23 พฤษภาคม 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 23/05/2024

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

พวกคุณคือจิตวิญญาณผู้ขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์

ล้วนอยู่ในสภาพของ #คนสองมิติ ด้วยกันทั้งสิ้น

โดยมีจิตหยาบขับเคลื่อนกายสังขารหรือกายหยาบ

ด้วยจิตสามนึกคือนึกออกนึกเอาและนึกเอง

เพื่อให้เกิดมโนกรรมวจีกรรมและกายกรรมขึ้น

ซึ่งเป็นการทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณนั่นแหละ

 

เมื่อใดที่จิตสามนึกสั่นสะเทือนเป็นพฤติกรรมขึ้นมา

จิตวิญญาณของคุณจะมี “จิตใต้สำนึก” คอยสั่นตาม

เพื่อให้เกิดการกระทำในมิติของจิตวิญญาณด้วย

กระบวนการที่ว่านี้คือการสั่นสะเทือนในมิติคู่ขนาน

คือมิติของกายสังขารกับมิติของจิตวิญญาณนั่นเอง

 

ดังนั้น

ไม่ว่าจิตสามนึกของคุณจะสั่นสะเทือนด้านดีหรือชั่ว

จิตใต้สำนึกของจิตวิญญาณจะสั่นสะเทือนตามเสมอ

เพราะจิตใต้สำนึกคิดเองไม่เป็นมีแต่สั่นตามเท่านั้น

คุณจึงต้องระวัง “สามตัวนึก” ของจิตหยาบไว้ให้ดี

อย่าให้มันนึกออกหรือจำได้แต่เรื่องชั่วร้ายหรือไม่ดี

อย่าให้มันนึกเอาหรือดำรินั่นโน่นนี่ในเรื่องที่ไม่ควร

อย่าให้มันนึกเองหรือเดาใจคนอื่นในทางที่มิชอบ

ถ้าคุณปล่อยให้จิตหยาบนึกไปทางด้านลบจนเคยตัว

จิตใต้สำนึกของคุณก็จะสั่นตามทำให้ผิดบาปไปด้วย

 

ในเรื่องของความผิดบาปนั้นสำหรับมนุษย์แล้ว

จะถือเอาการสั่นสะเทือนของจิตใต้สำนึกเป็นสำคัญ

ซึ่งการทำงานร่วมกันของจิตในสองมิติที่ว่านี้

เป็นกระบวนการสั่นสะเทือนในระบบอัตโนมัติ

ตามที่พระเจ้าหรือองค์จิตจักรวาลทรงออกแบบไว้

ไม่มีใครแทรกแซงกระบวนการนี้เพื่อบิดเบือนมันได้

เช่นจิตสามนึกดำริชั่วจิตใต้สำนึกจะดำริชอบแทนมิได้

จิตใต้สำนึกจะต้องสั่นสะเทือนเป็นชั่วตามเท่านั้น

โดยการสั่นสะเทือนทั้งสองจิตมันจะเหมือนกันตลอด

พวกคุณจึงโกหกตัวเองว่าไม่ได้นึกไม่ได้พูดไม่ได้

เพราะจิตวิญญาณจะรับรู้สภาวะจิตสามนึกคุณเสมอ

 

เพราะเหตุนี้เอง

ทุกสิ่งที่คุณทำด้วยจิตหยาบขึ้นมาเมื่อไหร่

มันก็คือ “กรรมและผลกรรม” ที่จิตหยาบก่อขึ้น

ทั้งกรรมที่ก่อและผลกรรมที่เกิดโดยจิตหยาบนั้น

จิตวิญญาณผู้มอบอำนาจให้จิตหยาบทำหน้าที่แทน

จะต้องรับผิดชอบการกระทำนั้นเหมือนกับตนทำเอง

 

แปลว่าเมื่อตายไปจากการเป็นมนุษย์ในชาตินั้นแล้ว

จิตวิญญาณจะต้องถูกส่งไปลงนรกเพื่อ #ชำระบาป

แล้วให้มาเกิดใหม่เพื่อ #ชำระกรรม ที่จิตหยาบก่อไว้

ที่ต้องเวียนตายเวียนเกิดหลายภพชาติจนทุกข์หนัก

หลักใหญ่ก็เกิดจากสาเหตุสำคัญดังกล่าวนี้แหละ

 

เป็นเรื่องน่าขบขันยิ่งนัก

ที่พวกคุณสร้างปัญหาให้กับตัวเองแท้ๆ

จนทำให้ต้องเวียนว่ายตายเกิดหรือมีภพชาติ

ทำให้ต้องมีสังสารวัฏคือโลกสวรรค์มายาและนรก

เพราะตกเป็นทาสของกฎแห่งกรรม

โดยพวกคุณกลับพยายามนำพาจิตวิญญาณหนีโลก

เพื่อหมายจะไปเสพสุขกันอยู่บนสวรรค์มายานั่น

ทั้งๆที่ความทุกข์ทั้งปวงในการเกิดเป็นมนุษย์นั้น

เป็นเพราะตัวเองกระทำให้ตนเองทุกข์กันทั้งสิ้น

 

วิธีที่ง่ายที่สุดก็คือ

ต้องค้นหาให้พบว่าสาเหตุแห่งทุกข์นั้นมันคืออะไร

เช่น ทำไมเกิดแล้วจึงต้องแก่ต้องป่วยและต้องตาย

คุณจะต้องทำตนอย่างไรจึงจะมีอายุขัยยืนยาวได้

คุณจะต้องทำตนอย่างไรจึงจะไม่เจ็บไม่ป่วยไม่ทุกข์

คุณจะต้องทำตนอย่างไรจิตวิญญาณจึงจะไม่ตกนรก

คุณจะต้องทำตนอย่างไรจึงจะอยู่กับทุกข์ก็สุขได้

คุณจะต้องทำตนอย่างไรจึงจะไม่มีปัญหากับคนอื่นๆ

 

ตัวอย่างเหล่านี้นี่แหละ

ที่มันจะทำให้คุณเข้าถึงคำตอบที่ดีและมีประโยชน์

ซึ่งคุณสามารถนำมาปฏิบัติ “ทำ” ในชีวิตจริงกันได้

เพื่อยังประโยชน์สุขให้ตนเองและคนรอบข้างด้วย

การเป็นคนชอบธรรมที่ถือศีลกินเจสวดมนต์ไหว้พระ

ที่ปฏิบัติกันอยู่จนเป็นกิจวัตรน่ะนั่นดีอยู่แล้วล่ะ

แต่ถ้าทำตามคำตอบที่ได้จากห้าหกข้อที่กล่าวด้วย

ชีวิตของคุณมันจะไม่ประเสริฐสุขมากยิ่งขึ้นดอกหรือ

 

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

23/05/2567