#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
หน้าที่หลักในการคนทั้งสองมิติให้เป็นมนุษย์นั้น
หมายถึงการยกระดับแรงสั่นสะเทือนของจิตหยาบ
ให้สูงขึ้นทางด้านบวกจนเป็นหนึ่งเดียวกับแก่นแท้
ที่เป็นจิตวิญญาณของคุณผู้มาเกิดให้สำเร็จให้ได้
ด้วยพลังแห่งธรรมจักรแบบหมู่คณะของพวกคุณ
ที่สอบผ่านบททดสอบจิตสามนึกแห่งรักร่วมกันได้
ในบริบทของการอดทนอดกลั้นและให้อภัยต่อกัน
รวมทั้งการมีสภาวะจิตเมตตากรุณามุทิตาอุเบกขา
จนเป็นคุณสมบัติธรรมชาติของตนเองได้
การหมุน “ธรรมจักร” ร่วมกันก็เพื่อสร้างสมการ ∑βx
ซึ่งเป็นสมการพลังงานทางช้างเผือกให้ศักดิ์สิทธิ์
เพื่อช่วยกันผลิตสร้างพลังงานร่วมแห่งหมู่คณะ
จากจิตสามนึกด้านบวกของคนตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป
ที่หยัดยืนอยู่บนพื้นที่ 33.33 ตร.กม.นั้นให้จงได้
พลังงานร่วมที่เกิดจะเป็นพายุแม่เหล็กรูปกรวยคว่ำ
ลักษณะคล้ายพายุหมุนที่หมุนจากข้างล่างขึ้นข้างบน
ไม่ต่างจาก #พายุไต้ฝุ่น ซึ่งเป็นพายุหมุนในเขตร้อน
พายุแม่เหล็กที่ผลิตจากธรรมจักรของหมู่คณะ
จะเป็นตัวกระตุ้นให้ต่อมไพเนี่ยลของมนุษย์ทุกคน
มิใช่เฉพาะคนที่สั่นสะเทือนธรรมจักรร่วมกันได้เท่านั้น
แต่ทุกคนจะสั่นสะเทือนทางด้านบวกสูงขึ้นจากเดิมได้
ถ้าใช้ชีวิตอยู่บนพื้นที่เดียวกันที่ว่านี้
หมายความว่า
พระเจ้าทรงออกแบบให้พวกคุณแต่ละครอบครัว
หมุนธรรมจักรร่วมกันทั้งในบ้านนอกบ้าน
โดยอยู่ในบ้านก็รักกันได้อภัยกันเป็นในทุกเงื่อนไข
เมื่ออยู่นอกบ้านใครหมุนธรรมจักรร่วมกับใครในสังคม
จิตหยาบโดยจิตใต้สำนึกของทุกคนในครอบครัว
ซึ่งเป็นพ่อแม่ลูกกันก็จะสั่นสะเทือนถึงกันทั้งหมด
นี่คือรูปแบบของ “ธรรมจักร” ที่พระเจ้าออกแบบไว้
ดังนั้น
พวกคุณจึงต้องรู้ว่า
คนที่ชอบเก็บตัวหนีสังคมโดยไม่ยอมสุงสิงกับใคร
คนที่ชอบหนีเข้าป่าเข้าถ้ำเพราะรำคาญความวุ่นวาย
คนที่ชอบปฏิบัติธรรมโดยแกล้งทำตนเป็นคนพิการ
คนจำพวกนี้คือผู้ที่ล้มเหลวในการคนเพื่อเป็นมนุษย์
เพราะไม่สามารถจะผลิตพายุแม่เหล็กรูปกรวยคว่ำ
จากการหมุนธรรมจักรร่วมกันด้วยความรักเพื่อให้
เพื่อช่วยยกระดับแรงสั่นสะเทือนจิตหยาบของทุกคน
ซึ่งอยู่บนพื้นที่เดียวกันดังกล่าวข้างต้นนั้นได้
พระเจ้าทรงเปรียบการปฏิบัติธรรมแบบปลีกวิเวกว่า
เป็นการปฏิบัติธรรมเพื่อจะไปสวรรค์นิรันดรคนเดียว
ซึ่งมันจะเป็นความจริงไปไม่ได้เลยเพราะทำผิดวิธี
ถ้าจะไปสวรรค์ได้จริงนั้นก็เป็นได้แค่ #สวรรค์มายา
อันเป็นสวรรค์เทียมเท็จที่จิตมนุษย์เนรมิตขึ้นมาเอง
ด้วยการถูกลวงให้เชื่อและศรัทธาว่ามีอยู่จริง
เพราะความเชื่อความศรัทธาจากกิเลสมารในตน
ทำให้จิตใต้สามนึกของมนุษย์นั้นสั่นสะเทือนตาม
เพื่อเนรมิตสวรรค์มายาขึ้นมาจากความว่างเปล่าให้
โดยเนรมิตวิมานแก้วสร้างเมืองมายาที่วิจิตรบรรจง
ตามภาพเขียนในสถานที่ซึ่งคนชอบธรรมชอบไป
เมื่อเห็นเป็นประจำก็จะจำภาพนั้นไว้ในสัญญาขันธ์
คำว่า “ประจำ” หมายถึง การประพรมเพื่อให้จดจำ
คำว่า “ประ-พรม” หมายถึง การทำแบบนั้นซ้ำๆกัน
จากภาพสวรรค์มายาเมื่อแรกพบเห็นกันนั้น
ถ้าพวกคุณได้และเห็นภาพนั้นกันบ่อยครั้งเข้า
จึงไม่ต่างจาก “การประพรม” น้ำมนต์ที่เป็นฟองฝอย
ถ้าโดนเสื้อผ้าหน้าผมเนื้อตัวมากๆก็เปียกปอนได้
จิตหยาบที่เห็นภาพสวรรค์มายาก็จะ “จำ” ภาพนั้นไว้
ได้พบบ่อยเห็นบ่อยมากจิตจะบันทึกภาพนั้นไว้ชัดมาก
สวรรค์มายาของพวกคุณถูกเนรมิตขึ้นได้ด้วยวิธีการนี้
แถมสวรรค์มายาของพวกคุณมันเหมือนกันยังกับแกะ
ทุกคนจึงเชื่อกันสนิทใจว่าสวรรค์มายานั้นมีจริงแน่ๆ
เพราะพิมพ์เขียวของสวรรค์มายาเป็นแบบเดียวกัน
โดยทุกคนมีพลังของจิตใต้สามนึกที่ใช้เนรมิตเองได้
เพราะคนนำทางตาบอดที่เป็นกรรมกรของมาร
ถูกชี้นำให้ทำตามคำสอนที่บิดเบือนไปจากพระวจนะ
แล้วมาถ่ายทอดต่อคนชอบธรรมที่ชอบทำแต่งมงาย
เนื่องจากถูกหลอกให้เสพกิเลสจนเข้าถึงปัญญามิได้
การเชื่อตามอย่างว่าง่ายเพราะคิดไม่เป็นจึงเกิดขึ้น
เรากลับมาช่วยพวกคุณให้ #ฉุกคิด กันเสียทีว่า
หน้าที่พวกคุณที่มาเกิดคือคนตนเองให้เป็นมนุษย์
โดยต้องทำตนแบบคนอายตนะดีที่ไม่มีอะไรพิการ
ต้องเป็นสัตว์สังคมจะปลีกวิเวกตัวใครตัวมันไม่ได้
เพราะการหมุนธรรมจักรในตนเองอยู่คนเดียวนั้น
จะเป็นประโยชน์ต่อตนเองและโลกนี้น้อยเกินไป
คุณต้องทำบุญสุนทาน
โดยไม่อธิษฐานร้องขอสิ่งใดตอบแทน
เพราะใครทำดีพระเจ้าทรงประทานรางวัลให้อยู่แล้ว
พระองค์ทรงทราบดีว่าคุณต้องการสิ่งใดบ้าง
คุณไม่มีทางจะรู้ดีกว่าพระองค์ว่าคุณต้องการสิ่งใด
เพื่อนำมาเป็นเสบียงเลี้ยงชีวิตตนเองและครอบครัว
การทำบุญสร้างกุศลก็ไม่ต้องทำเพื่ออุทิศให้ใครอื่น
เมื่อคุณทำพ่อแม่และตัวเองก็ได้อานิสงส์นั้นอยู่แล้ว
เพราะแก่นแท้พวกคุณคล้ายคลึงกันด้านบุคลิกกันอยู่
มันจะสั่นสะเทือนถึงกันได้ตลอดเวลาไม่ว่าดีหรือชั่ว
หน้าที่หลักคือต้องรักกันให้ได้อภัยให้เป็นเข้าไว้
จิตหยาบจะนำพาจิตวิญญาณบินกลับบ้านได้เสียที
อย่าทำตัวแบบดีแต่พูดโดยทำแต่ปากคือปากดีเท่านั้น
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
17/10/2566
