#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เมื่อพวกคุณรู้ความจริงแล้วว่า
เคล็ดลับในการใช้อายตนะทั้งห้าหมุนธรรมจักร
ซึ่งมีอยู่ด้วยกันทั้งหมดรวม 5 ประการกันแล้ว
จงอย่าเคยตัวเคยชินกับการใช้งานแบบอัตโนมัติ
โดยทำตนเป็นคนจำพวก #มีตาไว้ดูมีหูเอาไว้ฟัง
คือเป็นพวกที่มีตาเพื่อการแลเห็นมีหูเพื่อให้ได้ยิน
ค่อนไปในทางรับรู้ได้อย่างไม่เป็นสาระประโยชน์
เพราะขาดหลักการและวัตถุประสงค์ในการใช้งาน
นอกจากนั้น
ปากกับลิ้นที่คุณมีไว้เพื่อกินและพูดจาก็เช่นกัน
ส่วนมากจะเป็น #มีปากเพื่อพูดได้มีใช้เพื่อกินเป็น
บางวันจึงสักแต่พูดเป็นต่อยหอยบางวันก็พูดน้อย
โดยที่พูดมากมักจะเป็นพวกปากพล่อยปากเหม็น
คือเป็นพวกที่นึกแล้วพูดโดยไม่คิดก่อนที่จะพูด
กับพวกที่ไม่ค่อยพูดเหมือนปากอมอะไรอยู่ตลอด
เพราะเกรงว่าถ้าพูดแล้วที่อมอยู่มันจะร่วงหล่นไป
หรือพูดแล้วกลัวพิกุลทองจะร่วงตามที่โบราณว่าไว้
ดังนั้น
พวกคุณจึงต้องเรียนรู้และฝึกฝนการใช้อายตนะ
ที่เป็นกลไกสัมผัสสิ่งเร้าภายนอกทั้งห้าช่องทาง
และเป็นทั้ง “อวัยวะ” เพื่อการแสดงออกต่อผู้อื่นด้วย
ให้เกิดความรอบรู้เกิดความเข้าใจและชำนาญใช้ด้วย
เพื่อให้อายตนะทั้งห้าที่มันยังดีๆอยู่คือไม่พิการอะไร
ให้ใช้การได้ใช้งานเป็นและใช้ได้อย่างมีประสิทธิผล
แทนที่จะทำให้ของดีๆที่เกิดมาแล้วไม่พิการอะไร
แต่กลับใช้มันไม่เป็นหรือใช้มันอย่างไม่ถูกต้อง
ซึ่งไม่ต่างจากอายตนะเหล่านี้มันพิการนั่นแหละ
โดยที่มันพิการไปก็เพราะคุณเป็นคนทำใช่ใครอื่น
หลักการใช้กลไกอายตนะให้มีประสิทธิผลมีดังนี้
1.ฝึกตาให้ไวต่อสิ่งที่เป็นพิรุธ
2.ฝึกหูให้ไวต่อสิ่งที่ได้ยิน
3.ฝึกตนเองให้เป็นคนฉลาดรับรู้ด้วย #มหาสติ
ด้วยการปฏิบัติตนดังต่อไปนี้
#ต้องเป็นผู้รู้สติ คือ
1.รู้ว่าขณะนี้ปัจจุบันนี้กำลังทำอะไรอยู่
2.รู้ว่าเมื่อสักครู่หรืออดีตนั้นตนเพิ่งจะทำอะไรมา
3.รู้ว่าอนาคตข้างหน้าตนจะต้องพบเจอกับสิ่งใด
#ต้องเป็นผู้มีสติ คือ
1.ฉลาดรับรู้ด้วยอายตนะโดยเน้นสาระเป็นสำคัญ
2.ฉลาดรับเอาแต่สาระในสิ่งที่รับรู้นั้นเพื่อเรียนรู้มัน
3.ฉลาดวางเฉยหรือไม่รับเอาสิ่งที่ไร้สาระนั้นไว้
#ต้องเป็นผู้ใช้สติเป็น คือ
1.ต้องฉลาดนึกด้วยการฝึกกำหนดจิต
เพื่อสั่งการสมองทั้งสองซีกช่วยคิดหาคำตอบให้
โดยจิตจะต้องนึกตั้งคำถามตนเองให้เป็นว่า
ต้องการจะรู้เรื่องอะไรต้องการคำตอบในเรื่องใด
ต้องฝึกถามตนเองให้ตรงประเด็นที่คุณอยากรู้ด้วย
ไม่ใช่เก่งแต่ถามคนรอบข้างเมื่ออยากรู้ได้ทันที
แต่กลับตั้งคำถามตนเองเพื่อการคิดรู้เองไม่เป็น
ทั้งๆที่คำถามที่คุณเที่ยวเอาไปถามคนอื่นอยู่นั้น
เป็นคำถามเดียวกันกับที่ควรนึกถามตนเองแท้ๆ
2.ต้องฉลาดคิดให้รอบครอบก่อนพูดหรือก่อนทำ
โดยพิจารณาว่าควรจะพูดหรือทำแบบไหนอย่างไร
จึงจะไม่สร้างเงื่อนไขด้านลบให้กระทบจิตของผู้อื่น
จนทำให้เขาเกิดอาการเสียสมดุลทางจิตขึ้นมาได้
หมายถึงการชวนให้เขามาร่วมหมุนกรรมจักรนั่นเอง
นอกจากจะช่วยคุณและเขายกระดับจิตหยาบสูงขึ้น
ด้วยพลังงานร่วมทางจิตด้านบวก คือ ∑βₓ ไม่ได้แล้ว
ดังนั้น
เพื่อเป็นการป้องกันความล้มเหลวในเรื่องนี้
เราจึงมีวิธีป้องกันการก่อกรรมเพื่อมิให้เกี่ยวกรรม
ด้วยการหมุนธรรมจักรแทนกรรมจักรเอาไว้ก่อน
เรามีกฎแห่ง 6 ถูก ของ Parinya ให้คิดพิจารณา
ถูกที่ 1. คือ ถูกคนหรือไม่?
จงจำเอาไว้ว่า “กฎแห่ง 6 ถูก” นี้
คุณต้องมั่นใจว่ามันถูกครบทั้ง 6 ถูกแล้วเท่านั้น
ถ้าพบว่ามันผิดข้อใดแม้เพียงข้อเดียว
จงอย่าทำอย่าพูดอย่าแสดงออกโดยเด็ดขาด
3.ฝึกทักษะการนึกก่อนคิดให้เป็นธรรมชาติไว้ให้ได้
เพราะคุณต้องนึกก่อนคิดเป็นลำดับแรกก่อนนี่แหละ
ทำให้การคิดเพื่อเรียนรู้ของคุณนั้นมีหลายขั้นตอน
เมื่อมีหลายขั้นตอนการคิดจึงเป็น #กระบวนการ
เมื่อการคิดเป็นกระบวนการจึงต้องใช้เวลาหาคำตอบ
เวลาที่ใช้ไปจึงเป็นตัวชี้วัดได้ว่าคุณนึกเอาหรือคิดได้
ถ้าเจอปัญหาหรือมีคำถามปุ๊บคุณตอบได้ทันควัน
แสดงว่าคำตอบนั้นมาจากการนึกด้วยจิตของคุณล้วนๆ
แต่ถ้ากว่าจะได้คำตอบมาคุณต้องใช้เวลาอยู่พอสมควร
นั่นแสดงว่าคำตอบนั้นผ่านกระบวนการคิดมาก่อนแล้ว
ยกเว้นกรณีที่คุณนึกเอาเดาเอาแล้วเกิดลังเลไม่แน่ใจ
ซึ่งคุณอาจใช้เวลานานผิดปกติได้ก่อนจะสำแดงออก
4.ฝึกทักษะการคิดก่อนพูดและคิดก่อนทำ
โดยไม่ทำลายความสงบสมดุลของคนรอบข้าง
โดยเน้นการสร้างประโยชน์สุขของตนกับคนอื่นไว้
หมายถึงต้องเป็นเงื่อนไขด้านบวกของผู้อื่นเท่านั้น
ถ้าคุณช่วยสร้างเงื่อนไขด้านบวกให้ใครๆเขาไม่ได้
ก็จงอย่าทำตัวเป็นเงื่อนไขใดๆให้พวกเขาจะดีกว่า
5.ฝึกทักษะการแสดงปณิธานแห่งนิพพาน
ด้วยการปฏิบัติตนดังต่อไปนี้
#รักคนที่ทำตัวไม่น่ารักให้ได้ทุกคน
#ให้อภัยแก่ทุกคนที่ทำตัวไม่น่าจะให้อภัยให้เป็น
#ทำบุญสุนทานได้โดยไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน
#ทำความดีได้อย่างไม่มีเงื่อนไขและไร้ข้อยกเว้น
6.ฝึกทักษะการสั่นสะเทือนทางจิตตปัญญา
เพื่อเข้าถึง #ความรักบริสุทธิ์ คือรักเพื่อให้ที่แท้จริง
ฝึกทักษะการเข้าถึงความฉลาดทางจิตคือฉลาดนึก
และฝึกทักษะการใช้สมองทั้งสองซีกให้ชำนาญไว้
วิธีฝึกคิดวิเคราะห์ด้วยสติปัญญาของสมองซีกซ้าย
คือคิดอย่างมีหลักการและมีเหตุผลสนับสนุนเสมอ
แต่ให้ระวังเส้นแบ่งระหว่าง #เหตุผลกับข้ออ้าง ด้วย
เพราะว่าเส้นแบ่งของสองสิ่งนี้มันบางนิดเดียวเอง
เนื่องจาก “เหตุผล” คือสิ่งที่เป็นสากลคนทั่วไปรับได้
ส่วน “ข้ออ้าง” ไม่เป็นสากลมีแต่ตนรับได้แค่คนเดียว
พี่ๆน้องๆที่รักทั้งหลาย
การสั่นสะเทือนทางจิตตปัญญาทั้ง 6 อย่างนี้
เพราะเป็นหน้าที่ทางจิตวิญญาณของตัวคุณเอง
ที่ต้องปฏิบัติกับตนเองและปฏิบัติต่อทุกคนในโลกนี้
โดยไม่ต้องหา “ทำ” อย่างอื่นอีกเลย
โลกกำลังถูกชำระครั้งใหญ่และรุนแรงมากขึ้นแล้ว
หันหน้ามาทางพระบิดาผ่านมาทางเราเร็วๆเถอะ
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์