07 กรกฎาคม 2560

ข่าวสารจากจิตจักรวาล


#ข่าวสารจากจิตจักรวาล

พี่ๆน้องๆที่รัก <3 แห่งเราทั้งหลาย

*ในพระนามแห่งองค์จิตจักรวาล
ผู้ทรงเป็นพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
และพระผู้สร้างทุกสรรพสิ่งในสากลจักรวาล
*ในนามแห่ง The King of the Universe

เราจะขอบอกกล่าวข่าวสาร
ต่อท่านทั้งหลายว่า

นับตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน 2560 
จนตลอด 90 วัน ตามกาลเวลาแห่งโลกเสรีนี้
ทีมช่างเท็คนิกจากนอกระบบสุริยะ 
ได้เดินทางข้ามมิติเข้ามาสู่ระบบโลก
อีกทีมหนึ่งแล้ว

เพื่อเข้ามาทำการซ่อมแซมจักรวาลโลก
ตามแผนปฏิบัติการชำระโลก ครั้งที่ 4
ในการเปลี่ยนโลกสู่ยุคพลังงานใหม่

เป้าหมายสำคัญคือ
#กำจัดสารพิษออกไปจากบรรยากาศโลก

เพราะเหตุว่าดาวโลกเสรีดวงนี้
ปัจจุบันยังแก้ปัญหาก๊าซเรือนกระจกไม่ได้
ขณะที่มนุษย์โลกเองก็ยังก่อปัญหา
สร้างภาวะเรือนกระจกให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วย
ซึ่งก๊าซเรือนกระจกนี้นอกจากจะมี
ก๊าซจำพวกไฮโดรคาร์บอน
ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และอื่นๆแล้ว
ยังมีไอระเหยของสารพิษหลายอย่าง
ล่องลอยขึ้นไปสู่ชั้นบรรยากาศโลกอีกด้วย

จนปัจจุบันขณะจักรวาลตรวจพบว่า
ปริมาณความเข้มข้นของสารพิษ
ในชั้นบรรยากาศโลก
หากละทิ้งไว้ต่อไปก็จะเข้าขั้นอันตรายแล้ว
โดยเฉพาะจะเป็นภัยต่อสิ่งมีชีวิตทั้งหลาย
รวมทั้งมนุษย์แห่งโลกเสรีนี้ด้วย

ดังนั้น
ทีมปฏิบัติการทางเท็คนิกชุดใหม่ล่าสุด
จึงได้เดินทางเข้ามายังโลกเสรี
เพื่อปฏิบัติภารกิจซ่อมบำรุงจักรวาลโลก
ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม 2560 แล้ว

ในระหว่างปฏิบัติภารกิจพิเศษนี้
เราขอแจ้งให้พี่ๆน้องๆชาวโลกเสรีได้รู้ว่า

"นับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

บนโลกเสรีนี้จะมีเมฆฝนสีดำสกปรก
ปนกับก้อนน้ำแข็งสกปรก
ตกกระหน่ำลงมาอย่างหนักทั่วโลก
นอกจากจะก่อความเสียหายไปทั่ว
จากอุทกภัย วาตภัย และฝนลูกเห็บแล้ว
ในน้ำฝนสกปรกยังมีภัยต่อท่านทั้งหลาย
เจือปนลงมาด้วยรวม 3 สิ่ง คือ

1.#เชื้อไวรัสบางชนิด
ที่เป็นพิษต่อระบบทางเดินหายใจ
โดยเฉพาะท่านที่มีภูมิคุ้มกันโรคอ่อนแอ
โปรดระวังให้จงหนัก

คนที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
คือ คนที่เจ้าอารมณ์ ขี้โมโห
พักผ่อนน้อยเพราะเอาแต่เสเพล 
เที่ยวเล่น เหลวไหล

คนที่พลังทางจิตวิญญาณอ่อนแอ
เพราะถูกใช้ไปกับความงมงายต่างๆ

คนที่ใช้ชีวิตอย่างไร้สาระที่ไม่เกิดผลดี
ต่อจิตวิญญาณและเครื่องยนต์แห่งกรรม

ดังนั้น
ขอให้ท่านรีบกลับเนื้อกลับตัวเสีย
เพื่อสร้างสมดุลด้านภูมิต้านทานโรค
จักช่วยให้เครื่องยนต์แห่งกรรมปลอดภัย
จากเชื้อโรคไวรัสเหล่านี้ได้

2.#ประจุลบอิสระ
ที่เกิดจากพลังจิตไร้สำนึก
เพราะกิเลสตัณหาราคะชักพาไป
ซึ่งมนุษย์ทั้งหลายเหวี่ยงมันออกมา
สั่งสมกันอยู่ในชั้นบรรยากาศโลก

มวลขยะพลังจิตที่เป็นประจุลบนี้
วัดความหนาแน่นได้จากสีดำของเมฆฝน
และน้ำหนักของมวลเมฆที่สังเกตได้
จากระดับความสูงต่ำของเมฆสีดำสกปรก
ที่ล่องลอยเคลื่อนไหลอยู่เหนือศีรษะท่าน
ให้เป็นที่สังเกตได้ไม่ยากเย็น

ถ้าท่านโดนฝนตกใส่ศีรษะและร่างกาย
อำนาจประจุลบที่แฝงเร้นอยู่ในละอองฝน
จะยังผลให้ขั้วต่างทางไฟฟ้าในระดับเซล
ทำหน้าที่เหนี่ยวนำให้เกิดแรงเคลื่อนไฟฟ้า
ภายในเซลอวัยวะภายในและร่างกาย
เกิดการเสียสมดุลจนทำงานผิดพลาด
จะยังผลให้ภูมิคุ้มกันโรคบกพร่อง

กลไกต่อมไร้ท่อทำงานบกพร่อง
อวัยวะภายในบางชิ้น
อาจจะมีระบบอัตโนมัติขัดข้องกระทันหัน

ทางป้องกันคือระวังอย่าตากฝนโดยไม่จำเป็น
ให้จิบน้ำอุ่นๆไว้ งดดื่มน้ำเย็นเจี้ยบทุกชนิด
และให้หมุนรอบตัวเองด้านขวาช้าๆ บ่อยๆ
ถ้าท่านอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตร (ประเทศไทย)
ให้หมุนรอบตัวเองด้านซ้ายช้าๆ บ่อยๆ
ถ้าท่านอยู่ใต้เส้นศูนย์สูตรเถิด

3.#สารพิษ!
ซึ่งเป็นไอสารเคมีบางชนิดจากพื้นโลก
ที่ล่องลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศ
แล้วทำปฏิกริยากับก๊าซบางชนิด
ร่วมกับความชื้นและความร้อน
จนกลายเป็นสารพิษอันตราย

โดยขณะนี้มันลอยขึ้นไปสั่งสมกันอยู่
ในชั้นบรรยากาศโลก
จนจวนเจียนจะถึงขีดอันตรายทุกทีแล้ว
ซึ่งมนุษย์โลกเองก็ยังไม่รู้ว่าตนไม่รู้

พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
ช่างเท็คนิกแห่งเราชุดใหม่ล่าสุด
จึงต้องเดินทางเข้ามาช่วยเหลือ
ก่อนที่โลกนี้จะมีปัญหายากเกินเยียวยา

ดังนั้น
นับแต่นี้ไปถ้าไม่จำเป็นอย่าเดินตากฝน

แต่ถ้าเนื้อตัวของท่านโดนฝนสกปรกเข้า
ก็ให้รีบอาบน้ำหรือเช็ดล้างตัว
ด้วย #ด่างทับทิม ที่ละลายน้ำแล้วทันที

มิเช่นนั้นผิวหนังร่างกายของท่าน
จะเกิดอาการคล้ายพุพอง เกิดผดผื่นคัน
มีอาการคล้ายอักเสบจากการแพ้
รักษาอย่างไรก็ไม่หาย 
ยาแก้แพ้ที่มีอยู่ก็ช่วยไม่ได้

ซึ่งเมื่อเกิดปัญหาทางผิวหนังแล้ว
มันจะทำให้ภูมิต้านทานโรคอ่อนแอ
จนเกิดช่องว่างให้ถูกโจมตี
โดยเจ้ากรรมนายเวรตัวจิ๋ว
แต่พิษสงร้ายกาจได้อีกต่างหากด้วย

เราจึงขอประกาศเตือนมายังท่านทั้งหลาย
ผู้มีมรรควิถีจิตจักรวาลเพื่อการหลุดพ้น
บนเส้นทางนักสู้เพื่อการรู้แจ้งได้ทราบ

เราหวังว่าแกะของเราทุกตัวคงได้ยิน

เราคาดหวังว่าปลาดีที่มีอนาคตทุกตัว
คงรับรู้ความเมตตาผ่านข่าวสารชิ้นแรกนี้
จากพระบิดาและทีมเท็คนิกแห่งเรา
โดยทั่วหน้ากัน

กราบพระบาทพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ขอบพระทัยพี่ๆน้องๆช่างเท็คนิกทุกรูปธรรม
ที่เมตตาต่อพี่ๆน้องๆชาวโลกเสรีในครั้งนี้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
6-07-2017

หมายเหตุ:
**********
ระหว่างนี้เป็นต้นไป
ท่านทั้งหลายบนโลกเสรีจะพบปรากฏการณ์
พระสุริยะทรงกลดบ่อยมากขึ้น
นั่นคือ อุปมาพระสุริยะกางร่มห่มโลกา
เพื่อพิทักษ์ท่านทั้งหลายให้ปลอดภัย
เท่าที่จะทำได้ นั่นเอง

05 กรกฎาคม 2560

จิตใต้สำนึก 3


meta physics: จิตใต้สำนึก
#อภิปรัชญา
*************
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะมาทำความรู้จัก #จิตใต้สำนึก
ให้ลึกซึ้งถึงแก่นกันต่อไปอีก

ท่านทั้งหลายจักต้องรู้ว่า
"จิตใต้สำนึก" เป็นพลังงานกลุ่มหนึ่ง
ที่ทำให้เกิดพฤติกรรมในมิติของแก่นแท้
เมื่อใดที่"จิตสำนึก"สั่นสะเทือน
เพื่อให้เกิดพฤติกรรมนั้นๆในมิติโลก

โดย #จิตสำนึก จะก่อให้เกิดผลกรรม
ในมิติโลกทางกายภาพเท่านั้น
ขณะที่ #จิตใต้สำนึก 
จะเป็นผู้ก่อให้เกิดผลกรรมนั้นๆ
ในมิติทางพลังงาน
ทางด้านของจิตวิญญาณ

ท่านทราบหรือยังว่า
#จิตวิญญาณ ของท่านทั้งหลายนั้น
มีลักษณะเป็นกล่องพลังงาน
ที่มีความสมดุลอยู่ในตนเอง

มีรูปทรงเรขาคณิตเป็น 6 เหลี่ยมมุม
ซึ่งเกิดจากสามเหลี่ยมด้านเท่าสองรูป
ซ้อนทับกันอยู่ภายในทรงกลมเดียวกัน
โดยจะหมุนรอบตัวเองอยู่ตลอดเวลา
เพื่อรักษาสมดุลในตนเองไว้
และภายในกล่องพลังงานที่ว่านี้
จะสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่ย่านต่างๆ
ลดเลี้ยวเกี่ยวพันกันอยู่ในนั้น

กล่องพลังงานจิตวิญญาณของมนุษย์
มีโครงสร้างหลักทางกายภาพ
ประกอบด้วยส่วนสำคัญ 3 ส่วนคือ

1.นิวเคลียส
คือส่วนที่อยู่ตรงกลางของรูปธรรม
ซึ่งเป็นตัวตนที่แท้จริงของจิตวิญญาณ
เปรียบเสมือนเป็นดั่งไข่แดงของไข่ไก่
โดยพลังงานตรงส่วนข้างในสุดนี้
มีขนาดเล็กมากจนวัดค่าน้ำหนักไม่ได้

2.ส่วนที่สอง
เป็นรูปธรรมทางพลังงานอีกรูปธรรมหนึ่ง
ซึ่งพระบิดาทรงมอบหมายให้
เดินทางเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์
ร่วมกับจิตวิญญาณของท่าน
ตั้งแต่ภพชาติแรกแล้ว
เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นทั้ง "พี่เลี้ยง"
และผู้พิทักษ์จิตวิญญาณผู้ใกล้ชิดที่สุด
พวกท่านพึงเรียกว่า #พลียะเดี้ยนส์

พลียะเดี้ยนส์เป็นรูปธรรมทางพลังงาน
ที่ติดตามจิตวิญญาณของท่าน
จากวิหารขาวตรงด่านนภาลัยมายังโลกนี้
โดยแบกขนบทละครที่จิตวิญญาณของท่าน
เป็นผู้เลือกเองวางแผนเองติดตัวมาด้วย
เพื่อใช้แสดงบนโลกนี้ขณะที่เกิดเป็นมนุษย์
ซึ่งท่านทั้งหลายเรียกกันว่า #ชะตาชีวิต

ถ้าเปรียบจิตวิญญาณเป็น "ไข่แดง"
พลียะเดี้ยนส์ก็ไม่ต่างจาก "ไข่ขาว" นี่แหละ

3.ส่วนที่สาม
คือส่วนเปลือกนอกสุดของจิตวิญญาณ
ส่วนนี้เป็นส่วนของพลังงานที่เข้มข้นสุดๆ
ที่มีการเหวี่ยงหมุนไปรอบๆรูปธรรม
อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
เพื่อสร้างสมดุลภายในระบบของตนเองไว้
พวกท่านพึงเรียกว่า #เมอร์คขะบาห์

ถ้าเปรียบจิตวิญญาณเป็น "ไข่แดง"
เปรียบพลียะเดี้ยนส์เป็นเช่น "ไข่ขาว"
เมอร์คขะบาห์ก็คือ "เปลือกไข" นั่นเอง

แต่เมอร์คขะบาห์ยังมีหน้าที่สำคัญ
ที่พวกท่านต้องรู้อยู่อีก 2 อย่าง คือ

1.ทำหน้าที่เป็นยานพาหนะของแก่นแท้
เพียงแค่จิตวิญญาณที่อยู่ข้างในสุด
มีความนึกคิดต้องการจะไปไหน
ในจักรวาลอันไพศาลนี้
เมอร์คขะบาห์ก็จะเหวี่ยงตนเอง
เพื่อนำพากล่องพลังงานทั้งรูปธรรม
ไปถึงที่นั่นทันทีดั่งขว้างจาน

#เมอร์คขะบาห์จะเคลื่อนที่ไปยังจุดหมาย
#ด้วยอัตราเร็วเท่ากับความเร็วแสง
#ที่เปลี่ยนค่าเป็นสองเท่าในทุกๆวินาที
หรือ เคลื่อนที่ด้วย "อัตราเร่ง" นั่นเอง

แต่มีเงื่อนไขสำคัญที่ท่านจักต้องรู้ไว้คือ
เมอร์คขะบาห์จะพาท่านไปไหนๆไม่ได้
ถ้าจิตวิญญาณของท่านมีปัญหาดังนี้

1.1 ตอนเป็นมนุษย์ก่อกรรมทำเวรไว้มาก
โดยเฉพาะสร้างวิบากกรรมเอาไว้แยะ
หนึ่งวิบากกรรมมีค่าเท่ากับหนึ่งประจุลบ
ถ้าวิบากกรรมมีมากประจุลบจะมากตาม

ประจุลบนี้พระบิดาทรงเรียกว่า
#รหัสบุรพกรรมแม่เหล็ก
ซึ่งจิตวิญญาณจะสั่งสมประจุลบเหล่านี้ไว้
ตรงพื้นที่ว่างภายในส่วนของเมอร์คขะบาห์
ถ้ามีสั่งสมไว้มากเท่าไหร่
มันจะยังผลให้เมอร์คขะบาห์มีที่ว่างลดลง

ถ้าเมอร์คขะบาห์มีที่ว่างเหลือน้อย
ก็จะมิอาจสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่สูงได้
เพราะจะเกิดความหนืดหรือความหน่วง
ทำให้พลังอำนาจของเมอร์คขะบาห์
ซึ่งเคยมีอยู่แต่เดิมถูกลดทอนลง
ด้วยปริมาณของบุรพกรรมแม่เหล็กมากๆ

กล่าวคือยิ่งกรรมมากเมอร์คขะบาห์ยิ่งหนืด
ถ้ายิ่งหนืดมากก็จะยิ่งเสมือนไร้เรี่ยวแรง

ความจริงที่เรากล่าวนี้
มิได้สร้างปัญหาให้กับจิตวิญญาณเท่านั้น
แม้ตอนที่ยังมีชีวิตเป็นมนุษย์อยู่
ถ้าใครก่อกรรมทำเข็ญเอาไว้มาก
พลังอำนาจทางจิตวิญญาณ
ที่ควรจะได้จากเมอร์คขะบาห์
ก็จะถูกลดทอนลง
ใครคนนั้นจักต้องประสบกับมรสุมชีวิตแน่ๆ
ซึ่งเราจะเจาะลึกเพื่อกล่าวให้รู้ในคราวต่อๆไป

1.2 รหัสบุรพกรรมแม่เหล็กหรือวิบากกรรมนี้
แต่ละอนุภาคประจุลบยังมีน้ำหนักมวลอีกด้วย
ถ้าใครสร้างกรรมด้านลบเอาไว้มากๆ
ก็ไม่ต่างจากการเพิ่มน้ำหนักมวลให้ตัวเอง

ท่านจะต้องรู้ว่า
จิตวิญญาณของท่านทั้งระบบ
ตอนเข้ามาเกิดเป็นมนุษย์ในภพชาติแรก
ถ้ามีน้ำหนักมวล 50 มิลลิกรัม
ก็จักต้องทำน้ำหนักตัวให้ลดลง
เท่ากับเมื่อแรกเข้าคือ 50 มิลลิกรัมด้วย
มิเช่นนั้นจะ "หลุดพ้น" ออกไป
จากเอกภพนี้ไม่ได้
หรือ นิพพานไม่ได้ นั่นแหละนะ

เพราะเหตุนี้ไง
ใครก่อกรรมทำเวรไว้มาก
ตายแล้วจึงต้องกลับมาเกิดใหม่
เพราะจิตวิญญาณดีดตนเองออกไปไม่ได้
ต้องกลับมาชำระกรรมของตนให้หมดสิ้นก่อน
จึงจะหลุดพ้นหรือนิพพานได้ในชาตินี้

แต่เป็นพระเมตตาของพระบิดาจริงๆ
เมื่อถึงกาลสิ้นยุคพลังงานเก่านี้
พระบิดาทรงปรารถนาจะให้บุตรทุกคน
สามารถที่จะกลับแดนสุญญตาได้
จึงทรงให้เรามากล่าวต่อท่านทั้งหลายว่า
เพียงแค่ท่านชำระกรรมของตน
ทั้งชีวิตให้เหลือไม่เกิน 30% 
พระองค์ก็ทรงอนุญาต
ให้ท่าน #หลุดพ้น ได้

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
5-07-2017

หมายเหตุ:
***********
สนใจติดตามต่อ
กรุณายกมือขึ้นด้วยนะ

03 กรกฎาคม 2560

จิตใต้สำนึก 2


meta physics: จิตใต้สำนึก
#อภิปรัชญา

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราขอกล่าวความจริงต่อท่านว่า

มันเป็นการทำร้ายตนเองแท้ๆ
กับการ"หลอกใช้" จิตใต้สำนึกของตนเอง
แม้ว่าหลอกใช้แล้วมันจะได้ผลจริงๆด้วย
เพราะจิตใต้สำนึกเป็นจิตที่อยู่นอกเหนือ
อำนาจการควบคุมของจิตหยาบนั่นเอง

หมายความว่า "จิตหยาบ" ของท่าน
จะบงการ "จิตใต้สำนึก"ของตนไม่ได้
เพราะพระผู้สร้างหรือพระบิดา
ทรงกำหนดกติกาวางระบบเอาไว้เช่นนั้น
เพราะว่า "จิตใต้สำนึก" จะถูกกำหนดให้
สั่นสะเทือนไปตาม "จิตสำนึก" กันอยู่แล้ว

เนื่องจากมนุษย์โลกเสรีนี้เป็น #คนสองมิติ
เพราะเป็นผู้ที่มีสองภาคอยู่ในตนเอง
อันประกอบด้วยภาคแรก คือ #กายสังขาร
กับภาคที่สอง คือ #จิตวิญญาณ

เหตุที่พระบิดาทรงกำหนดเอาไว้เช่นนี้
ก็เพราะว่าจิตวิญญาณของท่าน
ขันอาสาพระบิดาลงมาเกิดเป็นมนุษย์
เพื่อทำหน้าที่ทั้งทางจิตวิญญาณ
และทำหน้าที่ด้านกายภาพควบคู่กันด้วย
พระองค์จึงต้องสร้างเครื่องยนต์แห่งกรรม
รูปธรรมมนุษย์ทั้งชายและหญิง
ให้มีขีดความสามารถพิเศษ
ที่จะสั่นสะเทือนพร้อมๆกันทั้งสองมิติได้
โดยกำหนดให้จิตหยาบเป็นผู้เริ่มต้น

หมายความว่า...
ถ้า "จิตหยาบ" สั่นสะเทือนทาง #จิตสามนึก
จนเกิดเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดใดๆขึ้นมา
แล้วแสดงออกมาเป็นพฤติกรรมภายนอก
ให้คนรอบข้างสัมผัสรู้ดูเห็นได้ยินได้ฟัง
มันจะยังผลให้ #จิตใต้สำนึก สั่นสะเทือนตาม
เพื่อก่อให้เกิดกรรมหรือการกระทำ
ในมิติทางพลังงานด้านของจิตวิญญาณ
ควบคู่กันไปด้วย

การก่อกรรมกระทำใดๆในมิติทางกายภาพ
มันจะก่อให้เกิด "กรรม" แบบเดียวกันนั้น
ในมิติทางพลังงานด้านของจิตวิญญาณเสมอ
ในบางโอกาสเราจึงเรียกมิติทางพลังงาน
ด้านของแก่นแท้ว่า #มิติคู่ขนาน 

ดังนั้น 
เมื่อใดก็ตามที่ท่านสั่นสะเทือนจิตสำนึก
เพื่อแสดงความรักต่อกันในมิติโลก
จิตใต้สำนึกของท่าน
ก็จะเกิดการสั่นสะเทือนตาม
เพื่อแสดงความรักในมิติจิตวิญญาณด้วย

เมื่อใดก็ตามที่ท่านสั่นสะเทือนจิตสำนึก
เพื่อก้าวล่วงต่อกันในมิติโลก
จิตใต้สำนึกของท่าน
ก็จะเกิดการสั่นสะเทือนตาม
เพื่อทำร้ายผู้นั้นในมิติจิตวิญญาณด้วย

เราจึงยืนยันต่อท่านอยู่ซ้ำซากว่า
#จิตใต้สำนึกเป็นเครื่องมือของจิตสำนึก
ที่จะทำให้เกิดการกระทำใดๆ
ในมิติทางพลังงานด้านของจิตวิญญาณ
ควบคู่กับการกระทำแบบเดียวกัน
ในมิติโลกด้านกายภาพ

ท่านทั้งหลายที่ยังว่ายวนอยู่ในสังสารวัฏ
เพราะตกอยู่ใต้อำนาจของกฎแห่งกรรม
ล้วนมีสาเหตุเดียวที่คล้ายๆกัน
นั่นคือการก่อกรรมให้เกิด "ผลกรรม"
ในมิติของจิตวิญญาณด้านของแก่นแท้

#ผลกรรมทางพลังงาน 
คือ ขยะในมิติคู่ขนาน
ที่มนุษย์แต่ละคนผลิตสร้างกันขึ้นมา
ด้วยกิเลส ตัณหา ราคะและอารมณ์รายวัน
ซึ่งกฎเกณฑ์ในมิติแห่งจิตวิญญาณนั้น
ถ้าใครสร้างขยะขึ้นมารกจักรวาล
รูปธรรมนั้นจักต้องรับผิดชอบ
ด้วยการตายแล้วต้องย้อนกลับมาเกิดใหม่
เพื่อที่จะได้รับโอกาสดีๆ
ในการกำจัดขยะของตนให้สิ้นทราก

แต่ถ้าได้รับโอกาสให้มาเกิดใหม่แล้ว
แทนที่จะแก้ไขกรรมเก่าให้จริงจัง
กลับมาสร้างกรรมใหม่ทับซ้อนเข้าไปอีก
การมีสังสารวัฏจึงมิอาจสิ้นสุดยุติได้เลย
มรรคผลนิพพานจึงมิอาจบรรลุ

ท่านทั้งหลายจึงต้องรู้ว่า
กฎแห่งกรรมไม่มีใครต้องควบคุมมัน
เพราะจิตใต้สำนึกของท่านนี่แหละ
ทำหน้าที่แทนจิตวิญญาณอย่างซื่อสัตย์เสมอ

เราจึงอาจกล่าวได้อีกอย่างหนึ่งว่า
#ถ้าจิตสามนึกเป็นพลังอำนาจของจิตหยาบ
#จิตใต้สำนึกก็เป็นพลังอำนาจของแก่นแท้
#คือจิตวิญญาณของท่านนั่นเอง

พระผู้สร้าง
ทรงวางระบบเอาไว้ให้อย่างเหมาะสมแล้ว
ท่านทั้งหลายจึงมิบังควรอย่างยิ่ง
ที่จะใช้จิตสำนึกที่ไร้สำนึก
เข้าไปแทรกแทรงระบบของพระบิดา
ด้วยการ "หลอกใช้" อำนาจทางวิญญาณ
โดยไม่กระทำผ่านขั้นตอนของจิตสามนึก

เพื่อสร้างประโยชน์สุขแก่ตนอย่างไร้สติ
ส่วนใหญ่เป็นไปตามอำนาจกิเลสทั้งสิ้น
เช่น อยากรวย อยากสำเร็จ อยากชนะ
จนสร้างปัญหาทางโลกและจิตวิญญาณ
ให้แก่ตัวท่านเองในอนาคตอันใกล้
ซึ่งมันร้ายแรงจนไม่น่าให้อภัยเลยจริงๆ

ตอนต่อไป...
เราจะกล่าวให้ท่านรู้เพิ่มเติมว่า
#จิตใต้สำนึก ของท่านนั้น
สำคัญต่อการเป็นมนุษย์อย่างไร
ถ้าได้รู้แล้วยังจะหลอกใช้กันอยู่
ต่อไปอีกมั้ย?

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
3-07-2017

หมายเหตุ:

ใครอยากเรียนรู้ต่อ
กรุณาแสดงตนด้วยการชูมืออีกครั้งนะ

02 กรกฎาคม 2560

#พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ #ทรงโปรดเวไนย (ภาค 8)


#พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
#ทรงโปรดเวไนย (ภาค 8)
To Whom It May Concern
*****************************
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เหตุผลที่ #จิตจักรวาล ไม่มีการจัดตั้งสำนัก
เพราะเป็นการดำเนินพระภารกิจศักดิ์สิทธิ์
ในพระนามพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
ซึ่งพระองค์เป็นเจ้าเหนือสิ่งทั้งปวงอยู่แล้ว

อันว่าตัวเราเป็นเพียง "บุตรเอก" ผู้รับบัญชา
ให้กลับมากล่าวโอวาทแทนพระองค์เท่านั้น
มิอาจเอื้อมยกตนเป็นเจ้าสำนักได้

เพราะพระโอวาททั้งหลายนั้น
พระองค์ทรงกล่าวผ่านเรามาว่าอย่างไร
เราก็กล่าวออกไปให้ท่านรับฟังว่าอย่างนั้น
ไม่มีบิดเบือน เบี่ยงเบน หรือ บดบังใดๆ

นอกจากนั้นในทุกคำกล่าว
เราก็ไม่มีการจูงใจให้ใครเชื่อตาม
ไม่มีการหลอกลวงให้ใครหลงคล้อยตาม
ไม่มีการบังคับข่มขู่ใครให้ติดตาม

#มีเพียงสามสิ่งเท่านั้น
ที่เราทำและทำมาตลอด นั่นคือ 
สอนให้รู้ สอนให้คิด และสอนให้ปฏิบัติ
เมื่อปฏิบัติแล้วเห็นแจ้งในความจริงก่อน
ท่านจึงค่อยเชื่อตามที่เรากล่าว

การแนะนำให้ท่านทำอย่างนี้
เพราะเราปรารถนาดีต่อพวกท่าน
เมื่อเรามาตามพวกท่านกลับบ้าน
บ้านที่เป็นแดนนิพพานที่ท่านจากมา
เราจะพาท่านมางมงายไปกับเราไม่ได้
แม้ทุกสิ่งอย่างที่เรากล่าวต่อท่าน
ล้วนเป็นความจริง
จากพระโอษฐ์พระบิดาก็ตาม

เพราะพวกท่านมาเกิดเป็น "คน"
แล้วต้องค่อยๆคนตนเองให้เป็น #มนุษย์
ด้วยการหมุนธรรมจักรในตนเอง
ด้วยการแทรกแซงขั้นธ์ 5
ด้วยการเข้าถึงแรงสั่นสะเทือนสูงสุด
ของจิตและสมองสองซีกให้ได้

สูงสุดของจิตคือความสงบสมดุล
สูงสุดของสมองคือ "อริยะปัญญา"

ดังนั้น
เราจึงไม่สอนสั่งให้ท่านเชื่อตาม
แต่กล่าวแล้วให้ท่านคิดตาม
คิดไม่ออกหรือคิดแล้วไม่เข้าใจก็ให้ถาม
ถามแล้วได้คำตอบได้ความรู้ก็เอาไปทำดู
เพื่อเรียนรู้จากประสบการณ์จริงของตนเอง
สู่การรู้จริงรู้แจ้ง และเห็นจริงเห็นแจ้ง

เพื่อให้ท่านเข้าใจง่ายเรียนรู้ได้เร็ว
เพราะเวลาโลกสำหรับพวกท่านเหลือน้อย
เราจึงกล่าวพระโอวาทด้วยภาษาง่ายๆ
ไม่เล่นคำ ไม่ทำสำนวนโวหาร
อ่านแล้วคิดตามได้อย่างเป็นรูปธรรม

องค์ธรรมจากพระโอวาท
เน้นให้ท่านทั้งหลายเรียนรู้
เพื่อให้ท่านเป็นครูสอนตนเองต่อไป
มิใช่ให้ท่านเอาไปเที่ยวสั่งสอนคนอื่นๆ

เพราะหน้าที่ของทุกท่านแต่ละคนนั้น
คือ การช่วยเหลือตนเองให้หลุดพ้น

ถ้าท่านยังช่วยเหลือตนเองไม่ได้
ท่านจะมีต้นทุนอะไรไปช่วยเหลือคนอื่น
นอกจากท่องจำธรรมแล้วนำมากล่าวต่อ
ยิ่งท่านยังมิรู้จริงรู้แจ้งมิเห็นจริงเห็นแจ้ง
ก็ยิ่งสุ่มเสี่ยงต่อการสอนผิด
ซึ่งนับว่าเป็นโทษมหันต์เลยทีเดียว

นอกจากนั้น
คนที่จะทำหน้าที่เป็นครูสอนธรรมะคนอื่นได้
จิตวิญญาณของท่านคุรุท่านนั้น
ยังต้องเป็นผู้ที่ถือภารกิจนี้ติดตัวมาเกิดด้วย
เพราะการเป็นคุรุสอนธรรมะ
เป็นภารกิจทางจิตวิญญาณที่กำหนดมา
มิใช่ว่าจิตดีมีเมตตาก็ตั้งหน้าสอนธรรมะแล้ว

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
มนุษย์ด้วยกันจะสามารถช่วยเหลือกันได้
ด้วยการปฏิบัติแล้วไม่ผิดบาปไม่ผิดหน้าที่
ด้วยบทบาทง่ายๆต่อไปนี้

1.สอนธรรมะคนอื่นโดยไม่ต้องสอน
เพียงแค่ท่านรู้ธรรมะเข้าถึงธรรมะใด
ก็ให้นำเอาธรรมะนั้นมาปฏิบัติ
ให้คนรอบข้างเขาได้เห็นเป็นแบบอย่าง
แล้วนำไปปฏิบัติตามวิถีชีวิตของเขาเอง

2.ถ้าจำเป็นต้องพูดธรรมะให้ใครฟัง
ก็ให้กล่าวตามที่พระศาสดาสอนไว้
#กล่าวทุกครั้งต้องอ้างอิงทุกครั้ง

ผู้นำศาสนาบางท่านบางยุคในอดีต
มักจะกล่าวธรรมะสอนชาวโลก
โดยไม่บอกกล่าวว่าที่ตนนำมากล่าว
ล้วนเป็นธรรมะจากพระเจ้า
แถมบางสิ่งก็กล่าวตามความเชื่อของตน
ปนเปผสมผสานกันไปจนแยกไม่ออก

แม้จะแลดูว่าท่านผู้นั้นได้ทำตามหน้าที่
เพราะทางโลกมียศตำแหน่งแต่งตั้งชัดเจน
ผู้คนรู้เห็นและยอมรับกันทั่วโลก
แต่ท่านก็ถูกจิตวิญญาณแก่นแท้ในตน
โดยความร่วมมือของพี่พลียะเดี้ยน
คอยกระตุกกระตุ้นจิตสำนึกอยู่ตลอดเวลา

อาการที่มนุษย์ได้เห็นก็คือ
มือที่จับถือพระคัมภีร์จะสั่นเทา
ศีรษะที่มีจิตกับสมองสถิตย์อยู่
จะเกิดอาการกระตุกกระชากเป็นระยะ
ซึ่งเป็นอาการที่พวกท่านเรียกว่า
ป่วยเป็นโรค #พาร์คินสัน นั่นเอง

ดังนั้น
จงอย่ากล่าวพระธรรมใดๆให้ใครฟัง
ไปตามความคิดเข้าใจ
หรือกล่าวตามความเชื่อของตนเองเด็ดขาด
เพราะนอกจากสิ่งที่ท่านกล่าว
อาจเป็นธรรมะนอกรีตให้คนหลงผิดแล้ว
มันยังจะทำให้ท่านทำผิดหน้าที่
อันเป็นการผิดบาปต่อจิตวิญญาณตนเองด้วย

3.ทางที่ดีที่สุดหากปรารถนาดี
ต้องการชี้ทางธรรมให้แก่ผู้ใด
ก็ให้แนะนำเขาอ่านพระคัมภีร์ด้วยตนเอง
เมื่อเขาไม่เข้าใจก็ให้เขากลับมาถามท่าน
เมื่อท่านตอบคำถามก็ให้ใช้คำว่า
"ความเข้าใจส่วนตัว" เพื่อให้เขาคิดตามเอง
มิใช่ปล่อยให้เขาเชื่อตาม
นี่จึงเป็นวิถีที่ถูกต้องที่ปลอดการเกี่ยวกรรม

โลกยุคนี้เต็มไปด้วยความสับสน
ผู้คนมีปัญญาแต่ใช้ไม่เป็น
จึงขาดพลังอำนาจที่จะนำพาตนเอง
ข้ามผ่านกฎแห่งกรรม
เพื่อหยุดยั้งการมีสังสารวัฏกันได้

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านว่า
พระสุริยะจะทรงกลดงดเว้นภัยให้ท่าน
ด้วยปฏิบัติการของฟ้าไม่ได้ตลอดหรอก

ตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย.ศกนี้เป็นต้นมา
แม้ว่าจะทำการกลั่นกรองไว้บ้างแล้ว
แต่เครื่องยนต์แห่งกรรมของเรา
ก็ยังรับรู้แรงสั่นไหวของแผ่นดินโลก
ที่ค่อนข้างรุนแรงกว่าปกติได้
แม้ขณะที่ถ่ายทอดคลื่นพระโอวาทนี้
เราก็มีอาการโคลงเคลง
ดุจนั่งเรือสู้คลื่นจนฝืนแทบไม่ไหว

พี่น้องทั้งหลาย
จงเร่งช่วยกันสร้างบวกมากๆ
รักกันให้ได้ ให้อภัยให้เป็น
หยุดใช้กิเลสตัณหาราคะ
ดำเนินชีวิตเสียเถิด

มันจะช่วยได้เยอะเลย
ไม่เช่นนั้นภัยพิบัติจะมาแรงและมาเร็วขึ้น
จนมิอาจต้านทานเอาไว้ได้อีก
จงเตรียมตนเองและจิตวิญญาณ
ให้พร้อมต่อการผจญภัยเถิดท่านทั้งหลาย

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
2-07-2017

หมายเหตุ:
ต้องการติดตามตอนต่อไป
โปรดยกมือขึ้นอีกครั้งเถิดท่าน

29 มิถุนายน 2560

#พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ #ทรงโปรดเวไนย (ภาค 7)


#พระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
#ทรงโปรดเวไนย (ภาค 7)
To Whom It May Concern
*****************************
"เสียงกัมปนาท กราดเกรี้ยว เสียวระทึก
ดั่งยามดึก ฟ้าผ่า พาแตกตื่น
ครูสั่งศิษย์ กีดกัน ทุกวันคืน
ห้ามยุ่งยื่น เป็นมิตร จิตจักรวาล"

บุตร <3 แห่งบิดาทั้งหลาย
พี่ๆน้องๆที่ <3 แห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ในปลายยุคพลังงานเก่านี้
จะมีปรากฏการณ์หนึ่งเกิดขึ้น
ในท่ามกลางภัยพิบัติโลกแบบแปลกๆ
นั่นคือปฏิบัติการ "ล่าสาวก"
ของเจ้าลัทธิต่างๆทั้งใหม่และเก่า

ขายความงมงายในพิธีกรรมแปลกๆ
ขายศักดิ์สิทธิ์พิสดารของเจ้าลัทธิ
ขายความอุตริอวิชชาของครูอาจารย์
ขายมายาของมารที่เลียนแบบโพธิสัตว์
ขายธรรมะจอมปลอมโดยจอมซาตาน

บทบาทการขายที่เรากล่าวไว้เหล่านี้
ล้วนเป็นฝีมือของรูปธรรมทางวิญญาณ
ซึ่งอยู่เบื้องหลังมิติโลกทางกายภาพ
เข้ามาแอบแฝงตัวตนอยู่แทบทั้งสิ้น

ทุกวันนี้โลกเสรีเสียสมดุลไปมาก
โดยเฉพาะอำนาจแม่เหล็กโลกที่อ่อนแอ
จะทำให้ประตูมิติของโลกและมนุษย์
ที่เชื่อมต่อกับมิติแห่งจิตวิญญาณ
เปิดแง้มอ้าออกกว้างมากขึ้นกว่าเดิม

จิตวิญญาณที่อุตริและมีอำนาจสูง
ก็จะเบียดแทรกตนเองเข้าทับซ้อน
เพื่อทำการยึดอำนาจจากเจ้าสำนักเดิม
ที่กิเลสหนา ปัญญาน้อย ด้อยพลังบารมี
เพราะไม่มีศีลธรรมแท้จริงก็มี

หรือมารร้ายจะเข้าแทรกแซงคนบางคน
ที่อยากดังและฝังใจฝักใฝ่อุตริอวิชาอยู่
ด้วยการแสดงบทบาทเป็นเจ้าสำนัก
แลกเครื่องเซ่นสรวงคาวๆกับเหล้ายา

โดยจะสร้างจุดขายทั้ง 5 ที่ว่ามา
เพื่อหลอกล่อคนดีๆที่โง่ๆ
ให้หลงทิศผิดทางไปสวรรค์นิรันดร
จึงมิอาจหลุดพ้นได้ในชาตินี้

มีเหตุผลหลักอยู่ 4 ประการ
ที่พระบิดาทรงยอมให้โลกมีการล่าสาวก
โดยเราจะขอกล่าวให้ท่านรู้ไว้ดังนี้

1.ทรงยอมให้มีการล่าสาวกด้วยวิธีต่างๆ
เพื่อจะสร้างเงื่อนไขทดสอบจิตตปัญญา
ให้มนุษย์โลกส่วนใหญ่ได้เผชิญว่า
จะฉลาดตัดสินใจหรือไม่อย่างไร

ถ้าใครเลือกที่จะทำตัวโง่และงมงาย
จนตกเป็นสาวกของเจ้าสำนักลัทธิมาร
พระองค์ท่านก็จะทรงทราบทันทีว่า
ผู้นั้นความสามารถใช้ปัญญาเป็นศูนย์
แปลว่า #ตัดสินใจผิด นั่นเอง

คนผู้นั้นจักมิใช่ประชากรของพระองค์
สำหรับโลกเสรีในยุคพลังงานใหม่

เพราะขาดอำนาจทางจิตตปัญญา
จึงมิอาจให้ทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่
ค้ำจุนโลกเสรีนี้ในยุคพลังงานใหม่ได้

2.ทรงยอมให้มีการล่าสาวกเกิดขึ้น
เพื่อเปิดโอกาสให้ท่านทั้งหลาย
ได้เรียนรู้ในสิ่งถูกผิดดีชั่วชัดเจนขึ้น

จนฉลาดที่จะแยกแยะได้ง่ายขึ้นว่า
แบบไหนเป็นเส้นทางสู่นรกโลกันตร์
แบบไหนเป็นเส้นทางสู่สวรรค์นิรันดร
เพื่อการตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง
บนครรลองแห่งการหลุดพ้นคือนิพพาน

3.ทรงยอมให้มีการล่าสาวกเกิดขึ้น
เพราะจะมีมนุษย์ด้วยกันเอง
พากันออกมาอ้างอวดอุตริอวิชา
ล่าสาวกแสวงหาประโยชน์ใส่ตน
จากพี่ๆน้องๆที่เป็นคนอ่อนแอมากขึ้น
ซึ่งคนส่วนใหญ่จะมีจุดอ่อนคล้ายๆกัน 

เป็นต้นว่า....
บางคนก็ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง
ทั้งๆที่เป็นคนฉลาดและเก่งพอตัว
จึงต้องหันมาพึ่งเจ้าเข้าผี
ขอให้เจ้าลัทธิพวกนี้เป็นกำลังใจให้

บางคนก็อยากร่ำรวยเป็นเศรษฐี
แทนที่จะฉลาดคิด ฉลาดทำ
แต่กลับแสวงหาความร่ำรวย
ด้วยวิธีมักง่ายคือพึ่งเครื่องลางของขลัง
บ้างก็พึ่งผีที่เจ้าลัทธิให้นำมาเลี้ยงดู

บางคนก็อยากโด่งดังมีชื่อเสียง
ต้องการได้รับการยอมรับจากคนอื่นๆ
เมื่อยกระดับตนเองขึ้นมาไม่ได้
ก็จำต้องเที่ยวเสาะหาที่พึ่งหรือตัวช่วย
ประเภทขอ "เจ้าสำนักดัง" ช่วยด้วยบ้าง
ประเภทยอมถวายตัวกับเจ้าสำนักบ้าง

ถ้ายิ่งเข้าสังกัดสำนักดังมากเท่าใด
ตนก็จะได้รับการยอมรับมากขึ้นเท่านั้น

ถ้ายิ่งเป็นสาวกรับใช้ใกล้ชิดเจ้าลัทธิ
ก็จะยิ่งมีโอกาสได้รับการยกย่อง
จากคนทั่วไปมากยิ่งขึ้น

อีกทั้งตนก็อาจจะมีโอกาสได้รับรางวัล
ที่เจ้าลัทธิอุตริปูนบำเหน็จให้
เป็นตำแหน่งสำคัญๆในสำนักนั้น
หรือยอมให้ท่านเปิดสำนักสาขา
แล้วอุปมาตนเป็นเจ้าสำนักได้เอง

4.ทรงยอมให้มีสำนักใหม่ๆเกิดขึ้น
เพื่อให้มารทดสอบจิตสามนึกมนุษย์
ว่าผ่านหรือไม่ รวม 5 ประการต่อไปนี้

4.1 ยังติดอยากได้ใคร่มีในลาภยศหรือไม่
4.2 ใช้ปัญญาของสมองคิดเป็นหรือเปล่า
4.3 รู้จักแยกแยะผิดชอบดีชั่วบ้างไหม
4.4 ระหว่างมารกับพระบิดาจะเลือกใคร
4.5 กล้าหาญและเป็นตัวของตัวเองมั้ย
 
ในท่ามกลางความผันผวนของสังคม
ในท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตโลก
ขอท่านทั้งหลายจงรับรู้ไว้ด้วยว่า

1.อย่าประมาทมารจนท่านถูกหลอก
2.อย่าขลาดกลัวมารจนผลักไสครูที่ดี
3.อย่าตกเป็นทาสมารเพราะติดโลภ
4.อย่าทำตัวเป็นเจ้าลัทธิมารเสียเอง
5.อย่าหลงเชื่อมาร
เพราะท่านโง่เขลาเบาปัญญา
โดยแยกไม่ออกว่าไหนมารไหนมิใช่

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
29-06-2017

หมายเหตุ:

ยังมีภาคต่อไปให้เรียนรู้อีก
เกียจคร้านจะยกมือหรือยังนะ

28 มิถุนายน 2560

ปฏิบัติการชำระโลกครั้งที่สี่



 ท่านที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงไว้ให้นักเรียนรู้ว่า
ปฏิบัติการชำระโลกครั้งที่สี่ในปลายยุคนี้
สิ่งที่พี่ๆน้องๆทั่วโลกจักได้เผชิญภัยกัน
มีมากมายหลายรูปแบบให้เห็นบ้างแล้ว

1.ใช้ "ระเบิดเมฆ"
ที่มีมวลน้ำมากมายหลายๆตัน
ทิ้งบอมบ์ลงมาเฉพาะพื้นที่
เกิดเป็นพายุฝนประจำถิ่นและน้ำท่วม

2.ใช้ "ระเบิดน้ำแข็ง" คือ ฝนน้ำแข็งแห้ง
ทิ้งบอมบ์ลงมาเฉพาะที่ให้ท่วมเมือง
จนเปิดประตูหน้าต่างบ้านออกมาไม่ได้
ทั้งหนาวทั้งเย็น
ใครทนหิวไม่ได้เพราะขาดอาหาร
ใครทนหนาวไม่ได้เพราะไร้เครื่องอบอุ่น
คนนั้นจักถูกชำระก่อน

3.ใช้ "ระเบิดภูเขาไฟ"
ทำให้เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง
และพ่นลาวาร้อนแดงฉานไหลออกมา
กลบฝังสิ่งที่เป็นขยะรกโลกไม่เว้นคนชั่ว

4.ใช้ "ระเบิดทราย"
ขนฝุ่นทรายนับล้านคิวเข้ากลบฝัง
เพื่อชำระหนี้เก่าที่ติดค้างต่อแผ่นดินโลก

5.ใช้ "ระเบิดก๊าซ" จากใต้ทะเลลึก
ทำให้เกิดไฟร้อนบนก้อนน้ำแข็ง
ลามไหลไปในมหาสมุทรสู่พื้นที่เป้าหมาย
โดยมิมีใครจะดับได้

6.ใช้ "ระเบิดเพลิง" จากไฟป่า
ลุกลามเข้าหาตัวเมือง
เผาผลาญขยะชำระสิ่งงมงายให้สิ้น

7.ใช้ "ระเบิดควัน"
ผสมผสานกันระหว่างควันไฟป่า
กับฝุ่นขี้เถ้าจากลาวาของภูเขาไฟทั่วโลก
จะยังผลให้ฟ้าต่ำจนไม่มีที่ว่างพอ
ให้กับก๊าซออกซิเจนที่ใช้หายใจ
เพราะใช้ไปกับการเผาไหม้จนมากเกิน
แถมระเบิดควันมันเป็นพิษร้ายแรง
ต่อระบบทางเดินหายใจอีกด้วย

8.ใช้ "ระเบิดลม" จากพายุแบบต่างๆ
ทั้งที่มุ่งโจมตีโดยตรงแบบซึ่งหน้า
ทั้งที่บิดตัวเข้าหาจนเป็นเกลียว
ระเบิดจะถูกนำมาวางยังเป้าหมาย
มีทั้งยามสว่างและท่ามกลางความมืด

9.ใช้ "ระเบิดเสียง" ส่งลงมาจากฟ้า
ในระดับเสียงที่ประสาทหูของคน
ไม่อาจจะทานทนได้ในยามที่ขาดสติ
โดยที่เสียงคำรามหวีดหวิวนั้น
มันจะเบียดแทรกมากับสายลม

10.ใช้ "ระเบิดหินไฟ" ส่งมาจากอวกาศ
ด้วยอำนาจแห่งแรงกระแทก
จะยังผลกระทบต่อแผ่นดินโลก
ให้เกิดการยุบแยกแตกหัก
จะยังผลต่อการเกิดคลื่นไซโคลน
ในท่ามกลางมหาสมุทร
แรงสั่นสะเทือนของระเบิดที่เกิดคลื่น
จะกลืนแผ่นดินเกาะน้อยใหญ่
ในบางพื้นที่ตามแนวชายฝั่งที่ติดทะเล
จนเลือนหายไปจากแผนที่โลก

ที่เรากล่าวมานี้มิได้บอกให้ใครเชื่อ
หรือนำมากล่าวให้ใครก้าวล่วงเรา
เพราะว่าความเชื่อไม่เชื่อ

ความกลัวไม่กลัวของมนุษย์
มันหยุดสิ่งที่จะเผชิญกันนี้ไม่ได้แล้ว
นอกจากจะหมั่นทำความดี มีมหาติไว้
และแสดงปณิธานแห่งนิพพานให้ชัดเจน
นับแต่บัดเดี๋ยวนี้เลย

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา

27-06-2017