19 มิถุนายน 2560

การปรับสมดุลทางไฟฟ้าในก้อนเมฆ

พี่ๆน้องๆที่รัก  แห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
มนุษย์แต่ละคนนั้น
สามารถจะสร้างสิ่งสกปรกรกโลกได้
ทั้งในมิติโลกทางกายภาพ
ที่เป็นขยะมูลฝอย ขยะสารเคมี
ขยะก๊าซพิษ ควันพิษ
ขยะด้านวัตถุเท็คโนโลยี
และการทำตัวเป็นขยะ
รกสังคมรกโลกเสียเองได้อีกด้วย
กับการสร้างมวลขยะให้รกโลก
ในมิติทางจิตวิญญาณด้านของพลังงาน
ซึ่งเป็นมิติที่สูงเกินกว่าตาเนื้อจะมองเห็น
เราจึงขอกล่าวความจริงว่า
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
หรือองค์จิตจักรวาล
ได้ทรงกำหนดสร้างให้มนุษย์โลก
เป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ที่พวกท่านเรียกตนเองกันว่า #คน
ซึ่งแท้จริงหมายถึง #คนสองมิติ นั่นเอง
"คนสองมิติ" หมายถึง
การมีสองภาคอยู่ในตนเอง
อันประกอบด้วยกายหยาบ
กับจิตและใจที่เป็นด้านพลังงาน
พวกท่านทุกคนจึงมีหน้าที่
จักต้องทำการ "คน"ทั้งสองภาคของตน
ให้เข้ากันจนเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้
ถ้าใครคนสำเร็จจึงจะเรียกว่า #มนุษย์ ได้
วิธีการคนที่ถูกต้องต้องใช้ลูกแก้ว 2 ดวง
คือ มหาสติ กับ ปณิธานแห่งนิพพาน
ท่านทั้งหลายจึงจะประสบผลสำเร็จได้
นั่นแปลว่าท่านหมุนธรรมจักรสำเร็จนั่นเอง
เมื่อท่านหมุนธรรมจักรได้
ท่านก็ประสบผลสำเร็จในการเกิดเป็นมนุษย์
ท่านก็สามารถเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกได้
ท่านก็จะเป็นหนึ่งเดียวกันกับเพื่อนมนุษย์
เป็นหนึ่งเดียวกันกับสรรพสัตว์ทั้งหลาย
อันหมายถึงเป็นหนึ่งเดียวกัน
กับดาวโลกเสรีดวงนี้ได้นั่นเอง
แต่ถ้าท่านทำหน้าที่ "คน" ไม่สำเร็จ
เพราะท่านเข้าถึงมหาสติไม่ได้
เพราะท่านไม่มีปณิธานแห่งนิพพาน
วันๆหนึ่งท่านได้แต่ หมุนกรรมจักร
ด้วยอำนาจฤทธิ์แห่งกิเลสตัณหาราคะ
มันจะทำให้เครื่องยนต์แห่งกรรมของท่าน
มีกระบวนการทำงานในสองมิติผิดพลาด
นานวันเข้าเครื่องยนต์แห่งกรรม 2 มิติ
ก็จะเกิดการขัดข้องจนต้องแก้ไขเยียวยา
เช่น เจ็บไข้ได้ป่วย มีโรคประจำตัว
ที่สำคัญคือจะมีอายุขัยใช้งานสั้นลง
นอกจากนั้น
การทำผิดพลาดของท่าน
มันยังสร้างปัญหา
ให้เกิดขึ้นทางจิตวิญญาณด้วย
ปัญหาแรก
ท่านก็หลุดพ้นจากสังสารวัฏไม่ได้
เพราะก่อกรรม-เกี่ยวกรรมกับใครต่อใคร
จนต้องมาปล่อยปลดละวาง
จนต้องมานั่งแก้ไขใหม่ในภพชาตินี้ชาติหน้า
ปัญหาสอง
เป็นปัญหาที่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้ว่าไม่รู้
นั้่นคือ การหมุนกรรมจักรของพวกท่าน
นอกจากจะค้ำจุนโลก
ให้สมดุลเป็น 1 เดียวกันทั้งระบบไม่ได้
พวกท่านแต่ละคนยังสร้างขยะขึ้นมา
ให้รกโลกในมิติแห่งจิตวิญญาณด้วย
ขยะที่พวกท่านสร้างด้วยจิตที่ติดกิเลส
ในทุกวินาทีที่ท่านตื่นนี่แหละ
มันคือสิ่งที่เรียกว่า อีเล็คตรอนอิสระ
ซึ่งดำรงอยู่บนโครงข่ายสนามแม่เหล็กโลก
โดยขยะอีเล็คตรอนจำนวนมากมาย
จะถูกพวกท่านเหวี่ยงมันออกมาทิ้งขว้าง
โดยขาดสติ ไร้สำนึก และไม่รู้
อีเล็คตรอนอิสระทั้งหลาย
มันจะเหนี่ยวรั้งมวลความชื้นในบรรยากาศ
ให้มารวมตัวกันเป็นกลุ่มก้อน
เพื่อการดำรงอยู่ของตนเอง
พอรวมตัวกันมากเข้าก็จะกลายเมฆฝนหนาทึบ
ที่เต็มไปด้วยอนุภาคประจุลบจำนวนมาก
เมื่อมีประจุบวกจากจิตมนุษย์
ที่รักได้ ให้เป็น มีเมตตาธรรมสูงๆ
ถูกเวี่ยงออกมาแต่มีปริมาณน้อยกว่า
ท่านจะพบว่าพายุแม่เหล็กในก้อนเมฆ
ที่เป็นฟ้าแลบฟ้าร้องครวญคราง
ก็จะปรากฏให้เห็นอยู่เนืองๆ
เพราะหน้าที่ของประจุบวกก็คือ
ช่วยทำให้ประจุลบเป็นกลางทางไฟฟ้า
ดังนั้น
ถ้าวันๆหนึ่งมนุษย์กิเลสหนาตัณหาเยอะ
มีมากกว่าคนดีๆที่สมดุลทางจิตวิญญาณ
วันนั้นๆจะเป็นวันที่บรรยากาศโลก
จะมีค่าสนามแม่เหล็กเสียสมดุลไปในทางลบ
มันก็จะยิ่งทำให้เครื่องยนต์แห่งกรรม
ที่เป็นสองมิติของพวกท่านทั้งหลาย
ยิ่งออกอาการเสียสมดุลหนักเข้าไปอีก
เช่น ภูมิต้านทานโรคต่ำ
การทำงานในระบบเซลและอวัยวะอัตโนมัติ
รวมทั้งกระบวนการทางอารมณ์และสมอง
จะย่อหย่อนสมรรถภาพทันที
ที่ผ่านมาก่อนพระบิดาจะพิพากษาโลก
เราจะมีช่างเท็คนิกช่วยเก็บขยะเล่านี้
เอาไปทิ้งลงทะเลบ้าง ในป่าเขาลำเนาไพร
ที่ห่างไกลผู้คนอยู่อาศัยบ้าง
แต่ทุกวันนี้เรามิได้ทำเช่นนั้นอีกแล้ว
ประจุลบที่คนชุมชนใดผลิตสร้าง
จะถือเป็นขยะที่คนกลุ่มนั้นต้องรับผิดชอบ
แต่ระยะนี้ยังมีการเตือนบ้าง
และให้รับผิดชอบขยะของตัวเองบ้าง
ด้วยการทำให้เกิดปรากฏการณ์ของ
"เมฆฝน-พายุ-ลูกเห็บ-พายุแม่เหล็ก"
โดยช่างเท็คนิกประจำท้องถิ่นนั้นนั่นเอง
ปรากฏการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่เช่น
พายุลูกเห็บก้อนโตๆ
ฝนลูกเห็บผสมวุ้นน้ำแข็ง
ฟ้าแลบ ฟ้าร้อง และฟ้าผ่า
เป้าหมายคือกำจัดประจุลบที่เป็นขยะ
เพื่อคืนความสะอาดสมดุลให้บรรยากาศ
แต่แอบติดปลายนวมให้รับทุกข์ภัย
จากปรากฏการณ์ภัยพิบัตินั้นๆ
ตามสมดุลแห่งผลกรรมคือประจุลบ
ที่คนในชุมชนนั้นสร้างกันขึ้นมาเอง
ดังนั้น
เมื่อท่านเป็นคนหนึ่ง
ซึ่งกำลังตกอยู่ในสถานการณ์
ที่เรียกกันว่า "ภัยพิบัติ" แบบต่างๆ
ก็จงตระหนักรู้ไว้เถิดว่า
มันคือปฏิบัติการสร้างสมดุลให้โลก
อันเกิดจากการเสียสมดุลของพวกท่านเอง
นี่จึงเป็นที่มาของคำกล่าวของคุรุทั้งหลายว่า
จงคิดดี พูดดี ทำดีไว้
แต่พวกท่านกลับไปฝึกคิดตามที่เขาสอนสั่ง
ไปฝึกพูดโดยเน้นแต่ที่ริมฝีปาก
ไปฝึกทำตามแบบที่เขาสอนให้ทำ
โดยมิได้จัดการที่บ่อเกิดแห่งการคิด
การพูด และการกระทำนั้นๆเลย
บ่อเกิดพฤติกรรมทั้งดีทั้งเลวของคน
มันอยู่ที่ จิตสามนึก ต่างหาก
ถ้าต้องการแก้ไขไม่ผลิตลบให้รกโลก
ท่านต้องหันมากระทำที่จิตสำนึกเท่านั้น
อีกนานแค่ไหน
ที่พวกท่านทั้งหลายจึงจะหันมาฟังเรา
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
19-06-2017