#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ถ้าคุณพยายามหมุนธรรมจักรกับคนรอบข้างทุกคน
ด้วยการรักเขาให้ได้แม้วาเขาจะทำตัวไม่น่ารัก
ให้อภัยเขาให้ได้แม้ว่าเขาจะทำตัวไม่น่าให้อภัย
ซึ่งเป็นการแสดงความอดทนอดกลั้นและให้อภัย
โดยไม่มีข้อแม้หรือเงื่อนไขใดๆทั้งสิ้นได้เสมอแล้ว
นอกจากจะเกิดสันติสุขในการอยู่ร่วมกันเป็นหมู่คณะ
จิตหยาบพวกคุณยังจะช่วยกันยกระดับแรงสั่นสะเทือน
ให้เพิ่มสูงขึ้นทางด้านบวกจากเดิมในแต่ละคนได้ด้วย
ตามสมการพลังงานทางช้างเผือก ∑βx นั่นแหละ
โดยสมการพลังงาน ∑βx = 3X²(β1 + β2
+ β3
+ …+βx)
จะศักดิ์สิทธิ์ได้ต้องมีคนอย่างน้อย 3 คนขึ้นไป
อย่างเช่นพ่อแม่และลูกผู้ที่ดำรงอยู่ในครอบครัวเดียวกัน
ผู้ที่อยู่ในชุมชนเดียวกันในองค์กรเดียวกันชาติเดียวกัน
มันจะมีค่าเท่ากับ 3 เท่าของจำนวนคนยกกำลังสอง
แล้วคูณด้วยผลรวมของความรักจากคนที่หนึ่งถึงคนที่ X
ซึ่งเป็นพลังงานจิตในรูปคลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็ก
ที่เป็นพลังงานสะอาดในแบบที่โลกและทุกสิ่งต้องการ
เหวี่ยงออกมาในทุกวินาทีโดยมีหน่วยเป็น “เม็กกะเฮิร์ท”
พลังงานรวมที่ผลิตร่วมกันออกมาได้นี้นั้นจำนวน 1%
มันจะถูกเหนี่ยวรั้งลงไปยังแกนโลกอย่างต่อเนื่อง
เพื่อใช้เป็นพลังงานในการบิดแกนแม่เหล็กโลก
ทำให้โลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองเพื่อค้ำจุนความสมดุลไว้
ทั้งยังช่วยโลกผลิตก๊าซออกซิเจนออกมาเพื่อการหายใจ
ของประดาสิ่งมีชีวิตทุกชนิดที่ดำรงกันอยู่ในระบบโลก
นอกจากนั้นก๊าซออกซิเจนที่เป็นก๊าซมวลเบานี้
จะช่วยผลักดันก๊าซพิษที่มนุษย์ผลิตขึ้นจากอุตสาหกรรม
ให้หลุดลอยพ้นออกไปจากแรงดึงดูดของโลกจนหมดสิ้น
ไม่ให้ก๊าซพิษที่มีมวลหนักก่อปรากฏการณ์เรือนกระจก
จนเป็นที่มาของ #ภาวะโลกร้อน ที่ทำให้น้ำแข็งละลาย
ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของโลกในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย
หน้าที่ทางจิตวิญญาณของมนุษย์ทุกคน
ที่จะต้องรับผิดชอบในการปฏิบัติให้บรรลุผลสำเร็จสูงสุด
ก็คือ #ต้องหมุนธรรมจักรในตนเอง เพื่อเป็นมนุษย์ให้ได้
และต้องหมุนธรรมจักรร่วมกันกับคนรอบข้างให้ได้อีกด้วย
เป้าหมายหลักก็คือช่วยให้โลกเหวี่ยงหมุนเพื่อสร้างสมดุล
ถ้าโลกสมดุล “เอกภพ” ที่เป็นระบบใหญ่ก็จะสมดุลไปด้วย
เมื่อคุณหมุนธรรมจักรในตนเองได้เป็นผลสำเร็จ
คุณก็จะเป็น #คนสองมิติ ที่สมดุลในตนเองได้เมื่อนั้น
โดยจิตหยาบกับจิตวิญญาณของคุณจะเป็นหนึ่งเดียวกัน
ซึ่งทั้งสองจิตนั้นจะสั่นสะเทือนร่วมกันจนเป็นหนึ่งเดียว
ในทุกครั้งทุกเรื่องราวทุกเงื่อนไขที่จิตหยาบสั่นสะเทือน
มันจะส่งผลให้จิตวิญญาณสั่นสะเทือนไปพร้อมกันได้ด้วย
เพราะจิตหยาบเข้าถึงแรงสั่นสะเทือนสูงสุดในด้านบวกได้
ถ้าคุณสามารถเข้าถึงสภาวะที่ว่านี้ได้
คุณก็จะได้ชื่อว่าเป็น “มนุษย์” ผู้มีจิตใจสูงได้อย่างเต็มคำ
เพราะเมื่อต่อมไพเนี่ยลซึ่งเป็นที่ตั้งของจิตหยาบของคุณ
สั่นสะเทือนขึ้นมาเพื่อรับรู้ผัสสะจากอายตนะทั้งห้าเมื่อไหร่
จิตวิญญาณของคุณตรงต่อมพิทูอิทารี่หรือต่อมใต้สมอง
ก็จะเกิดการสั่นสะเทือนตามไปพร้อมๆกันด้วยเสมอ
ลักษณะนี้เรียกว่าจิตทั้งสองสั่นสะเทือนจนเป็นหนึ่งเดียวกัน
จนอาจกล่าวได้ว่าคุณขับเคลื่อนพฤติกรรมด้วยจิตวิญญาณ
โดยมิได้ใช้จิตหยาบขับเคลื่อนเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว
นี่คือเป้าหมายสูงสุดของการหมุนธรรมจักรในตนเอง
เพื่อการคนทั้งสองมิติให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
สู่การเป็นมนุษย์ที่สมดุลระหว่างจิตหยาบกับจิตวิญญาณ
ทำให้เป็นผู้ที่มีจิตใสใจสูงกว่าคนธรรมดาโดยทั่วๆไป
ซึ่งคุณจะเข้าถึงเป้าหมายที่ว่านี้ได้ก็ต่อเมื่อ
คุณสามารถ “ดับการเกิดดับ” ของกิเลสมารในจิตหยาบ
ได้อย่างสิ้นเชิงหรือ “นิพพานกิเลส” แล้วเท่านั้น
หมายความว่าคุณ #นิพพานก่อนตาย สำเร็จแล้วนั่นเอง
เราจึงขอกล่าวย้ำต่อพวกคุณที่เป็นคนชอบธรรมว่า
จงอย่าปฏิบัติธรรมด้วยการปลีกวิเวกทิ้งสังคมเด็ดขาด
เพราะคุณจะไม่มีคนรอบข้างเป็นครูช่วยออกข้อสอบให้
เนื่องจากจิตหยาบของคุณจะสามารถชำระกิเลสมารได้
ต้องมีสิ่งยั่วยุหรือเย้ายวนเพื่อกระตุ้นให้มันสั่นสะเทือน
จนเกิดเป็นกิเลสตัณหาราคะกับอารมณ์ขยะขึ้นมาก่อน
ถ้าจิตหยาบของคุณไม่ถูกยั่วยุเย้ายวนหรือปลุกเร้าแล้ว
กิเลสมารทั้งหลายจะไม่ก่อตัวขึ้นมาให้ปรากฏรูปธรรม
เมื่อไม่เกิดกิเลสอย่างเป็นรูปธรรมการชำระก็จะยากมาก
เพราะการที่คุณจะรู้จักการดับทุกข์
คุณจึงต้องเรียนรู้ด้วยตนเองก่อนว่าทุกข์คืออย่างไร
จึงจะสามารถดับทุกข์หรือชำระทุกข์นั้นถูกต้องถ่องแท้ได้
การนั่งหลับตาปิดอายตนะทั้งห้าปิดช่องทางการสัมผัสไว้
จิตหยาบของคุณก็ไม่อาจจะสั่นสะเทือนเพื่อการตื่นรู้ได้
เมื่อตื่นรู้ไม่ได้กิเลสมันก็จะไม่ปรากฏออกมาให้คุณรู้เห็น
มันจะนอนเนื่องอยู่นิ่งๆภายในจิตหยาบของคุณนั่นแหละ
กิเลสมารไม่ต่างจาก “ตะกอน” ที่มันนอนนิ่งอยู่ตรงก้นแก้ว
จนยังผลให้น้ำในแก้วนั้นแลดูใสกิ๊กเหมือนเป็นน้ำสะอาด
แต่ถ้ามีอะไรมาทำให้น้ำในแก้วนั้นสั่นไหวหรือใครกวนมัน
ตะกอนที่นอนนิ่งอยู่ก้นแก้วจะเกิดการฟุ้งกระจายขึ้นมา
ทำให้น้ำที่เคยแลดูใสกลายเป็นน้ำขุ่นไปในบัดดล
ถ้าคุณจะชำระตะกอนนั้นออกไปจากน้ำในแก้วใบนี้
ก็ต้องยอมให้น้ำในแก้วสั่นสะเทือนหรือต้องกวนมันก่อน
แปลว่าคุณต้องยอมพบเจอบททดสอบที่เป็นสิ่งเร้าต่างๆ
ซึ่งคนรอบข้างหยิบยื่นมาให้เพื่อช่วยเหลือคุณโดยเฉพาะ
โดยคุณจะรู้ว่าตนเองนั้นเป็นคนอย่างไรมีนิสัยอย่างไร
ก็ต่อเมื่อได้เผชิญกับบททดสอบในแต่ละวันนั่นแหละ
เราจึงสื่อพระโอวาทมาสอนคุณเอาไว้ว่าให้มี #มหาสติ
เพื่อรู้เท่าทันกิเลสมารจนเข้าถึงสติปัญญาของสมองได้
มิใช่วันๆเอาแต่นั่งปิดตาปิดหูปิดวาจาไม่คบไม่คุยกับใคร
จนเหลือแต่จิตหยาบหรือจิตปัจจุบันอย่างเดียวเท่านั้น
เราขอถามคุณว่า
ถ้านักเรียนจะรู้ว่าตัวเองนั้นเรียนเก่งมากน้อยแค่ไหน
ต้องยอมเข้าห้องสอบเพื่อถูกทดสอบด้วยข้อสอบใช่ไหม
การเป็นมนุษย์
จึงต้องไม่หนีสังคมและไม่ปิดอายตนะทั้งห้าไว้
เพื่อต้องการทำตนเป็นคนพิการด้านอายตนะ
จะได้ปิดช่องทางการถูกกระตุ้นหรือปลุกเร้าจิตหยาบไว้
โดยลืมไปว่าธรรมชาติของตนนั้นไม่ใช่คนพิการ
แต่เวลาปฏิบัติธรรมกลับทำตนเป็นคนพิการไปเสียนี่
มีผู้คนจำนวนมากที่บวชนานแล้วนิพพานจริงไม่ได้สักที
เพราะมุ่งนิพพานกิเลสด้วยวิธีปลีกวิเวกและปิดอายตนะ
นอกจากคุณต้องครองมหาสติเอาไว้ให้ได้ตลอดเวลา
เพื่อจะได้รู้เท่าทันกิเลสมารในจิตปัจจุบันของตนเองแล้ว
โดยรู้ว่าคุณยังมีมันเป็นขยะหรือเป็นตะกอนนอนเนื่องอยู่
ซึ่งถ้ารู้เห็นหรือแลเห็นตะกอนได้ก็จะกำจัดตะกอนง่ายขึ้น
ไม่ต่างจากถ้ารู้เห็นทุกข์ก็จะกำจัดทุกข์นั้นได้ง่ายเช่นกัน
นอกจากนั้นวิธีกำจัดตะกอนของน้ำในแก้วนั้น
คุณยังต้องใช้วิธีเติมน้ำใหม่ลงไปในแก้วใบนั้นให้มากไว้
คุณต้องหมั่นเติมน้ำที่ใสสะอาดปราศจากตะกอนลงไป
เพื่อใช้น้ำใหม่ที่ใสสะอาดเติมลงไปไล่ที่น้ำเก่าออก
แปลว่าในชีวิตประจำวันคุณต้องเติมน้ำใจใสสะอาดลงไป
โดยหมั่นปฏิบัติบำเพ็ญด้วยการรักเพื่อให้แทนรักเพื่อเอา
ด้วยการอดทน อดกลั้น ให้อภัย มีใจเมตตากรุณามุทิตา
รวมเรียกว่ามี #ปณิธานแห่งนิพพาน คู่กับ #มหาสติ ด้วย
ปณิธานแห่งนิพพานที่คุณหมั่นปฏิบัตินี่แหละ
คือน้ำใสสะอาดซึ่งเป็นน้ำใหม่ที่เติมลงไปในจิตของคุณ
มันจะไปไล่ที่น้ำขุ่นที่มีกิเลสมารแฝงตัวอยู่ตรงก้นแก้ว
ให้ไหลล้นออกไปจากแก้วจนเหลือแต่น้ำใสแจ๋วแทนได้
นี่คือวิธีชำระจิตที่ติดกิเลสอย่างถูกต้องเป็นรูปธรรมแล้ว
คุณจึงจะสามารถ “นิพพานกิเลส” ก่อนตายกับเขาได้
เมื่อตายแล้วก็จะสามารถนิพพานหลังตายได้จริงๆเสียที
โดยจิตวิญญาณของคุณมีพลังอำนาจมากพอที่จะหลุดพ้น
เพราะหนีแรงดึงดูดของโลกและเอกภพออกไปข้างนอกได้
นอกระบบเอกภพเป็น #แดนสุญตา
เป็นบ้านเกิดเมืองนอนของจิตวิญญาณคุณที่จากมานาน
ทั้งยังเป็นพระนิเวศน์ขององค์จิตจักรวาลคือพระเจ้าด้วย
ถ้าหลุดพ้นออกไปจากเอกภพหรือห้องทดลองใหญ่นี้ได้
คุณก็ไม่มีหน้าที่จะต้องเวียนว่ายตายเกิดต่อไปอีกแล้ว
จิตวิญญาณของคุณจะได้ก้าวตามพระศาสดาทั้งหลาย
ผ่านประตูนิพพานคือด่านนภาลัยกลับบ้านเกิดกันเสียที
นี่จึงจะเรียกว่า “นิพพานแท้” มิใช่นิพพานเทียมๆ
โดยนิพพานเทียมเท็จคือตายแล้วไปอยู่บนสวรรค์มายา
ซึ่งไปติดค้างอยู่บนนั้นก็กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกไม่ได้
ลักษณะคล้ายว่าจะนิพพานคือตายแล้วไม่เกิดอีกเช่นกัน
แต่ที่ไปอยู่บนสวรรค์มายานั้นเขามิได้ไปเกิดกันหรอกนะ
จิตวิญญาณของพวกเขาก็ยังมีตัวตนอยู่ในเอกภพนี่แหละ
แต่ที่ไม่กลับมาเกิดเหมือนคนทั่วไปก็เพราะว่า #หลงมิติ
เพราะจิตหยาบมีกิเลสมากจนอยากจะเป็นเทพเทวดา
จึงหลุดลอยขึ้นไปติดค้างอยู่บนนั้นกันอย่างไม่มีอายุขัย
พวกเขาเสพสุขที่เป็นกิเลสกันจนเพลินโดยไม่รู้วันเวลา
อยู่บนโลกชอบทำอย่างไรอยู่บนเมืองมายาก็ทำแบบนั้น
จึงหลงผิดเพราะติดสุขเลยฉุกคิดไม่เป็นกันนี่แหละ
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
19/10/2566