที่ของมนุษย์ก็คือ
ต้องรักกันให้ได้ให้อภัยกันให้เป็น
โดยนำความแตกต่างที่พระองค์ทรงสร้างไว้
มาสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันด้วยสติปัญญาให้ได้
อย่าให้ใครมาหลอกท่านว่าพวกเขาคือ "พระเจ้า"
เป็นพระเจ้าผู้ทรงฤทธานุภาพของมนุษย์อย่างท่าน
ทั้งๆที่พวกผู้กล่าวอ้างเขายังไม่รู้จักพระเจ้าเลย
พวกเขาจึงเชื่อว่าพวกตนนั้นเป็นผู้เกิดจากแสง
และเข้าใจว่ามนุษย์โลกก็เป็น "ชาวแสง" เช่นกัน

เรากล่าวความจริงต่อพวกท่านด้วยความรัก
ในพระนามแห่งพระเจ้าพระองค์เดียวของจักรวาล
เราเป็นพยานคนเดียวของพระองค์เท่านั้น
ที่จะกล่าวอนุตรธรรมต่อท่านทั้งหลายได้

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
19/03/2022

16 มีนาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 16/03/2022


พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้พวกท่านรู้ว่า
พระเจ้าคือพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของมนุษย์
พระผู้สร้างเอกภพและทุกสรรพสิ่งในจักรวาลนี้

พระเจ้าจึงทรงมีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้น
เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้เริ่มต้นและสิ้นสุด
ของทุกสรรพสิ่งที่ทรงสร้างไว้ภายในเอกภพนี้

ดังนั้น
พระองค์จึงทรงเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล
เราจึงถวายพระนามแก่พระองค์ว่า #จิตจักรวาล
เพราะทรงเป็น "พระจิต" ของจักรวาลนั่นเอง

ท่านทั้งหลายจะต้องรู้ว่า
นอกจากพระองค์จะทรงสร้างสิ่งใดขึ้นมาแล้ว
แม้จะใช้ประโยชน์อะไรไม่ได้ก็จะมิทำลายทิ้ง
พระองค์จะทรงอนุรักษ์ไว้เป็นอนุสรณ์เสมอ
เช่น ทรงทดลองกำหนดสร้างรูปธรรมสิ่งมีชีวิต
เอาไว้ในห้องทดลองขนาดเล็กบนดวงดาวต่างๆ
เพื่อค้นหาเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ที่จะทรงนำมาให้จิตวิญญาณจากแดนสุญตา
ใช้ในการผลิตพลังงานความรักช่วยค้ำจุนโลก
ที่มีศักยภาพและประสิทธิภาพสูงสุดเท่าที่จะทำได้

แน่นอนว่ากว่าจะทรงได้เครื่องยนต์แห่งกรรม
ซึ่งมนุษย์อย่างพวกท่านได้ใช้กันมาจนทุกวันนี้
สิ่งมีชีวิตในต่างเผ่าดาวต่างกาแล็กซี่จึงมีมากมาย
โดยทั้งตัวตนรูปลักษณ์อุปนิสัยใจคอก็ต่างๆกันไป
สิ่งมีชีวิตทั้งหลายเหล่านี้คือต้นแบบที่ไม่สมบูรณ์
คือต้นแบบที่ยังใช้การในระะบบโลกไม่ได้นั่นเอง

เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ต้นแบบ
มีเพียงเผ่าพันธุ์เดียวเท่านั้นคือ #พลียะเดี้ยนส์
มนุษย์โลกเสรีจึงเป็นดั่ง "เมล็ดพันธุ์" ของพวกเขา
ซึ่งได้รับการช่วยเหลือดูแลและปกป้องเสมอมา

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

พระเจ้าหรือพระบิดาซึ่งเป็นพระผู้สร้าง
ยังทรงเป็นผู้ยึดมั่นในสัจจะเป็นสำคัญเสมอ
ทรงออกแบบให้ทุกสรรพสิ่งในห้องทดลองนี้
ต้องมีการเป็นอยู่คือเอาไว้แบบใดอย่างไร
พระองค์ก็จะทรงยินยอมให้ทุกสิ่งเป็นไปแบบนั้น
ไม่ว่ากาลเวลาโลกจะผ่านไปนานสักเท่าใดก็ตาม

ดังนั้น
มนุษย์โลกทั้งหลายจึงต้องมั่นใจเสมอว่า
ความแตกต่างอย่างหลากหลายบนโลกเสรีนี้
พระองค์ทรงสร้างขึ้นเพื่อเป็นทั้งบททดสอบ
เป็นทั้งบทเรียนให้จิตหยาบตัวแทนของแก่นแท้
เรียนรู้ที่จะ #สร้างความเป็นหนึ่งเดียวกัน ให้ได้
เพื่อจะให้พวกท่านแสดงความรักต่อกันและกัน
ในท่ามกลางความแตกต่างกันอย่างหลากหลาย
ซึ่งความรักนั้นคือพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ที่โลกต้องการใช้เพื่อบิดแกนแม่เหล็กในใจกลาง
ช่วยให้ดาวเคราะห์โลกดวงนี้เหวี่ยงหมุนนั่นเอง

เราขอยืนยันว่า
ทุกสิ่งอย่างที่พระเจ้าทรงออกแบบไว้ตั้งแต่แรก
แม้ขณะนี้โลกและมนุษย์จะสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว
มันจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่แรกสร้าง
การส่งจิตวิญญาณมาเกิดเป็นมนุษย์ยังเหมือนเดิม
การส่งจิตวิญญาณท่านคืนกลับบ้านก็ยังเหมือนเดิม
การมีบทเรียนบททดสอบยังคงต้องมีแบบเดิม

มนุษย์ก็จะยังคงเป็น #คนสองมิติ แบบเดิม
จะไม่มีการยกระดับมิติเป็นสามสี่ห้าอะไรทั้งนั้น
เพราะแค่สองมิติพวกท่านก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าแล้ว

มนุษย์จะยังคงเป็นนักสู้เพื่อการรู้แจ้งต่อไป
เพื่อใช้จิตปัญญาจากดีเอ็นเอของพลียะเดี้ยนส์
จะไม่เปลี่ยนแผนให้มนุษย์เป็น "กรรมกรแห่งแสง"
ด้วยการยกเลิกความแตกต่างของทุกสรรพสิ่ง
ให้เหลือแต่ความเหมือนกันเสมอภาคกัน
ซึ่งง่ายต่อดีเอ็นเอและสัญชาติญาณของสัตว์ร้าย

เราขอเป็นพยานว่าดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้
พระเจ้าจะมิทรงเข้ามาบังคับควบคุมพวกท่าน
จะทรงยอมให้ท่านอยู่ท่ามกลางความแตกต่าง
เพื่อเรียนรู้ว่าจะนำความแตกต่างอันหลากหลาย
มาสร้างความเป็นหนึ่งเดียวกันได้อย่างไร
โดยไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน ไม่เป็นศัตรูกัน
ไม่ทำศึกสงครามกันเยี่ยงสัตว์ร้ายผู้ก้าวร้าว
เหมือนในอดีตที่ผ่านมา

สิ่งสุดท้ายที่เราจะกล่าวในพระนามพระเจ้าคือ
โลกยุคพลังงานเก่ากำลังสิ้นสุดยุติลง
สิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงซึ่งพวกท่านควรรู้ก็คือ

1.จิตวิญญาณพวกท่านต้องหลุดพ้นกลับบ้าน
2.จิตวิญญาณรุ่นต่อไปคือผู้เดินทางมาจากพระเจ้า
จะเข้ามาทำหน้าที่แทนพวกท่านที่จากไป

3.ทุกสิ่งอย่างในระบบโลกจะถูกชำระให้สมดุล
นั่นคือสิ่งใดที่เป็นขยะจะทรงชำระทิ้งทั้งหมด

4.โลกจะถูกยกระดับให้มีพลังอำนาจเพิ่มขึ้น
จากสมการสามมิติ 3-3-3 เป็น 6-6-6
(มิใช่สามร้อยสามสิบสาม เป็น หกร้อยหกสิบหก)

5.จะมีแต่โลกเดิมๆไม่มีโลกเก่าโลกใหม่
จะมีแต่โลกยุคพลังงานใหม่เท่านั้น

6.พระเจ้าแห่งจักรวาลหรือพระผู้สร้างที่แท้จริง
มีเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นแหละพี่น้องเอ๋ย

อย่าหลงเชื่อรับใครมาเป็นพระเจ้าของท่านอีก
เพราะเราเป็นพยานคนเดียวของพระองค์
เรามาจากพระองค์และพระองค์ทรงส่งเรามา
เพื่อฉุดช่วยเหลือพวกท่านด้วยความรักบริสุทธิ์

เราเป็นห่วงพวก #คนโง่ง่าย ที่อยากรู้อยากเห็น
จะเผลอตัวหลงเชื่อกลลวงเพื่อปีนรั้วเข้าคอก
ทั้งๆที่มรรควิถีจิตจักรวาลเรียบง่ายไม่ซับซ้อน
แต่กลับยอมถูกจูงให้เดินตามคนนำทางตาบอด
หนทางที่เรียบง่ายจึงกลายเป็นสะเปะสะปะไป
เราขอเตือนท่านก่อนจะเป็นเหยื่อของสัตว์ร้าย

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
16/03/2022

15 มีนาคม 2565

คำสอน 15/03/2022

 

ถ้าไม่ต้องการมีสังสารวัฏอีก
ท่านต้องยกระดับจิตหยาบ
ให้สั่นสะเทือนเป็นหนึ่งเดียวกัน
กับจิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
ให้สำเร็จให้จงได้ในภพชาตินี้เลย

14 มีนาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 14/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
"พระเจ้า" คือพระผู้สร้างอนันตจักรวาล
ซึ่งเป็นห้องทดลองขนาดใหญ่ของพระองค์
ทรงเป็นพระผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณมนุษย์
และจิตวิญญาณของสัตว์โลกทั้งหลายด้วย

ดังนั้น
รูปธรรมที่มีชีวิตบนดวงดาวในต่างกาแล็กซี่
ซึ่งยังมีอยู่อีกมากมายที่พวกท่านไม่รู้นั้น
ต่างมีพระเจ้าพระผู้ให้กำเนิดพระองค์เดียวกัน
เพียงแต่คุณสมบัติกับบริบทในการดำเนินชีวิต
จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละเผ่าดาว

สาเหตุที่แตกต่างกันเพราะว่า
รูปธรรมที่มีชีวิตในแต่ละเผ่าดาวที่ทรงสร้างขึ้น
เป็น "ผลการทดลอง" ตามแผนการของพระองค์
เพื่อค้นหาให้ได้มาซึ่งรูปธรรม "ต้นแบบ"
ที่เป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมซึ่งมีสมรรถนะสูงสุด
ในการปฏิบัติภารกิจของจิตวิญญาณร่วมกัน
เพื่อผลิตพลังงานจิตในรูปคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก
ป้อนให้แก่แกนแม่เหล็กซึ่งอยู่ภายในใจกลางโลก
เพื่อทำให้เกิดการระเบิดจนบิดตัวอย่างต่อเนื่อง
อันยังผลให้ดาวเคราะห์โลกหมุนรอบตัวเองได้

เนื่องจากกว่าจะทรงค้นพบรูปธรรมมนุษย์
ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมที่พวกท่านใช้กันอยู่
พระบิดาหรือพระเจ้าได้ทรงทดลองสร้างขึ้น
แล้วมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขมายาวนาน
โดยห้องทดลองของพระองค์ก็คือดวงดาวต่างๆ
ในต่างกาแล็กซี่ภายในห้องทดลองใหญ่นี่เอง

ด้วยเหตุนี้เองท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
ภายในอนันตจักรวาลอันไพศาลนี้
ไม่เพียงแต่ดาวเคราะห์โลกในกาแล็กซี่นี้เท่านั้น
ที่มีรูปธรรมของสิ่งมีชีวิตแบบต่างๆดำรงอยู่
ในต่างดาวต่างกาแล็กซี่ก็ล้วนมีอยู่เช่นกัน

มีทั้งรูปธรรมที่มีชีวิตลักษณะมนุษย์
มีทั้งรูปธรรมที่มีชีวิตลักษณะคล้ายมนุษย์
มีทั้งรูปธรรมที่มีชีวิตลักษณะคล้ายสัตว์โลก
ซึ่งเป็นทั้งวิวัฒนาการและพัฒนาการงานสร้าง
ตามแผนการออกแบบทดลองของพระเจ้า
ที่เป็นพระผู้ทรงสร้างพระองค์เดียวกันทั้งสิ้น
ไม่มีพระเจ้าองค์ที่สองหรือพระองค์อื่นใดอีก

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่าจักรวาลอันไพศาลนี้
เป็นของพระเจ้าหรือพระผู้สร้างพระองค์เดียว
จักรวาลนี้จะคงมีพระเจ้าพระองค์เดียวตลอดไป
จะไม่มีรูปธรรมใดสิ่งใดเหนือพระองค์อีกแล้ว

เนื่องจากสิ่งมีชีวิตบนเผ่าดาวอื่น
ซึ่งพระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือพระเจ้า
ทรงสร้างขึ้นไว้ก่อนมนุษย์โลกอย่างพวกท่าน
ไม่เคยมี #พระศาสดาที่มาจากพระเจ้า
พวกเขาจึงไม่มีใครรู้จักพระเจ้าพระองค์จริง
จึงไม่ใครจำพระเจ้าหรือจำพระบิดาของตนได้
เพราะไม่มีศาสดาที่จะมาบอกความจริงให้รู้
ต่อให้ฉลาดแค่ไหนสมองก้อนเดียวที่พวกเขามี
ก็มีขีดจำกัดที่จะรู้ความจริงระดับอนุตรธรรมได้

พวกเขาจึงคลำได้แต่เพียงว่า
พวกเขาทั้งหลายล้วนถือกำเนิดมาจาก "แสง"
แต่มีกระบวนการขั้นตอนกำเนิดอย่างไรมิอาจรู้
จึงได้แต่เรียนรู้เฉพาะการเป็นอยู่คือของตนเท่านั้น
วิธีการเรียนรู้ก็คือการคิดการค้นการทดลอง
เมื่อกาลเวลาผ่านไปนานนับหมื่นๆปีโลก
พวกเขาจึงฉลาดทางปัญญาและฉลาดทางจิต
เหนือความเป็นมนุษย์น้องสุดท้องหลายเท่านัก

ตามที่เราเคยกล่าวต่อท่านทั้งหลายแล้วว่า
พวกเขาที่พระบิดาสร้างไว้ในต่างเผ่าดาวนั้น
ไม่เคยมีพระศาสดาจากพระเจ้าเข้าไปจุติเลย
จิตสำนึกในบาปบุญคุณโทษผิดถูกดีชั่วจึงไม่มี
เพราะพวกเขายังขาดผู้นำทางจิตวิญญาณ
บางเผ่าจึงเป็นคนดีมีความอ่อนน้อมถ่อมใจ
บางเผ่าก็เป็นคนโหดร้ายก้าวร้าวเยี่ยงสัตว์ร้าย

ด้วยเหตุนี้แหละที่ดาวโลกและมนุษย์
จึงต้องมีพระศาสดาจากพระเจ้ามาช่วยเหลือ
เพื่อมาเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพวกท่าน
อีกทั้งยอมให้พวกท่านด้วยกันเองที่เหมาะสม
ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณกันเองด้วย
โลกจึงมีพระศาสดามากถึง 24 พระองค์แล้ว
เพราะพระบิดาทรงรักและห่วงใยพวกท่านมาก
มิทรงปรารถนาจะสูญเสียพวกท่านไปอีก
เหตุเพราะจิตวิญญาณจะเสื่อมจากความบริสุทธิ์
จนมิอาจหลุดพ้นกลับบ้านได้นั่นเอง

ความวุ่นวายทั้งหลายในอนันตจักรวาล
รวมทั้งความวุ่นวายทั้งหลายในระบบโลก
ก็ล้วนมีสาเหตุมาจากผู้ที่ทรงให้กำเนิดก่อน
แต่ทำตัวพาลเกเรประพฤติตนก้าวร้าวไปทั่ว

โดยใช้ความฉลาดทางปัญญากับความก้าวหน้า
ทางด้านเท็คโนโลยีและจิตวิญญาณ
เข้าแทรกแซงภารกิจของพระบิดา
เพื่อสร้างปัญหาให้มนุษย์โลกมาทุกยุคทุกสมัย
กระทั่งทุกวันนี้มนุษย์กับโลกก็ยังถูกกระทำอยู่

มนุษย์ถูกกระทำให้โง่ง่ายโดยใช้อารมณ์แทน
มนุษย์ถูกชักจูงให้นิยมเสพกิเลสเป็นอาหาร
แทนการใช้ความรักเพื่อให้ด้วยใจบริสุทธิ์

มนุษย์ถูกตัดต่อดีเอ็นเอในระดับเซลล์ร่างกาย
เพื่อให้ทำตนเป็นสัตว์ร้ายแทนการเป็นมนุษย์
มนุษย์ถูกหลอกให้บริโภคสารพิษและเนื้อสัตว์
เพื่อทำให้อายุสั้นและช่วยบำรุงดีเอ็นเอของสัตว์

ทุกวันนี้พวกเขาที่เกเรและชั่วร้าย
เข้ามาใกล้ตัวมนุษย์ทั้งหลายมากเกินไปแล้ว
ปฏิบัติการอันตรายที่จะทำร้ายมนุษย์
โดยเป้าหมายสูงสุดคือครอบครองดาวโลกดวงนี้
มิใช่เป็นแค่ในภาพยนต์ไซไฟต่อไปอีกแล้ว

"มนุษย์ทั้งหลายจงฟังเรา
เรามาจากพระเจ้าผู้รักท่านอย่างสุดซึ้ง
เรามาเพื่อที่จะพาท่านสร้างโลกใหม่"


พวกท่านจงจำเอาไว้ด้วยว่า
ประโยคหวานหูทำนองที่ว่านี้
มิได้มาจากพระเจ้าพระองค์เดียวของจักรวาล
แต่มันเป็นคำลวงของพวกที่ตั้งตนเป็นพระเจ้า
จากพวกเผ่าที่ไม่รู้ว่าพระเจ้าเป็นใครด้วยซ้ำ

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
14/03/2022

13 มีนาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 13/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้
เป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี
มนุษย์ทุกคนทุกชนชาติทุกศาสนาบนโลกนี้
จึงมีทางเลือกเสรีในการดำเนินชีวิตของตน
โดยมีผลลัพธ์ของการกระทำหรือกฎแห่งกรรม
ซึ่งยุติธรรมต่อมนุษย์ทั้งหลายกันอยู่แล้ว

พระบิดาแห่งจิตวิญญาญพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง
ในอนันตจักรวาลหรือเอกภพอันไพศาลนี้
จึงทรงออกแบบให้ดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้
มีความแตกต่างจากดาวดวงอื่นๆอย่างสิ้นเชิง คือ

ทรงอนุญาตให้ดวงจิตวิญญาณทุกรูปธรรม
ผู้ขันอาสาพระองค์ข้ามมิติเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์
สามารถเลือกบทละครชีวิตของแต่ละคนได้เอง
เพื่อมาแสดงร่วมกับจิตวิญญาณอีก 2-3 รูปธรรม
ผู้สมัครใจที่จะมาเป็นสมาชิก "ครอบครัวเดียวกัน"
เมื่อได้รับโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์ในภพชาติแรก

ความมีเสรีจึงเริ่มต้นที่ "พระเจ้า" หรือพระบิดา
ทรงเปิดให้โอกาสลูกแกะทุกตัวของพระองค์
มีอิสระที่จะเลือกบทบาทการแสดงของตนได้
ไม่ว่าจะเป็นบทดีหรือบทร้ายหรือทั้งสองแบบ

ดังนั้น
เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในครอบครัวเดียวกันแล้ว
ทั้งสามีภรรยาและบุตรหลานทุกคนในครอบครัว
ต้องแสดงบทบาทของตนต่อกันทั้งบทดีบทร้าย
เพื่อเป็นเงื่อนไขให้ #จิตหยาบ ของแต่ละคน
สั่นสะเทือนขันธ์ 5 ตอบสนองกันด้วย #รักเพื่อให้
ไม่ว่าเงื่อนไขนั้นมันจะเป็นบทดีหรือร้ายก็ตาม

การที่จิตวิญญาณออกแบบให้มีการแสดงบทร้ายด้วย
ก็เพราะหวังให้จิตหยาบของคนอื่นๆภายในครอบครัว
สั่นสะเทือนขันธ์ 5 เพื่อหมุนธรรมจักรขั้นสูงสุดให้ได้
เพื่อให้เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของตน
ผลิตสร้างพลังงานจิตด้านบวกออกมาให้มากที่สุด
ซึ่งเป็นพลังงานที่โลกต้องการเท่าที่สามารถจะทำได้
เนื่องจากการทำดีต่อกันนั้นมันเป็นเงื่อนไขด้านบวก
แม้จะหมุนธรรมจักรได้แต่จะผลิตพลังงานได้น้อยกว่า

ด้วยเหตุนี้เอง
ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่าเมื่อประชากรโลกมากขึ้น
มีครอบครัวเป็นชุมชนใหญ่สัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้น
บทบาทการแสดงซึ่งเป็นอุปนิสัยจริตสันดานแต่ละคน
แทนที่จะใช้เป็นเงื่อนไขบวกลบเฉพาะในครอบครัว
จึงถูกนำออกมาแสดงต่อคนรอบข้างคนรอบบ้านด้วย
นี่คือที่มาของการสงสัยว่าทำไมคนนั้นดีทำไมคนนี้ชั่ว

พวกท่านจึงต้องยอมรับความจริงกันให้ได้ว่า
ประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นมากมายกลายเป็นชุมชนนั้น
พระเจ้าหรือพระบิดามิได้ทรงเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย
ที่จิตวิญญาณมาเกิดมากขึ้นก็เพราะพวกท่านร้องขอ
ที่แต่ละครอบครัวมีลูกดกก็เพราะพวกท่านขยันทำกัน
การมีคนชั่วอยู่มากมายจนทำให้คนดีทั้งหลายอยู่ยาก

ก็จงอย่าตำหนิโทษพระบิดาหรือกล่าวหาพระองค์ว่า
ทรงสร้างคนชั่วขึ้นมาเพื่อทำร้ายคนดีๆอย่างพวกท่าน
เพราะทรงเกษมสำราญกับการเห็นมนุษย์เป็นของเล่น
หรือทรงสร้างคนชั่วขึ้นมาแล้วควบคุมคนชั่วไม่ได้
จนคิดโง่ๆกันไปว่าพระเจ้าไม่ทรงมีอำนาจที่แท้จริง

ความจริงเบื้องหลังมิติโลกที่เรากล่าวนี้
เป็นสัจธรรมระดับ #อนุตรธรรม ที่มนุษย์ไม่รู้ว่าตนไม่รู้
แม้แต่องค์พระสัพพัญญูก็มิทรงล่วงรู้ได้
เพราะความฉลาดทางปัญญาของสมองมีจำกัด
ซึ่งความจริงชั้นสูงสุดนี้มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้

เราจึงขอเปิดเผยความจริงของ "พระเจ้า"
เปิดเผยความหมายของคำว่า "โลกเสรี"
ต่อมวลมนุษย์ทุกคนทุกชนชาติทุกศาสนา
ในช่วงเวลาปลายยุคพลังงานเก่านี้ให้รู้ทั่วกันว่า

พระเจ้าคือพระผู้เป็นใหญ่เหนือทุกสิ่งที่ทรงสร้าง
เป็นผู้ทรงอนุญาตให้จิตวิญญาณจากแดนสุญตา
ข้ามมิติเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยค้ำจุนโลก
ด้วยความรักเพื่อให้จากการสั่นสะเทือนขันธ์ห้า
ที่ทรงออกแบบเอาไว้ให้ปฏิบัติอย่างไม่ซับซ้อน

เมื่อพระองค์เป็นผู้ทรงอนุญาตให้เข้ามาทำหน้าที่
แสดงว่า "พระเจ้า" ทรงมีพระอำนาจจริงใช่หรือไม่

เมื่อพระองค์ทรงอนุญาตให้วางแผนออกแบบ
ชะตาชีวิตหรือบทละครที่ต้องแสดงร่วมกันได้เอง
ผู้ทรงอนุญาตย่อมมีพระอำนาจแท้จริงใช่หรือไม่
อีกทั้งการที่พระองค์มิทรงก้าวก่ายในการเขียนบท
แสดงว่าทรงประทานความมีสิทธิ์เสรีให้แก่มนุษย์
มีอำนาจเต็มในการเลือกบทบาทของตนใช่หรือไม่

เราขอเป็นพยานของพระองค์ว่า
ยังทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าเหนือทุกสิ่งที่ทรงสร้าง
ยังทรงมีพระสัจจะในการออกแบบโลกและมนุษย์
ให้เป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรีอยู่ตลอดไป
จะมิทรง "ยกเลิก" หรือทรงทำสิ่งใดตามอำเภอใจ
เพื่อเปลี่ยนแปลงดาวโลกกับมนุษย์ไปเป็นแบบอื่น

เพราะเป้าประสงค์หลักของพระองค์ก็คือ
ให้จิตวิญญาณมาเกิดเป็นมนุษย์โลกเสรี
เพื่อช่วยกันผลิตพลังงานความรักให้โลก
ด้วยการใช้ขันธ์ห้าสั่นสะเทือนเป็นความรัก
ช่วยให้โลกหมุนด้วยวิธีปฏิบัติง่ายๆไม่ซับซ้อน
เพียงแค่รักทุกคนที่ทำตัวไม่น่ารักให้ได้
อภัยหรืออโหสิแก่ทุกคนที่ทำตัวไม่น่าอภัยให้ได้
โดยไม่มีเงื่อนไขและไม่ต้องมีสิ่งใดตอบแทน

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
13/03/2022