09 ตุลาคม 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 9/10/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
ในบทที่ผ่านมา
เราได้กล่าวความจริงให้พวกคุณกระจ่างกันแล้วว่า
จิตปัจจุบันที่ใช้กันอยู่ทั้งวันคืนนั้น คือ
 #จิตหยาบ
ซึ่งเป็นกลุ่มพลังงาน 189 กลุ่มที่ถูกมอบหมายให้
ทำหน้าที่แทน
 #จิตวิญญาณ คือตัวของคุณเอง
เมื่อรับโอกาสให้เกิดเป็น
 “คนสองมิติ” ในชาตินั้นๆ
จิตปัจจุบันจึงไม่ใช่จิตวิญญาณที่เป็นตัวคุณเองเลย
 
แต่จิตปัจจุบันหรือจิตหยาบของพวกคุณ
จะเริ่มตั้งแต่มิติที่ศูนย์เมื่อแรกปฏิสนธิในครรภ์มารดา
เมื่อจิตวิญญาณของคุณเองร่วมกับมารดาบิดารักกัน
จึงช่วยกันยกระดับแรงสั่นสะเทือนของกลุ่มพลังงานนี้
ให้มีความสมดุลขึ้นจากมิติที่ศูนย์จนถึงมิติที่
 4D ได้
ตัวชี้วัดคือจากเลือดในท้องแม่แค่หยดเดียวเท่านั้น
ตัวคุณก็จะมีกายหยาบหรือมีกายสังขารเป็นทารกขึ้น
เพราะการเป็น
 4 มิติก็คือ มีกว้าง-ยาว-หนาและสูง
 
เมื่อคลอดแล้วทั้งจิตวิญญาณแก่นแท้ของคุณเอง
กับมารดาและบิดาของคุณยังมีหน้าที่ต้องรักกันต่อไป
คราวนี้ทั้งบุคคลใกล้ตัวอันหมายถึงพ่อแม่พี่เลี้ยง
กับคนรอบข้างทุกๆคนในทุกๆที่ซึ่งตัวคุณดำรงอยู่
ต่างจะต้องร่วมกันหยิบยื่นความรักอันบริสุทธิ์ให้คุณ
โดยคุณมีความน่ารักน่าเอ็นดูน่าอุ้มเป็นสิ่งตอบแทน
เพื่อหมุนธรรมจักรร่วมกันอย่างต่อเนื่องไว้ตลอดเวลา
เป้าหมายคือทำให้สมการพลังงานร่วม
 
βₓ ศักดิ์สิทธิ์
 
เราหวังว่าคุณคงจำกันได้ดีอยู่ว่า
βₓ เป็นพลังงานที่ทำให้เกิดพายุแม่เหล็กด้านบวก
ที่หมุนวนเป็นรูปกรวยคว่ำเหนือศีรษะของคน
 X คน
โดย
 “เอ็กซ์” ต้องมีอย่างน้อยสามคนคือพ่อแม่ลูก
ซึ่งมีคนรอบข้างคนอื่นๆใครก็ได้ที่ผ่านเข้ามาในกลุ่ม
แล้วยื่นความเมตตาแลกกับความรู้สึกน่าเอ็นดูมาให้
เป็นจำนวนเติมเพิ่มของตัวเอ็กซ์ที่เป็นตัวแปรที่ว่านี้
 
ดังนั้น
หลังคลอดมาเป็นทารกน้อยจนโตเป็นกุมารน้อยแล้ว
ตัวคุณจะต้อง
 “ขายความน่ารักน่าเอ็นดู” กับทุกคน
ทั้งคนในบ้านในครอบครัวและคนข้างบ้านทุกคนด้วย
มันง่ายมากเลยเพราะพระเจ้าทรงประทานความน่ารัก
ให้แก่ทารกน้อยกุมารน้อยคือตัวคุณมาตั้งแต่แรกแล้ว
แม้พ่อแม่ของคุณจะแลดู
 “ขี้เหร่” ไม่เท่ห์ไม่สวยอะไร
ตัวกุมารน้อยเช่นคุณจะมีขี้มูกขี้ตาจะมอมแมมอย่างไร
คนข้างบ้านหรือทุกคนที่พบเห็นจะรักและเอ็นดูเสมอ
 
ยิ่งตัวคุณเติบโตเปลี่ยนวัยเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว
ความน่ารักน่าเอ็นดูแบบไร้เดียงสาจะค่อยๆหายไป
จึงต้องใช้คุณสมบัติใหม่ที่ได้จากจิตหยาบของตน
หมุนธรรมจักรด้วยการคนเพื่อเป็นมนุษย์ให้ได้
โดยเปลี่ยนจากน่ารักน่าเอ็นดูของมายารูปลักษณ์
เป็นพฤติกรรมภายนอกที่เรียกว่ากายกรรมวจีกรรม
เพื่อสร้างบุคลิกภาพให้โดดเด่นเป็นเสน่ห์แทน
 
ซึ่งเรื่องนี้คุณจะทำได้สำเร็จก็ต่อเมื่อ
คุณจะต้องเป็นผู้เริ่มต้นสั่นสะเทือนในตนเอง
ให้เกิดเป็น
 “รักเพื่อให้” แก่คนรอบข้างให้ได้ก่อน
หมายถึงคุณต้องทำตนเองให้คนอื่นรักคุณก่อน
ด้วยการทำตนให้เป็นคนน่ารักน่าคบหาน่าชื่นชม
แทนการขายความน่ารักน่าเอ็นดูไร้เดียงสาแต่เดิม
เพราะคุณโตจนสังขารถูกปรุงแต่งด้วยผลกรรมแล้ว
สิ่งที่เป็นบุคลิกภาพซึ่งจะทำให้คุณขายได้ก็คือ
การเป็นคนที่มี
 #จิตสามนึกแห่งการเป็นมนุษย์
เพราะคำว่า “มนุษย์” หมายถึงเป็นผู้ที่มีจิตใจสูง
คนมีจิตใจสูงหมายถึงคนที่รู้จักรักรู้จักการให้อภัย
คนมีจิตใจสูงคือใช้ปัญญาแทนกิเลสตัณหาได้
ทั้งหมดนี้คือคุณสมบัติของคนที่เป็นมนุษย์นั่นแหละ
 
พระเจ้าทรงออกแบบให้พวกคุณเป็นสัตว์สังคม
เป็นสิ่งมีชีวิตที่ต้องมีครอบครัวต้องมีสังคมหรือฝูง
คุณจะทิ้งครอบครัวเข้าป่าเข้าถ้ำขึ้นเขาปลีกวิเวก
เพื่อการปฏิบัติธรรมแบบหวังไปสวรรค์คนเดียวมิได้
เพราะตัวคนเดียวจิตหยาบกลุ่มเดียวรูปธรรมเดียว
มันไม่ครบองค์ประกอบที่จะแทนค่าตัวแปรคือ (
X)
ซึ่งอย่างน้อยต้องให้เป็นจำนวน 3 คนขึ้นไปได้
หากพวกคุณทำสำเร็จคือรักกันและกันได้
สมการ
 
βₓ
 จึงจะศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาทันที
โดยความศักดิ์สิทธิ์ที่ว่านี้จะได้จาก
อำนาจของพลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่สะอาดบริสุทธิ์
ซึ่งพวกคุณร่วมกันผลิตขึ้นมาด้วยความรักเพื่อให้
โดยใช้จิตหยาบสั่นสะเทือนเป็นขันธ์ห้านั่นเอง
 
พลังงานไฟฟ้าแม่เหล็กที่เกิดขึ้น
นอกจาก
 1% จะถูกแบ่งไปใช้ทำให้โลกหมุน
เพื่อสร้างและค้ำจุนสมดุลโลกให้มั่นคงยั่งยืนแล้ว
ส่วนพลังงานสะอาดที่เหลือทั้งหมดร่วม
 99%
พวกคุณที่ร่วมกันหมุนธรรมจักรกันอยู่ ณ ที่แห่งนั้น
รวมทั้งใครก็ได้ที่อาศัยอยู่บนพิกัด
 33.33 ตร.กม.
ซึ่งพวกคุณร่วมกันหมุนธรรมจักรกันอยู่ในขณะนั้น
ต่างจะได้รับอิทธิพลของ
 #พายุหมุนแห่งธรรมจักร
ที่จะช่วยยกระดับแรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบ
ให้มีความสมดุลเพิ่มโดยมีมิติสูงขึ้นจากเดิมได้ด้วย
ซึ่งประเด็นนี้เป็นความต้องการทางจิตวิญญาณ
ที่ต่างโหยหากันมาตลอดแต่ถูกปิดบังไว้ตลอดมา
 
เพราะถ้าใน 6 หมื่นปีโลกเมื่อสิ้นยุคพลังงานเก่าแล้ว
ใครที่ยกระดับจิตหยาบเข้าถึงมิติที่หกคือ
 6D มิได้
คนผู้นั้นก็จะไม่อาจ
 “หลุดพ้น” ออกไปจากเอกภพ
เพื่อเดินทางกลับบ้านแดนสุญตาที่ตนจากมาได้เลย
ผู้ที่ยกระดับจิตหยาบเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณ
จนสำเร็จได้แล้วเท่านั้นจึงจะมีพลังอำนาจมากพอ
เหมือนนกที่มีสองปีกแข็งแรงจึงจะบินกลับรังได้
(ยังมีตอนต่อไป)
 
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย
 #ปัญญาวิสุทธิ์
9/10/2566