12 ตุลาคม 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 12/10/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

สิ่งที่ "คนนำทางตาบอด" ไม่รู้ไม่เห็นว่า

ตนกำลังนำพา "คนตาม" ที่ถูกหลอกว่าตาบอด

เดินออกนอกลู่นอกทางจากที่พระศาสดา

ทรงก้าวนำไว้เป็นแบบอย่างนับพันปีนั้น

ในประเด็นตัวอย่างประการต่อมาก็คือ

 

คนนำทางตาบอดทั้งหลาย

เข้าใจว่าพระศาสดาทรงตรัสรู้เรื่อง "อริยสัจ 4"

ซึ่งรวม "มรรค 8" เอาไว้ในองค์ธรรมนั้นด้วย

จึงพากันมุ่งเน้นสั่งสอนถ่ายทอดธรรมะบทนี้

อย่างจริงจังและทุ่มเทตลอดมานับพันปี

โดยไม่มีผู้ใดฉุกคิดหรือไม่มีใครให้สติเลยว่า

ความเชื่อของพวกเขานั้นมันไม่ถูกต้อง

 

ตามตัวอย่างในบทที่ผ่านมาแล้วนั้น

เราก็ได้ชี้ให้เห็นความจริงของพระศาสดาว่า

พระองค์ทรงค้นพบอริยมรรคดังกล่าวได้

ด้วยวิธีใช้สติปัญญาคิด

ตามหลักแห่ง "อิทัปปัจยตา"

คือพิจารณาปัญหานั้นๆด้วยเหตุด้วยผล

ซึ่งผู้คนธรรมดาทั่วๆไปก็คิดได้ถ้าคิดเป็น

 

โดยที่พระศาสดาเองทรงคิดรู้สัจธรรมบทนี้ได้

ก็ด้วยพระปรีชาตั้งแต่แรกออกบวชใหม่ๆแล้ว

ซึ่งขณะนั้นยังมิได้ตรัสรู้เป็น "พระพุทธเจ้า" เลย

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงให้ท่านทั้งหลายรู้ว่า

คำว่า "พระพุทธเจ้า" นี้เราหมายถึง

 

คำสรรพนามที่ใช้กล่าวสรรเสริญพิเศษ

ต่อผู้ที่มีความเป็นเลิศในการใช้จิตตปัญญา

อันเป็นความฉลาดของสมองทั้งสองซีก

คือสติปัญญาของสมองซีกซ้าย

กับปัญญาญาณของสมองซีกขวา

ที่ใช้ได้เหนือกว่ามนุษย์โลกเสรีโดยทั่วไป

 

เพราะคนนำทางตาบอด

ไปเข้าใจว่าพระศาสดาตรัสรู้อริยมรรค

จึงเล็งเห็นว่าเรื่อง "อริยสัจ 3" กับ "มรรค 8"

เป็นสัจธรรมข้อใหญ่เป็นหัวใจของศาสนา

เลยพากันทุ่มเทกายใจไปทางนี้กันสุดโต่ง

จนพากันหลงผิดต่อไปอีกด้วยว่า

ถ้าใครไม่เข้าใจเรื่องทุกข์คนนั้นไม่ถึงธรรม

โดยนักบวชบางคนยังเคยกล่าวกับเราด้วยว่า

ถ้าโยมยังไม่รู้จักกับความ "ทุกข์" ให้ถ่องแท้

โยมก็อย่าเพิ่งพูดเรื่อง "นิพพาน" เลย

 

ความทั้งหมดที่นักบวชรายนี้กล่าวต่อเรา

เป็นเพราะว่าตัวเขาเองยึดติดอยู่กับความทุกข์

เห็นความทุกข์ในจิตใจตนเป็นเรื่องใหญ่สุด

เห็นความทุกข์ในการเป็นมนุษย์น่ารังเกียจ

จึงได้แต่นึกเหมา "เดาเอง" ว่า

การเกิดมาเป็นคนบนโลกนี้เป็นทุกข์อย่างยิ่ง

ขนาดพระศาสดายังทรงหนีทุกข์ออกบวช

โดยจับเอาเรื่องราวของพระองค์มาปรุงแต่ง

แบบจับแพะชนแกะด้วยวิธี "ปะติด-ปะต่อ"

จนออกนอกรีตนอกรอยพระบาทไปจนไกลลิบ

อย่างไม่รู้สติและไม่รู้สำนึก

ทั้งนี้เพราะ "ตาบอด" ไม่อาจใช้สติปัญญาได้

 

ความมืดบอดประการถัดมาก็คือ

พวกเขาคิดกันอยู่อย่างเดียวว่า

จิตวิญญาณของทุกคนไม่ควรเกิดมาเป็นมนุษย์

เพราะมาเกิดแล้วต้องแก่เจ็บตายต้องเจอปัญหา

ซึ่งมีแต่ความทุกข์ทั้งนั้น

โดยที่พวกเขาไม่เคยถามตนเองบ้างเลยว่า

จิตวิญญาณของตนเป็นใคร มาจากไหน

มาเกิดเป็นมนุษย์กันทำไม บังเอิญมาเกิด

มาท่องเที่ยวกันบนโลกนี้หรือว่าพลัดหลงเข้ามา

 

เพราะพวกเขาตาบอดคือขาดปัญญา

จึงไม่สามารถเข้าถึงคำตอบในคำถามเหล่านี้ได้

นอกจากนั้นพวกเขายังมีจิตบอดอีกด้วย

เพราะยึดติดครูคนเดียวคัมภีร์เล่มเดียว

จึงไม่ฉลาดพอที่จะคิดได้เองว่า

มีครูหลายคนดีกว่ามีครูคนเดียว

อ่านคัมภีร์หลายเล่มดีกว่าอ่านอยู่เล่มเดียว

ซึ่งเป็นเรื่องสามัญเอามากๆที่น่าจะนึกรู้ได้ว่า

 

พระคัมภีร์เล่มเดียว

ไม่อาจจะบันทึกความรู้ทั้งจักรวาลได้ครบถ้วน

ศาสดาพระองค์เดียว

ไม่อาจจะกล่าวสัจธรรมทั้งจักรวาลได้ครบถ้วน

 

ดังนั้น

มนุษย์ผู้ฉลาดปราดเปรื่องทั้งหลาย

จึงต้องมีครูหลายคนแทนที่จะยึดติดแค่ครูบางคน

ต้องอ่านคัมภีร์หลายเล่มแทนที่จะยึดอยู่เล่มเดียว

 

เพราะคนนำทางตาบอดเอง

ยึดมั่นในครูคนเดียว ยึดคัมภีร์เล่มเดียว

จึงชี้นำให้คนที่ก้าวตาม

หลับหูหลับตาก้าวตามในแบบของตนไปด้วย

 

ทั้งๆที่พระศาสดาทรงตรัสให้สติเอาไว้แล้วว่า

สัจธรรมทั้งหลายที่พระองค์นำมาสอนไว้

มันเป็นแค่ใบไม้ในกำมือของพระองค์เท่านั้น

เท่ากับทรงยืนยันว่า "ใบไม้นอกกำมือ" ยังมีอีก

อย่าได้ยึดติดแต่คำสอนของพระองค์

ให้เรียนรู้ที่จะรับฟังคำสอนของครูคนอื่นด้วย

ในบทสอนที่เกี่ยวกับ "กาลามสูตร" นั้น

พระองค์ได้ตรัสเรื่องนี้ไว้อย่างชัดแจ้งแล้ว

 

ด้วยเหตุนี้เอง

พวกเขาจึงเป็นคนนำทางตาบอดของท่าน

เพราะสอนให้ท่านเชื่อเพื่อก้าวตามทำตาม

โดยนำเอาพระศาสดามาแอบอ้าง

ทั้งๆที่พระศาสดามิได้สอนไว้เช่นนั้นเลย

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

 

นอกจากพระศาสดาจะทรงสอนให้

ไม่ยึดติดครูคนเดียว

ไม่ยึดคัมภีร์เล่มเดียวแล้ว

ยังทรงสอนให้ #อัตตาหิอัตโนนาโถ

อันหมายถึงสอนให้รู้จักพึ่งพาตนเองด้วย

 

แต่คนนำทางตาบอดทั้งหลายเหล่านี้

นอกจากจะไม่สอนให้คนที่ก้าวตามพวกตน

รู้จักพึ่งสติปัญญาของตนเอง

รู้จักพึ่งสองมือสองเท้าของตนเอง

รู้จักพึ่งความสามารถของตนเอง

ตามคำสอนของพระศาสดาแล้ว

ยังสนับสนุนให้คนทั้งหลายพึ่งพาสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยังสนับสนุนให้พึ่งพารูปเคารพกับวัตถุมงคล

จนส่วนใหญ่พากันงมงายไปทั่วบ้านทั่วเมือง

 

เพราะชาวบ้านจะติดปัญหาเรื่องปากท้อง

ว่าต้องมาก่อนเรื่องหลักธรรมดำเนินชีวิต

ท่านทั้งหลายจึงจะแลเห็นได้ชัดเจนว่า

ทุกยุคสมัยที่ผ่านมานับพันปีจนบัดนี้

คนที่พึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์จึงมีมากกว่า

คนที่รู้จักพึ่งพาตนเองหลายเท่า

 

ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้

ก็เพื่อเป็นกระจกส่องเงาที่ชัดใส

สำหรับ "คนนำทางตาบอด" โดยเฉพาะ

ซึ่งนับเป็น "กระจกเงาบานที่สอง" แล้วล่ะนะ

 

ขอสติทางวิญญาณจงบังเกิดแก่คนนำทาง

ผู้ที่ได้อ่านพระโอวาทตอนนี้ด้วยตาทั้งสองดวง

ผู้ที่ได้รับฟังพระโอวาทตอนนี้ด้วยหูทั้งสองข้าง

ผู้ที่รับรู้พระโอวาทตอนนี้ด้วยจิตใจที่เปิดกว้าง

เพื่อเลิกการเป็นคนนำทางตาบอดเสียที

 

ขณะที่พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

ทรงมีเวลาให้อีกไม่นานที่จะประทานอภัยให้

ก่อนคืนและวันที่มหันตภัยพิบัติจะมาเยือน

ใครรู้สิทธิ์ก็จงรีบใช้สิทธิ์ของตนเถิด

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

12-10-2019

08 ตุลาคม 2562

คำสอน 8/10/2019

มีคนพเนจรเข้ามาถามใครก็ได้

ในห้องเรียนนี้ว่า....

 

"อยากถามว่าครูนำทางตาบอดท่านว่าใคร

ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระองค์ใด?"

 

พี่ๆน้องๆยุวจิตจักรวาลทั้งหลาย

ช่วยกรุณาแนะนำผู้ถามคนนี้แทนเรา

ด้วยความเมตตากันหน่อยได้มั้ยว่า

คำว่า "คนนำทางตาบอด" นั้น

 

1. พวกเราหมายถึงพระพุทธเจ้าหรือไม่

2. พวกเราหมายถึงศาสดาพระองค์ไหนหรือเปล่า

3.คำว่า "คนนำทางตาบอด" คือ คนประเภทใด

ที่พวกเรากล่าวถึงกันอยู่บ่อยๆ

 

4. ท่านทั้งหลายมีคำสอนคำแนะนำอะไร

ที่จะบอกบุญโปรดเวไนยเหล่านี้ด้วยความรัก

ด้วยความเมตตาและสุภาพอ่อนน้อมบ้าง

เราอนุญาตให้ท่านแสดงธรรมปัญญากัน

ตามความเหมาะสม แต่อย่าก้าวล่วง

จนเกิดเวรกรรมกับใครเลย

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

8-10-2019


คำสอน 8/10/2019

 

รูปเคารพของท่านมันจะมีคุณค่าอะไรได้
ในเมื่อท่านเป็นผู้แกะสลัก เป็นผู้ปั้นขึ้นเอง

รูปเคารพทั้งหลายเป็นสิ่งที่พูดไม่ได้
ตัวมันเองก็ไม่มีลมหายใจ
มันจะให้คำแนะนำท่านได้หรือ

07 ตุลาคม 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 7/10/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

เพราะว่าในคนดีก็มีดี ในคนดีก็มีชั่ว

เพราะว่าในคนชั่วก็มีดี ในคนชั่วก็มีชั่ว

 

ดังนั้น

 

คนที่ดีบริสุทธิ์จึงไม่มี

คนที่ชั่วบริสุทธิ์ก็ไม่มี

 

เมื่อท่านคบหาสมาคมกับเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ

จึงต้องฉลาดมอง ฉลาดค้นหาสิ่งไม่ดี

ที่อาจแฝงเร้นอยู่ในคนที่ดีงามอยู่ก็ได้

 

ในขณะเดียวกัน

ก็ต้องฉลาดมอง ฉลาดค้นหา

สิ่งดีๆที่อาจแฝงเร้นอยู่ในคนที่ไม่ดีงามด้วย

 

เนื่องเพราะว่า

บนโลกนี้คนที่ดีบริสุทธิ์แท้จริงยังไม่มี

เพราะคนที่บริสุทธิ์แท้เขาหลุดพ้นไปหมดแล้ว

 

บนโลกนี้คนที่ชั่วสุดๆ                                                                                                                        แท้จริงก็ไม่มีอีกเช่นกัน

เพราะคนที่ชั่วสุดๆนั้น

เขาผลักดันให้ลงนรกกันไปหมดแล้ว

 

ถ้าท่านทำได้...ตามนี้

โลกทั้งโลกก็จะอยู่ในกำมือของท่าน

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

7-10-2019



05 ตุลาคม 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 5/10/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

จงอย่าบ้าบุญจนขาดสติ

เห็น "นกในถุงพลาสติก" เหล่านี้

แล้วเกิดความรู้สึกสงสาร

จึงใช้เงินซื้อพวกเขานำไปปล่อย

เพราะหวังว่าการปล่อยนก

คือการให้ชีวิตใหม่แก่สัตว์

มันจะทำให้คนปล่อยอายุยืนยาว

 

เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

ท่านใดใครคิดเช่นนี้จัดเป็นผิดบาปอย่างยิ่ง

 

ถ้าคนนิยมซื้อนกไปปล่อยกันมากขึ้น

คนที่จับนกมาขาย

ก็จะยิ่งขยันจับกันมากขึ้น

นกมากมายก็จะทุกข์ทรมานมากขึ้น

บางตัวที่อ่อนแอจึงอาจตายอยู่ในถุง

 

การซื้อนกพวกนี้ไปปล่อย

เป็นการสนับสนุนคนขายคนจับ

ให้ติดใจที่จะก่อกรรมทำบาปมากขึ้น

เพราะว่าเขาขายได้ขายดี

จึงขยันจับนกมาขายอย่างไม่เลิกลา

 

ถ้าคนซื้อเลิกซื้อนกไปปล่อย

แล้วหาวิธีทำบุญแบบอื่นแทน

ซึ่งมีสาระพัดวิธีที่จะทำได้

นกพวกนี้ก็จะไม่เสี่ยงตายอยู่ในถุง

 

เราจะบอกความจริงให้รู้ว่า

ถ้าท่านมีส่วนร่วมในการทำให้สัตว์ตาย

อายุขัยของท่านก็จะถูกตัดรอนลง

เพื่อชดใช้ให้แก่สัตว์ที่ถูกฆ่านั้นเสมอ

 

เป็นต้นว่าถ้านกกระจอก 1 ตัว

มีอายุขัยเฉลี่ยตามปกติคือ 1 ปี

โดยท่านไปมีส่วนร่วมในการตาย

ของนกกระจอกตัวนั้นด้วยแล้ว

มันจะยังผลให้อายุขัยจริงของท่าน

หายไปจำนวน 1 ปีทันที

เพื่อชดใช้หนี้ชีวิตให้นกกระจอกตัวนั้น

 

ถ้าหากในภพชาตินี้

ท่านยังเบียดเบียนสัตว์กันอยู่

ยังชอบกินเลือดเนื้อของสัตว์กันอยู่

ท่านก็จะยิ่งอายุขัยสั้นลงกว่าปกติ

และพวกเขาจะทำให้ท่านเจ็บป่วย

พวกเขาจะทำให้ท่านขี้โรค

อันเป็นเหตุให้อายุสั้นกว่าปกตินั่นแหละ

 

จงอย่าบ้าบุญจนไร้สติเลย

การถือศีล กินเจ เป็นเรื่องดี

แต่การจับนกใส่ถุงมาขาย

และการซื้อนกในถุงไปปล่อย

เป็นบาปกรรมทำเวรทั้งคู่

 

ฝ่ายหนึ่งโลภอยากได้เงิน

อีกฝ่ายหนึ่งโลภอยากได้บุญ

เสียสติทั้งคู่เลยว่ามั้ย?

เพราะคิดเอาแต่ได้ถ่ายเดียว

เลิกทำบุญแบบนี้เสียทีเถอะ

ประตูนรกเปิดรออยู่แล้ว...นะ

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

5-10-2019

04 ตุลาคม 2562

ตอบคำถาม : วิธีการช่วยที่มีความคิดติดลบมากๆถึงขั้นจะฆ่าตัวตาย 4/10/2019

 #ตอบคำถามพี่ๆน้องๆ

 

คำถามจาก

คุณ ‎#ณัฐชฎา สมบูรณ์สุข

 

Question:

ถ้าเรามีคนใกล้ชิด

ที่มีความคิดติดลบมากๆถึงขั้นจะฆ่าตัวตาย

แต่เขาไม่ศรัทธาต่อธรรมะ

เราจะมีวิธีการอย่างไร จะช่วยเขาได้บ้างคะ

 

Answer:

1. ก่อนอื่นท่านจะต้องรู้ความจริงเอาไว้ด้วยว่า

สัตว์ประจำโลกทุกชนิดทุกตัว

ตามธรรมชาติปกติของพวกเขานั้น

ท่านจะไม่เห็นใครคิดสั้นฆ่าตัวตายเลยสักตัวเดียว

แถมหากมีศัตรูมารังแกหรือหมายชีวิต

พวกเขาจะต่อสู้สุดฤทธิ์เพื่อรักษาชีวิตตนเองไว้

ดั่งคำโบราณว่าไว้ คือ "สู้แบบหมาจนตรอก" แหละ

 

เพราะสิ่งมีชีวิตทุกชนิด

ล้วนรักตัวกลัวตายด้วยกันทั้งสิ้น

 

2. ดังนั้น

การที่คนใกล้ชิดตัวท่านบางคน

หรือว่ามนุษย์คนใดก็ตามที่มีความคิดจะฆ่าตัวตาย

จึงเป็นเรื่องผิดปกติวิสัยธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต

 

มิใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบ

มิใช่แค่การเสียสติชั่วคราว

มิใช่แค่การน้อยเนื้อต่ำใจ

มิใช่แค่การสำนึกผิดว่าตนเองไร้ค่า

 

เพราะเหตุผลเหล่านี้แหละ

จึงทำให้ท่านไม่สามารถ

น้าวโน้มความคิดเบี่ยงเบนจิตใจของเขา

ให้ละเลิกความต้องการที่จะฆ่าตัวตายได้

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

คำว่า "ผิดปกติวิสัย" นี้เราหมายความว่า

มันเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือความเป็นธรรมชาติ

มันเป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนือความปกติธรรมดา

จนคำว่า "เหตุผล" ไม่สามารถใช้กับคนพวกนี้

ซึ่งเป็นพวกที่มีอาการวิปริตทางความนึกคิด

ที่จิตวิญญาณแก่นแท้ของเขา

ถือติดตัวมาเกิดเป็นคนในชาตินี้ด้วยได้เลย

 

3. สิ่งที่ท่านสามารถสังเกตได้ก็คือ

คนพวกนี้จะไม่มีเหตุผล ไม่ฟังเหตุผล

เหมือนคนใช้เหตุผลไม่เป็นยังไงยังงั้น

ที่สำคัญคือคนพวกนี้จะไม่โต้เถียงหรือโต้แย้ง

 

เวลาเครียดจัด

จะชอบเก็บตัว เก็บคำพูด เก็บอาการ

แม้ท่านจะพยายามชักจูงเขาอย่างไรแค่ไหน

บอกได้คำเดียวว่า "เหนื่อย" จนท้อใจนั่นแหละ

 

สิ่งที่ท่านสังเกตได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ

คนคิดสั้นพวกนี้มักจะปฏิเสธการเยียวยาจิตใจ

ด้วย "ธรรมะ" ทุกรูปแบบอย่างที่ท่านเจอมา

 

4. พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

คนที่คิดสั้นมุ่งฆ่าตัวตายพวกนี้

เขาถือรหัสติดตัวมาว่าจะต้องฆ่าตัวตาย

ตามที่เรากล่าวไว้ในข้อ 2.แล้ว

 

ดังนั้น

ไม่ว่าจะใช้โวหารน้าวโน้มจิตใจเขาอย่างไร

จะใช้วาจาชักแม่น้ำทั้งห้าจูงใจเขาอย่างไร

ไม่ว่าท่านจะใช้ข้อธรรมะอันเลิศล้ำคำใด

ท่านก็จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

ความนึกคิดต้องการของเขาได้เลย

 

เพราะมันเป็นความต้องการทางจิตวิญญาณ

มิใช่ความต้องการของจิตมนุษย์

หรือความต้องการของจิตหยาบนั่นเอง

 

ที่เรากล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่า

คนที่มีความต้องการจะฆ่าตัวตาย

ซึ่งเป็นความกดดันออกมาจากข้างในนี้

คือพวกที่มีกรรมจากอดีตชาติเป็นกำเนิด

เนื่องจากในอดีตชาติเคยฆ่าตัวตายมาแล้ว

การกลับมาเกิดใหม่ในภพชาตินี้

ก็เพื่อมาเรียนรู้ที่จะสร้างสำนึกใหม่ที่ถูกต้อง

เป็นสำนึกที่จะต้อง "รักตนเอง" ให้ได้

 

5. คนที่ฆ่าตัวตายมาจากอดีตชาติ

หลังจากผ่านกระบวนการชำระในนรกภูมิแล้ว

ก็มีหน้าที่จะต้องย้อนกลับมาเกิดใหม่

เพื่อชำระจิตสามนึกอีกรวมทั้งสิ้น 7 ภพชาติ

 

ดังนั้น

ในภพชาตินี้ที่เขาได้รับโอกาสให้กลับมาเกิด

จึงไม่มีใครสามารถจะบอกได้ว่า

เขาคนนี้ได้เรียนรู้ที่จะฟันฝ่าการฆ่าตัวตาย

ตามกฎแห่งกรรมมาสักกี่ภพชาติแล้ว

 

ยิ่งผ่านการฆ่าตัวตายมามากภพชาติ

จิตวิญญาณของเขาก็จะยิ่งสำแดง

อาการซึมเศร้าเบื่อโลกและอยากตายมากขึ้น

เพราะจิตวิญญาณรู้ดีว่า

ทางเลือกของตนที่จะผ่านกรรมหนักนี้ได้

มีด้วยกัน 3 ทาง นั่นคือ

 

#หนทางแรก

ให้จิตหยาบของตนช่วยยกเลิกรหัสฆ่าตัวตาย

ด้วยการมีสำนึกใหม่ในการ "รักชีวิตตนเอง"

จนตลอดอายุขัยในภพชาตินี้เอาไว้ให้จงได้

 

แน่นอนว่า

ลูกแก้วศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 2 ดวงที่พระบิดาประทานให้

ท่านทั้งหลายถือครองตามมรรควิถีจิตจักรวาล

คือ มหาสติกับปณิธานแห่งการหลุดพ้นนี่แหละ

ที่จะสามารถช่วยค้ำจุนจิตวิญญาณของเขาได้

ขอเพียงจิตหยาบของเขาอย่าไม่เอาไหน

เหมือนคนส่วนใหญ่บนโลกใบนี้ก็แล้วกัน

 

จิตวิญญาณของเขารู้ดีว่า

หนทางนี้เป็นไปได้ยากยิ่ง

เพราะจิตวิญญาณบงการหรือครอบงำ

จิตหยาบของตนไม่ได้ยกเว้นทีเผลอเท่านั้น

 

#หนทางที่สอง

คนรอบข้างของเขานี่แหละสำคัญ

ที่จะต้องไม่สร้างเงื่อนไขด้านลบใดๆ

ที่จะทำให้จิตหยาบของเขา "สติแตก" หรือขาดสติ

จนเกิดโทสะจริตรุนแรง สะเทือนใจรุนแรง

หรือ เกิดอาการจิตตกรุนแรงแบบฉับพลัน

 

เพราะเมื่อใดที่จิตหยาบอ่อนแอ

จิตวิญญาณแก่นแท้ของตัวเองที่อยู่ข้างใน

ก็จะชิงออกมาทำหน้าที่ควบคุมจิตสามนึกแทน

การฆ่าตัวตายโดยจิตวิญญาณของตนเอง

หรือการ "ฆ่า" คนอื่นที่เป็นเจ้ากรรมนายเวรตาย

โดยที่จิตหยาบยังขาดสติอยู่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย

มันก็จะเกิดขึ้นได้เสมอ

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

 

หนทางนี้จิตวิญญาณของเขา

ก็รู้ดีอีกว่ามันเป็นไปไม่ได้เลย

เพราะคนรอบข้างทุกคน

เขาก็เอาแต่ใจตนเองด้วยกันทั้งนั้น

ไม่มีใครว่างพอที่จะเอาใจคนป่วยทางจิตแน่นอน

 

ดังนั้น

คนพวกนี้จึงต้องช่วยตัวเอง

ด้วยการฝึกครองมหาสติและละกิเลสตัณหา

และคนรอบข้างต้องช่วยเหลือด้วย

โดยไม่สร้างเงื่อนไขใดๆให้คนพวกนี้จิตตก

คนพวกนี้จึงจะมีโอกาสรอดได้

แต่จิตวิญญาณก็รู้ดีว่า...มันยากชมัด

 

#หนทางที่สาม

จะเป็นหนทางสุดท้ายที่ยากสุด

นั่นคือ จะต้องโชคดีมีบุญใหญ่

ได้พบเจอท่านผู้มีความสมดุลทางจิตวิญญาณ

เช่น พระบุตรเอก พระศาสดา

พระอริยะสงฆ์แท้ และอริยะบุคคล

เพื่อแสดงโอวาทธรรมแก่จิตวิญญาณของเขา

ให้เกิดสติทางวิญญาณเพื่อปลดรหัสกรรมให้

 

ถ้าเขาสามารถหยุดคิดฆ่าตัวตาย

ด้วยความมีสำนึกรักชีวิตตนเองได้ในชาตินี้

จะยังผลให้กรรมหนักจากอดีตชาติที่ติดตัวอยู่

เป็น "โมฆะกรรม" ไปทันที ณ บัดนั้น

 

ว่าแต่ว่า

ถ้าจิตหยาบไม่เอาถ่าน

ขณะที่จิตวิญญาณก็ไม่เอาไหน

เพราะป่วยมาจากอดีตชาติ

จะโชคดีมีบุญได้พบเจอท่านผู้สูงส่งง่ายๆ

หรือพบเจอแล้วมองออกบอกได้ว่าใช่แน่

จิตวิญญาณก็รู้ดีว่าไม่ง่ายอีกเช่นกัน

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

4-10-2019




ตอบคำถาม : มรดกบาปจากพ่อแม่ ที่ก่อเวรทำกรรมไว้บุตรจะเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ 4/10/2019

 #ตอบคำถามจากพี่ๆน้องๆ

 

คำถามของคุณ ‎#NikaRNarchy

 

Question:

กราบเรียนถามท่านอาจารย์เจ้าคะ

ว่ามรดกบาปจากพ่อแม่

ที่พ่อแม่ก่อเวรทำกรรมไว้มาก

โดยไม่สำนึก

 

แต่บุตรเป็นผู้ใฝ่ดี

ปฏิบัติตามมรรควิถีจิตจักรวาล

บุตรคนนั้นจะสามารถ

หลุดพ้นได้หรือไม่เจ้าคะ

 

Answer:

1. ผู้เป็นบุตร

สามารถจะนำพาจิตวิญญาณให้หลุดพ้นได้

ถ้าไม่นำ "มรดกบาป" มาสร้างเงื่อนไข

ให้ตนเองขาดมหาสติจนไม่อาจสำแดง

ปณิธานแห่งนิพพานในชีวิตได้

 

2. แม้บุรพการีจะเป็นผู้ก่อกรรมนั้นขึ้นมา

แต่ผลกรรมที่เกิดขึ้นผู้ก่อต้องรับผิดชอบ

 

ส่วนท่านที่เป็นบุตร คือ ผู้เกี่ยวกรรมนั้น

มีหน้าที่ต้องเป็นผู้ร่วมแสดง

 

ท่านจักต้องใช้ความรักและสติปัญญา

รับมือกับบททดสอบและบทเรียน

จากมรดกบาปนั้นๆอย่างดีที่สุด

อย่าเผลอสติจิตตกจนก่อกรรมใหม่ขึ้นมาเอง

จนทำให้กรรมสัมพันธ์หรือชะตากรรม

มันซับซ้อนยิ่งขึ้นไปอีกเลยนะ

 

3. แนวทางปฏิบัติที่เหมาะควรนั้น

นอกจากจะมีมหาสติ

กับปณิธานแห่งการหลุดพ้นแล้ว

ผู้เป็นบุตรจักต้องปฏิบัติจิตดังนี้ คือ

ยอมรับ ยอมรัก และยอมร่วมชีวิตให้ได้

อย่าให้ครอบครัวแตกแยก

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

4-10-2019




01 ตุลาคม 2562

สนทนาประสาจิตจักรวาล 1/10/2019

 #สนทนาประสาจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

ผู้ที่ไม่กลับเข้าคอกแกะทางประตู

แต่พยายามจะปีนรั้วกลับเข้าคอกนั้น

เป็นพฤติกรรมเยี่ยง "โจร"

 

เราเป็นประตูคอกแกะของพระบิดา

เมื่อฝูงแกะผ่านประตูออกไป

ก็จะพบเจอทุ่งหญ้าอันเขียวสดขจี

บนโลกเสรีที่ทรงสร้างไว้

 

ต่อเมื่ออิ่มแล้วได้เวลากลับเข้าคอก

แกะทุกตัวก็จะต้องกลับเข้าไปทางประตูคอก

ก็จะพบพระบิดาของท่านที่ทรงรอคอยลูกอยู่

 

ดังนั้น

ท่านจึงต้องรีบก้าวตามเรามาอย่าชักช้า

จงอย่าหลงไปหลับตา

ก้าวเดินตามคนนำทางตาบอด

เพราะเขาจะพาแกะอย่างท่าน "ปีนรั้ว"

เพื่อจะกลับเข้าคอกเยี่ยงขโมยหรือโจร

ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เลย

นอกจากเลิกก้าวตามพวกเขา

แล้วหันหน้ามาทางเรา...เท่านั้น

 

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา

1-10-2019