08 สิงหาคม 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 8/08/2023

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
การคนตนเองให้เป็นมนุษย์นั้น
วิธีการปฏิบัติทำที่ถูกต้อง คือ #การปฏิบัติธรรม
ถ้าคุณมุ่งมั่นในการ “ปฏิบัติธรรม” อย่างแท้จริง
คุณก็จะต้องประพฤติตนให้เป็น #คนชอบธรรม
ซึ่งมิใช่เป็นเพียงแค่ #ทำแต่สิ่งที่ตนชอบ เท่านั้น
เพราะการทำแต่สิ่งที่ชอบสิ่งที่ไม่ชอบจะไม่ทำนั้น
มันคือการทำตามกิเลสมิใช่ทำตามจิตสามนึก
 
พวกคุณตั้งแต่มาเกิดกันอยู่ในระบบโลกนี้
ส่วนใหญ่จะไม่รู้ว่าจิตวิญญาณของตนเป็นใคร
จิตวิญญาณของตนนั้นมาจากไหนใครให้มา
จิตวิญญาณของตนมาเกิดเป็นมนุษย์โลกทำไม
จิตวิญญาณของตนนั้นมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง
สาเหตุที่ไม่รู้เพราะไม่มีใครบอกกล่าวเล่าสอนได้
เนื่องจากเป็นสัจธรรมในระดับ #อนุตรธรรม
ที่ปัญญาของสมองสองซีกซ้ายขวาคิดเองไม่ได้
เพราะจิตปัญญาของสมองมนุษย์มีขีดจำกัด
 
สาเหตุประการที่สองก็คือ
เป็นเพราะพวกคุณที่เป็นชาวโลกไม่เคยนึกอยากรู้
เนื่องจากการนึกอยากรู้ในคำถามทั้งหมดนี้นั้น
มันจะนำคุณไปสู่ “การฉุกคิด” ของจิตตปัญญาได้
เมื่อไม่เคยนึกอยากรู้และไม่ฉุกคิดเพื่อหาคำตอบ
จึงทำให้การแสวงหาคำตอบด้วยการหาครูหาผู้รู้
เพื่อการ “เรียนรู้” ให้ได้รู้คำตอบนั้นก็เกิดขึ้นไม่ได้
เพราะการเรียนรู้ของมนุษย์เริ่มต้นด้วยอยากทั้งนั้น
 
#ถ้าอยากรู้เรื่องอะไรก็จะใฝ่เรียนรู้ในเรื่องนั้น
#ถ้าอยากจะทำสิ่งใดก็จะฝึกฝนที่จะทำในสิ่งนั้น
 
ซึ่งการอยากรู้อยากเห็นที่ว่านี้
เป็นคุณสมบัติสำคัญของจิตหยาบของคุณ
ที่พระเจ้าประทานให้คุณมาตั้งแต่ชาติแรกที่มาเกิด
โดยทรงให้จิตวิญญาณของคุณแต่ละคน
แบกติดตัวมาจาก “ด่านนภาลัย” คือประตูคอกแกะ
เพื่อใช้เป็นตัวกระตุ้นให้ “จิตหยาบ” ใฝ่การเรียนรู้
เพราะการมาเกิดในภพชาติแรกของจิตวิญญาณนั้น
ตัวจิตหยาบเองซึ่งเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ
ยังไม่เคยมีประสบการณ์โลกยังไม่เคยมีความรู้เดิม
ถ้าไม่ฝักใฝ่เรียนรู้ฝึกฝนคุณจะเป็นคนไม่รู้อะไรเลย
 
คุณก็จะเป็นคนขาด “องค์ความรู้ที่ควรรู้”
เพราะความรู้จะช่วยให้คุณ “องอาจ” หรือ Smart
คุณจะเป็นคนขาด “ภูมิปัญญาที่พึงมี”
เพราะภูมิปัญญาจะช่วยให้คุณมีแสงสว่างในตนเอง
ที่จะมันจะช่วยส่องทางชีวิตคุณในการย่างเดิน
ไม่ให้ตกเหวตกท่อตกบ่อย่ำองุ่นหรือตกในบึงไฟ
คำว่า “มีแสงสว่างในตนเอง” คือการไม่โง่ง่าย
หรือมีปัญญาของสมองอยู่แต่ไม่รู้จักใช้นั่นแหละ
 
สาเหตุประการที่สามก็คือ
บางคนอาจอยากรู้แต่หาครูช่วยสอนให้รู้ไม่ได้
ซึ่งจะเป็นแค่คนส่วนน้อยบนโลกนี้เท่านั้น
ตัวอย่างเช่นพระพุทธองค์ที่เข้าถึงคำตอบได้
จากการตรัสรู้ด้วยอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ
อันเป็นความฉลาดทางปัญญาขั้นสูงสุด
ที่มนุษย์ทั้งโลกในยุคสมัยนั้นจนสมัยนี้ไม่มีใช้กัน
 
โดยความรู้เหล่านี้
พระเจ้าทรงจัดให้เป็นความจริงระดับ “อนุตรธรรม”
ซึ่งเป็นความจริงที่มนุษย์โลกทุกคนจะต้องรู้
เป็นความจริงที่มนุษย์โลกทุกคนไม่ว่ารู้ตนไม่รู้
 
อนุตรธรรมที่ว่านี้ประกอบด้วย
 
1.จิตวิญญาณมนุษย์มาจากแดนสุญตา
2.แดนสุญตาเป็นพระนิเวศน์ของพระเจ้า
3.แดนสุญตาเป็นบ้านเกิดของจิตวิญญาณพวกคุณ
4.แดนสุญตาเป็นดินแดนที่อยู่นอกเอกภพ
5.เอกภพเป็นห้องทดลองที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้น
เพื่อจะที่จะเรียนรู้ว่าพระองค์ทรงทำสิ่งใดได้บ้าง
 
6.พระเจ้าทรงอนุญาตให้จิตวิญญาณพวกคุณมาเกิด
เพื่อใช้ความรักความเมตตา “ค้ำจุน” สมดุลโลก
ถ้าโลกสมดุลได้เอกภพก็จะสามารถสมดุลตาม
ถ้าคุณช่วยให้โลกและเอกภพเกิดการสมดุลได้
จิตหยาบกับจิตวิญญาณของพวกคุณแต่ละคน
จะสมดุลเป็นหนึ่งเดียวกันกับโลกและเอกภพด้วย
พระพุทธองค์ทรงเรียกว่า #ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร
 
ความโดยย่อทั้ง 6 ประการข้างต้นนั้น
มันคือสัจธรรมระดับอนุตรธรรมล้วนๆ
ที่ยังไม่เคยมีใครกล่าวให้คุณรู้อย่างเปิดเผยมาก่อน
บางส่วนที่พระพุทธองค์ได้ทรงเคยกล่าวไว้
ก็ถูกปกปิดบิดเบือนผ่าน “คนนำทางตาบอด”
ทั้งๆที่เป็นเรื่องสำคัญที่มนุษย์ทุกคนต้องรู้ต้องทำ
นั่นคือการคนตนเองเพื่อเป็นมนุษย์ให้สำเร็จให้ได้
 
#การคนตนเองเพื่อเป็นมนุษย์
คือการใช้ความรักบริสุทธิ์หมุนธรรมจักรร่วมกัน
โดยจิตหยาบสามารถเข้าถึงความรักและปัญญาได้
เมื่อคุณเผชิญกับสถานการณ์ต่างๆในชีวิต
ที่คนรอบข้างหรือคนใกล้ตัวสร้างเงื่อนไขนั้นมาให้
ไม่ว่าจะเป็นเงื่อนไขที่คุณชอบหรือไม่ชอบก็ตาม
คุณก็ต้องรักให้ได้อภัยให้เป็นไม่ว่าเขาจะเป็นใคร
นี่คือการ “คนตนเอง” หรือหมุนธรรมจักรในตนเอง
ที่พวกคุณไม่เคยเรียนรู้มาก่อนเลย
 
การเป็นมนุษย์ได้ในที่นี้เราหมายถึง
คุณสามารถสั่นสะเทือนจิตสามนึกด้านบวกสูงสุด
เพื่อให้จิตเข้าถึงความรักเพื่อให้ของจิตวิญญาณ
เข้าถึงอำนาจทางปัญญาของสมองทั้งสองซีกได้
แสดงว่าตัวคุณเป็นผู้มีจิตหยาบที่ใสสะอาดบริสุทธิ์
เพราะว่างจากกิเลสตัณหาราคะอารมณ์ขยะ
จึงสามารถเข้าถึงอำนาจทางปัญญาขั้นสูงสุดได้
อีกทั้งจิตหยาบคุณยังเป็นหนึ่งเดียวกับแก่นแท้
คือสามารถเข้าถึงอำนาจทางจิตวิญญาณตนเอง
ในรูปของความรักที่บริสุทธิ์ด้วยจิตหยาบนั้น
จนแสดงออกมาเป็นกายกรรมและวจีกรรมด้านบวก
ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่พึงประสงค์ของคนรอบข้าง
ที่สามารถบ่งชี้ได้ว่าเป็นผู้ที่มี #ใจสวย ใจหล่อได้
คำว่ามนุษย์จึงหมายถึงคนที่มีจิตใสใจสวยนั่นเอง
 
ดังนั้น
พวกคุณทุกคนที่เป็นชาวโลกเสรีนี้
จึงต้องรู้ว่าหน้าที่หลักของคุณคือ “หมุนธรรมจักร”
หลักการหมุนธรรมจักรนั้นมันต้องเริ่มที่ตนเองก่อน
ด้วยการใช้กลไกอายตนะภายนอกทั้งห้าให้ครบถ้วน
จะทำเป็นหูหนวกตาบอดหนีผู้คนเพื่อปลีกวิเวกมิได้
คุณต้องเรียนรู้ที่จะรักคนที่ทำตัวไม่น่ารักให้ได้ด้วย
เพื่อสนิทสนมกลมเกลียวเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันไว้
จิตหยาบกับจิตวิญญาณของคุณจะเป็นหนึ่งเดียวกัน
จิตหยาบของคุณจะยกระดับความสมดุลสู่มิติที่สูงขึ้น
จากมิติที่ 4D สู่มิติที่ 5D ได้โดยคนรอบข้างตัวคุณ
ที่สามารถหมุนธรรมจักรไปตามคุณได้คอยช่วยเหลือ
 
ทั้งโลกและอนันตจักรวาลหรือเอกภพระบบใหญ่
ก็จะมีความสมดุลเหมือนเมื่อแรกสร้างขึ้นมาได้
พวกคุณโดยจิตหยาบกับจิตวิญญาณที่เป็นหนึ่งเดียว
จะสามารถเข้าถึงอภิญฤทธิ์ทั้ง 6 กันได้บ้าง
ไม่แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตในต่างดาวกันอีกต่อไปแล้ว
โดยไม่ต้องใช้วิชามอดวิชามารหรือวิชาผีโสโครก
ให้จิตใจสกปรกโสมมจากอุตริอวิชชาใดๆ
จนไม่สามารถจะคืนกลับบ้านแดนสุญตาได้
เพราะทั้งจิตหยาบและจิตวิญญาณไม่บริสุทธิ์ดุจเดิม
 
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
 
ปัญญาวิสุทธิ์
8/08/2566

07 สิงหาคม 2566

คำสอน 7/08/2023

 


หลักการทำบุญ

1.อย่าร้องขอสิ่งตอบแทน
2.อย่ามีเงื่อนไข-ข้อแม้
3.อย่าทำบุญด้วยการยักบุญ
จากการลงทุนของบุคคลอื่น
4.ทำมากทำน้อยได้บุญเท่ากัน
สำคัญที่จิตสามนึกแห่งการให้

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 7/08/2023

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
การเกิดมาเป็น “คน” นั้นคุณต้อง #คนให้เป็น
ถ้าคุณคนไม่เป็นตัวคุณก็จะเสียชาติเกิดทันที
เพราะจิตวิญญาณคุณรับโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์
ซึ่งคุณจะเป็นมนุษย์ได้ด้วยวิธีการ “คน” เท่านั้น
 
ดังนั้น
หน้าที่ของพวกคุณทุกคนที่ได้รับโอกาสให้มาเกิด
ตั้งแต่ชาติแรกในระบบโลกเสรีภายในเอกภพแห่งนี้
นั่นคือต้องเรียนรู้ว่า
 
1.ต้องคนตนเองเพื่อให้เป็นมนุษย์ได้อย่างไร
2.คำว่าเป็นมนุษย์นั้นหมายความว่าอย่างไร
3.วิธีการคนเพื่อเป็นมนุษย์นั้นทำอย่างไร
4.ผลลัพธ์สุดท้ายของการคนนั้นคืออะไรบ้าง
5.คำว่า “เสียชาติเกิด” นั้นหมายความว่าอย่างไร
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
 
ทั้งการเรียนรู้และการปฏิบัติเพื่อให้เข้าถึง 5 ข้อนี้
จึงเป็นหน้าที่อย่างแท้จริงของ #คนชอบธรรม
จะต้อง “หาทำ” ด้วยการ “เรียนรู้” กันตลอดชีวิต
หมายถึงจะต้องเรียนรู้เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติธรรม
มิใช่ทำได้แค่เรียนเพื่อรู้โดยรู้กันแค่ “เปลือกนอก”
คือรู้เพื่อจำแล้วนำมาทำตามโดยรู้แค่ไหนทำแค่นั้น
นั่นคือจำมาทำและมุ่งทำตามทั้งที่ตนยังไม่เข้าใจ
ซึ่งเป็นการปฏิบัติทำแบบนกแก้วนกขุนทองเท่านั้น
จึงใช้คำว่า “ปฏิบัติธรรม” อย่างที่ใช้กันมาไม่ได้
 
วิธีการปฏิบัติของคนชอบธรรมที่ผ่านมาเน้นที่
การถือศีล ฟังธรรม ตักบาตร ถือบวช สวดมนต์
อธิษฐาน ภาวนา กรวดน้ำ ทำบุญ สุนทาน ไปวัด
เดินจงกรม นั่งกรรมฐานหรือปฏิบัติเท็คนิกสมาธิ
ส่วนใหญ่จะวนเวียนอยู่กับวัตรปฏิบัติที่ว่านี้ทั้งสิ้น
เมื่อทำแล้วทุกครั้งก็จะมีการร้องขอสิ่งตอบแทน
บางครั้งก็ทำแบบต้องการ “สิ่งแลกเปลี่ยน”
บ่อยครั้งก็ทำแบบมีเงื่อนไขกันอีกต่างหากด้วย
 
ตัวอย่างการกระทำโดยร้องขอ #สิ่งตอบแทน
บางครั้งบางคนทำบุญชาตินี้ต้องการสนองชาตินี้
บางครั้งบางคนทำชาตินี้ต้องการให้สนองชาติหน้า
บางครั้งบางคนกระทำแบบทำบุญเบื้องล่าง
เพื่อเอาไปสร้างทิพยวิมานบนสวรรค์มายาเบื้องบน
สร้างไว้รอจิตวิญญาณตนเมื่อตายไปจากโลกนี้แล้ว
บางครั้งบางคนก็กระทำแบบทำบุญหลายหน
เพื่อสะสมบุญกุศลไว้หลายๆครั้งหวังจะได้บุญมาก
เพราะเชื่อว่าสะสมบุญมากๆจะมีบุญหนักศักดิ์ใหญ่
 
ตัวอย่างการกระทำโดยร้องขอ #สิ่งแลกเปลี่ยน
จะอยู่ในลักษณะของ “การบนบานสานกล่าว”
ด้วยวิธีการทำบุญแบบ “เซ่นวักตั๊กแตน” นั่นแหละ
ซึ่งส่วนใหญ่จะปฏิบัติกับสิ่งที่ตนเรียกว่า #เทพเจ้า
หรือสิ่งใดก็ตามที่ตามองไม่เห็นแต่เชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์
เชื่อว่ามากมีอิทธิฤทธิ์ที่เขาสามารถตอบสนองตนได้
โดยถวายหัวหมูเป็ดไก่ขนมนมเนยคาวหวานดอกไม้
เพื่อทำการเซ่นไหว้แสดงความเคารพนบน้อมบูชา
มีเงื่อนไขว่าถ้าเขาช่วยให้ตนสำเร็จในสิ่งที่หวังแล้ว
จะทำแบบนั้นแบบนี้ตอบแทนเขาแน่นอน
 
ตัวอย่างการกระทำเพื่อหวังผลยังมีอีกแบบหนึ่งก็คือ
การลั่นวาจาเพื่อกล่าว “อนุโมทนาสาธุ” ร่วมบุญกัน
ทันทีที่รู้เห็นการกระทำบุญสุนทานของบุคคลอื่นๆ
โดยหวังว่าตนจะได้กุศลผลบุญนั้นตามเขาไปด้วย
ซึ่งเป็นการสร้างบุญโดยไม่ต้องลงทุนอะไรเลย
 
คำว่า “ลงทุน” มิได้หมายถึงการให้ข้าวของเงินทอง
แต่เราหมายถึง #การสั่นสะเทือนทางจิตสามนึก
อันประกอบด้วยสามตัวนึกคือ นึกออก นึกเอา นึกเอง
เพื่อการกระทำความดีงามที่เรียกว่า “ทำบุญสุนทาน”
ตามแบบอย่างที่ชาวบ้านเขานิยมกล่าวกันนั่นแหละ
เพราะมนุษย์มีจิตหยาบใช้ทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณ
พระเจ้าจึงทรงออกแบบให้พวกคุณใช้จิตสามนึก
ทำการขับเคลื่อน “ขันธ์ห้า” ให้เกิดเป็นมโนกรรม
เพื่อขับเคลื่อนวจีกรรมและกายกรรมต่างๆออกมา
แบบที่เรียกว่า #จิตเป็นนาย #กายเป็นบ่าว นั่นเอง
 
การทำบุญสุนทานซึ่งเป็นการกระทำที่ดีงามก็เช่นกัน
หลักการก็คือคุณทุกคนจะต้องเริ่มต้นกระทำที่ตนเอง
เมื่อตนเองเริ่มเองแล้วจะต้องให้มันสิ้นสุดที่ตนเองด้วย
ในแบบที่เรียกว่า “เริ่มต้นที่ตนเอง” มิใช่ให้คนอื่นเริ่ม
เมื่อตนเองเป็นผู้ดำริเริ่มด้วยจิตสามตัวนึกดังกล่าวแล้ว
ตนก็จักต้องเป็นผู้กระทำตามสิ่งที่นึกได้นึกไว้นั้นด้วย
มันจึงจะเป็นหลักการของมนุษย์ที่ถูกต้องถ่องแท้ได้
 
การนั่งอนุโมทนาสาธุตามการทำความดีงามของผู้อื่น
เราจึงกล่าวว่าเป็นการทำดีหรือทำบุญแบบไม่ลงทุน
การสร้างกุศลผลบุญด้วยวิธีนี้จึงเป็นวิธีทำที่ไม่ถูกต้อง
เพราะไม่ได้ใช้ “จิตสามนึก” ตนเองเริ่มต้นและสิ้นสุด
เป็นเพียงแค่ก้าวตามคนอื่นเพราะอยากได้บุญเท่านั้น
กุศลผลบุญที่เกิดขึ้นทั้งในมิติโลกและจิตวิญญาณ
จึงเป็นบุญที่ไม่บริสุทธิ์และเป็นพลังงานที่ไม่สะอาด
ซึ่งโลกจะใช้ประโยชน์เพื่อช่วยค้ำจุนความสมดุลมิได้
 
ด้วยเหตุนี้เอง
เพราะพวกคุณทำบุญหรือทำความดีงามไม่เป็น
โลกจึงเสียสมดุลในสองมิติมากขึ้นเรื่อยๆตลอดมา
การเสียสมดุลในมิติโลกก็คือการทำเลาะเบาะแว้ง
การแก่งแย่งชิงผลประโยชน์กันด้วยการศึกสงคราม
การเกิดแผ่นดินไหวภูเขาไฟระเบิดการเกิดพายุรุนแรง
การเกิดดินฟ้าอากาศวิปริตผิดฤดูกาล
การเกิดคลื่นความร้อนและคลื่นอากาศหนาวเย็น
การเกิดก๊าซเรือนกระจกจนก่อภาวะโลกร้อน
การขาดแคลนก๊าซออกซิเจนทั้งในน้ำและอากาศ
การเสียสมดุลของโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก
การเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองด้วยอัตราเร็วไม่สม่ำเสมอ
ฯลฯ
 
การเสียสมดุลในมิติทางพลังงานของโลกก็คือ
การขาดพลังงานสะอาดที่จะใช้จุดระเบิดที่แกนโลก
พลังงานสะอาดที่โลกต้องการก็คือพลังงานความรัก
ที่ผลิตจากขันธ์ห้าของจิตหยาบของมนุษย์ทุกคน
โดยสั่นสะเทือนเป็น “รักเพื่อให้” ไร้คุณสมบัติกรรม
ซึ่งเป็นการ #ปฏิบัติธรรม มิใช่แค่การ #ปฏิบัติทำ
 
เพราะวิธีการปฏิบัติทำของพวกคุณที่ผ่านมา
เป็นการทำความดีงามหรือเป็นการทำบุญกุศล
เพื่อตนเองและพวกพ้องของตนเท่านั้นเอง
มิได้ทำความดีงามหรือทำบุญกุศลเพื่อโลกเลย
ถ้าเป็นการทำเพื่อโลกคุณต้องทำบุญอีกแบบหนึ่ง
นั่นคือทำโดยไม่หวังผลตอบแทนทำโดยไม่ร้องขอ
ทำบุญกุศลด้วยการไม่กระทำเพื่อสั่งสมบุญกุศลนั้น
ต้องทำบุญทำกุศลโดยไม่มีเงื่อนไขแลกเปลี่ยน
พฤติกรรมการทำบุญหรือทำดีในแบบที่ว่านี้
ผลกรรมทางพลังงานที่เกิดขึ้นโดยตามองไม่เห็นนั้น
เป็น #พลังงานไม่สะอาด ที่โลกจะใช้ประโยชน์มิได้
 
พวกคุณจึงต้องเปลี่ยนวิธีคิดเปลี่ยนการกระทำ
ด้วยการเปลี่ยนจากความเชื่อแบบเดิมอย่างสิ้นเชิง
โดยหันมาใช้มรรควิถีจิตจักรวาลที่เราแนะเน้นมานี้
ให้หันมาทำบุญสุนทานหรือทำความดีงามทุกแบบ
ด้วยการเริ่มต้นสั่นสะเทือนที่ “จิตสามนึกของตนเอง”
แล้วแสดงออกซึ่งพฤติกรรมที่ดีงามนั้นด้วยตนเอง
โดยไม่คอยอนุโมทนาสาธุแบบ #ยักบุญ ใครอื่นอีก
ถ้าทำเช่นนี้ได้จริงจึงจะเรียกว่าเป็นการปฏิบัติธรรม
 
หากพวกคุณเรียนรู้ความจริงนี้แล้ว
สามารถนำไปสู่การปฏิบัติธรรมแทนการปฏิบัติทำได้
โลกจะไม่เสียสมดุลจนต้องทำสงครามกับพิบัติภัย
ที่นับวันจะวิกฤตรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆกันต่อไปอีก
อันเกิดจากโลกเสียสมดุลในสองมิติที่กล่าวมานั้น
คงจะมีภัยพิบัติอันเกิดจากการชำระโลกของพระเจ้า
ตามแผนการของพระองค์แต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ซึ่งทรงวางแผนการเอาไว้อย่างดีแล้ว
 
แผนการชำระโลกเพื่อเปลี่ยนยุคที่วางแผนไว้ดีแล้ว
หมายถึงการพิพากษาผู้ที่จะทรงคัดไว้ให้เป็นผู้รอด
กับพิพากษาผู้ที่จะถูกคัดทิ้งออกไปจากระบบโลก
ด้วยกรรมด้วยกาละและด้วยเทศะคือสถานที่ชำระ
กำหนดเอาไว้อย่างชัดเจนเป็นรูปธรรมล่วงหน้าแล้ว
ซึ่งกฎเกณฑ์หลักการคัดทิ้งหรือคัดไว้ของพระองค์
เราจะเผยให้รู้ในโอกาสต่อไป
 
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
 
ปัญญาวิสุทธิ์
7/08/2566

06 สิงหาคม 2566

คำสอน 6/08/2023


 จำนวนหน่วยของเวลา
คือช่องถ่างของจิตวิญญาณ
ที่ใช้ไปตั้งแต่เดินทาง
จากพระนิเวศน์ของพระเจ้า
เข้ามาเกิดเป็นมนุษย์โลกเสรี
เพื่อให้รู้ว่าคุณจากพระองค์มา
นานเท่าใดแล้ว

คำสอน 6/08/2023

 


มนุษย์เป็นสัตว์สังคม
ปฏิบัติธรรมด้วยการปลีกวิเวก
เหมือนอยากไปสวรรค์คนเดียว
นั้นไม่ได้

05 สิงหาคม 2566

คำสอน 5/08/2023

 


อยากได้บุญต้องทำบุญ
ปลูกสิ่งใดย่อมได้สิ่งนั้นเสมอ
คุณจึงไม่จำเป็นต้องร้องขอผลลัพธ์
จากสิ่งที่คุณทำหรือปลูกก็ได้

04 สิงหาคม 2566

คำสอน 4/08/2023


 เมื่อทำบุญสุนทาน
จงอย่าอธิษฐานขอสิ่งแลกเปลี่ยน
เพราะท่านได้รับบุญนั้นอยู่แล้ว
พวกที่ต้องของแบ่งแย่งส่วนบุญ
คือพวกที่เป็นจิตวิญญาณ
ไร้กายสังขารจึงทำบุญเองไม่ได้

คำสอน 4/08/2023

 


ทำบุญไม่ต้องร้องขอส่วนบุญ
ถ้าคุณเป็นคนทำบุญนั้นเอง
เพราะคุณจะได้รับ
กุศลผลบุญที่ทำนั้นอยู่แล้ว

03 สิงหาคม 2566

คำสอน 3/08/2023

 


ปฏิบัติธรรมคือการหมุนธรรมจักร
โดยรักเพื่อให้ด้วยขันธ์ห้า
มิใช่การนั่งหลับตาหรือปลีกวิเวก

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 3/08/2023

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
มนุษย์ก็เป็นสรรพสิ่งหนึ่งที่พระเจ้าทรงสร้างขึ้น
มนุษย์แต่ละคนต่างก็มีพลังอำนาจในตนเอง
ที่จะต้องผ่านกระบวนการสั่นสะเทือนเช่นเดียวกัน
จึงสามารถจะเข้าถึงอำนาจสูงสุดที่ตนมีอยู่นั้นได้
โดยผู้ต้องทำหน้าที่สั่นสะเทือนก็คือ “จิตหยาบ”
ซึ่งเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณผู้เป็นแก่นแท้นั้น
 
จิตหยาบจะมีจุดศูนย์กลางของการสั่นสะเทือน
อยู่ที่ต่อมไร้ท่อซึ่งมีนามเรียกขานว่า #ต่อมไพเนียล
ต่อมไพเนียลจะคอยสั่นสะเทือนเพื่อรับรู้สัญญาณ
ที่เป็นทั้งภาพสีแสงเสียงรสกลิ่นและกายสัมผัส
ซึ่งอายตนะภายนอกทั้งห้าสัมผัสรู้ดูเห็นส่งมาให้
 
เมื่อจิตหยาบตรงต่อมไพเนียลเกิดการรับรู้แล้ว
ก็จะใช้สัญญาณที่รับรู้ได้นั้นเป็นเงื่อนไข
ในการสั่นสะเทือนจิตหยาบให้เกิดเป็น “ขันธ์ห้า”
อันหมายถึงการสั่นสะเทือนเป็น 5 ขั้นตอนด้วยกัน
ตามที่พวกคุณทั้งหลายต่างก็ล้วนรู้กันดีอยู่ว่า
มันคือรูปเวทนาสัญญาสังขารและวิญญาณนั่นเอง
โดยที่วิญญาณขันธ์ก็คือกระบวนการขั้นสุดท้าย
หลังจากจิตหยาบรับรู้การสัมผัสของอายตนะแล้ว
 
กระบวนการในขั้นตอนสุดท้ายของจิตหยาบก็คือ
การผลิตสร้างพลังงานแล้วเหวี่ยงออกมาภายนอก
ถ้าจิตหยาบสั่นสะเทือนเป็นด้านบวกบริสุทธิ์ได้
จะยังผลให้ “ต่อมพิทูอิทารี” ที่ตั้งของจิตวิญญาณ
สั่นสะเทือนตาม “ต่อมไพเนียล” คือจิตหยาบด้วย
 
ดังนั้น
อำนาจของจิตหยาบจะเกิดได้ด้วยความรักบริสุทธิ์
เมื่อมีการรับรู้ดูเห็นสัมผัสสิ่งเร้าที่อายตนะส่งมาให้
ซึ่งพลังอำนาจสูงสุดที่ว่านี้จะทำให้ต่อมพิทูอิทารี
อันเป็นที่ตั้งของจิตวิญญาณคุณสั่นสะเทือนตาม
จนสั่นสะเทือนเข้าถึงการเป็นหนึ่งเดียวกันได้
ซึ่งอาจกล่าวได้ว่าเพราะความรักบริสุทธิ์นี่แหละ
ทำให้จิตหยาบเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณได้
ตามที่เรากล่าวย้ำต่อพวกคุณมาตลอด
 
แน่นอนว่า
การที่คุณจะเข้าถึง “ความรักบริสุทธิ์”
ซึ่งเป็นรักที่ไร้เงื่อนไขและรักที่ไม่มีคุณสมบัติกรรม
จิตหยาบคุณจะต้องว่างไปจากกิเลสโดยสิ้นเชิง
นั่นคือจิตหยาบคุณจะต้องไม่มีมลทินเท่านั้น
เพื่อให้จิตหยาบมีพลังอำนาจในการใช้สติปัญญา
หาเหตุผลที่จะรักคนที่ทำตัวไม่น่ารักให้ได้
หาเหตุผลที่จะอภัยแก่คนที่ทำตนไม่น่าให้อภัยได้
 
ที่จิตหยาบของคุณจะต้องว่างไปจากกิเลส
เพราะจิตหยาบสามารถสั่นสะเทือนได้ทีละอย่าง
ถ้ากำลังโกรธอย่างรุนแรงอยู่คุณจะหน้ามืดตามัว
จนไม่สามารถจะรักคนนั้นหรือรักใครอื่นได้เลย
หรือกรณีที่คุณกำลังงมงายลุ่มหลงใครบางคนอยู่
คุณก็จะมองไม่เห็นข้อบกพร่องของเขาคนนั้นเลย
เพราะกิเลสตัณหามันบดบังสติปัญญาคุณเอาไว้
 
ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เสพติดกิเลสจนเคยตัว
คุณก็จะเป็นคนหนึ่งที่เข้าถึงอำนาจสูงสุดไม่ได้
คืออำนาจที่จะรักกับอำนาจในการคิดของสมอง
ยังผลให้เข้าถึงอำนาจทางจิตวิญญาณไม่ได้ด้วย
การเข้าถึงอำนาจทางจิตวิญญาณของคุณก็คือ
การคนตนเองในสองมิติให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
โดยหมุนธรรมจักรเพื่อทำตนเองให้เป็นมนุษย์
 
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะมีสองสิ่งก็คือพลังอำนาจ
ที่จะใช้ในการยกระดับจิตหยาบจาก 4D สู่ 6D
เพื่อค้ำจุนจิตวิญญาณและกายสังขารให้ดำรงอยู่
โดยมีชีวิตที่เป็นอมตะไม่มีอายุขัยไม่ต้องตายอีก
กับพลังอำนาจในการผลิตพลังงานสะอาดให้โลก
เพื่อใช้ค้ำจุนความสมดุลของโลกให้มั่นคงยั่งยืน
ตามภารกิจของจิตวิญญาณของตนที่อาสามาเกิด
 
ทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้
เป็นสิ่งที่พวกคุณทุกคนจะต้องทำมันให้สำเร็จ
นั่นคือการหมุนธรรมจักรในตนเองด้วยความรัก
โดยใช้สติปัญญาของสมองเป็นเครื่องมือสำคัญ
ซึ่งคุณจะเข้าถึงความฉลาดของสมองกันได้นั้น
คุณต้องฉลาดทางจิตคือ “ฉลาดใช้จิต 3 นึก” ด้วย
 
ความฉลาดทางจิตสามนึกก็คือ
การนึกออก นึกเอา และนึกเองที่เป็นด้านบวก
แม้ว่าสิ่งนั้นเรื่องนั้นคนนั้นจะเป็นเงื่อนไขด้านลบ
โดยคุณจะต้องสามารถรับรู้แต่ไม่รับเอาให้จงได้
นั่นคือแค่รู้ว่าเขาพูดอะไรทำอะไรเพราะอะไร
ไม่หยิบเอามันมาเป็นเงื่อนไขทางอารมณ์รู้สึก
จนตัวเองต้องจิตตกหรือเสียอารมณ์เสียสมดุลไป
เพื่อดูแลรักษาจิตหยาบให้มันว่างจากกิเลสให้ได้
ในอันที่จะเข้าถึงความฉลาดทางจิตปัญญาต่อไป
 
พระเจ้าทรงชี้แนะพวกคุณผ่านเราตลอดมาว่า
ให้คุณ #ครองมหาสติ ในชีวิตประจำวันกันให้ได้
เพราะการรู้สติมีสติและใช้สติแบบรู้ตัวทั่วพร้อมนั้น
มันจะทำให้คุณเข้าถึงพลังอำนาจสูงสุดของคุณได้
โดยไม่ต้องร่ายมนต์วิเศษหรือทำอะไรที่มันอุตริ
ทำให้จิตวิญญาณตนเองและคนรอบข้างเดือดร้อน
จากการ “หาทำ” ในสิ่งที่มิใช่หน้าที่ของมนุษย์
เหมือนเช่นในอดีตกาลหรือในอดีตชาติที่ผ่านมา
 
ถ้าคุณรู้ว่า
หน้าที่ของจิตวิญญาณของคุณเอง
ที่ขันอาสาพระเจ้าหรือพระบิดามาเกิดในระบบโลก
ในบทบาทของคนชอบธรรมที่แท้จริงนั้น
มิใช่มาเกิดแล้วทำทุกสิ่งอย่างเพื่อตัวคุณเอง
แต่เป็นการทำเพื่อโลกเพื่อเอกภพและเพื่อพระเจ้า
ด้วยการกระทำที่ตนเองและกระทำผ่านผู้อื่นแล้ว
พวกคุณจะรู้คำตอบได้ทันทีแบบกลับหลังหันว่า
ทุกภพชาติที่ผ่านมาคุณพาจิตวิญญาณหลงทาง
เพราะจำบ้านเกิดเมืองนอนไม่ได้จำพระองค์ไม่ได้
แถมยังจำตนเองไม่ได้ด้วยว่า “ตนเป็นใคร”
 
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
 
ปัญญาวิสุทธิ์
3/08/2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 3/08/2023

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
ถ้าพวกคุณรู้ความจริงกันได้แล้วว่า
ทุกสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างไว้ในเอกภพนี้นั้น
จะมีพลังอำนาจในตนเองได้ตามที่ทรงกำหนดไว้
สรรพสิ่งนั้นต้องรู้วิธีที่จะเข้าถึงอำนาจของตนด้วย
 
วิธีเข้าถึงอำนาจในตนเองระดับพื้นฐานทำได้โดย
สรรพสิ่งนั้นจะต้องมีการ “สั่นสะเทือน” ก่อนเสมอ
กลอง ฆ้อง ระฆัง มันจะส่งเสียงดังออมาได้ต่อเมื่อ
คุณต้องทำให้มันสั่นสะเทือนเสียก่อนคือต้อง “ตี”
ตีทีดังทีไม่ตีไม่ดัง ตีค่อยดังค่อยถ้าตีแรงก็ดังมาก
 
#การตีคือการทำให้มันเกิดการสั่นสะเทือน
#เสียงที่ดังมากดังน้อยคืออำนาจที่เกิดขึ้น
 
พวกคุณที่เกิดมาเป็น #คนสองมิติ
ซึ่งมี “จิตหยาบ” ทำหน้าที่แทน #จิตวิญญาณ
ขณะได้รับโอกาสให้มีภพชาติเป็นมนุษย์อยู่นี้
ถ้าคุณต้องการเข้าถึงพลังอำนาจในตนเองที่มีอยู่
คุณก็จะต้องสั่นสะเทือนจิตหยาบของคุณให้เป็น
โดยต้องสั่นสะเทือนด้วยคลื่นความถี่ที่เสมอกัน
กับคุณสมบัติตามธรรมชาติของจิตวิญญาณคุณ
นั่นคือสั่นสะเทือนด้วยคลื่นความถี่สูงสุดด้านบวก
เรียกว่า “ความรักบริสุทธิ์” หรือเป็น #รักเพื่อให้
ในทุกเงื่อนไขที่คนรอบข้างใกล้ตัวหยิบยื่นมาให้
 
ไม่ว่าคนพวกนั้นจะดีมาคุณก็ต้องดีตอบเสมอ
แม้ว่าคนพวกนั้นจะชั่วมาคุณก็จะต้องดีตอบให้ได้
คุณต้องไม่ต่อสู้ไม่ตอบโต้ไม่ต่อต้านไม่หนีหน้า
ผู้สร้างเงื่อนไขชั่วร้ายและสถานกาณ์ที่ไม่ชอบนั้น
คุณจะต้องอดทน อดกลั้น ให้อภัยพวกเขาให้ได้
โดยไม่มีข้อยกเว้นว่าเขาจะเป็นใครคุณก็ไม่ถือสา
คุณต้องเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาคือ “รักได้ให้เป็น”
โดยไม่มีเงื่อนไขหรือข้อแม้แต่อย่างใดทั้งสิ้น
 
ต้องไม่ทำบุญสุนทานแต่ต้องการสิ่งตอบแทน
ด้วยการทำบุญเบื้องล่างเพื่อเอาไปสร้างเบื้องบน
หมั่นทำบุญหลายหนเพื่อต้องการกุศลหลายครั้ง
ไม่สนุกกับการทำบุญชาตินี้แล้วหวังผลในชาติหน้า
 
ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้แม้คุณสั่นสะเทือนจิตหยาบ
ให้เกิด “ขันธ์ห้า” ขึ้นมาเป็นกระบวนการด้านบวกได้
ด้วยการนึกดี คิดดี พูดดี และทำดีกันได้ก็ตาม
แต่ขั้นตอนที่ห้าคือ “วิญญาณขันธ์” ของขันธ์ห้านั้น
มันจะผลิตสร้างพลังงานด้านบวกที่ไม่สะอาดบริสุทธิ์
ซึ่งเป็นพลังงานในแบบที่โลกและจักรวาลไม่ต้องการ
เพราะเป็น “ผลกรรมทางพลังงาน” มิใช่ผลบุญกุศล
 
เพราะผลกรรมทางพลังงานแบบที่ว่านี้ไม่สะอาด
โลกและจักรวาลหรือคนอื่นสรรพสิ่งอื่นทั้งหลาย
จึงไม่สามารถจะนำเอาไปใช้ประโยชน์ได้เลย
ซึ่งเป็นขยะที่รกโลกเหมือนกรรมชั่วที่คุณทำเช่นกัน
มนุษย์จึงต้องตายเพื่อมาเกิดใหม่เพื่อกลับมาชำระมัน
เพราะผลกรรมของใครคนนั้นต้องรับผิดชอบเสมอ
 
การรับผิดชอบกรรมชั่วที่เป็นผลกรรมทางพลังงาน
คือการกลับมาเกิดใหม่เพื่อเจอสถานการณ์แบบเดิม
แล้วตัดสินใจใหม่ให้ถูกต้องตอบสนองเงื่อนไขเดิมนั้น
ถ้าตัดสินใจอย่างถูกต้องต่อเงื่อนไขเดิมที่เคยผิดพลั้ง
ผลกรรมทางพลังงานที่เป็นขยะก็จะแตกสลายหายไป
ถ้าเป็นผลกรรมด้านบวกที่เป็นกรรมดีแต่ไม่สะอาด
คุณก็จะต้องกลับมารับผิดชอบด้วยการชดใช้กรรมดีนั้น
ด้วยการกลับมาเกิดใหม่เพื่อ #เสวยกรรมดี นั้นให้สิ้น
 
ดังนั้น
การกลับมาเกิดใหม่เพื่อแก้ไขกรรมเก่า
ด้วยการตัดสินใจใหม่ตอบสนองเงื่อนไขเดิมจากอดีต
ให้มันถูกต้องตามครรลองคลองธรรมในชาติถัดไป
หรือการย้อนกลับมาเกิดใหม่ในภพชาติถัดไป
เพื่อการเสวยกรรมดีที่ทำแล้วขอสิ่งแลกเปลี่ยนไว้
มันคือการ “ชดใช้กรรม” ทำให้ขยะอวกาศสลายหายไป
ที่เป็นพลังงานขยะเพราะโลกเอาไปใช้ไม่ได้นั่นเอง
 
การทำบุญไม่เป็นคือการทำดีแล้วหวังสิ่งตอบแทนนั้น
เป็นตัวอย่างของการสร้างพลังอำนาจในตนเองไม่เป็น
 
เพราะพลังอำนาจในตนเองของคุณ
จะต้องได้จากการสั่นสะเทือนจิตหยาบทางด้านบวก
ตามคุณสมบัติแท้จริงของจิตวิญญาณคุณเองเท่านั้น
เพราะคุณคือจิตหยาบที่เป็นตัวแทนของจิตวิญญาณ
ซึ่งคุณจะทำทุกสิ่งสนองกิเลสตัณหาของตนไม่ได้
ยิ่งถ้าคุณทำทุกสิ่งสนองกิเลสตัณหาเสียจนเคยตัว
คุณจะยิ่งสร้างปัญหาให้แก่จิตวิญญาณตนเองมากขึ้น
เพราะนอกจากจิตหยาบคือตัวคุณซึ่งเป็นตัวแทนนั้น
จะเสื่อมพลังอำนาจเพราะถูกกิเลสครอบงำแล้ว
สัญญาขันธ์ของขันธ์ห้ายังจะบันทึกสันดานไม่ดีนี้ไว้
ซึ่งมันจะคอยบงการจิตหยาบคุณให้วิปริตไปอีกด้วย
 
ด้วยเหตุนี้เอง
การที่ดาวเคราะห์โลกเสื่อมสมดุลลงทุกวัน
เพราะนอกจากมนุษย์ไม่ใส่ใจที่จะหมุนธรรมจักรแล้ว
แต่ละคนยังพยายามสร้างพลังงานขยะทั้ง 2 แบบ
แบบแรกเป็นผลกรรมด้านบวกที่ไม่สะอาดบริสุทธิ์
เพราะก่อกรรมดีสร้างกุศลผลบุญแต่ขอสิ่งตอบแทน
แบบที่สองคือผลกรรมด้านลบที่ไม่สะอาดบริสุทธิ์
เพราะเป็นกรรมชั่วจากกิเลสตัณหาอารมณ์ขยะพาทำ
 
เมื่อพลังงานกรรมที่เกิดขึ้นจากขันธ์ห้า
ไม่ใช่พลังงานสะอาดที่โลกจะนำไปใช้ประโยชน์
เพื่อการค้ำจุนโลกให้สมดุลจากการหมุนรอบตัวเอง
จึงยังผลให้โลกเกิดอาการเสียสมดุลทางพลังงาน
ทำให้โลกแกว่งไปส่ายไปขณะกำลังเหวี่ยงหมุน
เพราะอัตราเร็วการเหวี่ยงหมุนช้าลงหรือไม่คงที่
ทำให้ค่าความเข้มสนามแม่เหล็กโลกแปรปรวนไป
ทำให้ระบบโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลกเสียสมดุล
ทำให้ออกซิเจนเจือจางจนเกิดภาวะก๊าซเรือนกระจก
ทำให้กลางวันกลางคืนและฤดูกาลวิปริตผิดเพี้ยน
 
การเสียสมดุลที่เรากล่าวมานี้ล้วนมีสาเหตุจาก
มนุษย์โลกเข้าถึงพลังอำนาจในตนเองกันไม่ได้ทั้งสิ้น
 
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
 
ปัญญาวิสุทธิ์
3/08/2566

02 สิงหาคม 2566

คำสอน 2/08/2023

 


ไม่ก้าวล่วงใครใจดีมีเมตตา
ปรารถณาที่จะเห็นเขาเป็นสุข
นี่คือการหมุนธรรมจักรในตนเอง
ของคนชอบธรรม

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 2/08/2023

 
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
มิได้มีเพียงแค่ #ดาวพลูโต ดวงเล็กๆเท่านั้น
ซึ่งพระเจ้าทรงกำหนดบทบาทให้ทำหน้าที่สำคัญ
คือค้ำจุนสมดุลของ “กาแล็กซี” ที่เป็นระบบใหญ่
โดยกาแล็กซีธารสายน้ำนมเป็นผู้ค้ำจุน “เอกภพ”
ซึ่งเป็นห้องทดลองขนาดใหญ่ของพระองค์เอาไว้
ในลักษณะของการเป็นเส้นผ่านศูนย์กลาง
ที่ต้องเหวี่ยงหมุนไปในแนวระนาบอย่างต่อเนื่อง
 
เพราะ “ห้องทดลอง” นี้สร้างจากอนุภาคพลังงาน
มิได้สร้างจากมวลสารในมิติโลกทางกายภาพ
กาแล็กซีธารสายน้ำนมจึงต้องสร้างด้วยมวลสาร
อันประกอบด้วยระบบสุริยะจักรวาลถึงสองระบบ
กับดวงอาทิตย์ดวงน้อยสลับช่องกับถ่านลิกไนต์
โดยสลับกันแบบ “ช่องเว้นช่อง” ตามที่กล่าวแล้ว
 
จึงทรงสร้างกาแล็กซี “ธารสายน้ำนม” ที่ว่านี้
ให้มีลักษณะคล้ายปีกหมุนดั่งใบพัดของคอปเตอร์
เมื่อเหวี่ยงหมุนรอบแกนกลางตนเองไปเรื่อยๆ
เพื่อทำให้อนุภาคพลังงานขนาดเล็กจำนวนมาก
เกิดการ “ฟุ้งกระจาย” จนเกิดเป็นรูปทรงขึ้นมาได้
ซึ่งพระองค์ทรงสร้างกาแล็กซีน้อยใหญ่ขึ้นมาอีก
รวม 12,500 ล้านระบบเพื่อให้เกิดเป็น “เอกภพ”
ที่มีรูปธรรมคล้ายชามสองใบคว่ำประกบกันอยู่
 
โดยที่กาแล็กซีต่างๆจะมีหน้าที่ช่วยกันหมุน
ช่วยกันทำให้อนุภาคพลังงานฟุ้งกระจายออกไป
จนเกิดเป็นรูปธรรมดังที่ว่ามานี้ตามพระประสงค์ได้
ซึ่งเป็นที่อัศจรรย์ในการคิดแบบจิตมนุษย์กันว่า
ทรงสร้างตึกหลังใหญ่โตโดยใช้แป้งฝุ่นได้อย่างไร
ไม่ต่างจากการใช้มวลพลังงานสร้างเอกภพนั่นเอง
 
อัศจรรย์งานสร้างของพระองค์
ที่เกี่ยวกับห้องทดลองขนาดใหญ่ของพระองค์นั้น
ยังมีอีกมากมายหลายสิ่งที่พวกคุณยังไม่รู้ว่าไม่รู้
โอกาสต่อไปเราจะนำความจริงนั้นมากล่าวให้รู้กัน
 
แต่ในที่นี้เราแค่ต้องการจะสร้างสติทางวิญญาณ
ให้พวกคุณทั้งหลายได้รู้ความจริงกันเอาไว้ว่า
จงอย่า “อ่านโลกอ่านจักรวาล” พระบิดาแค่ตาเห็น
เพราะสิ่งที่เห็นนั้นมันอาจไม่ใช่สิ่งที่เป็นจริงก็ได้
เช่น “ดาวพลูโต” ที่โคจรรอบดวงอาทิตย์ผิดปกติ
นั่นคือมีคาบเวลาของการโคจรที่ไม่สม่ำเสมอ
เมื่อเปรียบเทียบกับดาวเคราะห์ดวงอื่นๆอีก 8 ดวง
ทำให้นักวิทยาศาสตร์โลกหลงผิดคิดว่าดาวพลูโต
ไม่ใช่ดาวบริวารดวงที่ 9 ของระบบสุริยะแต่อย่างใด
จนถึงขั้นจะตัดดาวเคราะห์ดวงนี้ออกไปจากระบบ
อันเป็นการ “หลงผิด” จากการ “หลงตัวเอง” แท้ๆ
 
เราขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า
ดาวพลูโตที่เป็นดาวบริวารของดวงอาทิตย์ดวงที่ 9
ซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ในวงโคจรชั้นนอกสุดนี้
พระเจ้าให้ทำหน้าที่เป็นเศษส่วนของเมอริเดี้ยน
โดยย้ายพิกัดตนเองไปมาระหว่างสองระบบสุริยะ
นั่นคือย้ายพิกัดจากระบบสุริยะซึ่งอยู่ตรงช่องที่ 696
ของกาแล็กซีธารสายน้ำนม หรือ Milky Way
ไปเป็นดาวเคราะห์ดวงที่ 6 ของอีกระบบสุริยะหนึ่ง
ซึ่งตั้งอยู่ตรงช่องที่ 99 ของกาแล็กซีธารสายน้ำนม
 
มายาลักษณ์ในการโคจรของดาวพลูโตนี้
เป็นที่มาของสัญลักษณ์ทางเรขาคณิต คือ อินฟินิตี้
ซึ่งมีลักษณะคล้ายเลข 8” แต่อยู่ในแนวนอน
 
คำว่า “อินฟินิตี้” หมายถึง การไม่รู้สิ้นสุดยุติ
หรือการมีอยู่อย่างมากมายจนนับจำนวนไม่ถ้วน
ซึ่งมนุษย์ชอบใช้คำว่ามีจำนวนที่เป็น “อนันต์”
โดยรูปรอยสัญลักษณ์ “อินฟินิตี้” นี้ถอดแบบจาก
ทิศทางการโคจรของดาวพลูโตในสองระบบสุริยะ
 
เช่น ถ้าโคจรรอบดวงอาทิตย์ของระบบสุริยะนี้
ในทิศทางจากตะวันตกไปทางทิศตะวันออกแล้ว
เมื่อโคจรครบ 3 ปีในวันที่ 15 กรกฎาคมของปีนั้น
ดาวพลูโตก็จะโคจรย้ายพิกัดไปยังอีกระบบหนึ่ง
เพื่อไปโคจรรอบดวงอาทิตย์ของระบบสุริยะนั้น
ในทิศทางจากด้านตะวันออกไปทางทิศตะวันตก
ของระบบสุริยะที่อยู่ตรงข้ามกันนั้นเสมอ
โดยจะเดินทางไปโคจร 1 รอบเพื่อทำหน้าที่ของตน
ก่อนจะโคจรวกกลับมาอีกซึ่งใช้เวลาราว ๆ 365 วัน
หรือนานประมาณหนึ่งปีดังกล่าวไว้แล้ว
 
พระเจ้าทรงออกแบบให้ทิศทางการเคลื่อนที่
เป็นรูปสัญลักษณ์อินฟินิตี้ตามที่เราอธิบายภาพมานี้
ก็เพื่อช่วยให้ดาวพลูโตหลุดออกไปจากระบบสุริยะ
โดยไม่ต้องใช้แรงดึงดูดจากระบบสุริยะตรงข้ามมาก
เนื่องจากวงโคจรปกติของดาวพลูโตนั้นเป็นแบบวงรี
จึงช่วยให้หลุดออกจากแรงดึงดูดของระบบนี้ง่ายขึ้น
 
เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้
องค์กรด้านอวกาศของประเทศอินเดีย
ได้ส่งยานอวกาศลำหนึ่งออกไปจากระบบโลก
เพื่อจะไปร่อนลงบนพื้นผิวของดวงจันทร์
โดยใช้หลักการเดียวกันกับดาวพลูโตของพระเจ้า
ด้วยการส่งยานขึ้นไปโคจรรอบโลกก่อน
จึงค่อยใช้จรวดบังคับทิศทางให้พุ่งไปยังดวงจันทร์
ซึ่งจะไม่ต้องเปลืองพลังเชื้อเพลิงมากเกินไป
 
เมื่อเข้าสู่ระบบของดวงจันทร์แล้ว
จึงบังคับให้ยานนั้นโคจรไปรอบดวงจันทร์
ด้วยการกำหนดให้มีวงโคจรที่แคบลงๆเรื่อย ๆ
จนกระทั่งสามารถลงไปจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ได้
เพื่อกระทำภารกิจตามที่คิดหมายไว้ต่อไป
 
นักวิทยาศาสตร์ชาวอินเดียกลุ่มนี้
เป็นมนุษย์กลุ่มแรกนะที่คิดแล้วทำแบบที่ว่านี้
โดยใช้วิธีการโคจรในรูปแบบ “สัญลักษณ์อินฟินิตี้”
หรือเป็น แบบ “เลขแปดนอนตะแคง”
ซึ่งทรงกำหนดให้ดาวพลูโตแสดงเป็นต้นแบบแล้ว
 
ดังนั้น
คำว่า “เอกภพ” จึงหมายความว่า
เป็นสถานที่แห่งการเป็นหนึ่งเดียวของทุกสรรพสิ่ง
โดยทุกสรรพสิ่งจะมีพลังอำนาจในตนเอง
ซึ่งพลังอำนาจนั้นจะได้จากการสั่นสะเทือนข้างใน
มิใช่เป็นพลังอำนาจที่ได้จากการกดขี่ข่มเหง
เพื่อทำการช่วงชิงจากผู้อื่นจนเขาสูญเสียอำนาจไป
 
นอกจากนั้น
ทุกสรรพสิ่งจะต้องมีความสมดุลในตนเองด้วย
เพื่อใช้ความสมดุลของตนค้ำจุนผู้อื่นให้สมดุลตาม
เช่น ดวงจันทร์กับโลกต่างก็มีความสมดุลในตนเอง
ความสมดุลนี้จะได้จากการหมุนรอบตัวเองเสมอ
ทั้งยังค้ำจุนความสมดุลของกันและกันได้อีกด้วย
ดวงจันทร์จึงเป็นดาวเพื่อนของโลกได้อย่างยั่งยืน
เพราะทั้งสองดวงแม้จะมีขนาดมวลไม่เท่ากัน
แต่ก็ใช้ความรักดึงดูดเหนี่ยวรั้งซึ่งกันและกันเอาไว้
โลกและดวงจันทร์จึงมีกันและกันเป็นเพื่อนเสมอ
 
เราจะเปิดเผยสิ่งที่พวกคุณไม่รู้ให้ได้รู้อีกสิ่งหนึ่ง
นั่นคือ เรื่อง #ดาวเคราะห์น้อย ที่มนุษย์หลงผิดกันอยู่
โดยจะพบว่าในราว ๆเดือนพฤษภาคมของทุกปี
บนท้องฟ้าทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของชาวโลก
จะมีดาวสุกสกาวดวงหนึ่งซึ่งนักวิทยาศาสตร์โลก
เข้าใจว่าเป็น “ดาวเคราะห์น้อย” ลอยให้เห็นทุกคืน
ซึ่งจะปรากฏตัวอยู่นานราว ๆ 60 วันหรือสองเดือน
 
เราจึงจะบอกความจริงให้รู้ว่า
ที่คุณส่องกล้องมองเห็นกันนั้นมิใช่ดาวเคราะห์น้อย
แต่แท้จริงแล้วเขาคือดวงจันทร์ที่มีแสงสีชมพูอมส้ม
ซึ่งเป็นดวงจันทร์ดวงหนึ่งของดาวพฤหัสต่างหากล่ะ
พระเจ้าทรงสร้างดวงจันทร์ดวงนี้ขึ้นมา
ก็เพื่อให้ทำหน้าที่เป็น “เศษส่วนของเมอริเดี้ยน”
ของระบบย่อยของดาวพฤหัสเท่านั้นเอง
 
ดวงจันทร์ของดาวพฤหัสดวงนี้
จะโคจรรอบดาวพฤหัสนาน 26 เดือนต่อรอบ
โดยหมุนรอบตัวเองอัตราเร็ว 22 ชั่วโมงต่อรอบ
ซึ่งมิใช่ดาวเคราะห์น้อยแต่อย่างใดเลย
 
สื่อถ่ายทอดคลื่นความคิดในระบบจิตสู่จิต
จากองค์จิตจักรวาลดวงใหญ่
 
ปัญญาวิสุทธิ์
2/08/2566

01 สิงหาคม 2566

คำสอน 1/08/2023


ความรักเพื่อให้คือ
เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา
อดทน อดกลั้น ให้อภัย
ความรักเพื่อเอาคือ
โลภ โกรธ หลง เห็นแก่ตัว ตระหนี่