04 ตุลาคม 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 4/10/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

การที่กุมารน้อยเพศชายคนหนึ่งอายุแค่ 14 ขวบ

ก่อเหตุระทึกขวัญในห้างใหญ่ใจกลางกรุงเทพฯ

โดยใช้อาวุธปืนสั้นลั่นไกใส่นักท่องเที่ยวนักช้อปปิ้ง

จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บสี่ห้ารายตามข่าวนั้น

ขอแสดงความเสียใจต่อญาติผู้เสียชีวิต ณ ที่นี้ด้วย

ขอให้จิตวิญญาณของผู้รับเคราะห์จงไปสู่สุคติเถิด

 

บุคคลแรกที่พวกคุณจะต้องพิจารณาก็คือ

กุมารน้อยวัยสิบสี่ผู้ที่แสดงบทบาทของอาชญากร

ซึ่งพกพาอาวุธสงครามสวมกางเกงลายพราง

สวมหมวกแก้ปแบบนักสู้นักรบกับรองเท้าหนัง

คาดเข็มขัดที่ใช้สำหรับเหน็บอาวุธประจำกาย

แทนการสวมใส่ชุดนักเรียนแล้วสะพายเป้ใส่ตำรา

โดยมีปากกาดินสอเครื่องคิดเลขเป็นอาวุธประจำกาย

ออกมาไล่ล่าฆ่าคนอยู่กลางเมืองได้อย่างไร?

 

ในทางสังคมนั้น

จะต้องมีคำถามที่จะนำไปสู่คำตอบให้ได้ว่า

 

1.เด็กนักเรียนอายุแค่ 14 ขวบคนก่อเหตุระทึกขวัญนี้

เอาเงินจำนวนตั้งหลายพันบาทมาจากไหน?

เป็นแค่เยาวชนที่ยังไม่มีอาชีพยังไม่มีรายได้อะไรเลย

นอกจากแบมือขอพ่อแม่ผู้ปกครองเท่านั้น

 

คำตอบคือ

เด็กรายนี้เป็นนักเรียนของโรงเรียนชื่อดัง

ต้องจ่ายค่าเทอมหลักแสนซึ่งเหมาะกับลูกคนรวย

ลูกของคนจนๆหมดสิทธิ์เข้าเรียนที่นี่แน่นอน

แสดงว่าพ่อแม่ของเด็กคนร้ายรายนี้ต้องมีฐานะดี

มีเงินมีทองพอสมควรนั่นแหละจึงซัพพอร์ทลูกได้

 

ดังนั้น

จำนวนเงินร่วมหมื่นบาทที่เด็กเอาไปซื้ออาวุธปืน

พร้อมเครื่องกระสุนกับชุดที่ใช้แสดงบทอาชญากร

จะต้องได้มาจากเงินของพ่อแม่ผู้ปกครองนั่นเอง

จะลักหรือยักยอกพ่อแม่มาหรืออดออมเอาเองไว้

ก็เป็นได้ทั้งนั้นจะขอพ่อแม่ตรงๆไปซื้อนั้นไม่ใช่แน่

 

นี่แสดงว่าพ่อแม่ผู้ปกครอง “อาจ” ให้เงินลูกใช้

แบบ “จ้างให้ลูกเรียน” โดยใช้เงินทุ่มเทให้กับลูก

เพื่อแลกกับการไปโรงเรียนชั้นดีเพื่อเรียนให้เก่งๆ

แล้วถือเอาเกรดดีๆมาฝากพ่อแม่ผู้ปกครองให้จงได้

 

เพราะพ่อแม่อาจมีเจตนาดี

คืออยากให้ลูกเก่งเรียนเหมือนกับพ่อแม่ที่เก่งเรียน

หรือพ่อแม่มี “ปมด้อย” เพราะเรียนไม่เก่งไม่เอาไหน

จึงต้องการจะปั้นลูกให้เก่งทดแทนปมด้อยตนก็ได้

 

2.ซื้ออาวุธปืนมาจากใคร? ซื้อจากแหล่งไหนมา?

ใครให้ปืนกับกระสุนมาหรือว่าลักขโมยมาจากใคร?

ทั้งๆที่อาวุธปืนเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายมีโทษหนัก

ใครจะซื้อหาหรือนำมาไว้ครอบครองไม่ใช่เรื่องง่าย

แต่เด็กกลับมีไว้ใช้และพกพาออกมาจากบ้านอีกด้วย

 

คำตอบง่ายๆไม่ต้องคิดมาก

หากคุณลองคลิกเข้าไปดูในกูเกิ้ลก็จะพบว่า

อาวุธปืนอาวุธสงครามนั้นหาซื้อได้ไม่ยากเย็นอะไร

จะเอาปืนแบบไหนยี่ห้ออะไรพร้อมกระสุนมีครบหมด

แถมวันดีคืนดีที่มีเลขเบิ้ลยังจัดส่วนลดให้อีกต่างหาก

คนทั่วไปที่จัดหาอาวุธปืนสงครามเอาไว้ใช้ป้องกันตัว

ป้องกันทรัพย์สินในแบบที่ผิดกฎหมายจึงมีมากมาย

เพราะมั่นใจกว่าจะพึ่งพาเจ้าหน้าที่บ้านเมืองกระมัง

 

เมื่อคนดีๆที่รักชีวิตห่วงทรัพย์สิน

สามารถจัดซื้อจัดหาอาวุธกันได้ง่ายๆแบบนี้

พวกคนที่เป็นผู้ร้ายมันก็ซื้อหามาง่ายได้เช่นเดียวกัน

แต่ก่อนนั้นปืนเถื่อนจะเป็นปืนแบบไทยประดิษฐ์เอง

ทุกวันนี้จะเป็นปืนที่ผลิตจาก ตปท.จริงๆแทนแล้ว

เมื่อเจ้าหน้าที่ผู้ใช้กฎหมายทำตนหย่อนยาน

โจรผู้ร้ายอาชญากรทั้งหลายจึงใช้อาวุธกันมากขึ้น

ขัดเคืองขุ่นใจกันนิดหน่อยไม่ชกต่อยกันแล้ว

ก็คว้ามีดถือปืนมาไล่ฆ่าไล่ยิงกันสนั่นจอข่าวทีวีเลย

 

3.เด็กเรียนรู้วิธีการยิงปืนหรือฝึกการใช้ปืนมาจากไหน?

ทำไมจึงเลือกใช้ปืนสั้นแบบปืนกล้อกไม่ใช้แบบลูกโม่

ความรู้เรื่องการใช้อาวุธปืนนี้เด็กรู้มาจากไหนใครฝึกให้

 

คำตอบคือเด็กได้ความรู้จาก “ครูกูเกิ้ล”

เพียงแค่มีเงินซื้อโทรศัพท์มือถือไปเดินเล่นตามห้าง

ก็ใช้ Wifi ฟรีที่ห้างเขาปล่อยให้ลูกค้าใช้กันได้แล้ว

เงินค่าโทรศัพท์ก็ได้จากพ่อแม่ผู้ปกครองอีกแหละ

 

นี่แสดงว่า

พ่อแม่ผู้ปกครองและครูอาจารย์ของเด็ก

ไม่ใส่ใจในการสร้างจิตสามนึกในการใช้โซเชี่ยล

เพื่อการเรียนรู้ให้เกิดประโยชน์กับวัยเรียนบ้างเลย

 

นอกจากนั้น

ลูกอยากได้โทรศัพท์รุ่นไหนอยากจะได้อะไร

ก็ซื้อหาให้จ่ายเงินให้สนองความต้องการของลูก

ยิ่งพ่อแม่ที่พอจะมีฐานะกับเขาอยู่บ้าง

เพราะคาดหวังให้ลูกเป็นเด็กดีที่ตั้งใจเรียนเท่านั้น

ยิ่งพ่อแม่ประเภทพวก “บ้าเกรด” จะยิ่งตามใจลูก

Spoil ลูกของตนจนเสียนิสัยโดยไม่ฉุกคิดอะไรเลย

เพราะอยากให้ลูกเป็น “ฮีโร่ (Hero)” แทนตนเอง

เพื่อลบปมด้อยของตน

 

เด็กของพ่อแม่จำพวกนี้

จะกลายเป็นคนก้าวร้าวเอาแต่ใจตัวเอง

เพราะถูกพ่อแม่ยอมตามใจเสียจนเคยตัว

เนื่องจากเรียนรู้อยู่ด้านเดียวคือได้กับได้

ไม่เคยชินกับคำว่า “ไม่ได้” เพราะถูกปฏิสเธ

ไม่เคยเรียนรู้ความผิดหวังหรือความไม่สมหวัง

จนกลายเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ที่อ่อนแออ่อนไหวง่าย

ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมที่วุ่นวายร่วมกับคนอื่นๆไม่ได้

กลายเป็นเด็กเก็บกดก้าวร้าวไร้สติไปในที่สุด

เพราะอารมณ์ฝ่ายต่ำพาไปหรือเจ้าอารณ์นั่นเอง

 

4.สาเหตุที่ทำให้เด็กวัยสิบสี่รายนี้

ต้องเป็นอาชญากรฆ่าคนตายเพราะอะไรกันแน่?

 

คำตอบเบื้องต้นก็คือ #พ่อแม่รังแกฉัน

โดยมีหลายสาเหตุด้วยกันก็คือ

 

#ประการที่หนึ่ง

ตอนแรกๆเด็กจะถูกเลี้ยงดูแบบ “ตามใจลูก”

จะเอาอะไรพ่อแม่ยอมหยิบยื่นให้ทุกอย่าง

 

#ประการที่สอง

เด็กจะถูก “กดดัน” ให้เรียนหนังสือให้เก่งๆ

โดยถูกกดดันให้ขยันเพราะพ่อแม่คาดหวังลูกไว้สูง

พ่อแม่ผู้ปกครองใช้วิธี “บังคับ” ให้เด็กเรียน

บังคับให้ขยันทำการบ้านขยันอ่านหนังสือ

บังคับให้ลูกใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันนั้น

ไปกับการเรียนและการกวดวิชาถึงวันละสี่ห้าชั่วโมง

ขณะที่เด็ก “ไม่อยากเรียน” อยากเล่นเกมมากกว่า

 

พอลับหลังพ่อแม่แม้จะไปโรงเรียน

ลูกจะรู้สึกว่าตน “มีโลกส่วนตัว” ที่อิสระเสรีมากกว่า

ยิ่งถ้าพ่อแม่ตามใจลูกปล่อยให้ลูกไปโรงเรียนกินนอน

หรือให้แยกบ้านออกไปอยู่เองตามหอพัก

ซึ่งอยู่ห่างไกลสายตาของพ่อแม่ด้วยแล้ว

เด็กที่ยังขาดวุฒิภาวะในการที่จะดูแลตัวเองเช่นนี้

อาจไประบายความเก็บกดของตนเองในทางสังคมได้

 

จากการถูกบังคับถูกกดดันโดยพ่อแม่ครูผู้ปกครอง

ที่ร่วมกันกระทำต่อเด็กโดยมีคำว่า “รัก” เป็นข้ออ้าง

เด็กก็อาจเลือกที่จะเล่นปืนสะสมอาวุธสงคราม

เลือกที่จะทำตัวเป็นเด็กก้าวร้าวเมื่อตนมีโอกาส

ถ้าเด็กไม่มีทางออกเพราะประตูแห่งโอกาสนั้นถูกปิด

เด็กคนนั้นก็จะกลายเป็นผู้ที่มีปัญหาทางจิตไปในที่สุด

 

ความอยากเป็นผู้ชนะจากการถูกกดดันจนเก็บกด

ทำให้เด็กที่ติดเกมหันไประบายออกในการเล่นเกม

โดยจะเลือกเกมโหดๆที่ต้องล่าต้องฆ่าต้องทำลาย

เป็นเครื่องมือระบายความเครียดจากการถูกกดดัน

เพื่อสนองความต้องการมีอำนาจเหนือเป็นการทดแทน

โดยใช้เกมมือถือในโลกมายามาชดเชยโลกที่แท้จริง

 

บทเรียนบทนี้สอนให้พ่อแม่ครูผู้ปกครองทุกคนรู้ว่า

 

1.จงอย่าสร้างความกดดันทางจิตให้เด็กแบบมักง่าย

ด้วยการบังคับขับเข็ญให้เด็กทำในสิ่งที่ผู้ใหญ่รัก

แต่ต้องสอนให้เด็กรักในสิ่งที่ผู้ใหญ่อยากให้เขาทำ

 

2.พ่อแม่ต้องไม่ใช้ลูกเป็นเครื่องมือหรือตัวแทนตน

เพื่อเติมเต็มสิ่งที่ตนเองขาดไว้ในตัวลูกให้เขาเป็นฮีโร่

เช่นพ่อแม่อยากเป็นหมอเป็นวิศวะหรือเป็นอะไรก็ตาม

แต่พ่อแม่ก็ไม่อาจประสบความสำเร็จตามต้องการได้

จึงเพียรพยายามจะจับจะปล้ำลูกของตนให้เป็นแทน

โดยที่ลูกของตนไม่ถนัดหรือไม่ชอบแต่ชอบอย่างอื่น

 

พ่อแม่จึงควรให้ลูกเลือกเรียนตามถนัด

ใช้วิธีบอกลูกให้เข้าใจว่าเรียนอะไรดีอย่างไร

ให้เขาตัดสินใจเลือกที่จะเรียนเลือกที่จะเป็นของเขาเอง

โดยพ่อแม่ทำตัวเป็นที่ปรึกษาของลูกเท่านั้นพอ

 

3.จงอย่าสปอยลูกไปเสียทุกเรื่อง

ให้เขารู้จักอดเปรี้ยวไว้กินหวานเอาไว้บ้าง

สอนให้ลูกรู้จักฉลาดรอคอยอย่างมีความหวังบ้าง

ให้เขารู้จักใช้ปัญญาแก้ปัญหาชีวิตด้วยตัวเองบ้าง

เพราะปัญหาเป็นบ่อเกิดแห่งปัญญายิ่งแก้ยิ่งฉลาด

 

จงอย่ากลัวว่าลูกจะลำบากหรือแก้ปัญหานั้นๆไม่ได้

ลูกโตแล้วสามารถกินป้อนเคี้ยวถ่ายเองได้

ลูกโตพอที่จะหยัดยืนก้าวย่างด้วยสองขาของตนได้

ลูกโตพอที่จะล้มแล้วลุกขึ้นเองอีกสักกี่ครั้งก็ยังไหว

 

พ่อแม่จงอย่ารังแกลูกของตัวเองให้มันมากเกินไป

เพราะพ่อแม่ที่ทำให้ลูกป่วยทางจิตนั้น

ตนเองก็อาจเป็นคนป่วยที่ทำให้ลูกป่วยตามก็เป็นได้

 

4.จงสร้างจิตสามนึกแห่งรักให้ลูก

สอนให้ลูกรู้จักความรักของพ่อแม่ในแบบที่ถูกต้อง

นั่นคือรักเพื่อที่จะให้สิ่งดีๆแก่ลูกมิใช่รักเพื่อเอา

 

#รักเพื่อเอา ในที่นี้เราหมายถึง

การที่พ่อแม่บังคับฝืนใจลูกให้รับในสิ่งที่ตนจะให้

บังคับฝืนใจลูกให้ทำในสิ่งที่ตนอยากให้ลูกทำ

โดยที่ลูกไม่อยากได้หรือลูกไม่อยากจะทำ

 

5.จงอย่าใช้เกรดการเรียนเป็นสิ่งแลกเปลี่ยน

เพราะการเรียนเก่งจำเก่งท่องเก่งเพราะขยันอ่านนั้น

มันเป็นแค่ “ภูมิรู้” คือ ชี้วัดว่าเด็กเป็นผู้รู้มากเท่านั้น

 

พ่อแม่ต้องรู้ว่า

ประเภทความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอดนั้นมีเยอะ

เพราะบ้าเรียนบ้าอ่านบ้าท่องจำเป็นหนอนตำรา

มีดีกรีการศึกษาต่อท้ายเสียยาวเหยียด

แต่กลับไม่ฉลาดทางจิตและไม่ฉลาดใช้ปัญญา

 

คำว่า “ความฉลาดทางจิต” หมายถึงมีภูมิธรรมสูง

คำว่า “ความฉลาดทางปัญญา” คือฉลาดใช้สมอง

อันหมายถึงมีภูมิปัญญาสูงพอตัวนั่นเอง

 

ดังนั้น

พ่อแม่ที่รักลูกอยากสร้างลูกไม่ให้เป็นภาระสังคม

ถ้าจะสร้างลูกให้เป็นอนาคตของครอบครัวแล้ว

ต้องสร้างลูกให้มีคุณภาพก็คือ

สร้างลูกให้มีภูมิรู้ ภูมิธรรมและภูมิปัญญาให้จงได้

โดยห้ามใช้วิชามารคือกดดันข่มขู่หรือบังคับเด็ดขาด

เพราะลูกของคุณเป็น “คนสองมิติ” มีหน้าที่ต้องคน

เพื่อทำให้ตนเองเป็น #มนุษย์ ให้จงได้

ลูกคุณไม่ใช่สัตว์เลี้ยงแบบหมาๆแมวๆหรอกนะ

 

หมายเหตุ:

ถ้าเห็นว่าบทนี้มีประโยชน์ต่อผู้อื่น

เราอนุญาตให้แชร์เพื่อแบ่งปันได้

 

เอเมน สาธุ

ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล

โดย #ปัญญาวิสุทธิ์

4/10/2566