จงอย่าจาบจ้วงพระศาสดา
ด้วยการบิดเบือนพระคำของพระองค์ให้ผู้คนหลงผิด
เพราะคิดแต่จะหาผลประโยชน์ทางศาสนพาณิชย์
เพราะคิดแต่จะล่าสาวก
จนทำให้ศาสนาตกต่ำ
จนนำความเสื่อมทางจิตสำนึกมาสู่หมู่ชนในสังคม
จนยากที่จะแก้ไขเยียวยาแล้วในทุกวันนี้
สไลด์ที่เรานำมาเป็นบทเรียน
สำหรับท่านทั้งหลายในวันนี้
เป็นที่ปรากฏเผยแพร่ในหมู่ศาสนิกทั้งหลาย
ติดต่อกันมานานหลายสัปดาห์แล้ว
มีใจความที่เป็น "ขยะ" ดังต่อไปนี้...
***
ถ้าหาคนที่มีศีลเสมอกันหรือสูงกว่า
เดินไปด้วยกันไม่ได้...
พระพุทธองค์ทรงให้เลือก
"เดินไปคนเดียว"
เพราะเลือกคบคนอย่างไร
เราก็จะเป็นอย่างนั้น
ถ้าคบคนพาล คนโกง
หลงโลก หลงกามคุณ
ถ้าสติเราไม่พอ
อีกไม่นานเราก็จะซึมซับสิ่งเหล่านั้น
โดยไม่รู้ตัว
คนฉลาดใช้ชีวิต
จึงเลือกคบกัลยาณมิตร
ถ้าไม่มีคนมีศีลมีธรรมรอบตัวเลย
จงเลือก "เดินคนเดียว"
และมี "สติ" เป็นเพื่อน
*******
เราจะขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ที่เขาอ้างว่าพระพุทธเจ้าทรงสอนไว้ดังกล่าวนั้น
ไม่เป็นความจริงพันเปอร์เซ็นต์
ที่เป็นความเท็จเป็นความไม่จริง
เพราะว่าพระพุทธองค์นั้น
ทรงมีพระสัมมาสัมโพธิญาณ
ที่เหนือกว่ามนุษย์สามัญคนใดๆจะเข้าถึงได้
จนสามารถตรัสรู้ข้อธรรมะ
ระดับอนุตรธรรมบทสำคัญ
เรื่อง "ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร" ได้เช่นนี้แล้ว
จะทรงมีพระธรรมคำสอนผิดๆในเรื่องง่ายๆ
ที่เป็นธรรมะแค่ระดับโลกียะข้างต้นนั้นได้อย่างไร
ย่อมเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน
1.ที่บิดเบือนว่า....
"ถ้าหาคนที่มีศีลเสมอกันหรือสูงกว่า
เดินไปด้วยกันไม่ได้...
พระพุทธองค์ทรงให้เลือก
"เดินไปคนเดียว"
นักเรียนจงอย่าเชื่อคำกล่าวนี้
เพราะมันมิใช่สัจธรรมที่ถูกต้องถ่องแท้เลย
ถ้าท่านทั้งหลายเป็นมนุษย์
ท่านต้องเป็นสัตว์สังคม
หน้าที่หลักของพวกท่านคือ
ต้องเรียนรู้ที่จะเป็นหนึ่งเดียวกันกับคนอื่นๆ
ที่เขาอาจมีนิสัยสันดานแตกต่างกันกับท่านให้จงได้
ท่านจึงไม่มีอำนาจหน้าที่ใดๆ
ที่จะผลักไสคนที่ต่ำกว่าท่าน
ให้ออกไปจากสังคมของท่าน
หรือแยกตัวท่านเอง
ออกมาจากผู้คนที่ต่ำกว่าท่าน
เพราะถ้าทำตามหรือเชื่อตามคำกล่าวนั้น
มันคือการสอนมนุษย์ให้แบ่งแยกชนชั้นกัน
มันคือการสอนให้ท่านหลงตัวเอง
สอนให้ท่านยกตัวเองเหนือผู้อื่นโดยแท้
สมมติว่าในสังคมของท่านนี้
ถ้ามีแต่คนที่มีศีลมีดีเสมอกันกับท่าน
แล้วท่านจะฝึกการยกระดับจิตปัญญา
เพื่อชำระจิตให้ใสสร้างใจให้สวย
ร่ำรวยความฉลาดทางอารมณ์และปัญญา
เพื่อแสดงความรักความเมตตากับใครล่ะ
ถ้าท่านจะเลือกคบแต่คนที่มีดีมีศีลเหนือท่าน
ท่านก็จะเป็นได้แค่เพียงผู้รับเอาแต่สิ่งดีๆจากผู้อื่น
ท่านก็จะเป็นได้แค่เพียงผู้ยื่นบทเรียนและบททดสอบ
ให้แก่คนที่เขามีดีเหนือกว่าท่านอยู่แล้วนั้น
ได้ฝึกการพัฒนาจิตปัญญาของเขา
ที่สูงอยู่แล้วให้สูงยิ่งขึ้นไปอีกเท่านั้นเอง
นี่คงจะเป็นสิ่งดีๆที่จะเหลือไว้ให้ท่าน
จากการเลือกคบแต่คนที่มีศีลเหนือกว่าแค่นั้นเอง
2.ตรงที่แอบอ้างคำสอนพระศาสดาอีกว่า
..........
"เพราะเลือกคบคนอย่างไร
เราก็จะเป็นอย่างนั้น
ถ้าคบคนพาล คนโกง
หลงโลก หลงกามคุณ
ถ้าสติเราไม่พอ
อีกไม่นานเราก็จะซึมซับสิ่งเหล่านั้น
โดยไม่รู้ตัว"
นักเรียนจงอย่าเชื่อคำกล่าวนี้
เพราะมันมิใช่สัจธรรมที่ถูกต้องถ่องแท้เช่นกัน
การที่ท่านคบคนพาลคนโกงหรือคนไม่ดี
มันน่าจะเป็นประโยชน์ต่อท่านที่รู้ตัวว่า
มีสติไม่เพียงพอมากกว่าจะเป็นโทษ
ที่เรากล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่า
(1).ท่านรู้ตัวแล้วว่าท่านมีสติไม่พอ
ท่านจึงควรจะต้องเร่งฝึกฝนการมีสติให้มากขึ้น
(2).การคบคนไม่ดีดังกล่าวนั้น
มันจะช่วยให้ท่านมีสติ
สำรวม ระวังตนอยู่ตลอดเวลา
เพื่อมิให้ท่านซึมซับรับเอาสิ่งไม่ดีนั้นไปตามพวกเขา
ทั้งนี้เนื่องจากท่านน่ะรู้ตัวอยู่ตั้งแต่ต้นแล้วว่า
พวกเขาเป็นคนไม่ดีไงล่ะ
นี่จึงเท่ากับว่าการคบคนไม่ดีนั้น
มันจะช่วยให้ท่านมีสติมากขึ้นโดยแท้
เพราะท่านได้ฝึกจิตฝึกสติอยู่ตลอดเวลา
ดังนั้น
การคบคนชั่วแล้วชั่วตาม
การคบคนดีแล้วดีตาม
นั่นเท่ากับว่าตัวท่านเองต่างหาก
ที่จะต้องระวังตนเองไว้ให้มากเป็นพิเศษ
มิใช่ไประแวงระวังคนรอบข้างที่เขาไม่ดี
การที่เขาเป็นคนแบบไหนที่ไม่ดี
แล้วท่านไปซึมซับรับเอาสิ่งไม่ดีของเขามานั้น
คนที่น่ากลัวที่สุด
น่าจะเป็นตัวท่านนี่เองแหละ
มิใช่คนอื่นหรอก
3.นอกจากนั้นคำสอนที่ไม่ถูกต้อง....
ที่ว่า.........
"คนฉลาดใช้ชีวิต
จึงเลือกคบกัลยาณมิตร
ถ้าไม่มีคนมีศีลมีธรรมรอบตัวเลย
จงเลือก "เดินคนเดียว"
และมี "สติ" เป็นเพื่อน"
........
เป็นคำสอนที่ท่านจะปฏิบัติตามไม่ได้เลย
เพราะถ้าท่านเป็นมนุษย์เป็น
ท่านจักต้องใช้ชีวิตร่วมกันกับใครก็ได้
ทำงานร่วมกันกับใครก็ได้
อยู่ร่วมสังคมเดียวกันกับใครก็ได้
มิใช่เลือกคบแต่คนดีๆ
แล้วปฏิเสธคนที่ไม่ดีไม่เลือกคบหา
เราใคร่บอกให้ท่านรู้ว่า
ทั้งตัวท่านเองและคนรอบข้าง
ไม่มีใครดีเลิศไปเสียทุกสิ่งอย่างหรอก
เพราะแต่ละคนจะมีทั้งดี เด่น และด้อยทั้งนั้น
หน้าที่ของแต่ละคนก็คือ
ทำตนให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับทุกๆคนให้จงได้
(1).เรียนรู้ที่จะยอมรับความแตกต่าง
ของกันและกันทั้งด้านดีและด้านที่ไม่ดี
(2).เรียนรู้ที่จะรักกันให้ได้
แม้เขาคนนั้นจะทำตัวไม่น่ารัก
(3).เรียนรู้ที่จะให้อภัยเขาให้ได้
แม้เขาคนนั้นทำตัวไม่น่าจะให้อภัย
(4).เรียนรู้ที่จะเป็นคนดีให้มากขึ้น
จากการได้คบกับคนที่เขาไม่ดี
โดยอาศัยคนที่ไม่ดีนั่นแหละเป็นครู
สอนให้ท่านเองรู้ว่าต้องไม่เอาเยี่ยงอย่าง
ดังนั้น
การเลือกคบแต่กัลยาณมิตรถ้ามีให้เลือก
หรือถ้าไม่มีให้เลือกก็อ้างพระพุทธองค์ว่า
ทรงสอนให้ "เดินคนเดียว" นั้น
นอกจากจะเป็นคำสอนที่โง่ๆ
และเป็นการสอนให้คนไม่ฉลาดแล้ว
ยังเป็นการบังอาจป้ายสีต่อพระพุทธองค์อีกด้วย
นักเรียนที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจึงจะกล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า
ต่อไปนี้จงศึกษาธรรมะด้วยปัญญา
แทนการใช้ศรัทธาและอารมณ์รู้สึกเถิด
จงอย่าเชื่อทันทีที่มีใครกล่าวอ้างว่า
พระศาสดาทรงตรัสสอนว่าอย่างนั้นอย่างนี้
จงอย่าเชื่อทันทีที่พบว่าผู้กล่าวนั้น
ทั้งวาจาและบุคลิกของเขาน่าศรัทธาเลื่อมใส
เพราะท่านอาจหลงทางไปนิพพานได้ทันที
เหมือนตัวอย่างคำสอนที่แอบอ้างพระศาสดา
ที่เราหยิบฉวยมาให้สติแก่ท่านนี่แหละ
หมายเหตุ:
คำกล่าวออกจะยืดยาวสักหน่อย
ค่อยๆอ่านก็แล้วกันนะ....
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
2-12-2015
___________________________________
จงทำความหลงผิดให้กระจ่าง
อย่าแอบอ้างว่าพระพุทธเจ้าสอนสั่ง
ทั้งๆที่มโนกันไปเอง....
***********************************
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
คำกล่าวของพระพุทธเจ้าที่ว่า
"ถ้าหาคนที่มีศีลเสมอกันหรือสูงกว่า
เดินไปด้วยกันไม่ได้...
พระพุทธองค์ทรงให้เลือก
"เดินไปคนเดียว"
เพราะเลือกคบคนอย่างไร
เราก็จะเป็นอย่างนั้น"
เป็นการยกเอามาอ้างแบบบิดเบือน
เพราะพระพุทธองค์มิได้ทรงกล่าวสอน
เช่นว่านั้นเลย....
สาธุคุณทั้งหลายเอ๋ย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
1.คำกล่าวที่ถูกต้อง
ที่พระพุทธเจ้าทรงกล่าวไว้จริงๆนั้น
มีความว่าดั่งนี้ต่างหากล่ะ
"ถ้าเธอหาคนที่มีศีลเสมอกันหรือสูงกว่า
เดินไปด้วยกันไม่ได้......ชั่วชีวิตนี้
เธอคงต้องเดินไปคนเดียวแล้วล่ะนะ"
2.เราใคร่ถามท่านทั้งหลายว่า
ความในเครื่องหมายคำพูดในข้อ 1.นั้น
มีตรงไหนที่ทรงตรัสสั่งสอนว่า
ให้เลือกที่จะเดินไปคนเดียว!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
????????????????
3.ท่านไม่รู้หรือว่า
คนที่ต้องเดินคนเดียวบนโลกนี้
ทั้งๆที่มีคนรอบข้างตั้งมากมายนั้น
มีสาเหตุจาก 2 ประการเท่านั้นเอง คือ
*ประการแรก
เพราะไม่มีใครต้องการจะเดินด้วย
หมายถึง ไม่มีใครคบ
*ประการที่สอง
เพราะไม่ต้องการจะเดินกับใครเลย
หมายถึง มองคนอื่นไม่มีคุณค่าแก่การคบหา
4.ท่านรู้หรือไม่ว่า.....ปกติแล้ว
การมองหาคนที่มีศีลเสมอกันไม่เจอนั้น
หมายถึงท่านมองเห็นแต่คนที่
มีศีลต่ำกว่าและสูงกว่าท่านเท่านั้นเอง
ใช่มั้ย?
5.แต่มนุษย์คนนี้นั้น......
นอกจากจะมองหาคนที่มีดีเสมอกับตนไม่เจอแล้ว
ยังมองหาคนที่มีศีลสูงกว่าตน
หรือมองหาคนที่เขาเป็นคนดีกว่าตนไม่พบอีกด้วย
แสดงว่า....นายคนนี้หลงตัวเองชัดๆ!!!
ที่เรากล่าวว่านายคนนี้หลงตัวเอง
เพราะเขาคิดว่าตนเองดีที่สุด
มีศีลสูงสุดเกินกว่ามนุษย์ทั้งโลกเลย
เขาจึงมองไม่เห็นคนที่มีศีลเสมอกันกับตน
เขาจึงมองไม่เห็นคนที่มีศีลสูงกว่าตน
กรรมเวรแท้ๆ....หนอ
6.ด้วยเหตุนี้เอง
พระพุทธองค์จึงทรงตรัสกับนายคนนี้
ซึ่งเราขออนุญาติพระพุทธองค์กล่าวแทน
เป็นภาษาชาวบ้านว่า.....
"ถ้าเธอหาคนดีเท่าเธอและดีกว่าเธอ
คบหาสมาคมด้วยไม่ได้
งั้นเธอก็เดินไปคนเดียวก็แล้วกัน
เพราะเธอมองคนอื่นๆว่าเขามีศีลธรรม
ต่ำกว่าเธอทั้งนั้นเลย"
7.ศาสนิกทั้งหลายจักต้องระวัง
การเสพธรรมะของท่านเอาไว้ด้วย
พระคำและพระธรรมจากโอษฐ์พระศาสดา
ที่ตกทอดผ่านความจำของผู้คน
ติดต่อกันมานานนับพันๆปีแล้วนั้น
ยังมีอีกมากมายหลายบทหลายตอน
ซึ่งตกอยู่ในลักษณะที่เรายกมากล่าวนี้
นี่จึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่เราต้องกลับมา
กลับมาชำระพระโอวาทพระบิดา
ซึ่งถูกบิดเบือนไปจากที่เราเคยกล่าวไว้
นานสองพันกว่าปีมาแล้ว...
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
4-12-2015