30 ตุลาคม 2555

สมการพลังงานทางช้างเผือก



นี่เป็นสมการพลังงานร่วมด้านบวกของจิตพวกเธอ ในทุกๆวินาที 
ถ้าพวกเธอ x คน ร่วมกันหมุนธรรมจักรได้สำเร็จ เป็นสัญลักษณ์
ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะสัญลักษณ์ทุกตัวล้วนมีค่าแรงสั่นสะเทือนด้านบวก
รวมกันสูงมากๆ หากคิดเป็นค่าคงที่จะเท่ากับ 20 ซึ่งไม่มีจิตวิญญาณใดในกาแล็กซี่ทางช้างเผือกนี้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภูติผีปีศาจตนใด ไม่ว่าจะเป็นทวยเทพ เทวดา หรือว่าพรหมชั้นใดๆก็มีพลังอำนาจไม่อาจเทียบเท่าพลังบวกจากสมการนี้ได้ และนี่
จึงเป็นที่มาของ "ยันต์ไฮเทค" ล่ะศิษย์รักแห่งเราทั้งหลาย

บุญกรรม VS บุญกุศล




เรื่องของ "บุญกรรม VS บุญกุศล” 

*** การกระทำบุญ ไม่ใช่ "บุญกรรม" อย่างที่ลูกปลาเข้าใจ และบุญกุศลก็มิได้เป็น Sub Set ของบุญกรรมอีกเช่นกัน.....

*** บุญกรรม เป็นคำนาม หมายถึง ผลลัพธ์ของการทำบุญ-สร้างบุญ-ทำความดีงาม โดยเมื่อทำแล้วเธอก็คิดคาดหวังหรือร้องขอสิ่งตอบแทน เช่น ทำบุญแล้วขอโน่นนั่นนี่เป็นการแลกเปลี่ยน ในทางอภิปรัชญาของจิตมันก็จะก่อให้เกิด "ผลกรรม" ในรูปของมวลทางพลังงาน ซึ่งเป็นขยะที่รกโลกรกจักรวาลขึ้นมา ดังเช่น ที่เธอสร้างวัตถุเทคโนโลยีทั้งหลายขึ้นมาให้เป็นขยะทางกายภาพในระบบโลก จนหาที่กลบฝังไม่หมดแล้วในขณะนี้นั่นแหละ

*** บุญกรรม จึงใช้เรียก ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นในมิติทางพลังงานที่สองตาเธอมองไม่เห็นแต่เกิดขึ้นจริง มีน้ำหนักมวลจริง แม้จะเป็นกรรมดี(การกระทำที่ดี) แต่มันก็คือขยะพลังงาน ที่ใครก่อใครสร้างมันขึ้นมาจักต้องรับผิดชอบในการกำจัด(ทำมันให้เป็นโมฆะ/ทำมันให้มีคุณสมบัติเป็นกลาง/ทำมันให้ไร้ซึ่งคุณสมบัติแห่งกรรมดีที่เรียกว่าบุญกรรมนั้น)

*** วิธีทำให้ ผลกรรมดีหรือผลกรรมด้านบวก ที่เรียกว่า "บุญกรรม" ให้เป็นกลาง (Neutral) ก็คือ การเกิดใหม่เพื่อมาชดใช้กรรมดีนั้นให้หมดสิ้น (เสวยกรรมดีตามที่ร้องขอไว้ในตอนที่กระทำ)

*** เธอจะเห็นได้ว่า "บุญกรรม" อันเป็นผลกรรมที่ดีๆนั้น มันกลายเป็นขยะรกโลกรกจักรวาล จนพวกเธอต้องย้อนกลับมาเกิดใหม่กันไม่รู้จบสิ้นและนิพพานไม่ได้เสียทีก็เพราะ ทำความดีหรือทำบุญทีไร ดันอธิษฐานจิตร้องขอรางวัลในการทำกรรมดีงามนั้นเสมอ โดยลืมไปว่า "ทำดีย่อมได้ดีอยู่แล้ว" ไม่ต้องร้องขออะไรตอบแทนอีกแล้ว

*** ต่างกับ "บุญกุศล" มันเป็นคำนามเหมือนกัน โดยต่างกันตรงที่เมื่อทำความดีงามแล้วพลังอำนาจแห่งจิตด้านบวก จะสั่นสะเทือนให้เกิดคลื่นพลังงานด้านบวกที่สูงขึ้นจากสภาวะจิตปกติ พวกเธอเรียกว่า "ความปีติ" อันเป็นกุศลจิต ซึ่งคลื่นพลังงานนี้จะเป็นเพียงคลื่นความถี่ด้านบวกที่จิตสั่นสะเทือนอยู่ข้างในและไร้คุณสมบัติของกรรมเพราะไม่มีการร้องขอ มันจึงไม่มีมวลของผลกรรมใดๆเกิดขึ้น เป็นแต่เพลียงพลังอำนาจในการสั่นสะเทือนของจิตด้านบวก ที่จะใช้ขับเคลื่อนจิตวิญญาณสู่การหลุดพ้นคือนิพพานเท่านั้น

*** คำว่าบุญกุศล จึงอาจกล่าวได้ว่า เป็นการกระทำความดีงามโดยมิได้ก่อให้เกิดผลกรรมในมิติทางกายภาพ(ไม่มีมวล) เกิดแต่ผลลัพธ์ในมิติทางพลังงานเท่านั้น เช่น จิตกุศล หมายถึง สภาวะจิตที่สั่นสะเทือนเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านบวก หรือ จิตอกุศล หมายถึง สภาวะจิตที่สั่นสะเทือนเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านลบ เป็นต้น

*** ยังไงๆ บุญกุศล ก็มิใช่สับเซ็ทของ "บุญกรรม" ถ้าจะหาเรื่องให้มันเป็นสับเซ็ทกันให้ได้จริงๆ เธอน่าจะหันไปพิจารณา 2 กรรมนี้น่าจะกล้อมแกล้มได้มากกว่า....คือ
1).บุญกรรม VS บุญวาสนา
2).บาปกรรม VS บุรพกรรม(วิบากกรรม)
เธอจงพิจารณาให้รอบคอบอีกหลายๆครั้ง....

ป.วิสุทธิปัญญา
30-10-2012

มายา



หลงรูปงาม คือ หลงในเงามายา
มายา คือ เปลือกนอกของ "แก่นแท้”

แก่นแท้ ที่เร้นอยู่ข้างใน เป็นผู้กำหนดตัวตนรูปลักษณ์ซึ่งเป็นเปลือกนอกของแก่นแท้นั้น

ตัวตนรูปลักษณ์ภายนอก ถูกปรุงแต่งขึ้นมาจากคุณสมบัติต่างๆของแก่นแท้ที่เร้นอยู่ภายใน

ถ้าคุณสมบัติของแก่นแท้เปลี่ยนแปลงไป มายาที่เป็นตัวตนรูปลักษณ์ภายนอกก็จะเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย

ดังนั้น เปลือกนอกที่เป็นมายาจึงมิใช่ของจริง เพราะไม่จีรังยั่งยืน เนื่องจากมีวันเปลี่ยนแปลงได้ตลอด พวกเธอจึงไม่ควรหลงไหลหรือไปยึดติดมันเข้าให้ ใส่ใจที่คุณสมบัติของแก่นแท้จะเหมาะกว่า เช่น ไม่สนความสวย-ความรวย-ความหล่อ แต่สนที่ความเป็นคนดี คนฉลาด และคนเก่งหรือรอบรู้ เป็นต้น เพราะมันคงทนกว่านั่นเอง

ป.วิสุทธิปัญญา

กระตุกต่อมคิด


15 ตุลาคม 2555

หลัก "5 ยอ" ไม่ขอเกี่ยวกรรมใคร




(((+)))หลักการปฏิบัติธรรมนำสันติสุขแก่ตนและคนอื่นๆด้วย

"5 ยอ" (ยอเดียวน้อยไป....)
1.ยิ้ม เพื่อแสดงความเป็นมิตร
2.แย้ม เพื่อแสดงความจริงใจอย่างเปิดเผย
3.ยอ เพื่อแสดงความชื่นชมและให้เกียรติ
4.เย้า เพื่อแสดงความคุ้นเคยเป็นกันเอง
5.ยอม เพื่อแสดงความรักและปรารถนาดี

ป.วิสุทธิปัญญา

12 ตุลาคม 2555

เธอมีปณิธานแห่งนิพพานชัดเจนหรือยัง?




DIGITALIS


ถ้าเธอยังเจ้าอารมณ์ อายุขัยเธอจะถูกตัดทอนลงเรื่อยๆ อายุจะสั้นกว่าที่กำหนดไว้ 

1.เธอไม่มีวันรู้หรอกว่าเธอจะมีอายุขัยนานเท่าใด มีเส้นใยเกลียวแม่เหล็กติดตั้งมากี่ขด เพราะมันคือความลับสำหรับเธอและมันเป็นเงื่อนไขของฟ้า

2.มนุษย์มักจะคิดโง่ๆเสมอ เช่น ถ้าร่างกายต้องการธาตุโปรตีนก็ต้องไปไล่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเอาเลือดเนื้อของเขามากินเป็นอาหาร เพราะเข้าใจว่ากินสารโปรตีนจากสัตว์แล้วมันจะเข้าไปเติมเต็มโปรตีนที่ร่างกายตนเองต้องการได้ 

3.ที่ว่าโง่ก็เพราะว่ามีวิธีอื่นที่ฉลาดกว่าโดยไม่ต้องฆ่าสัตว์ตัวใดเลยก็สามารถได้รับสารโปรตีนที่ร่างกายต้องการได้ เพียงแค่กินพืชผักและเมล็ดธัญพืช รวมทั้งผลไม้ให้หลากหลายเข้าไว้ในแต่ละวันเท่านั้นก็เพียงพอแล้ว

4.เพราะเพียงแค่เอาวัตถุดิบเหล่านั้นทานเข้าไปในร่างกาย เซลอวัยวะร่างกายต่างๆที่พระบิดาติดตั้งโรงงานแปรรูปวัตถุดิบให้เป็นสารอาหารที่ร่างกายเธอต้องการแม้แต่โปรตีนที่ว่าเนี่ย ก็จะทำหน้าที่แปรธาตุผลิตสร้างสารอาหารที่ร่างกายต้องการได้เองจากสิ่งที่เธอทานเข้าไปนี่ล่ะ ทั่วร่างกายเธอพระบิดาทรงติดตั้งโรงงานต่างๆเอาไว้มากมายเพียงแค่เธอกินอาหารให้ถูกต้อง นั่นคือ ใส่วัตถุดิบเข้าไปในปากผ่านสู่กระเพาะลำไส้เธอเท่านั้นเอง เธอจะไม่มีวันขาดโปรตีนและสารอาหารใดๆเลยในชีวิตนี้ เธอจะไม่ท้องอืด ไม่เป็นโรคทาวเดินอาหาร และอายุยืนยาว อารมณ์ดีอีกด้วย 

5.อย่ากินเฉพาะเทศกาลกินเจเท่านั้น หยุดกินเนื้อสัตว์ให้ตลอดชีวิตเลยจะได้ผลอย่างที่เรากล่าวและไม่โง่ต่อไปอีกด้วย 

6.กินเซลเพื่อนมนุษย์ที่อายุยืนเหรอ เอามาไง ฆ่าเขาอีกเหรอ ไม่ว่าจะได้มาไง ไม่ได้ผลหรอก คิดโง่ๆอีกเหมือนเดิม เธอจะอายุยืนได้จริงๆนะเหรอทำแบบนี้สิ......
(1).จิตเป็นสุญตาตลอดเวลาในยามตื่น 
(2).ทานพืชผักผลไม้และธัญพืชเท่านั้น 
(3).ดื่มน้ำธรรมชาติบริสุทธิ์ให้เพียงพอ 
(4).ใช้ชีวิตประจำวันด้วยความไม่ประมาท 
(5).ทำสิ่งที่ดีมีประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์และต่อโลกด้วย ไม่ทำเพื่อตนเองและพวกตัวเท่านั้น และไม่นั่งนอนรอความตายอย่างเดียวเพราะคิดว่าตัวเองแก่แล้ว....หยุดแล้ว....ไม่ไหวแล้ว.....
(6).ไม่เบื่อโลก เบื่อเพื่อนมนุษย์ เบื่อตนเอง แต่จงสนุกกับชีวิต ศรัทธากับการเป็นมนุษย์ 

7.ทำแบบนี้ต่างหากถ้าอยากอายุยืน ไม่เห็นต้องฆ่าใคร ต้องกินใคร 

(ป.วิสุทธิปัญญา)