16 พฤษภาคม 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 16/05/2024

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้อง ๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

ถ้าคุณปรารถนาที่จะทำให้ความเป็นคนสองมิติ

เกิดความสมดุลและบรรลุเป้าหมายในสองมิติ

ในประเด็นของความมั่งคั่งและความมั่นคงแล้ว

โครงสร้างชีวิตของคุณจะต้องสมบูรณ์พร้อม

 

โครงสร้างชีวิต” ของคนทุกคนมี 3 อย่าง

 

1.#โครงสร้างทางจิตวิญญาณต้องแข็งแกร่ง

 

จิตวิญญาณของพวกคุณเป็นกล่องพลังงาน

เป็นรูปธรรมที่มีความสมดุลอยู่ในตนเอง

เป็นผู้ขันอาสาเข้ามาเกิดเป็นคนสองมิติในระบบโลก

โดยมี “จิตหยาบ” ช่วยทำหน้าที่แทนเมื่อได้มาเกิด

 

ตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของจิตวิญญาณคุณก็คือ

พลังอำนาจสูงสุดของจิตวิญญาณในการค้ำจุนตนเอง

ให้มีกายสังขารที่แข็งแรงสมบูรณ์จนมีอายุขัยยืนยาว

นั่นคือมีสุขภาวะทางกายที่ดีไม่อ่อนแอไม่ขี้โรคนั่นเอง

 

ปกติพลังอำนาจของจิตวิญญาณพวกคุณนั้น

ถูกกำหนดให้มีพลังอำนาจในตนเองที่แข็งแกร่ง

ตั้งแต่ได้รับโอกาสให้มาเกิดในภพชาติแรกแล้วล่ะ

ถ้าเปรียบเป็นแบ็ตเตอรี่รถยนต์ก็อาจกล่าวได้ว่า

เป็นแบ็ตเตอรี่ที่ให้พลังงานแบบ Long Life ถ้าใช้เป็น

โดยผู้นำพลังงานจากแบ็ตเตอรี่ไปใช้ก็คือ “จิตหยาบ”

ซึ่งจิตหยาบหรือจิตมนุษย์หมายถึง #จิตสามนึก

โดยมีอยู่ “3 ตัวนึก” คือ #นึกออก #นึกเอา #นึกเอง

ทั้งสามตัวนึกนี้เป็นบ่อเกิดหรือเป็นผู้เริ่มต้นก่อกรรม

ให้เกิดเป็นมโนกรรม วจีกรรม และ กายกรรม ในชีวิต

ทั้งด้านดีคือด้านบวกและด้านชั่วคือด้านลบได้ทั้งสิ้น

 

ถ้าจิตหยาบในภพชาติแรกผิดพลาดเหลวไหล

จะทำให้จิตวิญญาณเสื่อมพลังอำนาจไปจากเดิมได้

ตัวชี้วัดก็คืออาการเจ็บป่วยการแก่ชราและการตาย

เพราะจิตวิญญาณค้ำจุนกายสังขารของตนไว้ไม่ไหว

ไม่อยากตายแต่ก็ต้องตายเมื่อกายสังขารมันไม่ไหว

 

ความผิดพลาดของจิตหยาบก็คือ

 

1.#เสพติดกิเลสเสียจนเคยตัว

 

จนไม่อาจเข้าถึงการสั่นสะเทือนด้านบวก

ให้เป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณแก่นแท้ของตนได้

ทำให้เซลล์อวัยวะร่างกายมีพลังงานที่ขาดพร่อง

จึงยังผลให้ภูมิต้านทานโรคต่ำลงอวัยวะนั้นๆเสื่อมลง

 

2.#จิตวิญญาณสื่อสารกับจักรวาลไม่ได้

 

เพราะจิตหยาบทำให้จิตวิญญาณป่วยด้วยการหลงมิติ

โดยหลงเงามายาที่อายตนะสัมผัสรู้ดูเห็นได้

แล้วเข้าใจผิดคิดว่าพวกนั้นเป็นตัวตนแก่นแท้

จิตหยาบจึงหลง “ยึดติด” จนเกิดอัตตาของมันขึ้นมา

ซึ่งอัตตาที่เกิดขึ้นมาในจิตหยาบของพวกคุณนี่แหละ

มันคือที่ยึดเหนี่ยวใหม่ของจิตหยาบ

 

การที่จิตหยาบเบี่ยงเบนความสนใจไปกับสิ่งเร้า

ที่อายตนะภายนอกทั้งห้าสัมผัสรู้ดูเห็นมันได้นั้น

จิตวิญญาณของคุณก็จะถูกเหนี่ยวรั้งเอาไว้

เพราะว่าจิตหยาบซึ่งเป็นตัวแทนของตนไม่ส่งเสริม

ทำให้ไม่สามารถสื่อสารกับจักรวาลได้ตามปกติ

แปลว่าจักระทั้งเจ็ดระบบเกิดอาการเสียสมดุล

จนไม่สามารถที่จะสื่อสารกับจิตจักรวาลดวงเล็ก

ซึ่งเป็นตัวตนภาคแรกที่สูงส่งของจิตวิญญาณเองได้

 

จึงยังผลให้วงจรการเคลื่อนไหลของพลังงาน

ที่เป็นรูปสามเหลี่ยมระหว่างจิตหยาบกับจิตวิญญาณ

ไม่สามารถเชื่อมต่อกับจิตจักรวาลดวงเล็กของตน

ซึ่งเป็นผู้แบ่งภาคออกมาเป็นจิตวิญญาณผู้มาเกิดได้

พวกคุณจึงอยู่ในลักษณะของว่าวที่สายป่านขาด

พวกคุณจึงเกิดอาการจำบ้านเกิดจิตวิญญาณไม่ได้

จำที่มาที่ไปของตนเองไม่ได้จำผู้สร้างว่าวก็ไม่ได้

จิตหยาบที่มีจิตวิญญาณอยู่ข้างในจึงใส่ใจแต่ตนเอง

พวกคุณจึงทำตนเป็นดั่งว่าวที่ขาดลอยค้างอยู่บนฟ้า

ได้แต่ลอยไปลอยมาสะเปะสะปะอย่างไร้ทิศทางกัน

 

3.#จิตวิญญาณเสื่อมพลังอำนาจ

 

พวกคุณต้องรู้ว่าในการดำรงชีวิตอยู่ได้นั้น

ในบทบาทของ “คนสองมิติ” คุณต้องการพลังงาน

ไม่ใช่พลังงานไฟฟ้าเหนี่ยวนำจากสนามแม่เหล็กโลก

ไม่ใช่พลังงานจากสารอาหารบริโภคกับน้ำดื่ม

ไม่ใช่พลังงานจากจิตจักรวาลดวงเล็กเพียงเท่านั้น

แต่การรักษาพลังอำนาจทางจิตวิญญาณของคุณไว้

โดยไม่เป็นผู้ทำความเสื่อมให้ตนเองก็จำเป็นเช่นกัน

 

คุณต้องรู้ว่า

เรามีตัวอย่างหนึ่งที่จะบอกให้คุณรู้ว่า

จิตวิญญาณพวกผีโสโครกซึ่งเป็นมารของพวกคุณ

พวกเขาส่วนใหญ่มาจากต่างดาวชาว Angel

ซึ่งพระบิดาสร้างพวกเขาขึ้นมาก่อนสร้างพวกคุณ

โดยทรงกำหนดให้พวกเขามีลักษณะคล้ายมนุษย์

แต่มีปีกใหญ่เหมือนปีกนกที่โบยบินไปในอวกาศได้

 

พวกนี้มีความกำหนัดทางเพศสูง

เผ่านี้มีนามว่า “แองเจิ้ล” คือ นางฟ้าแต่ว่าเป็นเพศผู้

พวกเขาสร้างมายาหลอกพวกคุณว่าตนคือกามเทพ

มีหน้าที่บินไปแผลงศรรักปักอกของหนุ่มสาวไปทั่ว

แปลว่าบินไปเจอสตรีเพศที่ตรงไหนเป็นสมสู่กันที่นั่น

แต่มนุษย์กลับยกย่องให้พวกเขาเป็น #กามเทพ

หมายถึง #เทพเจ้าแห่งกามารมณ์ ผู้มากตัณหา

ทำให้หญิงชาวโลกตั้งครรภ์กับผู้อ้างตนเป็นกามเทพ

จนเกิดลูกออกมาเป็น “คนยักษ์” ที่ไม่มีปีกเหมือนพ่อ

ซึ่งทำให้ประชากรโลกพันธุ์ผสมกับต่างดาวมีมากขึ้น

อันเป็นที่มาของการชำระโลกด้วยน้ำในยุคโนอาห์

ตามที่เราเคยกล่าวให้รู้กันมาหลายครั้งแล้วนั่นแหละ

 

จิตวิญญาณของพวกเขาเดิมทีมี 6 มิติคือหกเหลี่ยม

โดยมีจำนวนเหลี่ยมมุมเท่ากับจิตวิญญาณมนุษย์

แต่เพราะใช้พลังทางจิตวิญญาณไปกับการก้าวล่วง

ทั้งการใช้อภิญญฤทธิ์และใช้ไปกับความกำหนัด

ซึ่งเป็นการใช้พลังทางจิตวิญญาณไปในทางมิชอบ

จึงยังผลให้จิตวิญญาณถูกหักไป 1 มิติคือหนึ่งมุม

จากเดิมที่มี 6 เหลี่ยมมุมจึงเหลือเพียง 5 เหลี่ยมมุม

แสดงว่าเพราะทำผิดจิตวิญญาณจึงพิการไปนั่นเอง

 

ตรงข้ามกันกับจิตวิญญาณของพวกคุณในปัจจุบัน

เมื่อคลอดออกมาใหม่ๆยังคงนอนแบอยู่บนเบาะอยู่

ขณะนั้นจิตหยาบที่เป็นตัวแทนจิตวิญญาณของคุณ

จะยกระดับจนถึงมิติที่ 3 คือ มีสามเหลี่ยมมุมแล้ว

พ่อแม่กับจิตวิญญาณของตนผู้มาเกิดและคนใกล้ตัว

ร่วมกันหมุนธรรมจักรด้วยความรักความเอ็นดูต่อคุณ

เพียงไม่กี่วันทารกน้อยอย่างคุณก็ลุกนั่งตั้งไข่ได้

เพราะพวกเขาร่วมกันใช้พลังความรักยกระดับให้

จิตหยาบคุณจึงเข้าถึงมิติที่ 4 นั่นคือมี 4 มิติได้

มายาที่เห็นคือมี ความกว้าง x ยาว x หนา x สูง

 

จากความจริงที่เรากล่าวนี้แสดงว่า

พวกคนยักษ์ทั้งหลายเป็นพวกที่มีจิตวิญญาณพิการ

แต่พวกคุณยังมีจิตหยาบที่ยังไม่สมดุลอยู่มิใช่ผู้ป่วย

เมื่อพวกเขากล่าวถึงมิติที่ห้าก็จงอย่าปริวิตกอะไร

แค่พวกคุณรู้จักหมุนธรรมจักรร่วมกันเอาไว้เสมอ

ด้วยการใช้เมตตาธรรมค้ำจุนสมดุลโลกให้ได้

จิตหยาบคุณจะค่อยๆยกระดับขึ้นจาก 4D-6D ได้เอง

 

คุณต้องรู้ว่าเพราะคุณเป็น “คนสองมิติ”

พระบิดาจึงทรงออกแบบให้คุณมี 2 จิต คือ

จิตสามนึกหรือจิตหยาบ

กับจิตใต้สามนึกคือจิตวิญญาณ

 

โดยจิตสามนึกมันจะสั่นสะเทือนขึ้นมาก่อน

แล้วจิตใต้สามนึกหรือจิตวิญญาณจะสั่นสะเทือนตาม

ทั้งสองจิตจะทำงานร่วมกันลักษณะนี้เสมอ

เพื่อให้เกิดพฤติกรรมนั้นๆทั้งสองมิติควบคู่กันไป

ซึ่งเป็นพฤติกรรมในมิติคู่ขนานกันนั่นแหละ

 

พวกมารหรือผีโสโครกจะทำการหลอกลวงให้

พวกคุณใช้วิชามารของพวกมันเจาะจิตใต้สามนึก

เพื่อนำเอาพลังจิตใต้สามนึกออกมาใช้ประโยชน์

คนที่เสพติดกิเลสคนที่มักมากและมักง่ายจึงหลงผิด

หันไปสั่งจิตเพื่อแสวงประโยชน์แบบผิดธรรมชาติ

โดยไม่รู้ว่ามันคือการ “เจาะไช” จิตวิญญาณตนเอง

ให้เกิดการเสื่อมพลังจนเสียสมดุลไปจากเดิมได้

เพราะพระบิดาจะทรงริบพลังคืนทุกครั้งที่ใช้มันไป

ทั้งทำให้จิตหยาบยกระดับสูงขึ้นจากเดิมไม่ได้ด้วย

จะต้องแช่อยู่ที่มิติที่ 4 หรือ 4D ตลอดไป

พวกคุณจงอย่าตกหลุมพรางมารโดยเด็ดขาด

เพราะมันจะทำให้จิตวิญญาณของคุณหลุดพ้นไม่ได้

 

ตัวอย่างความเสื่อมทั้ง 3 ประการที่เรากล่าวมา

จงอย่าหาทำโดยเด็ดขาดถ้าทำอยู่ก็ให้เลิกเสียทันที

แค่คุณทำตนเองให้เสื่อมพลังอำนาจลงไป

จนชาตินี้จิตวิญญาณดูท่าจะไม่เป็นอมตะอีกชาติแล้ว

เพราะเริ่มแก่เริ่มเจ็บจนดูใกล้จะสิ้นอายุขัยกันอีกแล้ว

ไม่ต้องร้องขอต่ออายุขัยจากใครให้มันยุ่งยากเลย

ร้องขอจากตัวเองนี่แหละโดยปฏิบัติตาม 3 ข้อที่ว่านี้

แล้วทุกอย่างที่เหลืออยู่ในชีวิตนี้ชาตินี้จะดีขึ้นเอง

 

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

16/05/2567