14 มีนาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 14/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
"พระเจ้า" คือพระผู้สร้างอนันตจักรวาล
ซึ่งเป็นห้องทดลองขนาดใหญ่ของพระองค์
ทรงเป็นพระผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณมนุษย์
และจิตวิญญาณของสัตว์โลกทั้งหลายด้วย

ดังนั้น
รูปธรรมที่มีชีวิตบนดวงดาวในต่างกาแล็กซี่
ซึ่งยังมีอยู่อีกมากมายที่พวกท่านไม่รู้นั้น
ต่างมีพระเจ้าพระผู้ให้กำเนิดพระองค์เดียวกัน
เพียงแต่คุณสมบัติกับบริบทในการดำเนินชีวิต
จะแตกต่างกันออกไปในแต่ละเผ่าดาว

สาเหตุที่แตกต่างกันเพราะว่า
รูปธรรมที่มีชีวิตในแต่ละเผ่าดาวที่ทรงสร้างขึ้น
เป็น "ผลการทดลอง" ตามแผนการของพระองค์
เพื่อค้นหาให้ได้มาซึ่งรูปธรรม "ต้นแบบ"
ที่เป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมซึ่งมีสมรรถนะสูงสุด
ในการปฏิบัติภารกิจของจิตวิญญาณร่วมกัน
เพื่อผลิตพลังงานจิตในรูปคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็ก
ป้อนให้แก่แกนแม่เหล็กซึ่งอยู่ภายในใจกลางโลก
เพื่อทำให้เกิดการระเบิดจนบิดตัวอย่างต่อเนื่อง
อันยังผลให้ดาวเคราะห์โลกหมุนรอบตัวเองได้

เนื่องจากกว่าจะทรงค้นพบรูปธรรมมนุษย์
ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แห่งกรรมที่พวกท่านใช้กันอยู่
พระบิดาหรือพระเจ้าได้ทรงทดลองสร้างขึ้น
แล้วมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงแก้ไขมายาวนาน
โดยห้องทดลองของพระองค์ก็คือดวงดาวต่างๆ
ในต่างกาแล็กซี่ภายในห้องทดลองใหญ่นี่เอง

ด้วยเหตุนี้เองท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
ภายในอนันตจักรวาลอันไพศาลนี้
ไม่เพียงแต่ดาวเคราะห์โลกในกาแล็กซี่นี้เท่านั้น
ที่มีรูปธรรมของสิ่งมีชีวิตแบบต่างๆดำรงอยู่
ในต่างดาวต่างกาแล็กซี่ก็ล้วนมีอยู่เช่นกัน

มีทั้งรูปธรรมที่มีชีวิตลักษณะมนุษย์
มีทั้งรูปธรรมที่มีชีวิตลักษณะคล้ายมนุษย์
มีทั้งรูปธรรมที่มีชีวิตลักษณะคล้ายสัตว์โลก
ซึ่งเป็นทั้งวิวัฒนาการและพัฒนาการงานสร้าง
ตามแผนการออกแบบทดลองของพระเจ้า
ที่เป็นพระผู้ทรงสร้างพระองค์เดียวกันทั้งสิ้น
ไม่มีพระเจ้าองค์ที่สองหรือพระองค์อื่นใดอีก

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่าจักรวาลอันไพศาลนี้
เป็นของพระเจ้าหรือพระผู้สร้างพระองค์เดียว
จักรวาลนี้จะคงมีพระเจ้าพระองค์เดียวตลอดไป
จะไม่มีรูปธรรมใดสิ่งใดเหนือพระองค์อีกแล้ว

เนื่องจากสิ่งมีชีวิตบนเผ่าดาวอื่น
ซึ่งพระบิดาแห่งจิตวิญญาณหรือพระเจ้า
ทรงสร้างขึ้นไว้ก่อนมนุษย์โลกอย่างพวกท่าน
ไม่เคยมี #พระศาสดาที่มาจากพระเจ้า
พวกเขาจึงไม่มีใครรู้จักพระเจ้าพระองค์จริง
จึงไม่ใครจำพระเจ้าหรือจำพระบิดาของตนได้
เพราะไม่มีศาสดาที่จะมาบอกความจริงให้รู้
ต่อให้ฉลาดแค่ไหนสมองก้อนเดียวที่พวกเขามี
ก็มีขีดจำกัดที่จะรู้ความจริงระดับอนุตรธรรมได้

พวกเขาจึงคลำได้แต่เพียงว่า
พวกเขาทั้งหลายล้วนถือกำเนิดมาจาก "แสง"
แต่มีกระบวนการขั้นตอนกำเนิดอย่างไรมิอาจรู้
จึงได้แต่เรียนรู้เฉพาะการเป็นอยู่คือของตนเท่านั้น
วิธีการเรียนรู้ก็คือการคิดการค้นการทดลอง
เมื่อกาลเวลาผ่านไปนานนับหมื่นๆปีโลก
พวกเขาจึงฉลาดทางปัญญาและฉลาดทางจิต
เหนือความเป็นมนุษย์น้องสุดท้องหลายเท่านัก

ตามที่เราเคยกล่าวต่อท่านทั้งหลายแล้วว่า
พวกเขาที่พระบิดาสร้างไว้ในต่างเผ่าดาวนั้น
ไม่เคยมีพระศาสดาจากพระเจ้าเข้าไปจุติเลย
จิตสำนึกในบาปบุญคุณโทษผิดถูกดีชั่วจึงไม่มี
เพราะพวกเขายังขาดผู้นำทางจิตวิญญาณ
บางเผ่าจึงเป็นคนดีมีความอ่อนน้อมถ่อมใจ
บางเผ่าก็เป็นคนโหดร้ายก้าวร้าวเยี่ยงสัตว์ร้าย

ด้วยเหตุนี้แหละที่ดาวโลกและมนุษย์
จึงต้องมีพระศาสดาจากพระเจ้ามาช่วยเหลือ
เพื่อมาเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณของพวกท่าน
อีกทั้งยอมให้พวกท่านด้วยกันเองที่เหมาะสม
ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทางจิตวิญญาณกันเองด้วย
โลกจึงมีพระศาสดามากถึง 24 พระองค์แล้ว
เพราะพระบิดาทรงรักและห่วงใยพวกท่านมาก
มิทรงปรารถนาจะสูญเสียพวกท่านไปอีก
เหตุเพราะจิตวิญญาณจะเสื่อมจากความบริสุทธิ์
จนมิอาจหลุดพ้นกลับบ้านได้นั่นเอง

ความวุ่นวายทั้งหลายในอนันตจักรวาล
รวมทั้งความวุ่นวายทั้งหลายในระบบโลก
ก็ล้วนมีสาเหตุมาจากผู้ที่ทรงให้กำเนิดก่อน
แต่ทำตัวพาลเกเรประพฤติตนก้าวร้าวไปทั่ว

โดยใช้ความฉลาดทางปัญญากับความก้าวหน้า
ทางด้านเท็คโนโลยีและจิตวิญญาณ
เข้าแทรกแซงภารกิจของพระบิดา
เพื่อสร้างปัญหาให้มนุษย์โลกมาทุกยุคทุกสมัย
กระทั่งทุกวันนี้มนุษย์กับโลกก็ยังถูกกระทำอยู่

มนุษย์ถูกกระทำให้โง่ง่ายโดยใช้อารมณ์แทน
มนุษย์ถูกชักจูงให้นิยมเสพกิเลสเป็นอาหาร
แทนการใช้ความรักเพื่อให้ด้วยใจบริสุทธิ์

มนุษย์ถูกตัดต่อดีเอ็นเอในระดับเซลล์ร่างกาย
เพื่อให้ทำตนเป็นสัตว์ร้ายแทนการเป็นมนุษย์
มนุษย์ถูกหลอกให้บริโภคสารพิษและเนื้อสัตว์
เพื่อทำให้อายุสั้นและช่วยบำรุงดีเอ็นเอของสัตว์

ทุกวันนี้พวกเขาที่เกเรและชั่วร้าย
เข้ามาใกล้ตัวมนุษย์ทั้งหลายมากเกินไปแล้ว
ปฏิบัติการอันตรายที่จะทำร้ายมนุษย์
โดยเป้าหมายสูงสุดคือครอบครองดาวโลกดวงนี้
มิใช่เป็นแค่ในภาพยนต์ไซไฟต่อไปอีกแล้ว

"มนุษย์ทั้งหลายจงฟังเรา
เรามาจากพระเจ้าผู้รักท่านอย่างสุดซึ้ง
เรามาเพื่อที่จะพาท่านสร้างโลกใหม่"


พวกท่านจงจำเอาไว้ด้วยว่า
ประโยคหวานหูทำนองที่ว่านี้
มิได้มาจากพระเจ้าพระองค์เดียวของจักรวาล
แต่มันเป็นคำลวงของพวกที่ตั้งตนเป็นพระเจ้า
จากพวกเผ่าที่ไม่รู้ว่าพระเจ้าเป็นใครด้วยซ้ำ

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
14/03/2022

13 มีนาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 13/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้
เป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรี
มนุษย์ทุกคนทุกชนชาติทุกศาสนาบนโลกนี้
จึงมีทางเลือกเสรีในการดำเนินชีวิตของตน
โดยมีผลลัพธ์ของการกระทำหรือกฎแห่งกรรม
ซึ่งยุติธรรมต่อมนุษย์ทั้งหลายกันอยู่แล้ว

พระบิดาแห่งจิตวิญญาญพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง
ในอนันตจักรวาลหรือเอกภพอันไพศาลนี้
จึงทรงออกแบบให้ดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้
มีความแตกต่างจากดาวดวงอื่นๆอย่างสิ้นเชิง คือ

ทรงอนุญาตให้ดวงจิตวิญญาณทุกรูปธรรม
ผู้ขันอาสาพระองค์ข้ามมิติเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์
สามารถเลือกบทละครชีวิตของแต่ละคนได้เอง
เพื่อมาแสดงร่วมกับจิตวิญญาณอีก 2-3 รูปธรรม
ผู้สมัครใจที่จะมาเป็นสมาชิก "ครอบครัวเดียวกัน"
เมื่อได้รับโอกาสมาเกิดเป็นมนุษย์ในภพชาติแรก

ความมีเสรีจึงเริ่มต้นที่ "พระเจ้า" หรือพระบิดา
ทรงเปิดให้โอกาสลูกแกะทุกตัวของพระองค์
มีอิสระที่จะเลือกบทบาทการแสดงของตนได้
ไม่ว่าจะเป็นบทดีหรือบทร้ายหรือทั้งสองแบบ

ดังนั้น
เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์อยู่ในครอบครัวเดียวกันแล้ว
ทั้งสามีภรรยาและบุตรหลานทุกคนในครอบครัว
ต้องแสดงบทบาทของตนต่อกันทั้งบทดีบทร้าย
เพื่อเป็นเงื่อนไขให้ #จิตหยาบ ของแต่ละคน
สั่นสะเทือนขันธ์ 5 ตอบสนองกันด้วย #รักเพื่อให้
ไม่ว่าเงื่อนไขนั้นมันจะเป็นบทดีหรือร้ายก็ตาม

การที่จิตวิญญาณออกแบบให้มีการแสดงบทร้ายด้วย
ก็เพราะหวังให้จิตหยาบของคนอื่นๆภายในครอบครัว
สั่นสะเทือนขันธ์ 5 เพื่อหมุนธรรมจักรขั้นสูงสุดให้ได้
เพื่อให้เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของตน
ผลิตสร้างพลังงานจิตด้านบวกออกมาให้มากที่สุด
ซึ่งเป็นพลังงานที่โลกต้องการเท่าที่สามารถจะทำได้
เนื่องจากการทำดีต่อกันนั้นมันเป็นเงื่อนไขด้านบวก
แม้จะหมุนธรรมจักรได้แต่จะผลิตพลังงานได้น้อยกว่า

ด้วยเหตุนี้เอง
ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่าเมื่อประชากรโลกมากขึ้น
มีครอบครัวเป็นชุมชนใหญ่สัมพันธ์ใกล้ชิดกันมากขึ้น
บทบาทการแสดงซึ่งเป็นอุปนิสัยจริตสันดานแต่ละคน
แทนที่จะใช้เป็นเงื่อนไขบวกลบเฉพาะในครอบครัว
จึงถูกนำออกมาแสดงต่อคนรอบข้างคนรอบบ้านด้วย
นี่คือที่มาของการสงสัยว่าทำไมคนนั้นดีทำไมคนนี้ชั่ว

พวกท่านจึงต้องยอมรับความจริงกันให้ได้ว่า
ประชากรโลกที่เพิ่มขึ้นมากมายกลายเป็นชุมชนนั้น
พระเจ้าหรือพระบิดามิได้ทรงเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย
ที่จิตวิญญาณมาเกิดมากขึ้นก็เพราะพวกท่านร้องขอ
ที่แต่ละครอบครัวมีลูกดกก็เพราะพวกท่านขยันทำกัน
การมีคนชั่วอยู่มากมายจนทำให้คนดีทั้งหลายอยู่ยาก

ก็จงอย่าตำหนิโทษพระบิดาหรือกล่าวหาพระองค์ว่า
ทรงสร้างคนชั่วขึ้นมาเพื่อทำร้ายคนดีๆอย่างพวกท่าน
เพราะทรงเกษมสำราญกับการเห็นมนุษย์เป็นของเล่น
หรือทรงสร้างคนชั่วขึ้นมาแล้วควบคุมคนชั่วไม่ได้
จนคิดโง่ๆกันไปว่าพระเจ้าไม่ทรงมีอำนาจที่แท้จริง

ความจริงเบื้องหลังมิติโลกที่เรากล่าวนี้
เป็นสัจธรรมระดับ #อนุตรธรรม ที่มนุษย์ไม่รู้ว่าตนไม่รู้
แม้แต่องค์พระสัพพัญญูก็มิทรงล่วงรู้ได้
เพราะความฉลาดทางปัญญาของสมองมีจำกัด
ซึ่งความจริงชั้นสูงสุดนี้มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่ทรงรู้

เราจึงขอเปิดเผยความจริงของ "พระเจ้า"
เปิดเผยความหมายของคำว่า "โลกเสรี"
ต่อมวลมนุษย์ทุกคนทุกชนชาติทุกศาสนา
ในช่วงเวลาปลายยุคพลังงานเก่านี้ให้รู้ทั่วกันว่า

พระเจ้าคือพระผู้เป็นใหญ่เหนือทุกสิ่งที่ทรงสร้าง
เป็นผู้ทรงอนุญาตให้จิตวิญญาณจากแดนสุญตา
ข้ามมิติเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อช่วยค้ำจุนโลก
ด้วยความรักเพื่อให้จากการสั่นสะเทือนขันธ์ห้า
ที่ทรงออกแบบเอาไว้ให้ปฏิบัติอย่างไม่ซับซ้อน

เมื่อพระองค์เป็นผู้ทรงอนุญาตให้เข้ามาทำหน้าที่
แสดงว่า "พระเจ้า" ทรงมีพระอำนาจจริงใช่หรือไม่

เมื่อพระองค์ทรงอนุญาตให้วางแผนออกแบบ
ชะตาชีวิตหรือบทละครที่ต้องแสดงร่วมกันได้เอง
ผู้ทรงอนุญาตย่อมมีพระอำนาจแท้จริงใช่หรือไม่
อีกทั้งการที่พระองค์มิทรงก้าวก่ายในการเขียนบท
แสดงว่าทรงประทานความมีสิทธิ์เสรีให้แก่มนุษย์
มีอำนาจเต็มในการเลือกบทบาทของตนใช่หรือไม่

เราขอเป็นพยานของพระองค์ว่า
ยังทรงเป็นพระผู้เป็นเจ้าเหนือทุกสิ่งที่ทรงสร้าง
ยังทรงมีพระสัจจะในการออกแบบโลกและมนุษย์
ให้เป็นดาวเคราะห์แห่งทางเลือกเสรีอยู่ตลอดไป
จะมิทรง "ยกเลิก" หรือทรงทำสิ่งใดตามอำเภอใจ
เพื่อเปลี่ยนแปลงดาวโลกกับมนุษย์ไปเป็นแบบอื่น

เพราะเป้าประสงค์หลักของพระองค์ก็คือ
ให้จิตวิญญาณมาเกิดเป็นมนุษย์โลกเสรี
เพื่อช่วยกันผลิตพลังงานความรักให้โลก
ด้วยการใช้ขันธ์ห้าสั่นสะเทือนเป็นความรัก
ช่วยให้โลกหมุนด้วยวิธีปฏิบัติง่ายๆไม่ซับซ้อน
เพียงแค่รักทุกคนที่ทำตัวไม่น่ารักให้ได้
อภัยหรืออโหสิแก่ทุกคนที่ทำตัวไม่น่าอภัยให้ได้
โดยไม่มีเงื่อนไขและไม่ต้องมีสิ่งใดตอบแทน

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
13/03/2022

อ่านคัมภีร์แล้วอย่าคิดแบบจิตมนุษย์ 13/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

#วิวรณ์ 21:4 THSV11 ที่บันทึกไว้ว่า
"พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆหยด
จากตาของเขาทั้งหลาย
และความตายจะไม่มีอีกต่อไป

ความโศกเศร้า
การร้องไห้และการเจ็บปวด
จะไม่มีอีกต่อไป"


พระคำที่ได้บันทึกเอาไว้ข้างต้นนั้น
พระศาสดามิได้ทรงหมายความว่า
ผู้ที่ยอมรับในพระศาสดาและพระเจ้าเท่านั้น
เมื่อตายไปจากการเป็นมนุษย์เมื่อไหร่
จิตวิญญาณของมนุษย์ผู้นั้น
จะคืนกลับสู่อ้อมกอดพระเจ้าหรือพระบิดา
เพื่อการมีชีวิตนิรันดร์โดยจะไม่มีการตายอีก

โดยจิตวิญญาณของมนุษย์ผู้นั้น
จะไม่ต้องกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ให้ทุกข์ยาก
เพื่อที่จะต้องแก่เจ็บตายหรือมีสังสารวัฏกันอีก
เพราะพระเจ้าจะทรงช่วยเช็ดน้ำตาทุกหยดให้

ความทั้งหมดที่เรากล่าวมานี้มิใช่ความจริง
เพราะเป็นการอ่านพระคัมภีร์แล้วคิดแบบจิตมนุษย์

เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า
ข้อความตามพระคัมภีร์ที่มีบันทึกไว้นั้น

1.พระศาสดามิได้ทรงหมายจำเพาะแต่
ผู้ที่ยอมรับนับถือและเชื่อในพระเจ้าเท่านั้น
แต่มันเป็นความจริงสำหรับมนุษย์โลกทุกคน
โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่อง "ศาสนา" แต่อย่างใด

2.เพราะจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกคน
ล้วนเป็นผู้ที่มาจากพระเจ้าพระองค์เดียวกัน
ต่างล้วนมาเกิดเป็นมนุษย์เพื่อทำหน้าที่ร่วมกัน
ในการเป็นเพื่อนร่วมงานกับดาวเคราะห์โลก
ด้วยการใช้ความรักของตนขับเคลื่อนขันธ์ 5
เพื่อผลิตพลังงานไฟฟ้าด้านบวกค้ำจุนโลก
อันเป็นภารกิจของจิตวิญญาณนั่นเอง

3.ในการมาเกิดเป็นมนุษย์ตั้งแต่ภพชาติแรก
พระเจ้าหรือพระบิดาหรือองค์จิตจักรวาล
ได้ทรงออกแบบไว้ให้จิตวิญญาณผู้มาเกิดนั้น
ไม่ต้องตายหรือไม่ต้องมีอายุขัยของกายสังขาร

เพราะกายสังขารหรือเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์
ที่ทรงออกแบบไว้ให้นี้ไม่มีอายุขัยการใช้งาน
โดยให้สามารถซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอเองได้
ให้มีความสามารถเจริญเติบโตเองได้ไม่รู้สิ้นสุด
เพียงแค่มนุษย์ต้องใช้ให้เป็นบำรุงให้เป็นเท่านั้น

ดูตัวอย่างสิ่งมีชีวิตในต่างดาวต่างกาแล็กซี่สิ
พวกท่านหลายคนก็พอจะรู้ความจริงกันอยู่ว่า
พวกเขาทั้งหลายมีอายุราวๆ 500 - 25,000 ปี
ทั้งๆที่โครงสร้างทางชีววิทยามิได้ต่างจากมนุษย์

4.ถ้าจิตวิญญาณของพวกท่านโดยจิตหยาบ
สามารถรักษา #จิตวิญญาณบริสุทธิ์ ของตนไว้ได้
ตั้งแต่ชาติแรกที่รับโอกาสเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์
จิตวิญญาณของท่านก็คือตัวท่านจะไม่ต้องตาย
จะสามารถมีชีวิตอมตะเพื่อทำหน้าที่ได้ต่อเนื่อง
จิตวิญญาณของท่านก็จะไม่มี #อดีตชาติ
จะไม่มีการเวียนว่ายตายเกิดอีกตลอดไป

5.ผู้ที่จะสามารถมีชีวิตอมตะได้
คือผู้ที่ประพฤติตามพระโอวาทของพระเจ้า
ปฏิบัติตามพระราชบัญญัติของพระองค์
โดยไม่มีการประพฤติในสิ่งที่ผิดบาป
ทั้งต่อเบื้องพระพักตร์และเบื้องหลังพระองค์

"ผู้ที่มีคุณสมบัติเหล่านี้
ความตายจะไม่มีอีกต่อไป
ความโศกเศร้า
การร้องไห้และการเจ็บปวด
จะไม่มีอีกต่อไป"


จะเสมือนหนึ่งเป็นผู้ที่พระเจ้า
ทรงเช็ดน้ำตาทุกๆหยดจากตาของเขานั่นเอง

6.มนุษย์บุตรของพระองค์ทุกคน
สามารถมีชีวิตเป็นอมตะได้อย่างยาวนาน
ตราบจนสิ้นยุคพลังงานเก่า
ที่พระเจ้าทรงกำหนดเวลาในการทำหน้าที่ไว้ให้
ซึ่งเท่ากับ 6 หมื่นปีตามกาลเวลาของโลกเสรีนี้

หรืออาจมีใครบางคนซึ่งบรรลุภารกิจแล้ว
แต่ปรารถนาจะกลับไปกราบพระองค์ก่อนกำหนด
พระองค์ก็จะทรงอนุญาตให้กลับบ้านได้
โดยมีเงื่อนไขว่าบุตรมนุษย์ผู้นั้น
จักต้องเป็นผู้ #มีจิตวิญญาณบริสุทธิ์ ดุจเดิม

แสดงว่าถ้าใครยังก่อกรรมทำเข็ญอยู่
ยังมัวเมาในกิเลสตัณหาราคะจริตอยู่
ยังมีกฎแห่งกรรมที่ต้องเรียนรู้กันอยู่
ยังไม่สามารถชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์ได้
ต่อให้ท่านยอมรับนับถือหรือเชื่อในพระเจ้า
จิตวิญญาณท่านผู้นั้นก็จะถูกโลกเหนี่ยวรั้งไว้
ให้กลับมาทำหน้าที่และชำระบาปให้สิ้นก่อน

พระบิดาทรงตรัสแก่เราว่า
โลกเสรีดวงนี้ "เด็กเส้น" ไม่มี
ทุกจิตวิญญาณของมนุษย์ล้วนเสมอภาคกัน

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา
กราบพระวิญญาณบริสุทธิ์
แห่งองค์เยซูคริสต์เจ้า

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
13/03/2022

12 มีนาคม 2565

VDO. EP. 377: สัตว์ร้ายในตัวคุณ (Full Version)


 

บันทึกการสื่อพระโอวาทในระบบจิตสู่จิตจากองค์จิตจักรวาล

โดย อนุตรธรรมาจารย์ปริญญา ตันสกุล

11 มีนาคม 2565

ตอบคำถาม: 11/03/2022

Khunสมกิจ รวยเต็มหัตถ์

กราบเรียนถามท่านอาจารย์
โปรดชี้แนะขยายความเพิ่มเติมพระคัมภีร์บทนี้
เรื่องที่กล่าวไว้หมายความว่าอย่างไรครับ

#โรม3:-10-31.
10ตามที่มีเขียนไว้แล้วว่า `ไม่มีผู้ใด
เป็นคนชอบธรรมสักคนเดียว...ไม่มีเลย
11ไม่มีคนที่เข้าใจ ไม่มีคนที่แสวงหาพระเจ้า
12เขาทุกคนหลงทางไปหมด
เขาทั้งปวงเป็นคนไร้ค่าเหมือนกันทั้งสิ้น
ไม่มีสักคนเดียวที่ทำดี...ไม่มีเลย
13ลำคอของเขาคือหลุมฝังศพที่เปิดอยู่
เขาใช้ลิ้นของเขาในการล่อลวง
ภายใต้ริมฝีปากของเขามีพิษของงูร้าย

14ปากของเขาเต็มด้วยคำแช่งด่าและคำขมขื่น
15เท้าของเขาว่องไวในการทำให้นองเลือด
16ในทางเดินของเขา
มีความพินาศและความทุกข์
17และเขาไม่รู้จักทางแห่งสันติสุข
18ในแววตาของเขาไม่มีความเกรงกลัวพระเจ้า'
19บัดนี้เรารู้แล้วว่า
พระราชบัญญัติทุกข้อที่ได้กล่าวนั้น
ก็ได้กล่าวแก่คนเหล่านั้น
ที่อยู่ใต้พระราชบัญญัติเพื่อปิดปากทุกคน
และเพื่อให้มนุษย์ทุกคนในโลก
มีความผิดจำเพาะพระพักตร์พระเจ้า

#Answer:
ตามที่พระบิดาเคยกล่าวพระโอวาทไว้แล้วว่า
ในโลกนี้ไม่มีใครเป็นผู้ใฝ่ธรรมอย่างจริงจังเลย
ไม่มีใครเข้าใจในสาระธรรมที่แท้จริง
ไม่มีใครแสวงหาพระผู้เป็นเจ้า

มนุษย์โลกต่างดำเนินชีวิตแบบผิดทางกันหมด
พวกเขาทำตนเป็นดั่งคนไร้ค่าเหมือนกันทั้งสิ้น
พวกเขาเสียทีที่ได้รับโอกาสให้มาเกิดเป็นมนุษย์
จะมองหาคนที่มุ่งทำดีให้เห็นก็ไม่มีเลยสักคน

ลำคอของมนุษย์เปรียบเสมือนหลุมฝังศพ
ซึ่งใช้กลืนกลบเก็บฝังสิ่งเน่าเหม็นที่เปิดอยู่
โดยใช้วาจาเล่ห์ลิ้นก้าวล่วงกล่าวร้ายล่อลวง
ภายใต้ริมฝีปากของมนุษย์มีคำพูดที่เป็นพิษ
ที่สามารถทำร้ายคนอื่นได้ดั่งพิษของงูร้าย

ปากของมนุษย์ผู้ไร้ธรรมะ
เต็มไปด้วยคำแช่งด่าและคำนินทาว่าร้ายผู้อื่น
เป็นถ้อยคำที่ทำให้ผู้อื่นขมขื่นใจเพราะรับไม่ได้

เท้าทั้งสองข้างของมนุษย์
พร้อมที่จะนำพาตนเองสู่การนองเลือดกับผู้อื่น
ทันทีที่ตนเองไม่พอใจ ไม่เข้าใจ ไม่สบอารมณ์
ทันทีที่ตนเองไม่ยอมรับความคิดต่างเห็นต่าง
ทันทีที่ตกลงกันเรื่องผลประโยชน์ไม่ลงตัว
ทันทีที่พูดจาภาษาคนกันแล้วไม่รู้เรื่อง เป็นต้น

บนเส้นทางดำเนินชีวิตของมนุษย์
จึงมีแต่ความล้มเหลวมากกว่าความสำเร็จ
เพราะเป็นสัตว์สังคมไม่ได้ทำงานเป็นทีมไม่เป็น
มีครอบครัวก็พังพินาศเพราะขาดความรักเพื่อให้
ไม่รู้จักการอดทน อดกลั้นและการให้อภัยต่อกัน
มนุษย์จึงมีแต่ความทุกข์ก็เพราะสิ่งเหล่านี้

มนุษย์ทั้งหลาย
ไม่รู้จักวิธีการดำเนินชีวิตร่วมกันอย่างสันติสุข
พวกเขาไม่มีความละอายต่อการทำบาป
เนื่องจากพวกเขายังไม่รู้จักพระผู้เป็นเจ้า
พวกเขาไม่รู้ว่าพระองค์ทรงมองพวกเขาอยู่
แววตาพวกเขาจึงไม่เกรงกลัวต่อพระเจ้า

พระเยซูตรัสว่า
พระองค์ทรงทราบแล้วว่า
พระราชบัญญัติหรือพระโอวาททุกข้อ
ที่ทรงกล่าวแก่คนเหล่านั้นไว้มันเป็นได้แค่
การปิดกั้นไม่ให้มนุษย์ก่อกรรมทำบาปชั่ว
เฉพาะอยู่เบื้องพระพักตร์พระบิดาเท่านั้นเอง

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
กราบพระวิญญาณบริสุทธิ์องค์เยซูคริสต์เจ้า

เอเมน สาธุ

ป.วิสุทธิปัญญา
11/03/2022

10 มีนาคม 2565

คำสอน 10/03/2022


 ถ้าท่านให้อภัยบาปแก่ใคร
พระบิดาจะทรงให้อภัย
แก่บาปของเขาคนนั้นด้วย
แต่ถ้าท่านไม่อภัยบาปให้ใคร
บาปของพวกเขาทั้งหลาย
ก็จะมิทรงให้อภัยเช่นกัน

09 มีนาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 9/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้กันต่อไปอีกว่า

นอกจากสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าดาวที่อพยพหนีตาย
เข้ามาบุกรุกดาวเคราะห์โลกดวงนี้เป็นที่อยู่ใหม่
จะใช้ความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์ชั้นสูง
ทดลองเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางชีววิทยา
จากตัวตนรูปลักษณ์หน้าตาไม่ต่างจากสัตว์โลก
ให้มีตัวตนรูปลักษณ์งดงามเหมือนมนุษย์ได้
โดยใช้เวลาพัฒนาการมายาวนานนับพันปีแล้ว

สิ่งมีชีวิตจากต่างเผ่าดาวยังมีอีกหลายกลุ่ม
ทั้งจากยุคแอตแลนติสที่พระบิดาทรงชำระทิ้ง
จนมาถึงยุคอียิปต์โบราณก็เช่นเดียวกัน
พวกนี้ต่างก็มีความพยายามทำทุกวิถีทาง
ที่จะผสมพันธุ์กันกับมนุษย์เพื่อให้ได้พันธุ์ใหม่
ในแบบที่พวกนี้ต้องการ

ตัวอย่างเช่นระยะแรกๆในบางเผ่า
ก็จะใช้วิธีผสมพันธุ์กันกับมนุษย์ผู้หญิงจริงๆก็มี
แต่มนุษย์ไม่ค่อยให้ความยินยอมพร้อมใจด้วย
พวกนี้จึงต้องเลือกเอาวิธีการใช้อำนาจเหนือ
เพราะพวกนี้ไม่มีเท็คโนโลยีและไม่ใช่แพทย์

ถ้ามนุษย์ผู้หญิงตั้งครรภ์แล้วทารกโตมากเกินไป
พวกเขาก็จะใช้วิธี "ควัก" จากท้องเอาออกมาทิ้ง
ถ้าทารกในครรภ์ไม่โตผิดปกติพวกเขาก็จะคัดไว้
รอจนคลอดออกมาเพื่อเลี้ยงดูให้เติบโตต่อไป
นี่จึงเป็นวิธีไฮบริดแบบธรรมชาติเท่าที่จะฟลุ้คได้

ส่วนบางเผ่าที่มีเท็คโนโลยีล้ำหน้าอยู่บ้าง
ก็จะเลือกใช้วิธีผสมพันธุ์เทียมภายในหลอดแก้ว
ระหว่างสเปิร์มต่างดาวกับไข่ของมนุษย์ผู้หญิง
ซึ่งวิธีผสมพันธุ์แบบนี้ไม่มีมนุษย์คนไหนต่อต้าน
เพราะเป็นปฏิบัติการในห้องทดลองของพวกเขา
ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้นอกจากทีมแพทย์ไม่กี่คน
ที่ยินดีปิดปากแลกกับความรู้ด้านการผสมเทียม

วิธีการสร้างเด็กหลอดแก้ว
ระหว่างสายพันธุ์ต่างเผ่าดาวกับมนุษย์นั้น
เป็นวิธีที่พวกเขาพอทำได้แต่ได้ผลน้อยมาก
เพราะผลที่ได้จะมีลักษณะของสัตว์ประหลาด
มากกว่าจะงดงามสมส่วนเหมือนมนุษย์

บางตัวเมื่อเลี้ยงดูจนเติบโตขึ้นมาก็พบว่า
แม้จะมีรูปร่างหน้าตาคล้ายทารกของมนุษย์
แต่กลับไม่มีผิวหนังห่อหุ้มคลุมกายเลย
คล้ายถูกถลกหนังจนมีแต่เนื้อกับเส้นเลือด

ในยุคอียิปต์โบราณสมัยกษัตริย์ไอยคุปต์
ปฏิบัติการเพื่อหวังกลายพันธุ์ของต่างเผ่าดาว
ใช้ทั้ง 3 วิธีการข้างต้นนี้อย่างเปิดเผยมากขึ้น
เพราะมีการสร้างค่านิยมของทายาท "เทพเจ้า"
ในหมู่สังคมของชนชั้นสูงกันอย่างกว้างขวาง
ยุคนั้นท่านจะเห็นภาพแกะสลักทั้งหญิงชาย
หัวทุยศีรษะยกสูงลำคอคล้ายกะเหรี่ยงคอยาว
ปรากฏอยู่บนกำแพงภายในวิหารอยู่มากมาย

แต่เพราะว่าพระบิดาทรงออกแบบเอาไว้
มิให้มนุษย์โลกผสมพันธุ์ไขว้กับต่างเผ่าดาว
จิตวิญญาณที่จะจุติเป็นทารกในครรภ์มนุษย์
จักต้องเป็นจิตวิญญาณของมนุษย์เท่านั้น
ถ้าเครื่องยนต์แห่งกรรมทารกเป็นรูปแบบอื่น
ทารกนั้นก็จะเติบโตไม่ได้ไม่ตายก็พิการ
ถ้าไม่พิการเมื่อเติบโตไปได้ไม่นานก็ต้องตาย

มีแต่เผ่าดาวผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์เท่านั้น
ที่สามารถนำเอาดีเอ็นเอของสัตว์ร้ายของพวกตน
มาประกบคู่กับดีเอ็นเอพลียะเดี้ยนส์ในกายมนุษย์
แล้วใช้เท็คโนโลยีเดียวกันย้อนกระทำกับพวกตน
จนสร้างกายหยาบของตนที่มีครึ่งหนึ่งเป็นคนได้
ก็จะจับมือกันกับผู้มาจากต่างเผ่าดาวอีกกลุ่มหนึ่ง
ซึ่งมีความเชี่ยวชาญทางด้านจิตวิญญาณมากสุด
ให้ช่วยย้ายจิตวิญญาณสู่ร่างกายใหม่ที่สร้างขึ้น

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
สิ่งมีชีวิตจากต่างเผ่าดาวที่เราเรียกว่า "มอด"
ผู้แอบซ่อนตัวอยู่ในโพรงใต้เท้าของพวกท่าน
เป็นผู้อาวุโสจำนวนหนึ่งซึ่งถูกอนุรักษ์ไว้เท่านั้น
สำหรับจิตวิญญาณของพวกเขาส่วนใหญ่
ล้วนมีกายสังขารเป็นมนุษย์กันไปหมดแล้ว

เนื่องจากพวกเขามีสมองที่ฉลาดกว่ามนุษย์
เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเท็คโนโลยีชั้นสูงทุกแขนง
พวกเขาจึงแสดงตนปนอยู่กับชาวโลกได้
ในลักษณะของมนุษย์อัจฉริยะซึ่งเป็นชนชั้นผู้นำ
จำพวกผู้นำโลก ผู้นำทางด้านการปกครอง
ผู้นำด้านการทหาร ผู้นำด้านเศรษฐกิจการเงิน
ผู้นำด้านอุตสาหกรรม ผู้นำด้านเท็คโนโลยีสื่อสาร
ส่วนใหญ่ทายาทมอดเหล่านี้ต่างเป็นเศรษฐีล้วนๆ

ตั้งแต่ยุคแอตแลนติสมาแล้ว
ประดามอดมารทั้งหลายที่แฝงอยู่ในระบบโลก
พระบิดายังไม่ทรงพบว่าจะมีใครกลับใจสักราย
และทรงยังเห็นว่าไม่มีมอดตัวไหนตายสักคน
มีแต่มารที่เป็นมนุษย์รับใช้มอดเท่านั้นที่ตาย
แต่ยังมีชีวิตอยู่ต่อมาได้ยาวกว่าใครเขาเพื่อน
เพราะเขาเป็นมนุษย์ที่เกิดจากการ "โคลนนิ่ง"
ด้วยเท็คโนโลยีของมอดจากการสร้างร่างใหม่
ให้มีรูปลักษณ์หน้าตาทุกอย่างเหมือนคนเดิม
แล้วย้ายจิตวิญญาณดวงเดิมเข้าไปอยู่แทน

เรารู้ดีว่าหลายคนรู้แล้วอาจไม่เชื่อ
เพราะเคยรู้เห็นแต่ในหนังที่พวกมอดสร้างขึ้น
เพื่อเอาไว้ทำให้พวกท่าน "ไม่เชื่อ" เมื่อได้รู้
ซึ่งเป็นกลอุบายของพวกนี้ที่มิให้ท่านตื่นรู้นั่นเอง
แล้วก็ได้ผลเสียด้วยเพราะหลอกมนุษย์สำเร็จ

ความโง่ง่าย
ความโลภ
ความงมงาย
ทั้งสามสิ่งนี้มันนำความวิบัติมาให้โลก
ทุกยุคทุกสมัยมาแล้วไม่รู้จักจบจักสิ้น
อีกไม่นาน...ประวัติศาสตร์มนุษย์จักซ้ำรอย

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
09/03/2022

08 มีนาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 8/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

เมื่อสองสามหมื่นปีโลกที่ผ่านมา
มนุษย์โลกตัวเล็กๆและไร้เดียงสาน่าเอ็นดู
ได้ถูกรุ่นพี่ในต่างเผ่าดาวหนึ่งในกลุ่มที่ก้าวร้าว
เข้ามาแทรกแซงปฏิบัติการของมนุษย์โลก
จนไม่อาจปฏิบัติตามแผนสำคัญของพระบิดาได้

เพราะว่าเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ซึ่งพระบิดาทรงออกแบบเอาไว้เป็นอย่างดีแล้ว
ถูกผู้เชี่ยวชาญด้านเท็คโนโลยีจากต่างเผ่าดาว
ทำการผ่าตัดดัดแปลงโครงสร้างทางชีววิทยา
โดยนำเอาดีเอ็นเอของสัตว์ร้ายของพวกตน
มาทดลองจับคู่กันกับดีเอ็นเอของพี่พลียะเดี้ยนส์
เพื่อสร้างเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์สายพันธุ์มอด
ที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปธรรมอันอัปลักษณ์
ให้งดงามน่ารักเช่นเดียวกันกับมนุษย์โลกได้

ถ้าพวกเขาสามารถทดลองแล้วสำเร็จได้จริง
งานชิ้นถัดไปที่พวกเขาจะทำต่อจากนั้นก็คือ
การนำเอาดีเอ็นเอของพี่พลียะเดี้ยนส์
เข้าไปตัดต่อกับอีเอ็นเอของพวกตนแทน
เพื่อต้องการเปลี่ยนโครงสร้างทางชีววิทยา
ที่อัปลักษณ์ น่าเกลียด น่ากลัว ตัวใหญ่ดั่งยักษ์
ซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นสัตว์มากกว่าเป็นมนุษย์
ให้กลายพันธุ์จนมีลักษณะเหมือนมนุษย์ให้จงได้
โดยค่อยๆใช้เวลาพัฒนาการมาเรื่อยๆ

เพราะสิ่งมีชีวิตต่างเผ่าดาวพวกนี้
เป็นผู้ที่ฉลาดที่สุดในประดาสิ่งมีชีวิตที่ทรงสร้าง
ภายในอนันตจักรวาลซึ่งเป็นห้องทดลองใหญ่นี้
พวกเขาจึงเป็นแพทย์ (Healer) เป็นนักศัลยกรรม
ที่สามารถผ่าตัดเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์ได้
ทั้งผ่าตัดหยาบที่แพทย์มนุษย์เองก็พอทำได้อยู่
โดยใช้เครื่องมือและเท็คโนโลยีที่ล้ำโลก
กับการผ่าตัดละเอียดคือผ่าตัดยีนส์ในระดับนาโน
ซึ่งต้องใช้พลังจิตขั้นสูงเป็นเครื่องมือเท่านั้น

สิ่งที่เรากล่าวมาข้างต้นนี้
เป็นปฏิบัติการแทรกแซงครั้งสำคัญอย่างหนึ่ง
ที่เราเรียกพวกเขาว่า "มอด" ซึ่งทำให้มนุษย์ "ม้วย"
คำโบราณที่กล่าวว่า "มอดม้วย" จึงมาจากสาเหตุนี้

คำว่า "ม้วย" สำหรับมนุษย์ในกาลอดีตนั้น
หมายถึงการทดลองของพวกเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
ที่เพียรจับเอาตัวมนุษย์ไปผ่าตัดดั่งสัตว์ทดลอง
ทำให้มนุษย์บุตรพระบิดาต้องตายไปมากต่อมาก
จากการทดลองของพวกเขานี่แหละ

มีคำถามว่าแล้วมนุษย์ไปยอมพวกมอดได้ไง
เราก็บอกพวกท่านไว้ตั้งแต่ตอนที่แล้วไงว่า
เขาใช้ชนชั้นผู้นำที่มีอำนาจเหนือมนุษย์คนอื่น
ที่มีความโลภเป็นกิเลสติดตัวอยู่เป็นเครื่องมือ
ให้ช่วยหลอกมนุษย์ด้วยกันเองว่าการผ่าตัดนั้น
มันจะช่วยให้มนุษย์คนนั้นอายุยืนไม่ป่วยไม่ตาย
พวกเขาจะช่วยให้มนุษย์เป็นอมตะตลอดกาล
โดยแลกกับวัตถุเท็คโนโลยีขยะที่มนุษย์ไม่เคยมี
ทั้งๆที่พระบิดาไม่เคยกำหนดให้มนุษย์ต้องตาย

ดังนั้น
สาเหตุที่มนุษย์ยอมให้มอดปู้ยี่ปู้ยำง่ายๆ
ไปนอนให้เขาทำร้ายกายสังขารบนเตียงไฟฟ้า
ซึ่งส่วนมากจะต้องตายมากกว่าจะรอดชีวิตนั้น
เป็นเพราะความจริงดังต่อไปนี้

1.มอดใช้ "สิ่งยั่วยุกิเลส" ชนชั้นผู้นำโลก
ที่มีอำนาจเหนือประชาชนชาวโลกส่วนใหญ่
ให้ยอมทำตามความต้องการของมอด
เช่น ให้วัตถุเท็คโนโลยีที่โลกในยุคนั้นยังไม่มี
ซึ่งเป็นสิ่งที่มนุษย์พวกนั้นล้วนอยากได้มาก
การสมยอมกันของมนุษย์กับมอดจึงเริ่มต้นขึ้น

ท่านลองย้อนต้นค้นประวัติศาสตร์ดูก็ได้ว่า
ในยุคแอตแลนติสนั้นมนุษย์โลกเป็นอย่างไรบ้าง

ความเจริญด้านวัตถุเท็คโนโลยีของมนุษย์
ด้านการแพทย์ การคมนาคม ด้านอุตสาหกรรม
ด้านเครื่องจักรกล ด้านคอมพิวเตอร์ การสื่อสาร
ล้วนมีความเจริญก้าวหน้าจนถึงขีดสุด
ขณะที่จิตสามนึกมนุษย์ในยุคนั้นกลับตกต่ำ
จนไม่อาจทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณได้เลย
พวกท่านว่ามันคล้ายกันกับในยุคนี้หรือไม่ล่ะ

2.มอดใช้เงื่อนไขด้านลบคือ "ความกลัวตาย"
ซึ่งเป็นอุปนิสัยพื้นฐานด้านลบของมนุษย์ยุคนั้น
มาเป็นเครื่องจูงใจให้คล้อยตามทำตามพวกเขา
โดยใช้กลวิธีจูงใจแบบ "หักมุม" หรือกลับมิติ
จากไม่อยากตายเป็นผ่าตัดให้จะกลายเป็นอมตะ
เหมือนดั่งพวกมอดเองที่แต่ละคนตั้งแต่เกิดมา
ยังไม่เคยมีใครป่วยตายหรือสิ้นอายุขัยเลยสักคน

ด้วยกลอุบายอันแยบยลของผู้นำโลกกับมอด
จึงทำให้มนุษย์ยอมเป็นสัตว์ทดลองของมอดได้
เพราะมอด #ขายความคาดหวัง ที่ยังพิสูจน์ไม่ได้
ให้กับประดามนุษย์ที่ #โง่ง่าย เพราะไร้สติ
ซึ่งเป็นการขายฝันที่ฝ่ายผู้ซื้อขาดทุนย่อยยับ

3.มอดจะใช้วิธี "ปิดข่าว" มิให้โลกรู้
กรณีที่การผ่าตัดของพวกเขาเกิดความล้มเหลว
โดยจะเปิดเผยเรื่องราวที่เป็นด้านบวกเท่านั้น

พวกเขาฉลาดพอที่จะเริ่มต้นแบบเย็นใจ
โดยจะเลือกมนุษย์ที่ตัวตนรูปลักษณ์เหมาะสม
เช่น แข็งแรง สง่างาม สมส่วน ทั้งหญิงชาย
โดยคัดมาทำการทดลองทีละรายสองราย
เพื่อการเรียนรู้ด้วยวิธีลงมือผ่าตัดจริงนั่นเอง

พวกเขาทำไปแก้ไขข้อบกพร่องไปเรื่อยๆ
หากมีการตายเกิดขึ้นจริงก็ไม่เป็นเรื่องใหญ่
เพราะตายทีละคนสองคนและคนตายก็ไร้ญาติ

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

พวกท่านจึงต้องไม่แปลกใจหรอกว่า
ทำไมดีเอ็นเอในร่างกายของพวกท่าน
จึงมีดีเอ็นเอของสัตว์ร้ายติดตั้งอยู่ด้วย

ให้สังเกตจากอาการขี้โมโห ดุร้ายเยี่ยงสัตว์
อาฆาต โกรธแค้น ขี้เอา (โลภ)
ใจดำ ใจร้าย คุมสติไม่ค่อยจะได้
ทำร้ายได้ ฆ่าได้ แม้แต่คนที่ตนเองรัก
เมื่อไม่สบอารมณ์เพราะถูกยั่วยุ
เวลาโกรธจะหายใจฟึดฟัดๆเยี่ยงสัตว์ร้าย
การทะเลาะเบาะแว้งกัน การทำศึกสงครามกัน
การทะเลาะวิวาทกันอย่างไม่ปรองดอง
ฯลฯ

อาการร้ายๆทั้งหลายเหล่านี้
พระบิดามิได้ทรงติดตั้งเอาไว้ให้มนุษย์
เพราะมนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ
แต่ที่พวกท่านอาการร้ายๆหนักขึ้นทุกวัน
จนรักคนที่ทำตนไม่น่ารักไม่ได้ ให้อภัยไม่เป็น
ก็เพราะมีดีเอ็นเอของมอดอยู่ในสังขารท่าน
ซึ่งสืบสายพันธุ์กันมาจากบรรพบุรุษ
ในยุคแอตแลนติสโน่นแล้ว

หากท่านไม่โง่ง่ายอีกท่านก็จะต้องรู้ว่าบัดนี้
มอดมีรูปร่างหน้าตาเหมือนมนุษย์กันได้แล้ว
เพราะแผนการเปลี่ยนรูปลักษณ์สิ้นสุดลง
เพราะมนุษย์โง่ง่ายและมากด้วยกิเลสนั่นเอง

นอกจากนี้เรายังมีความลับเกี่ยวกับมอด
ที่เข้าครอบงำจิตวิญญาณพวกท่านมานมนาน
ซึ่งเป็นมอดอีกเผ่าดาวหนึ่งที่มนุษย์ยังไม่รู้จัก
โดยมอดเผ่าดาวที่สองที่เรากำลังจะกล่าวนี้
ก็เป็นผู้ที่ไม่ปรารถนาดีต่อมนุษย์เช่นเดียวกัน
เป็นผู้ก่อการร้ายเช่นเดียวกัน

สาเหตุหนึ่งที่จิตวิญญาณของเราต้องกลับมา
ก็เพื่อมาสร้างสติทางวิญญาณแก่พวกท่าน
ไม่ให้เดินตามมอดมารปีนรั้วกลับเข้าคอกอีก
เราไม่ได้มานำพาพวกท่านทำสงครามกับมอด
แต่เรามาเพื่อช่วยปลุกให้พวกท่านตื่นรู้ตื่นแจ้ง
จนไม่ทำให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยต่อไปอีก
ที่สำคัญคือมอดและมารมีหน้าตาเหมือนมนุษย์
ซึ่งแยกยากมากหากมิใช้ปัญญาและมีมหาสติ

จงระลึกกันไว้เถิดท่าน....
ประวัติศาสตร์ของโลกกำลังจะซ้ำรอยอีกแล้ว
ประวัติศาสตร์เป็นมาแบบไหนใครนึกไม่ออก
จงย้อนกลับขึ้นไปอ่านด้านบนอีกเที่ยวนะ

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
8/03/2022

07 มีนาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 7/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ในอดีตกาลที่ผ่านมานับหมื่นปี
โลกนี้มีสิ่งมีชีวิตจากต่างเผ่าดาวรวม 2 เผ่า
เผ่าแรกอพยพหลบภัยเข้ามาอยู่ในระบบโลก
เพราะทดลองความก้าวหน้าทางเท็คโนโลยี
จนยังผลให้ดาวของพวกเขาต้องแตกระเบิด
ทำให้พี่ๆน้องๆส่วนใหญ่ซึ่งหนีออกมาไม่ทัน
เพราะไม่ทันตั้งตัวและไม่รู้ตัวว่าจะเกิดเหตุร้าย
ต้องเสียชีวิตสังเวยเท็คโนโลยีจนเกลี้ยงดาว

สิ่งมีชีวิตจากต่างเผ่าดาวกลุ่มนี้แหละท่าน
ที่เป็นผู้นำเอาความเจริญทางด้านวัตถุเท็คโนโลยี
อาวุธยุทธภัณฑ์ สารเคมี คอมพิวเตอร์ อากาศยาน
ยารักษาโรค การผ่าตัด ศัลยกรรม การโทรคมนาคม
เครื่องจักรกล เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ ฯลฯ
เข้ามาสู่ระบบโลกที่ล้าหลังอยู่เพราะยังอายุน้อยกว่า
เนื่องจากมนุษย์ยังพัฒนาขีดความสามารถไม่ได้มาก

ดังนั้น
การครอบงำมนุษย์ยุคนั้นด้วยสิ่งแปลกใหม่ล่อใจ
จึงมิใช่เรื่องยากเข็ญอะไรเลยสำหรับผู้ที่ฉลาดกว่า

ยิ่งสิ่งมีชีวิตจากเผ่าดาวนี้ฉลาดที่จะใช้ชนชั้นนำ
เป็นเครื่องมือของตนเพื่อครอบงำชาวโลกด้วยแล้ว
ฝ่ายที่โง่กว่าย่อมตกเป็นทาสได้อย่างไม่ยากเย็น
ผู้นำที่บ้าอำนาจคลั่งวัตถุเท็คโนโลยีในยุคนั้น
จึงยอมให้ผู้ที่มาจากต่างเผ่าดาวเข้าแทรกแซง
เพื่อแลกกับวัตถุเท็คโนโลยีที่พวกตนอยากได้นั้น

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เมื่อได้รับรู้ความจริงตามที่เรากล่าวมาแล้ว
หากท่านเป็นคนช่างสังเกตและฉลาดมองโลก
ท่านก็สามารถที่จะฉุกคิดกันเองได้ว่า
โลกยุคนี้ก็ยังมีความเจริญด้านวัตถุเท็คโนโลยี
ที่ก้าวหน้าล้ำยุคสมัยกันอยู่อย่างต่อเนื่อง
จนชาวโลกตามบริโภคตามใช้มันแทบไม่ทัน
ซึ่งความเจริญก้าวหน้าในมิติทางกายภาพนี้
ลำพังความฉลาดทางปัญญาของสมองมนุษย์
ที่พระบิดาเพิ่งจะให้กำเนิดมาในเวลาไม่นานนัก
ย่อมไม่อาจพัฒนาจนเทียบเท่าต่างเผ่าดาวได้

เหตุเพราะมนุษย์ต้องเวียนว่ายตายเกิด
เพื่อย้อนกลับมามีภพชาติใหม่วนๆไปเรื่อยๆ
มันจึงทำให้พัฒนาการทางจิตปัญญาของมนุษย์
ขาดความต่อเนื่องจนมีความก้าวหน้าได้ช้ามาก

ดังนั้น
เครื่องมือเครื่องใช้เครื่องจักรเครื่องกล
เครื่องมือสื่อสาร ดาวเทียม ยานอวกาศ จรวด
ยานพาหนะบนบก ใต้ดิน ในทะเล ใต้มหาสมุทร
ยารักษาโรค การผ่าตัด การเปลี่ยนอวัยวะ ฯลฯ
มันมิได้เกิดจากมันสมองของมนุษย์โลกหรอก
แต่มีผู้เชี่ยวชาญคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง
ยุคนี้เป็นอย่างไรยุคแอตแลนติสก็เป็นแบบนั้น

พวกเขาจะยื่นเท็คโนโลยีเก่าๆที่ไม่ใช้แล้ว
มาให้พวกท่านได้ใช้ได้ตื่นใจว่าของนั้นทันสมัย
เพื่อช่วยให้พวกเขาปลอดภัยจากการถูกทำร้าย
เพราะยั่วให้ท่าน "อยากได้" ของเล่นใหม่เรื่อยๆ
เนื่องจากจำนวนพวกเขาน้อยกว่าประชากรโลก
ถ้าสู้รบกันจริงๆพวกเขาอาจเพลี่ยงพล้ำได้นั่นเอง

เพื่อความไม่ประมาทในการจะอยู่รอดต่อไปได้
เพราะดวงดาวบ้านเกิดของพวกตนนั้นก็ไม่มีแล้ว
ความต้องการยึดครองโลกโดยไม่ต้องมีสงคราม
เมื่อพบว่ามนุษย์โลกฉลาดเร็วเกินคาดจึงบังเกิดขึ้น
โดยพวกเขาจะใช้วิธีทำสงครามแบบไม่เผชิญหน้า
เพื่อจะรักษาชีวิตของพวกตนเอาไว้ให้ได้

แนวคิดพวกเขาที่มีมานับหมื่นๆปีแล้ว
จึงตั้งเป็นโจทย์เอาไว้เพื่อดำเนินการดังต่อนี้

1.พัฒนาเครื่องยนต์แห่งกรรมของพวกตน
พร้อมพัฒนาเท็คโนโลยีในทุกด้านทุกชนิด
ให้พวกตนสามารถใช้ชีวิตอยู่ในระบบโลก
ร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย

เราขอชี้ตัวอย่างบางสิ่งที่พวกเขาสร้างขึ้นดังนี้

1.สร้างเครื่องเจาะอุโมงค์ใต้ดินขนาดใหญ่
เพื่อสร้างอาณาจักรของ "มอด" เอาไว้ใต้ดิน
เนื่องจากว่าถ้าอยู่บนพื้นดินร่วมสังคมกับมนุษย์
ก็เกรงว่าพวกตนจะไม่ปลอดภัย

วันดีคืนดีมนุษย์ก็จะได้ยินเสียงประหลาด
ที่ประเทศโน้นบ้างประเทศนี้บ้าง
โดยไม่รู้ว่าแหล่งกำเนิดเสียงมันมาจากไหน
เสียงดังมาจากฝั่งฟ้าหรือว่าดังขึ้นมาจากใต้ดิน
ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครตอบคำถามได้ว่า
เป็นเสียงอะไรและเสียงนั้นมาจากไหน
ใครทำให้เกิดเสียงที่ว่านั้น เป็นต้น

2.สร้างเครื่องผลิตสนามแม่เหล็กโลก "เทียม"
เพราะความเข้มของสนามแม่เหล็กโลกนั้น
พระบิดาทรงกำหนดติดตั้งเอาไว้สำหรับมนุษย์
เพื่อช่วยสร้างกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำ
ให้แก่กลไกอวัยวะและเซลล์ร่างกายทำงานได้
เมื่อทรงสร้างเพื่อมนุษย์มอดจึงย่อมใช้ไม่ได้

เครื่องสร้างสนามแม่เหล็กโลกเทียมนี่แหละ
เพราะว่ามันมีขนาดใหญ่มากพลังงานจึงสูง
จึงเป็นเหตุให้สนามแม่เหล็กโลกถูกลดทอนลง
จนเกิดการเสียสมดุลด้านอำนาจแม่เหล็กที่รุนแรง
ซึ่งมันจะส่งผลร้ายต่อกระแสไฟฟ้าในกายมนุษย์
จนทำให้เซลล์อวัยวะร่างกายต่างๆทำงานผิดปกติ
เช่น ระบบประสาทสมอง หัวใจ ปอด ความดัน
ต่อมไร้ท่อกับการติดต่อกับจักรวาลขัดข้อง เป็นต้น

3.การมีเครื่องยนต์แห่งกรรมเหมือนกับมนุษย์
ที่สามารถดำรงอยู่ได้อย่างกลมกลืนให้มากที่สุด
เช่น ตัวตนรูปลักษณ์ต้องงามสง่าเหมือนมนุษย์
เขี้ยวเล็บต้องหายไป เกล็ดและหางต้องหายไป
หน้าตาอันน่าเกลียดและร่างยักษ์ต้องเปลี่ยนไป

เพราะเชี่ยวชาญด้านเท็คโนโลยีอยู่แล้ว
แค่ใช้เวลาพัฒนาการมาแค่เพียงหมื่นปีเศษ
พวกเขาก็มีความก้าวหน้าด้านพันธุกรรมสมดังหวัง
เรามีตัวอย่างจริงๆที่เขาทำสำเร็จแล้วดังต่อไปนี้

เขาสามารถต่ออวัยวะภายนอก แขน ขา ได้
ยกเว้นแต่ตัดคอเพื่อเปลี่ยนศีรษะยังทำไม่ได้
แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะทำกันอยู่
ทั้งยังผ่าตัดเปลี่ยนอวัยวะภายในได้อีกด้วย

พวกเขาสามารถตัดแต่งดีเอ็นเอของสัตว์ร้าย
(มิใช่สัตว์โลก) โดยไขว้กับดีเอ็นเอในมนุษย์ได้
เพื่อให้มีร่างกายที่เป็นพันธุ์ผสมรูปแบบใหม่
ซึ่งหวังว่าจิตวิญญาณสัตว์ร้ายของตน
จะเข้าครอบครองเพื่อใช้ชีวิตในแบบมนุษย์ได้
มนุษย์โลกจำนวนมากที่มีนิสัยก้าวร้าวโหดร้าย
มนุษย์ที่ไม่อาจหมุนธรรมจักรได้สำเร็จ
ล้วนถูกผ่าตัดดัดแปลงดีเอ็นเอไปทางมอด
จากบรรพบุรุษจนสืบทอดมาถึงปัจจุบันแล้ว

พวกเขาสามารถโคลนนิ่งตนเอง
ให้มีรูปร่างตัวตนหน้าตาเหมือนมนุษย์คนใดก็ได้
คนที่พวกเขามักใช้เป็นต้นแบบที่จะโคลนนิ่ง
มักจะเป็นชนชั้นผู้นำคนสำคัญของโลกนั่นเอง
เพราะคนชั้นนำที่เป็นพวกตัวแต่มนุษย์ไม่รู้
จะสามารถกดปุ่มมนุษย์ให้ทำอะไรตามได้ง่าย
หากผู้นำคนนั้นเป็นพวกเดียวกันกับมอด
ท่านลองคิดเอาเองว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับโลกบ้าง

การก่อศึกสงครามโลก
การทำสงครามในพวกเดียวกันเอง
การสร้างสงครามระหว่างมนุษย์กับเชื้อโรค
การใช้สารพิษในด้านเกษตรกรรมและอาหาร
การหาวิธีทำให้มนุษย์มีอายุขัยสั้นลง
วิธีเหล่านี้ล้วนทำเพื่อลดประชากรโลกให้น้อยลง
เพราะมนุษย์ผสมพันธุ์เก่ง สืบพันธุ์ง่าย ลูกดก
จนปล่อยให้เพิ่มจำนวนประชากรโลกอีกไม่ได้

แค่โลกมีพวกต่างเผ่าดาวเฉพาะกลุ่มนี้
โดยมีชนชั้นผู้นำโลกตั้งแต่อดีตกาล
ตกเป็นทาสของมอดตลอดมาตราบจนปัจจุบัน
ท่านเห็นหรือยังว่าโลกนี้ก็มีปัญหามากมายแล้ว
นี่เรายังมิได้กล่าวถึงมอดอีกพวกหนึ่ง
ซึ่งแฝงอยู่ท่ามกลางมนุษย์ตลอดมานับหมื่นปี
ที่มีฤทธิ์เดชชั่วร้ายไม่น้อยไปกว่ากัน

ถ้ายังโง่ง่ายต่อไปอีก
ความล้มเหลวของจิตวิญญาณของท่าน
ในการมาเกิดเป็นมนุษย์ก็จะเกิดขึ้น
เพราะความโง่ง่ายและความโลภอันเป็นกิเลส
ที่มนุษย์ถูกผู้มาจากต่างเผ่าดาวเข้ามาปลูกฝังไว้
กับการหลับตาเดินตามคนนำทางตาบอด
ซึ่งเป็นสาวกของมอดจนพลัดหลงกับพระเจ้า
ล้วนเป็นปัญหาใหญ่ที่พวกท่านต้องตื่นในเร็ววัน

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
7/03/2022

05 มีนาคม 2565

VDO. EP. 376: วิบัติของมนุษย์ (Full Version)


 

บันทึกการสื่อพระโอวาทในระบบจิตสู่จิตจากองค์จิตจักรวาล

โดย อนุตรธรรมาจารย์ปริญญา ตันสกุล

04 มีนาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 4/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

พวกมอดซึ่งเป็นรูปธรรมคล้ายมนุษย์
ผู้เดินทางเข้ามาในระบบโลกจากต่างเผ่าดาว
ตั้งแต่ครั้งแรกจนกระทั่งถึงยุคปัจจุบันนั้น
ความเจ้าเล่ห์ที่พวกเขาใช้กับมนุษย์รูปงาม
ที่โง่ง่ายไร้เดียงสาให้สวามิภักดิ์ต่อพวกเขา
ซึ่งมีจำนวนรูปธรรมน้อยกว่าแบบเปิดเผย
มีอยู่ 2 วิธีด้วยกันก็คือ

1.ใช้วิธี #หลอก ให้หลงเชื่อในสิ่งที่ไม่ตรงจริง
ในลักษณะของการ #เห็นนกจะบอกว่าไม้
หรือในลักษณะของการ #เห็นปูจะบอกว่าปลา
แล้วแต่ว่าพวกเขาจะโป้ปดมดเท็จกันอย่างไร
โป้ปดไป "ตามใจ" ของพวกเขามิใช่ "ตามจริง"
โดยฉวยโอกาสที่มนุษย์ยังไม่รู้จักนกไม้ปูปลา
ก็หลงศรัทธาพากันเชื่อตามพวกเขาที่ฉลาดกว่า
อย่างว่าง่ายไม่คัดแย้งอะไร

ดังนั้น
มนุษย์โลกในยุคปัจจุบันนี้จึงมีความเชื่อ
ในสิ่งที่พวกเขาหลอกโดยยังไม่รู้ว่าหลอก
สืบทอดกันมาตั้งแต่ครั้งบรรพบุรุษนั้น
บางเรื่องที่แรกๆถูกหลอกไว้
ค่อยมารู้เท่าทันแล้วเปลี่ยนความเชื่อไปก็มี

ตัวอย่างเช่นเคยถูกหลอกว่า #โลกแบน
ซึ่งเชื่อมอดกันมาอย่างยาวนานไปตามนั้น
จนทูตสวรรค์ของพระบิดาต้องเข้ามาสอนมนุษย์
ให้เรียนรู้ด้วยตนเองเพื่อพิสูจน์ความจริงได้ว่า
แท้แล้วดาวโลกดวงนี้มิได้ "แบน" อย่างที่คิด

ภายหลังเมื่อพวกมอดมารเห็นว่ามนุษย์รู้ทันแล้ว
ก็ใช้วิธีหลอกมนุษย์ที่เป็นนักวิทยาศาสตร์โลก
ให้ตกเป็นเครื่องมือของตนเพื่อประกาศต่อชาวโลก
ให้กล่าวคำหลอกแทนตนเพราะดูน่าเชื่อถือกว่า
ด้วยภาษาวิชาการที่ชาวบ้านมิอาจเข้าใจได้ง่าย
เพื่อจะโต้แย้งความจริงที่มนุษย์พบพิสูจน์แล้วว่า

มนุษย์เอ้ยยยย...
สิ่งที่เห็นอยู่นั้นมันมิใช่สิ่งที่เป็นนะเว้ยเฮ้ยยยย!
ที่ใช้กล้องส่องเห็นด้วยตาเนื้อว่าโลกกลม
หรือที่โคลัมบัสพิสูจน์ได้แล้วเช่นกันว่าโลกกลม
ด้วยวิธีแล่นเรือตรงไปข้างหน้าเรื่อยๆ
แต่สามารถมาถึงที่เดิมได้โดยไม่ต้องวกกลับนั้น
มันเป็นความไม่จริงมันเป็นมายาที่ถูกสร้างภาพขึ้น
จากยานของต่างเผ่าดาวที่ลอยอยู่เหนือโลก
ซึ่งอำพรางตัวเองอยู่บนนั้นเพื่อมิให้มนุษย์แลเห็น
เป็นการสร้างมายาจากเครื่อง "โฮโลแกรมเมอร์"

นักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์โลกด้านกายภาพ
จึงรับรู้รับเอาของปลอมที่มอดมารหลอกพวกตน
นำมาหลอกชาวบ้านผู้ไร้เดียงสาวิชามารกันต่อ
ทั้งๆที่คนส่วนน้อยพวกนี้ยังพิสูจน์อะไรไม่ได้เลย
ว่าโลกแบนตามพวกมอดมารกล่าวไว้จริงหรือไม่
เจ้าเครื่องฉายภาพโฮโลแกรมที่พวกมันว่า
สามารถสร้างภาพมายาเสมือนจริงขนาดใหญ่
เพื่อทำให้เห็นว่าโลกกลมได้จริงหรือเปล่า
จนหลายคนตกเป็นทาสทางปัญญามอดไปแล้ว

ดูจากการก่อศึกสงครามในระบบโลกก็ได้
เบื้องหน้าทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
ขนาดเป็นชนชาติเผ่าเดียวกันก็ตั้งตนเป็นศัตรู
สู้รบกันฆ่ากันตายทำลายชาติบ้านเมือง
จนโลกแทบจะหายนะไร้สันติสุขทุกหย่อมหญ้า
เพราะชนชั้นผู้นำมีพวกมอดมารอยู่เบื้องหลัง

เบื้องหน้าจะสร้างภาพว่าเป็นคนละพวกกัน
แต่แท้แล้วผู้ที่อยู่เบื้องหลังการศึกสงครามนั้น
เป็นพวกผู้ร้ายจากต่างเผ่าดาวพวกเดียวกันเอง
แต่ใช้วิธีการแยกกัน "ปั่นจิ้งหรีด" ให้กัดกันเอง
เพื่อให้มนุษย์คงความโง่ไว้ให้เป็นได้แค่จับกัง
และเพื่อลดจำนวนประชากรโลกให้น้อยลง
เพราะมนุษย์เป็นเผ่าที่สืบพันธุ์เก่งขยายพันธุ์ง่าย

2.พวกมอดมารจะใช้วิธี #ล่อ ให้มนุษย์คล้อยตาม
ถ้ากล่าวเป็นภาษาวิชาการก็คือ #วิธีจูงใจ นั่นเอง

เนื่องจากพวกเขาได้ใส่ดีเอ็นเอของสัตว์ร้าย
ที่ชอบเสพกิเลสเป็นอาหารเอาไว้ในจิตมนุษย์แล้ว
เพื่อสร้าง "หนทางลัด" ให้จิตหยาบหมุนกรรมจักร
แทนที่จะหมุนธรรมจักรซึ่งพระบิดาทรงออกแบบไว้
ด้วยการเอารางวัลมาล่อให้มนุษย์เกิดกิเลสตัณหา
จนตกเป็นทาสของรางวัลจูงใจที่นำมาล่อนั้น

บางกรณีก็ "ล่อให้อยาก" บางกรณีก็ "ล่อให้กลัว"
เพื่อให้มนุษย์ตกเป็นทาสการจูงใจของพวกตน
แล้วคล้อยตามทำตามความต้องการของพวกเขา

ดูอย่างกรณีในยุคของอียิปต์โบราณ
ในท่ามกลางมนุษย์ยุคนั้นจะเต็มไปด้วยเทพเจ้า
ที่มีตัวตนรูปลักษณ์หรือรูปร่างหน้าตาแปลกๆ
ซึ่งมนุษย์ยุคนั้นก็เคยถูกหลอกให้เชื่อกันมาแล้ว

เพราะมนุษย์เห็นกับตาว่าพวกนี้มีปีกบินได้
เห็นกับตาว่าพวกนี้มียานบินที่สามารถเหาะได้
เห็นกับตาว่าพวกนี้ฉลาดกว่าพวกตนที่เป็นมนุษย์
จึงเชื่อง่ายว่าพวกนี้เหนือมนุษย์และน่าอัศจรรย์
เลยยกย่องพวกที่มาจากหลายเผ่าเป็นเทพเจ้า
เนื่องจากมีพลังอำนาจเหนือมนุษย์จริงๆ

มนุษย์ระดับผู้นำในยุคนั้นบางคน
จึงยอมสมสู่กับสิ่งมีชีวิตจากต่างเผ่า
เพื่อเพียงให้มอดช่วยสนับสนุนตนขึ้นเป็นราชา
ขณะที่พวกมอดก็ปรารถนาจะเปลี่ยนแปลงตนเอง
ให้มีรูปลักษณ์มายาสวยสง่าเหมือนมนุษย์
หรือใช้วิธีตัดต่อพันธุกรรมแบบไขว้หรือ #ไฮบริด
ซึ่งเป็นไฮเท็คโนโลยีสำหรับมนุษย์ในยุคนั้นมาก
โดยใช้กิเลสของมนุษย์ที่ตนติดตั้งไว้เป็นเครื่องมือ

มนุษย์ในยุคนั้นยอมถูก "ล่อ" ง่ายๆ
ด้วยความไร้สติอันเกิดจากกิเลสนี่แหละ
เพราะอยากเป็นใหญ่ อยากเป็นผู้นำ
อยากมีอำนาจตามที่มอดมารนำเสนอให้
จนไหนมอดไหนมารแทบจะแยกกันไม่ออกแล้ว

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
4/03/2022

สนทนาประสาจิตจักรวาล 4/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ในจักรวาลอันไพศาลซึ่งเป็นห้องทดลองใหญ่
ที่พระบิดาทรงสร้างสรรพสิ่งเอาไว้มากมายนี้
ล้วนมีความแตกต่างกันอย่างหลากหลาย
ทั้งตัวตนรูปลักษณ์คุณสมบัติและมายา
ที่เป็น รูป รส กลิ่น เสียง ร้อน เย็น เป็นต้น

ความแตกต่างอย่างหลากหลายเหล่านี้
มนุษย์แต่ละคนล้วนมีสิทธิ์เสรีที่จะ "เลือกข้าง"
หรือมนุษย์จะเลือก "วางเฉย" ต่อสิ่งเร้านั้นๆก็ได้
เมื่อมีการสัมผัสรู้ดูเห็นของอายตนะทั้ง 5 เกิดขึ้น
ซึ่งมีอยู่แค่เพียง 2 ทางเลือกที่ว่านี้เท่านั้น

คำว่า "เลือกข้าง" หมายถึงการพึงพอใจในสิ่งนั้น
หรือการปฏิเสธสรรพสิ่งนั้นอย่างใดอย่างหนึ่ง
ซึ่งมนุษย์จะใช้ #กิเลสมาร เป็นเครื่องมือ
ถ้าพึงพอใจแสดงว่ายอมเป็นพวกเดียวกับสิ่งนั้น
ถ้าไม่พอใจแสดงว่าเลือกอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสิ่งนั้น
กิเลสมารที่ว่านี้ก็คือ #ความรู้สึกชอบหรือไม่ชอบ

คำว่า "วางเฉย" คือการรับรู้แล้วไม่รับเอาสิ่งนั้น
โดยไม่รับเอามาเป็นเงื่อนไขทางอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น
ซึ่งมันจะรักษาดุลยภาพของจิตหยาบเอาไว้ได้
มนุษย์จึงจะเข้าถึงความรักและปัญญาของสมองได้
เพราะสภาวะจิตว่างไปจากอารมณ์รู้สึกที่เป็นกิเลส
นี่คือวิธีการแทรกแซงกรรมจักรให้เป็นธรรมจักร
ด้วยการไม่ตกเป็นทาสของสิ่งเร้านั่นเอง

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

แรกเริ่มเดิมทีนั้นพระบิดาทรงสร้างสรรพสิ่งต่างๆ
ให้แตกต่างกันอย่างหลากหลายทั่วทั้งจักรวาล
เพื่อออกแบบไว้ให้มนุษย์โลกอย่างพวกท่าน
ใช้เป็นเงื่อนไขด้านบวกในการสั่นสะเทือนจิตหยาบ
ด้วยกระบวนการของ "ขันธ์ 5" ให้เป็น #ธรรมจักร
เพื่อผลิตความรักออกมาช่วยค้ำจุนโลกให้สมดุล
โดยไม่มีกระบวนการอะไรที่สลับซับซ้อนเลย
เพราะมันเป็นกระบวนการในระบบ "อัตโนมัติ"

แต่เราขอกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า
เพราะพวกขี้อิจฉาผู้บุกรุกมาจากต่างเผ่าดาว
ได้เข้ามาแทรกแซงปฏิบัติการของพระบิดา
ทำให้มนุษย์หมุนธรรมจักรแบบอัตโนมัติไม่ได้
โดยพวกเขาได้นำเอาดีเอ็นเอของสัตว์ร้าย
มาตัดแต่งเข้าคู่ไว้กับดีเอ็นเอ #พลียะเดี้ยนส์
ซึ่งพระบิดาทรงติดตั้งเอาไว้ให้มนุษย์ตั้งแต่แรก

พวกเขาทำเหมือนการนำเอายีนส์ของเซลล์มะเร็ง
เข้ามาติดตั้งไว้ในเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์
ทำให้มนุษย์อายุสั้นเพราะเซลล์มะเร็งนั่นแหละ

ดังนั้น
จิตวิญญาณของพวกท่านที่มาเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อมาใช้ความรักและปัญญาหมุนธรรมจักร
โดยมีคนรอบข้างและสิ่งแวดล้อมเป็นเงื่อนไขให้
จึงประสบกับปัญหาจนต้องหมุนกรรมจักรแทน
เพราะจิตหยาบถูกแทรกแซงไว้ด้วยจิตมาร
ซึ่งเป็นการสั่นสะเทือนเริ่มต้นในย่านความถี่ต่ำ
อันหมายถึง #กิเลส ที่เป็นความรู้สึกนั่นเอง

สังเกตกันบ้างหรือไม่ว่า
แทนที่พวกท่านจะหมุนธรรมจักรด้วยขันธ์ห้า
โดยใช้ความรักและปัญญาของสมองขับเคลื่อน
เป็นระบบอัตโนมัติตามที่พระองค์ทรงออกแบบไว้
พวกท่านกลับหมุนกรรมจักรเป็นอัตโนมัติแทน

เพราะจิตจะสั่นสะเทือนเป็นความรักและปัญญา
ในแบบของมนุษย์ผู้ประเสริฐหรือสัตว์ชั้นสูงได้นั้น
มันจักต้องเริ่มสั่นสะเทือนในย่านความถี่ต่ำก่อน
โดยคลื่นจิตย่านความถี่ต่ำคือความรู้สึกนี่แหละ
ถ้ามนุษย์ไม่ละวางความรู้สึกที่เกิดขึ้นเมื่อรับรู้
มนุษย์ก็จะตกเป็นทาสกิเลสมารของสัตว์ร้ายทันที

ความโลภโกรธหลงงมงายและก้าวร้าว
จึงเป็นคุณสมบัติชั้นต่ำในมนุษย์ทุกคน
ที่ทำให้ล้มเหลวเมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์ตลอดมา
จนพระบิดาต้องส่งพระศาสดาลงมาช่วยเหลือ

เราจึงต้องกล่าวต่อท่านทั้งหลายตลอดมาว่า
มนุษย์ต้องแทรกแซงกรรมจักรในขันธ์ 5 ให้ได้
อย่าปล่อยให้มันเป็นไปตามแผนมารที่วางไว้
ถ้าหมุนธรรมจักรไม่ได้จิตวิญญาณจะเสียชาติเกิด
เพราะร่วมกันใช้ความรักค้ำจุนสมดุลโลกมิได้
จึงต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่ทั้งๆที่ไม่ต้องตาย

ดังนั้น
สิ่งที่พวกท่านต้องทำให้เด็ดขาดไปก็คือ

1.เมื่อจิตรับรู้สิ่งใดผ่านอายตนะเข้ามาแล้ว
จงอย่ายอมให้ "จิตตกต่ำ" เกิดขึ้นโดยเด็ดขาด
แปลว่าอย่ายอมให้เวทนาขันธ์สร้างความรู้สึกขึ้น
ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบในเงื่อนไขที่รับรู้นั้น
โดยจิตต้องว่างไปจากความรู้สึกโดยเด็ดขาด

เพราะความรู้สึกที่เป็นกิเลสของมารในจิตหยาบ
มันจะเป็นสะพานลัดวงจรไปหมุน "กรรมจักร"
จนเกิดตัณหาอารมณ์ขยะและดุร้ายเยี่ยงสัตว์
ทำให้จิตสามนึกในการเป็นมนุษย์ตกต่ำลงเรื่อยๆ
ยังผลให้ดีเอ็นเอของสัตว์ร้ายเจริญเติบโตแทน

2.สิ่งที่พวกท่านต้องทำให้ได้อีกอย่างหนึ่งก็คือ
จงอย่าเสพติดกิเลสที่ถูกมารวางยาไว้เด็ดขาด
เช่น อย่าทำอะไรตามความรู้สึกของตนเองเสมอ
อย่าทำอะไรด้วยการไหลไปตามอารมณ์ขยะ
แต่ให้ทำด้วยความรักและคิดก่อนพูดคิดก่อนทำ
ท่านจะเป็นมนุษย์ได้เต็มตัวไม่ใช่ครึ่งคนครึ่งสัตว์
จิตท่านก็จะเอาชนะมารภายในได้อย่างหมดจด

สำหรับผลของการหมุนกรรมจักรนั้น
จะทำให้ท่านเหวี่ยงพลังงานด้านลบออกมา
ซึ่งเป็นพลังงานที่โลกนี้ไม่ต้องการ
โดยนอกจากมันจะเกิดเป็นขยะที่รกโลกแล้ว
ประจุลบยังทำให้ร่างกายของท่านมีอายุสั้นลง
เพราะเซลล์อวัยวะร่างกายต้องการประจุบวก

นี่จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้มนุษย์ต้องตาย
ทั้งๆที่จิตวิญญาณมนุษย์ไม่มีหน้าที่จะต้องตาย
โดยสามารถจะมีอายุยืนได้เหมือนเผ่าดาวอื่น

3.ประการสุดท้ายที่มนุษย์ต้องทำก็คือ
จงอย่าบริโภคเลือดเนื้อของสัตว์ประจำโลก
แม้ในสัตว์ทั้งหลายจะมีองค์ประกอบของโปรตีน
แต่มันก็เป็นโปรตีนชนิดเดียวกันกับของมนุษย์
หากทานเป็นประจำมันยิ่งจะทำให้อายุขัยสั้นลง
ทำให้อำนาจในการต้านทานเชื้อโรคต่ำลงด้วย

มนุษย์ต้องบริโภคโปรตีนที่มีอยู่ในพืชผักเท่านั้น
พระบิดาทรงกำหนดสร้างเอาไว้ให้แล้ว
ทั้งพืชตระกูลถั่วและผักสีเขียวต่างๆ

นอกจากนั้นมนุษย์ต้องเลิกดื่มนมเด็ดขาด
ทันทีที่บุตรหลานของท่านอายุขัยครบสามขวบ
ซึ่งเป็นวัยที่กฎแห่งกรรมเริ่มทำงาน
ทั้งเป็นวัยที่จิตหยาบต้องเริ่มหมุนธรรมจักรให้ได้
เพราะโปรตีนและแลคโตสในนมสัตว์ทุกชนิด
จะไปสนับสนุนให้เซลล์มะเร็งเติบโตอย่างเงียบๆ
กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นมะเร็งได้ก็สายเกินไปแล้ว

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

พวกต่างเผ่าดาวขี้อิจฉาและพาลเกเร
ได้วางหมากกลเอาไว้มากมายหลายอย่าง
เพื่อจะทำให้แผนการพระบิดาล้มเหลวให้ได้
โดยพวกเขาไม่รู้ว่าพระเจ้าเป็นใคร
จึงพยายามลวงมนุษย์โลกที่โง่ง่าย
ให้ตกหลุมพรางพวกเขามานานนับหมื่นปีแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งดีเอ็นเอของสัตว์ร้ายไว้ให้
หรือการแทรกแซงขันธ์ห้าให้หมุนกรรมจักรแทน
จนแม้กระทั่งการวางแผนชวนให้ทำในสิ่งที่ผิด
เพื่อบิดมนุษย์ออกไปจากเส้นทางของพระเจ้า
แล้วเข้ามายึดครองโลกเพื่อเป็นพระเจ้าเสียเอง
ส่วนมนุษย์ก็จะเป็น "กรรมกร" หรือทาสพวกเขา

เรามีความรู้ที่มนุษย์ยังไม่รู้แต่จะต้องรู้
มากล่าวต่อพวกท่านในพระนามของพระเจ้าอีก
โปรดติดตามพระโอวาทในบทเรียนบทต่อไป

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
4/03/2022

03 มีนาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 3/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

ถ้าคนที่เป็นครูคือผู้ที่เรียนรู้มามากกว่าศิษย์
ถ้าพ่อแม่เป็นครูของบุตรหลานได้
เพราะท่านทั้งสองเป็นผู้อาบน้ำร้อนมาก่อน
ถ้าเพื่อนมนุษย์คนใดเป็นที่ปรึกษาของผู้อื่นได้
เพราะมีประสบการณ์ในเรื่องนั้นๆมาก่อน
จนแม้กระทั่งสิ่งมีชีวิตในต่างเผ่าดาวทั้งหลาย
เขาก้าวหน้าทางด้านเท็คโนโลยีและจิตวิญญาณ
ล้ำหน้าไปไกลกว่ามนุษย์แห่งเผ่าดาวโลกได้
ก็เพราะพวกเขาต้องผ่านการเรียนรู้มาด้วยกันทั้งนั้น
ไม่มีผู้ใดหรอกที่จะฉลาดและเก่งได้โดยไม่เรียนรู้

นอกจากนั้นใน #การเรียนรู้ ของท่านทั้งหลาย
ที่ตั้งต้นจากการ "ไม่รู้" อะไรในเรื่องนั้นๆมาก่อน
หรือไม่มีครูหรือผู้รู้มากกว่ามาช่วยแนะช่วยสอนให้
ก็จะต้องเลือกเรียนรู้ด้วยตนเองในแบบต่างๆต่อไปนี้

1.เรียนรู้แบบชาวบ้านด้วยการ "เดา"
แล้วก็ "ทดลอง" ทำตามที่ตนคาดเดานั้น
ว่ามันจะใช่หรือไม่ใช่
ถ้าพบว่าไม่ใช่คือเดาผิดก็เดาใหม่ลองใหม่
เดาไปลองไปเรื่อยๆจนกว่าจะพบคำตอบ

2.เรียนรู้แบบนักวิทยาศาสตร์
ด้วยวิธีการที่เรียกว่า "ลองผิดลองถูก"
โดยเริ่มต้นจาก #ตั้งสมมติฐาน

การตั้งสมมติฐานจะต่างจากการเดาอยู่
ตรงที่มิได้เป็นการคิดเดาส่งเดชแบบชาวบ้าน
แต่เป็นการคาดเดาอย่างมีหลักการและเหตุผล
โดยจะใช้วิธีพิสูจน์สมมติฐานของตนว่า
เป็นความจริงตามที่ตั้งโจทย์เอาไว้นั้นหรือไม่
ถ้าพิสูจน์แล้วผลปรากฏว่ามิได้เป็นไปตามนั้น
ก็จะตั้งสมมติฐานใหม่พิสูจน์ใหม่ทดลองใหม่
จนกว่าจะได้คำตอบที่ถูกต้อง

วิธีการศึกษาเรียนรู้ลักษณะนี้เป็นวิธีการที่
นักวิทยาศาสตร์โลกและนักวิชาการทั้งหลาย
เขาใช้ในการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆที่ยังไม่เคยรู้ให้ได้รู้
ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องมีทั้งคิดผิดเดาผิดทำผิด
เนื่องจากพวกเขาไม่มีประสบการณ์มาก่อน
อันหมายถึงต้องเริ่มต้นเรียนรู้จาก "ศูนย์" นั่นเอง

3.วิธีเรียนรู้วิธีสุดท้ายที่เราจะกล่าวไว้ในที่นี้ก็คือ
การเรียนรู้ที่จะคิดจะทำในสิ่งที่เป็นครั้งแรกในชีวิต
ซึ่งเป็นวิธีการขั้นพื้นฐานตามธรรมชาติของมนุษย์
นั่นคือการเรียนรู้ที่จะคิดทำในสิ่งที่ถูกต้องแท้จริง
ด้วยการ "ลอง" คิดทำสิ่งที่ผิดหรือไม่ถูกต้องก่อน

ตัวอย่างที่มีให้เห็นและให้มนุษย์ทุกคนต้องเป็น
เช่นเด็กน้อยทุกคนกว่าจะก้าวเดินได้อย่างชำนาญ
ก็ต้องผ่านประสบการณ์ลุกนั่ง ยืนตั้งไข่ ก้นจ้ำเบ้า
ก่อนที่พวกท่านจะเชี่ยวชาญการเดินการวิ่งทั้งสิ้น

เราขอถามพวกท่านทั้งหลายว่า
ในท่ามกลางวิธีการเรียนรู้ทั้งสามแบบเหล่านี้
ความล้มเหลวหรือความสำเร็จดีๆร้ายๆที่เกิดขึ้นนั้น
บางคนจะโทษว่าเป็นความล้มเหลวของพระเจ้า
ที่ทรงสร้างสิ่งไม่ดีสิ่งที่ชั่วๆขึ้นมาเพื่อท่านได้หรือ
ทั้งๆที่คนทั้งโลกส่วนใหญ่เขารู้ว่าความล้มเหลวนั้น
มันเกิดจากความไม่รู้ ความโง่หรือประมาท
ของปัจเจกบุคคลแต่ละคนเป็นสำคัญกันทั้งนั้น
พระเจ้ามิได้ทรงข้องเกี่ยวไม่ว่าโดยตรงโดยอ้อม
กับความสำเร็จหรือล้มเหลวของใครในโลกนี้

ไม่รู้พระองค์จะทรงแทรกแซงพวกท่านทำไม
เมื่อพระองค์ทรงประทานพลังอำนาจทางจิตปัญญา
กับพลังอำนาจทางกายสังขารให้พวกท่านไว้แล้ว
มันอยู่ที่พวกท่านจะโง่ง่ายและงมงายไม่ใช้มันเอง

นอกจากนั้น
เมื่อพวกท่านต้องเผชิญกับความเลวร้ายเหลวไหล
ในการใช้ชีวิตร่วมกับมนุษย์คนอื่นหรือต่างเผ่าดาว
จะติโทษพระเจ้าว่าสร้างชั่วแล้วใยควบคุมฝ่ายชั่วไม่ได้
จึงโทษว่าพระเจ้าไม่รู้จะสร้างพวกชั่วขึ้นมาทำไม
โดยที่ไม่เคยก้มลงมามองตนเองบ้างเลยว่า
นั่นเป็นเพราะความอับเฉาเบาปัญญาของตนต่างหาก

เราขอถามคนจำพวกนี้ว่า
สันดานชอบติโทษคนอื่นซึ่งประพฤติกันอยู่นั้น
ตัวท่านเองคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ชั่วหรือไม่ล่ะท่าน
แล้วที่ท่านชั่วเพราะพระเจ้าทรงชั่วหรือท่านชั่วเอง
มันก็ไม่ต่างจากพ่อแม่ที่มีลูกเป็นคนพาลเกเร
จะโทษว่าพ่อแม่ชั่วเพราะให้กำเนิดบุตรชั่วได้หรือ

พระบิดาทรงออกแบบให้มนุษย์มีทางเลือกเสรี
จะเลือกดีหรือชั่วก็ได้แต่ต้องยอมรับผลกรรมนั้น
มืดกับสว่าง ดีกับชั่ว โง่กับฉลาด
รวมทั้งความแตกต่างหลากหลายที่ทรงสร้างไว้
ล้วนเป็นมายาที่ทรงออกแบบไว้ให้มนุษย์เรียนรู้
เพื่อยกระดับความฉลาดทางจิตปัญญาให้สูงขึ้น
ให้รู้ว่าบาปบุญคุณโทษผิดถูกชั่วดีเป็นอย่างไร

ถ้ากำหนดให้จักรวาลนี้มีแต่สิ่งดีอย่างเดียว
แล้วพวกท่านจะรู้ว่าดีจริงได้อย่างไร
ถ้าพระองค์ไม่ยอมให้มีชั่วไว้เป็นตัวเปรียบเทียบ

ไม่ต่างจากพวกท่านต้องสัมผัสกับความมืด
เพื่อที่จะเรียนรู้ได้ว่าความสว่างนั้นเป็นอย่างไร
หรือทรงกำหนดให้สรรพสิ่งมีสีสันหลากหลาย
เพื่อให้พวกท่านฉลาดที่จะจับคู่สีให้ถูกต้อง
เพื่อเรียนรู้ที่จะสร้างสรรสีใหม่ๆให้เกิดขึ้นมาได้
การที่ทรงออกแบบไว้ให้พวกท่านมีเสรีเช่นนี้
เป็นความไร้สาระอันน่าตำหนิพระเจ้าว่า
ทรงสร้างความชั่วขึ้นมาแล้วควบคุมไม่ได้ล่ะหรือ

คนที่เข้ามาตำหนิโทษพระบิดามาก้าวล่วงพระเจ้า
ถึงในห้องเรียนของพวกท่านเมื่อวานนี้นั้น
แม้จะดูเหมือนคนรู้มากแล้วร้อนวิชา
แต่น่าเสียดายที่คนๆนี้ไม่รู้ว่าในชั่วมีดีในดีมีชั่ว
จึงทำตัวโง่กว่าผู้ที่มีอาชีพขายขยะเสียอีก
เพราะคนขายขยะสามารถเปลี่ยนขยะเป็นเงินได้
เพียงแค่ฉลาดที่จะมองเห็นคุณค่าในสิ่งที่ไร้ค่า

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
พ่อแม่ที่รักลูกต้องสอนลูกให้เป็นคนดีแน่นอน
แต่ลูกจะฉลาดและเอาตัวรอดได้จริงหรือ
ถ้าสอนลูกให้ฉลาดแต่เรื่องดีๆอยู่ด้านเดียว
แต่กลับปล่อยให้ลูกโง่ในด้านชั่วๆ
ซึ่งการฉลาดในด้านชั่วๆก็มิได้หมายความว่า
ลูกของตนจะต้องเป็นคนชั่วไปกับเขาด้วย

ถ้าลูกคนนั้นฉลาดพอที่จะรู้ว่า
ความชั่วทั้งหลายเป็นสิ่งที่ไม่ดี
เขาก็สามารถปฏิเสธที่จะปฏิบัติสิ่งชั่วๆนั้นได้
โดยไม่ต้องเรียนรู้ด้วยการทำชั่วมันเสียเอง

จงอย่ามัวแต่ติโทษพระเจ้าอยู่เลย
องค์สัพพัญญูซึ่งทรงเป็นผู้รอบรู้ทุกสิ่ง
ก็ยังทรงค้นพบสัจธรรมได้จากพงป่า
สัจธรรมก็ล้วนได้มาจากธรรมชาติ
ที่พระบิดาทรงสร้างไว้ให้ลูกๆเรียนรู้กันทั้งสิ้น
เพราะพระศาสดาไม่เคยปฏิเสธ
ความจริงในธรรมชาติที่พระเจ้าทรงสร้าง
พระศาสดาจึงไม่เคยปฏิเสธพระผู้สร้าง

การทำตนเป็นคนไม่โง่ง่ายนั้นดีแล้ว
แต่การยึดติดความเชื่อของตน
ยึดติดความรู้ผิดๆถูกๆที่ตนมีอยู่
โดยไม่ยอมเปิดจิตปัญญาให้กว้างขึ้น
เพื่อเรียนรู้สิ่งอื่นจากคนอื่นบ้างว่า
พวกเขาในห้องเรียนนี้รู้อะไรที่ตนไม่รู้บ้าง
พวกเขาในห้องเรียนนี้เชื่อในพระบิดา
โดยไม่มีใครก้าวล่วงพระองค์เหมือนที่ตัวเองเป็น
พี่ๆน้องๆในห้องเรียนนี้เขามีมุมมองกันอย่างไร

มันน่าจะเป็นวิธีการเรียนรู้ที่ฉลาดกว่าเหมาะกว่า
เที่ยวใช้ปัญญาอวดความรู้ความเชื่อของตน
ในลักษณะของการคัดแย้งผู้อื่นที่ตนเห็นต่าง
ถ้าจะใช้วิธีนำเอาข้อสับสนสงสัยนั้นถามตนเอง
แล้วไม่เกียจคร้านที่จะค้นหาคำตอบที่ต้องการ
ด้วยการเรียนรู้จากห้องเรียนนี้หรือจากยูทูป
ที่พระบิดาทรงประทานโอวาทมา 30 กว่าปีแล้ว
ให้มันสมกับที่ตนอยากรู้ว่าอะไร ทำไม เป็นต้น

การเพียรถามคนอื่นในสิ่งที่ตนไม่เข้าใจ
ด้วยการยึดติดในสิ่งที่ตนเชื่ออยู่รู้อยู่
ด้วยการถามไปเถียงไปแทนที่จะคิดตามเขานั้น
มันมิใช่การเรียนรู้ของนักปราชญ์เมธีทั้งจักรวาล
แม้แต่มอดมารเองพวกเขาก็ยังไม่ทำกัน
พูดสั้นๆว่าพวกเขาจะไม่ "อวดโง่" เข้าใจนะ!

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
3/03/2022

01 มีนาคม 2565

สนทนาประสาจิตจักรวาล 1/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ทำไมดาวโลกเสรีนี้จึงใช้พระศาสดาเปลืองมาก
โดยนับตั้งแต่ยุคเลมูเรีย-แอตแลนติสถึงปัจจุบัน
โลกมีพระศาสดามาแล้วรวมทั้งสิ้น 24 พระองค์

สาเหตุที่โลกกับมนุษย์ต้องมีพระศาสดา
เพราะดาวโลกเสรีถูกรูปธรรมมีชีวิตต่างเผ่าดาว
เข้ามารุกรานและทำการแทรกแซงภารกิจ
ที่จิตวิญญาณผู้มาจากพระบิดาจักต้องทำ
คือการเกิดเป็นมนุษย์เพื่อใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
โดยพระบิดาทรงออกแบบและติดตั้งเครื่องมือไว้
ให้ประดาลูกแกะผู้ไร้เดียงสาสามารถทำหน้าที่ได้
อย่างง่ายดายไม่ยุ่งยากสลับซับซ้อนอะไรเลย

เพราะภารกิจการใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกนั้น
เป็นภารกิจสำคัญอันยิ่งใหญ่เหนือสิ่งใด
การที่เอกภพซึ่งเป็นห้องทดลองของพระบิดา
จะดำรงรูปธรรมอยู่อย่างมั่นคงและยั่งยืนนานได้
ดาวเคราะห์โลกทั้งระบบจักต้องสมดุลเท่านั้น

ถ้าระบบโลกสมดุลก็จักช่วยค้ำจุนระบบใหญ่
คือกาแล็กซี่ธารสายน้ำนม (Milky Way)
ซึ่งทำหน้าที่เป็นเส้นผ่านศูนย์กลางของเอกภพ
ที่ระบบสุริยจักรวาลของโลกเสรีนี้ดำรงอยู่
จะเหวี่ยงหมุนไปในแนวระนาบอย่างสมดุลได้

เมื่อเส้นผ่านศูนย์กลางของเอกภพมีความสมดุล
ก็จะยังผลให้เอกภพคือห้องทดลองของพระบิดา
เกิดความสมดุลตามที่พระองค์ทรงออกแบบไว้ได้

ดังนั้น
ถ้าเอกภพนี้มีความสมดุลได้อย่างยั่งยืนแท้จริง
กาแล็กซี่ทั้งหมดจำนวนหมื่นกว่าล้านระบบ
ระบบสุริยจักรวาลรวมทั้งสิ้น 7 ระบบ
และรูปธรรมของสิ่งมีชีวิตต่างๆทั่วทั้งเอกภพ
ก็จะสามารถใช้ชีวิตร่วมกันอยู่ในห้องทดลอง
ได้อย่างปลอดภัยและมีสันติสุขถาวร

แต่เนื่องจากรูปธรรมมีชีวิตในบางเผ่าดาว
ที่พระบิดาทรงทดลองสร้างขึ้นมาในรุ่นแรกๆนั้น
ยังขาดความเหมาะสมที่จะนำมาติดตั้งไว้บนโลก
จึงต้องทรงปรับแก้ทั้งคุณสมบัติและรูปลักษณ์
โดยใช้ต่างดาวต่างกาแล็กซี่เป็นห้องทดลอง
จึงยังผลให้รูปธรรมที่มีชีวิตดำรงอยู่หลายเผ่าดาว
เพราะพระองค์สร้างสิ่งใดไม่เคยทำลายสิ่งนั้นทิ้ง
ไม่ว่าจะทรงพอพระทัยหรือไม่พอพระทัยก็ตาม

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์ของพวกท่าน
เป็นผลงานการสร้างของพระเจ้าที่ยอดเยี่ยมที่สุด
ในประดาทุกสรรพสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นไว้
เนื่องจากผ่านการพัฒนาศักยภาพถึงขั้นสูงสุดแล้ว

ด้วยเหตุนี้เอง
พี่ๆของพวกท่านในต่างเผ่าดาวบางระบบ
พวกที่เกิดก่อนและมีเวลาพัฒนาความฉลาด
จนมีพลังอำนาจในการสร้างวัตถุเท็คโนโลยี
และมีพลังอำนาจทางจิตวิญญาณที่เข้มข้น
เหนือชั้นกว่ามนุษย์เผ่าดาวโลกไปนับหมื่นๆปี
เมื่อพวกนี้เดินทางเข้ามาในระบบโลกที่สวยงาม
เข้ามาพบความอุดมสมบูรณ์ที่พระบิดาสร้างไว้
เข้ามาพบรูปธรรมมนุษย์ที่งดงามไร้เดียงสา
เข้ามาเรียนรู้ว่ามนุษย์โลกต่างมีชีวิตเสรีแท้จริง

ความอิจฉาริษยาจากดีเอ็นเอของสัตว์ที่เขามี
ความอิจฉาริษยาที่พบว่ามนุษย์เป็นคนสองมิติ
ความต้องการจะยึดครองโลกและมนุษย์โลก
เพื่อยังประโยชน์ของพวกตนด้วยความก้าวร้าว
รวมทั้งเห็นมนุษย์ตัวเล็กๆเหมือนสัตว์ทดลอง
มนุษย์โลกจึงเริ่มถูกครอบงำทำร้ายนับแต่บัดนั้น

โดยพวกที่ทำลายดาวของเผ่าตนให้แตกระเบิด
จนกลายเป็นเนบิวล่าค้างคาตาอยู่ในจักรวาล
เพราะผลจากการทดลองด้านขยะเท็คโนโลยี
คือสิ่งมีชีวิตเผ่าแรกที่เดินทางเข้ามายังโลกนี้
ซึ่งดาวดวงนั้นกลายเป็นฝุ่นเนบิวล่าไปแล้ว
พวกที่หนีภัยออกมาไม่ทันล้วนตายจนเกลี้ยงเผ่า

เพราะผู้บุกรุกกลุ่มนี้มีประสบการณ์ในการอพยพ
มนุษย์โลกบางคนจึงอาจเคยได้รับสัญญาณมาว่า
ถ้าโลกเกิดมหันตภัยพิบัติเขาก็จะพาหนีขึ้นยาน
ซึ่งเป็นการยื่นข้อเสนอที่ไม่หวังดีแต่อย่างใด

ถ้าท่านดูภาพประกอบก็จะพบว่า
กลุ่มเนบิวล่าที่เห็นคือดาวที่แตกดับที่เรากล่าวถึง
โดยจะมีดาวอีกดวงหนึ่งสว่างจ้าอยู่หน้าเนบิวล่า
นั่นคือดวงดาวที่ชื่อว่า #โอริออน (Orion)
ซึ่งดาวดวงนี้จะมีสิ่งมีชีวิตอีกเผ่าหนึ่งดำรงอยู่
และเป็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญจากชาวโลกเช่นกัน

เผ่าแรกเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเท็คโนโลยีมาก
มีอายุขัยยืนยาวกว่าใครทั้งหมดในจักรวาล
ตั้งแต่พระบิดาสร้างมาพวกนี้ยังไม่มีใครตาย
เพราะรักษาตนเองได้ซ่อมดีเอ็นเอตนเองได้
พวกนี้ก็คือผู้ที่มีจิตวิญญาณของสัตว์ร้าย
เป็นพวกที่เปลี่ยนแปลงคุณสมบัติของมนุษย์
จนดิ่งลงเข้าหาสัตว์ร้ายที่ก้าวร้าวยิ่งขึ้นนี่เอง

ส่วนเผ่าที่สองนั้นเชี่ยวชาญด้านพลังจิต
เพราะมีพลังอำนาจทางจิตวิญญาณสูงมาก
รู้และเข้าใจกระบวนการของขันธ์ห้า
ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องยนต์แห่งกรรมมนุษย์

พวกเขารู้ว่าขันธ์ 5 ทำงานอย่างไร
เมื่อขันธ์ห้าทำงานได้แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ซึ่งกระบวนการที่ว่านี้ในพวกเขาไม่มีให้ใช้
เพราะพวกเขาไม่มีหน้าที่ใช้ความรักค้ำจุนโลก
จิตวิญญาณพวกเขาจึงหมุนกรรมจักรตลอด
เพราะพวกเขาเสพติดกิเลสเป็นอาหารนั่นเอง

เพราะรูปธรรมที่มีชีวิตทุกเผ่าดาว
ล้วนเป็นบุตรของพระบิดาหรือพระเจ้ากันทั้งนั้น
แทนที่พระบิดาจะทรงเลือกวิธีจัดการลูกนอกคอก
จึงทรงเลือกใช้วิธีส่งพระศาสดาที่มาจากพระเจ้า
และเปิดโอกาสให้ศาสดาที่เกิดจากโลก
เปลี่ยนกันเข้ามาทำหน้าที่ช่วยมนุษย์ที่โง่ง่าย
ให้ฉลาดรู้เท่าทันมอดมารผู้ก่อการร้าย
จะได้ไม่ตกหลุมพรางของพี่ๆผู้ไม่หวังดี

โดยพระศาสดาจะต้องกล้าหาญมากพอ
ที่จะเปิดเผยความลับเบื้องหลังมิติโลกให้โลกรู้
ต้องฉลาดพอที่จะสอนให้มนุษย์รู้ว่า
ทุกคนกำลังตกอยู่ในสภาวะเช่นใด ใครครองโลก
ต้องสอนให้มนุษย์รู้ว่าจะหมุนธรรมจักรได้อย่างไร
สอนให้รู้ว่าจิตวิญญาณมนุษย์เป็นใคร
มาจากไหน ใครให้มา มาเกิดเป็นมนุษย์ทำไม

ท่านทั้งหลายพอจะได้คำตอบหรือยังว่า
ทำไมโลกจึงต้องใช้พระศาสดาเปลือง
ทำไมพระศาสดาจึงต้องสละพระชนมชีพ
เพื่อสร้างสติทางวิญญาณให้พวกท่านรักษาสัจจะ
ที่เคยให้ไว้ต่อพระบิดาเมื่อขอมาเกิดเป็นมนุษย์

ทำไมพระจิตวิญญาณบริสุทธิ์จึงต้องกลับมา
เพราะลูกแกะของพระบิดายังเป็นทาสกิเลสมาร
ยังเข้าถึงความรักและปัญญาของพระบิดาไม่ได้
ยังทำหน้าที่ใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกไม่ได้
เพราะพวกท่านยังขาดพร่องในสิ่งเหล่านี้ใช้ไหม
ขณะที่เวลาสุดท้ายในการพิพากษาโลก
มันเหลือน้อยลงทุกวันๆแล้ว

กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
1/03/2022

สนทนาประสาจิตจักรวาล 1/03/2022

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ขณะนี้โลกกับมนุษย์สิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว

จิตวิญญาณแก่นแท้ของพวกท่านทุกรูปธรรม
จักต้องนำพาตนเองกลับบ้านยังแดนสุญตา
ตามเงื่อนไขในพันธะสัญญา 6 ประการ
ที่พวกท่านให้ไว้ต่อพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ตั้งแต่ภพชาติแรกที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ว่า
ถ้าครบหกหมื่นปีโลกคือสิ้นยุคแล้ว
ท่านจะกลับไปกราบพระบาทพระบิดากันทุกคน

เราจึงขอเตือนความทรงจำทางจิตวิญญาณ
เพื่อให้ท่านทั้งหลายสำนึกในหน้าที่ของตนว่า
ทุกวันท่านจะหาทำแต่ความสุขทางโลกมิได้แล้ว
ท่านจะต้องกระทำตามความต้องการของแก่นแท้
คือจิตวิญญาณซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงด้วย

ภารกิจหลักที่พวกท่านต้องทำก็คือ

1.ท่านจะทำอย่างไรจึงจะเอาชนะ #กิเลส
ซึ่งถูกมอดมารตัดแต่งดีเอ็นเอของพลียะเดี้ยนส์
ด้วยดีเอ็นเอของ "สัตว์ร้าย" จากสิ่งมีชีวิตเผ่าอื่น
ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
เพื่อให้จิตหยาบสั่นสะเทือนขันธ์ 5 เป็นธรรมจักร
ด้วยพลังอำนาจแห่งความรักของพระบิดาได้

เพื่อช่วยให้เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ร่วมกันผลิตพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
มอบให้แกนแม่เหล็กซึ่งติดตั้งอยู่ในใจกลางโลก
เพื่อทำให้โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองได้ต่อเนื่อง
ซึ่งจะยังผลให้โลกสมดุลและจักรวาลสมดุลได้
ตามที่พระบิดาทรงออกแบบไว้เป็นอย่างดีแล้ว

ถ้าท่านใดล้มเหลวในภารกิจนี้
แสดงว่าท่านผู้นั้นเอาชนะ "มารภายใน" ไม่ได้
ก็จะตกเป็น "ทาส" ของมารไปจนชั่วสิ้นอายุขัย
ทั้งหมุนธรรมจักรผลิตความรักค้ำจุนโลกก็มิได้
จนต้องมีอายุขัยสั้นจิตวิญญาณก็เสื่อมลงเรื่อยๆ
ซึ่งมันจะยังผลให้แผนการพระบิดาต้องล้มเหลว
เพราะท่านผู้นั้นเสียชาติเกิดจากการเป็นเหยื่อมาร

2.ท่านจะทำอย่างไรจึงจะสามารถใช้ความรัก
ซึ่งเป็นคุณสมบัติหลักของสรรพสิ่งในจักรวาล
ที่พระบิดาทรงติดตั้งไว้ให้แก่นแท้ของท่านได้
ในบทบาทของการเป็นมนุษย์โลก

โดยท่านจะต้องรักเพื่อให้มิใช่รักเพื่อเอา
ท่านต้องอดทนอดกลั้นและอภัยผู้อื่นได้
ท่านต้องมีจิตเมตตาต่อผู้อื่นเสมอ
ท่านจักต้องรักได้อย่างไม่มีเงื่อนไข
รักได้แม้จะไม่น่ารัก อภัยได้แม้ไม่น่าให้อภัย
ท่านจะไม่ตอบโต้ต่อต้านใครที่ทำตัวไม่น่ารัก
ทำได้เพียงใช้สติปัญญาปกป้องตนเองเท่านั้น

3.ทำอย่างไรจึงจะสร้างสังคมที่เป็นหนึ่งเดียวกัน
ในท่ามกลางความแตกต่างอย่างหลากหลาย
ตามที่พระบิดาทรงออกแบบเอาไว้ได้

โดยไม่นำความแตกต่างซึ่งเป็นธรรมชาติแท้
มาสร้างความแตกแยกมาก่อศึกสงครามกัน
มาทะเลาะเบาะแว้งกันมาเบียดเบียนทำร้ายกัน
เพราะขาดจิตสำนึกแห่งการเป็นพวกเดียวกัน
เพราะเข้าถึงจิตเดียว สติเดียว สังคมเดียวมิได้

โดยพวกท่านที่ผ่านมาไม่เคยโทษตนเองเลยว่า
การที่สังคมมนุษย์โลกวุ่นวายหาสันติสุขมิได้นั้น
เป็นเพราะพวกท่านไร้สติจนถูกมอดมารครอบงำ
ผู้ต้องการทำลายแผนการของพระบิดา
รวมทั้งมุ่งร้ายต่อประดาลูกแกะของพระองค์ด้วย

จนทุกวันนี้พวกมอดมารกำลังทำตนเป็นพระเจ้า
เพราะไม่รู้ว่า "พระบิดา" พระองค์จริงน่ะเป็นใคร
พวกเขากำลังปฏิบัติการขั้นสุดท้ายอย่างเงียบๆ
โดยใช้มนุษย์ที่โง่ง่ายและผู้เสพกิเลสเป็นอาหาร
เป็นเครื่องมือหลอกลวงมนุษย์ด้วยกันเอง
ควบคู่กับการใช้วัตถุเท็คโนโลยีชั้นสูงที่สร้างขึ้น
เพื่อควบคุมลูกแกะพระบิดาให้อยู่ในโอวาท
จนพวกท่านอาจหลงผิดคิดว่าเป็นพระเจ้าองค์จริง

พวกเขาจะหลอกลูกแกะของพระบิดาว่า
จะนำพวกท่านสร้างโลกใหม่ในมิติที่สูงกว่า
ซ้อนทับเหนือโลกยุคเก่า (มิใช่ยุคพลังงานเก่า)
ที่พวกท่านจะไม่ต้องวุ่นวายกับความแตกต่าง
ตามที่พระบิดาทรงออกแบบให้พวกท่านใช้
เป็นเงื่อนไขที่จะสั่นสะเทือนความรักและปัญญา
ให้เข้าถึงการเป็นหนึ่งเดียวแต่พวกท่านไม่เข้าใจ
กลับนำไปเป็นเงื่อนไขการแตกแยกแทนนั่นเอง

พวกมอดมารจะหลอกพวกท่านว่า
ดีเอ็นเอของพลียะเดี้ยนส์ในกายมนุษย์
เป็นองค์ประกอบของสารคาร์บอนที่น่ารังเกียจ
เป็นตัวปัญหาที่ทำให้โลกมีสงครามมีแตกแยก
เช่น มีกลางวันกลางคืน มีเพศหญิงเพศชาย
เพราะพระบิดาใช้มายาหลอกลวงพวกท่าน
โดยโลกยุคใหม่จะไม่มีแบบเดิมอีกต่อไปแล้ว

พวกมอดมารเชื่อว่าคนโง่ง่ายน่าจะคล้อยตามได้
เนื่องจากกายสังขารเมื่อถูกเผาไฟก็จะเป็นสีถ่าน
และโลกที่เต็มไปด้วยความแตกแยกศึกสงคราม
ซึ่งมันก็เป็นความจริงที่เกิดขึ้นในโลกตลอดมา
ฟังแล้วน่าเชื่อน่าคล้อยตามสำหรับคนโลกสวย
ทั้งๆที่พวกตนนั่นแหละทำให้มันเกิดสงครามขึ้น

พวกเขาคุยโม้ว่าในโลกใบใหม่ (ที่มิได้มีอยู่จริง)
พวกเขาจะเปลี่ยนดีเอ็นเอของมนุษย์ทั้งโลก
ที่มีดีเอ็นเอเป็นสารคาร์บอนเป็นเบสอยู่แต่เดิม
ให้เป็นผลึกของแสงแทน (สารแม่เหล็ก)
ถ้าทำได้เขาจะทำกับสัตว์โลกทุกตัวด้วย

หากใครยังโลกสวยและโง่ง่าย
พระเยซูเคยตรัสเอาไว้ว่าคนจำพวกนี้ก็คือ
ฝูงแกะที่ถูกหลอกให้หลับตาเดินตาม
คนแปลกหน้าที่มิใช่คนเลี้ยงแกะตัวจริง
ให้พยายามปีนรั้วเข้าคอกนั่นเอง

ถึงเวลาที่พวกท่านจะต้องกลับบ้าน
จะหลงทางมารจะหลงทางนิพพานไม่ได้แล้ว
หากใครไม่ต้องการเป็นขยะที่รกโลก
จักต้องเลือกข้างพระบิดาแล้วก้าวตามเรามา
จงอย่าไปหลงศาสตร์อุตริอวิชชาบ้าของขลัง
ซึ่งมีมอดมารอยู่เบื้องหลังคอยดูดพลังบวกอยู่

จิตที่ติดกิเลสของพวกท่าน
เป็นที่โปรดปรานของมอดมารอย่างมาก
เพราะพวกเขาล้วน "เสพกิเลส" เป็นอาหาร

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
1/03/2022