21 มีนาคม 2560

คำสอน 21/03/2017

 

ทำดีเพราะรู้ว่าดี
มิใช่เพราะอยากได้ดี

จงก้าวตามเรามาอย่าช้าชัก
สิ่งของหนักผลักทิ้งอย่านิ่งเฉย
ทั้งบุญทานลาภผลอย่าสนเลย
จงคุ้นเคยทำดีเพราะดีจริง

การทำดีได้ดีนั้นดีแน่
อย่าเล็งแลแต่ผลดีที่ทุกสิ่ง
การทำดีได้ดีนั้นดีจริง
ไม่ต้องอิงผลดีสิควรทำ

08 มีนาคม 2560

สาระพัน : สุขภาพดี 6 ประการ




สาระพัน

การที่ท่านทานอาหารอย่างดีทุกมื้อ
ทานอาหารอย่างถูกสุขอนามัย
ทานได้ครบถ้วนทุกหมวดหมู่

ท่านไม่เคยขาดอาหารและน้ำดื่ม
ท่านไม่เคยทานเลือดเนื้อของสัตว์เป็นอาหาร
แต่ทำไมท่านจึงมีสุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง
ทำไมท่านจึงเจ็บป่วยบ่อย
ทำไมบางท่านจึงอายุขัยไม่ยืนยาว

บางคนตอบว่าเพราะทานน้อยไป
บางคนตอบว่าเพราะทานมากไป
อันมายถึงทานอย่างไม่พอดี

บางคำตอบนี้...
ก็น่าจะมีโอกาสถูกต้องบ้าง


บางคนตอบว่าเพราะทานอิ่มแล้วนอน
บางคนตอบว่าอิ่มแล้วก็นั่งทำงานอยู่กับที่
ไม่ค่อยจะออกกำลังกายบ้างเลย

คำตอบนี้...
ก็น่าจะมีโอกาสถูกต้องได้เช่นกัน

แต่เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
การมีสุขภาพพลานามัยไม่สมบูรณ์
กับการมีอายุขัยแสนสั้นนั้น
คำตอบเดียวที่ท่านทั้งหลายเป็นเหมือนกัน
นั่นคือ เซลอวัยวะร่างกายทั้งระบบ
ขาดพลังงานที่จะหล่อเลี้ยงบำรุง
เพราะอาหารส่วนใหญ่ที่รับประทานเข้าไป
ในทุกคำทุกมื้อทุกวันของท่านนั้น
มันถูกใช้ไปเพื่อบำรุงกระเพาะลำไส้
เพื่อให้เกิดการย่อยสลาย
แล้วทำการจำแนกแยกสารอาหาร
ให้พร้อมต่อการนำไปใช้ประโยชน์
ในระดับเซลอวัยวะร่างกายของท่านต่อไป

ท่านที่มีปัญหาด้านสุขภาพ
มันเกิดขึ้นตรงที่เซลอวัยวะร่างกาย
ไม่สามารถนำเอา "สารอาหาร"
ที่ทำการย่อยแยกเสร็จแล้วมาใช้ประโยชน์ได้
หรือนำมาใช้ได้บ้างแค่บางส่วน
ทำให้เซลอวัยวะร่างกายของท่าน
ได้รับสารอาหารไม่พอเพียงกับความต้องการ
ทั้งๆที่สารอาหารเหล่านั้น
ท่านทั้งหลายมีมันอยู่เต็มเซลแล้ว

สิ่งเดียวที่ท่านมีหน้าที่ต้องทำก็คือ
"สั่นสะเทือน" เซลอวัยวะร่างกายของท่าน
เมื่อมันเกิดการสั่นสะเทือนขึ้นเมื่อใด
กระบวนการทางไฟฟ้าเคมี
ภายในเซลอวัยวะและร่างกายที่เรียกว่า
กระบวนการ Metabolism จึงจะเกิดขึ้นได้

การสั่นสะเทือนดังกล่าวนี้
จะช่วยให้เซลสามารถใช้สารอาหารที่ได้รับ
เปลี่ยนแปลงเป็นพลังงานในรูปแบบต่างๆ
ที่เอื้อประโยชน์ต่อการดำรงชีวิตอยู่
เอื้อประโยชน์ต่อการทำหน้าที่นั้นๆต่อไป

การสั่นสะเทือนของทุกสรรพสิ่งนั้น
มันจะก่อให้เกิดพลังอำนาจในสรรพสิ่งนั้นเสมอ

พลังอำนาจของเซลในการขับเคลื่อน
กระบวนการทางไฟฟ้าเคมีนี่ก็เช่นกัน
ท่านจักต้องสั่นสะเทือนเคลื่อนไหวตนเองเสมอ
อย่านอนซม อย่าขี้เซา
อย่าเกียจคร้านออกกำลังกาย
กล่าวคือ

1.หายใจเข้าเอาออกซิเจนที่มีปริมาณมากพอ
2.กินธาตุอาหารครบหมวดครบหมู่และพอเพียง
3.ไม่กินสิ่งที่เป็นพิษโทษเข้าสู่ร่างกาย
4.หมั่นออกกำลังกายอยู่เป็นประจำ
5.ทำงานแต่ละวันให้มีการเคลื่อนไหวร่างกายเสมอ
6.จิตใจแจ่มใส มีอารมณ์ดี ไม่งี่เง่าหงุดหงิดเลย

ทั้ง 6 ประการนี้
เป็นเคล็ดลับที่จะทำให้ท่านมีอายุขัยยืนยาว
อายุท่านจะไม่สั้นเกินกว่า
ที่กำหนดหมายเอาไว้จากอดีตชาติแน่นอน

ดังนั้น
ใครจะมีอายุสั้นยาวแค่ไหนอย่างไร
มันขึ้นกับ 6 ข้อที่ว่านี้แหละท่าน

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา

8-03-2017

07 มีนาคม 2560

05 มีนาคม 2560

สาระธรรม : สอนธรรม กับ อวดธรรม


#สาระธรรม

ทุกวันนี้ยังมีอยู่หลายคน
ที่รู้สึกว่าเรียนธรรมะฟังธรรมะแล้ว
ค่อนข้างยากต่อการทำความเข้าใจ

สาเหตุที่ฟังแล้วไม่เข้าใจ
เพราะทั้งครูผู้สอนธรรมและศิษย์สาวก
ต่างมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนด้วยกันอยู่
ในความหมายของคำสองคำ นั่นก็คือ

คำว่า "สอน" ธรรมะ กับคำว่า "อวด" ธรรมะ

ทั้งๆที่คำสองคำนี้นั้นแท้จริงแล้ว
มีความหมายในเชิงพฤติกรรม
ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
แต่ประดาคุรุทั้งหลายมักหลงผิดคิดไปว่า 
"การอวดธรรมะ" ก็คือ "การสอนธรรมะ"

เราจึงขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

1.คำว่า "อวด" นั้น 
หมายถึง
การบอกคนอื่นให้รู้ว่า "ตนรู้อะไรบ้าง"

2.คำว่า "อวด" นั้น 
หมายถึง
การแสดงออกให้คนอื่นเห็น
ในสิ่งที่ตนเป็นอยู่มีอยู่หรือรู้อยู่

3.ผลลัพธ์ของการ "อวด-แสดง"
จึงเป็นได้แค่เพียง "สอนให้คนอื่นรู้"
ว่าคนที่เป็นผู้อวดแสดงน่ะเขา "รู้อะไร"
คนที่เป็นผู้อวดแสดงนั้น "เขามีดีอะไร"

4.ท่านทั้งหลายจะสามารถสังเกตได้เลยว่า
คนส่วนใหญ่จะชื่นชมยกย่องครูประเภทนี้
จนมีชื่อเสียงโด่งดังในสังคม
เพราะมีคารมคมคายในธรรมะแปลกๆ

ทั้งๆที่ศิษย์สาวกของครูประเภทนี้นั้น
ยังมิอาจดื่มด่ำเข้าถึงแก่นธรรมที่ปลื้ม
จนถึงขั้นนำมาประพฤติปฏิบัติจริง
ในชีวิตได้เลย

5.ตัวอย่างการ "อวดแสดง" ธรรมะ
ในลักษณะแค่.....สอนให้รู้

5.1/ 
"รักษาจิตให้ดี ทำหน้าที่ให้ถูกต้อง
มีสติอย่าให้พร่อง 
ความเศร้าหมองจะหมดไป"

ไม่แนะนำเลยว่า.....
รักษาจิตให้ดีต้องทำยังไง

ทำหน้าที่ให้ถูกต้องนั้น
คือทำอะไร-อย่างไร

มีสติอย่าให้พร่องต้องทำยังไงบ้าง
เป็นต้น

5.2/
"มีกู ก็มีกรรม
ไม่มีกู ก็ไม่มีกรรม"

ไม่แนะนำว่า "ไม่มีกู" น่ะ
ต้องทำอย่างไร

6.คำสอนเหล่านี้เย้ายวนใจ
ชวนให้ซาบซึ้งในอรรถรสแห่งถ้อยธรรม
มากกว่าการชี้แนวทางปฏิบัติธรรมว่า
จะเข้าถึงคำกล่าวที่นำมาอวดแสดงนั้น
ได้อย่างไร

หลายคนจึงมัก "จำธรรม" ไว้ที่สมอง
มากกว่า "ทำธรรม" ในชีวิตจริงในสังคม

7.ส่วนคำว่า "สอน" นั้น หมายถึง
การช่วยให้คนอื่นเข้าใจในสิ่งที่ตนรู้
จนเขาสามารถนำเอาไปใช้ประโยชน์
ในชีวิตจริงของเขาได้

คำสอนที่ดี
จึงต้องมีแนวทางที่จะกระทำให้ด้วย
เพื่อช่วยให้คนอื่นๆง่ายขึ้น
เพื่อช่วยให้คนอื่นสามารถเข้าถึง
ข้อธรรมะที่ครูนำมาแสดงไว้นั้นได้จริงๆ

ตัวอย่างเช่น....

7.1/
"ก่อนที่จะพูดอะไร ให้ถามใจตนเองว่า
ที่จะพูดนี้.....จำเป็นหรือเปล่า
ถ้าไม่จำเป็นก็อย่าพูด"

7.2/
"หมาเห่า อย่าเห่าตอบ
เพราะมันจะมีหมาเพิ่มมาอีกตัว"

(Cr: ท่านพุทธาส)

ดังนั้น
ท่านทั้งหลายจึงต้องฉลาดเรียนรู้
ด้วยการเลือกครู ผู้สอนธรรม
แทนที่จะเลือกแต่ครู ผู้อวด (แสดง) ธรรม
เพื่อท่านจะได้เป็นผู้ "ทำธรรม"
แทนการดื่มด่ำแต่อรรถรส
ในข้อธรรมที่ครูเขาอวดสำแดง

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5-03-2017

02 มีนาคม 2560

บันได 3 ขั้น มหันตภัยแห่งหายนะ


พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
สำหรับมนุษย์แห่งโลกเสรีในยุคนี้นั้น

*สิ่งแรกสุดที่จะต้องแก้ไขเยียวยา
ก็คือ "จิตสามนึก"

อันหมายถึง 
#นึกออก #นึกเอา และ #นึกเอง
โดยจักต้องมีนิสัยการนึก
เป็น #นึกด้านบวก เท่านั้น

*สิ่งที่สองที่จะต้องฝึกฝน
ก็คือ "การใช้ปัญญาเพื่อคิด"

อันหมายถึง 
#การฉลาดที่จะคิด 
โดยฉลาด "เรียนรู้"
และ ฉลาด "นำความรู้
มาใช้ประโยชน์ในชีวิตจริง"

*สิ่งที่สามที่จะต้องพัฒนาไว้เสมอ
ก็คือ "ทักษะชีวิต"

อันหมายถึง 
#ฉลาดมองโลก 
#ฉลาดคิด และ #ฉลาดดำเนินชีวิต

ถ้ามนุษย์โลกยังบกพร่อง
ใน 3 สิ่งที่กล่าวนี้
โดยที่.......

ยังไม่รู้ตัวอยู่
ยังหลงตัวเองอยู่
ยังอคติต่อ "เรา" อยู่

ยังจดจำ
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณไม่ได้อยู่

คำเตือนของเราแบบ 
"เตือนแล้วเตือนเล่า" 
ก็จะยังไม่มีผู้ใด
หยิบมา "ฉุกคิด" ได้หรอก

จนกว่าจะถูกพระบิดา
เฆี่ยนด้วยหวายลงมา
ยังพิกัดใดพิกัดหนึ่ง 
สัก โครม! สอง โครม!

โครมแรก....Human Lost
โครมสอง....Land Lost
โครมสาม....Human & Lands Lost.

เมื่อยามโดนหวายเฆี่ยน
หากจะฉุกคิด ได้คิด และคิดได้
มันก็คงจะสายเกินไปเสียแล้ว
ทำอะไรก็ไม่ทันแล้วล่ะ

ถ้าได้อ่านแล้ว ได้รู้กันแล้วอย่างนี้
ใครจะตัดสินใจว่าอย่างไรนั้น
เห็นทีท่านทั้งหลาย
จะต้องรับผิดชอบตนเองกันแล้วล่ะนะ

 เอเมน สาธุ
 ป.วิสุทธิปัญญา
2-03-2017

กำกรรม ทำธรรม


#กำกรรม #ทำธรรม

สรรพสัตว์โลกล้วนเกิดแต่กรรมจากอดีต
ทั้งอดีตชาติที่ผ่านมาและอดีตแห่งชาตินี้
ผู้ใดก่อกรรมไว้อย่างไร
ดอกผลแห่งกรรมจักเป็นเช่นนั้น
ไม่มีผู้ใดจะฝืนลิขิตกรรมของตนเองได้

มันยากตรงที่มนุษย์มิอาจล่วงรู้
อดีตกรรมของตนเองได้
เพราะตาที่สามถูกปกปิดมิติไว้
มนุษย์จึงมิอาจเชื่อมโยง "กรรม" ของตน
ระหว่างอดีต ปัจจุบัน และอนาคตชาติได้
จึงไม่เข้าใจว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกับชีวิตตน
จึงไม่รู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้นกับชีวิตตนบ้าง

นอกจากนั้น
เมื่อเชื่อมโยงกรรมระหว่างภพชาติไม่ได้
จึงมักหลงผิดคิดไปว่า
สิ่งที่เกิดขึ้นกับชีวิตตนในปัจจุบันนั้น
เป็นเพราะตนถูกกลั่นแกล้ง 
เป็นเพราะตนถูกทำร้าย

ด้วยเหตุนี้เอง
แทนที่จะหยิบฉวย
เอาสถานการณ์ร้ายๆที่ตนเผชิญ
มาทบทวนใหม่ให้หลายๆครั้งเท่าที่โอกาสยังมี
เพื่อยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นให้ได้
ด้วยสติปัญญา
แล้วสร้างสำนึกใหม่เสียให้ถูกต้องถ่องแท้ว่า
ที่ผ่านมานั้นตนกระทำผิดบาปอันใดไว้
จึงต้องเผชิญหน้ากับสิ่งร้ายๆเยี่ยงนี้

ตนต้องคิดให้ได้ว่า
ถ้าพฤติกรรมทำบุญอันมโหฬารที่ผ่านมา
ชนิดที่สั่นสะเทือนทั้งชั้นฟ้าและชั้นดินนั้น
มันเป็นมหากุศลผลบุญอย่างแท้จริงแน่แล้ว
มันยังจะมีสิ่งใดผู้ใดหรืออะไรอีกหรือ
ที่จะสะท้อนกรรมดีด้านบวกของท่าน
ด้วยสถานการณ์ที่สั่นคลอน
ทั้งองค์กรและผู้คน
อันเป็นเงื่อนไขด้านลบ
ให้ตนพบเผชิญกันอยู่ในปัจจุบันได้เยี่ยงนี้

ยังไม่สายหรอกหากจะถามตนเอง
ในยามต้องโดดเดี่ยวเดียวดายไร้สงบว่า

1.ที่ผ่านมาตนทำดีจริงหรือไม่
2.ที่ผ่านมาตนทำอย่างบริสุทธิ์ใจจริงหรือเปล่า

3.ที่ผ่านมานำพาพี่น้องดำเนินอย่างถูกทาง
ที่พระพุทธองค์ทรงชี้มิติเอาไว้ให้ 
หรือนำพาพวกเขาไปผิดทาง

4.ที่ผ่านมาทุกสิ่งอย่างที่กระทำ
มันเป็นหน้าที่ทางจิตวิญญาณของตนหรือเปล่า

เพราะแม้แต่ผู้จะเป็นครูสอนธรรมะตัวเล็กๆ
ก็ยังจะต้องถือหน้าที่ทางจิตวิญญาณมาเกิดด้วย
มิใช่เพียงแค่อยากเป็น อยากสอน 
อยากได้บุญกุศลก็ลุกขึ้นมาอาสาสอนได้

ความผิดบาปจากการสอนให้คนหลงผิด
จากการสอนให้ผู้คนเข้าใจสัจธรรมผิดๆ
จากการสอนให้ผู้คนหลงงมงายไม่ใช้ปัญญา
ไม่ว่าจะเกิดจากการเป็น "ครูปัญญาน้อย"
ไม่ว่าจะเกิดจากการเป็น "ครูผู้รู้น้อย" หรือรู้ไม่จริง
ผลกรรมในความผิดบาปเช่นนี้หนักมหันต์

หน้าที่ครูผู้กล่าวธรรมะ
เป็นหน้าที่พิเศษอย่างหนึ่ง
ซึ่งจิตวิญญาณของคนๆนั้น
จักต้องผ่านการคัดเฟ้น
พร้อมเติมเต็มจิตตปัญญาสาระธรรม
ติดตัวมาด้วย

ดังนั้น
ครูผู้กล่าวธรรมะ
จึงต้องเป็นผู้มีคุณพิเศษกว่าคนทั่วไป
ตัวอย่างเช่น....

1.ต้องสอนให้เพื่อนมนุษย์นับถือตนเอง
มิใช่ให้ยอมตายถวายชีวิตเพื่อเจ้าลัทธิ

2.ต้องสอนให้เพื่อนมนุษย์รู้จักรักรู้จักให้
มิใช่สอนให้บูชาเซ่นไหว้เพียงแต่เจ้าลัทธิ

3.ต้องสอนให้เพื่อนมนุษย์บูชาความดีงาม
มิใช่สอนให้มุ่งบูชา
ความศักดิ์สิทธิ์ในวัตถุมายา

4.ต้องสอนให้เพื่อนมนุษย์
สร้างมหัศจรรย์ทางปัญญา
มิใช่สอนให้พวกเขาลุ่มหลงในมายา
ที่ตนออกแบบมาเสียจนอัศจรรย์พันลึก

5.ต้องสอนให้เพื่อนมนุษย์ได้เรียนรู้ว่า
พระพุทธองค์ทรงสอนอะไร สอนไว้อย่างไร
มิใช่พร่ำสอนแต่จะให้พวกเขารู้ว่า
ตนเองสอนอะไร
โดยไม่สนใจในผิดถูกบุญบาป

6.ต้องสอนให้เพื่อนมนุษย์รู้ว่า
การไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่น
จนหลอกลวงได้แม้กระทั่งตัวเอง
กับการสั่งสมทรัพย์สมบัติทางโลกจนเกินพอดี
บนกองทุกขเวทนาของผู้ที่ถูกจูงจิตนั้น
เป็นพฤติกรรมของครูที่ผิดบาปอย่างยิ่ง
พระพุทธองค์มิทรงโปรดหรอก

วิธีการสอนในเรื่องนี้ที่ดีที่สุดก็คือ
ครูเองน่ะแหละ
จักต้องไม่ประพฤติตน 6 แบบที่ว่านี้เด็ดขาด

เราจึงจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ใครก่อกรรมทำสิ่งใดไว้
ย่อมได้รับผลกรรมนั้นสนองเสมอ

แม้ตึกหรูที่สูงลิบลิ่วและแลดูสวยสง่า
ถ้าฐานรากของตึกไม่แข็งแรง
ออกแบบตึกเน้นแต่ความหรูอลังการณ์
แต่ด้านโครงสร้างผิดหลักวิศวกรรม
อีกทั้งยังสร้างขึ้นด้วยวัสดุที่ไม่มีคุณภาพ

พอผู้คนเข้าไปอยู่อาศัยจนเต็มตึกแล้ว
ตึกก็จะเริ่มสั่นไหวโอนเอนคลอนแคลน
เพราะมันมีน้ำหนักเกินกว่าที่ตึกจะรับไหว
พอผู้คนในตึกแตกตื่นตกใจ
จนแย่งชิงกันเผ่นหนีออกมา
ก็จะยิ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนแก่ตัวตึกมากขึ้น
จนในบั้นปลาย
ทั้งหมดก็จะพังทลายลงมากองติดดิน

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
ผลกรรมทั้งดีและไม่ดีของตนนั้น

ไม่มี ไม่รับ ไม่สน ไม่ได้

ต่อให้ย้ายสังขารลงไปแอบอยู่ในโอ่ง
ผลกรรมก็จักซอกซอนชอนไชเข้าไปถึง

ดังนั้น
ถ้าใครมั่นใจว่าตนก่อกรรมดีเอาไว้
ไม่ว่าท่านจะอยู่ที่ไหนแม้ในโอ่ง
สิ่งดีงามก็จักตามไปสนองท่านถึงในนั้น

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
3-03-2017

01 มีนาคม 2560

หลุมยุบไซบีเรีย



#หลุมยุบไซบีเรีย

เพราะเราต้องการให้ท่าน
รู้จักใช้ "จักขุมยปัญญา"
คือ การเรียนรู้ด้วยปัญญา
จากการมองเห็นมายาอย่างมีมิติ
อีกทั้งให้ท่านสามารถค้นพบแก่นสารสาระ
ในสรรพสิ่งที่มองเห็นนั้นๆได้ด้วยตนเอง

เราจึงเปิดเผยคลิป 
"หลุมยุบไซบีเรีย"ในอีกมิติหนึ่ง
ซึ่งแท้แล้วก็คือภาพเดิมๆนั่นเอง
มาให้ท่านทั้งหลายได้เข้าถึงสาระเพิ่มขึ้น
เพื่อชวนเชิญท่านทั้งหลาย "คิดต่อเนื่อง"

โดยเราขอยืนยันข้อมูลเดิมที่เคยเผยไว้
ให้ท่านยึดเป็นแนวทางในการคิดพิจารณา
ไว้ในที่นี้อีกครั้ง...ดังนี้

1.หลุมยุบนี้มิได้เกิดจากหรือเกี่ยวข้องอันใด
กับกระบวนการทางเท็คนิกในแกนโลก

2.หลุมยุบนี้ผู้สร้างมีวัตถุประสงค์เพื่อ
"ต้องการสื่อสาร" กับมนุษย์
ผู้เป็นบุตรของพระบิดาแท้จริง
คือ ผู้ที่มุ่งยกระดับจิตตปัญญาตนเอง
บนเส้นทางแห่งการหลุดพ้นในชาตินี้
ตามมรรควิถีแห่งจิตจักรวาลที่แท้จริง

มิใช่กลุ่มคนที่ "งมงาย" 
เพราะหลงธรรม
เพราะหลงตน
เพราะหลงมายา
เพราะหลงอุตริ
เพราะหลงในความลี้ลับ
3.หลุมยุบนี้ถูกสร้างขึ้นด้วยเจตนา
มิใช่เหตุบังเอิญ และสร้างอย่างมีนัยะ

พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เริ่มสนุกกับการคิดพิจารณากันบ้างหรือยัง
ผิดถูกไม่เป็นไร พยายามกันต่อไปนะ
เพราะภารกิจการพัฒนาจิตตปัญญา
ของตัวท่านเองในโจทย์ข้อนี้
มันยังไม่จบ.....

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
1-03-2017

26 กุมภาพันธ์ 2560

รหัสนัยแห่งแสงสีม่วง








พี่ๆน้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
ได้เกิดปรากฏการณ์ฟ้าสีม่วงขึ้น
ที่เมือง Charles ประเทศสหรัฐอเมริกา
ซึ่งเราได้นำภาพมาแสดงไว้
ในห้องเรียน Visudhi Punya นี้
เพื่อให้บันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์แห่งโลกเสรี
ในคาบสุดท้ายของการเปลี่ยนยุ
ดังปรากฏแก่ตาของท่านทั้งหลายมาแล้ว

แต่ก็ยังมีผู้ใคร่รู้ว่า ฟ้าสีม่วง นี้
ศาสตร์แห่งจิตจักรวาลสื่อถึงอะไรกันบ้าง
องค์จิตจักรวาลจะทรงบอกอะไรแก่ท่าน

ด้วยพระเมตตาแห่งองค์จิตจักรวาล
พระบิดาแห่งจิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย
พระผู้เป็นเจ้าแห่งจักรวาลอันไพศาลนี้

จึงได้ทรงมีพระเมตตา
ให้เปิดมิติทางปัญญาต่อท่านทั้งหลาย
ที่รักพระบิดาศรัทธาในเรา
ด้วยแก่นแห่งสาระว่าดั่งนี้

1.เป็นแสงสีม่วงที่ใช้รำลึกถึง
การเสด็จลงมาประสูติในโลกเสรีของพระคริสต์

ซึ่งในปลายยุคพลังงานเก่านี้
พระองค์ทรงเลือกดอกบานบุรีสีม่วง
เป็นสัญลักษณ์

ดังนั้น
ปรากฏการณ์ “มายาแห่งฟ้าสีม่วง” นี้
จึงเป็นไปตามพระประสงค์ของพระบิดา
ที่จะทรงสื่อกับบุตรมนุษย์ทั้งหลาย
ให้รับทราบถึงการเสด็จกลับม
ยังโลกเสรีตามสัญญาแล้ว

2.เป็นแสงสีม่วงที่สื่อแสดงถึง
พระมหาอำนาจแห่งองค์จิตจักรวาล
ซึ่งทรงประทานผ่านมายังเรา

อันเป็นมหาอำนาจแห่งจักรพรรดิ์
(The King of the Universe)

ที่จะกล่าวพระโอวาทต่อบุตรมนุษย์
ในพระนามแห่งพระองค์
เพื่อชี้ทางกลับบ้าน
และให้ประกาศพระวรสาร
เกี่ยวกับปฏิบัติการชำระโลก
ด้วยภัยพิบัติแบบต่างๆก่อนวันสิ้นยุค

3.เป็นแสงสีม่วงที่หมายถึง ความรัก
พระอนุตรธรรมชั้นสูง และแรงบันดาลใจ
ซึ่งพระบิดาจะทรงประทาน
ผ่านเรามายังโลกเสรีนี้
เพื่อใช้ในการปิดยุคพลังงานเก่าโดยสัมบูรณ์

4.คลื่นแสงสีม่วง
เป็นพลังอำนาจลึกลับจากจักรวาล
ที่กำลังส่งผ่านเข้ามาภายในระบบโลก
เพื่อจะทำให้โลกและทุกสรรพสิ่
ถูกเปลี่ยนแปลงในทุกมิติ

ด้วยมหันตภัยพิบัติรุนแรงในระดับที่
ไม่เคยเกิดขึ้นบนโลกเสรีนี้มาก่อนเลย
นับแต่ทรงสร้างโลก

มันจะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่สุด
ที่พระบิดากับมนุษย์
จะต้องแลกกับการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่
ในระดับแผ่นดินหาย
สัตว์หายและคนหาย
ซึ่งกล่าวโดยรวมว่า "หายนะ" (หาย-นะ)

จนนำมาซึ่งความทุกขเวทนา
ความโศกเศร้าร้าวราน
ความผิดหวัง
ความเจ็บปวด
และความแตกตื่นตกใจกันถ้วนทั่

5.คลื่นแสงสีม่วงนี้เป็นสัญลักษณ์ของ
การสำนึกในความผิดบาป

ถ้าปรากฏขึ้นบนโลกเมื่อใด
เมื่อนั้นมนุษย์โลกจักต้องเร่งมีสำนึก
ในความผิดบาปของตน
ด้วยการละเว้นการก้าวล่วงผู้อื่น
หรือไม่ทำชั่วอย่างสิ้นเชิง

มิเช่นนั้นแล้ว
จิตวิญญาณของผู้ที่ถูกฆ่าตายในการรบ
จิตวิญญาณมนุษย์และสัตว์
ที่ถูกทำทารุณกรรมจนตายอย่างทุกข์ทรมาน
ซึ่งเต็มไปด้วยไฟพยาบาทคาดแค้น
ก็จะถูกเปิดมิติออกมา
ให้เป็นนักล่าชีวิตอย่างล้นหลาม
ในบทบาทของเจ้ากรรมนายเวร

ด้วยเหตุนี้เอง
เมื่อท่านถามมาเราจึงยินดีตอบให้

ที่เรายินดีเปิดเผย "ความลับสวรรค์" แด่ท่าน
เพราะเป็นงานสำคัญงานหนึ่ง
ในหน้าที่แห่งเราแต่เพียงผู้เดียวอยู่แล้ว
โปรดใช้ปัญญาญาณในการอ่านเถิ
เรากล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลาย
เท่าที่พอจะเปิดเผยได้ต่อท่านทั้งหลายแล้ว

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
26-02-2017

22 กุมภาพันธ์ 2560

ชะตากรรมของท่าน มิใช่แผนการของพระเจ้า




Conversations with You.
เธอต้องการสนทนากับพระเจ้า
เพื่อเพียงจะบอกกับพระเจ้าว่า...

1.จุดมุ่งหมายของเธอ
คือ การวิวัฒน์ มิใช่การลงทัณฑ์

2.จุดมุ่งหมายของเธอ
คือ การเติบโต ไม่ใช่การตาย

3.จุดมุ่งหมายของเธอ
คือ การมีประสบการณ์ ไม่ใช่พลาดมัน

4.จุดมุ่งหมายของเธอ
คือ การเป็นบางสิ่ง ไม่ใช่หยุดเป็น
เราจะกล่าวต่อเธอในพระนามแห่งพระเจ้า
เพื่อสอนให้เธอฉลาดคิดรู้แท้จริงบ้างว่า...

ไม่ว่าจะเป็นจุดมุ่งหมาย 4 ข้อนี้
หรือจะมีอีกสักกี่ร้อยพันข้อก็ตาม
เธอจงรู้เอาไว้ว่า "พระเจ้า" มิได้เข้ามาเกี่ยวข้อง
ในแผนการดำเนินชีวิตของเธอแต่อย่างใด

จุดมุ่งหมายใดจะบรรลุผลสมดั่งใจหรือไม่
มันจึงมิใช่แผนการของพระเจ้า
แม้ปากเธอจะร่ำร้องขอพรจากพระเจ้า
พระองค์ก็มิอาจประทานให้ตามที่เธอต้องการได้

เพราะอะไรรู้มั้ยเธอ....
เพราะมันมิใช่ภารกิจหรือกงการของพระเจ้าไงล่ะ

เธอต้องรู้เอาไว้ด้วยว่า
พระบิดาทรงกำหนดสร้างให้โลกนี้
เป็นดาวแห่งทางเลือกเสรีมาตั้งแต่เมื่อแรกสร้าง
เธอต้องการสิ่งใดในชีวิตทั้งดีชั่ว
เธอก็สามารถใช้อำนาจในตนเองไขว่คว้ามันมาได้
เพียงแต่เธอต้องอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของพระองค์
คือกฎแห่งการสมดุลกันของทุกสรรพสิ่งเท่านั้น

อำนาจในตนเองของเธอก็เป็นอำนาจแห่งพระเจ้า
เธอจึงมีพระเจ้าในตนเอง
ซึ่งเธอสามารถฉลาดใช้เพื่อให้ได้มา
ในจุดมุ่งหมายทั้ง 4 หรือมากกว่า
ในแบบที่เธอต้องการได้อย่างเสรีเสมอ

การที่เธอไม่บรรลุเป้าหมายแห่งการวิวัฒน์
เพราะเธอล้มเหลวในสิ่งที่เธอทำในสิ่งที่เธอหวัง
แล้วต้องรับผลกรรมเลวร้ายจากความล้มเหลว
จนเธอทึกทักเอาเองว่า "พระเจ้า" เป็นผู้ลงทัณฑ์นั้น

เธอต้องรู้สำนึกเอาไว้ด้วยว่า...
เธอก็เป็นคนหนึ่งที่ไม่ได้แตกต่าง
จากคนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ตรงที่
ไม่ยอมรับความล้มเหลวใดๆ
อันเกิดจากความไม่เอาไหนของตัวเอง
แล้วเที่ยวโยนความผิดบาปให้คนอื่นแทน
เช่นล้มเหลวในเรื่องงมงายก็ไปโทษผี
ล้มเหลวในเรื่องอยากได้ใคร่มีก็มาโทษ "พระเจ้า"

เธอไม่รู้หรอกหรือว่า...
ความฉลาด ความโง่ ความยโส โอหัง
ความประมาท ขาดสติ ความหลงตัวเอง
ความมีวิริยะ อุตสาหะ ความอดทน ความขยัน
ความมุ่งมั่น ความเชื่อมั่น ความรัก ฯลฯ

ทั้งหมดนี้ คือ ตัวแทนของพระเจ้า
ซึ่งเป็นคุณสมบัติทั้งด้านดีและเลวของเธอ
ที่พระเจ้าประทานเอาไว้ให้เธอ
เรียนรู้ที่จะเลือกใช้มันได้อยู่แล้ว
ถ้าเธอเข้าถึงพระเจ้าในตนเองเหล่านี้ไม่ได้
จนต้องพบกับความปราชัยย่อยยับอับเฉา
แล้วเธอจะมาร้องแรกแหกกะเฌอหาพระเจ้า
เสมือนตำหนิติเตียนพระเจ้าได้อย่างไรกัน

การที่เธอไม่บรรลุเป้าหมายของการเติบโต
แต่เธอทุกคนต้อง "เติบตาย" คือ โตเพื่อตายนั้น
เธอต้องเอาความโง่ออกจากตา
แล้วฉลาดคิดรู้ฉลาดพิจารณาบ้างว่า

ความจริงแล้ว......
พระเจ้าน่ะได้ทรงสร้างเครื่องยนต์แห่งกรรมให้เธอ
ที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่านวัตกรรมใดๆของพวกเธอเสียอีก
เพราะมันเจริญเติบโตได้เรื่อยๆ

พอโตเต็มที่แล้ว
ก็สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเองได้ด้วย
พระองค์ทรงให้ชีวิตที่จีรังแก่เธอแล้วมิใช่หรือ
เพราะเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของเธอ
มันไม่มีวันตาย...ไม่มีวันตาย.....

เพราะเธอเลี้ยงดูมันไม่เป็น
ปฏิบัติกับมันอย่างไม่ถูกต้อง
เอาแต่ใช้งานแต่ขาดการใส่ใจดูแล
จนมันต้องตาย...

มิใช่เพราะตัวเธอทำร้ายตัวเองดอกหรือ
เธอไม่รู้หรอกหรือว่า
ความโง่กับความหลงตัวเองของเธอ
มันทำให้เธอขาดสติไร้สำรวม
จนกล้าตำหนิ "พระเจ้า" ผู้ให้กำเนิดเธอนั้น
มันยากแก่การให้อภัย

การที่เธอไม่บรรลุเป้าหมาย
ของการหาประสบการณ์เพราะเธอพลาดมัน
นี่ก็เป็นความผิดพลาดล้มเหลวของเธอเอง
มิใช่ผิดพลาดตามพระบัญชาของพระเจ้า

ถ้าเธอเอาแต่นั่งกินนอนกินทั้งวี่วันดั่งคนพิการ
เธอย่อมพลาดประสบการณ์ชีวิตในโลกกว้าง
พระเจ้าจะบังคับให้เธอออกจากบ้าน
เพื่อไปหาประสบการณ์ในโลกกว้างได้หรือ

ถ้าเท้าสองข้างของเธอไม่ยอมก้าวย่าง
สองตาเธอไม่ยอมเบิ่งถ่างกว้างออกเพื่อแสวงหา
และสติปัญญาของเธอมิอาจใช้การได้
เพราะสมองทั้งสองซีกมันไม่ทำงาน

การที่เธอไม่บรรลุเป้าหมายในการเป็นบางสิ่ง
แต่กลับหยุดที่จะเป็นในบางสิ่งนั่นแทน
เธอหมายถึง เธออยากรวยเป็นเศรษฐี
แต่ไม่อาจมีความร่ำรวยตามต้องการได้

เธอหมายถึง เธออยากเป็นคนดี
แต่ไม่อาจเป็นคนดีกับใครเขาได้

เธอหมายถึง เธออยากรวยสนมรวยเมีย
แต่เธอไม่อาจทำตนตามตัณหานั้นได้
หรืออื่นๆ...เช่นนั้นหรือ

เราขอถามเธอว่าใครจะรวยได้ไม่ได้
มันเป็นสิทธิของใครคนนั้นมิใช่หรือ...

เพียงขยันทำมาหากิน หนักเอาเบาสู้
ฉลาดใช้ปัญญาในการประกอบสัมมาอาชีวะ
ฉลาดใช้เงิน และฉลาดอดออม
กฎเกณฑ์ง่ายๆเหล่านี้ก็ช่วยให้ไม่จนได้แล้ว
อยากเป็นคนดี แต่เป็นไม่ได้

ก็ลองใช้ปัญญาตรึกตรองสิว่า
ใครห้ามไม่ให้เธอเป็นคนดีล่ะ
พระเจ้า...อีกแล้วหรือ?

อยากรวยสนมรวยเมีย
แต่เธอเป็นอย่างที่ต้องการไม่ได้
เพราะไม่มีปัญญาเลี้ยงดู
เพราะที่จะเลือกเอามานั้นดันเป็นเมียเขาอื่น
เพราะลูกเมียเราเขายอมรับไม่ได้
เพราะสังคมไม่ยอมรับ
ก็ถามตนเองสิว่าเพราะอะไร
ไหงจึงโทษ "พระเจ้า"

เราจะกล่าวความจริงให้เธอรู้ว่า...
ความคิดของเธอที่กล่าวไว้ในหน้ากระดาษนั่น
มันอาจฟังดูดีมีสำบัดสำนวนชวนชื่นชม
แต่เราเห็นว่ามันเป็นแค่เพียงบทกวีนิพนธ์เท่านั้น
หาใช่ผลผลึกแห่งการคิดเชิงสัจธรรมไม่

ถ้าเป็นอย่างที่ต้องการไม่ได้
ถ้าทำอย่างที่ต้องการไม่ได้
ถ้ามีอย่างที่ต้องการไม่ได้

ก็จงอย่าโทษพระเจ้า
อย่าบ่นกับพระเจ้า
อย่าร้องขอต่อพระเจ้า

จงรีบพิจารณาตนเอง
เพื่อหาข้อบกพร่องผิดพลาดแล้วเริ่มใหม่

จงบ่นกับตนเอง
อย่าไปบ่นกับใครให้เขารำคาญ
เพราะมันไร้ประโยชน์

จงร้องขอต่อตนเอง
อยากสำเร็จเร็วก็เร่งลงมือทำอย่างไม่รั้งรอ
อยากก้าวหน้าอย่างราบรืนก็จงอย่าประมาท
และจะต้องทำด้วยความมุ่งมั่น เป็นต้น

ด้วยรักและปรารถนาดี
ในพระนามแห่งองค์จิตจักรวาล


เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
22-02-201