#คัมภีร์อนุตรธรรมภาคจิตจักรวาล
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
ห้องทดลองของพระเจ้าหรือพระผู้สร้าง
ที่นักวิทยาศาสตร์โลกเรียกขานกันว่า
#เอกภพ นั้น
ไม่ได้สร้างขึ้นให้ปรากฏเป็นอัตตาตัวตนรูปลักษณ์
ด้วยมวลที่ตาของพวกคุณจะเห็นเป็นแบบดวงดาวได้
แต่เอกภพนั้นทรงสร้างขึ้นด้วยมวลของพลังงาน
ซึ่งต้องทรงมีพระปรีชาญาณอันสูงส่งมาก
จึงทรงจับเอามวลพลังงานที่ตาเปล่าคุณไม่เห็น
มาปั้นแต่งให้เป็นรูปทรง
“หนำเลี้ยบ” หรือลูกรักบี้ได้
ดังนั้น
ภายในรูปทรงรักบี้หรือลูกหนำเลี้ยบที่มีขนาดใหญ่
จึงเต็มไปด้วยอนุภาคของพลังงานมากมายนับไม่ถ้วน
ซึ่งพวกคุณอาจเรียกว่า
“สนามพลังงาน” กันก็ได้
เมื่อแรกสร้างห้องทดลองที่เรียกว่า
“เอกภพ” นี้นั้น
พระองค์จะทรงสร้างสนามพลังงานขึ้นก่อนสิ่งอื่น
จึงค่อยทำให้สนามพลังงานดังกล่าวนั้น
เกิดเป็นรูปธรรมคือมีตัวตนรูปลักษณ์ปรากฏขึ้น
โดยได้ทรงกำหนดสร้างธารสายน้ำนม (Milky Way)
ให้ทำหน้าที่เป็นเส้นผ่านศูนย์กลางในแนวระนาบ
ซึ่งทุกวันนี้เรียกกันว่า #กาแล็กซี่ธารสายน้ำนม
เพราะทรงมีพระประสงค์จะให้สนามพลังงานนั้น
เกิดการฟุ้งกระจายขึ้นมาเป็นรูปธรรมแบบทรงรักบี้
จึงต้องทรงกำหนดให้ธารสายน้ำนมดังกล่าวนี้
มีการกวาดเกลี่ยไปในแนวระนาบแบบใบพัดปีกหมุน
ซึ่งต้องทรงกำหนดให้มันเหวี่ยงหมุนต่อเนื่องด้วย
ทั้งต้องทรงกำหนดให้มีจุดศูนย์กลางการเหวี่ยงหมุน
รวมทั้งวิธีการที่จะทำให้กาแล็กซี่นี้เหวี่ยงหมุนเช่นกัน
พระองค์จึงทรงกำหนดสร้างระบบสุริยะขึ้นไว้
บนเส้นผ่านศูนย์กลางที่เป็นกาแล็กซี่ธารสายน้ำนมนี้
รวมทั้งสิ้น 2 ระบบสุริยะด้วยกันโดยตั้งอยู่คนละด้าน
ปลายปีกด้านหนึ่งเป็นระบบสุริยะจักรวาลที่มีโลกอยู่
ซึ่งมีดาวเคราะห์ของระบบทั้งสิ้นรวม
9 ดวงด้วยกัน
ส่วนปลายปีกอีกด้านก็จะเป็นสุริยะจักรวาลอีกระบบ
ซึ่งมีดาวเคราะห์ของระบบทั้งสิ้นรวม
5 ดวงด้วยกัน
โดยดวงอาทิตย์ระบบนี้จะใหญ่กว่าของโลกสามเท่า
เพราะพระบิดาทรงกำหนดให้ดาวโลก
ทำหน้าที่เป็นจุดศูนย์กลางของการเหวี่ยงหมุน
ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเอกภพที่ทรงสร้างขึ้นนี้
จึงทรงกำหนดให้ดาวโลกเป็นผู้นำพาดาวอีก
8 ดวง
รวมทั้งดวงจันทร์ที่เป็นดาวเพื่อนของทั้งแปดดวงนั้น
โคจรไปรอบดวงอาทิตย์ที่เป็นศูนย์กลางของระบบ
ขณะเดียวกันพระองค์ยังทรงกำหนดให้
ระบบสุริยะจักรวาลอีกระบบบนปลายปีกด้านตรงข้าม
มีการโคจรวนรอบดวงอาทิตย์ของระบบด้วยเช่นกัน
เพื่อให้เส้นผ่านศูนย์กลางหรือกาแล็กซี่ธารสายน้ำนม
สามารถเหวี่ยงหมุนกวาดไปโดยรอบให้ต่อเนื่องได้
พระองค์จึงทรงกำหนดให้ดาวพลูโตซึ่งอยู่วงนอกสุด
เป็น #เศษส่วนของเมอริเดี้ยน ของสองระบบสุริยะ
โดยทรงกำหนดให้มีวงโคจรเป็นรูป
“อินฟินิตี้”
คือ เป็นรูปเลข 8 ในท่านอนตะแคงในแนวราบนั่นเอง
ลักษณะการโคจรของดาวพลูโตก็คือ
จะโคจรรอบดวงอาทิตย์ของระบบนี้จนครบรอบแล้ว
ก็จะย้ายไปโคจรรอบดวงอาทิตย์ของอีกระบบหนึ่ง
เมื่อโคจรครบรอบแล้วก็จะวกกลับมาโคจรในระบบเดิม
ทิศทางโคจรของดาวพลูโตจะเป็นรูปเลขแปดฝรั่งนี่เอง
เมื่อดาวพลูโตย้ายพิกัดกลับไปกลับมาทั้งสองระบบ
มันจะทำให้น้ำหนักมวลของระบบสุริยะทั้งสองผันแปร
เมื่อดาวพลูโตโคจรไปอยู่ในระบบสุริยะด้านตรงกันข้าม
เพื่อไปเติมเต็มความสมดุลด้วยการเป็นดาวดวงที่
5
จะยังผลให้น้ำหนักมวลของระบบสุริยะด้านนั้นเพิ่มขึ้น
ทำให้กาแล็กซี่ธารสายน้ำนมที่เป็นเส้นผ่านศูนย์กลาง
ทางปลายปีกด้านนั้นมีน้ำหนักมวลเพิ่มมากขึ้น
ขณะน้ำหนักมวลปลายปีกอีกด้านหนึ่งซึ่งพลูโตจากไป
ก็จะเกิดการลดลงไปจากเดิมแบบเดียวกับกระดานหก
นี่คือที่มาของการเหวี่ยงหมุนของเส้นผ่านศูนย์กลาง
หรือกาแล็กซี่ธารสายน้ำนมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนั่นเอง
แสดงให้เห็นว่า
ดาวเคราะห์โลกดวงนี้ที่พวกคุณขันอาสาพากันมาเกิด
ซึ่งเป็นดาวพี่ใหญ่ในการนำพาดาวเคราะห์ทั้ง
8 ดวง
โคจรวนไปรอบดวงอาทิตย์ในฐานะของจุดศูนย์กลาง
ของห้องทดลองคือเอกภพที่ทรงกำหนดสร้างขึ้น
กับ #ดาวพลูโต ที่เป็นดาวเคราะห์ในวงโคจรนอกสุด
ของทั้งสองระบบสุริยะซึ่งเป็นเศษส่วนของเมอริเดี้ยน
จึงเป็นดาวสำคัญที่สุดในเอกภพหรืออนันตจักรวาลนี้
ที่คุณจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้เด็ดขาด
#ความรับผิดชอบต่อดาวเคราะห์โลกของคุณก็คือ
คุณจะต้องทำหน้าที่เป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกให้ได้
นั่นคือไม่ทำร้ายโลกโดยไม่ทำให้ระบบโลกเสียสมดุล
ไม่ว่าจะเป็นมิติทางกายภาพเช่นตัดโค่นไม้ทำลายป่า
ทำให้สัตว์น้อยใหญ่ไม่มีอาหารกินไม่มีที่อยู่อาศัย
ถมทะเลแม่น้ำคูคลองให้ตื้นเขินทำให้น้ำเปลี่ยนทิศ
ระเบิดภูเขาทิ้งไปแล้วย้ายภูเขาเอามาสร้างเมืองใหม่
ขุดเจาะน้ำมันและขุดดูดเอาสินแร่ที่ต้องการนำไปใช้
ซึ่งเป็นการทำลายสมดุลโลกในมิติทางกายภาพทั้งสิ้น
รวมทั้งการเป็นเพื่อนร่วมงานกับโลกในมิติพลังงาน
พวกคุณก็จะต้องมีความรับผิดชอบร่วมกันทุกคนด้วย
จะละเลยเมินเฉยหรือทำตนเหลวไหลไม่ได้เช่นกัน
นั่นคือ #ต้องร่วมกันใช้เมตตาธรรมค้ำจุนโลก ด้วยการ
#ไม่หนีสังคมเพื่อไปปลีกวิเวกคนเดียว
#ไม่แกล้งทำเป็นอายตนะภายนอกพิการ
#ไม่เสพติดกิเลสและไม่ใช้กิเลสดำเนินชีวิต
#ไม่ต่อสู้ไม่ตอบโต้ไม่ต่อต้านไม่ก้าวล่วงกันและกัน
#ไม่ปฏิเสธที่จะหมุนธรรมจักรร่วมกันให้ได้
ตลอดเวลานับพันปีที่ผ่านมา
พวกคุณชาวโลกส่วนใหญ่ละเลย 5 อย่างนี้ตลอดมา
มันคือการไม่แสดงความรับผิดชอบกันนั่นแหละคุณ
ส่วน #ความรับผิดชอบต่อดาวพลูโต
ก็คืออย่าผลักไสดาวพลูโตว่า
เขาไม่ใช่หนึ่งในดาวเคราะห์ของระบบสุริยะของคุณ
เพียงแค่มองเห็นว่าวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ของเขา
มีความไม่สม่ำเสมอเหมือนกับดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ
จึงสรุปด้วยความโง่ง่ายจากการคิดแบบจิตมนุษย์
เพราะไม่รู้ความจริงว่าวงโคจรของดาวพลูโตดวงนี้
พระผู้สร้างกำหนดให้มันแตกต่างไปจากดาวดวงอื่น
นั่นคือมีวงโคจรเป็นรูปรอยสัญลักษณ์แบบอินฟินิตี้
โดยคำว่า Infinity แปลว่า ไม่รู้สิ้นสุด ไม่มีการยุติ
ดาวพลูโตดวงนี้
จะทำหน้าที่เป็นดาวเคราะห์ในวงโคจรรอบนอกสุด
ของทั้งสองระบบสุริยะเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวหน่วงรั้ง
ทำให้กาแล็กซี่ธารสายน้ำนมหมุนไปรอบแกนกลาง
ในทิศทางที่เป็นแนวระนาบได้อย่างต่อเนื่อง
เพื่อพัดกวาดอนุภาคพลังงานให้ฟุ้งกระจายนั่นเอง
จากนั้นพระองค์ก็ทรงกำหนดสร้าง
กาแล็กซี่ที่ใหญ่น้อยกว่าขึ้นไว้บริเวณใกล้ศูนย์กลาง
ทั้งด้านบนและล่างของธารสายน้ำนมขึ้นอีก
5 ระบบ
แสดงว่าบริเวณจุดศูนย์กลางของเอกภพที่สร้างขึ้น
จะมีจำนวนกาแล็กซี่รวมทั้งสิ้นเป็น
6 ระบบแล้ว
ซึ่งกาแล็กซี่ทั้งห้าจะมีระบบสุริยะอยู่
1 ระบบเท่ากัน
โดยมี 1 กาแล็กซี่ 1 ระบบสุริยะไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่
อีก 6 ระบบสุริยะจะมีสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ทั้งสิ้น
กาแล็กซี่ที่ระบบสุริยะมีสิ่งชีวิตดำรงอยู่ทั้ง
6 ระบบ
จะเป็นกาแล็กซี่ที่มีพิกัดอยู่ใกล้ศูนย์กลางของเอกภพ
เนื่องจากมีการเหวี่ยงหมุนรอบตัวเองอย่างต่อเนื่อง
ช้ามากกว่ากาแล็กซี่ที่ตั้งอยู่บริเวณขอบของเอกภพ
ซึ่งมีความเหมาะสมต่อการเกิดขึ้นและการดำรงอยู่
ของสิ่งมีชีวิตลักษณะมนุษย์และลักษณะอื่นมากกว่า
เพื่อให้ห้องทดลองของพระองค์
เป็นรูปทรงเรขาคณิตแบบ “รักบี้”
หรือ ลูกหนำเลี้ยบ
ซึ่งเป็นรูปธรรมทางพลังงานที่มีความสมดุลมากที่สุด
จึงทรงกำหนดสร้างกาแล็กซี่เล็กๆน้อยๆขึ้นมาอีก
รวมทั้งสิ้น 12,500 ล้านกาแล็กซี่เลยทีเดียว
โดยการทำงานของกาแล็กซี่เล็กๆน้อยๆเหล่านี้
คือช่วยพัดให้อนุภาคพลังงานภายในห้องทดลอง
สามารถฟุ้งกระจายไปทั่วห้องที่ทรงสร้างขึ้นมานี้
จนเกิดเป็นรูปทรงคล้ายรักบี้ขนาดใหญ่ได้ดังกล่าว
ดังนั้น
พวกคุณจงอย่าเข้าใจผิดคิดว่า
“เอกภพ”
ซึ่งเป็นห้องทดลองของพระเจ้าดังกล่าวนี้
มีลักษณะเป็นวัตถุมวลแข็งที่มีข้างในกลวงเด็ดขาด
แต่มันถูกพระองค์ทรงสร้างขึ้นด้วยอนุภาคพลังงาน
ที่มีขนาดเล็กจนสองตาเปล่าของคุณมองไม่เห็น
ซึ่งเลิศล้ำยิ่งกว่าการปั้นน้ำให้เป็นน้ำแข็งเสียอีกแน่ะ
กราบพระบาทพระบิดาทรงเมตตา
เอเมน สาธุ