31 ตุลาคม 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 31/10/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
วิธีที่มารพวกจิตวิญญาณผีโสโครกทำต่อมนุษย์
ซึ่งเป็นวิธีที่
 4 ก็คือ #ดึงให้เขว
 
4.ดึงให้เขว
แปลความคล้ายกับคำว่า
 “ชักใบให้เรือเสีย”
ก็คือการทำให้ใบเรือที่กางออกนั้นไม่รับลมไม่กินลม
ทำให้เรือไม่สามารถแล่นต่อได้คล้ายดั่ง
 “เรือเสีย”
หรือชักใบให้ด้านข้างขวางทางลมจนทำให้เรือพลิก
เพราะ
 “เสียสมดุล” อาจถึงขั้นเรือล้มล่มลงจมน้ำก็ได้
 
ตัวอย่างเช่น
ให้คนนำทางตาบอดที่เป็นกรรมกรแสงรุ่นเดอะ
ซึ่งชาวบ้านทั่วไปให้การยอมรับศรัทธาและเชื่อตาม
เผยแพร่คำสอนว่าพระศาสดาตรัสรู้เรื่อง
 #อริยสัจสี่
จนทำให้ชาวบ้านที่เป็นคนชอบธรรมเข้าใจผิดกันว่า
เรื่อง
 “อริยสัจสี่” เป็นสัจธรรมชั้นสูงที่สำคัญยิ่งยวด
เพราะเป็นองค์ธรรมที่พระศาสดาท่านได้ตรัสรู้เอาไว้
แสดงว่าสัจธรรมบทนี้นั้นสำคัญสำหรับมนุษย์ที่สุด
ชาวบ้านจึงพากันใส่ใจสัจธรรมเรื่องนี้กันเป็นอันมาก
 
โดยที่ความจริงแล้ว
อริยสัจสี่ คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธและมรรคนั้น
พระองค์ใช้สติปัญญาของสมองซีกซ้ายที่มนุษย์มีอยู่
ทำการคิดวิเคราะห์ด้วยหลักคิดแบบ
 #อิทัปปัจจยตา
คือหลักแห่งเหตุและผลธรรมดาสามัญเท่านั้นเอง
มิได้ใช้ความคิดพิสดารกว่ามนุษย์ทั่วไปแต่อย่างใด
 
เมื่อแรกพบว่าความวุ่นวายและความขัดข้องนั้น
ล้วนเกิดจากอุปสรรคและปัญหาในการดำเนินชีวิต
ทำให้ภารกิจการงานในการดำเนินชีวิตติดขัดคับข้อง
ซึ่งความติดขัดคับข้องนี่แหละเป็นที่มาแห่งทุกข์
จะทุกข์หนักทุกข์น้อยขึ้นอยู่กับว่าปัญหาดังกล่าวนั้น
เป็นปัญหาใหญ่มากหรือว่าเป็นแค่ปัญหาเล็กๆน้อยๆ
หากตราบใดที่ปัญหานั้นๆยังคงคาราคาซังอยู่แล้ว
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นอยู่นั้นมันก็จะกลายเป็นทุกข์หนัก
จากทุกข์หนักแล้วยังอาจจะต้องทุกข์นานอีกด้วย
 
พระองค์จึงทรงค้นพบความจริงว่า
วิธีจัดการปัญหาน้อยใหญ่หรือปัญหาเชิงซ้อนเชิงเดี่ยว
ที่เผชิญกันในชีวิตประจำวันจนสั่นสะเทือนให้เกิดทุกข์
จะต้องมีขั้นตอนในการจัดการกับปัญหาให้สิ้นทุกข์ดังนี้
 
1.จะต้องพิจารณาว่าความทุกข์ที่เกิดขึ้นนั้น
มาจากเหตุซึ่งเป็นตัวปัญหาที่แท้จริงนั้นคืออะไรบ้าง
ปัญหาที่กำลังเผชิญอยู่นั้นมีกี่ปัญหาคืออะไรอย่างไร
 
ศัตรูมนุษย์เลือกใช้คำว่า #ทุกข์ แทนคำว่า #ปัญหา
เพราะต้องการทำให้มนุษย์เข้าใจไขว้เขวสับสนไป
โดยหลอกให้ไปจับเอาความทุกข์มาเป็นตัวประกัน
เพื่อให้พวกคุณ
 “เพ่งทุกข์” ซึ่งเป็นอาการของจิตหยาบ
แทนการเพ่งพิจารณาที่ปัญหาซึ่งตนกำลังเผชิญอยู่
ทั้งๆที่การเพ่งทุกข์จะทำให้เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์
สู้ใช้เวลาไปกับการเพ่งปัญหาที่เป็นเหตุให้ทุกข์ไม่ได้
เพราะยิ่งเพ่งทุกข์จะยิ่งทุกข์หนักทุกข์นานมากยิ่งขึ้น
แต่ถ้าเพ่งพิจารณาปัญหาปัญญาก็จะเกิดขึ้นตามมาได้
จนสามารถจัดการกับปัญหานั้นให้ลุล่วงได้โดยพลัน
ความทุกข์ที่เกิดจากปัญหานั้นก็จะพลันดับสิ้นไปด้วย
 
พระพุทธองค์เคยตรัสเอาไว้ว่า
#ทุกสิ่งอย่างล้วนเกิดจากเหตุ
#ถ้าเหตุดับทุกสิ่งอย่างนั้นก็จะดับตามไปด้วย
 
ดังนั้น
ความทุกข์ล้วนเกิดจากเหตุคือปัญหา
ถ้าจัดการกับปัญหานั้นๆให้ลุล่วงไปจนหมดสิ้นได้
ความทุกข์ที่เกิดขึ้นก็จะดับสิ้นตามไปด้วยนั่นเอง
นี่จึงเป็นหลักคิดพิจารณาแบบ
 “อิทัปปัจจยตา”
ว่าด้วยหลักของเหตุและผลโดยแท้
 
ถ้าคุณใช้หลักคิดพิจารณาที่ปัญหาปัญญาก็จะเกิด
ถ้าเชื่อตามกรรมกรของมารพวกคนนำทางตาบอด
คุณก็จะยิ่งทุกข์หนักมากขึ้นเพราะแก้ปัญหาไม่ได้
เนื่องจากเขวไปเพ่งทุกข์แทนการเพ่งที่ตัวปัญหา
ยิ่งเพ่งจึงยิ่งโง่ยิ่งว้าวุ่นจนไม่อยากเกิดเป็นมนุษย์แล้ว
เพราะถูกหลอกว่าเกิดเป็นมนุษย์นั้นเป็นทุกข์อย่างยิ่ง
ฝีมือของคนนำทางตาบอดกรรมกรแสงของมารทั้งสิ้น
 
2.เมื่อพิจารณาพบว่าเหตุแห่งทุกข์คือปัญหา
ก็ให้นำเอาปัญหานั้นๆมาเรียงตามลำดับก่อนหลัง
ถ้าหากมีมากกว่าหนึ่งปัญหาก็ต้องค้นหาให้พบก่อน
ปัญหาหนึ่งอาจนำไปสู่อีกปัญหาหนึ่งที่เนื่องกันได้
เมื่อจัดเรียงลำดับปัญหาก็ให้คิดถึงการแก้ปัญหานั้น
ตามลำดับก่อนหลังอย่างมีระเบียบวินัยเอาไว้ด้วย
 
สิ่งสำคัญก็คือ
จงอย่าเกลียดกลัวความทุกข์ที่เกิดขึ้นในจิตใจคุณ
เพราะมันจะยิ่งทำให้คุณเกิดความว้าวุ่นมากยิ่งขึ้นได้
จงคิดให้ได้ว่าความทุกข์นั้นไม่มีอัตตาตัวตนอะไร
ความทุกข์จึงเหมือนผีที่จะหลอกคุณได้ถ้าคุณกลัวมัน
แท้แล้ว
 “ปัญหาที่คุณเผชิญอยู่” มันน่ากลัวกว่าเสียอีก
เพราะบางปัญหาจะจัดการแก้ไขให้ลุล่วงได้ยากมาก
โดยไม่รู้ว่าตัวคุณนั้นจะมีปัญญาแก้ไขมันได้หรือเปล่า
 
3.เมื่อคุณวางแผนการจัดการกับปัญหา
เพื่อบำบัดทุกข์บำรุงสุขสงบให้ตนเองไว้พร้อมแล้ว
ก็ให้จัดการปัญหาที่พาให้ทุกข์ไปตามแผนที่วาดไว้นั้น
ทำอย่างรอบคอบรัดกุมทำอย่างใส่ใจและไม่ประมาท
 
4.ขั้นตอนสุดท้ายคือการบรรลุผลในการแก้ปัญหานั้น
ถ้าวิธีจัดการกับปัญหาที่พาให้ทุกข์นั้นลุล่วงไปด้วยดี
คุณก็จะก้าวผ่านมันไปได้คุณจะยิ่งฉลาดใช้ปัญญา
และฉลาดในการมองโลกที่เป็นภาพจริงได้ชัดเจนขึ้น
แต่ถ้าแผนการที่คุณวาดหวังนั้นไม่สำเร็จหรือยังติดขัด
ก็ให้คุณกลับไปเริ่มต้นที่ขั้นตอนในข้อ
 1.กันใหม่
อย่าปล่อยให้ตนเองกลายเป็นลิงถือลูกท้อไปเด็ดขาด
 
ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้คือวิธีการ “ดึงให้เขว”
เป็นวิชามารที่ถูกหยิบมาหลอกใช้กับมนุษย์บ่อยมาก
อย่างเช่นหลอกให้เพ่งทุกข์แทนการเพ่งที่ปัญหา
มนุษย์จึงแลเห็นแต่ทุกข์เกลียดกลัวความทุกข์ที่สุด
จนนักพรตนักบวชโบราณหาทางดับทุกข์กันแปลกๆ
แทนที่จะค้นหาสัจธรรมที่ถูกต้องแบบพระพุทธองค์
 
วิธีการดับทุกข์เพื่อทำให้ตนเองพ้นทุกข์ที่ใช้กันก็คือ
การบำเพ็ญ
 #ทุกกรกิริยา โดยใช้กายหยาบเป็นตัวตั้ง
ด้วยการทำให้ร่างกายทุกข์ทรมานจนถึงขีดสุดให้ได้
เอาหัวทิ่มดินเอาตีนชี้ฟ้า ไว้หนวดเคราผมเผ้ายาวรุงรัง
เล็บไม่ตัด ปากไม่บ้วนน้ำ ขี้ไคลไม่ถู น้ำท่าไม่อาบ
นอนในโลงอยู่กับศพที่เน่าเหม็นเป็นวันคืน
กำมือเอาไว้ไม่ยอมแบจนเล็บทิ่มแทงทะลุฝ่ามือ
นั่งนานไม่ลุกไปดื่มกินโดยยอมทนต่อการกระหายหิว
เพราะคิดว่าจะดับทุกข์ได้โดยทำให้ตนทุกข์จนถึงที่สุด
 
ซึ่งพระพุทธองค์ทรงเคยทดลองด้วยตนเองแล้ว
ทรงเลิกล้มวิธีการนี้เพราะทรงพบว่ายิ่งทุกข์หนักขึ้น
วิธีการทรมานกายแบบนี้ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้องเลย
พระองค์จึงเผยแพร่วิธีการดับทุกข์ด้วยอริยสัจสี่แทน
ซึ่งเป็นทางออกที่สวยงามเป็นอมตะและสมาร์ทที่สุด
ดีกว่าการทรมานกายสังขารให้ผิดบาปต่อตนเองด้วย
 
อริยสัจสี่เป็นองค์ธรรมที่พระพุทธองค์ทรงคิดรู้ได้
หลังจากเสด็จออกบวชภายในเวลาไม่นานนัก
เพื่อหนีทุกข์ออกไปจากชีวิตจริงที่วุ่นวายจากในรั้ววัง
เมื่อทรงเห็นว่าการเกิดแก่เจ็บตายหรือเทวทูตทั้งสี่นั้น
มันเต็มไปด้วยความทุกข์ของมนุษย์เป็นอย่างยิ่ง
จนทำให้ค้นพบความจริงว่าความทุกข์เกิดจากปัญหา
จึงทรงรำพันว่า
 #ที่นี่วุ่นวายหนอที่นี่ขัดข้องหนอ
อันเป็นที่มาของสัจธรรมระดับโลกียธรรมคืออริยสัจสี่
ซึ่งในอริยสัจนี้มีรวม
 #มรรคแปด เอาไว้ในนั้นด้วย
 
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
การดึงให้เขวของมารผ่านคนนำทางตาบอดนั้น
คือการด้อยค่าสัจธรรมขั้นสูงสุดที่เป็น
 #อนุตรธรรม
ซึ่งพระพุทธองค์ตรัสรู้แบบว่า “เรารู้แล้ว...เรารู้แล้ว”
โดยทรงได้คำตอบในคืนที่ตรัสออกมาว่าเรารู้แล้วนั้น
คือรู้ว่าจิตวิญญาณของพระองค์และมนุษย์ทั้งหลาย
มาจากไหน มาเกิดเป็นมนุษย์บนโลกนี้กันทำไม
มนุษย์มีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้างและต้องทำอย่างไร
ในที่สุดก็ได้คำตอบสำคัญ
 3 อย่างนี้มาในราตรีนั้นว่า
หนึ่ง
 #ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร
สอง #เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
สาม #เราคือโลก #โลกคือเรา
 
ทั้งสามประเด็นที่ทรงได้คำตอบมา
คนนำทางตาบอดมิได้เผยแพร่เพราะมารให้อำพราง
ถ้ามีการอธิบายความก็ทำการบิดเบือนไปทางอื่นเสีย
 
โลกทุกวันนี้
มนุษย์ที่เป็นคนชอบ
 “ธรรม” กลายเป็นคนชอบ “ทำ”
เพราะถูกดึงให้เขวหรือเป๋ไปจากความเป็นจริงมากขึ้น
สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนก็คือมนุษย์โลกอยากนิพพาน
คือตายแล้วไปเกิดบนสวรรค์มายาไม่มาเป็นมนุษย์อีก
เพื่อไปเสพติดสุขที่เป็นกิเลสกันอยู่บนนั้น
เพราะกลัวทุกข์เกลียดทุกข์จนเข้ากระดูกดำ
กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทุกข์มากกว่าใครเพื่อน
 
ละทิ้งหน้าที่เรื่องการหมุนธรรมจักรกันไปหมด
บิดเบือนพระโอวาทของพระศาสดาว่า
ธรรมจักรกัปปวัตนสูตรเป็นเรื่องของอริยสัจสี่
เป็นเรื่องเชิงชั้นของสวรรค์มายา
ที่ชักพาให้คนนำทางตาบอดและคนชอบทำทั้งหลาย
หลงทางนิพพานกันสุดโต่งมาจนกระทั่งทุกวันนี้
จนฝูงแกะของพระเจ้าพากันปีนรั้วเข้าคอกเป็นทิวแถว
แกะบางตัวก็พลัดตกนรกลงไปในบึงไฟ
แกะบางตัวก็ตกลงไปในบ่อย่ำองุ่นเวียนตายเวียนเกิด
เพราะหลงเดินตามมารซึ่งเป็นพวกพวกผีโสโครก
ขณะที่เราคือคนเลี้ยงแกะของพระเจ้าผู้เฝ้าประตูคอก
ตะโกนบอกเท่าไหร่ว่าประตูคอกอยู่ทางนี้ก็ไม่เชื่อ
 
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย
 #ปัญญาวิสุทธิ์
31/10/2566