08 เมษายน 2567

คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล 8/04/2024

 #คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล

 

พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย

เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า

 

สิ่งมีชีวิตทุกชนิดไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ต้นไร่

ที่มีแต่ “วิญญาณ” อันหมายถึงพลังงานเป็นแก่นแท้

หรือประดา #สัตว์ประจำโลก หลากหลายเผ่าพันธุ์

ที่มีแต่ “จิตวิญญาณ” คือกล่องพลังงานเป็นแก่นแท้

รวมทั้งรูปธรรมมนุษย์ที่เป็น “คนสองมิติ” ทุกชนชาติ

ที่มี “จิตหยาบ” เป็นตัวแทนของ “จิตวิญญาณ”

ทำหน้าที่สั่นสะเทือนจิตสามนึกในมิติแห่งเนื้อหนัง

เพื่อให้ “จิตใต้สามนึก” สั่นตามในมิติของแก่นแท้

 

สิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่เรากล่าวมานั้น

ล้วนถูกสร้างขึ้นเพื่อให้ทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงาน

กับดาวเคราะห์โลกเสรีดวงนี้ด้วยกันทั้งสิ้น

โดยการทำหน้าที่ของเพื่อนร่วมงานหมายความว่า

ทุกสิ่งทุกรูปธรรมจะต้องเป็นหนึ่งเดียวกันให้ได้

รวมทั้งต้องเป็นหนึ่งเดียวกันกับโลกให้ได้ด้วย

ซึ่งจะเป็นหนึ่งเดียวกันได้ก็ด้วย #ความรักเพื่อให้

เพราะความรักเป็นแรงดึงดูดเหนี่ยวรั้งกันนั่นเอง

 

การที่พวกคุณอาสาพระบิดาแห่งจิตวิญญาณ

มาเกิดเป็น “คนสองมิติ” อยู่ในระบบโลกในเอกภพนี้

สาเหตุหลักประการเดียวที่ทุกคนมีเหมือนกันตรงกัน

นั่นคือการขันอาสามาเพื่อใช้จิตหยาบหรือจิตมนุษย์

สั่นสะเทือนจิตสามนึกตอบสนองสิ่งเร้าทุกๆเงื่อนไข

ที่คนรอบข้างทั้งใกล้ไกลหยิบยื่นมาให้อยู่ตลอดเวลา

เพื่อให้เกิดขันธ์ห้าด้วยแรงสั่นสะเทือนทางด้านบวก

โดยไม่ปิดอายตนะภายนอกทั้งห้าไว้ให้มันมืดบอด

โดยไม่พาตนเองหนีสังคมปลีกวิเวกเข้าเถื่อนเข้าถ้ำ

จนสมการพลังงานทางช้างเผือก Σβx เกิดขึ้นไม่ได้

 

ซึ่งพวกคุณได้รู้ความลับเบื้องหลังมิติโลกกันแล้วว่า

จิตวิญญาณของพวกคุณเป็นใคร มาจากไหน

จิตวิญญาณพวกคุณมาเกิดเป็นมนุษย์กันทำไม

เมื่อได้รับโอกาสให้มาเกิดแล้วมีหน้าที่ทำอะไรบ้าง

 

จะทำหน้าที่แต่ละสิ่งให้สำเร็จนั้นต้องทำมันอย่างไร

ต้องรู้ว่าสิ่งใดคือหน้าที่และสิ่งใดไม่ใช่หน้าที่บ้าง

ต้องรู้ว่า “ธรรมจักร” คืออะไร

ต้องรู้ว่าจะ “หมุนธรรมจักรในตนเอง” ได้อย่างไร

ต้องรู้ว่าจะ “หมุนธรรมจักรร่วมกัน” ได้อย่างไร

ต้องรู้ว่าคุณมีเวลาทำหน้าที่ดังกล่าวนี้กันนานเท่าใด

ต้องรู้ว่าถ้าพวกคุณบกพร่องต่อหน้าที่กันแล้ว

จะเกิดอะไรขึ้นต่อโลกต่อกาแล็กซี่และเอกภพบ้าง

 

ถ้าคุณเป็นคนชอบธรรมที่แท้จริงแล้ว

คุณจะรู้คำตอบเหล่านี้และเข้าใจกันได้ไม่ยากเลย

เพราะพวกคุณถือพันธะสัญญา 6 ติดตัวกันมาแล้ว

เพราะคุณมีเครื่องยนต์แห่งกรรมเป็นรูปธรรมสองมิติ

ที่มีทั้งจิตหยาบกายหยาบความรักความคิดครบถ้วน

มีทั้งมโนกรรมที่จะขับเคลื่อนวจีกรรมกับกายกรรมได้

เพื่อใช้เป็นเงื่อนไขด้านบวกและลบให้แก่ผู้อื่นด้วย

ซึ่งคุณมีเครื่องมือครบถ้วนทุกสิ่งอย่างในการทำงาน

โดยพระบิดาแห่งจิตวิญญาณทรงประทานไว้ให้แล้ว

เพียงแค่ต้องเรียนรู้ที่จะใช้มันและหยิบมันขึ้นมาใช้

ด้วยจิตสำนึกรับผิดชอบต่อหน้าที่ซึ่งอาสากันมาเอง

 

พวกคุณจะต้องรู้ว่าภารกิจของจิตวิญญาณ

ในการใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลกเสรีนี้นั้น

 

1.เป็นหน้าที่ของจิตหยาบของคุณทุกคนที่ต้องทำ

2.คำว่า “ทุกคน” หมายถึงทุกชนเผ่าทุกชนชาติ

ไม่จำกัดสีผิวไม่แบ่งแยกศาสนาไม่ว่าลัทธิใดก็ตาม

ไม่ว่าจะเป็นเพศใดชายหรือหญิงวัยเด็กหรือผู้ใหญ่

ทุกคนต่างล้วนมีหน้าที่จะต้องทำด้วยกันทั้งนั้น

 

3.ทุกคนนอกจากต้องทำที่จิตสามนึกตนเองแล้ว

ยังจะต้องเป็นเงื่อนไขด้านบวกและลบให้คนอื่นด้วย

วจีกรรมกับกายกรรมที่พวกคุณแสดงออกต่อกัน

มันจะเป็นเงื่อนไขหรือสิ่งเร้ากระตุ้นจิตใจคนอื่นๆ

ให้พวกเขาสั่นสะเทือนขันธ์ห้าตอบสนองคุณเสมอ

หน้าที่ของคุณก็คือต้องเป็นเงื่อนไขด้านบวกให้ได้

เพื่อชวนพวกเขาให้มาร่วมหมุนธรรมจักรกันกับคุณ

ถ้ารู้ว่าในสถานการณ์นั้นคุณเป็นเงื่อนไขบวกไม่ได้

ก็จงอย่ายื่นเงื่อนไขอะไรให้เขาเลยจะเหมาะกว่า

 

นอกจากนั้น

คุณจะต้องสั่นสะเทือนจิตสามนึกตอบสนองทุกคน

ไม่ว่าเขาจะมาดีหรือว่าจะมาร้ายกับคุณก็ตาม

จงจำไว้ว่าคุณต้องรักให้ได้แม้เขาจะทำตัวไม่น่ารัก

ต้องให้อภัยเขาให้ได้แม้เขาทำตัวไม่น่าให้อภัย

เพื่อตอบสนองพวกเขาทางด้านบวกตลอดเวลา

#ช่างเขาเถิด #ไม่เป็นไร #ยังไงก็ได้ #แค่นี้ก็ดีแล้ว

ซึ่งเป็น “ปริญญาโมเดล” (Parinya Model)

อันหมายถึงการสั่นสะเทือนจิตสามนึกด้านบวก

เพื่อทำการ “ตัดกรรม” ตั้งแต่ต้นตอนั่นเอง

 

4.การหมุนธรรมจักรร่วมกันของพวกคุณทุกคน

นอกจากจะใช้เมตตาธรรมค้ำจุนสมดุลโลกได้แล้ว

โลกเสรีที่สมดุลยังช่วยค้ำจุนเอกภพระบบใหญ่ด้วย

 

ดังนั้น

ถ้าพวกคุณใช้จิตหยาบทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณ

ด้วยการหมุนธรรมจักรร่วมกันได้อย่างเต็มกำลังแล้ว

จึงเท่ากับว่าคุณได้ช่วยกันค้ำจุนเอกภพอันไพศาลนี้

ให้เป็นห้องทดลองขนาดใหญ่ของพระเจ้าเอาไว้

ให้อยู่ยั้งยืนยงตราบนานเท่านานหรือชั่วนิรันดรได้

 

จงจำไว้ว่าการมาเกิดของพวกคุณนั้น

มิใช่มาเกิดเพียงเพื่อจะตอบสนองความอยาก

ที่เป็นกิเลสตัณหาอารมณ์ขยะรายวันของตนเท่านั้น

มิใช่มาเกิดสะเปะสะปะแทะกินง้วนดินอย่างตะกละ

จนเกิดกายหยาบที่มีอัตตาก่อกำเนิดขึ้นมากันดื้อๆ

เพราะพวกคุณมิได้เป็นจิตวิญญาณเร่ร่อนที่ไร้บ้าน

จนทำตัวซมซานแบบเด็กอนาถากำพร้าบิดามารดา

หรือเป็นผู้พลัดหลงเข้ามายังระบบโลกแห่งนี้

จนถูกหลอกให้กลัวทุกข์เกลียดทุกข์หนีทุกข์

จนกลายเป็น “หน้าที่” ของคนที่อ้างว่าชอบธรรม

คือการหาทางนำพาจิตวิญญาณของตนให้พ้นทุกข์

โดยถูกหลอกให้ทิ้งโลกไปเสพสุขอยู่บนสวรรค์มายา

โดยไม่รู้ว่าการไปติดค้างอยู่บนสวรรค์มายานั้น

มันมิได้พ้นทุกข์จริงแท้แต่อย่างใดอะไรเลย

ขณะลอยไปติดอยู่บนนั้นจิตวิญญาณคุณที่หลงมิติ

จะมีอาการไม่ต่างจากคนเมาเหล้าเมายาเสพติดเลย

เพราะขณะมึนเมาจะ “ขาดสติ” ไม่รู้ตัวไปชั่วคราว

จะลืมทุกข์ลืมปัญหาลืมภาระหน้าที่ไปหมดสิ้นทุกสิ่ง

จึงเข้าใจผิดคิดว่าขณะนั้นตนเองได้พ้นทุกข์แล้ว

 

ถ้าคุณจะลองดื่มเหล้าให้มึนเมาดูสักครั้งกันก็ได้นะ

คุณจะรู้ได้ว่าที่ไม่ทุกข์นั้นเป็นการหลอกตัวเองแท้ๆ

ในขณะที่คุณกำลังเมาเพราะเหล้าทำลายสติอยู่นั้น

ปัญหาชีวิตซึ่งเป็นเหตุแห่งทุกข์ของคุณนั้นมันยังอยู่

แอลกอฮอล์ที่คุณดื่มเข้าไปนั้นมันจัดการปัญหาไม่ได้

ที่คุณบอกตัวเองว่า “ไม่ทุกข์” อีกต่อไปแล้วนั้น

เป็นเพราะคุณ “ลืมปัญหานั้น” ไปชั่วคราวเท่านั้นเอง

พอหายเมาหรือสร่างเหล้าแล้วคุณก็กลับมาทุกข์อีก

เผลอๆจะมีทุกข์เรื่องอื่นเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

 

เราจึงขอกล่าวความจริงให้คุณรู้ว่า

ภารกิจการหมุนธรรมจักรร่วมกันด้วยเมตตาธรรม

เพื่อช่วยกันค้ำจุนโลกและเอกภพนั้นเป็นงานง่าย

อย่าไปคิดว่ามันยากทั้งๆที่คุณยังไม่เคยลงมือทำ

ความชำนาญในการปฏิบัติยังไม่เคยเกิดขึ้นเลย

เด็กทุกคนกว่าจะเดินได้ก็ต้องหัดเดินกันก่อนทั้งนั้น

พวกคุณถูกคนนำทางตาบอดพาหลงทางนิพพาน

รวมทั้งปิดบังบิดเบือนเรื่องธรรมจักรเอาไว้ตลอดมา

จนเป็นคนไม่ประสีประสาจึงเสียชาติเกิดกันมานาน

งานง่ายก็จะกลายเป็นงานยากไปตามปกตินั่นแหละ

 

ภารกิจของพระบิดาที่ยากกว่า

เช่น การทำให้กาแล็กซี่ธารสายน้ำนม (Milky Way)

เหวี่ยงหมุนอย่างต่อเนื่องไปรอบๆในแนวราบ

เพื่อทำให้อนุภาคพลังงานฟุ้งกระจายตัวขึ้นมา

จนเกิดเป็นห้องทดลองขนาดใหญ่คือเอกภพขึ้นได้

เป็นงานที่ยากกว่าการหมุนธรรมจักรด้วยรักเพื่อให้

ที่พวกคุณทุกคนต้องช่วยกันรับผิดชอบเสียอีกแน่ะ

 

แค่พวกคุณต้องหาคำตอบให้ตนเองกันให้จงได้ว่า

#คุณจะดับการเกิดดับของกิเลสในจิตได้อย่างไร

#คุณจะรักคนที่ทำตัวไม่น่ารักได้อย่างไร

#คุณจะให้อภัยคนที่ทำตัวไม่น่าให้อภัยได้อย่างไร

 

เพียงแค่คุณ “นิพพานกิเลส” ได้อย่างสิ้นเชิง

คุณก็จะเข้าถึงความรักเพื่อให้อันเป็นรักบริสุทธิ์ได้

เพราะสภาวะจิตของคุณจะเกิดความสงบระงับ

ซึ่งมันจะสั่นสะเทือนเป็นคลื่นความถี่สูง

เป็นคลื่นความถี่ชนิดเดียวกันกับความรักนั่นเอง

เมื่อจิตสงบจนว่างจากกิเลสเรียบร้อยแล้ว

พลังอำนาจของจิตคือฌานก็จะสูงได้มากกว่าปกติ

ความฉลาดทางปัญญาก็คือญาณจะสูงตามไปด้วย

ความคิดอ่านของคุณจะเข้าถึงการเป็นอริยะได้

โดยที่คุณไม่ต้องประพฤติตนให้มันผิดธรรมชาติ

 

#ตัวอย่างแรก

การละทิ้งสังคมหนีเข้าป่าเข้าถ้ำอ้างว่าไปปลีกวิเวก

เพื่อหนีความทุกข์ในชีวิตและงานประจำของตน

ซึ่งทุกข์และสุขนั้นมันเกิดขึ้นที่จิตหยาบของคุณ

จะปลีกวิเวกไปที่ไหนทุกข์สุขนั้นจะติดจิตไปด้วย

เหมือนขี้โคลนหรือผงฝุ่นที่ติดรองเท้าของคุณอยู่

ถ้าหากตราบใดที่คุณยังไม่ล้างมันออกให้สะอาด

โคลนหรือฝุ่นนั้นจะยังคงติดรองเท้าคุณอยู่นั่นแหละ

 

#ตัวอย่างที่สอง

การที่ตาดีหูดีปากดีมือเท้าตั้งแต่เกิดมาก็ยังดีอยู่

แต่กลับแกล้งทำเป็นว่าอายตนะกับอวัยวะนี้พิการ

ด้วยการนั่งงอมืองอเท้าปิดอายตนะทั้งห้าเอาไว้

โดยปิดหน้าต่างแห่งการรับรู้เพื่อปิดกั้นการเรียนรู้ไว้

ไม่ต่างจากการทำตนเป็นคนบ้านนอกไม่ยอมเข้ากรุง

เป็นคนไม่เคยไปต่างประเทศที่เขาเจริญมากกว่า

จะยังผลให้ทั้งความคิดความรู้สู้คนอื่นๆเขาไม่ได้

 

กราบพระบาทพระบิดาที่ทรงเมตตา

เอเมน สาธุ

#ปัญญาวิสุทธิ์

8/04/2567