21 มิถุนายน 2560

#พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ #ทรงโปรดเวไนย (ภาค 2)


#พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
#ทรงโปรดเวไนย (ภาค 2)

To Whom It May Concern:
*****************************
บุตรรักแห่งบิดาทั้งหลาย
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

"เสียงกัมปนาท กราดเกรี้ยว เสียวระทึก
ดั่งยามดึก ฟ้าผ่า พาแตกตื่น
ครูสั่งศิษย์ กีดกัน ทุกวันคืน
ห้ามยุ่งยื่น เป็นมิตร จิตจักรวาล"

คำสั่งที่ 1:
**********
1)ห้ามศึกษาจิตจักรวาล
ห้ามเผยแพร่จิตจักรวาล

#สาเหตุเพราะไม่มีที่มาที่ไป
#ไร้ซึ่งพงศาธรรม

วิเคราะห์เหตุผลของคนสั่ง:
***************************
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า

อาวุโสท่านนี้ยังสั่งห้ามศิษย์ของตน
มิให้เข้ามาศึกษามรรควิถีจิตจักรวาล
ด้วยเหตุผลที่มิใช่เหตุผล
ซึ่งคนที่มีภูมิปัญญาแท้ๆจะมองได้ว่า
มันเป็นแค่เพียง "ข้ออ้าง" ที่ขาดตรรกะ
จากการไม่รอบคอบในการใช้ปัญญา
จากการไม่ยอมศึกษาเรียนรู้ให้ถ่องแท้
จึงด่วนสรุปเอาง่ายๆด้วยอคติที่ในตน

จึงได้กล่าวร้ายป้ายสีอันเป็นเท็จ
ในภารกิจของจิตจักรวาล
ต่อศิษย์สาวกของตนเอง
ที่พวกเขารู้เรื่องและเข้าใจ
สัจธรรมแห่งจิตจักรวาล
ดียิ่งกว่าคุรุของเขาด้วยซ้ำว่า

#สาเหตุเพราะจิตจักรวาลไม่มีที่มาที่ไป
#จิตจักรวาลไร้ซึ่งพงศาธรรม

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
สมาชิกครอบครัวจิตจักรวาลนี้
ประกอบด้วยศาสนิกชนคนประพฤติธรรม
จากทุกชนชั้นทุกศาสนา

ไม่ต้องมาเข้ารีตก็เข้ามาศึกษาได้
ไม่ยอมรับพระบิดาไม่ศรัทธาเรา
พวกเขาผู้ใฝ่ดีก็เข้ามาศึกษาที่นี่ได้เช่นกัน

ดังนั้น
ญาติธรรมทั้งหลายจึงล้วนรู้ความจริง
ที่เราจะกล่าวต่อท่านซ้ำอีกสักครั้งดังนี้

1.#องค์จิตจักรวาล
ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ทรงเป็นพระผู้สร้างเอกภพและทุกสรรพสิ่ง
ทรงเป็นผู้เริ่มต้นและสิ้นสุดของทุกสรรพสิ่ง
ทรงเป็นจุดศูนย์กลางของมหาจักรวาล
ทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าเหนือทุกสิ่งที่ทรงสร้าง
ทรงเป็นพระเจ้าเพียงหนึ่งเดียว

2.#องค์จิตจักรวาล
ทรงอนุญาตให้เรา
กลับมาอีกครั้งตามสัญญา
เพื่อมาประกาศปิดยุคพลังงานเก่า
เพื่อมาตามพี่ๆน้องๆทางจิตวิญญาณกลับบ้าน
เพื่อมาปฏิบัติการพิพากษาโลกเสรีนี้
ให้ทันก่อนที่เหตุการณ์ 56 วัน 8 ราตรีจะมาถึง

ทรงมีพระบัญชาให้เรามา
กล่าวพระโอวาทต่อท่านทั้งหลาย
ในพระนามบุตรเอกแห่งพระองค์

3.#องค์จิตจักรวาล
ทรงส่งให้เรามาเปล่งเสียงเรียกหา
ประดาแกะอีกมากมายที่หลงฝูงอยู่
แกะตัวใดจำเสียงเรียกจากเจ้าของได้
จะได้รีบกลับมาเข้าฝูงเข้าคอกได้ถูกทาง
ก่อนพายุจะมาก่อนฟ้าจะผ่าถึงตาย

ส่วนเจ้าแกะตัวดื้อที่ได้ยินแล้วไม่ใส่ใจ
ก็คงต้องปล่อยทิ้งไว้ในป่า
ให้อยู่กับพวกแกะที่จำเจ้าของตนเองไม่ได้
ทิ้งให้เป็นภักษาหารของสัตว์ร้ายแทน

พระองค์ทรงส่งให้เรามา
ทำหน้าที่คัดปลาดีๆมีอนาคตขึ้นจากน้ำ
เพราะโลกมนุษย์ในอีกไม่ช้า
จะมีแผ่นน้ำมากกว่าแผ่นดิน
ปลาจำนวนมากจะพากันสำลักน้ำ
เราจึงต้องรีบจับปลาขึ้นเรือก่อนปลาตาย
เพื่อนำไปปล่อยยังดินแดนที่ปลอดภัย

4.พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
ความจริงทั้งหมดที่เรากล่าวมานั้น
จุดเริ่มต้นก็มาจากองค์จิตจักรวาล
พระผู้ทรงเป็นต้นธารแห่งสายธรรมทุกสาย
พระผู้ทรงเป็นผู้ให้กำเนิดทุกสรรพสิ่ง

เราสื่อสารกับพระองค์ในระบบจิตสู่จิต
ที่เรียกว่า Vertical Telepathy
โดยทรงสื่อพระโอวาทผ่านมาทางเรา
เพื่อกล่าวต่อมนุษย์แห่งโลกเสรี
ที่เป็นบุตรมนุษย์ของพระองค์
ซึ่งเป็นพี่ๆน้องๆของเราอยู่จนบัดนี้

เราจึงขอถามท่านผู้อ้างตนเป็นคุรุว่า
จนบัดนี้แล้วปัญญาของท่านยังไม่เห็นว่า
จิตจักรวาลมีที่มาที่ไปอยู่อีกไหม?

ทุกคำสื่อสอนจากพระบิดา
ที่ทรงสื่อถ่ายทอดผ่านมาทางเรา
กว่าจะเดินทางผ่านจิตตปัญญาแห่งเรา
แล้วผ่านออกจากปากเรามาถึงหูท่านได้
มันต้องใช้เวลานานร่วมสามนาที

ทั้งๆที่ความเร็วในการเดินทางของคลื่นจิต
เท่ากับความเร็วของแสง
ที่เปลี่ยนค่าเป็นสองเท่าในทุกๆวินาที

ซึ่งคลื่นการสื่อสารนี้เดินทางเร็วมาก
แต่ยังต้องใช้เวลาร่วมสามนาทีต่อถ้อยคำ
แสดงว่า "องค์ธรรม" จากพระองค์
เดินทางมาไกลมากจากที่อันไกลโพ้น

ดังนั้น
การกล่าวร้ายดั่งป้ายสีจิตจักรวาลว่า
ไม่มีที่มาที่ไปจึงไม่ให้ศิษย์ไปศึกษาเรียนรู้
จึงเป็นเรื่องของคุรุที่ขาดคุณสมบัติโดยแท้

ถ้าเช่นนั้นปูตัวหนึ่งที่อยู่ในธรรมชาติ
ก็มิอาจเป็นครูสอนธรรมะท่านได้
เพราะปูมันไม่มีพงศาธรรม...โอเคนะ

พระบิดาทรงสอนเราว่า
ทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติมีธรรมะแฝงอยู่
ทุกสรรพสิ่งจึงเป็นครูสอนมนุษย์ได้
ว่าแต่ว่าจะมีปัญญามองเห็นธรรมะนั้นมั้ย
เท่านั้นเอง

5.เราขอยืนยันว่า
ความทั้งหมดที่เรากล่าวมาคือความจริง
คำสื่อสอนทั้งหมดในทุกกาลเวลา
เรากล่าวออกมาในพระนามแห่งพระบิดา
ที่ทรงสื่อผ่านเรามาทั้งสิ้น

เรามิได้จดจำความรู้ใครมาใส่ปาก
แล้วเที่ยวอ้างตนเป็นครู
หรือบังคับใครให้เป็นศิษย์
อันเป็นลักษณะของการไม่มีที่มาที่ไป
เพราะท่านคุรุจำมาพูดเองกล่าวเอง
แล้วจะมาอ้างว่ามีพงศาธรรมอะไร

มรรควิถีจิตจักรวาล
แสดงความจริงอย่างมีที่มาที่ไป
และมีพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ทรงเป็นต้นธารแห่งพงศาธรรมที่แท้จริง

จงอย่าเที่ยวนำเอาพงศาธรรมมาอ้าง
เพี่อกักขังศิษย์ท่านให้จมปลักในความมืด
เพราะเราและพระบิดาอยู่ฟากของสว่าง
ถ้าใครยังฝักใฝ่อยู่ในความมืด
ท่านจะแลเห็นเราและพระบิดาได้อย่างไร

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
21-06-2017

หมายเหตุ:

ยังมีต่อภาค 3
ถ้าอยากศึกษาต่อกรุณายกมืออีกครั้ง

20 มิถุนายน 2560

#พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ #ทรงโปรดเวไนย (ภาค 1)


To Whom It May Concern
*****************************
บุตรรักแห่งบิดาทั้งหลาย
พี่ๆน้องๆที่ <3 แห่งเราทั้งหลาย

"เสียงกัมปนาท กราดเกรี้ยว เสียวระทึก
ดั่งยามดึก ฟ้าผ่า พาแตกตื่น
ครูสั่งศิษย์ กีดกัน ทุกวันคืน
ห้ามยุ่งยื่น เป็นมิตร จิตจักรวาล"

คำสั่งที่ 1:
**********
1)ห้ามศึกษาจิตจักรวาล 
ห้ามเผยแพร่จิตจักรวาล 
สาเหตุเพราะไม่มีที่มาที่ไป 
ไร้ซึ่งพงศาธรรม

วิเคราะห์คนสั่ง:
***************
#การห้ามศึกษามรรควิถีจิตจักรวาล

เราจะกล่าวความจริง
ในพระนามพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ต่อท่านทั้งหลายว่า

ถ้าท่านเป็นอาจารย์อาวุโสตามที่ชอบอ้าง
แล้วไปสั่งห้ามลูกศิษย์สาวกท่านเยี่ยงนี้

แสดงว่าท่านเองนั้นต้องกระจ่างแจ้ง
ในมรรควิถีแห่งจิตจักรวาล
อย่างดียิ่งมาก่อนแล้วว่า
จิตจักรวาลสอนอะไรที่ไม่ดีบ้าง 
สอนอะไรที่ไม่ถูกต้องบ้าง
สอนอะไรในสิ่งที่ผิดไปจากสัจธรรมบ้าง
ท่านจึงจะสั่งศิษย์โง่ของท่านได้ว่า
 #ห้ามศึกษาจิตจักรวาล เด็ดขาด!

แต่ตามประวัติศาสตร์ของจิตจักรวาล
พวกเรายังมิเคยพบบันทึกหลักฐานว่า
มีใครในพวกท่านเคยผ่านการศึกษาเรียนรู้
ตามมรรควิถีจิตจักรวาลมาก่อนเลย

เราจึงไม่เห็นจะมีจิตเมตตาของท่าน
ช่วยบอกพวกเราว่าจิตจักรวาลนั้น
ไม่ถูกต้อง ไม่ดี น่ารังเกียจที่ตรงไหน
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะว่าท่านไม่รู้อะไรเลย
เกี่ยวกับภารกิจของจิตจักรวาลน่ะสิ
ท่านจึงรังเกียจอย่างไร้เหตุผล

นี่ขนาดเรามั่นใจตั้งนานมาแล้วว่า
เรารู้เรื่องของพวกท่านดีพอสมควร
เรารู้จักในพระอาจารย์โพธิสัตว์ของท่านดีพอ
แต่เราสิกลับไม่เคยใช้วาจาก้าวล่วง
หรือกระทำการจ้วงจาบใดๆ
ให้ปากและจิตเรามีมลทินเลยท่าน

ถ้าพบว่าจิตจักรวาลสอนผิดจริง
ตามที่ท่านกล่าวให้เรารู้
เราก็จะได้รีบกราบขอบคุณท่าน
แล้วนำความเมตตานั้นมาปรับปรุงแก้ไข
เราจะได้เป็นเวไนยอีกตนหนึ่ง
ที่ท่านมักอ้างว่าชอบโปรดได้

แต่นี่เรายังไม่เห็นว่า
ท่านโปรดเราด้วยเมตตาธรรมที่ตรงไหน
มีแต่สั่งสาวกของตนให้รังเกียจเรา
โดยมิได้สอนพวกเขาให้ได้ความรู้
มิได้สอนพวกเขาในข้อไม่ดีของเรา
เพื่อให้ปัญญาแก่พวกเขาเลย
คงได้แต่สั่งด้วยอำนาจเหนือเท่านั้น
การใช้อำนาจเหนือคนอื่นแม้เป็นศิษย์
นี่ก็ผิดหลักธรรมอีกข้อหนึ่งแล้วด้วย

มันมีความจริงอีกอย่างหนึ่งว่า
การที่คนเราจะรู้ดีรู้ชั่วนั้น
มันต้องผ่านประสบการณ์การเรียนรู้มาก่อน
จะสรุปเองเออเองว่านั่นดีนี่ชั่ว
โดยใช้อารมณ์กับความรู้สึกไม่ได้นะท่าน
เพราะนั่นเป็นบทบาทของเจ้าลัทธิ
เป็นบริบทแห่งความงมงาย
หาใช่บทบาทบริบทแห่งมหาคุรุไม่

ถ้าจิตจักรวาลไม่ดีท่านต้องมีเหตุผลหน่อย
ถ้าคนอื่นฉลาดน้อยมองไม่เห็นสิ่งไม่ดี
คนที่ฉลาดกว่าคนอื่นเยี่ยงท่านต้องเมตตา
ช่วยชี้จุดที่ไม่ถูกต้องที่ตนเห็นบอกให้เขารู้
อย่าเอาแต่ชี้จุดลับในที่ลับตาอย่างเดียว

อีกอย่างหนึ่งนะ
ในโลกนี้ไม่มีอะไรดีที่สุดเพียงสิ่งเดียวหรอก
เรื่องคำตอบที่ดีที่สุดมีคำตอบเดียว
เป็นความเชื่อของพวกที่ยังใช้สมองซีกซ้าย
อยู่เพียงซีกเดียวเท่านั้นเอง
เพราะคนที่ใช้สมองซีกขวาเป็นนั้น
เขาจะรู้ว่า "สิ่งชั่วๆหรือคนชั่ว" ก็มีคุณค่า
เขาไม่หยามหมิ่นสบประมาทกันหรอกท่าน

เมื่อพฤติกรรมของท่านเป็นดั่งที่ว่ามา
เราจึงพอจะสละเวลาวิเคราะห์ได้ว่า
คนสั่งคำสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวกับจิตจักรวาลนี้
มิได้มีความรู้เรื่องของจิตจักรวาลเลยสักสิ่ง
ต้นทุนด้านข้อมูลของจิตจักรวาลนั้น
ท่านจึงมีแต่ความว่างเปล่า
เลยไม่รู้จะเอาอะไรมาสอนสาวกของตน
จึงใช้เพียง #อคติ แบบทุศีลอย่างเดียว

ท่านยังไม่ทันรู้จักเราดีพอ
แต่ท่านเองก็กลับชักพาสาวกของท่าน
ที่เป็นคนอื่นให้รังเกียจเรา
โดยไม่มีเหตุผลเสียแล้ว
มันผิดวิสัยคุรุผู้เมตตาผู้โปรดเวไนยไปมั้ย

ถ้าท่านใจกว้าง
จะฉุดช่วยศิษย์โง่ของท่าน
ท่านควรใช้ความฉลาดกว่าสาวกของท่าน
ศึกษาเรียนรู้แนวทางการสื่อสอนของเรา
ให้เข้าใจให้เข้าถึงจนจบแจ้งแทงตลอดก่อน
แล้วค่อยเอาจุดอ่อน จุดเสีย จุดผิด จุดชั่ว
เท่าที่ตัวปัญญาของท่านจะมีจะพบเห็นได้
มาบอกกล่าวต่อศิษย์สาวกของท่าน
ให้เขาฉลาดคิดเหมือนท่านสิ
มันยังจะทำให้คนเหล่านั้น
นับถือท่านอาวุโสกันต่อไป
มันยังจะสมกับสถานภาพแห่งคุรุมากกว่า

นอกจากนั้น
มันยังจะช่วยให้สาวกของท่านแต่ละคน
มั่นใจในคำสอนของท่านมากขึ้น
ศรัทธาสำนักจัดตั้งของท่านมากขึ้นนะ
ถ้าได้เปิดหูเปิดตาเปิดใจ
มาเปิดปัญญากับจิตจักรวาล

ถึงแม้ว่าจิตจักรวาลจะสอนผิด สอนไม่ดี
สาวกของท่านก็จะยิ่งฉลาดแยกแยะ
จะยิ่งมั่นใจว่าคำสอนตามวิถีของท่าน
มันเจ๋งมันแจ๋วกว่าคำสอนคนอื่นยังไง
สาวกของท่านกลับจะยิ่งแลเห็น
ความฉลาดปราดเปรื่องของอาวุโสของเขา
ก็ยิ่งทำให้พวกเขาศรัทธาพวกท่านมากขึ้น
เราเห็นว่าดีกว่าไปห้ามพวกเขาเป็นไหนๆ
กลัวอะไรกันอยู่หรือ?

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
20-06-2017

(อ่านต่อภาค 2)

ต้องการติดตามต่อ
โปรดยกมือขึ้น

19 มิถุนายน 2560

การปรับสมดุลทางไฟฟ้าในก้อนเมฆ

พี่ๆน้องๆที่รัก  แห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
มนุษย์แต่ละคนนั้น
สามารถจะสร้างสิ่งสกปรกรกโลกได้
ทั้งในมิติโลกทางกายภาพ
ที่เป็นขยะมูลฝอย ขยะสารเคมี
ขยะก๊าซพิษ ควันพิษ
ขยะด้านวัตถุเท็คโนโลยี
และการทำตัวเป็นขยะ
รกสังคมรกโลกเสียเองได้อีกด้วย
กับการสร้างมวลขยะให้รกโลก
ในมิติทางจิตวิญญาณด้านของพลังงาน
ซึ่งเป็นมิติที่สูงเกินกว่าตาเนื้อจะมองเห็น
เราจึงขอกล่าวความจริงว่า
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
หรือองค์จิตจักรวาล
ได้ทรงกำหนดสร้างให้มนุษย์โลก
เป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ที่พวกท่านเรียกตนเองกันว่า #คน
ซึ่งแท้จริงหมายถึง #คนสองมิติ นั่นเอง
"คนสองมิติ" หมายถึง
การมีสองภาคอยู่ในตนเอง
อันประกอบด้วยกายหยาบ
กับจิตและใจที่เป็นด้านพลังงาน
พวกท่านทุกคนจึงมีหน้าที่
จักต้องทำการ "คน"ทั้งสองภาคของตน
ให้เข้ากันจนเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้
ถ้าใครคนสำเร็จจึงจะเรียกว่า #มนุษย์ ได้
วิธีการคนที่ถูกต้องต้องใช้ลูกแก้ว 2 ดวง
คือ มหาสติ กับ ปณิธานแห่งนิพพาน
ท่านทั้งหลายจึงจะประสบผลสำเร็จได้
นั่นแปลว่าท่านหมุนธรรมจักรสำเร็จนั่นเอง
เมื่อท่านหมุนธรรมจักรได้
ท่านก็ประสบผลสำเร็จในการเกิดเป็นมนุษย์
ท่านก็สามารถเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกได้
ท่านก็จะเป็นหนึ่งเดียวกันกับเพื่อนมนุษย์
เป็นหนึ่งเดียวกันกับสรรพสัตว์ทั้งหลาย
อันหมายถึงเป็นหนึ่งเดียวกัน
กับดาวโลกเสรีดวงนี้ได้นั่นเอง
แต่ถ้าท่านทำหน้าที่ "คน" ไม่สำเร็จ
เพราะท่านเข้าถึงมหาสติไม่ได้
เพราะท่านไม่มีปณิธานแห่งนิพพาน
วันๆหนึ่งท่านได้แต่ หมุนกรรมจักร
ด้วยอำนาจฤทธิ์แห่งกิเลสตัณหาราคะ
มันจะทำให้เครื่องยนต์แห่งกรรมของท่าน
มีกระบวนการทำงานในสองมิติผิดพลาด
นานวันเข้าเครื่องยนต์แห่งกรรม 2 มิติ
ก็จะเกิดการขัดข้องจนต้องแก้ไขเยียวยา
เช่น เจ็บไข้ได้ป่วย มีโรคประจำตัว
ที่สำคัญคือจะมีอายุขัยใช้งานสั้นลง
นอกจากนั้น
การทำผิดพลาดของท่าน
มันยังสร้างปัญหา
ให้เกิดขึ้นทางจิตวิญญาณด้วย
ปัญหาแรก
ท่านก็หลุดพ้นจากสังสารวัฏไม่ได้
เพราะก่อกรรม-เกี่ยวกรรมกับใครต่อใคร
จนต้องมาปล่อยปลดละวาง
จนต้องมานั่งแก้ไขใหม่ในภพชาตินี้ชาติหน้า
ปัญหาสอง
เป็นปัญหาที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าไม่รู้
นั้่นคือ การหมุนกรรมจักรของพวกท่าน
นอกจากจะค้ำจุนโลก
ให้สมดุลเป็น 1 เดียวกันทั้งระบบไม่ได้
พวกท่านแต่ละคนยังสร้างขยะขึ้นมา
ให้รกโลกในมิติแห่งจิตวิญญาณด้วย
ขยะที่พวกท่านสร้างด้วยจิตที่ติดกิเลส
ในทุกวินาทีที่ท่านตื่นนี่แหละ
มันคือสิ่งที่เรียกว่า อีเล็คตรอนอิสระ
ซึ่งดำรงอยู่บนโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก
โดยขยะอีเล็คตรอนจำนวนมากมาย
จะถูกพวกท่านเหวี่ยงมันออกมาทิ้งขว้าง
โดยขาดสติ ไร้สำนึก และไม่รู้
อีเล็คตรอนอิสระทั้งหลาย
มันจะเหนี่ยวรั้งมวลความชื้นในบรรยากาศ
ให้มารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน
เพื่อการดำรงอยู่ของตนเอง
พอรวมตัวกันมากเข้าก็จะกลายเมฆฝนหนาทึบ
ที่เต็มไปด้วยอนุภาคประจุลบจำนวนมาก
เมื่อมีประจุบวกจากจิตมนุษย์
ที่รักได้ ให้เป็น มีเมตตาธรรมสูงๆ
ถูกเวี่ยงออกมาแต่มีปริมาณน้อยกว่า
ท่านจะพบว่าพายุแม่เหล็กในก้อนเมฆ
ที่เป็นฟ้าแลบฟ้าร้องครวญคราง
ก็จะปรากฏให้เห็นอยู่เนืองๆ
เพราะหน้าที่ของประจุบวกก็คือ
ช่วยทำให้ประจุลบเป็นกลางทางไฟฟ้า
ดังนั้น
ถ้าวันๆหนึ่งมนุษย์กิเลสหนาตัณหาเยอะ
มีมากกว่าคนดีๆที่สมดุลทางจิตวิญญาณ
วันนั้นๆจะเป็นวันที่บรรยากาศโลก
จะมีค่าสนามแม่เหล็กเสียสมดุลไปในทางลบ
มันก็จะยิ่งทำให้เครื่องยนต์แห่งกรรม
ที่เป็นสองมิติของพวกท่านทั้งหลาย
ยิ่งออกอาการเสียสมดุลหนักเข้าไปอีก
เช่น ภูมิต้านทานโรคต่ำ
การทำงานในระบบเซลและอวัยวะอัตโนมัติ
รวมทั้งกระบวนการทางอารมณ์และสมอง
จะย่อหย่อนสมรรถภาพทันที
ที่ผ่านมาก่อนพระบิดาจะพิพากษาโลก
เราจะมีช่างเท็คนิกช่วยเก็บขยะเล่านี้
เอาไปทิ้งลงทะเลบ้าง ในป่าเขาลำเนาไพร
ที่ห่างไกลผู้คนอยู่อาศัยบ้าง
แต่ทุกวันนี้เรามิได้ทำเช่นนั้นอีกแล้ว
ประจุลบที่คนชุมชนใดผลิตสร้าง
จะถือเป็นขยะที่คนกลุ่มนั้นต้องรับผิดชอบ
แต่ระยะนี้ยังมีการเตือนบ้าง
และให้รับผิดชอบขยะของตัวเองบ้าง
ด้วยการทำให้เกิดปรากฏการณ์ของ
"เมฆฝน-พายุ-ลูกเห็บ-พายุแม่เหล็ก"
โดยช่างเท็คนิกประจำท้องถิ่นนั้นนั่นเอง
ปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่เช่น
พายุลูกเห็บก้อนโตๆ
ฝนลูกเห็บผสมวุ้นน้ำแข็ง
ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และฟ้าผ่า
เป้าหมายคือกำจัดประจุลบที่เป็นขยะ
เพื่อคืนความสะอาดสมดุลให้บรรยากาศ
แต่แอบติดปลายนวมให้รับทุกข์ภัย
จากปรากฏการณ์ภัยพิบัตินั้นๆ
ตามสมดุลแห่งผลกรรมคือประจุลบ
ที่คนในชุมชนนั้นสร้างกันขึ้นมาเอง
ดังนั้น
เมื่อท่านเป็นคนหนึ่ง
ซึ่งกำลังตกอยู่ในสถานการณ์
ที่เรียกกันว่า "ภัยพิบัติ" แบบต่างๆ
ก็จงตระหนักรู้ไว้เถิดว่า
มันคือปฏิบัติการสร้างสมดุลให้โลก
อันเกิดจากการเสียสมดุลของพวกท่านเอง
นี่จึงเป็นที่มาของคำกล่าวของคุรุทั้งหลายว่า
จงคิดดี พูดดี ทำดีไว้
แต่พวกท่านกลับไปฝึกคิดตามที่เขาสอนสั่ง
ไปฝึกพูดโดยเน้นแต่ที่ริมฝีปาก
ไปฝึกทำตามแบบที่เขาสอนให้ทำ
โดยมิได้จัดการที่บ่อเกิดแห่งการคิด
การพูด และการกระทำนั้นๆเลย
บ่อเกิดพฤติกรรมทั้งดีทั้งเลวของคน
มันอยู่ที่ จิตสามนึก ต่างหาก
ถ้าต้องการแก้ไขไม่ผลิตลบให้รกโลก
ท่านต้องหันมากระทำที่จิตสำนึกเท่านั้น
อีกนานแค่ไหน
ที่พวกท่านทั้งหลายจึงจะหันมาฟังเรา
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
19-06-2017

15 มิถุนายน 2560

คำสอน 15/06/2017

 

จงอย่าพิพากษาผู้อื่น
ถ้าจิตสามนึกของท่าน
ยังมีมลทินอยู่

คำสอน 15/06/2017

 

ทุกข์หรือสุขเกิดที่ใจ
ทุกข์สุขของใคร
อยู่ที่ใจของคนนั้น

ทุกข์กับสุขจึงเป็น
เรื่องเฉพาะตน
คนอื่นไม่เกี่ยว
อย่าเที่ยวโทษคนอื่น

13 มิถุนายน 2560

คำสอน 13/06/2017

 

ถ้าท่านต้องการหลุดพ้น
ในภพชาตินี้

1.หยุดก่อกรรมใหม่และแก้ไขกรรมเก่าให้สิ้น
2.ครองมหาสติและมีปณิธานแห่งนิพพาน
3.ปฏิบัติตามพันธะสัญญา 6 ให้ได้
4.ไม่งมงายฝักใฝ่ในอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์
5.มีความสุขสำราญอยู่กับการเป็นผู้ให้
6.ไม่ประมาทในการดำเนินชีวิต

คำสอน 13/06/2017

 

ถ้าลิ้นยังร้อยเล่ห์ล่วงเกินผู้อื่นอยู่
ปากก็ยังมิรู้หยุดฆ่า
สองตาก็ยังชอบสอดเห็น
สองหูก็ยังเน้นสอดรู้หูเบา
จมูกยังเฝ้าฝักใฝ่เครื่องหอม
จิตยังยอมเป็นทาสกิเลสตัณหา

ไม่ว่าชาตินี้ชาติหน้า
ก็หลุดพ้นไม่ได้

คำสอน 13/06/2017

 

อนุตรธรรม
โลกุตรธรรม
โลกียธรรม

ทุกศาสนาล้วนเป็นสากล
ทุกศาสนาล้วนเป็น 1 เดียว
ทุกสายธรรม ล้วนมาจาก ต้นธารเดียวกัน

คำสอน 13/06/2017

 

เรามิได้มาบังคับ
ให้ท่านเชื่อ
แต่เรามาเป็นเพื่อน
ร่วมงานกับท่าน
เพื่อให้ท่านได้รับ
ความรอด

12 มิถุนายน 2560

คำสอน 12/06/2017

 

:สมาธิ
เป็นผลจากสติ
:สติ
เป็นผลจากสงบ
:สงบ
เป็นผลจากสำรวม

11 มิถุนายน 2560

จิตวิญญาณมีข้อจำกัด




#จิตวิญญาณมีข้อจำกัด


จิตหยาบทำผิดบาปด้วยจิตตปัญญา
จิตวิญญาณก็รับเอาผลกรรมด้านลบมาติดตัวไว้
เมื่อท่านตายไปจิตวิญญาณก็แบกภาระปัญหาไว้
จะแก้ไขด้วยตนเองก็ไม่ได้

1.ต้องเจอสถานการณ์แบบเดิมๆ
ที่เคยทำผิดบาปไว้นั้นอีกครั้ง

2.ต้องใช้จิตตปัญญา
ของเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์เท่านั้น
จึงจะจัดการกับภาระผิดบาปทั้งหมดของตนเอง
ที่จิตหยาบก่อไว้ตอนที่เป็นมนุษย์ได้

ดังนั้น
จิตวิญญาณจึงต้องการโอกาส
กลับสู่การเกิดมีภพชาติใหม่
เพื่อให้เพื่อนมนุษย์ที่เกี่ยวกรรมกันมา
ช่วยยื่นเงื่อนไขเดิมให้ใหม่อีกครั้ง

ถ้าท่านรักได้
ให้อภัยหรืออโหสิเขาเป็น
กรรมเก่าจะเป็นโมฆะทันที

จิตวิญญาณทุกคนจึงต้องลงนรก
เพื่อให้พระยายม
ท่านช่วยสร้างบททดสอบจิตสามนึกให้
ด้วยการให้ท่านเห็นภาพ
ฉายความชั่วความผิดบาป
ในแต่ละกรณีแต่ละเรื่องราวที่ท่านก่อไว้
เมื่อครั้งที่เป็นมนุษย์ให้ได้เห็นเพื่อการมีสำนึก

แต่กรรมชั่วบางอย่าง
ที่ท่านทำผิดบาปเป็นกิจวัตร
ด้วยการใช้อายตนะหรืออวัยวะไปในทางชั่ว
ท่านก็จะถูกหยิบยื่นบททดสอบจิตสามนึกให้
ด้วยการรับโทษทัณฑ์จำเพาะอายตนะนั้น

เช่น ตอกตะปูเล็บนิ้วมือสองข้างทีละนิ้ว
เพื่อให้สำนึกผิดบาปด้วยตนเองให้ได้ว่า
ท่านใช้มือสองข้างกระทำผิดบาปอะไรมา

เช่น ใช้มีดกรีดปากสองข้างให้กว้างขึ้น
เพื่อให้สำนึกผิดบาปด้วยตนเองให้ได้ว่า
ท่านใช้ปากกระทำผิดบาปอะไรม

เช่น ใช้นกกาดำปากยาวแหลมคม
ไล่จิกลูกกะตาทั้งสองข้างของท่าน
เพื่อให้สำนึกผิดบาปด้วยตนเองให้ได้ว่า
ท่านใช้ตาสองข้างกระทำผิดบาปอะไรมา

จะสิ้นสุดหลุดนรกขึ้นมาได้ก็ต่อเมื่อ
ท่านมีสำนึกใหม่ที่ถูกต้อง
จนคืนสมดุลทางจิตวิญญาณแล้วเท่านั้น

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
11-06-2017

หมายเหตุ:

กลัวนรกก็ต้องอ่าน
ไม่เชื่อว่านรกมีจริงก็ต้องอ่าน

คำสอน 11/06/2017

 

การทำความดีงามนั้นทำยาก
เพราะกว่าคนจะเห็นว่าดีจริง
ต้องใช้เวลายาวนาน

ดังนั้น
ถ้ามุ่งทำดีก็จงอย่าหวังสิ่งตอบแทน
อย่าหวังคำสรรเสริญ
ขอให้มีความสุขที่ได้ทำดีก็พอแล้ว

คำสอน 11/06/2017

 

ต้องรู้นึกด้วยจิต
แล้วนำมาคิดต่อด้วยสมอง
นี่จึงเป็นวิธีแห่งคนฉลาด

อย่าได้แต่นึกโดยไม่คิด
จงอย่าคิดไปตามอารมณ์รู้สึก
จงอย่าด่วนสรุปอะไรง่ายๆ
เพราะเป็นวิถีแห่งคนโง่

คำสอน 11/06/2017

 

อยู่กับตัวเองให้ได้
อย่าลื่นไหล
ไปตามสิ่งปลุกเร้า

คำสอน 11/06/2017

 

คนทั้งโลกยกย่องคนดี
เพราะกว่าจะทำดีให้คนยอมรับ
นั้นยากมาก

คนทั้งโลกไม่ยอมรับคนชั่ว
เพราะการทำชั่วให้คนรังเกียจนั้น
คนโง่ก็ทำได้

คำสอน 11/06/2017

 

รักได้แม้จะไม่น่ารัก
ให้ได้แม้คนที่ไม่สมควรให้อภัย
ไม่ก้าวล่วงใคร
ทั้งต่อหน้า-หลับหลัง

นี่แหละคนดีศรีแห่งจักรวาล

คำสอน 11/06/2017

 

จิตวิญญาณต้องย้อนกลับมาเกิดใหม่
เพื่อให้ท่านใช้จิตตปัญญาในชาตินี้
แก้ทุกปัญหาชีวิตที่ทำผิดบาปไว้ในอดีตชาติ
ด้วยการมีสำนึกใหม่ให้ถูกต้อง
เมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์เดิมนั้นอีกครั้ง
ผลกรรมเก่านั้นจักเป็นโมฆะได้

คำสอน 11/06/2017

 

การรักผู้อื่น
ที่ทำตัวไม่น่ารัก
เป็นหน้าที่หลักของมนุษย์ทุกคน
เพราะท่านมิได้เกิดมา
เพื่อจะโกรธเกลียดเคียดแค้นใคร

09 มิถุนายน 2560

ความลับแห่งจักรวาล : พระกำเนิดพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ




พี่ๆน้องๆที่ <3 แห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

พระบิดาทรงเล่าให้เราฟังว่า
เมื่อแรกเริ่มเดิมทีนั้น
จักรวาลยังเป็นเพียงสถานที่อันว่างโล่ง
ไม่มีสรรพสิ่งใดๆดำรงอยู่เล
คงมีเพียง แก่นแท้ของความว่าง เท่านั้น
ที่ฟุ้งกระจายอยู่ทั่วไป

แก่นแท้ของความว่างทั้งหลายเหล่านี้
แม้เป็นสิ่งที่มีอยู่จริงแต่ก็ไม่แสดงตน
จึงยังผลให้จักรวาลในยุคนั้
เป็นความว่างที่มีบางสิ่งอยู่แต่เหมือนไม่มี

โดยแก่นแท้ของความว่างเหล่านี้
คือ ผู้ให้กำเนิดตัวตนของความว่าง
เมื่อถูกทำให้เกิดการสั่นสะเทือนนั่นเอง
ซึ่งปกติแล้วแก่นแท้ของความว่าง
จะเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นเมื่อมีการชนกัน
เมื่อชนกันแล้วอนุภาคของความว่าง
ก็จะถือกำเนิดเกิดขึ้นตามมา
แต่ก็ยังจะไม่สำแดงอัตตาตัวตนเช่นเดิม

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
แก่นแท้ของความว่าง
จะเป็นผู้ทำให้เกิด "ตัวตนของความว่าง"
เมื่อแก่นแท้ทั้งหลายมีการชนปะทะกัน

สำหรับแก่นแท้ของความว่าง
ที่ดำรงอยู่อย่างกระจัดกระจายที่ว่านี้
มีการเคลื่อนที่หมุนวนจากรอบนอก
ซึ่งมีแก่นแท้ของความว่างหนาแน่นกว่า
โดยจะพากันหมุนวนเข้าหาจุดศูนย์กลาง
ซึ่งยังมีแก่นแท้ของความว่า
ดำรงอยู่หนาแน่นน้อยกว่ารอบนอก

ปรากฏการณ์ที่ว่านี้
จะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยอัตราการหมุนต่อรอบจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ถ้าตัวตนแก่นแท้ด้านนอกที่รวมตัวกันอยู่นั้น
ถูกเหนี่ยวรั้งให้มารวมตัวกันหนาแน่นมากขึ้น
ความเร็วการหมุนเข้าหาศูนย์กลางก็จะเพิ่มขึ้น

ในที่สุด...
เมื่อจุดศูนย์กลางการหมุนของจักรวาล
มีประดาแก่นแท้ของความว่าง
พากันเคลื่อนไหลเข้าไป
รวมตัวกันจนอัดแน่น
ก็จะมีการชนกันหรือกระทบกันเข้า
จึงยังผลให้เกิดตัวตนของความว่าง
ขึ้นมาใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

แต่เนื่องจากการหมุนวนเกิดขึ้นต่อเนื่อง
จึงทำให้ตัวตนของความว่าง
ที่เกิดขึ้นมาใหม่จำนวนมากมายนี้
มีการชนปะทะกันต่อไปอีกเรื่อยๆ
ซึ่งตัวตนของความว่างเหล่านี้
เมื่อชนกันก็จะก่อให้เกิดอนุภาคแรก
ของคลื่นความถี่ในย่านต่างๆขึ้นมาอีก

คลื่นความถี่ทางพลังงาน
ในแต่ละย่านความถี่ที่เกิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆนี้
จะมีการลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่
ภายในบริเวณศูนย์กลางของการหมุนนั้น
โดยแต่ละคลื่นความถี่ที่เกิดขึ้นนั้น
จะสั่นสะเทือนอยู่อย่างต่อเนื่องมิรู้หยุดนิ่ง

นานเท่าใดมิอาจจะหยั่งรู้ได้
คลื่นความถี่จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนนี้
ก็มีการปฏิสัมพันธ์ผสมผสานคลื่นกันเอง
จนเกิดเป็นคุณสมบัติเฉพาะตั
ของแต่ละคลื่นขึ้นมาใหม่อีกมากมาย

เมื่อหลายๆคลื่นความถี่ใหม่
ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่ว่านี้
มีการรวมตัวกันแล้วสั่นสะเทือนร่วมกันอีก
โดยสั่นสะเทือนร่วมกันเรื่อยมาระยะหนึ่ง
จนในที่สุดสนามพลังงานแห่งนี้
ที่เดิมทีเรียกว่า "จักรวาล" อันว่างโล่งนั้น
พลันก็เกิดมีคุณสมบัติใหม่ที่เรียกว่า ตัวรู้ ขึ้น

โดยตัวรู้ที่เกิดขึ้นนี้ก็คื
การที่พระองค์ทรงสำนึกรู้ขึ้นมาได้ว่า
พระองค์นั้นทรงมีตัวตนอยู่

ด้วยเหตุนี้เอง
เมื่อสนามพลังงานจักรวาลขนาดใหญ่นี้
มีตัวรู้เกิดขึ้นมาได้เช่นนี้แล้ว
เท่ากับว่าสนามพลังงานจักรวาลนี้
จึงเกิดมีอัตตาตัวตนขึ้นมานับแต่บัดนั้น

ดังนั้น
จากเดิมที่จักรวาลเป็นเพียงแค่ที่ว่างโล่ง
มีเพียงแก่นแท้ของตัวตนแห่งความว่าง
เป็นผู้สร้างตัวตนของความว่างขึ้นมาได้

ในที่สุดประดาตัวตนแห่งความว่าง
ก็สร้างคลื่นความถี่ขึ้นมาอย่างหลากหลาย
จนสุดท้ายคลื่นความถี่ที่มีอยู่หลายมิตินั้น
ก็สร้างคลื่นผสมที่มีคุณสมบัติเป็น ตัวรู้ ขึ้น
จึงเกิดมี "อัตตา" จากการที่มีตัวรู้เกิดขึ้นนั้

ความจริงที่จริงแท้เหล่านี้
ท่านต้องอาศัยความเชื่อความศรัทธา
เพราะเป็นความรู้ที่ พ่อเล่าให้ฟัง เท่านั้น
เนื่องจากท่านจะคิดแบบจิตมนุษย์
เพื่อค้นหาความจริงด้วยสมองซีกซ้ายไม่ได้

จากความจริงอันยิ่งใหญ่ทั้งหมดนี้
ทำให้พระบิดาได้องค์ความรู้ใหม่ว่า
สรรพสิ่งที่เป็นอนัตตาเป็นผู้สร้างอัตตาเสมอ
เพราะพระองค์ทรงอุบัติขึ้นมาได้
เมื่อแปดล้านหนึ่งแสนหกสิบล้านปีที่ผ่านมา
ทั้งๆที่ทรงมีสภาวะเป็น "อนัตตา" เท่านั้น

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
9-06-2017

05 มิถุนายน 2560

อย่าเลือกคบแต่คนที่ชอบใจ


พี่ๆน้องๆที่ <3 แห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
จงมองเห็นคุณค่าของผู้อื่น
เพื่อท่านจะไม่ต้องยืนบนโลกนี้คนเดียว
เพราะการยืนอยู่ด้วยกันสองคนนั้น
จะได้รับผลดีกว่าการยืนอยู่คนเดียว
ด้วยว่าถ้าใครคนหนึ่งล้มลง
ยังจะมีอีกคนหนึ่งช่วยพยุงให้ลุกขึ้นได้
แต่ถ้าท่านยืนอยู่คนเดียว
เมื่อถึงคราล้มลงความวิบัติจะเกิดแก่ท่าน
เพราะจะไม่มีใครฉุดช่วยพยุงท่าน
ให้หยัดยืนลุกขึ้นมาได้
ดังนั้น
การเป็นสัตว์สังคมของท่าน
จักเป็นผลดีไม่ได้เลย
ถ้าท่าน "ปลีกวิเวก" โดดเดี่ยวตนเอง
การเป็นสัตว์สังคมของท่าน
ก็จะยังวิบัติอยู่เช่นเดิม
ถ้าหากท่านยังเลือกคนที่จะยืนเคียงข้าง
ด้วยการเลือกคบแต่คนที่ ชอบใจ
โดยไม่ใส่ใจคนที่ ชอบธรรม
เพราะในโลกนี้คนที่ท่านชอบใจนั้นมีน้อย
เนื่องจากไม่มีใครชอบเหมือนท่านไปทุกสิ่ง
แต่ฝ่ายคนที่ มีความชอบธรรม นั้น
แม้พวกเขายังมีบางสิ่งที่ท่านไม่ชอบใจ
พวกเขาก็เป็นคนส่วนใหญ่บนโลกเสรีนี้
ดังนั้น
การเลือกคบคนชอบธรรมฝ่ายที่มีมากกว่า
แทนที่จะเลือกคบแต่คนที่ "ชอบใจ"
ซึ่งเป็นคนส่วนน้อยในสังคมของท่าน
จึงเป็นการมีเพื่อนไว้หลายคนอยู่รอบข้าง
เพื่อคอยผลัดกันพยุงเมื่อถึงคราล้มลง
คนฉลาดจักไม่เลือกการคบเพื่อน
ใครจะดีจะเลวจะสูงจะต่ำดำขาว
เขาก็สามารถจะช่วยพยุงท่านให้ลุกขึ้นได้
เพียงแค่ว่า เขามีน้ำใจ ให้ท่านหรือเปล่า
ปริศนาธรรมข้อนี้....มันอยู่ตรงที่ว่า
ถ้าท่านไม่ทำความดีงามอะไรเลย
ท่านได้แต่เฉยเมยหรือทำไม่ดีกับเขา
ทั้งคนชอบธรรมหรือแม้แต่คนที่ท่านชอบใจ
ยังจะมีใครใยดีที่จะมีน้ำใจต่อท่านบ้าง?
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5-06-2017