14 พฤษภาคม 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 14/05/2024

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

มนุษย์โลกต้องเผชิญกับพวกมารหรือผีโสโครก

ทำตนเป็นอุปสรรคขัดขวางปฏิบัติการทางวิญญาณ

ตั้งแต่ยุคสมัยที่พระศาสดายังทรงมีพระชนมชีพอยู่

โดยใช้คนนำทางตาบอดสาวกผู้ใกล้ชิดพระศาสดา

คอยทำการแทรกแซงกิจกรรมโดยชักพาให้เขวบ้าง

อีกทั้งยังสร้างลัทธิใหม่ๆขึ้นมาพาให้คนงมงายบ้าง

พวกมารทำทุกอย่างโดยใช้ทั้งสติปัญญาที่เหนือกว่า

รวมทั้งใช้ฤทธิ์อภิญญาแสดงปาฏิหาริย์ให้เชื่อตาม

ทำให้คำสอนของศาสนาพุทธและคริสต์ถูกบิดเบือน

จนทุกวันนี้แทบจะแยกไม่ออกว่าไหนจริงไหนเท็จ

 

พวกคุณที่เชื่อตามพระคัมภีร์

เพราะเข้าใจว่าบทความคำสอนนั้นเป็นพระวจนะแท้

แม้พวกคุณจะไม่เคยได้ยินได้ฟังมากับหูของตนว่า

พระศาสดาตรัสเอาไว้ตรงตามอักษรในคัมภีร์นั้นจริง

แต่คุณก็เชื่อตามคนส่วนใหญ่ที่เขาเชื่อกันเช่นนั้นด้วย

 

นอกจากนั้น

พวกคุณที่เชื่อตามพระคัมภีร์

จนลืมที่จะคิดพิจารณาตามก่อนจะเชื่อ

ก็มิได้ฉุกคิดกันว่าถ้อยธรรมในคัมภีร์ต่างๆนั้น

พระศาสดามิได้ทรงลงพระหัตถ์ด้วยพระองค์เอง

มีแต่ผู้เป็นศิษย์สาวกผู้ใกล้ชิดพระศาสดาเท่านั้น

เป็นผู้บันทึกจากความทรงจำเท่าที่ตนจำได้

แล้วช่วยกันนำมาเรียบเรียงหมวดหมู่กันเสียใหม่

โดยมีการปุจฉาวิสัชนาและสังคายนากันมาตลอด

 

กาลเวลาผ่านมายาวนาน

ผ่านหัวสมองผ่านความทรงจำผ่านการสื่อสาร

ผ่านผู้คนจากรุ่นสู่รุ่นมาแล้วนับพัน ๆปี

โอกาสผิดพลาดบกพร่องจากการสื่อสารนั้นมีสูง

คนนำทางตาบอดที่ถูกมารหลอกลวงด้วยเล่ห์กล

จนมีผู้คนที่ตกเป็นเครื่องมือพวกมารกันอยู่ไม่น้อย

โดยพระศาสดาทั้งหลายผู้ทรงกล่าววจนะนั้นเอาไว้

พระองค์ท่านก็ทรงสิ้นพระชนม์กันไปหมดแล้ว

สัจธรรมทั้งหลายจึงไม่มีใครยืนยันจริงเท็จกันได้อีก

 

ดังนั้น

คนชอบธรรมที่ปรารถนาจะก้าวหน้าทางจิตวิญญาณ

จึงจำต้องติดอาวุธทางปัญญาให้ตนเองเอาไว้ก่อน

ด้วยการฝึกจิตฝึกคิดด้วยสมองสองซีกที่ตนมีอยู่

ต้องเตือนตนเองเสมอว่าให้คิดพิจารณาก่อนเชื่อตาม

ในทุกความรู้ใหม่ที่ได้ยินได้ฟังหรือได้รับรู้เอาไว้เสมอ

คุณต้องไม่เชื่อตามทันทีที่ได้ฟังทั้งๆที่ยังไม่เข้าใจ

คุณต้องไม่ปฏิเสธทันทีที่ได้ฟังทั้งๆที่ยังอธิบายไม่ได้

 

หมายความว่า

คุณจะต้องทำความเข้าใจความรู้ใหม่นั้น

เพื่อให้รู้ว่า “อะไรเป็นอะไรอย่างไรและทำไม”

ให้เข้าใจกระจ่างสว่างกมลของตนเองเสียก่อน

อย่าทำตนประเภทพวกมากลากไปเด็ดขาด

เพราะจำนวนเสียงมากน้อยของพวกคุณนั้น

ใช้ตัดสินความถูกต้องถ่องแท้ของสัจธรรมไม่ได้

สติปัญญาและเหตุผลเท่านั้นคือตัวชี้วัดที่แท้จริง

 

เห็นใครเขาบอกว่า “เชื่อมจิต” สอนธรรมได้

ก็พากันเชื่อตามคำเล่าขานนั้นไปแล้ว

โดยไม่เข้าใจว่าการเชื่อมจิตนั้นคือทำอย่างไร

เชื่อโดยที่ตนเองยังอธิบายไม่ได้ว่ามันคืออะไร

เชื่อโดยยังไม่รู้ว่าเขาเชื่อมจริงหรือเชื่อมเท็จ

 

เพียงแค่เห็นเจ้าลัทธินั้นเป็นกุมารน้อย

เพียงแค่มองว่ากุมารน้อยเป็นผู้วิเศษตามคำชวนเชื่อ

เพียงแค่เขาอ้างถึงพระศาสดาที่ตนนั้นศรัทธาอยู่

เพียงแค่เขาอ้างคำว่า “อวตาร” ที่มีใช้อยู่ในตำนาน

เพียงแค่เขากล่าวธรรมะพื้นๆในบางเรื่องได้

 

เพียงเท่านี้เท่านั้นจริงๆ

คนเฒ่าคนแก่หัวหงอกหัวดำก็พากันถวายหัว

ด้วยการเอาจิตวิญญาณของพระเจ้า

ไปกราบเท้ากุมารน้อยมอบกายถวายชีวิตให้แล้ว

โดยมิได้พิสูจน์ความจริงด้วยปัญญาและเหตุผลก่อน

 

พวกคุณจะรู้กันหรือไม่ว่า

พวกที่พยายามบ่อนทำลายศาสนาให้เสื่อมนั้น

มันมีมาตั้งแต่สมัยโบราณกาลนานมาแล้ว

คำสอนศาสนาพุทธและคริสต์ถูกบิดเบือนก็มาก

จนศาสนิกหลงเชื่อผิดๆกันมาจนถึงทุกวันนี้

เพราะพวกผีโสโครกพยายามขัดขวางมนุษย์โลก

ให้ล้มเหลวในภารกิจของจิตวิญญาณ

ไม่ให้ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีของโลกได้

 

ตัวอย่างเช่น

หลอกให้เสพติดกิเลสจนถูกกฎแห่งกรรมยึดรั้งไว้

หลอกให้ใช้ความเชื่อบวกกับความอยากเสพสุข

สร้างสวรรค์มายาขึ้นมาใช้กักขังตัวเองไว้

โดยให้จิตวิญญาณลอยไปติดค้างคาอยู่บนนั้น

แล้วให้ทำหน้าที่เป็นกรรมกรแสงให้พวกตนดักดูด

แทนการหมุนธรรมจักรเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลก

 

ในช่วงสุดท้ายปลายยุคพลังงานเก่านี้

แผนการทำลายศาสนาให้เสื่อมลง

แล้วพยายามสร้างลัทธิใหม่ขึ้นมาแทนนั้น

เป็นปฏิบัติการเชิงรุกที่ถูกนำเอามาใช้กันอยู่

ถ้าใครใคร่รู้ “พระบุตรเอก” จะนำมาเล่าให้ฟัง

เพื่อสร้างสติทางวิญญาณกัน...คอยติดตามกันไว้

 

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

14/05/2567