09 พฤษภาคม 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 9/05/2024

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

หน้าที่ในการ “คน” ของพวกคุณมี 2 อย่าง

 

#อย่างแรก

คือ ต้องทำการคนภายในตนเองเพื่อเป็น #มนุษย์

คำว่า “มนุษย์” หมายถึง เป็นผู้ที่มีจิตใจสูง

 

คำว่าเป็นผู้ “มีจิตใจสูง” หมายถึง

 

1.#จิตหยาบ สามารถยกระดับแรงสั่นสะเทือน

ให้เป็นคลื่นความถี่ทางด้านบวกได้สูงสุด

ในระดับเดียวกันกับ #จิตวิญญาณ ของตนได้

โดยคลื่นความถี่ด้านบวกของจิตหยาบ

ที่จะเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณของตนได้

ก็คือ “คลื่นของความรักเพื่อให้” นั่นเอง

 

การรักเพื่อให้จะมีแรงสั่นสะเทือนเป็นบวก

จากน้อยกว่าไปหามากกว่าตามลำดับดังนี้ คือ

#อดทน #อดกลั้น และบวกสูงสุด คือ #ให้อภัย

สำหรับฆราวาสที่ยังใช้ชีวิตอยู่ในสังคมทั่วไป

 

ถ้าเป็นนักปฏิบัติจิตเพื่อจิตวิมุติด้วยการปลีกวิเวก

โดยใช้ชีวิตอยู่กับตนเองแต่เพียงลำพังเท่านั้น

จิตจะมีแรงสั่นสะเทือนเป็นบวกได้ตามลำดับคือ

#เมตตา #กรุณา #มุทิตา และสูงสุดคือ #อุเบกขา

ผู้ที่ปฏิบัติแนวทางนี้ส่วนมากจะเป็นนักพรตนักบวช

 

อย่างไรก็ตาม

ทั้งการให้อภัยคือไม่ถือสาหาความของฆราวาส

กับสภาวะจิตที่เป็นอุเบกขาของนักบวชในป่าดง

จะมีการสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ด้านบวกสูงสุด

อยู่ในระดับที่เท่ากันทั้งสองอย่างมิได้ต่างกันเลย

ซึ่งหมายถึงความสงบของจิตหยาบในปัจจุบันขณะ

อันเกิดจากการสั่นสะเทือนด้านบวกได้สูงสุด

จนเหมือนไม่มีการสั่นสะเทือนเลยนั่นเอง

 

ไม่ต่างจากเส้นลวดที่ขึงไว้จนตึงนั่นแหละ

เมื่อคุณดีดหรือทำให้มันสั่นสะเทือนขึ้นมาเมื่อไหร่

มายาที่เกิดขึ้นของเส้นลวดเส้นนั้นที่ปรากฏก็คือ

ถ้าขึงไว้ตึงมากก็จะเกิดเสียงสูงหรือเสียงแหลมมาก

แต่ถ้าคุณขึงหรือดึงเอาไว้ไม่ตึงมากสักเท่าไหร่

มายาที่เกิดขึ้นเป็นเสียงให้ได้ยินก็จะทุ้มหรือต่ำ

ซึ่งปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับสาย “กีตาร์”

 

แต่ถ้าเป็นเส้นลวดราวตากผ้าเส้นหนึ่ง

ที่ปลายลวดสองข้างถูกตรึงเอาไว้กับเสาสองต้นแล้ว

ถ้าคุณขึงไว้ไม่ตึงมากแล้วลองดีดดึงเส้นลวดนั้น

มายาที่ปรากฏให้เห็นก็คือเส้นลวดจะสั่นขึ้นๆลงๆ

แต่ถ้าคุณขึงไว้จนตึงมากเท่าไหร่เมื่อดีดดึงมันแล้ว

มายาที่ปรากฏคือเส้นลวดนั้นจะสั่นขึ้นๆลงๆถี่ขึ้น

ยิ่งถ้าขึงไว้ตึงแล้วดีดดึงแรงๆคุณจะไม่เห็นว่ามันสั่น

ต่อเมื่อแตะสัมผัสกับเส้นลวดนั้นจึงจะรู้ว่ามันสั่นอยู่

นี่คือความหมายของคำว่า “สั่นสะเทือนสูงสุด”

จนคุณมองไม่เห็นว่ามันกำลังสั่นสะเทือนอยู่นั่นเอง

 

2.การที่คุณสามารถใช้จิตวิญญาณผู้อาสามาเกิด

ทำการสั่นสะเทือนจิตสามนึกในการดำเนินชีวิตได้

เพราะจิตยาบของคุณกับจิตวิญญาณที่เป็นแก่นแท้

เข้าถึงการสั่นสะเทือนจนเป็นหนึ่งเดียวกันได้แล้ว

ด้วยการรักเพื่อให้ทั้งให้อภัยและหรือเป็นอุเบกขา

ซึ่งมีนัยความหมายในทางปฏิบัติเป็นแบบเดียวกัน

โดยจิตหยาบของคุณไม่มีที่ว่างเหลือให้กิเลสอีก

อาจกล่าวได้ว่านิพพานกิเลสได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว

 

3.จิตหยาบของคุณหมุนธรรมจักรภายในตนเอง

โดยใช้อายตนะภายนอกทั้งห้าร่วมกับจิตหยาบ

สร้างกระบวนการขันธ์ห้าตามที่พระบิดากำหนดไว้

ด้วยความรักเพื่อให้ดังกล่าวไว้แล้วในข้อ 1.นั้น

จนยกระดับจิตหยาบให้สั่นสะเทือนสูงขึ้นเรื่อยๆ

 

จากแรกเกิดที่จิตหยาบสั่นสะเทือนเป็นรูป 3 เหลี่ยม

หรืออาจกล่าวว่าจิตหยาบเข้าถึงสามมิติหรือ 3Dได้

เมื่อเรียนรู้ที่จะหมุนธรรมจักรภายในตนเองได้เรื่อยๆ

จำนวนเหลี่ยมมุมหรือมิติของจิตหยาบจะค่อยๆเพิ่ม

จากสามเหลี่ยมมุมก็จะเพิ่มเป็น 4D – 6D เรื่อยไป

เมื่อถึงมิติที่ 6 ก็จะมีจำนวนเหลี่ยมมุมเท่ากับแก่นแท้

โดยแรงสั่นสะเทือนของทั้งสองจิตจะเท่ากันพอดี

 

ดังนั้น

การหมุนธรรมจักรในตนเองของคุณ

นอกจากจะช่วยผลิตสร้างพลังงานด้านบวก

ช่วยค้ำจุนความสมดุลให้แก่ระบบโลกแล้ว

ตัวคุณยังได้สร้างความสมดุลให้กับตนเองไปด้วย

นั่นคือการคนตนเองในสองมิติให้เป็นหนึ่งเดียวกัน

ระหว่างจิตหยาบกับกายหยาบและจิตวิญญาณ

เพื่อทำให้ตนเองเป็น “มนุษย์” กับเขาคนหนึ่งได้

โดยคุณมีเวลาที่จะคนให้สำเร็จนานตั้ง 6 หมื่นปี

นานจนกว่าพวกคุณกับโลกจะสิ้นยุคพลังงานเก่า

ไม่ใช่มาเกิดได้ไม่กี่สิบปีจิตวิญญาณก็ต้องตายแล้ว

 

#อย่างที่สอง

เป็นการ “หมุนธรรมจักรร่วมกับคนอื่น”

ซึ่งอันที่จริงแล้วกระบวนการนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่

จิตวิญญาณคุณเพิ่งปฏิสนธิในครรภ์มารดาแล้ว

โดยมีจิตวิญญาณของคุณกับจิตของบิดามารดา

ได้ร่วมใจกันสั่นสะเทือนเป็นรักเพื่อให้กันตลอดมา

จนยังผลให้ทั้งสามรูปธรรมคือมารดาบิดาและบุตร

ทำให้พลังงานร่วมแห่งรักเพื่อให้นั้นศักดิ์สิทธิ์ขึ้นได้

นั่นคือ Σβx ═ 3x²(β₁+β₂+β₃+…+βx)

 

โดย Σβx คือ พลังงานรวมแห่งรักเพื่อให้ของ X คน

มีค่าเท่ากับ 3 เท่าของคน X คน ยกกำลังสอง

คูณด้วยผลรวมจากความรักของแต่ละคนรวมกัน

มีหน่วยพลังงานที่ได้จากสมการนี้เป็นเม็กกะเฮิร์ท

ซึ่งเป็นหน่วยวัดมาตรเดียวกันกับคลื่นแม่เหล็กโลก

โดยที่จิตหยาบของทารกในครรภ์มารดานั้น

สามารถยกระดับจากศูนย์จนถึงสามได้ตามสมการนี้

โดยใช้เวลาในการยกระดับอยู่ในครรภ์ราว 9 เดือน

 

เมื่อทารกคลอดออกมาเพื่อลืมตาดูโลก

นอกจากมารดาบิดาและตัวเด็กเองแล้ว

คนรอบข้างคนอื่นๆก็มีส่วนร่วมในสมการ Σβₓ ด้วย

โดยจะหยิบยื่นความรักความเมตตาให้แก่ทารกนั้น

เมื่อได้เห็นหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูของทารกน้อย

จนกระทั่งเติบโตขึ้นเป็นกุมารน้อย

พัฒนาการทางกายภาพจะเป็นมายาในมิติคู่ขนาน

ที่เกิดจากพัฒนาการของจิตหยาบของเด็กนั่นเอง

 

ถ้าตัว X ที่เป็นตัวแปร

มีค่ามากเท่าไหร่เด็กน้อยคนนั้นก็จะได้ประโยชน์

คือจะเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายโตวัยและฉลาดมากขึ้น

เพราะมีคนรอบข้างรุมหยิบยื่นความรักไปให้

เป็นความรักที่ไม่หวังอะไรตอบแทนเลย

นอกจากขอหอมแก้มทีหนึ่งหรือขออุ้มหน่อยนะ

 

น่าเศร้าใจไหม

ที่พวกคุณถูกคนนำทางตาบอดชรา

ซึ่งทำหน้าที่เป็นกรรมกรแสงของพวกผีโสโครก

ที่มีแต่จิตวิญญาณไม่มีตัวตนหรือกายหยาบ

ช่วยกันบิดเบือนพระวจนะของพระพุทธเจ้า

ที่ทรงตรัสรู้เรื่องธรรมจักรอันสำคัญนี้เอาไว้

แต่ดันอธิบายเฉไฉไปเป็นเรื่องอริยสัจสี่แทนเสียนี่

 

เพราะเหตุนี้แหละ

โลกจึงเสียสมดุลเพราะหมุนรอบตัวเองช้าลง

แกนหมุนของโลกจึงเอียงมากขึ้นเรื่อยๆ

ภัยธรรมชาติจึงเกิดขึ้นมากมายอยู่ทุกวัน

นับวันจะรุนแรงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

 

ที่เรากล่าวมานี้เป็นความจริง

หากยังโง่ง่ายกันต่อไป

จิตวิญญาณพวกคุณจะไม่มีใครหลุดพ้นได้เลย

เพราะถูกหลอกไปขังอยู่บนสวรรค์มายากันหมด

ไม่ก็ตกนรกหมกไหม้ ไม่ก็ติดอยู่ในสังสารวัฏ

พวกคุณว่าเรื่องนี้เป็นใหญ่มั้ยล่ะเนี่ย?

 

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

9/05/2567