พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
บ้านเกิดเมืองนอนของจิตวิญญาณ
ผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของท่านทั้งหลายนั้น
มีถิ่นกำเนิดจาก
“พระนิเวศน์ของพระบิดา”
พระบิดาก็คือผู้ทรงให้กำเนิดจิตวิญญาณพวกท่าน
ซึ่งพระองค์ยังทรงเป็นพระผู้สร้างทุกสิ่งในเอกภพ
โดยเอกภพก็เป็นห้องทดลองของพระองค์นั่นเอง
ก่อนที่พวกท่านจะได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
ตัวตนภาคแรกของพวกท่านคือ
#จิตจักรวาลดวงเล็ก
ที่เป็นรูปธรรมทางพลังงานซึ่งมี
11 เหลี่ยมมุม
พระบิดาทรงเรียกจิตจักรวาลดวงเล็กว่า
#พระบุตร*
ได้ขันอาสาพระองค์ว่าจะขอข้ามมิติมาเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อทำหน้าที่ตาม #พันธะสัญญาหก* อยู่ในระบบโลก
โดยเฉพาะหนึ่งในพันธะสัญญา
6 ที่ต้องทำก่อนก็คือ
ใช้ขันธ์ห้า
“หมุนธรรมจักร” ด้วย #ความรักเพื่อให้
ที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกว่า
“เมตตาธรรมค้ำจุนโลก”
เมื่อจิตจักรวาลดวงเล็กหรือที่เรียกว่า
“พระบุตร”
ได้รับโอกาสให้ข้ามมิติเข้ามาเกิดภายในเอกภพแล้ว
ก็จะแบ่งภาคตนเองออกมาเป็นรูปธรรมทางพลังงาน
ซึ่งมี 6 เหลี่ยมมุมโดยเรียกรูปธรรมนี้ว่า
#พระจิต*
พระจิตจึงเป็นตัวแทนพระบุตรผู้อาสามาเกิดบนโลก
เพื่อทำหน้าที่ใช้เมตตาธรรมคือรักเพื่อให้ค้ำจุนโลก
แต่เนื่องจากพระนิเวศน์ของพระเจ้า
ที่เป็นบ้านเกิดของจิตวิญญาณพวกท่านทั้งหลายนั้น
ทุกรูปธรรมมีคุณสมบัติเป็น
#สุญตา ด้วยกันทั้งสิ้น
ทั้ง “พระบุตร”
ที่เป็นองค์จิตจักรวาลดวงเล็กเอง
ซึ่งเป็นตัวตนภาคแรกที่สูงส่งของพวกท่านผู้ขันอาสา
กับ “พระจิต”
ที่ถูกแบ่งภาคทางพลังงานออกมา
ทุกรูปธรรมต่างล้วนมีคุณสมบัติเป็นสุญตากันทั้งสิ้น
เพราะการดำรงตนเองอยู่ในพระนิเวศน์ของพระเจ้า
องค์จิตจักรวาลดวงเล็กไม่มีหน้าที่จะต้องอะไร
นอกจากเป็นผู้ที่ #อิ่มเอิบอยู่กับความสงบว่าง เท่านั้น
นี่จึงเป็นที่มาของความหมายในประโยคสำคัญที่ว่า
#แดนสุญตาเป็นดินแดนของผู้อิ่มเอิบอยู่กับความว่าง
ดังนั้น
เมื่อพระบุตรคือจิตวิญญาณท่านที่ถูกแบ่งภาคออกมา
เดินทางข้ามมิติเข้ามาภายในเอกภพอันไพศาลนี้แล้ว
จะต้องผ่านประตูมิติคือด่านนภาลัยเข้ามาในเอกภพนี้
ซึ่งพระเยซูเจ้าทรงเปรียบเป็นดั่ง
“ประตูคอกแกะ”
ในกรณีที่ทรงใช้อธิบายถึงทางออกมาจากพระนิเวศน์
ของจิตวิญญาณบริสุทธิ์ที่เป็นดั่งฝูงแกะของพระเจ้า
โดยทุกรูปธรรมต้องเดินทางผ่านประตูนี้ออกมาทุกตัว
และพระเยซูเจ้ายังทรงเปรียบด่านนภาลัยประตูมิตินี้
ที่ฝูงแกะจะต้องกลับคืนสู่พระนิเวศน์เมื่อเสร็จภารกิจ
ที่ตนขันอาสาพระเจ้าเข้ามาทำหน้าที่อยู่ในระบบโลก
จนครบกำหนดแห่งกาลสิ้นยุคคือ
60,000 ปีโลกแล้ว
โดยทรงเปรียบประตูนี้ว่า
#เป็นดั่งประตูเรือนหอ
ที่เจ้าสาวของพระองค์ก็คือจิตวิญญาณของพวกท่าน
จะต้องก้าวตามพระองค์ออกไปทางนี้เพื่อกลับบ้าน
เมื่อถึงวันที่เสด็จกลับมารับเจ้าสาวกลับเข้าหออีกครั้ง
ที่ทรงเปรียบจิตวิญญาณพวกท่านทั้งหลายว่า
เป็นดั่งเจ้าสาวผู้รอคอยเจ้าบ่าวแห่ขบวนขันหมากมารับ
เพื่อจูงมือเจ้าสาวเข้าสู่ประตูเรือนหอก็เพราะว่า
เจ้าสาวทุกคนจะใจจดใจจ่อรอคอยเจ้าบ่าวให้มารับ
ในวันกำหนดนัดหมายคือวันแต่งงานด้วยกันทุกคน
ที่รอคอยอย่างใจจดจ่อก็เพราะกลัวเจ้าบ่าวไม่มารับ
ตามที่ได้เคยให้คำมั่นสัญญาเอาไว้นั่นแหละ
ส่วนเจ้าสาวผู้รอคอยเจ้าบ่าวมารับด้วยความตื่นเต้นนั้น
จะมัวนั่งนอนนับวันนับคืนเฉยๆไม่ทำอะไรเลยไม่ได้นะ
จะต้องเตรียมตะเกียงที่มีน้ำมันพร้อมรู้วิธีจุดให้พร้อมใช้
เมื่อถึงวันเวลาที่พระองค์เสด็จกลับมารับเอาไว้ด้วย
มิใช่ผ่านมาแล้วกี่ปีดันรอจนหลับไหลไม่ทำอะไรสักสิ่ง
ตะเกียงก็ไม่ได้เตรียมให้พร้อมสมองก็ไม่มีน้ำมันอยู่เลย
แถมไม่รู้วิธีจุดตะเกียงคือ
“คิดไม่เป็น” อีกต่างหาก
แล้วจะเอาแสงสว่างส่องทางกลับบ้านมาจากไหนกัน
การทำตัวแบบนี้ไม่เป็นเจ้าสาวที่รอคอยเจ้าบ่าวเลย
เพราะไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้พร้อมแต่อย่างใด
เมื่อวันเวลาใดที่พระองค์เสด็จกลับมา
พวกท่านที่เป็นเจ้าสาวจะรู้ได้อย่างไรว่า
ใครคือพระองค์นั้นใครคือผู้ที่พวกท่านรอคอยมานาน
สมมุติว่าท่านรู้แล้วว่าใครเป็นเจ้าบ่าวของท่าน
แต่ท่านยังต้องถามตนเองกันเอาไว้อีกด้วยว่า
1.ตะเกียงของท่านคือสมองนั้นมันพร้อมใช้หรือเปล่า
2.ความฉลาดทางปัญญาของสมองคือน้ำยาน่ะมีมั้ย
3.ท่านใช้จิตปัญญาเพื่อให้แสงสว่างแก่ตนเป็นหรือยัง
4.มัวแต่บ้าบุญเพราะหลงทางนิพพานกันอยู่หรือเปล่า
5.ทำบุญอย่างมีเงื่อนไขจนหมุนธรรมจักรไม่ได้หรือเปล่า
เมื่อพระจิตวิญญาณบริสุทธิ์ของท่าน
เดินทางถึงด่านนภาลัยประตูมิติผ่านเข้าออกเอกภพ
ต้องแวะ “วิหารสีขาว”
เพื่อเตรียมตนให้พร้อมกันที่นั่น
การเตรียมพร้อมที่ว่านี้คือพร้อมต่อการเป็นคนสองมิติ
ด้วยการปฏิบัติดังต่อไปนี้
คือ
1.เติมเต็มคุณสมบัติพิเศษให้แก่จิตวิญญาณของตน
ที่เรียกว่า
“จิตสามนึก” คือ นึกออก นึกเอา นึกเอง
เพื่อเอาไว้ใช้ทำหน้าที่ในตอนที่เกิดเป็นมนุษย์โลก
2.เติมเต็มคุณสมบัติพิเศษ
คือ “ขันธ์ห้า”
ให้จิตทั้งสามนึกเมื่อมีการสั่นสะเทือนเกิดขึ้นเมื่อใด
ให้มันสั่นสะเทือนเป็นกระบวนการ
5 ขั้นตอนต่อเนื่อง
นั่นคือ รูป เวทนา
สัญญา สังขาร และวิญญาณ
ซึ่งขันธ์ทั้งห้าขั้นตอนนี้เป็นกระบวนการสองมิติของจิต
มันจะเกิดขึ้นได้โดยอัตโนมัติในพวกท่านทุกคนไป
เมื่อจิตสามนึกถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าผ่านอายตนะทั้งหก
คือตาหูจมูกลิ้นกายสัมผัสและจิตที่เป็นอายตนะภายใน
เราจึงขอบอกพวกท่านว่า
ขันธ์ห้าที่ว่านี้ไม่ใช่
“อัตตา” ของจิตวิญญาณ
แต่เป็นคุณสมบัติพิเศษที่จิตวิญญาณของท่าน
รับมาใช้ทำหน้าที่เป็น
“คนสองมิติ” ในระบบโลก
เพื่อสั่นสะเทือนจิตหยาบที่เป็นตัวแทนจิตวิญญาณ
ให้เกิดการกระทำต่อกันในมิติโลกทางกายภาพ
ด้วยการสั่นสะเทือน
“จิตสามนึก” ที่ถือมาจากวิหาร
สั่นสะเทือนร่วมกับ
“จิตใต้สามนึก” ของจิตวิญญาณ
เพื่อผลิตพลังจิตด้วย
“วิญญาณขันธ์” ของขันธ์ห้า
เหวี่ยงออกมาให้โลกตามหน้าที่ในพันธะสัญญา
6
ซึ่งเราเคยกล่าวย้ำให้รู้โดยทั่วกันมาบ่อยครั้งแล้ว
เพื่อเตือนสติทางวิญญาณพวกท่านทั้งหลายเสมอว่า
พวกท่านมิได้เกิดมาเพื่อสั่งสมบุญกุศลเพื่อตนเอง
มิได้มาเกิดเพื่อจะไปสวรรค์คนเดียวแต่อย่างใด
3.เขียนบทละครร่วมกันเรียกว่า
"ชะตาชีวิต"
กับจิตวิญญาณอีกสองสามรูปธรรม
เพื่อมาแสดงบทบาทเป็นสมาชิกครอบครัวเดียวกัน
มาเป็นเงื่อนไขเป็นบททดสอบให้แก่กันและกัน
เพื่อหมุนธรรมจักรร่วมกันให้สำเร็จให้จงได้
พวกท่านจะต้องรู้ว่า
ท่านจะไปสวรรค์นิรันดรหรือกลับแดนสุญตาไม่ได้
ถ้าจิตหยาบของท่านยกระดับสูงถึงมิติที่
6D ไม่ได้
โดยต้องยกระดับให้ทันก่อนโลกมืดนาน
8 ราตรีด้วย
คำว่า “8 ราตรี”
นี้หมายถึง 56 วัน 56 คืนของโลก
ทั่วโลกจะมืดพร้อมกันหมดโดยไม่มีแสงอาทิตย์เลย
ในช่วงเวลาที่มืดมิดนี้ประตูมิติต่างๆจะถูกเปิดทั้งหมด
เพื่อชำระขยะที่เคยรกโลกรกจักรวาลมานานให้สิ้นไป
โลกกับมนุษย์จะถูกชำระด้วยภัยพิบัติที่แรงเกินคาด
แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์จักรวาล
วิสุทธิชนยุคสุดท้ายตัวจริงเท่านั้นที่จะได้รับการคัดไว้
การยกระดับของจิตหยาบจากปัจจุบันคือมิติที่
4D
มันจะถูกยกระดับสู่มิติที่
5D ไปถึง 6D ได้ก็ต่อเมื่อ
ตัวท่านจะต้อง #หมั่นหมุนธรรมจักร ด้วยรักเพื่อให้
กับทุกเงื่อนไขทั้งดีและร้ายในชีวิตประจำวันให้ได้
โดยต้องอดทนอดกลั้นให้อภัยใจดีมีเมตตากับทุกคน
อย่างไม่มีข้อแม้หรือไม่มีเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้น
จิตหยาบของท่านมันจะยกระดับเพิ่มมิติขึ้นได้เรื่อยๆ
ยิ่งถ้าท่านแสดงออกหรือกระทำต่อผู้อื่นทางด้านบวก
เพื่อชักชวนพวกเขาเหล่านั้นมาร่วมกันหมุนธรรมจักร
จิตหยาบของท่านเองและทุกคนจะยิ่งยกระดับเร็วขึ้น
ดังนั้น
คนที่กวนโอ๊ยท่านมากกว่าใครเขาเพื่อน
เขาก็จะยิ่งเป็นคนที่มีคุณค่าของเพื่อนมากกว่าใคร
ซึ่งสมควรจะอนุรักษ์เขาเอาไว้ด้วยการให้อภัยต่อเขา
เพราะท่านต้องใช้ความรักมอบให้เขาค่อนข้างมาก
หากจะให้อภัยแก่ตัวเขาคนที่ทำไม่ดีกับท่านนั้นได้
แรงสั่นสะเทือนด้านบวกมากๆจากการให้อภัยเขานั้น
มันคือการสั่นสะเทือนขันธ์ห้าทางด้านบวกในระดับสูง
วิญญาณขันธ์ของท่านก็จะทำการผลิตพลังงานบวก
เหวี่ยงออกมาสร้างพลังงานร่วมกับคนอื่นๆอีกสามคน
โดย 99% ของทั้งหมดจะเป็นของพวกท่านกันเอง
ที่เหลือ 1% เป็นของโลกที่จะใช้เหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง
ในทุกวินาทีที่พวกท่านรักกันได้ให้อภัยต่อกันนั่นแหละ
พวกท่านจงจำไว้ว่า
จงอย่าไปเชื่อมอดมารผีโสโครก
ที่หลอกลวงพวกท่านผ่านลัทธิประหลาดต่างๆ
ที่มักนำเอาวิชากรรมฐานที่ดีงามของพระพุทธเจ้า
มาทำการบิดเบือนเบี่ยงเบนให้หลงทางหลงผิด
ซึ่งคนที่คิดน้อยหรือไม่ค่อยคิดจะถูกหลอกง่ายมาก
แต่รายที่คิดมากเกินไปก็มีปัญหาเหมือนกัน
ถ้าท่านผู้นั้นคิดมากแต่ดันคิดไม่เป็น
นั่นคือพวกที่ระแวงในตัวเรา
เพราะมีหูแต่เหมือนไม่มี
นั่นคือไม่รับฟังข่าวสารของจิตจักรวาล
หรือได้ยินได้ฟังเหมือนกันแต่ทำเป็นเฉยเมยไม่ใส่ใจ
เพราะมีจมูกแต่เหมือนไม่มี
จึงไม่ได้กลิ่นหอมของพระโอวาทจากพระเจ้า
ที่เราสู้อุตส่าห์รับสื่อจากพระองค์ลงมาแบ่งปันให้
แต่กลับได้กลิ่นของเน่าเหม็นที่มารนำมาหลอกล่อ
ผ่านเจ้าลัทธิอุตริอวิชชาทั้งหลาย
แล้วทำตัวเป็นอีแร้งหรือแมลงวันไปรุมทึ้งรุมตอม
ขณะของหอมๆของพระบิดานี้กลับเบือนหน้าหนี
โดยเหมารวมว่า #จิตจักรวาล เป็นลัทธิมารไปด้วย
น่าเสียดายและเศร้าใจนักหากท่านจะต้องถูกคัดทิ้ง
กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
29/05/2567