#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
หน้าที่ในการ “คน”
ของพวกคุณมี 2 อย่าง
คือ
ต้องทำการคนภายในตนเองเพื่อเป็น #มนุษย์
คำว่า “มนุษย์”
หมายถึง เป็นผู้ที่มีจิตใจสูง
คำว่าเป็นผู้
“มีจิตใจสูง” หมายถึง
1.#จิตหยาบ สามารถยกระดับแรงสั่นสะเทือน
ให้เป็นคลื่นความถี่ทางด้านบวกได้สูงสุด
ในระดับเดียวกันกับ #จิตวิญญาณ ของตนได้
โดยคลื่นความถี่ด้านบวกของจิตหยาบ
ที่จะเป็นหนึ่งเดียวกันกับจิตวิญญาณของตนได้
ก็คือ
“คลื่นของความรักเพื่อให้” นั่นเอง
การรักเพื่อให้จะมีแรงสั่นสะเทือนเป็นบวก
จากน้อยกว่าไปหามากกว่าตามลำดับดังนี้
คือ
#อดทน #อดกลั้น และบวกสูงสุด คือ #ให้อภัย
สำหรับฆราวาสที่ยังใช้ชีวิตอยู่ในสังคมทั่วไป
ถ้าเป็นนักปฏิบัติจิตเพื่อจิตวิมุติด้วยการปลีกวิเวก
โดยใช้ชีวิตอยู่กับตนเองแต่เพียงลำพังเท่านั้น
จิตจะมีแรงสั่นสะเทือนเป็นบวกได้ตามลำดับคือ
#เมตตา #กรุณา #มุทิตา และสูงสุดคือ #อุเบกขา
ผู้ที่ปฏิบัติแนวทางนี้ส่วนมากจะเป็นนักพรตนักบวช
อย่างไรก็ตาม
ทั้งการให้อภัยคือไม่ถือสาหาความของฆราวาส
กับสภาวะจิตที่เป็นอุเบกขาของนักบวชในป่าดง
จะมีการสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ด้านบวกสูงสุด
อยู่ในระดับที่เท่ากันทั้งสองอย่างมิได้ต่างกันเลย
ซึ่งหมายถึงความสงบของจิตหยาบในปัจจุบันขณะ
อันเกิดจากการสั่นสะเทือนด้านบวกได้สูงสุด
จนเหมือนไม่มีการสั่นสะเทือนเลยนั่นเอง
ไม่ต่างจากเส้นลวดที่ขึงไว้จนตึงนั่นแหละ
เมื่อคุณดีดหรือทำให้มันสั่นสะเทือนขึ้นมาเมื่อไหร่
มายาที่เกิดขึ้นของเส้นลวดเส้นนั้นที่ปรากฏก็คือ
ถ้าขึงไว้ตึงมากก็จะเกิดเสียงสูงหรือเสียงแหลมมาก
แต่ถ้าคุณขึงหรือดึงเอาไว้ไม่ตึงมากสักเท่าไหร่
มายาที่เกิดขึ้นเป็นเสียงให้ได้ยินก็จะทุ้มหรือต่ำ
ซึ่งปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับสาย
“กีตาร์”
แต่ถ้าเป็นเส้นลวดราวตากผ้าเส้นหนึ่ง
ที่ปลายลวดสองข้างถูกตรึงเอาไว้กับเสาสองต้นแล้ว
ถ้าคุณขึงไว้ไม่ตึงมากแล้วลองดีดดึงเส้นลวดนั้น
มายาที่ปรากฏให้เห็นก็คือเส้นลวดจะสั่นขึ้นๆลงๆ
แต่ถ้าคุณขึงไว้จนตึงมากเท่าไหร่เมื่อดีดดึงมันแล้ว
มายาที่ปรากฏคือเส้นลวดนั้นจะสั่นขึ้นๆลงๆถี่ขึ้น
ยิ่งถ้าขึงไว้ตึงแล้วดีดดึงแรงๆคุณจะไม่เห็นว่ามันสั่น
ต่อเมื่อแตะสัมผัสกับเส้นลวดนั้นจึงจะรู้ว่ามันสั่นอยู่
นี่คือความหมายของคำว่า
“สั่นสะเทือนสูงสุด”
จนคุณมองไม่เห็นว่ามันกำลังสั่นสะเทือนอยู่นั่นเอง
2.การที่คุณสามารถใช้จิตวิญญาณผู้อาสามาเกิด
ทำการสั่นสะเทือนจิตสามนึกในการดำเนินชีวิตได้
เพราะจิตยาบของคุณกับจิตวิญญาณที่เป็นแก่นแท้
เข้าถึงการสั่นสะเทือนจนเป็นหนึ่งเดียวกันได้แล้ว
ด้วยการรักเพื่อให้ทั้งให้อภัยและหรือเป็นอุเบกขา
ซึ่งมีนัยความหมายในทางปฏิบัติเป็นแบบเดียวกัน
โดยจิตหยาบของคุณไม่มีที่ว่างเหลือให้กิเลสอีก
อาจกล่าวได้ว่านิพพานกิเลสได้อย่างสิ้นเชิงแล้ว
3.จิตหยาบของคุณหมุนธรรมจักรภายในตนเอง
โดยใช้อายตนะภายนอกทั้งห้าร่วมกับจิตหยาบ
สร้างกระบวนการขันธ์ห้าตามที่พระบิดากำหนดไว้
ด้วยความรักเพื่อให้ดังกล่าวไว้แล้วในข้อ
1.นั้น
จนยกระดับจิตหยาบให้สั่นสะเทือนสูงขึ้นเรื่อยๆ
จากแรกเกิดที่จิตหยาบสั่นสะเทือนเป็นรูป
3 เหลี่ยม
หรืออาจกล่าวว่าจิตหยาบเข้าถึงสามมิติหรือ
3Dได้
เมื่อเรียนรู้ที่จะหมุนธรรมจักรภายในตนเองได้เรื่อยๆ
จำนวนเหลี่ยมมุมหรือมิติของจิตหยาบจะค่อยๆเพิ่ม
จากสามเหลี่ยมมุมก็จะเพิ่มเป็น
4D – 6D เรื่อยไป
เมื่อถึงมิติที่ 6 ก็จะมีจำนวนเหลี่ยมมุมเท่ากับแก่นแท้
โดยแรงสั่นสะเทือนของทั้งสองจิตจะเท่ากันพอดี
ดังนั้น
การหมุนธรรมจักรในตนเองของคุณ
นอกจากจะช่วยผลิตสร้างพลังงานด้านบวก
ช่วยค้ำจุนความสมดุลให้แก่ระบบโลกแล้ว
ตัวคุณยังได้สร้างความสมดุลให้กับตนเองไปด้วย
นั่นคือการคนตนเองในสองมิติให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
ระหว่างจิตหยาบกับกายหยาบและจิตวิญญาณ
เพื่อทำให้ตนเองเป็น
“มนุษย์” กับเขาคนหนึ่งได้
โดยคุณมีเวลาที่จะคนให้สำเร็จนานตั้ง
6 หมื่นปี
นานจนกว่าพวกคุณกับโลกจะสิ้นยุคพลังงานเก่า
ไม่ใช่มาเกิดได้ไม่กี่สิบปีจิตวิญญาณก็ต้องตายแล้ว
เป็นการ
“หมุนธรรมจักรร่วมกับคนอื่น”
ซึ่งอันที่จริงแล้วกระบวนการนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่
จิตวิญญาณคุณเพิ่งปฏิสนธิในครรภ์มารดาแล้ว
โดยมีจิตวิญญาณของคุณกับจิตของบิดามารดา
ได้ร่วมใจกันสั่นสะเทือนเป็นรักเพื่อให้กันตลอดมา
จนยังผลให้ทั้งสามรูปธรรมคือมารดาบิดาและบุตร
ทำให้พลังงานร่วมแห่งรักเพื่อให้นั้นศักดิ์สิทธิ์ขึ้นได้
นั่นคือ Σβx ═ 3x²(β₁+β₂+β₃+…+βx)
โดย Σβx คือ
พลังงานรวมแห่งรักเพื่อให้ของ X คน
มีค่าเท่ากับ 3 เท่าของคน
X คน ยกกำลังสอง
คูณด้วยผลรวมจากความรักของแต่ละคนรวมกัน
มีหน่วยพลังงานที่ได้จากสมการนี้เป็นเม็กกะเฮิร์ท
ซึ่งเป็นหน่วยวัดมาตรเดียวกันกับคลื่นแม่เหล็กโลก
โดยที่จิตหยาบของทารกในครรภ์มารดานั้น
สามารถยกระดับจากศูนย์จนถึงสามได้ตามสมการนี้
โดยใช้เวลาในการยกระดับอยู่ในครรภ์ราว
9 เดือน
เมื่อทารกคลอดออกมาเพื่อลืมตาดูโลก
นอกจากมารดาบิดาและตัวเด็กเองแล้ว
คนรอบข้างคนอื่นๆก็มีส่วนร่วมในสมการ
Σβₓ ด้วย
โดยจะหยิบยื่นความรักความเมตตาให้แก่ทารกนั้น
เมื่อได้เห็นหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูของทารกน้อย
จนกระทั่งเติบโตขึ้นเป็นกุมารน้อย
พัฒนาการทางกายภาพจะเป็นมายาในมิติคู่ขนาน
ที่เกิดจากพัฒนาการของจิตหยาบของเด็กนั่นเอง
ถ้าตัว X ที่เป็นตัวแปร
มีค่ามากเท่าไหร่เด็กน้อยคนนั้นก็จะได้ประโยชน์
คือจะเป็นเด็กที่เลี้ยงง่ายโตวัยและฉลาดมากขึ้น
เพราะมีคนรอบข้างรุมหยิบยื่นความรักไปให้
เป็นความรักที่ไม่หวังอะไรตอบแทนเลย
นอกจากขอหอมแก้มทีหนึ่งหรือขออุ้มหน่อยนะ
น่าเศร้าใจไหม
ที่พวกคุณถูกคนนำทางตาบอดชรา
ซึ่งทำหน้าที่เป็นกรรมกรแสงของพวกผีโสโครก
ที่มีแต่จิตวิญญาณไม่มีตัวตนหรือกายหยาบ
ช่วยกันบิดเบือนพระวจนะของพระพุทธเจ้า
ที่ทรงตรัสรู้เรื่องธรรมจักรอันสำคัญนี้เอาไว้
แต่ดันอธิบายเฉไฉไปเป็นเรื่องอริยสัจสี่แทนเสียนี่
เพราะเหตุนี้แหละ
โลกจึงเสียสมดุลเพราะหมุนรอบตัวเองช้าลง
แกนหมุนของโลกจึงเอียงมากขึ้นเรื่อยๆ
ภัยธรรมชาติจึงเกิดขึ้นมากมายอยู่ทุกวัน
นับวันจะรุนแรงมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
ที่เรากล่าวมานี้เป็นความจริง
หากยังโง่ง่ายกันต่อไป
จิตวิญญาณพวกคุณจะไม่มีใครหลุดพ้นได้เลย
เพราะถูกหลอกไปขังอยู่บนสวรรค์มายากันหมด
ไม่ก็ตกนรกหมกไหม้
ไม่ก็ติดอยู่ในสังสารวัฏ
พวกคุณว่าเรื่องนี้เป็นใหญ่มั้ยล่ะเนี่ย?
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
9/05/2567