#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าคุณติดตามอ่านพระโอวาทจากพระเจ้า
ที่ทรงพระเมตตาสื่อผ่านเรามาตลอดจนถึงทุกวันนี้
ย่อมจะสรุปเนื้อหาสาระหลักธรรมคำสอนได้ว่า
พี่ๆน้องๆชาวโลกล้วนปฏิบัติธรรมกันอย่างไม่ถูกต้อง
จนพากันหลงทางนิพพานหลงทางธรรมกันไปหมด
เพราะคนนำทางตาบอดทีอ้างตนเป็นตัวแทนศาสดา
ชักพาให้หลงทางด้วยการบิดเบือนสัจธรรมคำสอน
รวมทั้งแสดงตนเป็นแบบอย่างที่ไม่ถูกต้อง
นอกจากนั้น
ยังเสี้ยมสอนพวกคุณให้เสพติดกิเลสจนยากถ่ายถอน
เมื่อเสพติดกิเลสแล้วจิตก็เข้าถึงการใช้สติปัญญาไม่ได้
เพราะจิตของคุณมันตกเป็นทาสของกิเลสไปก่อนแล้ว
พวกมารที่เป็นศัตรูของชาวโลก
ซึ่งเป็นจิตวิญญาณของพวก “ผีโสโครก” ทั้งหลาย
ต้องการใช้มนุษย์เป็นกรรมกรผลิตพลังงานแสงให้ดักดูด
เพราะผีโสโครกมีแต่จิตวิญญาณไม่มีกายหยาบ
จึงไม่อาจผลิตสร้างพลังงานบวกเติมเต็มให้ตนเองได้
มีเพียงแค่วิธีเดียวคือ “หลอกใช้” พวกคุณให้ช่วยทำแทน
เนื่องจากชาวโลกส่วนใหญ่จิตใจใสซื่อไม่คิดว่าตนมีศัตรู
อีกทั้งศัตรูยังรู้จุดอ่อนของชาวโลกดีพอจึงหยิบมาใช้กัน
ทำให้มีคนโง่ง่ายและงมงายเป็นจำนวนมากมาทุกยุคสมัย
1.หลอกให้ขลาดกลัว
ด้วยการแสดงมายารูปลักษณ์ว่าตนเป็นเทพเจ้าผู้สูงส่ง
แต่จะเป็นเทพเจ้าที่หน้าตาดุร้ายเขี้ยวยาวตาถลน
บางเทพเจ้าก็จะเป็นมายารูปลักษณ์จำพวกสัตว์ต่างๆก็มี
เทพเจ้าส่วนใหญ่จะมีฤทธิ์เดชยิงฟันแทงไม่เข้า
ล่องหนหายตัวเล่นแร่แปรธาตุย้ายมวลตัดลิ้นแทงแก้มได้
อ่านวาระจิตใครก็ได้ปลุกเสกได้ร่ายมนต์ได้ใบ้หวยแม่น
ยิงฟันแทงไม่เข้าหนังเหนียวเหยียบถ่านไฟไม่ร้อนไม่พอง
ทำในสิ่งที่ชาวโลกทำไม่เป็นหรือทำไม่ได้ให้ทึ่งอึ้งเสียวกัน
2.หลอกให้เชื่อตามและทำตามอย่างว่าง่าย
โดยสอนให้ทำในสิ่งแปลกๆที่อธิบายไม่ได้หรือเข้าใจยาก
เช่น ใช้วิชามายากลทำให้ดูน่าเชื่อถือว่าทำได้เช่นนั้นจริง
ทั้งๆที่เป็นเพียงแค่เคล็ดวิชาที่ใช้ในการแสดงเท่านั้นเอง
ส่วนมากจะเป็นพฤติกรรมแนวอุตริจริงบ้างเท็จบ้าง
ตัวอย่างเช่น
นั่งขัดสมาธิแล้วลอยตัวขึ้นจากพื้นได้
นั่งขัดสมาธิแล้วกระโดดไปข้างหน้าเหมือนกบได้
เอาตะกรุดใส่เข้าไปในกล้ามเนื้อแล้วเสกให้หายไปได้
สักยันต์บนเนื้อตัวแล้วหนังเหนียวยิงฟันแทงไม่เข้า เป็นต้น
3.หลอกให้หลงผิดในการปฏิบัติธรรม
โดยนำเอาคำว่า “ทุกข์” มาใช้เป็นตัวประกัน
ด้วยการสอนให้ปฏิบัติตามโดยทำให้รู้หรือดูเพื่อเชื่อ
ตัวอย่างเช่น
แสดงการทรมานร่างกายตนเองแบบพิสดาร
เพื่อจะบอกเป็นนัยว่าความทุกข์ทางกายนั้นจัดการได้
ด้วยวิธี #ทุกข์ให้ถึงที่สุด เจ็บปวดจนสุดที่จะเจ็บปวดแล้ว
ความทุกข์หรือความเจ็บปวดนั้นมันจะสลายหายไปเอง
เช่นปล่อยเนื้อตัวสกปรกมอมแมมโดยไม่อาบน้ำชำระกาย
ปล่อยผมเผ้าหนวดเคราให้มันยาวจนรกรุงรังไม่ตัดไม่โกน
ปล่อยให้เล็บยาวจนกลายเป็นดั่งรากไม้ยังไงยังงั้น
บ้างก็กำมือไว้ไม่ยอมแบเพื่อปล่อยให้เล็บยาวทะลุฝ่ามือ
บ้างก็ลงไปนอนทำสมาธิอยู่ในโลงศพทั้งวันคืน
เพราะเชื่อว่าขจัดความกลัวตายที่เป็นความทุกข์ใจได้
โดยไม่รู้ว่าเมื่อจิตวิญญาณตายไปจากโลกมนุษย์แล้ว
จะลอยไปติดค้างอยู่บนสวรรค์มายาที่พระเจ้ามิได้สร้าง
เพราะดวงจิตฝักใฝ่เอาไว้ขณะเป็นมนุษย์โลกอยู่
จิตวิญญาณของตนจะแบกขนเอาโลงนั้นติดตัวไปด้วย
เพราะจิตใต้สามนึกบันทึกเป็นรหัสไว้ในสัญญาขันธ์
แทนที่จะตายไปจากโลกนี้แล้วสามารถพ้นทุกข์ได้
ก็ยังต้องแบกโลงไปนอนดับทุกข์อยู่บนสวรรค์มายาต่ออีก
พระศาสดาทรงเคยทดลองทำตาม
ด้วยวิธีบำเพ็ญทุกรกิริยาตามที่พวกผีโสโครกพร่ำสอนมา
แล้วทรงพบความจริงว่าวิธีทรมานกายนั้นดับทุกข์ไม่ได้
อันเป็นที่มาของการค้นพบ #อริยสัจสาม กับ #มรรคแปด
ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกตรงในการจัดการความทุกข์แบบง่ายๆ
ด้วยการใช้ “สติปัญญา” ของสมองโดยไม่ต้องทรมานกาย
ก็สามารถดับทุกข์และป้องกันมิให้เกิดทุกข์แบบเบ็ดเสร็จ
โดยอริยสัจสามเป็นวิธีที่ใช้สำหรับจัดการกับปัญหา
ที่คนรอบข้างทั้งหลายหยิบยื่นมาเป็นเงื่อนไขด้านลบให้
ทั้งที่รู้ตัวล่วงหน้าก่อนแล้วและที่ยังไม่รู้ตัวล่วงหน้ามาก่อน
พระศาสดาทรงแนะนำว่า
1.หาคำตอบให้ได้ก่อนว่าทุกข์นั้นเกิดจากอะไร
อะไรคือตัวปัญหาที่ทำให้เกิดทุกข์กายทุกข์ใจบ้าง
2.เมื่อแยกแยะปัญหาที่พาให้ทุกข์ได้ครบถ้วนแล้ว
ก็ค้นหาสาเหตุที่มาของปัญหาแต่ละอย่างว่าเกิดจากอะไร
3.เมื่อพบว่าปัญหาอันเป็นที่มาแห่งทุกข์นั้นมีอะไรแล้ว
ก็คิดพิจารณาด้วยปัญญาเพื่อหาวิธีแก้ปัญหานั้นๆให้ลุล่วง
โดยทรงสอนให้ใช้หลักของเหตุและผลเป็นสำคัญ
ด้วยการเน้นให้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุทั้งสิ้น
ถ้าดับเหตุนั้นเสียได้เมื่อไหร่ทุกอย่างก็จะดับตามไปด้วย
หมายความว่าถ้าจัดการกับปัญหาอันเป็นที่มาแห่งทุกข์ได้
ความทุกข์นั้นย่อมจะไม่มีเหลืออีกแล้ว
เมื่อพระองค์ทรงค้นพบความจริงเช่นนี้แล้ว
ในยุคนั้นจึงไม่มีใครเชื่อตามหรือโง่ตามที่ผีโสโครกหลอก
ในการจัดการความทุกข์ด้วยวิธีทรมานกายกันอีกเลย
นอกจากนั้น
ชาวโลกยังจะมีปัญหาคือตัวทุกข์ที่เกิดจากตนเองเป็นผู้ก่อ
เพราะประพฤติตนไม่ถูกต้องตรงธรรมต่อคนรอบข้างเอง
จึงทรงสอนให้เป็นผู้มี #สัมมา ในพฤติกรรมต่างๆทางสังคม
เพื่อไม่สร้างปัญหาให้ตนเองต้องเดือดเนื้อร้อนใจ
เพราะคนรอบข้างต่อสู้ตอบโต้หรือต่อต้านตอบสนองมา
เนื่องจากพวกเขาไม่ถูกใจไม่ชอบใจการกระทำของคุณ
4.หลอกให้ปฏิบัติธรรมตามแบบที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่างเช่น
สอนให้ปฏิบัติธรรมโดยทำตนเป็นคนพิการด้านอายตนะ
ทั้งๆที่ปฏิบัติธรรมแปลว่าต้องทำตนไปตามธรรมชาติ
ต้องไม่ทำตนเป็นคนพิการหูหนวกตาบอดเป็นใบ้
ต้องไม่ปลีกวิเวกเหมือนอยากไปสวรรค์มายาคนเดียว
เพราะกิเลสเรียกร้องให้อยากไปเป็นเทพเทวดาบนฟ้า
เนื่องจากเชื่อว่าบนนั้นสุขสบายกว่าการเกิดเป็นมนุษย์
เป็นการติดสุขติดทุกข์โดยจิตหยาบยังไม่ใสสะอาดเลย
การหนีสังคมเพื่อไปแสวงหาความโดดเดี่ยวตามลำพัง
ทำให้สมการพลังงานจิตสามนึกด้านบวก ∑βₓ เกิดไม่ได้
ซึ่งตามความจริงแล้วต้องแทนค่าด้วย 3 เป็นอย่างน้อย
ต้องมีสามคนพ่อแม่ลูกจึงจะใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกได้
เมื่อแยกกันอยู่โดดเดี่ยวพลังร่วมที่ช่วยค้ำจุนโลกจึงไม่มี
ทุกวันนี้โลกเสียสมดุลไปมากแล้วสังเกตได้จากภัยพิบัติ
ที่จะเกิดขึ้นเกือบทั่วทั้งโลกเกิดที่นั่นที่นี่เกิดแล้วเกิดอีก
โดยนับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆด้วย
เหตุแห่งการเกิดมีเหตุเดียวคือ “มนุษย์ไม่หมุนธรรมจักร”
ที่ไม่หมุนธรรมจักรเพราะ “รักไม่เป็น” และ “รักไม่ได้”
เหตุจากการไม่รู้ความจริงว่าจิตวิญญาณตนมาเกิดทำไม
กับการที่จิตหยาบถูกกิเลสครอบงำไว้ตลอดเวลา
จนยังผลให้ใช้ความฉลาดทางปัญญาของสมองไม่ได้
เมื่อใช้ปัญญาไม่ได้จึงพากันตกม้าตายเพราะกิเลสนี่แหละ
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
21/10/2566
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าคุณติดตามอ่านพระโอวาทจากพระเจ้า
ที่ทรงพระเมตตาสื่อผ่านเรามาตลอดจนถึงทุกวันนี้
ย่อมจะสรุปเนื้อหาสาระหลักธรรมคำสอนได้ว่า
พี่ๆน้องๆชาวโลกล้วนปฏิบัติธรรมกันอย่างไม่ถูกต้อง
จนพากันหลงทางนิพพานหลงทางธรรมกันไปหมด
เพราะคนนำทางตาบอดทีอ้างตนเป็นตัวแทนศาสดา
ชักพาให้หลงทางด้วยการบิดเบือนสัจธรรมคำสอน
รวมทั้งแสดงตนเป็นแบบอย่างที่ไม่ถูกต้อง
นอกจากนั้น
ยังเสี้ยมสอนพวกคุณให้เสพติดกิเลสจนยากถ่ายถอน
เมื่อเสพติดกิเลสแล้วจิตก็เข้าถึงการใช้สติปัญญาไม่ได้
เพราะจิตของคุณมันตกเป็นทาสของกิเลสไปก่อนแล้ว
พวกมารที่เป็นศัตรูของชาวโลก
ซึ่งเป็นจิตวิญญาณของพวก “ผีโสโครก” ทั้งหลาย
ต้องการใช้มนุษย์เป็นกรรมกรผลิตพลังงานแสงให้ดักดูด
เพราะผีโสโครกมีแต่จิตวิญญาณไม่มีกายหยาบ
จึงไม่อาจผลิตสร้างพลังงานบวกเติมเต็มให้ตนเองได้
มีเพียงแค่วิธีเดียวคือ “หลอกใช้” พวกคุณให้ช่วยทำแทน
เนื่องจากชาวโลกส่วนใหญ่จิตใจใสซื่อไม่คิดว่าตนมีศัตรู
อีกทั้งศัตรูยังรู้จุดอ่อนของชาวโลกดีพอจึงหยิบมาใช้กัน
ทำให้มีคนโง่ง่ายและงมงายเป็นจำนวนมากมาทุกยุคสมัย
1.หลอกให้ขลาดกลัว
ด้วยการแสดงมายารูปลักษณ์ว่าตนเป็นเทพเจ้าผู้สูงส่ง
แต่จะเป็นเทพเจ้าที่หน้าตาดุร้ายเขี้ยวยาวตาถลน
บางเทพเจ้าก็จะเป็นมายารูปลักษณ์จำพวกสัตว์ต่างๆก็มี
เทพเจ้าส่วนใหญ่จะมีฤทธิ์เดชยิงฟันแทงไม่เข้า
ล่องหนหายตัวเล่นแร่แปรธาตุย้ายมวลตัดลิ้นแทงแก้มได้
อ่านวาระจิตใครก็ได้ปลุกเสกได้ร่ายมนต์ได้ใบ้หวยแม่น
ยิงฟันแทงไม่เข้าหนังเหนียวเหยียบถ่านไฟไม่ร้อนไม่พอง
ทำในสิ่งที่ชาวโลกทำไม่เป็นหรือทำไม่ได้ให้ทึ่งอึ้งเสียวกัน
2.หลอกให้เชื่อตามและทำตามอย่างว่าง่าย
โดยสอนให้ทำในสิ่งแปลกๆที่อธิบายไม่ได้หรือเข้าใจยาก
เช่น ใช้วิชามายากลทำให้ดูน่าเชื่อถือว่าทำได้เช่นนั้นจริง
ทั้งๆที่เป็นเพียงแค่เคล็ดวิชาที่ใช้ในการแสดงเท่านั้นเอง
ส่วนมากจะเป็นพฤติกรรมแนวอุตริจริงบ้างเท็จบ้าง
ตัวอย่างเช่น
นั่งขัดสมาธิแล้วลอยตัวขึ้นจากพื้นได้
นั่งขัดสมาธิแล้วกระโดดไปข้างหน้าเหมือนกบได้
เอาตะกรุดใส่เข้าไปในกล้ามเนื้อแล้วเสกให้หายไปได้
สักยันต์บนเนื้อตัวแล้วหนังเหนียวยิงฟันแทงไม่เข้า เป็นต้น
3.หลอกให้หลงผิดในการปฏิบัติธรรม
โดยนำเอาคำว่า “ทุกข์” มาใช้เป็นตัวประกัน
ด้วยการสอนให้ปฏิบัติตามโดยทำให้รู้หรือดูเพื่อเชื่อ
ตัวอย่างเช่น
แสดงการทรมานร่างกายตนเองแบบพิสดาร
เพื่อจะบอกเป็นนัยว่าความทุกข์ทางกายนั้นจัดการได้
ด้วยวิธี #ทุกข์ให้ถึงที่สุด เจ็บปวดจนสุดที่จะเจ็บปวดแล้ว
ความทุกข์หรือความเจ็บปวดนั้นมันจะสลายหายไปเอง
เช่นปล่อยเนื้อตัวสกปรกมอมแมมโดยไม่อาบน้ำชำระกาย
ปล่อยผมเผ้าหนวดเคราให้มันยาวจนรกรุงรังไม่ตัดไม่โกน
ปล่อยให้เล็บยาวจนกลายเป็นดั่งรากไม้ยังไงยังงั้น
บ้างก็กำมือไว้ไม่ยอมแบเพื่อปล่อยให้เล็บยาวทะลุฝ่ามือ
บ้างก็ลงไปนอนทำสมาธิอยู่ในโลงศพทั้งวันคืน
เพราะเชื่อว่าขจัดความกลัวตายที่เป็นความทุกข์ใจได้
โดยไม่รู้ว่าเมื่อจิตวิญญาณตายไปจากโลกมนุษย์แล้ว
จะลอยไปติดค้างอยู่บนสวรรค์มายาที่พระเจ้ามิได้สร้าง
เพราะดวงจิตฝักใฝ่เอาไว้ขณะเป็นมนุษย์โลกอยู่
จิตวิญญาณของตนจะแบกขนเอาโลงนั้นติดตัวไปด้วย
เพราะจิตใต้สามนึกบันทึกเป็นรหัสไว้ในสัญญาขันธ์
แทนที่จะตายไปจากโลกนี้แล้วสามารถพ้นทุกข์ได้
ก็ยังต้องแบกโลงไปนอนดับทุกข์อยู่บนสวรรค์มายาต่ออีก
พระศาสดาทรงเคยทดลองทำตาม
ด้วยวิธีบำเพ็ญทุกรกิริยาตามที่พวกผีโสโครกพร่ำสอนมา
แล้วทรงพบความจริงว่าวิธีทรมานกายนั้นดับทุกข์ไม่ได้
อันเป็นที่มาของการค้นพบ #อริยสัจสาม กับ #มรรคแปด
ซึ่งเป็นวิธีที่ถูกตรงในการจัดการความทุกข์แบบง่ายๆ
ด้วยการใช้ “สติปัญญา” ของสมองโดยไม่ต้องทรมานกาย
ก็สามารถดับทุกข์และป้องกันมิให้เกิดทุกข์แบบเบ็ดเสร็จ
โดยอริยสัจสามเป็นวิธีที่ใช้สำหรับจัดการกับปัญหา
ที่คนรอบข้างทั้งหลายหยิบยื่นมาเป็นเงื่อนไขด้านลบให้
ทั้งที่รู้ตัวล่วงหน้าก่อนแล้วและที่ยังไม่รู้ตัวล่วงหน้ามาก่อน
พระศาสดาทรงแนะนำว่า
1.หาคำตอบให้ได้ก่อนว่าทุกข์นั้นเกิดจากอะไร
อะไรคือตัวปัญหาที่ทำให้เกิดทุกข์กายทุกข์ใจบ้าง
2.เมื่อแยกแยะปัญหาที่พาให้ทุกข์ได้ครบถ้วนแล้ว
ก็ค้นหาสาเหตุที่มาของปัญหาแต่ละอย่างว่าเกิดจากอะไร
3.เมื่อพบว่าปัญหาอันเป็นที่มาแห่งทุกข์นั้นมีอะไรแล้ว
ก็คิดพิจารณาด้วยปัญญาเพื่อหาวิธีแก้ปัญหานั้นๆให้ลุล่วง
โดยทรงสอนให้ใช้หลักของเหตุและผลเป็นสำคัญ
ด้วยการเน้นให้รู้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกิดจากเหตุทั้งสิ้น
ถ้าดับเหตุนั้นเสียได้เมื่อไหร่ทุกอย่างก็จะดับตามไปด้วย
หมายความว่าถ้าจัดการกับปัญหาอันเป็นที่มาแห่งทุกข์ได้
ความทุกข์นั้นย่อมจะไม่มีเหลืออีกแล้ว
เมื่อพระองค์ทรงค้นพบความจริงเช่นนี้แล้ว
ในยุคนั้นจึงไม่มีใครเชื่อตามหรือโง่ตามที่ผีโสโครกหลอก
ในการจัดการความทุกข์ด้วยวิธีทรมานกายกันอีกเลย
นอกจากนั้น
ชาวโลกยังจะมีปัญหาคือตัวทุกข์ที่เกิดจากตนเองเป็นผู้ก่อ
เพราะประพฤติตนไม่ถูกต้องตรงธรรมต่อคนรอบข้างเอง
จึงทรงสอนให้เป็นผู้มี #สัมมา ในพฤติกรรมต่างๆทางสังคม
เพื่อไม่สร้างปัญหาให้ตนเองต้องเดือดเนื้อร้อนใจ
เพราะคนรอบข้างต่อสู้ตอบโต้หรือต่อต้านตอบสนองมา
เนื่องจากพวกเขาไม่ถูกใจไม่ชอบใจการกระทำของคุณ
4.หลอกให้ปฏิบัติธรรมตามแบบที่ไม่ถูกต้อง
ตัวอย่างเช่น
สอนให้ปฏิบัติธรรมโดยทำตนเป็นคนพิการด้านอายตนะ
ทั้งๆที่ปฏิบัติธรรมแปลว่าต้องทำตนไปตามธรรมชาติ
ต้องไม่ทำตนเป็นคนพิการหูหนวกตาบอดเป็นใบ้
ต้องไม่ปลีกวิเวกเหมือนอยากไปสวรรค์มายาคนเดียว
เพราะกิเลสเรียกร้องให้อยากไปเป็นเทพเทวดาบนฟ้า
เนื่องจากเชื่อว่าบนนั้นสุขสบายกว่าการเกิดเป็นมนุษย์
เป็นการติดสุขติดทุกข์โดยจิตหยาบยังไม่ใสสะอาดเลย
การหนีสังคมเพื่อไปแสวงหาความโดดเดี่ยวตามลำพัง
ทำให้สมการพลังงานจิตสามนึกด้านบวก ∑βₓ เกิดไม่ได้
ซึ่งตามความจริงแล้วต้องแทนค่าด้วย 3 เป็นอย่างน้อย
ต้องมีสามคนพ่อแม่ลูกจึงจะใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกได้
เมื่อแยกกันอยู่โดดเดี่ยวพลังร่วมที่ช่วยค้ำจุนโลกจึงไม่มี
ทุกวันนี้โลกเสียสมดุลไปมากแล้วสังเกตได้จากภัยพิบัติ
ที่จะเกิดขึ้นเกือบทั่วทั้งโลกเกิดที่นั่นที่นี่เกิดแล้วเกิดอีก
โดยนับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆด้วย
เหตุแห่งการเกิดมีเหตุเดียวคือ “มนุษย์ไม่หมุนธรรมจักร”
ที่ไม่หมุนธรรมจักรเพราะ “รักไม่เป็น” และ “รักไม่ได้”
เหตุจากการไม่รู้ความจริงว่าจิตวิญญาณตนมาเกิดทำไม
กับการที่จิตหยาบถูกกิเลสครอบงำไว้ตลอดเวลา
จนยังผลให้ใช้ความฉลาดทางปัญญาของสมองไม่ได้
เมื่อใช้ปัญญาไม่ได้จึงพากันตกม้าตายเพราะกิเลสนี่แหละ
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
21/10/2566
