#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
เมื่อพ่อแม่ก่อกรรมด้วยการกระทำความดีหรือชั่ว
ใยกรรมที่สองคนนี้ทำผลกรรมนั้นจึงตกแก่ลูกด้วย
เสมือนหนึ่งว่าลูกของตนเป็นผู้ก่อเป็นผู้กระทำเอง
ทั้งๆที่ลูกของตนมิได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเลย
คำตอบก็คือ
เพราะจิตวิญญาณของพ่อแม่และลูกที่มาเกิดใหม่
มีค่าการสั่นสะเทือนทางพลังงานของ “เมิร์คขะบาห์”
หรือที่เรียกว่ามี #พลังจิตใต้สามนึก คล้ายคลึงกัน
คำว่า “คล้ายคลึงกัน” หมายถึง
สั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่เท่ากันหรือใกล้เคียงกัน
เหมือนดั่ง “ส้อมเสียง” ที่มีคุณสมบัติเหมือนกัน 3 อัน
นำไปวางไว้ใกล้ๆกันกับส้อมเสียงอีกสองอันที่เหลืออยู่
ส้อมเสียงอันที่ไม่ได้เคาะจะสั่นสะเทือนตามทันที
ความจริงที่เรากล่าวนี้สามารถทดสอบในห้องแล็ปได้
พระเจ้าทรงออกแบบให้จิตวิญญาณของพ่อแม่ลูก
มีความคล้ายคลึงกันทางด้านบุคลิกดังกล่าวนี้ไว้
ก็เพื่อให้ทั้งสามรูปธรรมร่วมด้วยช่วยกันในสองมิติ
เพื่อให้สมการ ∑βₓ ที่ X แทนค่าด้วย 3 ขึ้นไปศักดิ์สิทธิ์
เมื่อสั่นสะเทือนเป็น 5 ขั้นตอนด้วยขันธ์ห้าของจิตหยาบ
ให้มีแรงสั่นสะเทือนสูงขึ้นทางด้านบวกไปด้วยกัน
โดยพระองค์ทรงเน้นให้ทุกคนในครอบครัวช่วยกันทำ
กระบวนการที่เรากล่าวเปิดเผยมาให้รู้นี้
เริ่มตั้งแต่แรกที่จิตวิญญาณมาปฏิสนธิในครรภ์ของแม่
ตั้งแต่จิตวิญญาณผู้มาเกิดแบ่งภาคมาเป็นจิตหยาบ
โดยจิตหยาบยังเป็นเพียงแค่กลุ่มพลังงาน 189 กลุ่ม
ที่ยังไม่มีความสมดุลอยู่ในตนเองกันแต่อย่างใด
กลุ่มจิตหยาบนี้จึงยังไม่มีมิติหรือมีมิติเป็นจำนวนศูนย์
สามารถเขียนเป็นคำอ่านได้ว่า “ศูนย์ดี (0D)”
จิตวิญญาณของผู้เลือกบทบาทมาว่าจะเป็นลูก
ทุกคนทุกครอบครัวในการเป็นมนุษย์แห่งโลกเสรีนี้
พระเจ้าทรงกำหนดออกแบบไว้ให้เป็นแบบนี้ทั้งสิ้น
เป้าหมายสูงสุดก็คือ
จิตวิญญาณของทั้งสองรูปธรรมคือพ่อและแม่
ต้องร่วมกันสั่นสะเทือนจิตหยาบหรือจิตมนุษย์ของตน
เป็นความรักบริสุทธิ์ในแบบ #รักเพื่อให้ ให้แก่กัน
ในแบบพ่อรักแม่และแม่ก็รักพ่อด้วยจิตสามนึกแห่งรัก
โดยทั้งสองคนก็รักลูกน้อยที่ในครรภ์จนสุดจิตสุดใจ
พระเจ้าทรงออกแบบให้ “จิตหยาบ”
ที่สั่นสะเทือนไปตามจิตสามนึกของพ่อและแม่นั้น
กระตุ้นให้ “จิตใต้สามนึก” ของจิตวิญญาณตนเอง
สั่นสะเทือนทางด้านบวกเป็นความรักตามไปด้วย
ผนวกเข้ากับความรักที่จิตวิญญาณของผู้มาเกิดใหม่
ซึ่งมีต่อจิตหยาบผู้จะรับบทบาทเป็นตัวแทนของตน
เพื่อปฏิบัติภารกิจแทนตนเองนาน 6 หมื่นปีโลกให้ได้
จากมิติที่ศูนย์ให้สูงขึ้นจนถึงมิติที่ 6 หรือ 6D ให้ได้
นอกจากจะต้องยกระดับให้สูงถึง 4D แล้วคลอด
จาก 4D สู่ 5D และ 6D ตามลำดับมิติเช่นว่านี้ด้วย
เพื่อค้ำจุนสมดุลของจิตหยาบในระดับที่ตนเข้าถึงอยู่
เอาไว้ให้มั่นคงและยั่งยืนที่สุดมิให้ตกต่ำจนเสียสมดุล
โดยทำตนเป็นคนขึ้นๆลงๆบันไดไปไม่ถึงขั้นบนสุดได้
รวมทั้งต้องยกระดับให้สูงขึ้นจากที่เป็นอยู่ให้ได้ด้วย
นี่คือภารกิจทางจิตวิญญาณที่จิตหยาบพวกคุณต้องทำ
ดังนั้น
ในการปฏิบัติธรรมของมนุษย์โลก
ที่ถูกหลอกให้หลงทางหลงทำกันมาช้านาน
หลอกให้ตายไปจากโลกเพื่อหนีทุกข์เพราะกลัวทุกข์
หลอกให้ไปเสวยสุขเสพกิเลสเป็นทวยเทพเทวดา
หลอกให้ปฏิบัติทำเพื่อตนเองไม่สนโลกไม่ใส่ใจผู้อื่น
โดยละทิ้งภารกิจสำคัญคือการหมั่นหมุนธรรมจักร
แล้วหันไปหมุนกันแต่กรรมจักรด้วยกิเลสมารแทนนั้น
นอกจากจะเสียชาติเกิดแล้วโอกาสหลุดพ้นกลับบ้าน
จะถูกปิดประตูลั่นดาลเอาไว้จนสนิทแน่นเลยทีเดียว
น่าสงสารมนุษย์โลกทุกคนบ้างหรือไม่ล่ะ?
พวกคุณยังจะต้องรู้อีกว่า
นอกจากพ่อแม่ลูกจะใช้ความรักหมุนธรรมจักรร่วมกัน
เพื่อใช้พลังงานร่วมแห่งรักที่เกิดขึ้นตามสมการ ∑βₓ
ตั้งแต่ลูกยังอยู่ในครรภ์ของผู้เป็นแม่จนถึงคลอดนั้น
จิตหยาบของผู้มาเกิดจะยกระดับให้มีมิติที่สูงขึ้นเรื่อยๆ
ขณะที่จิตหยาบของพ่อกับแม่เองก็อาศัยพลังร่วมนั้น
ช่วยยกระดับจิตหยาบของตนให้มีมิติที่สูงขึ้นไป
พร้อมๆกันกับการยกระดับจิตหยาบของลูกเองด้วย
เช่นถ้าปัจจุบันนั้นพ่อกับแม่กำลังอยู่ในมิติที่ 4D
จะค่อยๆยกระดับจากมิติที่ 4D สู่ 5D ได้อย่างแน่นอน
ทั้งยังต้องตื่นเต้นยินดีกับการมีปฏิสนธิของผู้มาใหม่
ปฏิบัติดูแลต่อกันอย่างใส่ใจใยดีตลอดเวลาด้วย
แรงสั่นสะเทือนของพลังงานร่วมแห่งความรักจึงจะสูงได้
ถ้าแรงสั่นสะเทือนสูงไม่พอก็จะยกระดับร่วมกันไม่ได้
พ่อกับแม่เองก็จะมีจิตหยาบอยู่ในมิติที่ 4D เท่าเดิม
เพราะพ่อกับแม่กำลังเห่อลูกน้อยและรักลูกอย่างสุดใจ
จึงช่วยให้จิตหยาบของลูกยกระดับให้สูงขึ้นได้ง่ายกว่า
เนื่องจากจิตหยาบไม่ต่างจากเด็กที่ถูกพ่อแม่จูงนั่นล่ะ
การจูงลูกขึ้นบันไดขั้นแรกที่ยังไม่ชันมากและไม่สูงเกิน
ย่อมพาลูกเดินขึ้นบันไดได้โดยไม่ต้องออกแรงมากนัก
นี่คือคำตอบว่าจิตหยาบของเด็กในครรภ์ยกระดับได้ง่าย
โดยจะเจริญเติบโตแบบ “โตวันโตคืน” เป็นมายาให้เห็น
หลักการสำคัญในปฏิบัติการยกระดับอัตโนมัติ
ของพ่อแม่ลูกในครอบครัวเดียวกันนั้น
มันจะเกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรมไม่ได้เลย
ถ้าทั้งสามรูปธรรมขาด “สายใยแห่งรัก” อันพึงมีต่อกัน
โดยต้องเป็นสายใยที่แน่นเหนียวเหนี่ยวรั้งกันไว้ด้วย
พระเจ้าทรงออกแบบให้ทารกในครรภ์ของแม่ทุกคน
มีสายสะดือแน่นเหนียวยึดรั้งไว้กับรกที่เป็นตัวแทนแม่
เพื่อเป็นมายาบ่งชี้ว่าพ่อแม่ลูกผูกพันธุ์กันในทางโลก
สายรกที่แน่นเหนียวเหนี่ยวรั้งกันอยู่ก็คือ “ความรัก”
ซึ่งจะขาดออกจากกันไม่ได้เลย
จิตวิญญาณของมนุษย์โลกทุกคนก็เช่นกัน
ทุกรูปธรรมข้ามมิติเข้ามาเกิดบนโลกอยู่ในเอกภพ
โดยข้ามมิติผ่านเข้ามาทางประตู คือ #ด่านนภาลัย
ซึ่งนอกด่านนภาลัยก็ไม่ต่างจากมดลูกในครรภ์ของแม่
สมัยพระเยซูทรงเรียกด่านนภาลัยว่า “ประตูคอกแกะ”
คอกแกะก็คือสถานที่ตั้ง “พระนิเวศน์” ของพระเจ้า
คอกแกะก็คือ “บ้านเกิดเมืองนอน” ของจิตวิญญาณ
อันเป็นดินแดนของประดาผู้ที่อิ่มเอิบอยู่กับความว่าง
ที่องค์พระศาสดาทรงเรียกดินแดนนี้ว่า #แดนสุญตา
ซึ่งพระเจ้าทรงเรียกว่าแดน #สวรรค์นิรันดร นั่นเอง
พระเจ้าจึงทรงออกแบบให้ตัวอ่อนของผู้มาใหม่
นอนหลับใหลอยู่ในอู่อยู่ในรกภายในครรภ์ของแม่
ไม่ต่างจากจิตจักรวาลดวงเล็กตัวตนภาคแรกที่สูงส่ง
ซึ่งดำรงอยู่บนพระอุระของพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ
โดยส่งแสงระยิบระยับวับแวมดั่งดวงดาราประดับฟ้า
ขณะที่ลอยนิ่งสงบอยู่อย่างนั้น
การปฏิสนธิภายในรกในครรภ์ของแม่ผู้ให้กำเนิด
เริ่มจากหยดเลือดเล็กๆหยดเดียวกับกลุ่มพลังงาน
สามารถยกระดับจากมิติที่ศูนย์คือ “ความว่าง” หรือ 0D
ไม่ต่างจากการ “กระพริบ” ของดวงดาวประดับฟ้า
กระพริบทียกระดับทีกระพริบถี่ๆก็โตแบบถี่ๆนั่นแหละ
จากรูปธรรมทางพลังงานที่ข้ามมาจากแดนสุญตา
จึงมาเป็นจิตวิญญาณที่มีกายสังขารเป็นเปลือกนอก
ดำรงอยู่ในครรภ์ของแม่นาน 9 เดือนจึงคลอดออกมา
ตั้งแต่อยู่ในแดนสุญตานอกระบบเอกภพนี้ทั้งสิ้น
พระเจ้าทรงให้พวกคุณฉุกคิดกันเองว่า
พ่อแม่ลูกผูกพันกันในครอบครัวด้วยความรักเพื่อให้
สามารถช่วยกันยกระดับจิตหยาบของลูกตั้งแต่ในครรภ์
ให้เติบโตทางกายสังขารจากการก้าวหน้าของจิตหยาบ
จนเติบโตเต็มวัยแล้วจึงคลอดออกมาลืมตาดูโลกได้
โดยพวกคุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าการเติบโตทางสังขารนั้น
เป็นไปตามสมการพลังงานร่วม ∑βₓ เลยก็ไม่เสียหาย
แต่ที่เสียหายมากมายเพราะมนุษย์ถูกหลอกให้หลงผิด
ไปคิดว่าพระศาสดาตรัสรู้สัจธรรมเรื่อง #อริยะสัจสี่
ซึ่งเป็นหลักการ “บำบัดทุกข์บำรุงสุข” ในมิติแห่งโลกียะ
เป็นองค์ความรู้ที่ได้จากการวิเคราะห์ของสมองซีกซ้าย
ด้วยหลักคิดแบบ #อิทัปปัจจยตา เท่านั้นเอง
โดยถูกหลอกให้เชื่อว่าเรื่องความทุกข์เป็นเรื่องใหญ่
จนคนชอบธรรมหลายคนพยายามหนีตายไปจากโลก
เพื่อไปเกิดบนสวรรค์มายาที่ถูกหลอกให้เนรมิตกันขึ้นเอง
ด้วยเชื่อว่าสวรรค์มีจริงและด้วยกิเลสที่อยากไปอยู่บนนั้น
เพราะคนชอบธรรมที่หลงเชื่อในเรื่องนี้กันมายาวนาน
ไม่รู้ความจริงว่าจิตวิญญาณของตนเป็นใครมาจากไหน
มาเกิดบนโลกในเอกภพทำไมมีหน้าที่ต้องทำอะไรบ้าง
ถ้าเราไม่รีบมาเผยความจริงเรื่องนี้ให้ทันการชำระโลก
เห็นทีจิตวิญญาณพวกคุณจะหลุดพ้นกลับบ้านไม่ได้แน่
หมายเหตุ:
พระโอวาทบทนี้
ถ้าเห็นว่าดีมีประโยชน์ อนุญาตให้แชร์ได้
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์