28 ตุลาคม 2566

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 28/10/2023

#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
(เพื่อยุวจิตจักรวาลยุคสุดท้าย)
 
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
 
นอกจากจะมีจิตวิญญาณพเนจรของพวกผีโสโครก
ที่เป็นคนยักษ์กับพวกไฮบริดลูกผสมมนุษย์กับต่างภพ
ซึ่งจิตวิญญาณผู้เป็นตัวตนแก่นแท้ในรูปธรรมเหล่านั้น
มิใช่เป็นรูปธรรมจิตวิญญาณที่แท้จริงของมนุษย์
ที่ต้องเสียชีวิตไปในปฏิบัติการชำระโลกของพระเจ้า
โดยจมทรายตายจากเหตุพายุทรายในยุคอียิปต์โบราณ
กับการจมน้ำตายเพราะน้ำท่วมโลกในยุคของโนอาห์
ทั้งสองเหตุการณ์เป็นภัยพิบัติจากปฏิบัติการชำระโลก
ที่พระเจ้าหรือพระบิดาแห่งจิตวิญญาณทรงพิพากษา
 
เมื่อกายสังขารตายแล้วจิตวิญญาณจึงล่องลอย
เพราะหลุดพ้นกลับบ้านแดนสุญตาที่ตนจากมาไม่ได้
เนื่องจากไม่มีพันธะสัญญา 6 เหมือนจิตวิญญาณมนุษย์
ที่สำคัญคืออาสามาทำหน้าที่เป็นสิ่งมีชีวิตในเอกภพ
ตามแผนการทดลองของพระองค์อยู่ในระบบดาวนั้นๆ
โดยมีชีวิตเป็นอมตะไม่มีหน้าที่ต้องตายไปจากดาวนั้น
 
เมื่อเป็นผู้บุกรุกเข้ามายังดาวโลกดวงนี้แล้ว
ทำตนเป็นอุปสรรคของมนุษย์ในมิติโลกทางกายภาพ
และเป็นอุปสรรคของมนุษย์ในมิติของจิตวิญญาณด้วย
จิตวิญญาณเร่ร่อนของผู้ไร้บ้านทั้งหลายเหล่านี้
จึงตั้งตนเป็นศัตรูอยู่เบื้องหลังมิติโลกกันตลอดมา
พวกเขาจึงทำทุกอย่างทุกวิถีทางให้มนุษย์ขลาดกลัว
เพราะรู้ว่าธรรมดาของมนุษย์ในการต่อสู้กับความกลัว
ก็คือการทำให้ตนเองไม่ขลาดกลัวพวกเขาให้ได้นั่นเอง
 
หลักการทำให้ตนเองไม่กลัวของมนุษย์ก็คือ
#การยอมศิโรราบ กราบไหว้เซ่นไหว้บูชาพวกผีโสโครก
ที่พยายามแสดงตนด้วยมายารูปลักษณ์ของยักษ์มาร
แสดงตนเป็นภูตผีปีศาจแสดงเป็นแม่มดพ่อมดผู้วิเศษ
ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่เข้าใจและอธิบายไม่ได้
โดยพวกนี้จะใช้ #อภิญญา_6 ของจิตวิญญาณนำแสดง
เพราะพวกคุณที่เป็นมนุษย์แม้มีจิตวิญญาณมาเกิดก็ตาม
แต่พวกคุณก็แสดงฤทธิ์จากอภิญญา 6 ที่คุณก็มีอยู่ไม่ได้
เพราะพระเจ้าทรงกำหนดให้จิตวิญญาณถูกปิดมิติเอาไว้
เพื่อไม่ให้มีการอวดอุตริแสดงฤทธิ์อย่างพร่ำเพรื่อได้ง่าย
ในอันที่จะทำให้พลังอำนาจทางจิตวิญญาณตกต่ำลง
เหมือนสิ่งมีชีวิตจากดาวบางดวงที่เข้ามาก้าวล่วงมนุษย์
โดยนำเอาอภิญญา 6 มาอวดแสดงฤทธิ์กระทำต่อมนุษย์
จนอำนาจทางจิตวิญญาณเดิมคือ 6D เหลือแค่ 5D แล้ว
ทั้งยังมีแนวโน้มว่าจำนวนมิติจะตกต่ำลงไปอีกเรื่อยๆด้วย
 
ที่เรากล่าวมาทั้งหมดนี้
เป็นวิธีการแรกของผีโสโครกที่เลือกใช้กับมนุษย์
ที่เป็นภาพรวมก็คือการ #ทำให้กลัว นั่นเอง
 
มนุษย์กลัวสิ่งที่เป็นเงามายาที่พวกมันสร้างขึ้น
เพราะเชื่อว่ามายาที่เห็นว่าน่ากลัวนั้นคือ “ของจริง”
พระเยซูจึงมองว่าผีพวกนี้ “หลอก” เพื่อทำให้กลัว
ซึ่งเป็นที่มาของคำว่า #ผีโสโครก ที่ทรงเรียกนั่นเอง
ทั้งๆที่มารพวกนี้เป็นแค่จิตวิญญาณที่หลงมิติอยู่
เป็นผู้ไม่รู้อดีตปัจจุบันและอนาคตของตนด้วยซ้ำไป
 
มนุษย์ไม่ฉลาดที่จะฉุกคิดด้วยปัญญากันบ้างว่า
ถ้าสิ่งที่เห็นนั้นเป็น “เงา” แสดงว่าตัวตนนั้นไม่จริง
ไม่ต่างจากการมีบางสิ่งที่กำลังอยู่คนละมุมตึกกับคุณ
ทั้งสองฝ่ายต่างไม่รู้ตัวกันมาก่อนและไม่รู้จักกันด้วย
เงาที่เห็นกันอันเกิดจากแสงส่องกระทบคุณกับสิ่งนั้น
ในแบบต่างคนต่างแลเห็นกันได้แบบตะคุ่มๆกันอยู่
จะบอกตัวตนรูปลักษณ์แท้จริงของคุณกับสิ่งนั้นไม่ได้
 
หน้าตาเป็นยักษ์รูปลักษณ์สูงใหญ่
หน้าตาสกปรกหนวดเคราเผ้าผมรุงรัง
ตาถลนตาโปนแลดูว่าดุร้าย
หน้าตารูปลักษณ์เป็นเสือเป็นลิงเป็นช้าง
ล้วนเป็น “มายา” ปลอมๆที่ถูกสร้างขึ้นให้กลัวทั้งสิ้น
 
ธรรมดาของมนุษย์เมื่อเกิดความกลัวขึ้นมาเมื่อไหร่
จิตหยาบจะเข้าถึงความฉลาดทางปัญญามิได้เมื่อนั้น
เพราะความกลัวมันจะปิดมิติการใช้สมองเอาไว้
รวมทั้ง “ความเชื่อ” ก็เป็นอีกอาการหนึ่งของจิตมนุษย์
ถ้าเชื่อแล้วมันจะปิดกั้นการใช้สติปัญญาเช่นเดียวกัน
ประดานักการเมืองพ่อค้าแม่ขายทั้งหลายในสังคม
จะใช้ความเชื่อเป็นสิ่งกระตุ้นปลุกเร้าให้ผู้คนส่วนใหญ่
เกิดการคล้อยตามด้วยการใช้ภาษาพูดและบุคลิกภาพ
ใช้มายาที่เป็นภาพลวงตาหลอกให้เชื่อแทบทั้งสิ้น
 
พวกมารที่เป็นผีโสโครกก็เช่นกัน
จะสร้างรูปปั้นรูปแกะสลักขึ้นมาให้มนุษย์กราบไหว้บูชา
ถ้าคนส่วนใหญ่พากันไปหลงกราบไหว้เซ่นไหว้
วัตถุมายาที่สร้างขึ้นมาจะถูกปลุกเสกให้ศักดิ์สิทธิ์
ด้วยจิตศรัทธาที่เป็นบวกของมนุษย์กันเองได้
ตามสมการ ∑βₓ ของพระเจ้าที่เราเคยกล่าวมาแล้ว
ซึ่งพวกผีโสโครกมิได้สิ้นเปลืองอภิญฤทธิ์แต่อย่างใด
เพราะพวกเขารู้แล้วว่ายิ่งใช้พลังไปมากยิ่งตกต่ำมาก
จนต้องมาล่าหากรรมกรแสงบนโลกให้ตนดักดูดแล้ว
 
นอกจากนั้น
ปัจจุบันนี้ผีโสโครกยังหลอกลวงมนุษย์ว่า
ตนเองเป็นพระบิดาบ้างพระมารดาบ้างมาเข้าร่างเข้าทรง
ด้วยการสั่นสะท้านร่างกายอย่างรุนแรง
ด้วยการแสดงท่าทางแปลกประหลาดผิดมนุษย์
ด้วยการแสดงพิธีกรรมแต่ไม่นำอนุตรธรรมมากล่าวสอน
ซึ่งในกาลอดีตยังไม่เคยมีประวัติแบบนี้เลย
พระเยซูกับท่านการ์ดีและท่านนบีที่เป็นพระบุตรเอก
ก็ไม่เคยเข้าทรงลงเจ้าให้พระบิดาพระมารดามาลงทรง
มีแต่ใช้วิธีการสื่อสารทางจิตในระบบจิตสู่จิต
ด้วยช่องทางพิเศษที่ถือมาเกิดเพื่อทำหน้าที่สื่อเท่านั้น
 
ส่วนการสั่นสะเทือนทางร่างกายอย่างรุนแรง
แสดงมายาว่าจิตวิญญาณของผีตัวนั้นเป็นผีชั้นต่ำ
เพราะมีอำนาจต่ำจึงสั่นสะเทือนด้วยคลื่นความถี่ต่ำ
ถ้าเป็นจิตวิญญาณชั้นสูงที่แท้จริงนั้น
เมื่อเข้าทรงลงเจ้ามายาที่เห็นจะเต้นจะสั่นแค่เล็กน้อย
เพราะจิตวิญญาณชั้นสูงจะสั่นเป็นคลื่นความถี่สูงเสมอ
 
พวกนี้จะหลอกให้คุณเชื่อว่าตนเป็นเสือ
เมื่อเข้าสิงร่างก็จะร้องครางส่งเสียงคำรามแบบเสือ
จะแสดงอาการเดินสี่ขาทำท่าดุร้ายอย่างเสือ
 
ถ้าจะหลอกให้เชื่อว่าตนเป็นลิง
ก็จะทำท่าคันยุกยิกๆทำท่าหลุกหลิกร้องเจี้ยกๆ
 
ถ้าจะให้เชื่อว่าเป็นคนนั้นคนนี้
ก็จะเลียนแบบท่วงทีลีลาแม้กระทั่งวาจาที่กล่าว
ซึ่งเป็นจุดเด่นของรูปธรรมที่เขานำมาหลอกคุณ
เพื่อให้คุณสัมผัสรู้ดูเห็นแล้วเชื่อว่าใช่นั่นเอง
 
2.ยั่วให้อยาก
 
แผนการร้ายของศัตรูผู้อยู่เบื้องหลังมิติโลกวิธีที่สองนี้
จะมีทั้งศัตรูที่เหลือแต่จิตวิญญาณเร่ร่อนพเนจรไปเรื่อย
ซึ่งเป็นพวกจิตวิญญาณผีโสโครกที่เรากล่าวมาแล้วนั้น
กับอีกพวกหนึ่งซึ่งมีหลายเผ่าที่ยังมีชีวิตอยู่ในระบบโลก
พวกนี้ยังมีตัวเป็นๆโดยเร้นตัวเองอยู่หลังหน้ากากมนุษย์
เมื่ออยู่ท่ามกลางมนุษย์ก็แทบแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร
เพราะแต่งกายเท่ห์ทันสมัยหน้าตาเหมือนมนุษย์นี่แหละ
 
ศัตรูเหล่านี้จะเป็นพวกที่ฉลาดและมากประสบการณ์
เพราะเกิดมานานนับพันปียังไม่เคยตายไม่เคยมีภพชาติ
จึงมีเวลาพัฒนาการสมองที่มี “ก้อนเดียว” ค่อนข้างสูง
ทั้งมีเวลาสั่งสมประสบการณ์จากการเรียนรู้ได้มากกว่า
พวกสิ่งมีชีวิตเหล่านี้จะเชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์
ที่ต้องใช้วิชาและเวลาหนักไปกับการค้นคว้าทดลอง
พวกนี้จึงเก่งในการสร้างวัตถุเท็คโนโนโลยีทุกแขนง
 
พวกที่มิใช่มนุษย์แต่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแบบลับๆล่อๆก็มี
โดยซ่อนเร้นตนเองอยู่ในที่ลับตาคนก็มีจำนวนมิใช่น้อย
พวกนี้จะใช้ชีวิตแบบเถื่อนๆเหมือนคนป่าคนดงนั่นแหละ
ชอบกินเลือดเนื้อสัตว์โลกแบบสุกๆดิบๆทุกรูปแบบ
บางเผ่าจะกินเลือดเนื้อมนุษย์ตัวดำที่ยังเป็นทารกอยู่
บางตนบางเผ่าจะเอามนุษย์ที่โตเต็มวัยมาปิ้งย่างเผา
โดยอ้างว่าบูชายัญเพื่อฉีกเคี้ยวกินเป็นอาหารอันโอชะ
อาหารของพวกนี้จะเป็นชาวผิวดำในประเทศที่ไม่เจริญ
แต่พวกนี้ไม่มีพิษสงอะไรกับวิธีการยั่วให้อยากที่ว่ามา
 
ศัตรูมนุษย์พวกตัวเป็นๆที่แฝงเร้นอยู่กับคนเมือง
ที่สามารถใช้ชีวิตอย่างเปิดเผยมาจนถึงทุกวันนี้นั้น
ส่วนใหญ่จะเป็นชนชั้นผู้นำของโลกในซีกตะวันตก
จะเป็นพวกมหาเศรษฐีและเศรษฐีที่ร่ำรวยทรัพย์สิน
จะเป็นพวกพ่อมดแม่มดด้านการเงินการคลังต่างๆ
จะเป็นพวกชนชั้นผู้นำเพราะฉลาดกว่าคนส่วนใหญ่
จะเป็นพวกนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์แขนงต่างๆ
ที่ชาวดาวโลกมองว่าพวกเขาเหล่านี้คือ “โคตรเก่ง”
จึงก้มหัวให้เพราะยอมรับศรัทธาและบูชาในความเก่ง
 
จะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ในการบำบัดรักษา
รวมทั้งการผ่าตัดซ่อมสร้างและแก้ไขอวัยวะที่บกพร่อง
ชนิดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้แต่พวกเขาก็สามารถทำได้
โดยที่วิทยาการของมนุษย์โลกก้าวไม่ถึงตามไม่ทัน
เนื่องจากมนุษย์ขาดความต่อเนื่องด้านการพัฒนา
เพราะถูกพวกนี้หลอกให้เสพติดกิเลสจนอมตะเสื่อม
ต้องเวียนตายเวียนเกิดกันมานับภพชาติไม่ถ้วนแล้ว
 
มนุษย์ต้องยอมหมอบราบให้กับพวกเขาเหล่านี้
จนดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้โดยขาดพวกเขากันไม่ได้
มนุษย์จึงยอมให้พวกนี้เป็นผู้นำตนไปในทุกสิ่งอย่าง
ชนิดที่ว่าอะไรมนุษย์ส่วนใหญ่ก็จะพากันเชื่อตาม
เพราะฉลาดน้อยกว่ารู้น้อยกว่าเชี่ยวชาญน้อยกว่า
ศัตรูพวกนี้จึงดึงมนุษย์เข้ามาเป็นพวกได้ง่ายกว่า
วิธีการ #ทำให้กลัว ที่เคยใช้กันมาตั้งแต่ยุคต้นๆ
 
ศัตรูพวกนี้จะเลือกใช้วิธี “ยั่วให้อยาก”
คำว่า “ยั่ว” หมายถึงการกระตุ้นหรือปลุกเร้าจิตหยาบ
ด้วยรูปรสกลิ่นเสี่ยงกายสัมผัสที่เป็นเย็นร้อนอ่อนแข็ง
ให้พวกคุณสัมผัสแล้วเกิดอาการ #จิตตก จากปกติ
อาการจิตตกคือการเสียสมดุลของจิตที่เคยนิ่งสงบอยู่
จิตที่นิ่งสงบในยามปกติเป็นจิตที่สั่นสะเทือนความถี่สูง
เมื่อสั่นด้วยคลื่นความถี่สูงสุดจึงดูเหมือนว่าจะไม่สั่น
เมื่อมีอาการเหมือนไม่สั่นสะเทือนจิตนั้นจึงเหมือนสงบ
ในสภาวะจิตที่สงบยามปกติคือจิตที่สั่นด้วยความถี่สูง
คำว่า “จิตตก” จึงหมายถึงจิตมีค่าความถี่ต่ำลงฉับพลัน
เมื่อจิตถูกกระตุ้นหรือถูกยั่วยุด้วยสิ่งเร้าของพวกเขา
ล้วนเกิดจากกิเลสที่เป็นเหตุแห่ง #ตัณหา ทั้งสิ้น
 
ความสุขกายสุขใจ
ความสบายกายสบายใจ
ความสะดวกกายสะดวกใจ
ความสง่างามความสมาร์ท
ความสมหวังสมดั่งใจอยาก
 
ทั้ง 5 ส.ที่ว่านี้คือสิ่งจูงใจที่พวกเขาสร้างขึ้นมาขาย
เพื่อให้ชาวโลกส่วนใหญ่ยอมรับนับถือและเชื่อตาม
ซึ่งหมายถึงยอมตนเป็นพวกเดียวกับเขา
โดยมีพวกเขาเพียงไม่กี่คนเป็นผู้ชี้นำหรือชี้ให้ทำ
ทำให้พวกนี้มีอำนาจร่ำรวยเงินเกียรติและโอกาสดีๆ
มากกว่าเจ้าของโลกตัวจริงกันมาช้านานแล้ว
 
อาวุธยุทโธปกรณ์ในการสู้รบ
วัตถุเท็กโนโลยีต่างๆด้านอวกาศ
วัตถุเท็กโนโลยีด้านการสื่อสารต่างๆ
เครื่องมือเครื่องใช้ในครัวเรือน
เครื่องมือที่ใช้ในทางการแพทย์
หยูกยาที่ผลิตออกมาจากห้องแล็ป
เชื้อโรคใหม่ๆที่ผลิตมาคู่กับวัคซีนและยา
 
สิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นสิ่งดีแต่ก็แฝงชั่วไว้ทั้งสิ้น
เพราะเป็นขยะรกโลกที่มากมีสิ่งชั่วมากกว่ามีสิ่งดี
จนปฏิบัติการชำระโลกครั้งที่สี่ที่จะเกิดขึ้นในเร็ววันนี้
ช่างเท็กนิกของพระเจ้าแทบจะหาที่กลบฝังมันไม่ได้
 
ศัตรูของมนุษย์โลก
จำพวกที่เป็นจิตวิญญาณพเนจร
ก็คือ "ผีโสโครก" ซึ่งเราเรียกว่า #มาร
ส่วนพวกที่มีตัวตนอยู่จริงแต่แฝงตัวอยู่กับมนุษย์
เราเรียกศัตรูพวกนี้ว่า #มอด นั่นเอง
 
โดยพวกมอดจะหลอกมนุษย์ให้เสพติดกิเลส
พวกมารจะหลอกให้งมงายในสิ่งที่อธิบายไม่ได้
รวมทั้งชักพาให้มนุษย์หลงทางนิพพานอีกด้วย
 
เอเมน สาธุ
ถ่ายทอดคลื่นความคิดจากองค์จิตจักรวาล
โดย #ปัญญาวิสุทธิ์
28/10/2566