11 มกราคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 11/01/2021


สนทนาประสาจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า
การที่ท่านทั้งหลาย
มีจิตวิญญาณมาเกิดเป็นมนุษย์บนโลกเสรีนี้
มิได้พากันมาเกิดเพราะความบังเอิญ
มิได้มาเกิดกันแบบลมพัดลมเพ
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านทั้งหลายนั้น
มิใช่จิตวิญญาณที่ร่อนเร่พเนจรไปเรื่อยเปื่อย
จู่ๆก็โผล่เข้าไปปฏิสนธิในครรภ์มารดา
พอได้เวลาก็คลอดออกมาเกิดเป็นทารก
พอเติบใหญ่ขึ้นมาก็พบว่า
การมาเกิดเป็นมนุษย์นั้นมันมีแต่ความทุกข์
ชีวิตประจำวันช่างมากมายด้วยปัญหา
ตั้งแต่เกิดมาจนเฒ่าแก่แลเห็นแต่ทุกข์ทั้งนั้น
อยู่คนเดียวก็ทุกข์ อยู่กับครอบครัวก็ทุกข์
อยู่กับคนมากมายในสังคมก็ยิ่งทุกข์
มองทางไหนก็ล้วนแต่ทุกข์ทั้งสิ้น
จนชวนให้คิดว่า
เมื่อมาเกิดเป็นมนุษย์โลกเสรีนี้ล้วนมีแต่ทุกข์
แล้วจะมาเกิดกันให้ทุกข์ไปทำไม
ตายแล้วจิตวิญญาณไม่ต้องกลับมาเกิดอีกดีกว่า
จึงพยายามค้นหาวิธีที่จะตายแล้วไม่กลับมาเกิดอีก
อันหมายถึงต้องหยุดการมีสังสารวัฏให้ได้นั่นเอง
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
ความคิดของพวกท่านดังกล่าวนั้น
เป็นความคิดที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง
ที่มันผิดพลาดเพราะท่านไม่รู้ความจริงว่า
1.จิตวิญญาณของท่านตั้งใจมาเกิดเป็นมนุษย์
มิใช่มาเกิดเป็นมนุษย์เพราะความบังเอิญ
2.จิตวิญญาณของท่านมาจากแดนจิตจักรวาล
ซึ่งอยู่นอกเอกภพหรือที่เรียกว่า "อนันตจักรวาล"
มิใช่จิตวิญญาณพเนจร
3.จิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย
เป็นผู้ขันอาสาพระบิดาผู้ให้กำเนิดท่าน
เข้ามาทำหน้าที่มอบความรักให้โลกและทุกสิ่ง
ในบทบาทของ "คนสองมิติ"
4.การได้มาเกิดเป็นมนุษย์ของจิตวิญญาณท่าน
จักต้องเป็นผู้ได้รับโอกาสเท่านั้นจึงจะมาเกิดได้
ซึ่งจิตวิญญาณของพวกท่านจะได้รับโอกาส
ก็ต่อเมื่อพวกท่านต้องรับสัจจะจากพระบิดาฯว่า
ท่านจะยินยอมปฏิบัติตาม พันธะสัญญา 6
ตามที่เราเคยกล่าวต่อพวกท่านไว้บ่อยครั้งแล้ว
โดยจะปฏิบัติอย่างจริงจังมิให้ขาดพร่อง
และสัญญาว่าถ้าครบ 6 หมื่นปีโลกคือสิ้นยุคแล้ว
พวกท่านจะนำพาจิตวิญญาณหลุดพ้นกลับบ้านให้ได้
5.โดยหน้าที่หลักของจิตวิญญาณของท่าน คือ
ต้องการให้จิตหยาบหรือจิตมนุษย์ของท่านนี่แหละ
ทำหน้าที่แทนตนเองขณะมีชีวิตเป็นมนุษย์
นั่นคือให้เรียนรู้ที่จะยกระดับจิตสามนึกทางด้านบวก
ด้วยการสั่นสะเทือนเป็นความรักเพื่อให้
เช่น อดทน อดกลั้น และให้อภัย ต่อผู้อื่นเสมอ
จิตที่สั่นสะเทือนเป็นความรักนี่แหละ
จะผลิตสร้างคลื่นพลังงานด้านบวกออกมา
มอบให้แก่โลกและเพื่อนร่วมโลก
ตามภารกิจของจิตวิญญาณของท่านเอง
พลังงานจิตด้านบวกก็คือ ความรักเพื่อให้
ซึ่งอยู่ในรูปของคลื่นไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ชนิดเดียวกันกับคลื่นความถี่สนามแม่เหล็กโลก
6.เพื่อให้จิตหยาบสามารถผลิตพลังงานความรัก
ออกมามอบให้แก่โลกและทุกสรรพสิ่งได้
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่านทั้งหลาย
จึงต้องวางแผนออกอุบายเอาไว้
ตั้งแต่ภพชาติแรกก่อนจะเข้ามาเกิดยังโลกเสรีนี้
ด้วยการสร้างบททดสอบจิตสามนึกตนเองขึ้นมา
โดยให้จิตวิญญาณที่พร้อมจะเล่นละครร่วมกัน
เป็นสามีภรรยาบุตรบริวารทั้งหลายในครอบครัว
ช่วยยื่นเงื่อนไขในแผนการทดสอบนั้นๆให้กันและกัน
7.บททดสอบจิตสามนึก
ซึ่งเป็นเงื่อนไขนี้จะมีทั้งด้านลบและด้านบวก
โดยพวกท่านกับคนใกล้ตัวเป็นผู้เขียนกันเอง
เป็นผู้เลือกที่จะเผชิญมันเองด้วยกันทั้งสิ้น
พระบิดาทรงเรียกบทละครของพวกท่าน
ที่ต้องแสดงร่วมกันเป็นครอบครัวนี้ว่า ชะตาชีวิต
บทละคร "ชะตาชีวิต" นี่้
นอกจากจะประกอบด้วยบทบาทที่แต่ละคน
จะต้องเล่นต้องแสดงต้องเลือกที่จะเป็นกันมาแล้ว
มันยังต้องมีเงื่อนไขบททดสอบและบทเรียนต่างๆ
ที่จิตวิญญาณของท่านต้องการเรียนรู้รวมอยู่ด้วย
บททดสอบต่างๆที่พวกท่านเขียนกันมาแสดง
จะถูกใช้เป็นเงื่อนไขกระตุ้นหรือปลุกเร้าให้
จิตหยาบของท่านสั่นสะเทือนเป็นด้านบวกให้ได้
ไม่ว่าเงื่อนไขนั้นจะเป็นลบซึ่งท่านไม่ชอบไม่ถูกใจ
ก็จะต้องสั่นสะเทือนเป็นรักให้ได้อภัยให้เป็นเท่านั้น
จิตวิญญาณแก่นแท้ของท่าน
ชอบที่จะสร้างเงื่อนไขทดสอบตนเองที่ยากๆ
ซึ่งจิตหยาบของท่านจักต้องรับรู้ไว้ด้วยว่า
บททดสอบที่เป็นเงื่อนไขด้านร้ายๆยากๆ
ที่สมาชิกในครอบครัวของท่านทุกคน
จะผลัดกันแสดงออกหรือกระทำต่อท่านนั้น
มันเป็นบทละครที่ตัวท่านเป็นผู้เขียนขึ้นมาเอง
แล้ว "ร้องขอ" ให้พวกเขาช่วยแสดงบทบาทนั้น
เพื่อต้องการทดสอบจิตสามนึกของท่านทั้งสิ้น
ที่ท่านเขียนบทละครร้ายๆกันมา
ก็เพื่อปรารถนาจะผลิตสร้างความรักให้โลก
ในปริมาณที่มากกว่าปกตินั่นเอง
เพราะแก่นแท้ของท่านรู้ดีว่า
ถ้าพวกท่านจะให้อภัยต่อกันและกันได้
เมื่อมีการกระทำไม่ถูกต้องไม่ดีงามต่อกันนั้น
มันจะต้องใช้พลังอำนาจแห่งรักค่อนข้างมาก
ซึ่งความรักที่มากกว่าปกตินี่แหละ
เป็นสิ่งที่จิตวิญญาณของท่านต้องการ
เพื่อมอบให้โลกมากกว่าความรักตามปกติทั่วไป
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
ปัญหาชีวิตส่วนตัวในครอบครัวของท่าน
เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ท่านมองว่า
มันเป็นความทุกข์ระทมขมขื่นซึ่งพวกท่านไม่ชอบ
เพราะไม่รู้ความจริงว่ามันเป็นหน้าที่ของท่าน
เมื่อเผชิญกับปัญหาที่คนใกล้ตัวหยิบยื่นมาให้
ท่านจะต้องตอบสนองด้วย ความรัก และปัญญา
มิใช่เห็นปัญหาแล้วเกิดทุกข์เกิดเบื่อหรือเกิดบ้า
เหมือนในอดีตกาลที่ผ่านมา
เพราะท่านรักไม่ได้ ให้อภัยไม่เป็น
เพราะท่านไม่รู้ว่ามันเป็นบทละคร "ชะตาชีวิต"
จึงได้กระทำการต่อสู้ ตอบโต้ ต่อต้าน
คนที่ยื่นเงื่อนไขร้ายๆมาให้ท่านด้วยร้ายเช่นกัน
พวกท่านจึงก่อ "ชะตากรรม" ตามกฎแห่งกรรม
ขึ้นมาทับซ้อน "ชะตาชีวิต" เข้าให้อีก
เพราะ "สอบตกบททดสอบ" ของตนเอง
แล้วโกรธแค้นอาฆาตพยาบาทกันแทนที่จะรักกัน
นี่ไงล่ะ...คือ ความจริงเบื้องหลังมิติโลก
พวกท่านเห็นบทละครชีวิตและบททดสอบ
ที่ขีดเขียนกันมาเองตามที่เรากล่าวมา
ว่าเป็น "ความทุกข์" ที่ไม่รู้จบไม่รู้สิ้น
โดยเข้าใจผิดไปจากความเป็นจริงจนสุดโต่ง
จนเป็นเหตุให้พวกท่านพากัน หลงทางนิพพาน
เพราะต้องการหนีไปจากการเกิดเป็นมนุษย์โลก
ด้วยเหตุแห่งการ ติดทุกข์ ติดสุข
จนพากันหลุดลอยไปติดค้างอยู่บนฟ้า
แล้วสร้างแดนสวรรค์มายาขึ้นมารองรับตนเอง
ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้
เป็นสัจธรรมระดับ อนุตรธรรม
ซึ่งไม่มีพระศาสดาที่เกิดจากโลกพระองค์ใด
จะกล่าวความจริงนี้แก่ท่านทั้งหลายได้
นอกจากพระบิดาแห่งจิตวิญญาณของพวกท่าน
จะทรงสื่อผ่านเรามาให้กล่าวต่อท่านเท่านั้น
เพราะเหตุนี้แหละ
มนุษย์โลกทั้งหลายจึงมิอาจหลุดพ้นนิพพานได้
เพราะไม่รู้ว่านิพพานแท้คืออย่างไร
และจากการพยายามจะหนีไปจากโลก
ก็เป็นการละทิ้งหน้าที่ละทิ้งพันธสัญญา
ที่ให้ไว้ต่อพระบิดาอย่างน่าตำหนิอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้เอง
จิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย
จึงไม่มีทางที่จะหลุดพ้นนิพพานได้เลย
ไม่ว่าจะอีกนานสักเท่าใดก็ตาม
หากจิตหยาบของพวกท่านยังงมงายเหลวไหล
และยังไม่ใส่ใจความจริงที่เรากล่าวมานี้
กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
11/01/2021

10 มกราคม 2564

คำสอน 10/01/2021

 


ท่านยึดติดพระคัมภีร์
เพราะคิดว่าช่วยให้หลุดพ้น
คืนสู่การมีชีวิตนิรันดร์ได้
ทั้งๆที่พระคัมร์นั้นเป็นพยาน
ของเรา ว่าเรามาจากพระบิดา
ใยพวกท่านจึงไม่ยอมมาหาเรา
เพื่อจะได้ชีวิตนิรันดร์

คำสอน 10/01/2021

 

เพราะจิตตก
จึงก่อให้เกิดกิเลส

กิเลสเกิดเพราะจิตหลงมายา
มายานั้นจึงเกิดมีอัตตาตัวตนขึ้น
เมื่อจิตหลงยึดติดอัตตาแห่งมายา
ตัณหาและอารมณ์ขยะจึงเกิดตาม

กฏแห่งกรรมจึงทำงาน

09 มกราคม 2564

VDO. Ep.316 ตัดกิเลส ด้วย "กฤติสติ"

 
























คำสอน 9/01/2021


ถ้าท่านต้องการนำ
จิตวิญญาณข้าสู่
ชีวิตนิรันดร์ ก็จง
รักให้ได้ ให้อภัยให้
เป็น ไม่ก้าวล่วงใคร
และใช้สติปัญญา
ดำเนนชีวิตเถิด

คำสอน 9/01/2021

 

เรานำความสว่าง
เข้ามาในโลกแล้ว

จงเลิกรักความมืด
แล้วหันมารักความ
สว่างกันเถิด ถ้าท่าน
เป็นคนชอบธรรม

08 มกราคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 8/01/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

8/01/2021


พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

ยุคนี้เป็นยุคที่ทุกคนต้องต่อสู้เพื่อการรู้แจ้ง
เพราะผู้ที่รู้แจ้งเท่านั้นจึงจะพบทางรอด
ถ้าไม่รู้แจ้งคนผู้นั้นก็เหมือนเดินอยู่ในความมืด
ซึ่งจะเดินสะดุดตุปัดตุเป๋สะเปะสะปะ
เพราะมองหนทางที่ตนก้าวเดินไม่เห็น
คนจำพวกนี้จึงมองไม่เห็นอนาคต
เหมือนมองไม่เห็นปลายทางที่ย่างเดิน

ยุคแห่งการต่อสู้เพื่อการรู้แจ้งนี้
จะมีจอมยุทธอุตริทำตนเป็นเจ้าลัทธิมากขึ้น
ถ้าพวกเขาไม่เป็นมารในร่างมนุษย์
ก็จะสำแดงตนเป็นเทพบุตรในร่างมาร
โดยพวกเขาเหล่านี้จะอวดสำแดงปาฏิหาริย์
ที่ตัวพวกเขาเองก็ยังไม่เข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร
แต่นำมาใช้เป็นเครื่องยั่วกิเลสท่านให้หลงทาง

หากท่านทั้งหลายขาดภูมิธรรม ภูมิรู้ ภูมิปัญญา
หากท่านทั้งหลายไม่ยึดมั่นในองค์พระบิดาฯ
ตัวท่านก็จะตกเป็นเหยื่อของพวกเขาได้ง่ายๆ
เพราะไปหลงงมงายกับเงามายาที่เขาสำแดง
ทั้งๆที่พวกท่านงมงายกับการ "กลัวถูกหลอก"
แต่จะยอมให้พวกนี้หลอกเอาง่ายๆ
เพราะท่านใช้ความชอบความเชื่อแทนใช้ปัญญา

ตัวอย่างเช่นมีคนมากล่าวต่อท่านว่า
พวกเขาหรือตัวเขาสามารถช่วยให้ท่านทั้งหลาย
ทำสามเหลี่ยมเชื่อมต่อกับพระบิดาหรือพระเจ้าได้
เพื่อเหนี่ยวรั้งเอาความรักจากพระองค์มาปกโลก
นำเอาความรักจากพระองค์มาประทานแก่ท่านได้
แล้วท่านก็เชื่อตามเขาอย่างว่าง่าย

ทั้งๆที่ท่านพบเรา "เจ้าบ่าว" ของท่านแล้ว
พบเจอเราซึ่งเป็น "บุตรโทน" ของพระองค์
ในนามของ #พระบุตรเอก แล้ว

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
ถ้าในระบบโลกเสรีนี้
พระศาสดาที่เกิดจากโลกเอง
สามารถนำพาท่านทำสามเหลี่ยมกับพระเจ้าได้
พระศาสดาทั้งหลายก็จะสามารถกล่าวอนุตรธรรม
ให้ท่านทั้งหลายเรียนรู้ได้มานานแล้ว
พระองค์คงจะแนะนำท่านให้รู้จักพระผู้เป็นเจ้า
ผู้ให้กำเนิดจิตวิญญาณของท่านแล้วด้วย

กับการที่บางคนตนเองเป็นได้แค่
สาวกรุ่นสุดท้ายปลายแถวของพระศาสดา
ซึ่งยังเป็นแค่เพียง "คนนำทางตาบอด" อยู่แท้ๆ
มากล่าวอ้างว่าพาท่านทำสามเหลี่ยมกับพระเจ้าได้
ทั้งๆที่พระศาสดาพวกเขาเองยังมิเคยเอ่ยถึง
ท่านคิดว่านั่นเป็นการ "อุตริ" หรือไม่ล่ะ

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

ถ้าภารกิจการกล่าวพระโอวาท
ในพระนามพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ที่ต้องมีต่อมวลมนุษย์โลกเสรีนี้
มนุษย์โลกเองคนไหนๆใครๆก็ทำได้แล้วละก็
พระบิดาจะทรงมีพระบัญชาให้พระบุตรเอก
บุตรโทนคนเดียวของพระองค์ลงมาจุติ
เพื่อทำหน้าที่อันพิเศษนี้ให้ลำบากองค์ทำไม

เพราะพระศาสดาที่เกิดจากโลก
แม้จะทรงเป็นองค์สัพพัญญุตา
ก็สามารถกล่าวโลกิยธรรมและโลกุตรธรรม
ต่อพี่ๆน้องๆบนโลกเสรีนี้ได้เท่านั้น
เนื่องจากเครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์
ถูกสร้างให้มีขีดจำกัดในการใช้งาน
เพราะมีจิตปัญญาของสมองให้ใช้งานได้
เพียงแค่ 3 ระดับ 3 ช่องทางเท่านั้น คือ

1.มีสติปัญญาของสมองซีกซ้าย
2.มีปัญญาญาณของสมองซีกขวา
3.มีสัญชาตญาณจากก้านสมอง

ซึ่งความฉลาดทางปัญญาที่เป็นองค์รวมนี้
จะไม่สามารถเข้าถึง อนุตรธรรม ขั้นสูงสุดได้
เพราะความรู้ขั้นสูงสุดนี้อยู่นอกอนันตจักรวาล
โดยแหล่งความรู้อยู่ที่องค์จิตจักรวาล
หรือพระผู้เป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่ง
ที่ดำรงอยู่ภายนอก "อนันตจักรวาล" นั่นเอง

พระองค์จึงต้องส่งพระบุตรเอกลงมาจุติ
เพื่อทำหน้าที่ถ่ายทอด "อนุตรธรรม"
เป็นพระโอวาทให้มนุษย์โลกได้รับรู้รับฟัง
ในพระนามของพระองค์มาทุกยุคทุกสมัย
เพราะมนุษย์โลกไม่มีใครรู้เองได้
และหากไม่รู้ก็หลุดพ้นนิพพานไม่ได้ด้วย

ดังเช่นองค์เยซูคริสต์เจ้าในยุคอดีต
หรือที่พระองค์ทรงส่งเรามาในปลายยุคนี่แหละ
ล้วนจำต้องเข้ามาทำหน้าที่อันสำคัญนี้
ด้วยเหตุจำเป็นดังกล่าวแล้ว
มิเช่นนั้นจะไม่มีจิตวิญญาณของใคร
หลุดพ้นกลับบ้านได้เลยหากไม่รู้อนุตรธรรม
ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เราขันอาสากลับมา
เรียกหาฝูงแกะของพระองค์กลับเข้าคอกให้ทัน
ก่อนที่โลกจะมืดสนิทนาน 56 วัน 8 ราตรี

สาเหตุที่ พระบุตรเอก กล่าวพระโอวาท
ในพระนามแห่งพระบิดาได้
เพราะพระองค์ประทานเครื่องมือสื่อสารพิเศษ
เรียกว่า อนุตรธรรมญาณ ให้ติดตัวมา
ตั้งแต่ภพชาติแรกที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์
เมื่อถึงเวลาใช้งานพระองค์ก็จะทรงเปิดมิติให้
ถ้าไม่มีอนุตรธรรมญาณที่ว่านี้
ตัวเราก็มิอาจติดต่อสื่อสารกับพระองค์ได้เช่นกัน

วิธีการติดต่อสื่อสารกับพระองค์ช่องทางพิเศษนี้
มนุษย์โลกเสรีทุกคนมิได้รับการติดตั้งกลไกนี้ไว้
การสื่อสารช่องทางนี้เป็นการสื่อสารระบบจิตสู่จิต
เรียกว่า Vertical Telepathy การสื่อสารแนวดิ่ง
เป็นช่องทางติดต่อสื่อสารกับพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น

ดังนั้น
พระศาสดาที่เกิดจากโลกจึงติดต่อพระเจ้าไม่ได้
มนุษย์โลกทั้งหลายก็ติดต่อพระเจ้าเองไม่ได้
ช่วงเวลาสุดท้ายปลายยุคพลังงานเก่านี้
พระองค์จึงต้องส่งเราลงมาอีกครั้งเพื่อฉุดช่วย
ด้วยการมากล่าวพระโอวาทประกาศอนุตรธรรมแท้
และมาทำหน้าที่เป็นดั่ง "เสาอากาศ" บนโลก
เพื่อติดต่อสื่อสารรับพระโอวาทลงมาสู่มวลมนุษย์
แม้มนุษย์โลกอีกมากมายยังไม่รู้ความนี้เลยก็ตาม

การทำสามเหลี่ยมของเราจะสำเร็จผลได้
ต้องมีเงื่อนไข 3 ประการดังต่อไปนี้

1.พระองค์ต้องเปิดมิติอนุตรธรรมญาณให้เท่านั้น
โดยพระองค์ทรงเป็น Sender เราเป็น Reciever
แต่สามารถสื่อแบบ 2 Ways Communication ได้

2.เราต้องเป็นพระบุตรเอกของพระองค์
ที่ทรงมีพระบัญชาส่งมาทำหน้าที่นี้เท่านั้น

3.เราต้องมีกลไก "อนุตรธรรมญาณ" ที่ใช้การได้
หมายความว่าพลังอำนาจทางจิตขณะสื่อ
ต้องสั่นสะเทือนในระดับขั้นสุญตาเท่านั้น
มิเช่นนั้นจะสื่อทะลุกำแพงอนันตจักรวาล
เพื่อทำสามเหลี่ยมกับพระองค์มิได้

องค์สามแห่งสามเหลี่ยมจิตจักรวาล
ประกอบด้วยจิตจักรวาลดวงใหญ่ คือพระเจ้า
ตัวตนภาคแรกที่สูงส่งของเราคือจิตจักรวาลเล็ก
และองค์ที่สามคือพระจิตวิญญาณของเราเอง

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย

การที่มีใครสักกี่คนมากล่าวต่อท่านว่า
พวกเขาสามารถทำสามเหลี่ยมกับพระเจ้าได้
สามารถเหนี่ยวรั้งความรักมาปกโลกนี้ได้
ท่านก็ใช้สติปัญญาพิจารณาเอาเองว่า
พวกเขาสอบผ่านคุณสมบัติหลักทั้งสามข้อ
ตามที่เราเปิดเผยความจริงไว้ข้างต้นกันหรือเปล่า

คนที่คิดว่าตนเองเป็นได้ทำได้
นอกจากกำลังหลงงมงายเพราะความไม่รู้แล้ว
ยังจงใจลบหลู่พระองค์อยู่หรือไม่
จงได้โปรดพิจารณากันเอาเองเถิด

ในทางกลับกัน
ใครที่ได้ฟังคำกล่าวของคนพวกนี้แล้วเชื่อตาม
ก็จงอ่านความจริงเบื้องหลังมิติโลกที่เราเผยมา
อ่านหลายๆเที่ยวให้เข้าใจจนจบแจ้ง
การหลงทางนิพพานเพราะไปเชื่อมาร
จะได้ไม่เกิดขึ้นทับซ้อนกับปัญหาเดิมของท่าน
คือ หลงก้าวตามคนนำทางตาบอดอีกต่อไป

จงเชื่อมั่นพระบิดาศรัทธาเราให้มั่นคง
ด้วยสติปัญญาของท่านที่มีอยู่
แล้วเลือกทางเดินเสรีที่ถูกต้องเสีย
จงอย่าอยากรู้อยากเห็นเรื่องอุตริไปเรื่อยเปื่อย
จนทำให้จิตวิญญาณของท่านต้องสิ้นหวัง
เพราะหลงทางนิพพานกลับบ้านไม่ได้
รอวันเป็นขยะที่จะถูกกำจัดทิ้งสถานเดียว

กราบพระบาทขอบพระทัยพระบิดาทรงเมตตา

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา

8/01/2021 

06 มกราคม 2564

สนทนาประสาจิตจักรวาล 06/01/2021

สนทนาประสาจิตจักรวาล

06/01/2021



พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

กฎหลักของจิตจักรวาล
สำหรับมนุษย์โลกเสรีนี้และทุกสรรพสิ่ง
ที่ดำรงตนอยู่ร่วมกันภายใน อนันตจักรวาล
อันหมายถึง เอกภพ อันกว้างใหญ่ไพศาลนี้นั้น
จักต้องมีคุณสมบัติเหมือนกันข้อหนึ่งก็คือ

ทุกคนและทุกสรรพสิ่ง
จักต้องมีพลังอำนาจในตนเอง
ในอันที่จะดึงดูดเหนี่ยวรั้งซึ่งกันและกันไว้เสมอ

ถ้าอยู่ใกล้ชิดกันมากก็ใช้พลังเหนี่ยวรั้งไว้ได้มาก
ถ้าอยู่ห่างออกไปก็เหนี่ยวรั้งไว้เพียงมิให้ลืมกัน

ไม่ต่างจากคนที่ใกล้ชิดกันมาก
ย่อมต้องใช้อำนาจแห่งรักยึดรั้งกันไว้มากหน่อย
เพื่อใช้ค้ำจุนความสมดุลในจิตใจกันไว้ให้มั่นคง
หากเมื่อใดเกิดการกระทบกระทั่งกันเข้า
จึงนอกจากจะเหนี่ยวรั้งกันไว้ด้วยความรักแล้ว
มนุษย์ยังจะต้องมีความอดทน
มีความอดกลั้น และรู้จักการให้อภัยกันด้วย

สำหรับคนที่อยู่ห่างไกลตัวท่าน
ขอเพียงแค่คิดถึงกันไว้เสมอ
ไม่ลืมความเป็นบิดามารดา บุตรหลานหรือบริวาร
ไม่ลืมความเป็นญาติสนิทมิตรสหาย
ไม่ลืมความเป็นครูบาอาจารย์และผู้มีพระคุณ
นี่ก็เป็น "คุณสมบัติแห่งคุณธรรม"
ที่มนุษย์โลกและทุกสรรพสิ่งล้วนมีต่อกันทั้งสิ้น

เพราะทุกท่านต้องมี สำนึกแห่งรัก นี่เอง
เราจึงหมั่นย้ำเตือนให้มนุษย์โลกทั้งหลาย
ต้องสั่นสะเทือนจิตสามนึกของตนร่วมกัน
ให้เกิดเป็น จิตสามนึกแห่งหมู่คณะ ให้จงได้
เพื่อให้มีคุณสมบัติเช่นเดียวกันกับทุกสรรพสิ่ง
ที่ดำรงอยู่ในจักรวาลอันไพศาลนี้
ตามที่พระบิดาหรือพระผู้สร้างทรงกำหนดไว้ให้

แปลว่าพระองค์มิได้ทรงบังคับพวกท่าน
แต่ให้พวกท่าน รู้สำนึก ได้ด้วยตนเองว่า
พวกท่านจักต้องทำไม่ทำไม่ได้
โดยจะยึดถือตนว่ามนุษย์เป็นสัตว์ประเสริฐ
จึงมีอภิสิทธิ์พิเศษหรือเป็น "เด็กเส้น" ไม่ได้

เพราะพวกท่านเป็นมนุษย์
ที่มีพลังงานชนิดพิเศษเป็นแก่นแท้
คือ เป็นกล่องพลังงานที่เรียกว่า จิตวิญญาณ
ซึ่งสามารถสั่นสะเทือนแก่นแท้
เพื่อแสดงออกซึ่ง คุณสมบัติ ที่เป็นสากลได้เอง

เพราะพระบิดาฯหรือพระผู้สร้าง
ทรงอนุญาตให้มนุษย์ทุกรูปนาม
ซึ่งเป็นมนุษย์ที่ดำรงอยู่บน โลกแห่งทางเลือกเสรี
ที่สามารถสั่นสะเทือนจิตสามนึก
ด้วยจิตตปัญญาที่ติดตั้งอยู่ในกายสังขาร
ซึ่งสร้างพลังอำนาจในตนเองได้อย่างเสรีอยู่แล้ว
โดยพระองค์มิพักต้องทรงกำหนด "คุณสมบัติ"
เอาไว้ให้พวกท่านต้องแสดงตามที่ทรงบังคับไว้
เหมือนสรรพสิ่งอื่นๆภายในอนันตจักรวาลนี้เลย

หมายความว่า
ทรงอนุญาตให้มนุษย์เช่นพวกท่าน
สามารถสั่นสะเทือนเป็นความรัก
เพื่อดึงดูดเหนี่ยวรั้งซึ่งกันและกันได้โดยเสรี
โดยต้องสั่นสะเทือนเป็น "รักเพื่อให้"
ให้กับทุกคนทุกสรรพสิ่งอย่างไร้เงื่อนไขเท่านั้น

คำว่า รักเพื่อให้ หรือ "รักอย่างไร้เงื่อนไข"
ที่พวกท่านทั้งหลายต้องแสดงออกหรือกระทำ
ต่อคนรอบข้างให้ได้ไม่ว่าเขาคือใครก็คือ

ไม่ว่าจะเป็นคนกันเอง
คนแปลกหน้า หรือ คนทำตัวไม่น่ารัก

จะเป็นหมู หมา กา ไก่ เป็นดอกไม้ หรือก้อนหิน
จะเป็นคนข้างบ้าน ใกล้บ้าน ไกลบ้าน
จะเป็นคนดี คนชั่ว หรือ คนที่ยังไม่แน่ว่าดีหรือชั่ว
จะเป็นคนที่ชอบ หรือ คนที่ชัง
ท่านจักต้องหา "เหตุผล" เพื่อรักเขาให้ได้ทุกคน
ซึ่งท่านต้องขีดเส้นใต้คำว่า ทุกคน ไว้เสมอ

เพราะว่า "ดวงจันทร์" กับ "โลก" ต่างรักกัน
ดาวทั้งสองจึงเหนี่ยวรั้งกันไว้ด้วยพลังรัก
อันเป็นความรักเพื่อช่วยให้ทั้งสองดวง
มีความสมดุลกันขณะโคจรร่วมกัน
โดยไม่เฉี่ยวชนกันหรือไม่ทะเลาะเบาะแว้งกัน
ที่จะเป็นเหตุให้ดาวทั้งสองดวงวิบัติไปด้วยกัน
ต่างจึงดำรงอยู่ร่วมกันมานานนับล้านๆปีแล้ว

สรรพสิ่งไม่มีชีวิตและสิ่งมีชีวิตรูปแบบต่างๆ
ซึ่งไม่มีโครงสร้างทางกายภาพสลับซับซ้อน
ทั้งไม่มีจิตสามนึกที่สูงส่งเหมือนมนุษย์
แต่พวกเขาสามารถสำแดงคุณสมบัติแห่งรัก
ออกมาเหนี่ยวรั้งซึ่งกันและกันไว้อย่างมั่นคง
โดยไม่ทำผิดพลาดบกพร่องเหลวไหลได้
แล้วใยมนุษย์เช่นพวกท่านทั้งหลายจึงทำไม่ได้
จนยังผลให้ดาวเคราะห์โลกเสียสมดุลไปมาก
ทำให้ภัยพิบัติต้องเกิดขึ้นมาอย่างไม่น่าจะเกิด

คนจะตายจำนวนมากและแผ่นดินโลกบางส่วน
จะลบหายย้ายออกไปจากพื้นที่ตรงปัจจุบันนั้น
มันกำลังจะทะยอยเกิดขึ้นให้โลกได้ประจักษ์
โดยท่านทั้งหลายมิพักต้องรอชม

กราบพระบาทพระบิดาฯ

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา

6/01/2021

คำสอน 6/01/2021

 

จงอย่า
พิพากษาผู้อื่น
ถ้าจิตสามนึกของ
ท่าน ยังมีมลทินอยู่

04 มกราคม 2564

สนทนาประสาจิตจักวาล 04/01/2021

สนทนาประสาจิตจักวาล

04/01/2021



พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า

ถ้าท่านจะเป็นผู้ใช้ กฤติสติ ได้จริง
ท่านจักต้องสั่งสม-องค์ธรรมความรู้
ทั้ง 4 ประเภทต่อไปนี้ไว้ให้มากๆ คือ

1.ความรู้ที่ท่านกำลังอยากรู้ก็ให้รีบเรียนรู้
2.ความรู้ที่ท่านพอรู้มาบ้างแล้วให้รีบเรียนรู้เพิ่ม
3.ความรู้ที่ท่านไม่ใส่ใจเพราะไม่รู้ว่าทำไมต้องรู้
4.ความรู้อีกมากมายที่ท่านยังไม่รู้ว่าไม่รู้

เพราะองค์ความรู้ทั้ง 4 ประเภทนี้
ถ้าท่านสามารถ รอบรู้ ได้มากเท่าใด
มันจะช่วยเป็น "เกราะ" กำบังมิให้จิตตกง่ายๆ
ในวันเวลาที่ท่านต้องเผชิญกับสิ่งร้ายๆในวันหน้า

คนที่มีความรอบรู้และมีประสบการณ์รอบด้าน
จะเป็นคนที่ได้เปรียบกว่าคนอื่นๆ
เพราะจะสามารถเตรียมตนเองไว้ล่วงหน้า
เพื่อเผชิญเหตุการณ์สถานการณ์นั้นๆได้
โดยไม่แตกตื่นตกใจขลาดกลัวจนจิตตกสติแตก

ตัวอย่างเช่น
ถ้าท่านรู้ตัวล่วงหน้าแล้วว่า
คนใกล้ตัวเป็นคน "ขี้ระแวง" ชอบคิดลบ
ท่านก็จะไม่โกรธไม่อารมณ์เสียไม่ตกใจ
เมื่อวันหนึ่งข้างหน้าเขาคนนั้นมีอาการระแวงท่าน
เพราะท่านรู้ตัวอยู่แล้วว่าเขามีนิสัยเยี่ยงนั้นเอง

แต่ถ้าท่านรู้ว่าเขามีนิสัยขี้ระแวง
โดยไม่เตรียมตนเตรียมใจเอาไว้ล่วงหน้า
พอเจอเงื่อนไขข้อนี้ของเขาเมื่อไหร่
ท่านจะ "สติแตก" เสียสมดุลทางอารมณ์ทันที
ซึ่งท่านจะทำเหมือนคนที่ไม่เคยรู้จักเขามาก่อน
เขาคนนั้นจะเป็นเหมือนคนแปลกหน้าของท่าน

ทุกวันนี้
คนนำทางเขาสอนท่านให้ฝึกการรู้สติปัจจุบัน
โดยรู้ว่าในปัจจุบันขณะจิตกำลังสงบหรือไม่สงบ
พอรู้ตัวว่าจิตตกสติแตกแล้วก็ให้รีบคลำหาจิต
เพื่อยกจิตกลับคืนสู่สมดุล

โดยเก็บจิตที่ตกยกจิตที่แตกเพราะขาดสติ
ทำสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง
ทำทันสถานการณ์ 3 นาทีบ้างไม่ทันบ้าง
ซึ่งไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
จิตของท่านมันก็ได้ก่อ มโนกรรม ไปแล้ว
โดยเฉพาะมโนกรรมด้านลบคือผิดบาป
กรรมนั้นได้นำจิตวิญญาณสู่วัฏสงสารไปแล้ว

พระบิดาฯจึงทรงเมตตาให้เรากล่าวต่อท่านว่า
การรู้สติในปัจจุบันมันยับยั้งกรรมที่เกิดขึ้นไม่ทัน
โดยเฉพาะฆราวาสที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสังคม
สติที่ฝึกกันอยู่จะใช้เมื่อสติเดิมมันแตกไปแล้ว
เพราะจิตของท่านขาดภูมิคุ้มกัน
จึงต้านการยั่วยุเย้ายวนกวนประสาทไม่ได้

ดังนั้น
"กฤติสติ" สำหรับฆราวาสผู้มีสังคมมีครอบครัว
มันคือการเตรียมตนเองและจิตวิญญาณ
เพื่อการผจญภัยจากเงื่อนไขด้านลบ
ที่คนใกล้ตัวทุกคนที่ท่านรู้จักจะหยิบยื่นมาให้
ด้วยการ "เตรียมตัวเตรียมใจ" เอาไว้ล่วงหน้า

ไม่ต่างจากที่เรากล่าวความจริงให้ท่านรู้ว่า
ขณะนี้พระบิดาฯกำลังชำระโลกแรงขึ้น
ภัยพิบัติจากเชื้อโรคร้ายและภัยอื่นๆที่เผยไว้
มันทั้งน่ากลัวทั้งอันตรายแก่ชีวิตผู้คนจำนวนมาก
ซึ่งมันจะเกิดขึ้นที่ไหนเมื่อไหร่มิอาจรู้ได้ล่วงหน้า

ความรู้ความจริงเหล่านี้
เพียงท่านฟังหูไว้หูโดยไม่ปฏิเสธมัน
แล้วใช้ชีวิตปัจจุบันอย่างมีสติและไม่ประมาท
ท่านก็จะโชคดีกว่าใครที่ไม่ใส่ใจฟังเพราะไม่เชื่อ
ท่านจะสามารถเผชิญกับสถานการณ์ภัยพิบัติ
ได้อย่างมีสติมั่นคงกว่าใครเพื่อน
เพราะท่านรู้ตัวล่วงหน้ามาก่อนแล้ว
แถมรู้ด้วยว่าภัยพิบัติที่เกิดขึ้นคือการชำระโลก
มิใช่ภัยธรรมชาติอย่างที่คนทั่วไปเขาคิดกัน

เพราะท่านรู้ว่าภัยพิบัติจากการชำระโลกนี้
มันจะเกิดอย่างไรทำไมจึงต้องเกิด
ทำไมแผ่นดินโลกจึงต้องหายหลายส่วน
ทำไมคนจำนวนมากมายต้องตายหมู่
พระบิดาทรงมีคำตอบมาให้ท่านรู้ตั้งนานแล้ว
ทั้งนี้ก็เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันสติไว้ด้วย "กฤติสติ"
อันเกิดจากความจริงที่พวกท่านรู้ล่วงหน้านี่เอง

กราบพระบาทพระบิดาฯ

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
4/01/2021

02 มกราคม 2564

VDO. Ep.315 ปฏิเสธวัฏสงสาร จิตวิญญาณจึงหลงมิติ