15 พฤษภาคม 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 15/05/2024

 พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราได้กล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายมาแล้วว่า

 

สวรรค์มายาเป็นภพภูมิที่ไม่มีอยู่จริง

พระบิดาแห่งจิตวิญญาณมิได้ทรงสร้างไว้

โดยไม่รู้ว่าจะสร้างทำไมให้รกจักรวาลของพระองค์

เพราะจิตวิญญาณพวกท่านอาสามาเกิดเป็นมนุษย์

ไม่ได้มีหน้าที่มาเกิดเพื่อเป็น “เทพไท-เทวดา”

ที่จะต้องสร้างสถานที่อยู่หรือภพภูมิเอาไว้ให้

 

สวรรค์มายานี้ผีโสโครกหลอกตามสันดานของผี

ให้พี่ๆน้องๆอย่างพวกท่านเชื่อว่าสวรรค์มายามีจริง

โดยสร้างแรงจูงใจด้วยภาพเขียนตามฝาผนังให้เห็น

ว่าเมืองสวรรค์เป็นอย่างไรเทพเทวดาหน้าตาเป็นไง

อยู่บนนั้นใช้ชีวิตกันอย่างสุขสบายแบบไหนอย่างไร

เมื่อพวกท่านรู้เห็นเป็นประจำจึงถูกฝังลงในสัญญา

ในลักษณะของการจำได้หมายรู้อยู่ในสัญญาขันธ์

 

คนชอบธรรมคือคนที่ชอบไปวัดเป็นประจำ

เป็นพวกถือศีลลดการทำบาปทำกรรมกันน้อยลง

นักบวชเล่าตำนานสวรรค์มายาให้ฟังทุกครั้งที่ไป

นักบวชพร่ำสอนว่าเกิดแก่เจ็บตายเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

จึงถูกจูงใจให้ทิ้งโลกหนีทุกข์ไปเสพสุขอยู่บนนั้น

เมื่อตายแล้วจิตวิญญาณจึงเบากว่าคนบาปทั่วไป

จนลอยขึ้นไปค้างอยู่ในอวกาศเหมือนมวลเมฆที่เห็น

ก้อนที่เบาก็จะลอยได้สูงหน่อยก้อนที่หนักจะลอยต่ำ

จิตวิญญาณพวกท่านจะตกอยู่ในสภาพที่ว่านี้

 

ส่วนวิมานเมืองแก้วรวมทั้งตัวตนรูปลักษณ์ของตนนั้น

จิตวิญญาณที่หลงมิติของท่านจะเนรมิตกันขึ้นมาเอง

ตามภาพต้นแบบที่ถูกบันทึกไว้ในสัญญาขันธ์นั่นแหละ

ที่ถูกบันทึกเอาไว้ก็เพราะว่าท่านประทับใจมันนั่นเอง

เมื่อภาพต้นแบบของพวกท่านเห็นมาจากที่วัดเช่นกัน

ฟังมาจากนักบวชนักเทศน์เล่าให้ฟังเป็นแบบเดียวกัน

สวรรค์มายาของพวกท่านจึงเหมือนกันยังกับแกะ

 

ท่านเห็นหรือไม่ว่าเทพเทวดาของชาวพุทธ

ทั้งเทพบุตรเทพธิดาหรือว่านางฟ้าทั้งหลายนั้น

จะแต่งองค์ทรงเครื่องหรูหรางามสง่าอลังการณ์

เหมือนการแต่งตัวของลิเกไม่มีผิดเพี้ยนเท่าใดนัก

แถมยังมีชฎายอดแหลมๆสวมใส่ไว้บนศีรษะด้วย

ถ้าได้เกิดเป็นเทพเทวดาที่ลอยขึ้นไปอยู่บนชั้นสูงๆ

พวกนี้จะเหาะเหินได้แม้จะไม่มีปีกให้บินก็ตาม

ส่วนเทวดากับนางฟ้าของฝรั่งจะบินได้เพราะมีปีก

บนศีรษะไม่สวมชฎาเหมือนเทพเทวดาของพุทธ

 

เราจะบอกความจริงให้พวกท่านรู้เพิ่มเติมว่า

เพราะจิตวิญญาณผีโสโครกทั้งหลายหรือมารนั้น

เป็นจิตวิญญาณของผู้ที่มีกายคล้ายมนุษย์แต่มีปีก

เป็นผู้ที่มีสมองก้อนเดียวเหมือนกับสัตว์ประจำโลก

ที่สำคัญคือพวกนี้มีแต่เพศชายไม่มีเพศหญิงเลย

เพราะเป็นรูปธรรมขั้นทดลองก่อนจะสร้างมนุษย์

ปัญหาพวกเขาเผ่าดาวนี้คือมีความใคร่แต่ไร้คู่

จึงต้องโบยบินร่อนไปในจักรวาลเพื่อหาคู่บำบัดใคร่

ในที่สุดก็มาถึงดาวโลกดวงนี้ที่มีอีวาสวยๆดำรงอยู่

 

การผสมข้ามสายพันธุ์แห่งเผ่าดาวจึงเกิดขึ้น

ซึ่งเป็นการทำผิดกฎสากลจักรวาลของพระเจ้า

เพราะมนุษย์เพศหญิงเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมากับพวกนี้

ลูกที่ออกมาจิตวิญญาณจะเป็นของพวกนี้ทั้งสิ้น

เพราะจิตวิญญาณมนุษย์เข้าไปเกิดด้วยไม่ได้

นี่คือปัญหาใหญ่ของโลกที่เกิดขึ้นในยุคนั้น

จึงเป็นที่มาของการชำระโลกครั้งใหญ่ในยุคโนอาห์

เหตุที่ต้องใช้น้ำมากเพราะพวกนี้ร่างสูงเหมือนยักษ์

 

เมื่อพวกนี้จมน้ำตายกันหมดแล้ว

จิตวิญญาณพวกเขาแม้จะมาจากพระบิดาเหมือนกัน

แต่แรกที่จะไปเกิดเป็นคนที่มีปีกบินได้บนดาวดวงนั้น

มิได้ถือพันธะสัญญามาว่าจะต้องตายเพื่อกลับบ้าน

เขาจึงไม่มีหน้าที่ต้องตายเหมือนพวกท่านนี่แหละ

เมื่อตายแล้วพวกเขาจึงกลับบ้านไม่ได้มาจนทุกวันนี้

ต้องกลายเป็นจิตวิญญาณเร่ร่อนพเนจรดั่งลูกกำพร้า

จึงไม่พอใจมนุษย์อย่างพวกท่านและอิจฉาท่านด้วย

เลยทำตัวเป็นมารทำตนเป็นศัตรูคอยหลอกลวงตลอด

ที่สำคัญคือจิตวิญญาณเดิมมี 6 มิติ คือ 6 เหลี่ยมมุม

ถูกหักไปหนึ่งมุมจนเหลือแค่ 5 เหลี่ยมมุมหรือ 5 มิติ

จากการใช้พลังฤทธิ์ของจิตวิญญาณไปมากนี่แหละ

 

ปฏิบัติการใช้มนุษย์เป็น “กรรมกรแสง”

จึงเริ่มต้นขึ้นมาหลังยุคโนอาห์ผ่านมาแต่บัดนั้น

เพื่อหวังให้รูปธรรมมนุษย์อย่างพวกท่านทุกคน

ช่วยผลิตพลังงานจิตด้านบวกเติมเต็มให้พวกเขา

แทนที่จะผลิตสร้างให้กับโลกและทุกสรรพสิ่ง

ตามพระประสงค์ของพระผู้สร้างหรือพระเจ้า

โดยหลอกให้หันไปทำเพื่อพวกเขาแทนนั่นเอง

 

วิธีการเป็นกรรมกรแสงแบบง่ายๆก็คือ

ขณะยังเป็นมนุษย์อยู่บนโลกพวกท่านจะถูกจูงใจ

ให้เลียนแบบบริบทของนักรบแห่งแสงสว่าง

ทั้งๆที่พวกท่านเกิดมาเป็นนักสู้เพื่อการรู้แจ้ง

พฤติกรรมที่ผิดธรรมชาติของพวกท่านจึงเกิดขึ้น

อย่างที่เราเรียกว่าเกิดอาการ “เดินถ่างขา”

ด้วยการถูกจูงให้ปลีกวิเวกปลีกตัวไปจากสังคม

กับจูงให้ชอบนั่งกรรมฐานสมาธิเลียนแบบนักพรต

โดยชวนให้เชื่อว่าเป็นวิธีการปฏิบัติธรรมต้นแบบ

ที่พระศาสดาทรงกำหนดไว้ให้ซึ่งเป็นความเท็จ

 

ในการปฏิบัติกรรมฐานสมาธินั้น

พวกนี้จะให้คนนำทางตาบอดสอดไส้แฝงนัยไว้ว่า

ถ้าทำเมื่อไหร่นอกจากท่านเองจะได้บุญกุศลแล้ว

ก็สอนให้แผ่เมตตาออกไปให้แก่เจ้ากรรมนายเวร

หรือจะมอบให้ใครต่อใครตามแต่จะตั้งสัจจะไว้ก็ได้

แล้วปิดท้ายด้วยการเผื่อแผ่ให้เวไนยสัตว์ทั้งหลาย

ที่ไม่มีกายหยาบซึ่งชาร์จพลังงานให้ตนเองไม่ได้

เพื่อให้พวกตนได้รับส่วนแบ่งนั้นกันกับเขาด้วย

 

จนปัจจุบันพวกท่านจะแลเห็นกันได้ว่า

การสร้างสถานปฏิบัติธรรมเกิดขึ้นใหม่มากมาย

จะเน้นแต่เรื่องกรรมฐานสมาธิกันเป็นหลัก

ซึ่งเป็นปฏิบัติการเชิงรุกของพวกเขาล่ะ

เพราะพวกเขากำลังกระหายพลังเป็นอย่างมาก

จึงต้องการเพิ่มจำนวนกรรมกรแสงให้มากขึ้น

เหมือนการเพิ่มแผงโซล่าเซลล์เพื่อเพิ่มพลังไฟ

เมื่อต้องการใช้พลังงานเพิ่มมากขึ้นนั่นแหละ

 

ความมีพิรุธของพวกเขาเหล่านี้

อยู่ตรงที่ว่า #ไม่หยิบปัญญามานิพพาน

แต่กลับหยิบเอา #กรรมฐาน มาจูงใจพวกคุณ

โดยละทิ้งคำว่า #พุทธะ ที่แปลว่าปัญญาทิ้งไป

แล้วให้ฝักใฝ่มหัศจรรย์จากกรรมฐานสมาธิแทน

ผิดหัวผิดตัวแบบหัวมังกุดท้ายมังกรเช่นนี้

ท่านว่ามันมีพิรุธไหมล่ะท่าน

 

ตอนนี้พวกท่านพอรู้ทันกันบ้างหรือยังล่ะว่า

ทำไมพระศาสดาจึงทรงดับขันธปรินิพพานจากโลก

ตอนที่ทรงเป็นมนุษย์ขณะมีพระชนมชีพอยู่บนโลก

ทรงหลุดพ้นออกไปจากเอกภพกลับคืนสู่แดนสุญตา

โดยมิได้เสด็จผ่านไปทางสวรรค์มายาในชั้นต่างๆ

ตามความเชื่อในทางศาสนาที่ผิดเพี้ยนแต่อย่างใด

ทรงบรรลุธรรมขั้นสูงสุดด้วยมรรคผลนิพพาน

ขณะที่ทรงดำรงตนเป็นมนุษย์อยู่บนโลกนี่แหละ

ไม่เห็นจะต้องผ่านโสดาบัน สกิทาคามี อนาคามี

จนถึงพระอรหันต์ขณะเป็นจิตวิญญาณบนสวรรค์เลย

ที่ปรินิพพานเมื่อตอนที่พระองค์ทรงเป็นมนุษย์

ก็เพราะว่าภพชาติแรกทรงอาสามาจุติเพื่อเป็นมนุษย์

เมื่อจะหลุดพ้นกลับบ้านที่จิตวิญญาณพระองค์จากมา

จึงต้องปรินิพพานตอนที่ทรงเป็นมนุษย์เท่านั้น

โดยเป็นไปตามกฎการแกว่งแขนของตุ้มนาฬิกา

ซึ่งเป็นเส้นทางที่ถูกต้องและลัดตรงเป็นที่สุดแล้ว

 

เราบอกให้พวกท่านรู้ในเรื่องผีโสโครกนี้

เพื่อจะแสดงความจริงที่ท่านยังไม่รู้ว่าไม่รู้ให้ได้รู้

โดยมิได้มีเจตนาอคติด้วยจิตอกุศลแต่อย่างใด

ถ้าเราไม่กลับมาบอกกล่าวความจริงนี้แล้ว

ใครเล่าจะมากล่าวความจริงให้พวกท่านรู้ได้

พวกท่านจะได้มีแสงสว่างให้ใช้ในการเดินทาง

เพื่อกลับบ้านสู่พระนิเวศน์ที่เป็นสวรรค์นิรันดร

โดยไม่ต้องเดินสะเปะสะปะในความมืดกันต่อไป

 

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ

#พระบุตรเอก

15/05/2567