20 พฤษภาคม 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 20/05/2024

 พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

พระพุทธองค์ทรงสอนมนุษย์ให้รู้เรื่องความเชื่อ

ด้วยโลกียะธรรมที่เป็นหลักแห่ง “กาลามสูตร”

ว่าด้วยเรื่องของอะไรควรเชื่อไม่ควรเชื่อเอาไว้ให้

คนส่วนใหญ่ท่องธรรมจำได้แต่ว่าใช้หลักนี้ไม่เป็น

เพราะไม่เข้าใจหลักธรรมนี้ที่เน้นให้เชื่อด้วยปัญญา

มิใช่เชื่อเพราะความศรัทธาหรือเชื่อตามความรู้สึก

ที่ตนถูกกิเลสครอบงำเอาไว้ทำให้ปัญญามืดบอด

 

เพราะในยุคของพระพุทธองค์นั้น

พวกจิตวิญญาณผีโสโครกหรือมารศาสนา

เริ่มออกอาละวาดทำให้คนชอบธรรมเกิดความสับสน

ด้วยการ “บิดเบือน” พระวจนะของพระองค์บ้างแล้ว

ทรงสั่งสอนเอาไว้อย่างหนึ่งแต่ถูกมารบิดเบือนไป

ทำให้ชาวบ้านหลงผิดเข้าใจผิดกันไปก็มากมี

ภาษาชาวบ้านคงต้องใช้คำว่าทรงตามแก้กันไม่ไหว

เพราะในยุคนั้นไม่มีสื่อโซเชี่ยลให้ใช้เหมือนทุกวันนี้

หลักแห่งกาลามสูตรที่ทรงตรัสเทศนาให้สติเอาไว้

จึงเป็นหลักฐานว่าพวก “มาร” มีจริงและมีมานานแล้ว

 

วิธีการบิดเบือนพวกมารทำได้โดย

ใช้คนนำทางตาบอดบางคนที่เทศน์เก่งและศิษย์เยอะ

เป็นเครื่องมือในการบิดเบือนแบบหนอนในผลมะม่วง

#หนอนบ่อนไส้ จึงเป็นผู้ทำลายผลมะม่วงให้เน่าใน

หนอนตัวที่อยู่ข้างนอกจะทำลายผลมะม่วงนั้นไม่ได้

ทำนองเดียวกันกับ “คนใน” และ “คนนอก” นั่นแหละ

 

ผู้ที่จะมุ่งทำลายศาสนานั้น

คนที่อยู่ในศาสนาเองจะน่ากลัวกว่าคนนอกศาสนา

เพราะสามารถซ่อนความมีพิรุธไว้ได้แนบเนียนกว่า

ทั้งความระแวงระวังจะน้อยกว่าเพราะคนกันเองทั้งนั้น

เพียงแค่บิดเบือนพระวจนะไปนิดคนก็เข้าใจผิดได้แล้ว

 

#ตัวอย่างแรก

พระพุทธองค์ทรงใช้คำว่า “นิพพาน”

ในความหมายของ #การดับการเกิดดับของกิเลส

แต่พวกมารหรือผีโสโครกบิดเบือนคำว่านิพพานนี้

หมายถึง #จิตวิญญาณเมื่อตายแล้วหายสาบสูญ

คำว่า “หายสาบสูญ” คือ ตายแล้วไม่กลับมาเกิดอีก

เพราะชาวบ้านเชื่อตามคนที่พูดเนื่องจากน่าเชื่อถือ

ชาวบ้านมิได้ใช้หลักกาลามสูตรที่ตรัสสอนไว้เลย

เป็นการเชื่อตามการชักนำของกิเลสมิใช่สติปัญญา

อาการที่เรียกว่า “โง่ง่าย” เพราะ “งมงาย” จึงบังเกิด

แล้วเชื่อตามกันมาจนถึงทุกวันนี้อีกต่างหาก

 

ตัวชี้วัดว่าพวกท่านบางคนหลงทางนิพพานก็ตรงที่

ตั้งเข็มทิศว่าถ้าตายแล้วอยากจะไปเสพสุขบนสวรรค์

ลอยขึ้นไปติดค้างเสพสุขอยู่บนนั้นตราบชั่วนิรันดร

โดยยังไม่เคยพิสูจน์รู้เลยว่าอยู่บนนั้นสุขจริงหรือเปล่า

ทั้งยังไม่รู้ว่าสวรรค์มายานั้นไม่มีอยู่จริงมันเป็นแค่เงา

ที่ตนเนรมิตมันขึ้นมาเองตามความอยากและความเชื่อ

เพราะจิตติดกิเลสเมื่อถูกจูงใจให้อยากจนหลงตาม

 

อีกตัวชี้วัดหนึ่งซึ่งชี้ว่าหลงทางนิพพานแน่นอน

คือคำถามที่นิยมถามกันมาตลอดว่า

#นิพพานเป็นอัตตาหรืออนัตตา

#แดนนิพพานที่ว่านั้นมันอยู่ที่ไหน

#แดนนิพพานนั้นมันมีอยู่จริงหรือไม่

 

การถามหา “ตัวตน” กับถามหา “สถานที่”

การถามหาเพื่อตัดสินว่าจะเชื่อดีไม่เชื่อดีแบบนี้

แสดงว่าผู้ถามนั้นไม่ได้ถามหาสติปัญญาแต่อย่างใด

จะไม่นำพาจิตวิญญาณให้หลงมิติได้อย่างไรกัน

 

#ตัวอย่างที่สอง

พระเยซูทรงใช้คำว่า “สวรรค์นิรันดร”

พระองค์หมายถึง #พระนิเวศน์ที่ประทับของพระเจ้า

ทรงหมายถึงบ้านเกิดของจิตวิญญาณมนุษย์ทุกคน

ซึ่งเอกภพที่เป็นห้องทดลองของพระองค์นี้ดำรงอยู่

 

เอกภพหรืออนันตจักรวาลที่กว้างใหญ่ไพศาลนี้

ทรงสร้างขึ้นเพื่อทดลองว่าจะทรงทำอะไรได้บ้าง

เอกภพมีลักษณะเป็นดั่ง “ถุงไข่” ของแม่แมงมุม

ที่เป็นผู้ให้กำเนิดไข่ของตนขึ้นเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน

โดยใช้น้ำลายของตนถักทอถุงขึ้นมาหุ้มห่อไข่เอาไว้

แล้ววางถุงไข่ถุงนั้นเอาไว้บนอาณาจักรของตน

ซึ่งตนนั้นจะนอนนิ่งอยู่ตรงศูนย์กลางของใยแมงมุม

ที่ถูกถักทอขึ้นมาเป็นโครงข่ายสายใยขนาดใหญ่นั้น

โครงข่ายใยแมงมุมเป็นอาณาจักรของแมงมุมนั้นได้

เพราะแมงมุมจะสามารถรับรู้ทุกสิ่งบนโครงข่ายได้

โดยรับรู้จากแรงสั่นสะเทือนของสิ่งนั้นที่ตรงนั้นเสมอ

 

องค์จิตจักรวาลผู้ทรงเป็นจุดศูนย์กลางของจักรวาล

พระองค์ทรงเป็นพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งหรือพระเจ้า

ทรงรับรู้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นจริงภายในถุงไข่คือเอกภพนี้

ด้วยแรงสั่นสะเทือนของสรรพสิ่งที่ทรงสร้างไว้เช่นกัน

คุณสั่นสะเทือนมโนกรรมกายกรรมวจีกรรมทำอะไร

พระองค์จะทรงรับรู้ได้ทุกสิ่งตลอดทั้งวันคืน

ไม่มีลูกคนไหนหรือใครจะปิดบังซ่อนเร้นพระองค์ได้

 

เพียงแค่แมลงตัวน้อยนิด

บินมาเกาะติดอยู่ที่โครงข่ายใยแมงมุมนั้น

เมื่อมีการดิ้นรนสลัดตนให้หลุดออกจากอาณาจักร

แมงมุมเจ้าของอาณาจักรก็จะสามารถรับรู้ได้ทันที

ใครจะทำชั่วหรือทำดีไม่มีหรอกที่พระเจ้าจะไม่ทรงรู้

ใครไม่เข้าใจความจริงในเรื่องนี้มาก่อนก็รู้เอาไว้ด้วย

เพราะความจริงนี้พระบุตรเอกผู้เสด็จมาจากพระองค์

จึงทรงถวายพระเกียรติแก่พระองค์ว่า #พระผู้เป็นเจ้า

 

จงจำไว้ว่า

พวกคุณที่เป็นมนุษย์โลกนั้น

มีจิตวิญญาณผีโสโครกทำตัวเป็นศัตรูอยู่ในที่ลับ

จึงบิดเบือนคำว่า “สวรรค์นิรันดร” ที่พระเยซูตรัสไว้

ไปเรียกสวรรค์ที่หลอกให้พวกคุณเนรมิตกันขึ้นมาเอง

โดยให้เรียกว่า “สวรรค์” เหมือนกันเพื่อทำให้สับสน

 

ดังนั้น

สวรรค์มายาจึงเป็นสวรรค์ของผีโสโครก

ที่เป็นสวรรค์ขึ้นมาได้เพราะถูกพวกคุณเนรมิตขึ้น

ด้วยอำนาจของจิตใต้สามนึกที่พวกคุณล้วนมีอยู่แล้ว

เนรมิตไปตามพิมพ์เขียวที่เขียนเป็นภาพต้นแบบไว้

บนผนังของสถานที่ๆพวกคุณชอบไปกันเป็นประจำ

เมื่อคุณเห็นแล้วชอบเห็นซ้ำๆบ่อยๆจิตก็เลยบันทึกไว้

สวรรค์มายาจึงเป็นเหมือนกรงขังหรือคุกตาราง

ที่พวกผีโสโครกหลอกเอาจิตวิญญาณคุณไปขังไว้

โดยใช้กิเลสในจิตวิญญาณพวกคุณที่หลงมิติ

เป็นเครื่องคุมขังจิตวิญญาณพวกคุณเอาไว้

ถ้าตราบใดที่ยังกลัวทุกข์ยากไม่อยากเกิดเป็นมนุษย์

ตราบใดที่จิตใจนั้นยังติดสุขอยู่กับสวรรค์วิมานมายา

จิตวิญญาณพวกคุณก็จะถูกผีโสโครกหลอกไปขังไว้

โดยไม่ต้องพันธนาการพวกคุณด้วยโซ่ตรวนใดๆ

 

สวรรค์มายาพระบิดามิได้สร้างที่ว่านี้

มันจะถูกชำระทิ้งทั้งหมดในปฏิบัติการชำระโลกครั้งนี้

เพราะมันเป็นขยะที่รกโลกและรกจักรวาลมานานแล้ว

มันทำให้พวกคุณพาจิตวิญญาณกลับบ้านผิดที่

ทำให้จิตวิญญาณพวกคุณ “หนีพ่อไปหาผี” กันหมด

จึงต้องถูกชำระทิ้งด้วยปฏิบัติการทางเท็คนิกของช่าง

ชำระทิ้งหมดทั้งสวรรค์มายาทั้งผู้ชักพาและผู้หลงทาง

ให้เหลือแต่ความว่างเปล่าเอาไว้เท่านั้นเอง

 

ขณะนี้เรากลับมาช่วยชี้ทางให้ผู้หลงทางตาสว่าง

ซึ่งเป็นปฏิบัติการชำระโลกของพระบิดาในเบื้องต้น

ยังไม่ต้องมีผู้ใดถูกชำระทิ้งจนแตกสลายให้เสียหาย

ถ้ารูปธรรมนั้นเกิดสติทางวิญญาณได้ทันเวลา

 

แต่สวรรค์นิรันดรที่เป็นสวรรค์ของพระเจ้านั้น

เป็นสวรรค์ที่จะยังคงดำรงอยู่อีกตลอดไป

เพราะเป็นพระนิเวศน์ของพระองค์

และเป็นบ้านเกิดเมืองนอนที่แท้จริงของพวกคุณเอง

เพราะคำว่า “นิรันดร” นั้นหมายความว่าอะไรใครก็รู้

 

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ

#พระบุตรเอก

20/05/2567