05 พฤษภาคม 2565

ตอบคำถาม Pun Punna 5/05/2022

1.ถ้าจิตวิญญาณที่อยู่ในเมอคาบา
คือตัวตนที่แท้จริงของเรา แปลว่า
จริงๆแล้ว เรามีตัวตนใช่ไหมคะ
 
2.เพราะสับสนกับที่ทางพุทธ สอนว่า
"อย่าหลงผิดยึดมั่นถือมั่นว่ามีตัวตนของเรา"
หรือ "ให้ละอุปาทานในขันธ์ 5"
เพราะตัวเราแค่เป็นธาตุดินน้ำลมไฟอากาศมารวมกัน
เมื่อตายดินน้ำลมไฟอากาศก็แยกกลับคืนสู่ธรรมชาติ
คือ เราเป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน
 
ซึ่งตรงนี้หนูก็รู้สึกขัดแย้งตรงที่
หนูมีความรู้สึกว่ามีตัวตนข้างในอยู่ตลอดเวลา
อยากขอความกรุณาให้ท่านอ.ช่วยอธิบายตรงนี้ว่า
หนูเข้าใจถูกผิดอย่างไรคะ
 
Answer:
1.ท่านเข้าใจถูกต้องแล้วว่า
#จิตวิญญาณ ผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของมนุษย์ทุกคน
เป็นรูปธรรมทางพลังงานที่มีคุณสมบัติเป็น "อนัตตา"
คือสั่นสะเทือนภายในเป็นคลื่นความถี่หลายย่านความถี่
ซึ่งลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่ข้างในรูปธรรมนั้น
จนเกิดเป็นรูปทรงเรขาคณิต 6 เหลี่ยมมุมขึ้น
โดยจะเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองอย่างต่อเนื่องไม่หยุดนิ่ง
ซึ่ง "คุณสมบัติ" ของจิตวิญญาณที่เรากล่าวให้รู้นี้
คือคุณสมบัติของจิตวิญญาณที่เป็น #อนัตตา นั่นเอง
 
แต่เนื่องจากว่า
จิตวิญญาณแก่นแท้ของมนุษย์
หรือที่เป็นรูปธรรมใดรูปลักษณ์ใดในมิติใดก็ตาม
ต่างล้วนเป็น #สรรพสิ่งหนึ่ง ซึ่งพระบิดา
คือองค์จิตจักรวาลทรงเป็นผู้สร้างขึ้นมาทั้งสิ้น
ด้วยเหตุนี้เอง "สิ่งที่ถูกสร้างขึ้น" จักต้องมีตัวตนเสมอ
หากไม่มี #ตัวตน อยู่จริงจะต้องไม่มีสิ่งใดถูกสร้างขึ้น
 
ดังนั้น
ทุกสรรพสิ่งที่ทรงกำหนดสร้างขึ้น
ไม่ว่าจะอยู่ในมิติทางพลังงานหรือมิติทางกายภาพ
หรือเป็นสรรพสิ่งที่อยู่ในสองมิติในเวลาเดียวกัน
ย่อมต้องมีตัวตนที่พวกท่านเรียกว่า "อัตตา" ทั้งสิ้น
 
เราจึงขอกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า
สรรพสิ่งใดก็ตามแม้มีคุณสมบัติเป็นอนัตตา
สรรพสิ่งนั้นก็มีอัตตาตัวตนมายารูปลักษณ์ทั้งสิ้น
 
"อัตตาตัวตน" เป็นเครื่องชี้ว่ามีสิ่งนั้นอยู่จริงในจักรวาล
"มายารูปลักษณ์" เป็นเครื่องกำหนดคุณสมบัติของสิ่งนั้น
ซึ่งมายารูปลักษณ์เป็นสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงไปได้เรื่อยๆ
เพราะมันเป็น "เงา" ของตัวตนแก่นแท้ที่อยู่ข้างในนั่นเอง
เมื่อเงามายาของสิ่งนั้นเปลี่ยนแปลงได้ไม่คงรูปไม่คงที่
สรรพสิ่งที่เป็นเงามายานั้นจึงมีคุณสมบัติเป็น "อนัตตา"
 
ตัวอย่างเช่น
เมื่อท่านกำหมัดแล้วชูขึ้นต่อพระพักตร์พระสุริยะเทพ
เงาของมือของท่านก็จะเป็นรูปลักษณ์ที่กำหมัดอยู่
แต่เมื่อใดที่ท่าน "แบมือ" เงามายาแต่เดิมก็จะเปลี่ยนไป
ถ้ามือคือตัวตนที่แท้จริงแล้วมือเท่านั้นที่สร้างเงาได้
และมายารูปลักษณ์ของเงาก็จะเปลี่ยนถ้ามือเปลี่ยนท่า
"เงามายา" ที่เกิดขึ้นจากทุุกสิ่งจึงเป็นอนัตตาทั้งสิ้น
 
นี่จึงเป็นคำตอบว่า
จิตวิญญาณเป็นตัวตนแก่นแท้
เป็นตัวตนที่แท้จริงมีตัวตนจริงอย่างที่ท่านเข้าใจ
 
2.ท่านถามเรามาอีกว่า...
ท่านสับสนกับที่ทางพุทธ สอนว่า
"อย่าหลงผิดยึดมั่นถือมั่นว่ามีตัวตนของเรา"
หรือ "ให้ละอุปาทานในขันธ์ 5" เพราะตัวเรา
แค่เป็นธาตุดินน้ำลมไฟอากาศมารวมกัน
เมื่อตายดินน้ำลมไฟอากาศก็แยกกลับคืนสู่ธรรมชาติ
คือ เราเป็นอนัตตา ไม่มีตัวตน
 
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านและนักเรียนคนอื่นๆว่า
นี่เป็นตัวอย่างหนึ่งซึ่ง #คนนำทางของศาสนาตาบอด
จึงให้คำอธิบายขยายความที่ผิดพลาดคือไม่ถูกต้อง
จนยังผลให้พระวจนะของพระศาสดาถูกบิดเบือนไป
ดังตัวอย่างที่ท่านผู้นี้ถามเรามา
 
สิ่งที่เป็นเหตุให้บิดเบือนคำสอนของพระพุทธองค์
ก็ตรงที่ผู้สอนไม่เข้าใจความหมายของคำสองคำ
คือ อัตตา กับ อนัตตา แล้วให้คำอธิบายผิดพลาด
จนทำให้ท่านผู้นี้เข้าใจผิดและเกิดความสับสน
 
ดังนั้น
เราจึงได้อธิบายความหมายของทั้งสองคำนี้
เอาไว้ในคำตอบที่ (1) แล้ว
ขอให้พวกท่านย้อนกลับขึ้นไปอ่านอีกครั้งนะ
 
สิ่งที่คนนำทางของศาสนาที่ตาบอดสอนท่าน
เป็นเพราะเขาไปเข้าใจว่า "อัตตา" แปลว่ามีตัวตน
ซึ่งก็พอที่จะทนรับฟังกันได้อยู่บ้างหรอกนะ
แต่ยอมรับไม่ได้ก็ตรงที่แปล "อนัตตา" ว่าไม่มีตัวตน
เพราะคำว่าอนัตตามันเป็น #คุณสมบัติของสรรพสิ่ง
ไม่ต่างจากการมองว่าคนที่มีชีวิตอยู่แสดงว่ามีอัตตาอยู่
แต่พอคนนั้นตายแล้วนำไปเผาก็ว่าเขาเป็นอนัตตาแล้ว
อันหมายถึง "ไม่มีตัวตนแล้ว"
 
คนนำทางตาบอดก็ตรงที่สรุปกันแบบนี้
ทั้งๆที่กายสังขารมันเป็นมายาของจิตวิญญาณ
ซึ่งเป็นตัวตนแก่นแท้ที่เร้นอยู่ข้างใน
จะรูปสวยรูปงามจะขี้เหร่มากน้อยอย่างไร
ล้วนเป็นมายาอันเกิดจากการปรุงแต่งของแก่นแท้
มนุษย์แต่ละคนจึงมีตัวตนรูปลักษณ์แตกต่างกัน
 
พอให้คำสอนคำอธิบายที่ผิดบิดเบือนไป
ย่อมนำความสับสนสงสัยให้แก่ผู้ทรงภูมิปัญญา
ซึ่งปัญหาเหล่านี้เองที่บวชนานแล้วนิพพานไม่ได้
ทำให้เกิดความเสื่อมของพระวจนะมาตลอด
แต่สาเหตุสำคัญก็คือความบิดเบือนที่เกิดขึ้น
ที่เกี่ยวกับพระวจนะของพระศาสดาทุกศาสนานั้น
ล้วนเกิดจากแผนการแทรกแซงของมอดมาร
ที่ต้องการหลอกมนุษย์ให้หลงทางนิพพาน
ต้องการทำให้ทุกศาสนาเกิดความเสื่อมโทรม
เช่น ลวงให้นักบวชทำทุศีลเยอะๆจนคนรับไม่ได้
จูงใจให้นักบวชหันมาใช้วิชามอดมารด้านมืดดำ
ชักพานำผู้คนให้หลงงมงายขายกิเลส เป็นต้น
 
เมื่อมนุษย์เลิกนับถือศาสนาเสื่อมศรัทธาในศาสดา
พวกตนก็จะสร้างลัทธิใหม่ขึ้นมาให้มีศาสนาเดียวแทน
คือศาสนาของเอเลี่ยนส์ที่หลอกว่าตนคือพระเจ้า
ที่เรากล่าวมาเป็นความจริงทุกประการ
 
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
 
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5/05/2022 

สนทนาประสาจิตจักรวาล 5/05/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เมื่อจิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
ได้รับโอกาสให้เข้ามาเกิดเป็นมนุษย์โลกแล้ว
ทุกเรื่องราวที่เป็นประวัติศาสตร์ของตัวท่านเอง
ทุกเรื่องราวที่เกี่ยวกับพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ทุกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับความเป็นมาเป็นไป
ของพวกท่านทั้งหลายจะถูกปิดมิติไว้ทั้งหมด
เพื่อให้การเข้ามาปฏิบัติภารกิจของท่านสมจริง
 
เพราะการทำหน้าที่ทุกอย่างในระบบโลกนั้น
พวกท่านต้องใช้จิตสามนึกสั่นสะเทือนด้านบวก
ด้วยพลังอำนาจแห่งรักบริสุทธิ์และสติปัญญา
เพื่อผลิตคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ด้วยกระบวนการของ #ขันธ์ห้า มอบให้แก่ดาวโลก
มนุษย์จึงต้องเป็นสัตว์สังคมอยู่ร่วมกันเป็นกลุ่ม
อันหมายถึง “ครอบครัว” ชุมชนและสังคมใหญ่
เพราะพลังงานที่โลกต้องการเป็น #พลังงานร่วม
ใครคนใดคนเดียวจะไม่สามารถผลิตให้โลกได้
เนื่องจาก #องค์จิตจักรวาล ทรงกำหนดไว้แบบนี้
 
เพราะพลังงานจากจิตสามนึกด้านบวกของพวกท่าน
เป็นกุญแจสำคัญในกระบวนการผลิตพลังงานให้โลก
พระบิดาจึงต้องออกแบบให้พวกท่านใช้เงื่อนไข
ที่จะแสดงออกหรือกระทำต่อกันในชีวิตประจำวัน
ด้วยการเขียนบทละครร่วมกันมากับคนในครอบครัว
ตั้งแต่ภพชาติแรกที่จะเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์กันเลย
รวมทั้งบทละครที่เกิดจากกฎแห่งกรรมเมื่อมาเกิดแล้ว
เพราะ “สอบตกบททดสอบ” ที่วางแผนร่วมกันมา
 
การที่ต้องปิดมิติไว้มิให้พวกท่านรู้แผนการ
ในบทละครและชะตากรรมของตนเองก็เพราะว่า
ต้องใช้ “เงื่อนไข” ทั้งดีและร้ายนั้นกระตุ้นจิตหยาบ
ให้เกิดการสั่นสะเทือนขันธ์ 5 แล้วใช้ความรักเพื่อให้
เป็นตัวขับเคลื่อนขันธ์ห้าเพื่อผลิตพลังงานความรัก
ที่ดาวโลกต้องการออกมาในรูปคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กได้
นี่คือคำตอบว่าทำไมพวกท่านจึงจดจำอดีตชาติไม่ได้
 
เพราะถ้าพวกท่านหยั่งรู้ความจริงกันได้ง่ายๆว่า
ทุกเรื่องราวในหมู่พวกท่านแท้แล้วเป็นแค่ #บทละคร
ที่จิตวิญญาณขีดเขียนกันขึ้นมาเพื่อแลกเงื่อนไขกัน
เพื่อช่วยให้จิตหยาบสั่นสะเทือนจิตสามนึกด้านบวก
เพื่อร่วมกันผลิตพลังงานด้านบวกมอบให้แก่โลกแล้ว
แผนการมาเกิดเป็นมนุษย์ก็จะเป็นโมฆะจะเสียชาติเกิด
นี่ก็เป็นการออกแบบของพระบิดาเพื่อทดลองว่า
จะทรงกำหนดให้กระบวนการนี้เป็นจริงข้ามมิติได้มั้ย
ซึ่งมนุษย์โลกรุ่นแรกคือพี่พลียะเดี้ยนส์ทำสำเร็จมาแล้ว
 
ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
จิตวิญญาณของท่านที่ขันอาสามาเกิดเป็นมนุษย์
เป็นจิตวิญญาณบริสุทธิ์ที่มาจากแดนสุญตาของพระเจ้า
มิใช่จิตวิญญาณของมนุษย์ต่างดาวผู้เข้ามาเกิดบนโลกนี้
เพราะพวกที่มีสมองก้อนเดียวและดีเอ็นเอต้องเสพกิเลส
ยังไงๆก็ใช้ชีวิตอยู่ในสนามแม่เหล็กโลกด้านบวกไม่ได้
ถ้าพวกเขาจะแฝงตัวอยู่ในระบบโลกโดยมีชีวิตอมตะได้
ก็ต้องเปลี่ยนค่าสนามแม่เหล็กโลกให้เหมาะกับตนก่อน
ซึ่งหมายถึงสนามแม่เหล็กโลกต้องเป็นพลังลบเท่านั้น
 
นี่ก็เป็นวิธีหนึ่งที่พวกศัตรูมนุษย์ทำมาตลอดและทำอยู่
วิธีแรกก็คิดสร้างวัตถุเท็คโนโลยีเพื่อเปลี่ยนขั้วเปลี่ยนค่า
คลื่นความถี่สนามแม่เหล็กโลกของมนุษย์นี่แหละท่าน
ซึ่งเครื่องกลไกที่ว่านี้ได้ถูกสร้างขึ้นมาแล้วแต่ยังไม่สำเร็จ
วิธีที่สองเป็นวิธีที่พวกเขาต้องใช้เวลาในการพัฒนาการ
กระบวนการทางชีววิทยาในเครื่องยนต์แห่งกรรมพวกตน
ให้เข้ากันได้กับค่าของสนามแม่เหล็กโลกด้านบวก
ด้วยการตัดแต่งพันธุกรรม ด้วยการผสมพันธุ์แบบครอสซิ่ง
ด้วยวิธีการโคลนนิ่ง ด้วยการใช้สเต็มเซลล์ เป็นต้น
นับร้อยนับพันปีที่ผ่านมาวิธีนี้ดูจะก้าวหน้ามากกว่าวิธีแรก
เพราะพวกอีทีกลายมาเป็นมอดก็มีเป็นมนุษย์ไฮบริดก็มาก
แต่พวกนี้ก็ยังอยู่ในระบบโลกที่เป็นปฏิปักษ์กับพวกตนอยู่
 
พวกผ่าเหล่าเผ่าพันธุ์เหล่านี้คือตัวแทนของสัตว์ร้าย
ที่ใช้ชีวิตปะปนอยู่กับมนุษย์พันธุ์แท้อย่างกลมกลืน
พวกนี้จะได้รับถ่ายทอดความรู้เรื่องเท็คโนโลยีแปลกใหม่
ในการนำมาใช้ผลิตวัตถุเท็คโนโลยีที่ทันสมัย
เพื่อจูงใจให้มนุษย์โลกเกิดกิเลสตัณหาราคะและงมงาย
หลายคนจึงแสดงตนเป็นนักวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ
แสดงบทบาทเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอวกาศและจักรวาล
แสดงบทบาทของเจ้าลัทธิที่เกี่ยวกับจิตวิญญาณลี้ลับ
แสดงบทบาทเป็นดาราหนุ่มสาวชื่อดังและอื่นๆ เป็นต้น
 
เป้าหมายของพวกนี้ก็คือสร้างสิ่งยั่วเย้ากิเลสตัณหา
พาให้ท่านทั้งหลาย “หลงทางมาร” หันหลังให้พระเจ้า
โดยจะเรียกตนเองว่าครีเอเตอร์แต่แปลว่าพระเจ้า
เพื่อจะหลอกลวงให้มนุษย์เชื่อว่าพวกเขาคือพระเจ้า
โดยพระเจ้าปลอมนี้หวังใช้พวกท่านให้เป็น #กรรมกร
ช่วยกันสร้างพลังงานแสงที่มีค่าเป็นลบปกป้องพวกตน
ให้ดำรงชีวิตอยู่ในระบบโลกนี้ได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล
จึงหลอกให้พวกท่าน #หมุนกรรมจักร ด้วยอำนาจกิเลส
ในรูปของโลภะ โทษะ โมหะและราคะจริตทั้งปวง
จึงหลอกให้พวกท่านลืมพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ลืมภารกิจของจิตวิญญาณและชาติกำเนิดของตัวเอง
ที่สำคัญคือล่อลวงให้มนุษย์หันไปรับใช้พวกเขา
แทนการทำหน้าที่เพื่อนร่วมงานกับดาวเคราะห์โลก
โดยสร้างเครือข่ายลัทธิต่างดาวขึ้นมารองรับ
ในการขับเคลื่อนแผนการนี้และแผนอื่นๆให้ลุล่วง
ซึ่งเราจะค่อยๆนำมากล่าวให้พวกท่านรู้กันต่อไป
 
เพราะเหตุผลดังกล่าวเหล่านี้เอง
แผนปฏิบัติการต่างๆจึงถูกนำออกมาใช้ตัวอย่างเช่น
การลวงว่ามนุษย์เป็นเมล็ดพันธุ์มาจากต่างดาวหลายเผ่า
การสร้างข่าวว่าอดีตเคยมีสงครามระหว่างอีทีในจักรวาล
เพื่อจะให้มนุษย์โลกเชื่อว่ามนุษย์ต่างดาวนั้นมีตัวตนจริง
เพื่อจะโน้มน้าวให้เข้าใจว่าตนเป็นพวกเดียวกันกับมนุษย์
มนุษย์ไม่ต้องกลัวพวกเขาเพราะมีความปรารถนาดีเสมอ
จึงหลอกให้โง่และเชื่อตามเพื่อทำให้งานพวกเขาง่ายขึ้น
โดยแผนปฏิบัติการที่ว่านี้กำลังเริ่มรุกหนักมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะมันเคยใช้ได้ผลมาแล้วเมื่อหลายพันปีก่อน
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
 
ปฏิบัติการของพวกเขาจะอาศัยการโฆษณาชวนเชื่อ
ที่คนจิตอ่อนโง่ง่ายงมงายง่ายและหิวกิเลสทุกรูปแบบ
จะตกเป็นทาสการจูงใจสาระพัดแบบอย่างง่ายดาย
พวกนี้มีจิตวิทยาสูงและฉลาดบิดเบือนสัจธรรมมาก
มนุษย์ที่รู้สัจธรรมน้อยและใช้กิเลสดำเนินชีวิตจะเสียท่า
จนหลวมตัวเป็นเครื่องมือพวกเขาโดยไม่รู้สติได้ง่ายๆ
ลองสังเกตคนรอบข้างของท่านดูกันเองเถิด
 
ดังนั้น
เพราะพระบิดาทรงทอดพระเนตรเห็นเหตุการณ์เหล่านี้
จนทราบด้วยพระปรีชาญาณว่ามนุษย์โลกกำลังมีภัย
พระองค์จึงทรงออกแบบให้จิตวิญญาณผู้มาเกิดบนโลก
เป็นคน 2 มิติที่มีจิตหยาบกับกายหยาบและจิตวิญญาณ
รวมเรียกว่า #เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
โดยทรงออกแบบให้ #จิตหยาบ ทำหน้าที่เป็นจิตมนุษย์
เพื่อเป็นตัวแทนของจิตวิญญาณผู้ขันอาสามาเกิด
ให้ช่วยขับเคลื่อนเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์แทน
เพื่อป้องกันจิตวิญญาณมิให้ถูกทำร้ายโดยศัตรูผู้บุกรุก
ซึ่งปรากฏว่าสิ่งเลวร้ายได้เกิดขึ้นกับจิตหยาบจริงๆ
 
เพราะมนุษย์ถูกลอบทำร้ายทั้งโดยตรงโดยอ้อม
นับเป็นเวลาพันๆปีที่ผ่านมาซึ่งมนุษย์ไร้เดียงสามิอาจรู้
เช่นตัดดีเอ็นเอสัตว์ร้ายเอามาต่อไว้กับดีเอ็นเอมนุษย์
แล้วหลอกให้กินเลือดเนื้อของสัตว์หลอกให้ติดกิเลส
เพื่อใช้สิ่งเหล่านี้เป็นอาหารเลี้ยงดีเอ็นเอของสัตว์ร้าย
จนทำให้เครื่องยนต์แห่งกรรมของมนุษย์มีอายุขัยสั้นลง
ทั้งๆที่จิตวิญญาณมนุษย์ที่มาเกิดนั้นไม่มีหน้าที่ต้องตาย
เราจึงมีภารกิจมากมายในการกลับมาฉุดช่วยพวกท่าน
เพราะแผนการร้ายของมอดมารยังมิได้มีเพียงเท่านี้
 
คนหูหนวกมิอาจได้ยินเสียงเรียกเสียงอวยพรได้ฉันใด
คนที่มิใส่ใจรับฟังพระโอวาทก็มิอาจรับเอาความรัก
ความปรารถนาดีและเรื่องราวข่าวสารที่เป็นประโยชน์
จากองค์ #จิตจักรวาล ที่ทรงสื่อผ่านเรามาก็เป็นฉันนั้น
 
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
 
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5/05/2022

04 พฤษภาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 4/05/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ในบทเรียนแรกที่เป็นความจริงระดับอนุตรธรรม
เราได้เปิดเผยความลับให้พวกท่านได้รู้แล้วว่า
 
จิตวิญญาณแก่นแท้ในการเป็นมนุษย์ของท่านนั้น
เป็นผู้ที่มาจากพระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือพระเจ้า
มิได้เป็นจิตวิญญาณของสิ่งมีชีวิตจากเผ่าดาวต่างๆ
ที่เข้ามาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อทำการทดลองบางอย่าง
เมื่อครบหนึ่งแสนปีแล้วก็จะทำการล้างโลกครั้งหนึ่ง
แล้วก็จะวางแผนใหม่เพื่อมาทำการทดลองกันต่อไป
ล้วนเป็นเรื่องลวงโดยนำเอาความจริงมาบิดเบือน
 
เราได้เคยเตือนสติพวกท่านทั้งหลายมาก่อนแล้วว่า
ทุกวันนี้ “สงครามล้างสมอง” กับ “สงครามเชื้อโรค”
กำลังถูกศัตรูมนุษย์ที่อำพรางตัวเองว่ามาจากต่างดาว
ลวงว่าพวกตนเป็นผู้ปรารถนาดีต่อมวลมนุษย์โลก
จึงได้เผยแพร่ข้อมูลข่าวสารชวนเชื่อออกมามากมาย
ซึ่งเป็นแผนปฏิบัติการที่มิได้หวังดีต่อมนุษย์โลกเลย
วิธีการชวนเชื่อแบบนี้เคยใช้ได้ผลกับบรรพบุรุษมนุษย์
ในยุค #เลมูเรีย_แอตแลนติส และยุค #อียิปต์โบราณ
จนสร้างปัญหาเสียหายต่อมนุษย์ โลกและจักรวาล
ถึงวันนี้มนุษย์ก็ยังจัดการกับปัญหาที่เสียหายอยู่ไม่ได้
แถมยังมีทีท่าว่าจะหลงทางมอดมารซ้ำรอยกันอีกแล้ว
เพราะมนุษย์ไม่ “ตื่นรู้” ว่าถูกหลอกและเห็นศัตรูเป็นมิตร
โดยคิดว่าเราผู้มาจากพระเจ้ามีคำกล่าวที่ไร้ค่าไม่น่าฟัง
 
เพราะว่าเรื่องราวข่าวลวงของศัตรูมนุษย์จากมุมมืดนั้น
มันออกจากปากของนักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์
คนนำทางของศาสนา นักเล่นแร่แปรธาตุ เจ้าลัทธิมืด
ผู้นำที่มีอำนาจทางการบ้านการเมืองที่มีกฎหมายในมือ
ซึ่งมนุษย์เชื่อถือเชื่อฟังยอมตามผู้คนเหล่านี้กันอยู่แล้ว
คนพวกนี้จึงถูกหลอกใช้เป็นเครื่องมือในการชักจูงโน้มน้าว
ประชาชนส่วนใหญ่ที่ขาดสติทางวิญญาณและปัญญา
จึงพากันเห็นดีเห็นงามเชื่อตามข่าวลวงกันอย่างว่าง่าย
เพราะเชื่อตามคนที่นำมากล่าวซึ่งเป็นผู้ที่ตนเชื่อถือ
จึงไม่ฉุกคิดไม่ใช้ปัญญาพิจารณาข่าวสารข้อมูลก่อนเชื่อ
จึงเชื่อทั้งๆที่ตนยังไม่เข้าใจและเชื่อทั้งๆที่ยังอธิบายไม่ได้
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
 
การที่พระบิดาหรือพระผู้สร้างทรงอนุญาตให้
จิตวิญญาณของพวกท่านมาเกิดเป็นมนุษย์โลกนั้น
พระองค์มิได้ให้มาเพื่อทำการทดลองอะไรกันอีกแล้ว
เพราะพวกท่านมิใช่ #ยุวจิตจักรวาลรุ่นแรก แต่อย่างใด
การทดลองตามแผนการออกแบบของพระผู้สร้าง
ภายในห้องทดลองที่เรียกว่า #เอกภพ ที่มีโลกอยู่ในนี้
มันประสบผลสำเร็จแล้วว่าพระเจ้าทรงทำอะไรได้บ้าง
ตั้งแต่ยุคของพี่ #พลียะเดี้ยนส์ (ตัวจริง) ในยุคแรกแล้ว
 
จิตวิญญาณของพวกท่านที่ขันอาสาพากันเข้ามาเกิด
ในช่วงปลายยุคยุคพลังงานเก่าในปัจจุบันนี้นั้น
ล้วนมาเกิดเพื่อทำหน้าที่เป็น #เพื่อนร่วมงานกับโลก
เพื่อใช้ความรักความเมตตา “ค้ำจุน” สมดุลโลกไว้ให้ได้
ซึ่งพี่พลียะเดี้ยนส์บรรลุผลสำเร็จในการทดลองมาแล้ว
พวกท่านจึงมิใช่ผู้ทดลองแต่ต้องเป็น “ผู้ปฏิบัติ” เท่านั้น
 
สาเหตุที่พวกท่านขันอาสามาเป็นผู้ปฏิบัติดังกล่าว
เพราะเอกภพหรืออนันตจักรวาลซึ่งเป็นห้องทดลองนี้
แม้พระบิดาจะเรียนรู้ได้แล้วว่าทรงทำอะไรได้บ้าง
โดยผ่านประสบการณ์ของพี่ๆจาก #กลุ่มดาวพลียะดิส
แต่พระองค์ก็ปรารถนาที่จะเก็บรักษาเอกภพระบบนี้ไว้
ไม่มีพระประสงค์จะทำลายสิ่งที่ทรงสร้างทิ้งแต่อย่างใด
 
ดังนั้น
จิตวิญญาณของท่านผู้ข้ามมิติมาจากพระเจ้า
จึงชิงกันขันอาสาเข้ามาทำหน้าที่ในพระนามพระองค์
เพราะภารกิจการผลิตพลังความรักจากรูปธรรมมนุษย์
ที่สามารถช่วยค้ำจุนสมดุลโลกได้นั้นมันน่าท้าทายยิ่ง
ที่สำคัญคือแค่ดาวโลกดวงเล็กๆกับมนุษย์โลกตัวน้อยๆ
ยังสามารถช่วยค้ำจุนเอกภพขนาดใหญ่ให้สมดุลได้ด้วย
ช่างเป็นงานสร้างสรรค์ของพระบิดาที่น่าเรียนรู้อย่างยิ่ง
 
เมื่อพวกท่านเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์แล้ว
พระบิดาทรงใช้ความเข้มสนามแม่เหล็กโลก
ปิดกั้นตาที่สามอันเป็นดวงตาของจิตวิญญาณเอาไว้
พวกท่านจึงไม่เคยฉุกคิดหรือเอะใจกันตลอดมาว่า
ท่านพากันมาเกิดเป็นมนุษย์ในฐานะตัวแทนพระเจ้า
เพื่อเข้ามาทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลก
มิได้ซัดเซพเนจรพลัดหลงเข้ามาเกิดโดยมิได้ตั้งใจ
ให้พบเจอแต่ความทุกข์ตามที่มอดมารมันหลอกไว้
พวกท่านจึงไม่รู้ว่าการที่โลกหมุนรอบตัวเองได้
ก็เพราะพลังอำนาจความรักของทุกคนบนโลกที่รักกัน
ทำให้กลไกในแกนโลกภายใต้ฝ่าเท้าของพวกท่าน
เกิดการบิดตัวอย่างแรงและต่อเนื่องได้อย่างเหลือเชื่อ
 
แน่นอนว่า
ความจริงที่เรากล่าวนี้เป็นความจริงระดับอนุตรธรรม
ซึ่งมนุษย์โลกทุกคนไม่เคยมีใครสามารถที่จะรู้ได้
มันจึงเป็น #จุดอ่อน ที่มอดมารทั้งหลายใช้โจมตีมนุษย์
ด้วยการหลอกลวงให้หลงเชื่อในสิ่งที่พวกมันต้องการ
เพื่อให้มนุษย์เป็นกรรมกรหรือเป็นทาสของพวกมอดมาร
เป็นทาสทั้งในมิติโลกทางกายภาพและมิติทางพลังงาน
ซึ่งเราจะค่อยๆแง้มกะลาชักพาแสงสว่างเข้ามาให้ต่อไป
 
ดังนั้น
ท่านทั้งหลายจะเสียสัจจะที่เคยให้ไว้ต่อพระบิดา
ก่อนจะทรงอนุญาตให้มาเกิดในภพชาติแรกไม่ได้
เพราะนอกจากจะเสียชาติเกิดอันน่าอับอายแล้ว
พวกท่านที่เหลวไหลจนภารกิจของพระเจ้าล้มเหลว
จะทำให้เอกภพอันไพศาลนี้แตกสลายมลายสิ้นด้วย
ซึ่งพระเจ้าหรือองค์จิตจักรวาลจะทรงยอมมิได้
 
นี่จึงเป็นสาเหตุที่เราต้องรีบกลับมาตามสัญญา
มากล่าวความจริงทุกสิ่งให้พวกท่านรู้ในสิ่งที่ต้องรู้
ในเรื่องของปฏิบัติการชำระโลกที่กำลังเสียสมดุล
ด้วยมหันตภัยพิบัติที่รุนแรงในทุกรูปแบบ
เพื่อกำจัดขยะทุกชิ้นและวัชพืชทุกต้นออกไปจากโลก
เพื่อลดส่วนเกินบนแผ่นดินโลกโดยลบออกจากแผนที่
เพื่อลดจำนวนคนบนโลกให้เหลือแต่ผู้อยู่ข้างพระเจ้า
 
กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา
 
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
4/05/2022

03 พฤษภาคม 2565

คำสอน 3/05/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
 
เราจะกล่าว #อนุตรธรรม ความจริงที่มนุษย์โลกไม่รู้
ให้ผู้ปฏิบัติธรรมที่ปรารถนาการ #หลุดพ้นนิพพาน
ในภพชาติปัจจุบันซึ่งเป็นช่วงปลายยุคพลังงานเก่านี้
ได้รับรู้รับทราบสิ่งที่ถูกปิดลับมายาวนานนับหมื่นปี
จนจิตวิญญาณของมนุษย์มิอาจหลุดพ้นนิพพานได้
ยังความเสียหายต่อโลกจักรวาลและแผนการทดลอง
อันยิ่งใหญ่ของพระบิดาแห่งจิตวิญญาณตลอดมา
 
โดย “อนุตรธรรม” ซึ่งเป็นความจริงอันยิ่งใหญ่
ที่เราจะเปิดเผยให้มนุษย์โลกทุกคนได้รู้ไว้ในบทนี้
คือเรื่องของ #จิตวิญญาณมนุษย์ เป็นใครมาจากไหน
มาเกิดเป็นมนุษย์กันทำไมตั้งเยอะแยะมากมาย
 
เราจึงขอกล่าวความจริงระดับอนุตรธรรมให้รู้ว่า
จิตวิญญาณของมนุษย์เป็นรูปธรรมทางพลังงาน
ซึ่งมีรูปทรงเรขาคณิตเป็น 6 เหลี่ยมมุมเมื่อหยุดนิ่ง
โดยหกเหลี่ยมมุมนี้เกิดจากแรงสั่นสะเทือนภายใน
ของอนุภาคทางพลังงานที่สะท้อนกลับไปกลับมา
ภายในที่ว่างของทรงกลมที่เหวี่ยงหมุนรอบตัวเอง
 
จิตวิญญาณเป็นรูปธรรมทางพลังงาน
ผู้ขันอาสาพระบิดาหรือ “พระเจ้า” หรือ “องค์จิตจักรวาล”
เดินทางข้ามมิติเข้ามาสู่การเกิดเป็นมนุษย์ในระบบโลก
ซึ่งทรงกำหนดให้โลกทำหน้าที่ค้ำจุนสมดุลของเอกภพ
หรือ #อนันตจักรวาล ซึ่งเป็นห้องทดลองของพระองค์
 
ภารกิจของจิตวิญญาณในบทบาทแห่งการเป็นมนุษย์
คือการทำหน้าที่เป็น #เพื่อนร่วมงาน(colleague)กับโลก
โดยร่วมกับมนุษย์คนอื่นๆใช้ความรักที่มีต่อกัน
ในรูปของคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวกมอบให้แกนโลก
เพื่อช่วยให้แกนโลกเกิดการระเบิดแล้วบิดตัวต่อเนื่อง
ซึ่งรายละเอียดทางเท็คนิกของพระบิดาจะเป็นอย่างไร
เราขอยกเอาไว้กล่าวให้พวกท่านรู้ในโอกาสต่อไป
 
ในบทเรียนนี้เราจะขอเปิดเผยให้รู้ไว้เพียงแค่ว่า
จิตวิญญาณมนุษย์มิใช่ “ธาตุรู้อมตะ” ในจักรวาลอนันต์
ที่มารวมตัวกันจนเป็นกล่องพลังงานนามว่าจิตวิญญาณ
ซึ่งพเนจรเข้ามาในระบบโลกโดยไม่มีพ่อแม่บังเกิดเกล้า
แล้วก็โชคร้ายที่มาเกิดกายสังขารเป็นมนุษย์อยู่ในโลกนี้
โลกที่เต็มไปด้วยความทุกข์ยากทั้งเกิดแก่เจ็บตาย
เมื่อตายแล้วก็ยังต้องเวียนวนกลับมาเกิดให้ทุกข์ซ้ำอีก
 
ความคิดเข้าใจผิดดังกล่าวนี้แหละ
ที่เป็นเหตุผลหนึ่งซึ่งทำให้มนุษย์โลกหลงทางนิพพาน
จนพยายามหาทาง “ตายแล้วไม่เกิดอีก” เพราะกลัวทุกข์
ซึ่งมนุษย์พวกคนนำทางตาบอดถูกหลอกลวงให้เชื่อเช่นนี้
โดยผู้หลอกลวงที่บิดเบือนสัจธรรมระดับอนุตรธรรมที่ว่านี้
ก็คือพวกมอดมารศัตรูตัวร้ายของมนุษย์ผู้มาจากต่างดาว
ผู้เข้ามาแทรกแซงหลังจากพระศาสดาทรงดับขันธ์ไปแล้ว
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
 
จิตวิญญาณผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ของมนุษย์ทุกคน
เป็นรูปธรรมทางพลังงานที่มี 6 เหลี่ยมมุมนั้น
แบ่งภาคออกมาจากตัวตนภาคแรกที่สูงส่งอีกทอดหนึ่ง
ซึ่งพระบิดาเรียกว่า #พระบุตร คือ #จิตจักรวาลดวงเล็ก
ที่มีรูปทรงเรขาคณิตเป็น 11 เหลี่ยมมุม
น้อยกว่ารูปทรงของพระบิดาหรือพระเจ้าอยู่ 1 เหลี่ยมมุม
 
แก่นแท้ของท่านทั้งหลายได้รับอนุญาตให้มาเกิด
เพราะพวกท่านได้ให้สัจจะต่อพระองค์เอาไว้ว่า
จะยินดีปฏิบัติตามเงื่อนไขในพันธะสัญญา 6 ประการ
ที่เราเรียกว่า #พันธะสัญญา_6 อย่างครบถ้วนสมบูรณ์
โดยมีเวลาในการทำหน้าที่ตามพันธะสัญญาคือ 1 ยุค
อันหมายถึงมีเวลาให้ทำหน้าที่นาน 60,000 ปี/ยุค
สถานที่ปฏิบัติงานก็คือ “โลก” ที่ท่านเหยียบยืนอยู่นี้
 
เพื่อให้พวกท่านสามารถปฏิบัติภารกิจได้ต่อเนื่อง
พระองค์จึงออกแบบให้จิตวิญญาณที่มาเกิดเป็นมนุษย์
มีชีวิตเป็นอมตะ คือ ไม่ต้องมีอายุขัยไม่ต้องมีการตาย
เพื่อจะได้ยกระดับจิตพัฒนาสติปัญญาได้อย่างต่อเนื่อง
แทนที่จะต้องสิ้นอายุขัยตายแล้วต้องกลับมาเริ่มต้นใหม่
เหมือนดั่งการปีนขึ้นต้นมะพร้าวเพื่อจะเก็บลูกมะพร้าว
แต่ยังปีนขึ้นไปไม่ถึงไหนก็หมดแรงรูดลงมากองที่โคน
พอหายเหนื่อยก็ปีนกลับขึ้นไปใหม่แล้วก็รูดลงมาอีก
ความสำเร็จในการเก็บลูกมะพร้าวจะไม่มีวันเป็นจริงได้
 
พวกท่านที่มีจิตวิญญาณเป็นแก่นแท้
จึงไม่ต่างจาก “คนเก็บมะพร้าว” ตามตัวอย่างข้างต้นนั้น
เพราะไม่สามารถรักษาความมีชีวิตอมตะเอาไว้ได้
จึงต้องเวียนว่ายตายเกิดต้องมีอายุสั้นต้องมีสังสารวัฏ
เพื่อให้ได้รับโอกาสที่จะปีนขึ้นต้นมะพร้าวกันใหม่
อันหมายถึงการมีภพชาติใหม่ต่อไปเรื่อยๆไม่รู้สิ้นสุด
จนกว่าจะประสบความสำเร็จในการทำหน้าที่ซึ่งอาสามา
หรือจนกว่าโลกจะสิ้นยุคซึ่งพวกท่านหมดเวลาทำหน้าที่
ตามที่ได้ให้สัจจะต่อพระบิดาหรือองค์จิตจักรวาลไว้
ซึ่งบัดนี้โลกก็ได้สิ้นยุคพลังงานเก่าตามเงื่อนไขแล้วด้วย
พระบิดาจึงให้เรากลับมา “นำพา” พวกท่านกลับคืนบ้าน
 
บ้านเกิดของพวกท่านมิใช่อนันตจักรวาลอันไพศาลนี้
บ้านเกิดของพวกท่านก็มิใช่ดาวโลกเสรีดวงนี้ด้วย
แต่บ้านเกิดของจิตวิญญาณของท่านที่แท้จริงนั้น
อยู่นอกห้องทดลองที่เป็นพระนิเวศของพระเจ้า
ซึ่งที่นั่นคือแดนสุญตาที่พวกท่านจากมานานแล้ว
ขณะนี้พระบิดาผู้อนุญาตให้พวกท่านมาก็ทรงรออยู่
ซึ่งมี “ตัวตนภาคแรก” ของจิตวิญญาณของท่านเอง
คือ “จิตจักรวาลดวงเล็ก” ก็กำลังรอคอยพวกท่าน
ให้เดินทางกลับออกไปรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียวดังเดิม
 
ถ้าพวกท่านทำสำเร็จจึงจะเรียกว่าเป็นผู้บรรลุธรรม
การบรรลุธรรมคือหลุดพ้นกลับบ้านของจิตวิญญาณ
โดยสามารถหลุดออกไปจากอนันตจักรวาลนี้ได้
เพราะมีพลังอำนาจเหนือแรงดึงดูดของเอกภพ
มิใช่หายตัวไปแบบนิพพานยอดด้วนโดยไม่รู้ไปไหน
ดังที่หลงเชื่อผิดตามคนนำทางตาบอดกันจนทุกวันนี้
 
ดังนั้น
เราจึงขอย้ำต่อท่านเพื่อสรุปความจริงในบทนี้ว่า
จิตวิญญาณของท่านน่ะคือตัวแทนของพระเจ้า
ซึ่งขันอาสาเข้ามาทำหน้าที่อยู่ในห้องทดลองนี้
เพื่อทำการทดลองว่าสิ่งที่ทรงออกแบบเอาไว้นั้น
จะเป็นจริงได้ในสองมิติแค่ไหนอย่างไร
โดยใช้เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ที่ทรงติดตั้งพลังอำนาจและเครื่องมือไว้ให้พร้อม
เป็นเครื่องมือในการปฏิบัติภารกิจให้ลุล่วง
 
พวกท่านจึงมิใช่ทายาทของพระเจ้าตัวปลอม
มิใช่จิตวิญญาณโง่ๆที่พลัดหลงเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์
แต่พวกท่านคือ “ผู้สูงส่ง” หมายถึงมาสูงและถูกส่งมา
โดยพระบิดาผู้เป็นเจ้าเหนือทุกสรรพสิ่งในจักรวาล
พวกท่านจึงเป็นมนุษย์ที่มีหน้าที่สำคัญจะต้องทำ
ทั้งเพื่อเพื่อนมนุษย์เพื่อโลกเพื่อจักรวาลและพระบิดา
มิใช่มาเกิดเพื่อสนองกิเลสตัณหาของตนเองไปวันๆ
จนนำไปสู่ความขัดแย้งแย่งชิงกันทะเลาะกันฆ่ากัน
เพราะขาดจิตสามนึกแห่งการเป็นมนุษย์
 
เพราะปัญหาที่เกิดจากมนุษย์ไม่รู้อนุตรธรรม
ปัญหาจากมอดมารหลอกคนนำทางของศาสนา
ให้บิดเบือนคำสอนพระศาสดามาหลอกชาวบ้านต่อ
เพื่อให้มนุษย์ “หลงทางมาร” ตกเป็นทาสของพวกมัน
ทำประโยชน์ให้แก่พวกมันแทนโดยมนุษย์ไม่รู้ตัว
เพราะพวกมันใช้กิเลสตัณหาเป็นเครื่องยั่วยุตลอดมา
 
มนุษย์จึงตกหลุมพรางมารหันไปเสพกิเลสกัน
แล้วใช้กิเลสตัณหานั้นดำเนินชีวิตประจำวันกันไปทั่ว
ทำตัวเป็นพวกเผ่าเดียวกันกับมอดมารอย่างกลมกลืน
มนุษย์จึงละทิ้งจิตวิญญาณของตนให้ถูกขังอยู่ข้างใน
เอาตัวเอาใจไปทำประโยชน์ให้ศัตรูจากต่างดาวแทน
มนุษย์จึงจำผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของตนเองมิได้
หลายรายยังแถมก้าวร้าวล่วงเกินพระองค์อีกต่างหาก
มันน่าละอายและอนาถใจในความอกตัญญูเสียจริงๆ
 
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
 
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
3/05/2022

02 พฤษภาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 2/05/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
ภารกิจของเราในการกลับมายังโลกนี้อีกครั้ง
ในช่วงสุดท้ายปลายยุคพลังงานเก่า (Old Age) นี้
ก็คือการเปิดเผยความจริงสูงสุดระดับ "อนุตรธรรม"
ที่มนุษย์ทั้งโลกนับหมื่นปีมาแล้วยังไม่มีใครรู้มาก่อน
แม้องค์สัพพัญญูก็มิอาจเข้าถึงความจริงระดับนี้ได้
เพราะมนุษย์มีขีดจำกัดจากการมีสมองแค่สองซีก
ซึ่งความจริงสูงสุดนี้ “มนุษย์” ทุกคนต้องรู้ไม่รู้ไม่ได้
ถ้าไม่รู้ทุกคนก็จะล้มเหลวในการเป็นมนุษย์นั่นเอง
 
โดยปกติแล้วผู้นำทางจิตวิญญาณของโลก
อันหมายถึงพระศาสดาของศาสนาต่างๆนั้น
ส่วนใหญ่จะเป็นพระศาสดาที่มาจากโลกเอง
ซึ่งเป็นผู้ทรงมีพระปรีชาญาณและประสบการณ์ชีวิต
ในการเป็น “คนสองมิติ” มากกว่ามนุษย์คนอื่นๆ
 
จึงยังผลให้พี่น้องผองเพื่อนร่วมโลกในยุคนั้น
ยอมรับและก้าวตามในการดำเนินชีวิตประจำวัน
ทั้งในมิติโลกทางกายภาพและมิติทางจิตวิญญาณ
เช่นพระศาสดาของศาสนาพุทธคือพระพุทธเจ้า
ก็เป็นพระศาสดาที่เกิดจากโลกเองดังกล่าวแล้ว
ซึ่งทรงเป็น #สัพพัญญู ผู้รอบรู้ทุกสิ่งในจักรวาล
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
 
คำว่า “จักรวาล” ในที่นี้เราหมายถึง #เอกภพ
หรือที่เรียกว่า #อนันตจักรวาล ซึ่งมีจักรวาลเป็นอนันต์
ดำรงอยู่ร่วมกันใน “ห้องทดลองขนาดใหญ่” ไพศาลนี้
เป็นจำนวนมากมายจนมนุษย์นับกันไม่ถ้วนนั่นเอง
ซึ่งเราได้เฉลยความจริงให้พวกท่านรู้กันมาก่อนแล้วว่า
พระบิดาสร้างไว้ 12,500 ล้านกาแล็กซี่กับ 7 ระบบสุริยะ
ซึ่งองค์ “สัพพัญญู” สามารถรอบรู้ความจริงทั่วทั้งเอกภพ
จนเป็นที่ประจักษ์ของชาวโลกเสรีโดยทั่วกันอยู่แล้ว
 
ส่วนคำว่า “สัพพัญญู” นั้นหมายถึง
มนุษย์ผู้ประเสริฐและเป็นเลิศด้านปัญญาญาณ
ผู้รอบรู้ทุกสิ่งที่เป็นความจริงทั้งปัจจุบันอดีตและอนาคต
เป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่งที่ดำรงอยู่จริงทั่วทั้งอนันตจักรวาล
ขณะที่ตนเองนั้นมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันและอยู่ในระบบโลก
ซึ่งมีอยู่เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น คือ #พระพุทธองค์
 
เนื่องจากพระพุทธองค์ก็คือมนุษย์รูปธรรมหนึ่ง
ซึ่งมีโครงสร้างทางกายภาพและโครงสร้างทางชีววิทยา
รวมเรียกว่า #เครื่องยนต์แห่งกรรม มิได้ต่างจากผู้อื่น
โดยเฉพาะ #สมอง ก็ทรงมีสองซีกซ้ายขวาเช่นเดียวกัน
 
#พระผู้สร้าง หรือ #องค์จิตจักรวาล ทรงออกแบบ
ติดตั้ง “สมองซีกซ้าย” ไว้ให้มนุษย์ใช้คิดรู้เพื่อเรียนรู้
สิ่งแวดล้อมที่กลไกอายตนะสัมผัสตัวตนรูปลักษณ์ได้
ด้วยกระบวนการ #คิดวิเคระห์ ให้รู้ว่าอะไรเป็นอะไร
ส่วน “สมองซีกขวา” นั้นทรงติดตั้งเอาไว้ให้มนุษย์ทุกคน
นำเอาองค์ความรู้ที่คิดรู้เรียนรู้ได้จากสมองซีกซ้ายแล้ว
มา #สังเคราะห์ เพื่อค้นหาสารสาระที่น่าจะเป็นประโยชน์
เมื่อนำมาใช้ปฏิบัติในการดำเนินชีวิตประจำวันของตน
 
นอกจากนั้นถ้าใครก็ตาม
ที่สามารถ #ยกระดับ แรงสั่นสะเทือนจิตหยาบให้สูงขึ้น
จนเข้าถึงรูปทรงเรขาคณิตที่เป็น #ดาวห้าแฉก ได้
ก็จะสามารถเข้าถึงญาณหยั่งรู้บางสิ่งที่เคยเป็นอดีต
รวมทั้งล่วงรู้บางสิ่งที่จะเป็นอนาคตของตนหรือผู้อื่นได้
แต่ถ้ายกระดับแรงสั่นสะเทือนจิตหยาบให้สูงขึ้นจนเข้าถึง
ความสมดุลที่เป็นรูปทรงเรขาคณิต #หกเหลี่ยมมุม ได้
จิตมนุษย์ผู้นั้นก็จะสามารถท่องทัวร์ได้ทั่วทั้งจักรวาล
 
เพราะคุณสมบัติพิเศษเหล่านี้นี่เอง
องค์ “สัพพัญญู” ของชาวโลกจึงทรงเป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่ง
ภายในสนามพลังงานจักรวาลที่เรียกว่า “อนันตจักรวาล”
ซึ่งไม่มีใครจะสามารถเข้าถึงจิตปัญญาอันสูงส่งเช่นนี้ได้
โดยการยกระดับแรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบดังกล่าวนี้
คนที่ยังหมุนธรรมจักรไม่เป็นหรือทำได้บ้างไม่ได้บ้าง
ก็ต้องอาศัยการปฏิบัติบำเพ็ญต่อเนื่องข้ามภพชาติ
จากการเวียนว่ายตายเกิดของจิตวิญญาณจนนับไม่ถ้วน
ซึ่งต้องมุ่งปฏิบัติบำเพ็ญทาน ศีล สมาธิ ภาวนา
ดังเช่นพระพุทธองค์ที่พวกท่านก้าวตามก็ทรงทำเช่นนี้เอง
 
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
 
อนันตจักรวาลหรือเอกภพก็ไม่ต่างไปจากสระใหญ่
มนุษย์โลกทุกคนก็ไม่ต่างไปจากปลาปูกุ้งหอยในสระนั้น
พวกปลาและกบที่ใช้ชีวิตอยู่ในสระทั้งหลายจนคุ้นชิน
มันไม่เคยรู้ว่าบนบกซึ่งเป็นพื้นที่นอกสระนั้นมีอะไรอยู่
บนบกนั้นมีสภาพภูมิประเทศภูมิทัศน์ภูมิอากาศเป็นเช่นไร
พวกมันไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่านอกจากสระแล้วยังมีแผ่นดิน
ซึ่งมีอะไรอะไรที่พวกมันไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อยู่อีกมากนัก
 
สาเหตุที่สัตว์น้ำในสระใหญ่ไม่รู้เรื่องบนบกก็เพราะเหตุว่า
ตั้งแต่รุ่นบรรพบุรุษของมันเป็นต้นมาล้วนเกิดตายก็ในสระ
เพราะพวกมันคือ #สัตว์น้ำ ที่ถูกออกแบบให้หายใจในน้ำ
ไม่สามารถจะขึ้นจากสระไปใช้ชีวิตในแบบของสัตว์บกได้
ขณะเดียวกัน “สัตว์บก” จะรู้เรื่องก็จำเพาะแต่บนบกเท่านั้น
เพราะลงไปใช้ชีวิตเยี่ยงกุ้งหอยปูปลาในสระใหญ่ไม่ได้
 
ถ้าจะให้สัตว์น้ำรู้เรื่องบนบกก็ต้องให้ #เต่า ช่วยบอกให้รู้
ถ้าจะให้สัตว์บกรู้เรื่องในสระน้ำก็ต้องให้ “เต่า” ช่วยบอก
เพราะว่าเต่ามีความสามารถพิเศษกว่าสัตว์บกและสัตว์น้ำ
เพราะเต่ามีคุณสมบัติสำคัญคือเป็น #สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ
สามารถหายใจใช้ชีวิตอยู่ได้ทั้งบนบกและในน้ำนั่นเอง
 
มนุษย์โลกก็เหมือนกันนั่นแหละท่าน
ต่อให้เก่งกาจอย่างไรฉลาดแค่ไหนก็ตาม
จะสามารถเรียนรู้ “สัจธรรม” ความจริงได้
ทั้ง #โลกียะธรรม และ #โลกุตรธรรม ด้วยสมองสองซีก
ก็เพียงแค่ภายในอนันตจักรวาลอันไพศาลนี้เท่านั้น
มนุษย์จะมีข้อจำกัดในการเข้าถึงความจริงนอกจักรวาล
เพราะกลไกสมองมนุษย์มีจำกัดตามที่เรากล่าวมาแต่ต้น
 
พระบิดาทรงทราบดีในเรื่องนี้จึงทรงมีพระบัญชา
อนุญาตให้จิตวิญญาณบริสุทธิ์ของเรากลับมาอีกครั้ง
เพื่อบอกความจริงนอกอนันตจักรวาลให้พวกท่านรู้
เพราะมนุษย์ทุกคนเรียนรู้หยั่งรู้ล่วงรู้ด้วยตนเองไม่ได้
ความจริงนอกอนันตจักรวาลก็คือ #อนุตรธรรม นั่นเอง
โดย "เต่า" ตัวที่อ้างถึงก็คือ #เรา ที่พวกท่านเฝ้ารอ
 
ดังนั้น
ถ้าใครไม่ก้าวตามเรามาและไม่เปิดตาไม่เปิดใจ
ก็จะไม่สามารถรู้ความจริงที่ตนเองจะต้องรู้แน่นอน
เพราะมีเราเพียงรูปธรรมเดียวเท่านั้นที่รู้และบอกได้
อีกทั้งผู้ไม่รู้ก็จะมิอาจหลุดพ้นนิพพานได้อีกด้วย
เวลาโลกก็เหลือน้อยสำหรับการชำระเพื่อเปลี่ยนยุคแล้ว
 
จงเร่งพาตนเองเข้ามายังห้องเรียนของเรา
เพื่อรับรู้รับเอา “อนุตรธรรม” จากเราทุกวันและทั้งวัน
ในวันเวลาที่พวกท่านเพียรทำให้มันว่างเถิด
เพราะเราเท่านั้นที่รู้ว่าเส้นทางนิพพานไปทางใด
เนื่องจากเราเคยไปและได้กลับมายังโลกนี้แล้ว
เพราะเราเท่านั้นที่รู้ว่าจะเปิดประตูคอกแกะได้อย่างไร
เนื่องจากเราคือผู้ดูแลฝูงแกะของพระบิดาตลอดมา
 
เรากลับมาตามสัญญา
เรากลับมาวางศีรษะอยู่บนโลกเสรีนี้ตั้งนานแล้ว
 
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
 
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
2/05/2022