#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
เพื่อยุวจิตจักรวาล ยุคสุดท้าย
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
การที่โลกนี้เกิดภัยพิบัติถี่ขึ้นและรุนแรงขึ้นเรื่อย
ๆ
โดยแต่ละครั้งมีทั้งคนตายอาคารบ้านเรือนพังทลาย
ไร่นาป่าสวนและทรัพย์สินเสียหายไปจำนวนไม่น้อย
พวกคุณจงอย่าคิดว่ามันเป็น #ภัยธรรมชาติ เด็ดขาด
เพียงแค่รู้เห็นว่าหายนะภัยนั้นเกิดจากแผ่นดินไหว
ภูเขาไฟระเบิด เกิดจากอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก
เกิดจากพายุหมุน ไฟป่า ภูเขาถล่ม แผ่นดินสไลด์
คลื่นอากาศร้อนเอลนินโญ่ คลื่นอากาศเย็นลานินญ่า
หิมะตกหนา ลูกเห็บตกหนักโดยตกผิดที่ตกผิดฤดูกาล
จึงเหมารวมว่ามันคือ “ภัยธรรมชาติ” ไปทั้งหมด
เราเคยเปิดเผยให้พวกคุณรู้กันบ้างแล้วว่า
ถ้าเป็นภัยธรรมชาติมันจะไม่เกิดซ้ำในที่เดิมกรณีเดิม
เพราะมันจะเกิดขึ้นจำเพาะที่ซึ่งเสียสมดุลไปเท่านั้น
โดยการเสียสมดุลจำเพาะที่นี้จะเกิดจากน้ำมือมนุษย์
เป็นผู้ก่อกรรมทำผิดกันขึ้นมาเองเท่านั้น
ตัวอย่างเช่นกรณีของ
“น้ำป่าไหลหลาก”
เข้าท่วมหมู่บ้านย่านเมืองอย่างฉับพลันไม่ทันตั้งตัว
ทำให้คนตายสัตว์ตายบ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก
เนื่องจากฝนตกบนภูเขาแล้วไหลลงมาอย่างรวดเร็ว
เพราะต้นไม้ใหญ่ในป่าบนภูเขาถูกตัดโค่นจนเตียนโล่ง
จึงไม่มีต้นไม้และรากไม้คอยชะลอความแรงเร็วของน้ำ
หรือคอยช่วยซับอุ้มน้ำเอาไว้ให้มันไหลลงมาช้าๆ
ตามที่พระเจ้าทรงออกแบบกำหนดเอาไว้ให้สมดุลแล้ว
กรณีน้ำป่าไหลหลาก
แผ่นดินสไลด์ โคลนถล่ม
ล้วนเกิดจากฝีมือมนุษย์ที่ตัดโค่นต้นไม้ทำลายป่า
อันเป็นการทำลายระบบของตัวเองอย่างไร้สำนึก
จนธรรมชาติวิบัติจึงมีการเอาคืนตามกฎธรรมชาติ
โดยมนุษย์ไม่รู้ว่าสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติของตนนั้น
ถ้าถูกทำลายมันก็คือการทำลายระบบของตนเอง
เพราะสิ่งแวดล้อมในธรรมชาติไม่ต่างจากเปลือกไข่
ที่จะคอยห่อหุ้มปกป้องไข่แดงและไข่ขาวข้างในไว้
ไม่ให้เน่าเสียไม่ให้กระทบกระเทือนจนบอบช้ำได้
การตัดโค่นต้นไม้ทำลายป่าซึ่งเป็นสิ่งแวดล้อมของตน
จึงเป็นการทำลายเปลือกไข่ของตัวเองนั่นแหละ
เมื่อช่างเท็คนิกของพระเจ้า
พบว่าพิกัดใดตรงไหนที่มนุษย์ทำลายความสมดุลไป
จนภัยธรรมชาติกำลังจะเกิดขึ้นเพื่อสร้างสมดุลใหม่
ก็จะตัดสินใจเลือกพื้นที่ตรงพิกัดนั้นทำการชำระโลก
ด้วยภัยพิบัติทับซ้อนกับภัยธรรมชาติร่วมกันไปด้วย
ในแบบที่เรียกว่า #ภัยซ้อนภัย นั่นแหละ
แทนที่ฝนจะตกลงมาห่าเดียวจบก็จะตกลงมาหลายห่า
ฝนจะตกลงมาแทนที่จะเป็นหนึ่งวันหรือไม่กี่ชั่วโมง
ฝนก็จะตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตานานข้ามวันข้ามคืน
แทนที่ฝนจะตกธรรมดาก็จะเกิดฝนฟ้าคะนองร่วมด้วย
โดยฝนฟ้าคะนองนั้นจะมีฟ้าร้องเสียงดังจะมีฟ้าผ่าลงมา
ทำให้คนตายสัตว์ตายต้นไม้หักโค่นเพราะโดนฟ้าฟาด
ฝนจะตกลงมาเป็นก้อนหินคือเป็นลูกเห็บก้อนโตๆ
ที่ทำให้หลังคาทะลุกระจกรถแตกคนหัวแตกสัตว์ตาย
ล้วนเป็นภัยที่น่ากลัวและป้องกันตัวล่วงหน้าไม่ได้ด้วย
ยิ่งนับวันมนุษย์ทำลายโลกของตนเองหนักขึ้น
ยิ่งเสพติดกิเลสกันมากขึ้นแม้ทำบุญยังแฝงไว้ด้วยกิเลส
โดยขยันหมุนกันแต่กรรมจักรเป็นรายวันอย่างไร้สติ
ระบบโลกก็จะถูกทำลายให้เสียสมดุลมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะสิ่งแวดล้อมในมิติโลกทางกายภาพถูกทำลาย
ขณะที่พลังงานสะอาดที่โลกต้องการจากมนุษย์ลดลง
เพราะคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจและไม่รู้ว่าความรักคืออะไร
จึงไม่สามารถทำหน้าที่ร่วมมือกันหมุนธรรมจักรได้
เพราะมนุษย์โลกถูกหลอกให้เชื่อว่า
การปฏิบัติธรรมของคนชอบธรรมที่ถูกต้องก็คือ
ถือศีลสวดมนต์ทำบุญสุนทานร้องขอส่วนบุญที่ตนทำ
รวมทั้งปลีกวิเวกนั่งกรรมฐานอยากไปสวรรค์คนเดียว
ซึ่งแท้จริงแล้วการปฏิบัติธรรมของมนุษย์โลกทุกคนนั้น
คือการเรียนรู้ที่จะรักคนที่ทำตัวไม่น่ารักกับตนให้ได้
ให้อภัยแก่คนที่ทำตนไม่สมควรจะให้อภัยกันให้เป็น
โดยสอบผ่านบททดสอบของพวกเขาเหล่านั้นให้ได้
ไม่ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นคนกันเองหรือแปลกหน้า
คุณต้องยอมรับยอมปรับตัวและยอมร่วมโลกต่อให้ได้
โดยไม่ต่อสู้ไม่ตอบโต้ไม่ต่อต้านไม่เลิกคบกับพวกเขา
ที่สำคัญก็คือคุณต้องไม่เสียสมดุลทางอารมณ์ในจิตใจ
คือไม่โกรธเกลียดเคียดแค้นอาฆาตพยาบาทเด็ดขาด
เพื่อป้องกันไม่ให้ “ขันธ์ห้า” ในจิตหยาบของคุณนั้น
สั่นสะเทือนด้านลบจนผลิต #พลังงานกรรม ออกมา
พลังงานกรรมในมิติทางพลังงานมันคือ
#พลังงานขยะ
เป็นคลื่นพลังงานจิตที่มีคุณสมบัติกรรมบางสิ่งแฝงอยู่
เช่น มีเจ้าของที่เป็นผู้ผลิตสร้างมันออกมา
มีเรื่องราวและเงื่อนไขที่เป็นเหตุให้เกิดกรรมนั้นขึ้น
มีข้อมูลในการแสดงออกหรือตอบสนองเงื่อนไขนั้น
รวมทั้งมีผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้องของผู้กระทำขึ้นมาด้วย
มวลของพลังงานกรรมที่ขันธ์ห้าของคนๆนั้นผลิตขึ้น
จึงเป็นพลังงานไม่สะอาดซึ่งโลกจะใช้ประโยชน์ไม่ได้
ซึ่งการทำบุญสุนทานแล้วอธิษฐานขอสิ่งตอบแทน
ให้ตนให้เจ้ากรรมนายเวรหรือให้ใครทั้งชาตินี้ชาติหน้า
พลังงานที่ดีๆนั้นก็จะกลายเป็นพลังงานขยะไปเช่นกัน
โดยมวลของพลังงานที่พวกคุณเหวี่ยงมันออกมา
จะลอยติดค้างอยู่บนสนามแม่เหล็กโลกนั่นแหละ
เพื่อรอให้เจ้าของกลับมาเกิดใหม่เพื่อชดใช้หรือชำระ
ลักษณะ “กรรมใคร ใครกำ” ใครทำคนนั้นรับผิดชอบ
#หมายเหตุ:
อนุญาตให้แชร์ได้
เอเมน
สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
จิตจักรวาลสถานธรรม
ภูกระต่าย
อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์
1/10/2566
เพื่อยุวจิตจักรวาล ยุคสุดท้าย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
โดยแต่ละครั้งมีทั้งคนตายอาคารบ้านเรือนพังทลาย
ไร่นาป่าสวนและทรัพย์สินเสียหายไปจำนวนไม่น้อย
พวกคุณจงอย่าคิดว่ามันเป็น #ภัยธรรมชาติ เด็ดขาด
ภูเขาไฟระเบิด เกิดจากอุทกภัย น้ำป่าไหลหลาก
เกิดจากพายุหมุน ไฟป่า ภูเขาถล่ม แผ่นดินสไลด์
คลื่นอากาศร้อนเอลนินโญ่ คลื่นอากาศเย็นลานินญ่า
หิมะตกหนา ลูกเห็บตกหนักโดยตกผิดที่ตกผิดฤดูกาล
จึงเหมารวมว่ามันคือ “ภัยธรรมชาติ” ไปทั้งหมด
ถ้าเป็นภัยธรรมชาติมันจะไม่เกิดซ้ำในที่เดิมกรณีเดิม
เพราะมันจะเกิดขึ้นจำเพาะที่ซึ่งเสียสมดุลไปเท่านั้น
โดยการเสียสมดุลจำเพาะที่นี้จะเกิดจากน้ำมือมนุษย์
เป็นผู้ก่อกรรมทำผิดกันขึ้นมาเองเท่านั้น
เข้าท่วมหมู่บ้านย่านเมืองอย่างฉับพลันไม่ทันตั้งตัว
ทำให้คนตายสัตว์ตายบ้านเรือนเสียหายจำนวนมาก
เนื่องจากฝนตกบนภูเขาแล้วไหลลงมาอย่างรวดเร็ว
เพราะต้นไม้ใหญ่ในป่าบนภูเขาถูกตัดโค่นจนเตียนโล่ง
จึงไม่มีต้นไม้และรากไม้คอยชะลอความแรงเร็วของน้ำ
หรือคอยช่วยซับอุ้มน้ำเอาไว้ให้มันไหลลงมาช้าๆ
ตามที่พระเจ้าทรงออกแบบกำหนดเอาไว้ให้สมดุลแล้ว
ล้วนเกิดจากฝีมือมนุษย์ที่ตัดโค่นต้นไม้ทำลายป่า
อันเป็นการทำลายระบบของตัวเองอย่างไร้สำนึก
จนธรรมชาติวิบัติจึงมีการเอาคืนตามกฎธรรมชาติ
โดยมนุษย์ไม่รู้ว่าสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติของตนนั้น
ถ้าถูกทำลายมันก็คือการทำลายระบบของตนเอง
เพราะสิ่งแวดล้อมในธรรมชาติไม่ต่างจากเปลือกไข่
ที่จะคอยห่อหุ้มปกป้องไข่แดงและไข่ขาวข้างในไว้
ไม่ให้เน่าเสียไม่ให้กระทบกระเทือนจนบอบช้ำได้
การตัดโค่นต้นไม้ทำลายป่าซึ่งเป็นสิ่งแวดล้อมของตน
จึงเป็นการทำลายเปลือกไข่ของตัวเองนั่นแหละ
พบว่าพิกัดใดตรงไหนที่มนุษย์ทำลายความสมดุลไป
จนภัยธรรมชาติกำลังจะเกิดขึ้นเพื่อสร้างสมดุลใหม่
ก็จะตัดสินใจเลือกพื้นที่ตรงพิกัดนั้นทำการชำระโลก
ด้วยภัยพิบัติทับซ้อนกับภัยธรรมชาติร่วมกันไปด้วย
ในแบบที่เรียกว่า #ภัยซ้อนภัย นั่นแหละ
ฝนจะตกลงมาแทนที่จะเป็นหนึ่งวันหรือไม่กี่ชั่วโมง
ฝนก็จะตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตานานข้ามวันข้ามคืน
แทนที่ฝนจะตกธรรมดาก็จะเกิดฝนฟ้าคะนองร่วมด้วย
โดยฝนฟ้าคะนองนั้นจะมีฟ้าร้องเสียงดังจะมีฟ้าผ่าลงมา
ทำให้คนตายสัตว์ตายต้นไม้หักโค่นเพราะโดนฟ้าฟาด
ฝนจะตกลงมาเป็นก้อนหินคือเป็นลูกเห็บก้อนโตๆ
ที่ทำให้หลังคาทะลุกระจกรถแตกคนหัวแตกสัตว์ตาย
ล้วนเป็นภัยที่น่ากลัวและป้องกันตัวล่วงหน้าไม่ได้ด้วย
ยิ่งเสพติดกิเลสกันมากขึ้นแม้ทำบุญยังแฝงไว้ด้วยกิเลส
โดยขยันหมุนกันแต่กรรมจักรเป็นรายวันอย่างไร้สติ
ระบบโลกก็จะถูกทำลายให้เสียสมดุลมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะสิ่งแวดล้อมในมิติโลกทางกายภาพถูกทำลาย
ขณะที่พลังงานสะอาดที่โลกต้องการจากมนุษย์ลดลง
เพราะคนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจและไม่รู้ว่าความรักคืออะไร
จึงไม่สามารถทำหน้าที่ร่วมมือกันหมุนธรรมจักรได้
การปฏิบัติธรรมของคนชอบธรรมที่ถูกต้องก็คือ
ถือศีลสวดมนต์ทำบุญสุนทานร้องขอส่วนบุญที่ตนทำ
รวมทั้งปลีกวิเวกนั่งกรรมฐานอยากไปสวรรค์คนเดียว
ซึ่งแท้จริงแล้วการปฏิบัติธรรมของมนุษย์โลกทุกคนนั้น
คือการเรียนรู้ที่จะรักคนที่ทำตัวไม่น่ารักกับตนให้ได้
ให้อภัยแก่คนที่ทำตนไม่สมควรจะให้อภัยกันให้เป็น
โดยสอบผ่านบททดสอบของพวกเขาเหล่านั้นให้ได้
ไม่ว่าพวกเขาเหล่านั้นจะเป็นคนกันเองหรือแปลกหน้า
คุณต้องยอมรับยอมปรับตัวและยอมร่วมโลกต่อให้ได้
โดยไม่ต่อสู้ไม่ตอบโต้ไม่ต่อต้านไม่เลิกคบกับพวกเขา
คือไม่โกรธเกลียดเคียดแค้นอาฆาตพยาบาทเด็ดขาด
เพื่อป้องกันไม่ให้ “ขันธ์ห้า” ในจิตหยาบของคุณนั้น
สั่นสะเทือนด้านลบจนผลิต #พลังงานกรรม ออกมา
เช่น มีเจ้าของที่เป็นผู้ผลิตสร้างมันออกมา
มีเรื่องราวและเงื่อนไขที่เป็นเหตุให้เกิดกรรมนั้นขึ้น
มีข้อมูลในการแสดงออกหรือตอบสนองเงื่อนไขนั้น
รวมทั้งมีผลลัพธ์ที่ไม่ถูกต้องของผู้กระทำขึ้นมาด้วย
จึงเป็นพลังงานไม่สะอาดซึ่งโลกจะใช้ประโยชน์ไม่ได้
ซึ่งการทำบุญสุนทานแล้วอธิษฐานขอสิ่งตอบแทน
ให้ตนให้เจ้ากรรมนายเวรหรือให้ใครทั้งชาตินี้ชาติหน้า
พลังงานที่ดีๆนั้นก็จะกลายเป็นพลังงานขยะไปเช่นกัน
โดยมวลของพลังงานที่พวกคุณเหวี่ยงมันออกมา
จะลอยติดค้างอยู่บนสนามแม่เหล็กโลกนั่นแหละ
เพื่อรอให้เจ้าของกลับมาเกิดใหม่เพื่อชดใช้หรือชำระ
ลักษณะ “กรรมใคร ใครกำ” ใครทำคนนั้นรับผิดชอบ
อนุญาตให้แชร์ได้
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์
1/10/2566